ความคิดเห็นที่ 1 การเกริ่นอธิบายตัวละครของหนังในระยะเริ่ม ต้นทำให้เห็นว่า ตัวละครหลักของเรื่องอย่าง แคทนิส เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่มีเพียงแม่, น้องสาว และก็ตัวเธอเท่านั้น หนังเน้นอารมณ์ความผูกพันธ์ของแคทนิสและน้องสาวออกมาได้ดี โดยเฉพาะฉากวันเก็บเกี่ยว หลังจากที่พริมน้องสาวของเธอถูกขานชื่อ เธอรู้สึกช็อคมากและตัดสินใจอย่างฉับพลันทันทีด้วยการพูดว่า I volunteer! I volunteer as a tribute! จากคำพูดที่ได้ฟังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่สีหน้าและการแสดงออกของตัวละคร สร้างความรู้สึกทึ่งและประทับใจมากๆ ใครกันที่จะเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อคนอื่น ในฉากนี้นักแสดงสาวอย่างเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์แสดงสีหน้าและอารมณ์ได้ดีจริงๆ ขอชื่นชมในความสามารถของเธอ หลังจากที่เธออาสาเข้าแข่งขันเกมแห่งชีวิต นี้แล้ว อีกฉากที่เน้นอารมณ์ไม่แพ้กันก็คือ ฉากการร่ำลาระหว่างเธอกับคนรักของเธอ อันได้แก่ พริม, แม่, และเกล หนังทำได้ดีตรงที่ไม่ใช้เวลาในการร่ำลาให้นานนัก โดยตัดรวบรัดอย่างรวดเร็วจากการปิดประตูไล่ ซึ่งเป็นการบีบอารมณ์ให้รู้สึกว่า ความสุขของเธอช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นเสียจริงๆ และเธอต้องกอบโกยความสุขทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆนี้ และหลังจากนั้นก็เป็นการเตรียมตัวเพื่อ เข้าแข่งขันเกมล่าชีวิต ซึ่งก็กล่าวไปอย่างปกติ ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป โดยกล่าวถึงตัวละครอื่นๆเพิ่มเติม และบรรยากาศโดยรอบตั้งแต่เขตปกครองที่ 12 ไปจนถึงแคปปิตอล ช่วงเวลานี้ตัวละครของหนังกำลังตั้งสติกับความรู้สึกที่ต้องพลัดพรากจากคน รัก และเดินหน้าเข้าสู่ความตายที่รออยู่ ฉากความยิ่งใหญ่ของเมืองแคปปิตอล แสดงให้เห็นความเจริญของเมืองๆหนึ่งที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ ความยากลำบาก และความทุกข์ทรมานของคนอีกหลายคน ที่ต้องทำงานส่งข้าวส่งน้ำ ส่งผลประโยชน์เพื่อให้เหล่าเศรษฐีคนร่ำรวยอยู่กันได้อย่างสุขสบาย เปรียบเทียบกับความจริงในปัจจุบัน สิ่งที่พบเห็นในหนังก็ไม่ต่างอะไรจากความจริงมากนัก โลกปัจจุบันของเราก็ยังมีการแบ่งชนชั้นอย่างหยาบๆอยู่เสมอ แม้มันจะไม่เห็นได้อย่างเด่นชัดนัก แต่มันคงไม่จางหายไปได้อย่างแน่นอน ก่อนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตายของเกมล่า ชีวิต ก็จะเป็นการเตรียมตัวของเครื่องบรรณาการแต่ละคน ที่จะต้องขัดสีฉวีวรรณ เพื่อดึงดูดใจเหล่าสปอนเซอร์มาให้การสนับสนุน นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชี้ให้เห็นว่า ความรู้สึกของสังคมก็ยังคงวัดกันด้วยความสวยงามของเครื่องแต่งกาย ความผุดผ่องของพิวพรรณ และการชิงดีชิงเด่นเพื่อให้เป็นจุดสนใจ โดยมองข้ามความงามจากภายใน ความดีของแต่ละบุคคลที่ดูไม่ออกเพียงแค่มองด้วยสายตา หลังจากขัดผิวพรรณให้ผุดผ่องจนพอใจก็ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและเตรียมปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณะชน เรียกร้องความสนใจเพื่อให้มีการสนับสนุนระหว่างการแข่งขัน แต่ละคนก็งัดการเปิดตัวในแบบเป็นที่จดจำ สำหรับแคทนิสและพีต้า เครื่องบรรณาการจากเขตปกครองที่ 12 ก็ปรากฎกายด้วยเครื่องแต่งกายที่มีเปลวไฟเป็นแบ๊คกราวด์ ขอบอกว่าฉากนี้ดูสวยงามในระดับหนึ่ง แม้จะไม่ตื่นเต้นกับเปลวไฟเท่าไร แต่ด้วยการวางปูมหลังของตัวละครที่อาศัยอยู่ในดินแดนทุรกันดานและยากจน เมื่อมาเผยโฉมในเมืองของเหล่าไฮโซด้วยความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใครแบบนี้ ก็รู้สึกภูมิใจเล็กๆ และเป็นดั่งกระบอกเสียงให้พวกคนรวยเห็นว่า คนจนก็มีโอกาสได้รับความชื่นชมไม่แพ้กัน ในส่วนของฉากการสัมภาษณ์เครื่องบรรณาการแต่ละคน ที่เด่นจริงๆจะเป็นช่วงการสัมภาษณ์ของแคทนิส เพราะนักแสดงสาวเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์สามารถ ควบคุมโทนเรื่องได้อยู่หมัดอีกครั้ง เกือบทุกฉากทุกตอนเธอไม่ปล่อยให้อารมณ์คนดูหลุดไปจากกรอบที่วางไว้เลย นอกจากนั้นเรายังได้เห็นฉากการหมุนตัวของตัวละครแคทนิส ที่สร้างเปลวเพลิงจากการพลิ้วไหวของกระโปรงได้อย่างสวยงาม ถึงแม้มันจะเป็นเพียงเทคนิคพิเศษเล็กๆ แต่เมื่อได้เห็นก็รู้สึกทึ่งเช่นกัน ต่อจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งการฝึกซ้อม ทุกคนจากแต่ละเขตก็เริ่มจะมีการเขม่นกันเกิดขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะพวกที่มาจากเขตที่ร่ำรวย อันได้แก่เหล่ามืออาชีพจากเขต 1, 2 และ 4 เหมือนกับสังคมในปัจจุบันคนรวยและจนก็จะอยู่ในที่ของตัวเอง ทั้งๆที่ความเป็นคนก็มีเหมือนกัน ทำไมต้องใช้ของนอกกายมาเป็นตัววัดความแตกต่างก็ไม่รู้ สำหรับในฉากการฝึกซ้อม สิ่งที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็คือฉากเรียกคะแนนของ แคทนิส ที่การยิงธนูของเธอในครั้งแรกกลับพลาดเป้าไป แต่ก็มาแก้มือได้ในครั้งที่ 2 จะเห็นได้ว่าคนมีอันจะกินจะให้โอกาสคนที่ต่ำต้อยกว่าเพียงแค่ครั้งเดียว พร้อมกับหัวเราะชอบใจเมื่อยังไงก็ตามคนจนก็ไม่มีวันเทียบชั้นได้กับคนรวย อย่างพวกเขา นั่นทำให้ลูกธนูของแคทนิสที่ปักอยู่กลางเป้าในการยิงครั้งที่ 2 จึงไม่มีใครสนใจที่จะหันมามองแม้เพียงเสี้ยววินาที จนเธอต้องเรียกร้องความสนใจด้วยการยิงธนูไปปักกลางผลแอปเปิ้ลที่วางอยู่ใน ปากหมูหัน ทำให้คนรวยเหล่านั้นตกใจกับสิ่งที่เห็นทันที นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า ถ้ามีคนรวย 1 คนกับคนจน 1 คนแข่งขันอะไรกันอยู่ก็ตาม คนจนคนนั้นจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพื่อจะให้ทัดเทียมกับคนรวยที่แข่งขันด้วยกัน การพบเจอกับตัวละครซินน่าผู้ที่เป็นดีไซน์ เนอร์ประจำเขตปกครองที่ 12 ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า แม้สังคมคนรวยจะใช้ชีวิตกันอย่างฟุ่มเฟือย มีความคิดที่ถือตนเป็นจุดศูนย์กลางของโลก แต่ในสังคมแบบนี้ก็ยังมีเพชรที่ฝังลึกอยู่ในผืนดิน รอวันสะท้อนแสงให้คนทั่วไปได้เห็น ซินน่าเปรียบได้กับเพชรเม็ดที่กล่าวถึง แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ท่ามกลางแสงสี แต่แสงสีเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ความคิดของเขาเป็นเหมือนกับพวกวัตถุนิยมพวก นั้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ซินน่ากลับเลือกที่จะทำงานร่วมกับเขตปกครองที่ 12 เขตที่อยู่ห่างไกลและทุรกันดาน เขตที่มีแต่คนมองข้าม สาเหตุก็คงมาจากเขาคงอยากเติมเต็มความรู้สึกอีกด้านที่ยังไม่เคยพบเจอ ความรู้สึกของคนที่มีความหวังเป็นดั่งแสงนำทาง จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 20:55:50

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อเกมการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ก็ถึงเวลาที่ตัวละครแต่ละตัวต้องมาห้ำหั่นเอง หนังไม่ได้เน้นภาพการตายอย่างเด่นชัดนัก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว เพราะจะมีซักกี่คนกันที่เห็นความสูญเสียเป็นความบันเทิงผ่านจอ ในเมื่อการต่อสู้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่หนัง (และหนังสือ) อยากจะบอก แล้วประเด็นอะไรล่ะที่หนังต้องการสื่อ คำตอบก็คือ เรื่องราวของ The Hunger Games ต้องการจะสื่อถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร และให้สังคมมองเห็นว่าการห้ำหั่นกันไม่ได้นำมาซึ่งความสุข ไม่ได้จบลงด้วยความประทับใจ แต่มันจะสิ้นสุดลงด้วยความสูญเสีย หยดน้ำตา และความสะเทือนใจ ผู้เขียนหนังสือชุดนี้อย่างซูซาน คอลลินส์ ที่ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย เล่าเรื่องราวของสังคม ความขัดแย้ง ประเด็นการเมืองและสงคราม ได้อย่างมีมิติและสื่อออกมาให้เข้าใจได้ง่าย ประเด็นต่างๆแฝงเอาไว้ในหนังสือ (และในหนัง) ได้อย่างแยบยล จนบางครั้งก็นึกไม่ออกว่า เธอต้องการจะสื่ออย่างนั้นจริงหรือเปล่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละบุคคลอยู่ดี ฉากความสูญเสียที่น่าจะเรียกน้ำตาผู้ชม หลายคน คือฉากที่ริว เด็กน้อยอายุ 12 จากเขตปกครองที่ 11 ติดกับในตาข่าย และแคทนิสก็เข้าไปช่วยไว้ หลังจากนั้นไม่นาน มาร์เวล หนึ่งในพวกมืออาชีพจากเขตปกครองที่ 1 ก็พุ่งหอกอันแหลมคมเข้ามาหาแคทนิส แต่เธอหลบได้ทัน และยิงธนูปลิดชีวิตมาร์เวลอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มาร์เวลสิ้นใจแล้ว แคทนิสหันกลับมาหาริวก็พบกับหอกที่ปักอยู่กลางอกของเธอ นั่นเป็นวินาทีสุดท้ายของเด็กสาวตัวเล็กๆอย่างริว ที่ไม่คิดจะทำร้ายใครแม้เพียงในความคิดก็ตาม หนังให้ความสำคัญกับฉากการตายของริวพอ สมควร ด้วยการที่ตัวละครแคทนิสบรรจงเรียงดอกไม้เพื่อเป็นเกียรติแก่การจากไปของริว หลังจากนั้นเธอก็เดินจากไป เพื่อให้ริวนอนหลับอย่างสงบท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร แคทนิสเดินจากไปและหันหลังกลับเพื่อมองกล้องพร้อมกับนำนิ้ว 3 นิ้วแตะริมฝีปากและชูขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความขอบคุณ ชื่นชม และร่ำราคนที่รักด้วยหัวใจ พร้อมกับประชาชนในเขตปกครองที่ 11 ที่ยื่น 3 นิ้วตอบรับเธอผ่านจอทีวี เป็นฉากเศร้าฉากหนึ่งที่หนังทำออกมาได้ดี หลังการต่อสู้ที่กินระยะเวลายาวนานหลายวัน เครื่องบรรณาการทั้งหลายก็เริ่มที่จะหายหน้าหายตากันไป ฝ่ายผู้เฝ้าชมการแข่งขันก็มีความรู้สึกแตกต่างกันไป รวมทั้งเฮย์มิตช์ที่เริ่มเป็นห่วงแคทนิส เกรงว่าเธอจะโดนปลิดชีพ จึงดั้นด้นไปหาเกมเมกเกอร์เพื่อขอให้มีการแก้ไขกติกาเพิ่มเติม ทำให้เกมเมกเกอร์ต้องไปปรึกษากับประธานาธิบดีสโนว์เพื่อขอความเห็น ในฉากการสนทนาระหว่างเซเนก้า เครน (หัวหน้าเกมเมกเกอร์) กับประธานาธิบดีสโนว์ เราจะเห็นความต่ำของสโนว์จากบทสนทนาที่กล่าวออกมาว่าเขตปกครองที่อยู่ห่าง ไกลอย่างเขต 10-12 เป็นเขตของคนชั้นต่ำ พร้อมกับบอกเซเนก้าว่า “ถ้าคุณเคยไปพบกับคนในเขตเหล่านั้น คุณจะคิดเหมือนผม คนพวกนั้นมีแต่คนชั้นต่ำ” สโนว์ช่างเป็นคนที่จิตใจคับแคบ ตัดสินคนเพียงแค่ของนอกกาย แม้สโนว์จะร่ำรวยและมีชีวิตอย่างเลิศหรู แต่จิตใจกลับตกต่ำดิ่งลงเหวและไร้คุณค่ายิ่งนัก แต่สิ่งที่เซเนก้าเลือกก็ไม่ใช่อย่างที่ สโนว์คาดเอาไว้เหมือนกัน เพราะเขาก็ให้โอกาสแก่แคทนิสและพีต้า ด้วยการประกาศกติกาเพิ่มเติม นั่นคือผู้ชนะจะมี 2 คนได้ก็ต่อเมื่อมาจากเขตปกครองเดียวกัน แต่เซเนก้าก็ต้องพบจุดจบของตัวเองเหมือนกันในตอนท้ายของเรื่อง โดยคำสั่งของสโนว์นั่นเอง ตั้งแต่เริ่มแรกหนังให้อารมณ์ความเศร้า ความตื่นตระหนกมาตลอด หลังจากที่มีการเพิ่มเติมกติกาเข้ามา อารมณ์ความรัก ความห่วงใยก็ถูกเพิ่มเข้ามาด้วย จากตัวละครหลังอย่างแคทนิสกับพีต้านั่นเอง ซึ่งเป็นความรักที่น่ารักดี แม้อาจจะเป็นแค่ความรักเพียงชั่วคราว เพราะหลังจากนั้นก็คงจะลืมๆกันไป แต่ความสุขในระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังดีกว่าไม่มีสิ่งดีใดๆเกิดขึ้นเลย ในฉากจบของเรื่องที่เหลือเครื่องบรรณาการ เพียง 2 คน ระหว่างแคทนิสและพีต้า นึกอยู่แล้วว่าจะต้องมีการพลิกล็อคเปลี่ยนกติกาให้ทั้ง 2 ฆ่ากันเอง และก็จะต้องมีการเกี่ยงกันว่าจะขอตายแทน หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจจะตายพร้อมกัน เกมเมกเกอร์ก็ประกาศผู้ชนะทั้ง 2 คนทันที นั่นหมายความว่าการแข่งขัน The Hunger Games ครั้งที่ 74 มีผู้ชนะ 2 คนเป็นครั้งแรก สำหรับฉากนี้ไม่ค่อยสะเทือนอารมณ์มากนัก มีสะเทือนนิดๆตอนที่กล้องจับหน้าของสาวเจนนิเฟอร์หลังจากประกาศว่าต้องฆ่า กันเพื่อเหลือผู้ชนะคนเดียว แต่จากนั้นก็เฉยๆ จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 20:57:22

ความคิดเห็นที่ 3 จุดเด่นของหนัง The Hunger Games ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ ฉากรบราฆ่าฟันอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้น แต่เป็นฉากอารมณ์ทั้งหลายที่นักแสดงทำหน้าที่ได้อย่างดี โดยเฉพาะสาวเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ตัว นำของเรื่อง แต่ละฉากแต่ละตอนเธอฉุดอารมณ์คนดูได้อยู่หมัดจริงๆ ด้วยสีหน้าแสดงความโศกเศร้า ความเจ็บปวด ความดีใจ หรืออารมณ์อื่นๆ ที่ทำให้คนดูเกิดอารมณ์คล้อยตามอย่างที่เธออยากให้เป็น นับว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่น่าจดจำ ในส่วนของนักแสดงคนอื่นๆ สแตนลีย์ ทุคชี่ ในบทซีซาร์ ฟลิคเกอร์แมน พิธีกรสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันตอนเริ่มต้นเกม ก็ทำให้ทึ่งได้เหมือนกัน จำไม่ได้เลยว่าใครกันที่เล่นบทนี้ ทั้งๆที่เพียงแค่สวมวิกและเปลี่ยนลักษณะการวางตัว ก็ทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นอีกคนไปได้ สำหรับจอช ฮัทเชอร์สัน กับบทนำเช่นกัน ฉากที่ดูดีที่สุดน่าจะเป็นฉากร้องไห้ในรถขณะถูกพาตัวไปขึ้นรถไฟ ที่เขาร้องไห้ออกมาในขณะที่อารมณ์ของหนังกำลังเศร้าอยู่พอดี ก็ไม่ได้ใช้ฝีมืออะไรมากสำหรับฉากนี้ แต่อารมณ์มันเข้ากันพอดี ส่วนฉากอื่นๆที่เหลือในหนัง จอชยังแสดงได้ไม่เด่นพอเมื่อเทียบกับเจนนิเฟอร์ สาเหตุหลักก็มาจากบทพีต้าของเขามีมิติความลึกที่น้อยกว่าบทแคทนิสของเจนนิ เฟอร์ ทางด้านของวู้ดดี้ ฮาร์เรลสันกับ บทเฮย์มิตช์ อเบอร์นาธี หนุ่มใหญ่ขี้เหล้าและที่ปรึกษาของแคทนิสและพีต้า ในส่วนของการติดเหล้าก็ดูเหมาะสมกับเขาเมื่อดูจากผลงานก่อนๆที่ผ่านมา แต่วู้ดดี้ก็แสดงอารมณ์ออกมาทางแววตาในหลายๆฉาก ก็เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ร่วมสร้างอารมณ์ให้กับหนัง สำหรับเลนนี่ คราวิทซ์กับ บทซินน่า แม้จะออกมาเพียงไม่กี่ฉาก แต่ก็นำความอบอุ่นมาให้กับตัวละครนี้ จุดเด่นของซินน่าที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเปลือกตาด้านบนทั้งสองข้างทาสีทอง ดูเหมาะกับเลนนี่มากทีเดียว และตัวละครสุดท้ายที่จะกล่าวถึงก็คือ เอฟฟี่ย์ ทริงเกต กับการแสดงของสาวอลิซาเบธ แบงค์ส ที่ดูดีเช่นเดียวกัน เธอมอบอารมณ์ของตัวละครที่เติบโตในแคปปิตอล แต่ก็ไม่ได้รังเกียจแคทนิสหรือพีต้าแต่ประการใด ตัวละครตัวนี้ทำให้เกิดความรู้สึกก้ำกึ่งว่าจะชอบหรือจะเกลียดดี สำหรับผมแล้วผมชอบตัวละครตัวนี้นะ เพราะทุกสิ่งที่เธอทำล้วนทำไปตามหน้าที่ ใครทำดีต่อเธอ เธอก็ดีตอบจนน่าแปลกใจ ส่วนใครทำไม่ดี ก็จะได้รับการบ่นด้วยคำว่า “นิสัย!” ดูไปก็น่ารักดีเหมือนกัน สำหรับนักแสดงที่รับบทเครื่องบรรณาการ ที่โดดเด่นก็จะเป็นพวกมืออาชีพ ไล่ไปตั้งแต่ คาโต้ รับบทโดย อเล็กซานเดอร์ ลุดวิค หนุ่มคนนี้จำหน้าแทบไม่ได้ว่าเคยเล่นหนัง Race to Witch Mountain มาก่อน, โคลฟ รับบทโดย อิซาเบล เฟอร์แมน รายนี้สีหน้าเหี้ยมโหดเป็นเอกลักษณ์เด่น เด่นตั้งแต่เล่นเป็นเด็กนรกใน Orphan แล้ว และนอกเหนือจากพวกมืออาชีพ ดาราเด็กที่รับบท ริว อย่าง อแมนด์ล่า สเต็นเบิร์ก ก็เคยเห็นหน้ามาก่อนจาก Colombiana, เลียม เฮล์มเวิร์ธ น้องชายของคริส เฮล์มเวิร์ธ รายนี้ก็เคยแสดงนำกับแฟนสาวในชีวิตจริงอย่างไมลีย์ ไซรัสในหนัง The Last Song รวมทั้งบทเล็กๆใน Knowing, เวส เบนท์ลีย์ กับบทเซเนก้า เครน รายนี้จำได้ติดตาจากหนังสยอง P2 และสุดท้ายดารานักแสดงรุ่นใหญ่อย่างโดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์ กับบทประธานาธิดีสโนว์ นักแสดงเหล่านี้ต่างเป็นบทสมทบด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีฉากเด็ดๆให้แสดงฝีมือมากนัก อีกหนึ่งจุดเด่นของหนังก็คือ การทำให้คนดูรู้สึกอย่างที่ตัวละครรู้สึก เช่น ฉากสัมภาษณ์ก่อนเริ่มเกม ที่แคทนิสเดินขึ้นเวทีพร้อมอารมณ์หูอื้อไปชั่วขณะ หนังก็ทำเสียงรอบข้างให้เบาลง เหมือนว่าคนดูกำลังหูอื้อตามไปด้วย, ฉากที่แคทนิสโดนตัวต่อแทร็คเกอร์ แจ็คเกอร์ต่อยเพื่อไล่เหล่ามืออาชีพให้หนีไป เธอเกิดอาการประสาทหลอน เดินโซซัดโซเซ ในฉากนี้หนังก็ทำภาพเหมือนแผ่นฟิมส์ตกร่อง ภาพตะกุกตะกัก ติดเป็นพักๆ ทำมุมกล้องให้มัวๆเอียงๆ พร้อมใส่เสียงประกอบวิ้งๆ เพื่อให้คนดูรู้สึกประสาทหลอนตามไปด้วย นี่เป็นก็เป็นวิธีหนึ่งที่หนังทำให้คนดูเกิดอารมณ์ร่วม จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:00:09

ความคิดเห็นที่ 4 จุดด้อยของ The Hunger Games เมื่อกล่าวถึงจุดเด่นไปแล้ว จะไม่กล่าวถึงจุดด้อยได้อย่างไร เพราะทุกสิ่งก็ต้องมี 2 ด้านเสมอ สำหรับ The Hunger Games เวอร์ชั่นภาพยนตร์ จะดูสนุกในตอนต้นของเรื่องไปจนถึงช่วงเวลาก่อนเริ่มเกม แต่หลังจากเกมเริ่มต้นขึ้น หนังออกจะเนือยๆไปซักนิด และไม่รู้ว่าจะกล่าวถึงอะไร ดูเหมือนไม่มีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด แต่หนังก็พยายามใส่ความตื่นเต้นเข้ามาประปราย ซึ่งก็พอจะทำให้สนุกได้เป็นพักๆ อารมณ์ความสนุกในการแข่งขันก็ดูไม่ค่อย ลุ้นเท่าไร มีแต่การหลบหนีกันไปมา คนดูไม่ลุ้นไปกับตัวละครใดๆ และนึกออกตั้งแต่เริ่มเกมว่า ยังไงแคทนิสก็จะต้องชนะการแข่งขัน แม้ว่าจะต้องเจออุปสรรคมากมาย ส่วนในฉากจบที่แคทนิสกับพีต้าจะปลิดชีวิตด้วยการกินผลเบอร์รี่พิษ และเกมเมกเกอร์ก็สั่งให้หยุดกิน พร้อมกับประกาศชัยชนะทันที ฉากนี้ก็ไม่ลุ้นเท่าไร อารมณ์ยังไม่ถึงอย่างที่คาดไว้ มุมกล้องบางตอนในหนังทำให้มึนหัวมากกว่า หนังมุมกล้องของตัวละครบางเรื่อง เช่นในฉากเข้าป่าของแคทนิสตอนต้นเรื่อง และฉากวันเก็บเกี่ยวที่เด็กๆเดินเข้าลานเพื่อรอฟังผล ดูไปก็มึนหัวไป ทำไมมันมึนหัวกว่าหนังอย่าง Chronicle นะ บทสรุปสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ ผมขอแนะนำให้ไปพิสูจน์ The Hunger Games กันเองในโรงภาพยนต์ หนังให้ข้อคิดกลับมาเยอะพอสมควร และดำเนินเรื่องด้วยอารมณ์เศร้าเป็นประเด็นหลัก สำหรับใครที่ดูหนังไม่ใช่เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม แต่ถ้าต้องการมาดูเพื่อความสนุก ตื่นเต้น หรือสะใจแล้วล่ะก็ The Hunger Games อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่คุณต้องการก็ได้ สำหรับหนังเรื่องนี้ผมพิจารณาให้ “ผ่าน” แบบไม่ลังเลครับ เรื่องนี้ผมให้เกรด B+ ---------------------------------------------------------------------------------- Mck's Movie จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:02:33

ความคิดเห็นที่ 5 ขอเห็นต่างนิดนึง เราว่า Josh แสดงได้ดีเลยนะ มีบทพูดไม่เยอะมาก แต่สื่อให้เห็นตัวตนของพีต้าได้ดีว่าเป็นคนขี้เล่น ตลกๆ ออกจะดูอ่อนแอถ้าเทียบกับนางเอก เป็นคนหวานๆ (ในหนังสือจะมีอธิบายเยอะกว่านี้๗ จากตอนแรกเซ็งมากที่คนนี้เป็นพีต้า ตอนนี้กลับชอบ ขอบคุณสำหรับรีวิวหนังค่ะ เห็นด้วยว่ามุมกล้องมึนจริงๆ ปล. เด็กผีนรกนี้เล่นได้หลอนจริงๆ มาหลอกหลอนไม่เลิกตั้งแต่ Orphan และ จากคุณ : HelloYelloFellow เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:15:33

ความคิดเห็นที่ 6 ดูมาแล้วเหมือนกันค่ะ แต่อธิบายยาว ๆ ไม่เก่ง ขอบอกสั้น ๆ ว่าชอบค่ะ ชอบมากกว่าทไวไลท์อีก หวังว่าจะได้ดูภาคต่อไปเร็ว ๆ นะ อยากรู้ว่าเกลจะเข้ามามีบทบาทอย่างไรต่อไป ใจแอบเชียร์เกลมากกว่าพีต้าน่ะค่ะ (ความชอบส่วนตัว) จากคุณ : ปกีรณัม เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:30:29

ความคิดเห็นที่ 7 อยากให้แต้มกระทู้นี้ แต่เนื่องจากล้างผลาญกะกระทู้ Hunger Games จนหมดตั้งแต่กลางเดือนแล้ว เลยขอติดไว้เดือนหน้า นาคร้าบบบบ *ขอเถียงเรื่องกล้องมึนหัวหน่อยดีกว่า ผมดู Chronicle ได้ห้านาทีก็เดินออกจากโรงแล้ว พะอืดพะอมจะอ้วกครับ แต่ The Hunger Games ผมดูไปสี่รอบแล้ว ไม่รู้สึกว่าผิดปกติเลย แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 55 21:46:33 จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:35:39

ความคิดเห็นที่ 8 #5 คุณ HelloYelloFellow ตามที่คุณบอกเลยครับ จอชเล่นได้ดีกว่าเรื่องก่อนๆเยอะทีเดียว แต่ผมดูหนังแล้วมองแต่นางเอก เลยชมนางเอกมากว่า อิอิ.. #6 คุณ ปกีรณัม ผมชอบกว่าหนัง Twilight เยอะมากเลยครับ ผมได้ดูแค่ภาค 1-3 เอง ภาค 4.1 ยังไม่ได้ดูเลย เพราะไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันจะเดิมๆหรือเปล่า เลือกไปเลือกมา จะคนนู้นคนนี้ ส่วนเรื่องนี้หนังสือก็ไม่เคยอ่านนะ พอดูหนังแล้วอยากซื้อหนังสือมาอ่านบ้าง รอเงินเดือนออกก่อน #7 คุณ Mmmm ผมคิดว่าผมยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ ผมยังวิจารณ์หนังไม่แตกฉานเท่าไร บางครั้งก็เขียนวนไปวนมา อ่านแล้วก็งง หรือไม่ก็ใช้คำเชื่อมแปลกๆ อ่านแล้วไม่ต่อเนื่อง ถ้าใครอ่านแล้วงง ก็ไม่แปลกเท่าไรหรอก แต่ถ้าอ่านรู้เรื่อง คุณโชคดีแล้วล่ะ / สำหรับเรื่องมุมกล้องใน Chronicle ผมกลับไม่ค่อยมึนนะครับ เห็นต่างกันนิดนึง แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 55 23:55:42 จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:46:01

ความคิดเห็นที่ 9 น้ำตาซึมหลายช่วงเหมือนกันครับ คนข้างๆสะอึกกันหลายคนเลย อิอิ จากคุณ : MaMa,PaPi เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:47:33

ความคิดเห็นที่ 10 กล้องสั่น มึนๆ ฉับๆ เป็นเทคนิค ลดความรุนแรงเพื่อเรตหนัง และความรู้สึกของแคทนิส ได้ดีทีเดียว เช่นฉากเปิดตัวเกมส์ แคทนิส อารมณ์จะหยิบไม่หยิบดี สายตาของแคทนิสกวาดมั่วไปหมด เพราะว่างง ว่าอะไรกัน พวกที่เข้าไปโดนมืออาชีพฆ่าตายหมด กล้องส่ายไปส่ายมา เพราะสถานการณ์จริง แคทนิสก็ส่ายหน้าไปมา ดูคนตาย ก่อนที่กล้องจะนิ่งแล้วโฟกัส ที่กระเป๋าสัมภาระ ที่ไกลจากมืออาชีพมากที่สุด หลังจากนั้นกล้อง ก็วิ่ง ตามแคทนินส เก็บกระเป๋าแล้วโกยโลด แล้วกล้องก็นิ่งเพราะ แคทนิสตั้งสติได้ พอมีคนจุดไฟในป่าแล้วตาย กล้องไม่สั่น ไม่ส่าย เพราะแคทนิสไม่งง ไม่สับสน กลับส่ายหน้าว่า "ไม่น่าเลย" ประมาณนี้ ตอน Clove ตาย ตอนนั้นแคทนิส ล้ม หัวเลือดอาบ มึนๆ มองอะไรไม่ชัดอยู่แล้ว สังเกตุว่ากล้องจะนอน เมื่อกับว่า ตอนนอนแคทนิสนอนอยู่ แล้วพยายามลุกขึ้น หันมาอีกที Clove ตายละ เพราะตอนนั้นแคทนิส มัวแต่ตั้งหลัก จึงไม่ได้มองเห็นการตายของ Clove มุมลก้องทุกมุม มาจากสายตานางเอกหมด เหมือนกับเรากำลังเป็นแคทนิส ตอนหมุนตัวโชว์ชุดไฟ ที่งานสัมภาษณ์ กล้องก็หมุนตาม ตอนงานเก็บเกี่ยว กล้องยิ่งสั่น หมุน เหมือนกับคนที่กำลังหัวใจสลาย วิ๊งๆๆๆ ทำอะไรไม่ถูก จากคุณ : ZenTriO เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 21:56:14

ความคิดเห็นที่ 11 ในที่สุดก็มีรีวิวเต็มสตรีมมาสักทีนะครับ อ่านแล้วเห็นด้วยในหลายประการเลยเหมือกัน เมื่อวานครึ้มอกครึ้มใจ เอา Catching Fire มาปัดฝุ่นใหม่ เพราะว่าลืมเนื้อหาบางในรายละเอียดบางอย่างไปแล้ว ปรากฏว่าติดไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้กำลังจะจบละ (นี่ขนาดรอบสองนะเนี่ย ฮ่าๆๆ ยังสนุกเหมือนเดิมเลย) ภาคแรกจบแล้ว ตอนนี้ผมรอลุ้นภาคสองอย่างเดียวเลยครับ ว่าอารมณ์กดดันยิ่งกว่าภาคแรกที่เกิดขึ้นในภาคสอง ในหนังจะสื่อออกมาได้มากแค่ไหน (ภาคสองนี่ เนื้อหาเป็นไงบอกไม่ได้ แต่คนเขียนสามารถทำให้มันกดดันยิ่งกว่าภาคแรกได้ด้วยมุกคาดไหมถึงนะครับ เตรียมรับมือกันเอาไว้) จากคุณ : Aekio เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 22:10:13

ความคิดเห็นที่ 12 #7 คุณ Mmmm เรื่องกล้องมึนหัวนี่ เป็นจุดเล็กมากในหนังนะครับ แค่ 2 ฉากอย่างที่กล่าวไว้ #9 คุณ MaMa,PaPi ใช่เลย ดูรอบแรกผมน้ำตาซึมนะครับ พอไปดูอีกรอบน้ำตาไหลเลยอ่ะ # 10 คุณ ZenTriO ใช่ครับ ผมก็คิดอย่างคุณเช่นกัน หนังทำมุมกล้องให้เหมือนว่ามาจากมุมมองนางเอก อย่างที่ผมบอกไปในรีวิว หลายๆฉากจะได้อารมณ์ตามนั้นจริงๆ เช่น หูอื้อ ประสาทหลอน และอื่นๆ ส่วนเรื่องมึนกล้องจะไม่ได้มาจากฉากเหล่านี้นะ #11 คุณ Aekio อยากอ่านเล่ม 2 บ้างอ่ะ จะได้รู้เรื่องราวว่าดำเนินต่อไปอย่างไร เห็นว่าเป็นครั้งที่ 75 เพิ่มคนเล่นเป็น 2 เท่าอะไรเนี่ยแหละ เดี๋ยวผมจะไปซื้อมาอ่านบ้าง ซื้อแบบภาษาอังกฤษ คำศัพท์ไม่ยากใช่ป่ะครับ? จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 22:38:09

ความคิดเห็นที่ 13 อยากดูภาค 2 ต่อแล้วอ่ะ หลังจากดูจบแล้ว นับได้ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เราเิกิดอารมณ์อยากติดตามต่อมากๆ เลยทีเดียว ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ นะคะ ปล. เพิ่งรู้ว่าที่ภาพไม่ชัดตอนต่อสู้กันเพื่อให้ภาพออกมาไม่โหดร้ายเกินไป หรือว่า เพราะหนังต้องการสื่อถึงอารมณ์ ความรู้สึก และในสายตาของนางเอก จากคุณ : RedSakura เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 22:48:25

ความคิดเห็นที่ 14 ผมดูแค่ไม่ถึง 10 นาทีแรก ก็มึนหัวจนอยากอ้วกแล้ว...ก็เลยดูบ้าง พอมึนมาก ๆ ก็หันไปดูคนดูบ้าง สักพักก็หาย  ช่วงแรกจะแรงกว่าช่วงกลางเรื่อง เพราะเรายังไม่ได้ตั้งตัวว่าจะเจอการถ่ายแบบนี้ ขอบคุณครับที่รีวิวให้ได้เข้าใจอะไรบางอย่างได้ดีขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 55 22:51:43 จากคุณ : ผมแดงครับ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 22:49:45

ความคิดเห็นที่ 15 แต่มุมกล้องมันมึนจริงๆ นะ  ตอนต้นเรื่องมันดูสั่นๆ ไปหมดเลย จากคุณ : 6002theTIMEOUT เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 22:56:46

ความคิดเห็นที่ 16 คห 12 คุณ Mckario มันเป็นปีที่ The Hunger Games จะมีกฏพิเศษเพิ่มขึ้นมาครับ โดยจะจัดทุกๆ 25 ปี เพื่อให้เหล่า District น้อยใหญ่ได้รำลึกถึงผลของการกบฎครับ โดยจะมีชื่อเรียกว่า Quarter Quell ครับ กฏของมันจะเปลี่ยนไปทุก 25 ปี ส่วนในปีที่ 75 ซึ่งจะตรงกับ Quater Quell ครั้งที่ 3 นั้น จะเป็นอย่างไรลองหาอ่านดูได้เลยครับ ภาษาไม่ยาก ระวังอย่างเดียวเป็นพอ สนุกจนลืมเวลานอน ฮ่าๆๆ จากคุณ : Aekio เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 23:02:37

ความคิดเห็นที่ 17 คนเล่นพีต้าแสดงดีมากนะครับ บทนี้ถ้าไม่ใช่ธรรมชาติของตัวเองแสดงยากมาก แสงแห่งความหวัง ตัวตนที่ไม่มีวันเปลี่ยน กับความจริงใจที่ไม่มีวันสั่นคลอน ทั้งๆ เรื่องบอกเลยว่าถ้าไม่มีพีต้าคนนี้เล่นเข้าคู่กับแคทนิส ไม่มีทางออกมาดีแบบนี้แน่ครับ เคมีลงตัวมาก รวมถึงเกลด้วย จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 23:31:01

ความคิดเห็นที่ 18 #13 คุณ RedSakura อยากดูภาค 2 ต่อเลยเหมือนกันครับ ดูแล้วอินมากๆ #14 คุณ ผมแดงครับ / #15 คุณ 6002theTIMEOUT ผมก็มึนครับ แต่แค่แป๊บเดียว #16 คุณ Aekio ไอ้ Quater Quell นี่มันจะต้องโหดมากแน่ๆ ถ้าโหดมากๆ หนังภาคสองจะติดเรต R หรือเปล่า #17 คุณ Cookiefish ใช่ครับ จอชแสดงเรื่องนี้ดีกว่าเรื่องอื่นมาก แต่ผมชอบเอาไปเปรียบกับนางเอก เพราะเล่นคู่กัน ทั้ง 2 คนเล่นเข้ากันได้ดี แต่เจนนิเฟอร์ข่มจอชเยอะมาก ทั้งอารมณ์ที่มากกว่า และส่วนสูงที่มากกว่า (อันหลังนี่ ล้อเล่นนะ... แต่ในหนังก็ทำเก่งเนอะ ทำให้ตัวละครเกล พีต้า และแคทนิส ดูสูงไล่เลี่ยกันเลย ทั้งที่ความจริง จอชเตี้ยกว่าคนอื่นเยอะ คล้ายๆแดเนียล แรดคลิฟท์เลย) จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 23:41:58

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องมุมกล้องที่ส่ายนี่เห็นด้วยเลยครับว่ามึนกว่า Chronicle เยอะมาก ดูจบออกมาปวดหัวตุบๆ แต่ก็เป็นเทคนิคของหนังที่จะให้ผู้ชมรู้สึกร่วมกับตัวละคร ซึ่งก็ทำได้ดีพอสมควร จากคุณ : สาวกท่านมันตู เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 23:50:30

ความคิดเห็นที่ 20 รออ่านมานานแล้วครับ สำหรับกระทู้รีวิวยาวๆ ดีๆแบบนี้ เรื่องนี้เจนนิเฟอร์ เอาอยู่จริงๆ จากคุณ : bigwores เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 07:37:57

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นจากหลาย ๆ ความเห็น สงสัยต้องรอดีวีดี Chronicle ออกแล้วหามาดูมั่ง (ทีแรกกะทิ้งเลย) ผมคิดว่าที่ผมทน Chronicle ไม่ไหวเพราะตอนต้นเรื่องกล้องมันเหวี่ยงแบบไร้สาระมาก เหมือนคนถือไว้เฉย ๆ ไม่ตั้งใจถ่ายอะไร เลยเดาไม่ถูกว่ามันจะส่ายไปทางไหน ขณะที่ของ HG พอเดาได้ เลยมองตามถูก เลยไม่รู้สึกอะไร จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 07:47:17

ความคิดเห็นที่ 22 ควอเตอร์ เควล รอบแรก(ฮังเกอร์เกมครั้งที่25) ให้คนในเขตโหวตเด็กชายหนึ่ง หญิงหนึ่งกันเอง (เหมือนให้ทางเขตเลือกส่งเด็กมาตาย) ควอเตอร์ เควลรอบที่ เพิ่มจำนวนคนเป็นสองเท่าเป็นทั้งหมด48คน คือครั้งที่2 (ฮังเกอร์เกมครั้งที่50) เป็นปีที่เฮย์มิตเป็นผู้ชนะครับ ส่วนควอเตอร์ เควลครั้งที่3(ฮังเกอร์เกมครั้งที่75) เป็นการนำผู้พิชิตของแต่ละเขต กลับมาลงแข่ง จากคุณ : Team Clove เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 07:59:29

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าของกระทู้เอาไป 3 gift จากคุณ : pwp_kung เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 08:56:18

ความคิดเห็นที่ 24 รีวิวดีๆแบบนี้ จัดไปเลย ทั้งโหวตและกิฟท์ค่ะ จากคุณ : pomaily เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 09:12:52

ความคิดเห็นที่ 25 คงต้องขอมาตอบที่กระทู้นี้ด้วยครับ การรับข้อมูล และตีความความหมายของข้อมูลนั้นๆเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ใครเห็นอย่างไร ก็อาจจะตอบสนองกับมุมมอง และประสบการณ์ของคนคนนั้นที่มีต่อสังคมครับ ผมไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นนิยายของทั้ง HG และ BR หนัง HG ก็ยังไม่ได้ดู แต่ผมดู BR มาหลายรอบครับ ไม่ใช่เพราะผมชอบความรุนแรงของการเอาชีวิตกัน หรือแม้แต่เลือดและมิตรภาพระหว่างเพื่อน แต่เป็นเพราะผมรู้สึกว่ามีความหมายซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องของ BR ครับ จากคุณ : คนตามสื่อ (คนตามสื่อ) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 11:10:08

ความคิดเห็นที่ 26 โดยรวม เนื้อเรื่องของ BR กล่าวถึงความเสื่อมทรามของสังคม กลียุคของประเทศที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและเอารัดเอาเปรียบ คำกล่าวเปิดเรื่องเป็นข้อความสั้นๆที่จับใจความได้ว่า กลุ่มผู้ใหญ่ในสังคมที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ตัดสินใจที่จะออกกฏ BR ขึ้นมา กลุ่มเด็กที่ถูกคัดเลือกจะเข่นฆ่ากันเอง ในเกาะร้าง ภายในเวลาที่จำกัดเพียง 3 วัน คนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียว ซึ่งจะได้มีชีวิตรอดออกไป จากคุณ : คนตามสื่อ (คนตามสื่อ) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 11:10:54

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อความสำคัญของเรื่องแฝงอยู่ในประวัติของพระเอก นานาฮาระ ชูยะ เด็กกำพร้าตัวคนเดียว แม่เค้าหนีไปตั้งแต่เค้ายังเด็ก  พ่อเค้าตกงาน กลายเป็นคนขี้แพ้ พร่ำแต่บอกลูกให้สู้ ให้พยายาม แต่ตัวเองในที่สุดก็ผูกคอตาย หากพิจารณาตรงจุดนี้ก็จะสามารถเข้าใจได้ว่า BR เป็นเรื่องของการเปรียบเทียบ สังคมที่มีการแข่งขันสูง เหล่าผู้ใหญ่ ที่ต่อสู้เอารัดเอาเปรียบกันในสังคม ขาดความมั่นใจในตัวเอง และไม่สามารถมองเห็นทิศทางที่ตัวเองจะพัฒนา หรือก้าวหน้าในชีวิต ความกดดันจึงมาลงกับเด็ก ผู้ใหญ่บังคับให้เด็กต่อสู้ ต้องเก่งกว่าใครใคร ต้องเป็นที่หนึ่ง ทำทุกอย่างเพื่อให้เด่นกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ความต้องการของเด็กในวัยเรียน คือการเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคม เรียนรู้ที่จะรัก ที่จะมีมิตรภาพ ที่จะมีเพื่อน ข้อความที่ต้องการจะสื่อออกมาคือ การบังคับให้เด็กเก่ง ให้เด็กทำอะไรที่ผิดไปจากธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของพ่อแม่ ย่อมไม่เกิดผลดี *แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 09:57:57 จากคุณ : คนตามสื่อ (คนตามสื่อ) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 11:11:48

ความคิดเห็นที่ 28 BR เป็นหนังเก่า คาดว่าคนที่อยากดูคงได้ดูไปกันแล้ว หวังว่าการสปอยล์ของผมจะไม่ทำให้ใครอารมณ์เสีย แต่ขอให้เป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคติ และมุมมองในการดูหนังนะครับ ปล. ขอโทษเจ้าของกระทู้ ถ้านี่เป็นการรบกวน แต่ผมไม่คิดว่า BR เน้นการฆ่ากัน  แต่หนังตั้งใจจะบอกว่าการบังคับตรงนี้ จะไม่เป็นผลดีแน่ๆครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 11:18:46 จากคุณ : คนตามสื่อ (คนตามสื่อ) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 11:12:29

ความคิดเห็นที่ 29 บอกตรงๆว่า ถ้าไม่มาอ่านในพันทิปก็ไม่รู้ว่ามีการติเรื่องภาพสั่น และมีคนมึนหัวระหว่างดูหนังด้วย ...เนื้อหาของหนังสิกินใจ จนแทบไม่กระพริบตา อีกอย่างนางเอกเล่นได้ออสการ์มาก ๆ ผมให้ A และจะกลับไปดูอีกรอบครับ จากคุณ : ก็เธอไปอยู่ไหนมาที่รัก เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 12:03:25

ความคิดเห็นที่ 31 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 12:06:06 จากคุณ : ก็เธอไปอยู่ไหนมาที่รัก เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 12:04:42

ความคิดเห็นที่ 32 คห. 22 คุณ Team Clove สปอยล์แรงเกินไปค่ะ นั่นเป็นจุดหักมุมเลยนะ จากคุณ : ใหญ่ล่ำดำถึกแต่_สวย เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:10:17

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบอกว่าเรามึนตอนนางเอกวิ่งเข้าป่าตอนเริ่มเกมค่ะ มุมกล้องทำให้เรามึนไปสักพักทีเดียว แต่เข้าใจอารมณ์หนังนะ เพราะนี่เป็นกล้องจากมุมมองของแคทนิส ทำใ้ห้เราอินกับหนังมาก จนตอนนี้ยังอินอยู่เลยค่ะ เพิ่งไปดูเมื่อวานตอนบ่าย เริ่มแยกไม่ออกละว่ากำลังฝันหรือดูหนังกันแน่ มุมกล้องดูสมจริงมากเลย เจนนิเฟอร์ เล่นเป็นแคทนิสได้ดีมากค่ะ สุดยอดจริงๆ จากคุณ : pae_ya เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:25:34

ความคิดเห็นที่ 34 คอมเม้นนี้อาจจะไม่ถูกใจแฟนคลับนะคะ ไม่เคยอ่านหนังสือนะคะ ด้วยกระแสก็ไปดูมันวันแรกที่เข้าโรง สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเฉยๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก อาจจะเพราะคาดหวังมากเกินไปกับรีวิวที่เคยอ่านว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้ ในเรื่องรายละเอียดเบื้องลึก การตีความ สำหรับเราที่ไม่รู้จักไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ไม่เคยรู้การมีตัวตนของหนังเรื่องนี้ ไปนั่งดูเทรลเลอร์แล้วเรารู้สึกว่าตัวหนังโปรโมทและสร้างขึ้นมาให้เหมือนเน้นการต่อสู้เอาชีวิตรอดมากกว่า ไม่ใช่การเสียดสีเรื่องการเมืองและฐานะของประชาชน ความเป็นคนต่างๆที่ปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ ซึ่งตรงนี้เราก็ขอชมว่าไปพอดู หนังสามารถสื่อออกมาได้ชัดว่ามีประเด็นตรงนี้อยู่ แต่ถ้าบอกตรงๆ คนที่เค้าไม่ได้คิดลึก ดูไปอย่างงั้นๆ ก็คงไม่ได้สนใจตรงนี้ด้วยซํ้า แค่รู้ว่ามันมีความแตกต่างกันระหว่างเขต ส่วนเรื่องบท เราว่ายังทำได้ไม่ค่อยดี ดูสับสน หยิบจับอะไรมายังไม่ละเอียดมากพอสำหรับในแง่หนังตลาด ในเรื่องเราชอบพีต้ามากที่สุด ไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเพราะแคแรคเตอร์ดูเป็นคนปกติที่สุด ธรรมชาติที่สุด และตัวจอชเองก็เล่นออกมาได้ดี มิติของตัวละครนี้มองได้หลายแบบและน่าสนใจมาก ส่วนนางเอกก็ใส่อารมณ์ได้ดีทุกฉาก บทนี้เกิดมาเพื่อเธอจริงๆ สำหรับเราในการสร้างหนัง ให้ B ค่ะ จากคุณ : pam-a-rod เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:30:51

ความคิดเห็นที่ 35 คห 22 คุณ Team Clove ครับ =P ประเด็นสำคัญจุดใหญ่จุดหนึ่งของภาคสอง Catching Fire เลยนะครับนั่น ฮ่าๆๆ ลบออกดีกว่าครับผมว่า เผื่อไว้ว่าอาจมีเพื่อนๆ ที่อยากลุ้นเองว่าภาค 2 เนื้อเรื่องจะดีดกลับมายังไง ตอนแรกผมก็กะว่าจะเขียนรายละเอียด แต่คิดไปคิดมา ติดไว้ให้คนสนใจไปอ่านเพิ่มเอาเอง หรือรอดูจากหนังในปลายปีหน้าดีกว่าครับ ปล. แต่ใครรู้แล้วก็ไม่ต้องเสียใจ Hunger Games นี่ต่อเล่มมันหักกันมากกว่า 1 จุดครับ ดังนั้นในเล่มสอง จุดนี้คือจุดหนึ่ง แต่ยังมีให้หลังเดาะเพิ่มอีก ไม่ต้องกังวล ยังดูหรืออ่านได้สนุกอยู่ แต่หากไม่รู้เลยจะดีกว่า ฮ่าๆๆ จากคุณ : Aekio เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:55:53

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นรายได้แล้วตกใจมากครับ ทุนสร้าง 78 ล้าน ทำรายได้เปิดตัว 155 ล้าน ดาราก็ไม่ใช่ระดับแม่เหล็ก ใครทราบบ้างครับ รายรับเปิดตัวขนาดนี้ทำสถิติอะไรบ้างหรือเปล่าครับ ที่มา http://boxofficemojo.com/weekend/chart/ จากคุณ : mayerboss เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 14:30:05

ความคิดเห็นที่ 37 ภาคต่อสบายแน่ๆครับ รายได้โหดขนาดนี้ สถิติก็เป็นหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อ เปิดตัวสูงสุด และก็เปิดสูงสุดในเดือนมีนาคม ชนะ Alice in Wonderland ส่วนตัวหนังผมชอบในระดับหนึ่งเลย ในปีนี้(ต่อจาก Warrior) เป็นหนังที่ค่อยๆเล่าให้คนเห็นมุมนางเอกจนไปถึง Capitol เป็นหนังที่เสียดสีเรื่องการปกครองได้เป็นอย่างดีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นพาเน็มที่เน้นแต่การปกครองตัวเอง แล้วละเลยเขตนอก จับเด็กมาแข่งขันเพื่อทำให้เกรงกลัว แทนที่จะใช้วิธีประนีประนอมที่ ดีกว่านี้ เอาจริงๆแล้ว ดูหนังแล้วเหมือนดูประเทศเราไปในตัวไงไม่รู้ นักแสดง Jennifer Lawrence คือคนที่ทำให้หนังเดินหน้าได้ดีจริงๆ ทำให้ตัวละครแคทนิสน่าหลงไหล และเอาใจช่วยในเวลาเดียวกัน มุมกล้องของหนังเหมือนที่ข้างบนกล่าวครับ เป็นการลดความรุนแรง และก็ทำให้เห็นมุมมองแคทนิส แต่ที่ผมว่าช่วยเติมหนังก็คือ สกอร์ครับ ช่วยคุมโทน + มุมกล้องให้โอเคขึ้นครับ 3.5/4 ครับ จากคุณ : Christ.Lacoste เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:13:48

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนแรกที่ผมไปดูเพราะเห็นเนื้อเรื่องมันคล้ายๆ BR น่ะ เลยไปดู แน่นอนด้วยจุดประสงค์ที่ไปดูมันเป็นแบบนั้นพอดูจบก็เอาเปรียบเทียบกับ BR เลยกลายเป็นว่า ผมรู้สึกว่า HG ไม่สนุกเลย ตัวละครก็ไม่เก่ง นางเอกเก่งมาตั้งแต่แรกแล้วชนะก็ไม่เห็นแปลก ตัวบอสก็ตายง่าย ไม่เหมือน BR เค้นสมองกันสุดๆ ผู้เล่นก็แสดงทริกในการเอาชนะกันรู้สึกถึงความชาญฉลาดของนักประพันธ์ และตัวบอสก็ตายยากตายเย็นกว่าจะโค่นได้ เลยเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเอาพวก HG ไปเจอกับ BR ไม่เกินหนึ่งวัน HG ก็ตายหมดทีมแล้ว --------------------- แต่พอกลับมาหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ HG ตกหล่นไปจากหนังสือเลยทำให้สัมผัสถึงเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกกลับมาหลงรักบทประพันธ์เรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก และทำให้คำพูดของหลายๆคนว่า HG กับ BR ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันก็ไม่เหมือนกันจริงๆ ถ้าให้พูดตรงๆคือหนังเรื่องนี้ไม่ได้น่าจดจำสำหรับผม แต่บทประพันธ์(โลกของ HG)น่ะใช่เลย รู้สึกดีมากๆ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:27:31

ความคิดเห็นที่ 39 มหัศจรรย์ตรงที่....เสียงพลุ (หรือปืนใหญ่ หรือสลุต) ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง "ตุ้ม" .....ใจหายทุกครั้ง จากคุณ : ชีนะ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:38:39

ความคิดเห็นที่ 40 ในหนังสือให้รายละเอียดเยอะกว่านี้มากค่ะ  แล้วมันทำให้เรารู้สึกหดหู่กว่าด้วย  เช่น ทำไมต้องใส่รายชื่อตัวเองหลายๆใบในโถ--->  เพราะต้องแลกกับอาหาร  น้ำมันให้คนในครอบครัวที่กำลังจะอดตาย   โดยที่ไม่ต้องการให้น้องๆของเราใส่ชื่อในโถเลย   มันหดหู่มากเลยนะคะ  ชื่อ 1 ใบ = อาหาร = โอกาสตายเร็วขึ้น ความรักและเสียสละของพิต้า โดยไม่มีเงื่อนไข ในขณะที่นางเอกรักคนอื่น  รักสามเศร้าของแท้   เราอยากจะรักใครให้ได้แบบนี้บ้าง ความจำเป็นของเครื่องบรรณาการแต่ละคน  ยิ่งเราดีกับใครเท่าไหร่  ผลสุดท้ายเราก้อต้องฆ่าคนนั้นเพื่อเอาชีวิตรอด เหมือนตลกร้ายที่คนในแคปปิตอลสนใจแต่เรื่องความสวยงาม  เรื่องบันเทิง  อาหารที่มีให้กินจนอิ่มหมีพีมัน ในขณะที่คนส่วนใหญ่ข้างนอกกำลังอดตาย การกดขี่คนอื่นของคนที่วื่อว่าเป็นผู้ปกครองเมือง การที่นางเอกจะกินผลเบอรี่  มันนำไปสู่เรื่องราวใหญ่หลวงในภาคต่อๆไปค่ะ จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:08:01

ความคิดเห็นที่ 41 สถิติของ THG ตอนนี้คือ 1 เปิดตัวสูงสุด เป็นอันดับ 3  155 ล้าน เป็นรอง The Dark Knight และ แฮรี่ 2 2 เปิดตัววันศุกร์ เป็นอับดับ 5  ด้วยรายได้ 68 ล้าน 3 100 ล้านเร็วที่่สุด เป็นอันดับ 2 ด้วยรายได้ 119 ล้าน 4 150 ล้านเร็วที่่สุด เป็นอันดับ 3 ด้วยรายได้ 155 ล้าน จากคุณ : bigwores เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 17:29:47

ความคิดเห็นที่ 42 เขียนรีวิวดีมากเลยค่ะ จากคุณ : Anantaya เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 17:32:29

ความคิดเห็นที่ 43 น่าจะมีพูดถึงความห่วยของหนังสือแปลไทยด้วยนะ คนจะได้ไม่หลวมตัวซื้อ ฮ่าๆ จากคุณ : supatpit เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 17:35:57

ความคิดเห็นที่ 44 ก้อปยุ่น ไปปรุงรสหรั่ง จากคุณ : tanakeme เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 18:19:28

ความคิดเห็นที่ 45 มีคำพูดจากหนังเรื่อง BR ที่ THG นำไปใช้ได้เช่นเดียวกัน  Life is a game,so fight for survival ชีวิตก็คือเกม ดังนั้นจึงต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และผมว่้า ในชีวิตคนจริงๆ ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ไม่ใช่แค่หนัง สองเรือ่งนี้ จากคุณ : makoto_kko เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 18:23:27

ความคิดเห็นที่ 46 จริงๆแล้วหลายๆคนที่กำลังเปรียบเทียบระหว่าง BRกับ THG นั้นเพราะว่ามีมุมมองของหนังที่ใกล้เคียงกันคือเป็นเกมส์ล่าชีวิต แต่รายละเอียดต่างๆต้องบอกว่าไม่เหมือนกันแน่นอนครับ ผมว่ามันเหมือนกับคนมาบอกเราว่า  เฮ้ย!  หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่นเหมือนกันนะ บอกแค่นั้นแหละครับ ที่เหลือเดาเอาเองล้วนๆถ้ายังไม่ได้ดูนะครับ แต่พอดูแล้วน่าจะได้อะไรเยอะกว่าอ่ะนะครับ แล้วที่THGทำหนังออกมาดูไม่โหดเท่าBRซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับเนื่องจากต้องผ่านกรรมการตรวจสอบเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดนี่ครับถึงได้ฉายทั่วโลกได้ แต่BRนี่ถ้าลองถูกกรรมการชุดเดียวกันตรวจสอบผมว่าหนังคงไม่ได้แบบนี้หรอกครับ แต่ก็อย่างว่าแหละครับต่างคนนต่างทำเทียบกันไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ   แต่ทั้ง2เรื่องผมว่าสนุกทั้ง2เรื่องนะ เพียงแต่มุมมองที่นำเสนออาจจะต่างกันไปแค่นั้นเอง แต่ผมคิดเองนะว่าBRพยายามจะสื่อออกมาโดยเน้นเสียดสีสังคมและการเมืองเป็นหลักแล้วความบันเทิงเป็นรอง แต่THGพยายามจะสื่อความเป็นภาพยนตร์ออกมาให้มากที่สุดเป็นหลักเรื่องอื่นๆมาเป็นรองครับ จากคุณ : ปีกแห่งมนตรา เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 18:54:49

ความคิดเห็นที่ 47 เฉยๆกับหนัง  แต่นางเอกแสดงได้ดีมากๆ จากคุณ : pipesama เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 19:41:43

ความคิดเห็นที่ 48 ดิฉันกลับเห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้เรื่อง Josh นะ คือสำหรับดิฉัน พีต้าเป็นตัวละครที่พูดอะไรไป คนเชื่อ คนคล้อยตาม มีเสน่ห์ มีจิตวิทยาที่กล่อมคนหมู่มากได้ เล่ม 2 และ 3 เขาถึงมีความสำคัญมาก ๆ น่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าในหนัง บทไม่ส่ง บทไม่สื่อ บทไม่เน้น บทไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ หรือไม่ก็น้องเค้ายังเล่นไม่ถึงก็ไม่ทราบได้ แต่ดิฉันยังไม่อินหรือคล้อยตามเท่าที่ควรค่ะ อย่างฉากสารภาพเรื่องแคทนิสตอน Interview น่าจะสื่อได้ดีกว่านี้ค่ะ อาจเพราะในหนังมันตัดไวไปก็ได้ .. ที่เหลือคงต้องรอชมหนังภาค 2 ต่อค่ะ เอิ๊ก ๆ แม้หลายโมเม้นท์มันสื่อมาไม่สุดเหมือนในหนังสือ เช่นฉากในถ้ำ ฉากเบอร์รี่พิษ แต่โดยรวมแล้ว หนังดีค่ะ ชอบเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 23:58:05 จากคุณ : BeeJang เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 19:43:29

ความคิดเห็นที่ 49 สนุกมากครับ อดใจรอภาค2ไม่ไหวแล้ว จากคุณ : maezono_no7 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:01:26

ความคิดเห็นที่ 50 เพิ่งไปดูเมื่อบ่ายนี่เอง ชอบนะ แต่รู้สึกว่าฉากตอนต่อสู้ดูไม่ออก เหอๆ แต่สรุปว่าโอเคเลย จากคุณ : CAMBON เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:07:15

ความคิดเห็นที่ 51 เราว่าเรื่องนี้สนุกมากเลยนะ แต่เสียตรงบางฉาก เพราะมุมกล้องด้วย แต่ชอบหลายฉากนะ ยิ่งฉากที่ชู3นิ้ว เราว่ามันเป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่เลยนะ ชอบ พีต้า แคนติส เกล ริว เคโต้ ซินน่า ด้วย สรุปก็ให้ 9/10 รอดูภาค2อยู่นะ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 20:35:46 จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:34:22

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเ้ข้าใจความเป็น PG13 ของหนัง และการเป็นวรรณกรรมของหนังสือนะ แต่ประเด็นของเกมส์ที่เน้นไปที่วัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่ยังสามารถเติบโตไปได้อีกไกล เป็นวัยทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความฝันหรือความหวัง ต้องมาฆ่ากันตายโดยมีคนรอดได้คนเดียว ซึ่งถ้าจบตรงนี้ก็ถือว่าจบทั้งชีวิตไปเลย แค่คิดก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เครียดมากถึงมากที่สุดนะ แต่หนังทำให้ผมสัมผัสถึงอารมณ์นี้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลยในช่วงที่เข้าป่ากัน(ทั้งที่ตอนคัดเลือกและตอนเตรียมตัวกลับทำได้ดีมาก) ค่อนข้างผิดหวังในประเด็นนี้จริงๆนะ ยิ่งเห็นอารมณ์ลัลล้าชิวๆของตัวละครบางช่วงแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ถึงรวมๆของหนังจะไม่ได้แย่มากอะไรก็เถอะ แต่อยากให้ทำออกมาให้ดีกว่านี้จัง เพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างของหนังมันดีมากๆแล้วนะ จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:49:31

ความคิดเห็นที่ 53 ยิ่งเห็นอารมณ์ลัลล้าชิวๆของตัวละครบางช่วงแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เขต 1 2 4 เค้าเกิดมาเพื่อตาย ถูกฝึกแต่การฆ่าแต่เด็ก ถ้าได้ตายในเกม ถือว่าได้เป็นเกียรติ เลยลั๊ลลา ยังไงชั้นก็ตาย ประมาณนี้ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 22:34:52 จากคุณ : ZenTriO เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:21:31

ความคิดเห็นที่ 54 โอย งมหากระทู้อยู่ตั้งนาน ทั้งๆที่มันขึ้นกระทู้แนะนำไปแล้ว ไม่ทันได้มอง ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆครับ #28 คุณ คนตามสื่อ ไม่ได้รบกวนเลยครับ จะได้นำหนัง 2 เรื่องมาเปรียบเทียบให้เห็นกันได้ชัดขึ้น เผื่อบางคนยังนึกไม่ออก #29 คุณ ก็เธอไปอยู่ไหนมาที่รัก ผมก็จัดตั้ง 2 รอบเหมือนกันครับ รอบแรกดูซาวด์แทร็ค อีกรอบพากย์ไทย ทั้ง 2 รอบสนุกมากเหมือนกัน แต่อารมณ์ต่างกัน รอบพากย์ไทยอารมณ์ลดลงในบางฉากครับ #30 คุณ pae_ya เจนนิเฟอร์เล่นเก่งมากจริงๆครับ ตอนเล่นเป็นมิสทีคผมว่าเธอเด่นแล้วนะ ยังมาเยี่ยมในเรื่องนี้อีก #40 คุณ cool_girlgang ได้ฟังแล้วอยากอ่านต่อมากๆ รอซื้อหนังสือไม่ไหวแล้วอ่ะ ได้ยินว่างานสัปดาห์หนังสือจะมี Box Set มาขายด้วย ใช่หรือเปล่าเนี่ย #43 คุณ supatpit เห็นบอกกันว่าแปลไทยไม่ดี เลยกลัวๆไม่กล้าไปซื้อเหมือนกันครับ รอภาคอังกฤษดีกว่า #52 คุณ Berserk Rabbit ใช่เลยครับ ช่วงเหตุการณ์ในป่า ยังกับไปปิ๊กนิคแล้วเจอโจร เหมือนไม่ได้กำลังแข่งเกมกันอยู่เลย -------------------------------------------------------- ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ อาจจะตอบไม่ครบทุกความเห็น แต่ผมอ่านหมดนะ จากคุณ : Mckario เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:51:55

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ได้อ่านหนังสือ  แต่รู้สึกว่าพีต้าเป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยอย่างมาก คือไม่แน่ใจว่าพีต้าจะตายหรือเปล่า นางเอกจะจริงใจกับพีต้าหรือเปล่า เราดูนางเอกไม่ออก แสดงเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกได้เก่งจริง   ภาพรวมหนังสนุกมาก คหสต. คิดว่ามีชั้นเชิงกว่าทไวไลท์เยอะมากชนิดเทียบกันไม่ได้ จากคุณ : Writing to Reach You เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:53:16

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบน้องที่เล่นพีต้าเหมือนกัน ตั้งแต่เรื่อง บริดจ์ ทู ทิราบิเตีย (ชอบตัวหนังเรื่องนั้นด้วย เนื้อหาโดนมาก) อ่านหลายความเห็นแล้วต้องรีบเลื่อนลงโดยพลัน  เพราะจะซื้อเล่ม 2 มาอ่าน อิอิ จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 22:14:32

ความคิดเห็นที่ 57 เพิ่งได้ดูเรื่องนี้เมื่อวาน ส่วนตัวเฉยๆมาก หนังไม่ได้ดีเด่อะไรอย่างร่ำลือกัน.. อาจเพราะผมเคยดู BR ที่สามารถกดดันและบีบคั้นอารมณ์กว่านี้หลายเท่ามาก่อน พอดูเรื่องเลยไม่ได้รู้สึกว่าหนังจะน่าตื่นเต้นอะไร ตัวหนังมีข้อเสียที่น่าตำหนิหลายข้อ(ที่หลายคนพยายามจะทำเป็นมองข้าม)ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด อย่างเช่นมุมกล้องในเรื่องที่ทำออกมาได้ค่อนข้างแย่.. ยินดีกับคนที่ชอบด้วยแล้วกัน สำหรับผมเรื่องนี้ให้แค่เกรด C+ เตือนอย่าเผลอไปเชื่อคำวิจารณ์ของคนอื่นมากเกินไป ฟังหูไว้หูดีที่สุด แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 23:28:45 จากคุณ : Tolone เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:27:05

ความคิดเห็นที่ 58 รู้แต่ช่วงแรกเวียนหัวมากเลย ตากล้องมือไม่นิ่งเลย ขนาดแค่เดินตามนางเอกกล้องยังสั่นเลย ดีที่ช่วงหลังๆยังมีตั้งกล้องบ้าง จากคุณ : Am_hilo เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:51:11

ความคิดเห็นที่ 59 หนังสือนะสนุก แต่หนัง... ดูโดเรม่อนสนุกกว่า จากคุณ : Mazzard เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 03:04:30

ความคิดเห็นที่ 60 15 นาทีแรกเหมือนจะดีนะ แต่หนังตื้นมากเลย คุณภาพในค่าของความเป็นหนังกากอ่ะ หนังสืออาจจะดีนะ แต่หนังไม่ไหวอ่ะ จากคุณ : Vladio V Velmoth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 04:00:07

ความคิดเห็นที่ 61 สำหรับผมคงต้องขอพูดว่าผิดหวังกับหนัง เพราะก่อนจะดูหนังมีคนบอกแค่ว่าแนวๆBR ผมเลยคาดหวังฉากที่โหดๆ บีบคั้นอารมณ์กว่านี้ เช่นถ้าแคทนีสต้องฆ่าพีตา หรือริว หรืออย่างน้อยก็คนดำที่มาจากเขตเดียวกับริวก็ยังดี พอรู้ว่าหนังสือ12+ ถึงเข้าใจว่า อืม หนัง(+หนังสือ)คงเน้นอย่างอื่นมากกว่าความโหด จากคุณ : RennasS เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 08:54:05

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นหนังเรื่องนึงที่น่าจดจำมาก.... ผมไปดูสองรอบแล้ว ทั้งบท การแสดง และองค์ประกอบต่างๆชอบหมดเลยครับ นักแสดง : ชอบที่สุดก็คือ นางเอกของเรา .... ผมว่าการแสดงว่ารักกันนั่นหนะไม่ยาก แต่จะแสดงว่าแกล้งรักกันหนิ ยากมากนะ แต่เธอก็ทำได้ดีมาก ผมชอบ ฉาก : ฉากที่ขอบที่สุดคือ ฉากที่ริวตาย และนางเอกก็ชูสามนิ้วใส่กล้อง และคนเขต 11 ก็ตอบรับ จนมีการเกิดจราจลขึ้น ซึ้งมาก เศร้าจริง และเข้าถึงอารมณ์ได้เต็มที่ ......เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่น่าจดจำมาก จะรอดูภาคต่อไปครับ...... จากคุณ : Axiom of Choice เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:17:13

ความคิดเห็นที่ 63 คุณคห.61 ถ้าคุณรู้จักแคทนิส รับประกันว่าคุณจะไม่คาดหวังเรื่องเหล่านั้น ทุกชีวิตที่เธอดับไปนั่นถ้าไม่จำเป็นก็เพราะกระทันหัน และทุกชีวิตนั่นก็อยู่กะเธอในฝันทุกคืน แต่ผมแอบหวังนิด ๆ ว่าผกก.จะให้ดูตอนเทรชดวลกะเคโต้ เพราะแคทนิสเองยังเคยคิดในใจว่าคู่นี้มีพลังและฝีมือสูสีกันมาก ถึงใครชนะอีกคนก็คงสะบักสะบอมแน่นอน แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 11:23:42 จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:22:39

ความคิดเห็นที่ 64 ยังไำม่ได้ ดูเลยแต่ไม่เข้าใจ ว่าทำ เธอไม่ถึงแปลงร่าง เห็นเธอมีพลังแปลงกายเป็นคนอื่นได้ นี่ครับ จากคุณ : seventoonแห่งโลกมืด (seventoonแห่งโลกมืด) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:24:45

ความคิดเห็นที่ 65 ไปดูมาแล้วเหมือนกัน แต่ขอเห็นต่างนิดหน่อยนะคะ เนื้อเรื่องมันเบาๆ หวิวๆ ไปหน่อยหนะคะ การดำเนินเรื่องเรื่องก็ช้าไปบ้าง เหมือนจะแอ็คชั่น เหมือนจะดราม่า คือเราว่าบทมันอ่อนไปหน่อยค่ะ ไม่รู้สิ เราไปดูมาแล้ว รู้สึกไม่สมกะคำโฆษณาของช่อง 3 ในเช้าวันนั้นเลยค่ะ หรือเราตั้งความหวังไว้มากไป ว่าจะสนุกซะจน ไม่อยากลุกไปไหน... จากคุณ : ปุ๊กกี้ด็อก เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:44:41

ความคิดเห็นที่ 66 คห.64 อันนั้นมันมีสทิกค่ะ 5555555 นี่ถ้าไม่รู้ว่าเจนนิเฟอร์เคยเป็นสาวมิสทีค x-men มาก่อนนี่ เราคงจะงงกับมุกนี้น่าดู จากคุณ : มิสซิสคัลเลน เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:47:39

ความคิดเห็นที่ 67    ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้ค่ะ ยิ่งได้มาอ่านหนังสือประกอบไปด้วย ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องนี้มันให้แง่อะไรมากมายจริงๆ    ตอนนี้ก็เลยแอบกรี๊ดกร๊าดพ่อหนุ่มขนมปังนั่นไปเลย พีต้า   จากคุณ : มิสซิสคัลเลน เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:48:56

ความคิดเห็นที่ 68 คหสต. ไม่สนุกเลยสักนิด ชอบฉากเดียว ตอนเสื้อติดไฟนั้นแหละ สวยดี มีแค่นั้นจริงๆ ... จากคุณ : ดีฟสโนว์ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:58:46

ความคิดเห็นที่ 69 กำลังอ่านเล่มสองอยู่ครับ คำเตือน ท่านจะวางไม่ลง หนังอาจจะดูอ่อนไปนิดก็จริงครับ เพราะเรต PG 13 คนที่คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากโหด ๆ เลือดสาดก็คงไม่ถูกใจนัก แนะนำลองอ่านหนังสือดีใหมครับ รายละเอียดเยอะกว่ามาก ๆ แล้วจะดูหนังได้สนุกขึ้น ปล แนะนำอ่านฉบับภาษาอังกฤษนะครับ เข้าใจได้ไม่ยาก ฉบับแปลไทยดูแปลก ๆ (คหสต ล้วนๆ) จากคุณ : BurgerHugger เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:15:48

ความคิดเห็นที่ 70 มาขอเพิ่มเติมประเด็นที่น่าหดหู่จากหนังสือเล่ม 2 ค่ะ เผื่อคนที่ดูหนังแล้วไม่ลึกซึ้ง Spoil  อย่างรุนแรง > > > > > > > > > > > > > หลังจากที่นางเอกกลับไปแล้ว  จะมีงานที่ต้องเวียนไปยังเขตต่างๆเพื่อการฉลอง   นั่นคือสิ่งที่แคปปิตอลต้องการ  ให้แต่ละเขต  เกลียดชัง  แตกความสามัคคีกัน  ทำให้ไม่สามารถเกิดการกบฎได้    ลองนึกภาพคุณกลับไปขอบคุณแต่ละเขต  ที่คุณเพิ่งฆ่า  ลูก  หลาน  เพื่อน  คนในครอบครัว  ของพวกเค้าในเกมดูสิ  คุณคิดว่าพวกเขาจะทำหน้ายังงัย นางเอกต้องแกล้งทำเป็นคู่รักกับพิต้า  แต่ใจกลับถวิลหาเกลดูสิ  สงสารพิต้ามากๆเลย ทางการกลัวว่าจะเกิดการกบฎ  เลยคิดแผนกำจัดผู้พิชิตทุกคน  โดยเฉพาะนางเอก   โดยนำตัวพวกเค้ากลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้งและให้เข่นฆ่ากันเอง  ความรู้สึกว่าหลังจากชนะเกม  คุณจะอยู่อย่างอิสระ  และมีความสุขตลอดไป  มันไม่ใช่แล้ว  ต้องตายอยู่ดี  มันเครียดมาก  แล้วยังผู้พิชิตแต่ละคนล้วนผ่านศึกมาแล้วทั้งนั้น  เรื่องฝีมือนี่ระดับพระกาฬเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 12:26:12 จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:24:49

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่เคยอ่านหนังสือ แต่ถ้าหนังเรื่องนี้เพิ่มความพิศดารเข้าไปจะมันส์มาก เช่น พื้นที่ที่เข้าไปต่อสู้กันน่าจะมีการมอบของวิเศษแบบว่าระเบิดพลังตูมตามใส่กัน คงมันส์ดีพิลึก จากคุณ : โลกสีน้ำเงินเข้ม เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:24:06

ความคิดเห็นที่ 72 ^ ^ ^ ^ ^ รอภาคหน้าดีไหมครับ หากตามหนังสือ เดี๋ยวมีจัดให้แน่นอนครับ ระเบิดที่พลังทำลายล้างเกินจินตนาการเนี่ย ^^ จากคุณ : Aekio เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:47:37

ความคิดเห็นที่ 73 เป็นหนังจากวรรณกรรมที่มีแปลไทยเรื่องแรกที่เราไม่ได้อ่านหนังสือก่่อนเข้าไปดู แล้วก็รู้สึกดีในฐานะที่เป็นหนัง แม้เรื่องมุมกล้องจำทำให้เราปวดหัวตึ้บๆ แถมยังมาร้องไห้อีก ออกจากโรงมาแทบไข้ขึ้นเลย >< (มีคนเอาเรื่องมุมกล้องไปเทียบกับโคตรเกรียน โดบรวมแล้วชอบมุมกล้องแบบโคตรเกรียนมากกว่าค่ะ เพราะในโคตรเกรียนนั้นการที่กล้องส่ายไปมานั้น เกิดจากการถ่ายแบบ Hand Held ของตัวละคร) ตัดเรื่องมุมกล้องออกไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะมาลดทอนความยอดเยี่ยมของหนัง อ่านสปอล์ยที่หลายท่านบอกว่า มีการปูเนื้อเรื่องของตัวละครมากเกินไป จนดูน่าเบื่อในช่วงแรก พอเราไปดูเลยรอดูช่วงน่าเบื่อที่ว่า ... ผลปรากฏว่า.... เมื่อไหร่ช่วงน่าเบื่อจะมาฟะ! เราว่าหนังกลับปูปูมหลังตัวละครน้อยไปเสียด้วย (มาอ่านเจอในนี้ว่า ทำไมถึงต้องมีการใส่ชื่อตัวเองในโถหลายๆใบ) ซึ่งบางอย่สงก็เป็นเรื่องที่คนดูสงสัยแต่หนังไม่ได้บอก เช่น 1.ทำไมเกลมีชื่อในโถตั้ง 42 ใบ 2. ทำไมแคทนิสถึงห้ามน้องไม่ให้กินอาหารจากทางการ 3. เกลมีชื่ออยู่ 42 ใบในโถ แล้วแคทนิสมีกี่ใบ จำนวนใบในโถนั้นคิดยังไง คำถามที่ว่าคนที่อ่านหนังสือมาคงทราบ (เราก็ทราบจากการอ่านกระทู้นี้เนี่ยแหละ) แต่ที่สำคัญสุดๆของ The Hunger Game ฉบับภาพยนต์คือ การได้เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มารับบทแคทนิส "หนังเรื่องนี้ทงคุณค่า เพราะมีการแสดงของเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์" เราคิดแบบนี้จริงๆ หลังจากพลาดเป้าไปกับเพอร์ซี่ แจ็คสัน คาดว่าฮอลลีวู้ดคงหันมาเดินหน้าเต็มกำลังกับ The Hunger Games แน่นอน (หมดแฮรี่ไปแล้ว หมด Twilight ไปแล้ว) หนังภาคแรกยังไม่ทันฉาย โปรแกรมภาคสองก็ออกมาแล้ว Crashing Fire เข้าฉาย พฤศจิกา 2013 (เดินตามรอยแฮรี่ และ ทไวไลไท์มาติดๆ อิอิ) ตอนนี้ขึ้นรถไฟฟ้า เห็นคนถือแต่หนังสือ เล่ม 3 Mocking Jay ทั้งนั้น มันพึ่งจะมาฮิตตอนหนังเข้าสินะ... ย้ำอีกครั้ง "หนังดี คือหนังที่เราชอบ" จากคุณ : city of the damn เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:54:40

ความคิดเห็นที่ 74 สปอยล์อย่างรุนแรงเพิ่มจากต่อจากคห.70 แคทนิสเป็นบุคคลอันตรายต่อการมีอยู่ของการปกครองแบบแคปปิตอล 100 % เลย เค้าให้มาฆ่ากันเพื่อข่มขู่ ก็ดันมาช่วยเหลือคนอื่น เปลี่ยนทิศทางของเกมโหดมาเป็นละคร Romeo&Juliet ตอนเดินสายฉลองชัยเค้าตั้งใจไปเยอะเย้ยให้คนเกลียดชัง ก็ไปประกาศบริจาครายได้จากรางวัลของตนให้ญาติ ๆ ของรุย วงแตกสิครับ ถ้าผมเป็นสโนว์คงส่งมือปืนไปเก็บแล้ว 555 ส่วนความต้องการของคุณ 72 จะได้รับการสนองตอบเต็มที่แน่ครับใน Catching Fire จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:02:40

ความคิดเห็นที่ 75 @คห.74 แหม ถ้ามิสคือท่านสโนว์น่ะ มิสสั่งเก็บตั้งแต่ยังแข่งอยู่ในเกมล่ะ ไม่รู้สโนว์คิดอะไรอยู่ 5555 จากคุณ : มิสซิสคัลเลน เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 15:34:01

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านตั้งแต่ จขกท และทุกความเห็นเลยค่ะ รออ่านต่ออีกนะคะ เราไม่ได้อ่านหนังสือก่อนไปดู ไม่ได้คาดหวังเยอะ มึนมุมกล้องนิดหน่อย แต่เราประทับใจมากค่ะ มึนแต่สนุก ไม่ได้ลุ้นมากจนใจตูมตาม แต่ไม่ได้หลับหรือเซ็งเลยค่ะ คิดไปตามนางเอกเกือบตลอดเรื่อง นางเอกสื่อสารทางอารมณ์ได้เยี่ยมค่ะ รายละเอียด ตามที่คุณ คห 73 ว่ามา เราก็ยังไม่ทราบค่ะ ใครใจดีแสดงความเห็นก็ยินดีนะคะ ยังรออ่านต่อค่ะ 1.ทำไมเกลมีชื่อในโถตั้ง 42 ใบ 2. ทำไมแคทนิสถึงห้ามน้องไม่ให้กินอาหารจากทางการ 3. เกลมีชื่ออยู่ 42 ใบในโถ แล้วแคทนิสมีกี่ใบ จำนวนใบในโถนั้นคิดยังไง จากคุณ : อาร์ทตัวแม่ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 16:30:06

ความคิดเห็นที่ 77 คห 76 ยกคำตอบจากอีกกระทู้ของผมมาตอบข้อ 1 นะครับ 1.ทำไมเกลมีชื่อในโถตั้ง 42 ใบ ตามนี้เลยนะครับ จะพยายามอธิบายอย่างละเอียด เนื่องจากแต่ละ District ของ Panem นั้นมันอดอยากมากแค้นมากครับ ดังนั้น ทุกๆ ปี พี่ใหญ่หรือผู้ที่คิดว่าตัวเองมีหน้าที่ในการรับผิดชอบครอบครัว จะส่งรายชื่อของตัวเองลงโถไปมากกว่าปกติ เพื่อแลกกับอาหารเพื่อมาเลี้ยงปากท้องขอครอบครัวของตนเองครับ เขาเรียกว่า tessera ครับ โดยการหย่อนชื่อลงในโหลดมากกว่าปกตินี้ จะทำให้พวกบ้านคนรวยส่งชื่อลูกของตัวเองใส่เข้าไปในโหลน้อยลงจากที่ควร แล้วเอาอาหารที่ตัวเองจะได้จากทางการ มาเป็นค่าตอบแทนให้คนที่หย่อนชื่อลงไปแทนลูกตนเองน่ะครับ แต่ทีนี้ ในทุกปี การหย่อนชื่อนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวตามอายุ หมายความว่าตอน 12 ขวบ จะมีแค่ 1 ใบ แต่พอเข้า 13 ขวบ มี 2 ใบ เข้า 14 ขวบ กระโดดไปเป็น 4 ใบ และไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าอายุจะครบเกณฑ์ครับ เมื่อเอาเกณฑ์อายุของ Gale (17 ปี) มารวมกับ tessera ที่เขาเข้าร่วมเพื่อหาข้าวหาน้ำให้กับทั้งครอบครัวเขา เลยออกมาที่ 42 ใบ เกินจากที่อายุเขาต้องลงน่ะครับ นี่คือกฏคร่าวๆ ของการใส่ชื่อลงโถในวัน Reaping ครับผม 2. ทำไมแคทนิสถึงห้ามน้องไม่ให้กินอาหารจากทางการ ห้ามรับครับ ไม่ใช่ห้ามกิน เพราะหากน้องรับอาหารจากทางการมาเพิ่มมากกว่าที่ควร นั่นก็เท่ากับว่าพริมต้องหย่อนชื่อลงในโหลไปรอเสี่ยงจับตายมากกว่าที่ควรด้วยครับ 3. เกลมีชื่ออยู่ 42 ใบในโถ แล้วแคทนิสมีกี่ใบ จำนวนใบในโถนั้นคิดยังไง จำตัวเลขไม่ได้เหมือนกันครับ แต่ก็มากกว่าที่ควร แต่น้อยกว่า Gale เนื่องจาก Katniss มี Primrose เป็นน้องสาวแค่คนเดียวน่ะครับ และมีแม่อีกแค่หนึ่งคน เลยไม่ได้ต้องการอาหารมากเหมือนบ้านเกลที่มีกันหลายชีวิตครับ จากคุณ : Aekio เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 17:06:38

ความคิดเห็นที่ 78 เราชอบหนังเรื่องนี้ทุกอย่างเลย โดยเฉพาะความสมบูรณ์แบบของหนังที่ควรจะมี เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีครบ เน้นเข้าถึงอารมณ์คนดู เป็นหนังที่ดูแล้วน่าจดจำค่ะ ขอติอยู่เรื่องเดียว เรื่องมุมกล้อง มีจุดที่มึนหัวแบบไม่มีความจำเป็นต้องมึนน่ะค่ะ ในช่วงแรกๆที่นำเสนอเกี่ยวกับสถานที่ๆนางเอกอยู่ จำได้แม่นเลยว่าเป็นภาพเขย่าๆ แล้วตัดไปมา มึนมาก จนต้องแอบหลับตาพักนึง ซึ่งจุดนี้ควรจะเป็นภาพนิ่งๆนะ ส่วนจุดที่โดนผึ้งต่อยเราก็โอเคนะ เข้าใจว่าจะสื่อว่านางเอกรู้สึกยังไง ถึงจะรับได้แต่ก็นานไปหน่อยนะ ถ้านานกว่านี้อีกนิดจะทนไ่ม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆๆ ที่เราตินั้นเป็นจุดเล็กๆที่ทำให้เรารู้สึกสะดุด โดยรวม เป็นหนังที่น่าดูค่ะ คุ้มค่าตั๋วแน่นอน เชียร์ จากคุณ : คานเหล็กกล้าทาแล็กเกอร์ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 17:10:04

ความคิดเห็นที่ 79 แคทนิสมีชื่อในโถ 20 ชื่อค่ะ ตั้งแต่อายุ 12 แคทนิสลงชื่อรับอาหารสำหรับ 3 คน คือตัวเธอเอง พริม และแม่ค่ะ บวกกับที่ทุกปีต้องมีชื่ออยู่แล้วหนึ่งชื่อ ดังนั้นในหนึ่งปี แคทนิสจะมี 4 ชื่อในโถ ตั้งแต่ 12 ขวบถึง 16 ขวบ ... 5 ปี = 20 ชื่อค่ะ เปอร์เซ็นต์พวกที่มีชื่อในโถเยอะเช่นเกล มีสิทธิ์ถูกจับได้มากกว่าคนที่มีเพียง 1 ชื่อค่ะ คล้าย ๆ กับพวกจับรางวัล ส่งมาก มีสิทธิ์มาก เอิ๊ก ๆ~ จากคุณ : BeeJang เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 18:22:48

ความคิดเห็นที่ 80 เราว่าหนังโอเคนะคะ  เรื่องเก็บรายละเอียดให้เท่าหนังสือมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งดูหนัง ยิ่งอยากกลับไปอ่านหนังสือ ตอนนี้อ่านค้างอยู่ที่ครึ่งเล่ม 3 อ่านแล้วอินจัด จิตตก  เลยต้องพักก่อน เพราะชีวิตจริงช่วงนี้ก็เครียดพออยู่แล้ว จากคุณ : TomorrowNeverKnows เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 18:40:05

ความคิดเห็นที่ 81 สนุกดีนะ ไปดูแบบไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยดูหนังตัวอย่างด้วย เพิ่งรู้ว่ามีคนเวียนหัวจากกระทู้นี้เนี่ยล่ะ ตัวเองไม่รู้สึกเลยสักนิดแฮะ แต่รู้สึกกดดัน เหมือนหายใจไม่ค่อยออกตอนแรกๆ สรุปไม่เสียดายตังส์แหละ จากคุณ : ... (Saintangel) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 19:08:01

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่รู้ว่าจะเอาไปเทียบกับ BR ทำไม เรื่องนี้เราคิดว่ามันสื่อการเมืองหน่อยๆ ไม่ได้ต้องการให้เห็นฉากฆ่าฟันแทงกัน หนังคนละจุดประสงค์กันจะมาบอกว่า มันส์กว่าไม่ได้มั้งคะ แล้วคนเขียนอาจจะ หรืออาจจะไม่ได้ลอกBRมา ใครจะรู้ แต่ถ้าคนสองคนมีความคิดตรงกัน เขียนเรื่องที่ต้องต่อสู้จนเหลือคนเดียวเหมือนกัน มันแปลกหรอ  แข่งอะไรก็ต้องมีคนชนะคนเดียวอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก อย่าเอาไปเทียบกับหนังหรือนิยายเรื่องอื่นเลยค่ะ hunger games ก็คือ hunger games ส่วนของหนังนี่ เรียกว่าชอบแล้วกัน หลายฉากที่ประทับใจ หลายฉากที่รู้สึกว่า ยังไม่พีค ขัดใจฉากที่ต้องกินเบอรี่ค่ะ ถ้าให้อมเข้าไปก่อน จะลุ้นกว่านี้มาก แต่ยังไงอ่านหนังสือก็ได้อารมณ์มากกว่าอยู่แล้ว ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ จากคุณ : ไข่เจียวต้นหอม เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 20:01:06

ความคิดเห็นที่ 83 ไปดูแบบไม่รู้เื่รื่องหนังสืออะไรเลย ดูหนังจบ รีบเข้ามาดูที่เฉลิมไทย ถึงได้รู้เรื่องหนังสือ เพราะงั้นในความรู้สึกของคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนนะคะ ชอบมากๆๆ คือ พอถึงจุดที่ทำให้เราเสียน้ำตา ก้ทำให้เราร้องไห้ออกมาได้ทันที คนนั่งข้างๆที่เป็นผู้ชาย เช็ดน้ำตาใหญ่ Spoil เรารู้สึกว่ามันเริ่มซึ้งตั้งแต่ที่ริลและแคทติสนอนกอดกัน มันสื่อถึงความรักความเชื่อใจของทั้งสอง ดูแล้วรู้สึกผูกพันตามกับหนังไปด้วย และการใช้เสียงของธรรมชาติเป็นการส่งสัญญาณ เสียงดนตรีเวลาอยู่ในโรงหนัง มันซึ้งและเริ่มทำให้เราอิน ตอนที่นางเอกเริ่มเข้าสู้เกมส์ในช่วงแรกเลย เราสังเกตว่า ตอนแรกนางเอกเริ่มท้อและไม่อยากจะต่อสู้ แต่พอเห็นผีเสื้อ นางเอกกลับเริ่มมีแรงใจที่จะลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อน้องสาวและแม่ เราเลยมองว่าหนังค่อนข้างละเอียดอ่อนเหมือนกันนะคะ ลึกซึ้งดี เพราะผีเสื้อ แปลว่าความหวัง (ได้ความหมายนี้มาจากหนัง I AM A LEGEND) หนังเรื่องนี้ ชอบมากกว่าทไวไลท์ จากคุณ : yothint เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 20:47:43

ความคิดเห็นที่ 84 เรายังไม่ได้ดูHG แต่อ่านไปบ้างแล้ว แต่เพิ่งคิดได้ว่าเนื้อเรื่องแอบคล้ายกับBRตามที่จขกทบอก เราว่าเรื่องBRเยี่ยมมาก สนุกสุดๆ หวังว่าHGจะสนุกเหมือนกัน จากคุณ : -Mara Night- เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 21:35:26

ความคิดเห็นที่ 85 จขกท รีวิว ได้ดีมากเลครับ เพิ่งไปดูมา ชอบมากๆเลย ขอเเสดงความเห็นหน่อยนะครับ ผมว่า หนังมันคนละทาง กับ br เลยนะ เรื่องนี้เน้นฉากฆ่า ไล่ล่า น้อยกว่าเยอะ. จากคุณ : เขียนบน iPhone (jojo ST171) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 00:09:10

ความคิดเห็นที่ 86 พวกที่ชอบเอาไปเปรียบเทียบกับ BR นี่เท่าที่อ่าน ๆ มาหลาย ๆ กระทู้ เขาจะมีเหตุผลหลัก ๆ อยู่แค่ 1. เรื่องใด ๆ ก็ตามที่มีการให้คนไปอยู่ที่พื้นที่จำกัดและต้องฆ่ากันเองจนเหลือรอดได้แค่คนเดียว จะถือว่า ก๊อป BR มาทั้งสิ้น 2. เรื่องใด ๆ จาก ข้อ 1 หากไม่มีฉากฆ่าฟันกันเลือดสาด โหด มันส์สะใจ จะถือว่าเป็นหนัง หรือหนังสือกาก ๆ ทันที 3. หากมีผู้พยายามชี้แจงถึงความแตกต่างระหว่าเรื่องทั้ง 2 จะถูกถือว่าเป็นสาวก หรือทีมอวยไปในทันที 4. หากผู้ที่พยายามชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างโดยการยกหนังสือมาอ้างอิง จะถูกถือว่า "ชอบไล่ให้ไปอ่านหนังสือท่าเดียว" 5. แม้ว่าเรื่องอื่นใด ๆ ก็ตามในข้อ 1 จะมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในทุก ๆ ด้าน ยกเว้นเรื่องที่มีการบังคับให้อยู่ในพื้นที่จำกัด และเข่นฆ่ากันเองเท่านั้นที่เหมือนกัน บุคคลกลุ่มนี้ ก็จะถือว่า ก๊อบยุ่นมาแล้วปรับให้เป็นฝรั่ง ไทย จีน ซิมบับเว อูกันดา เสมอ ๆ 6. กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่เคยอ่านบทประพันธ์ของทั้ง 2 เรื่อง อย่างมากก็แค่เคยดูฉบับภาพยนตร์ แต่จะสามารถตัดสินได้ว่า BR ดีเลิศ แต่เรื่องอื่น "กาก" ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลอ้างอิงประกอบ 7. กลุ่มบุคคลเหล่านี้ จะไม่สนใจเลยว่า ฉบับภาพยนตร์ เรื่องหนึ่งได้เรท R แบบกำหนดอายุผู้เข้าชม จึงสามารถดุเดือด เลือดสาด ปาดคอให้เห็นกันจะ ๆ ได้สบายอารมณ์ ในขณะที่อีกเรื่อง ได้เรท PG-13 ซึ่งใช้คำสบถ หรือเห็นเลือดก็แทบจะไม่ได้ 8. คนกลุ่มนี้ พร้อมจะมองข้ามความไม่สมเหตุผลในภาพยนตร์ BR ทิ้งไป แต่จะมองหาเหตุผลรองรับอย่างเข้มงวดอย่างยิ่ง กับเรื่องอื่นที่มีลักษณะร่วมตามข้อ 1 เท่านั้น 8. บุคคลกลุ่มนี้ จะตำหนิเรื่องอื่น ๆ ว่าเหตุผลไม่ชัดแจ้ง โดยไม่สนใจว่านี่เป็นเพียงภาคแรก ซึ่งข้อสงสัยหลาย ๆ ประการจะถูกเฉลยในภาคอื่น ๆ ภายหลัง ในขณะที่ พวกเขาจะแกล้งทำเป็นลืมและไม่พูดถึง BR ภาค 2 ที่ไม่สมเหตุผล และมั่วยิ่งกว่า ย้ำอีกที The Hunger Game มีจุดร่วมที่เหมือนกับ Battle Royal เพียงแค่  ให้เด็กวัยรุ่นถูกบังคับให้ไปอยู่ในพื้นที่จำกัด และต้องต่อสู้กันเพื่อให้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว เพียงเท่านั้นจริง ๆ จากคุณ : เหนื่อยนักก็พักก่อน เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 09:16:15

ความคิดเห็นที่ 87 เง้อ ข้อ 8 มี 2 ข้อซะงั้น 555 จากคุณ : เหนื่อยนักก็พักก่อน เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 09:19:16

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ถูกใจมากค่ะ ทำไมไม่เอาไปเทียบกับ lord of the flies บ้างหนอ ก็สะท้อนการเมืองผ่านสัญชาติญาณดิบของมนุษย์เหมือนกันแถมจิตตกหดหู่ของจริงทีเดียว จากคุณ : nangoing เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 09:35:11

ความคิดเห็นที่ 89 ผมสงสัยอย่างเรื่องนี้ น้องเขต11 ชื่อภาษาอังกฤษสะกดว่า RUE ทำไมแปลออกมาเป็น ริว ริว ริว??? ริวมันควรจะ RYU ไม่ใช่เหรอครับ? ปล.ที่เบอรี่ยังไม่ได้ลุ้นเข้าปากก่อนค่อยตัดจบแข่ง สงสัยว่าพิษมันแรงจัดขนาดว่าแค่อมยังไม่ถึงท้องก็ตายละมั้งครับ จากคุณ : Trisha Foster เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 09:54:29

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณค่ะ คุณ Aekio  คห 77 สำหรับไขข้อข้องใจ กระจ่างเลยค่ะ แล้วก็คุณ BeeJang ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 55 10:25:40 จากคุณ : อาร์ทตัวแม่ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:19:35

ความคิดเห็นที่ 91 เพิ่มอีกนิด เรื่องในหนังสือที่หนังไม่ได้กล่าวถึง คนที่หลบหนี กระด้างกระเดื่อง หรือขัดใจแคปปิตอล ถ้าไม่ถูกฆ่าตายก้อจะต้องกลายเป็น อะว๊อก นั่นคือถูกตัดลิ้นและส่งไปเป็นทาสหรือคนรับใช้ในแคปปิตอล พีต้าเคยเห็นนางเอกหเกือบหิวตายอยู่หน้าบ้านสมัยเด็กๆ เค้าจึงแกล้งอบขนมปังให้ไหม้  จนโดนเฆี่ยนตีอย่างหนัก เพื่อที่จะโยนขนมปังอันนั้นให้นางเอกกิน  เนื่องจากขนมปังถือเป็นของหายากราคาแพงด้วยในเขต12 เขตที่ชนะการแข่งขันจะได้รับอาหารอุดมสมบูรณ์จากทางการตลอดปี  ดังนั้นจึงเกิดมีมืออาชีพในหลายๆเขตที่ฝึกให้ฆ่าตั้งแต่เด็ก เตรียมความพร้อมเมื่อโตขึ้นเข้าสู่เกม ต้องสร้างอิมมเมจให้เป็นที่รักของ  sponsor  สำคัญมาก  เพราะ  sponsor  จะส่งของที่คุณต้องการและจำเป็นมาให้ในเกมได้ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 55 11:18:53 จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:27:33

ความคิดเห็นที่ 92 ดูมาแล้วทั้งสามเรื่อง ถ้าคิดจะเปรียบเทียบ  BR Twilight HG BR : โครงเรื่องคล้าย HG แต่เน้นการฆ่าและกระบวนการฆ่ามากกว่า(แต่จับเด็กมาฆ่ากันเพื่ออะไรอันนี้ลืมไปแล้ว..) เลือดสาด เน้นขายกลุ่มลูกค้าที่ชอบแนวสัญชาตญาณดิบในตัวมนุษย์ ดูเรื่องนี้ เดินออกจากโรงแล้วมี 2 อาการคือ.. สะใจ ไม่ก็ อยากจะอ้วก ดูแล้วเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวใส่พริก 10 ช้อน เผ็ด แต่จืด แบนๆ มีรสชาติด้านเดียว Twilight : หนังรักเน้นๆ รักสามเศร้า นางเอกเก็บกด เป็นเด็กบ้านแตก ขาดความอบอุ่น ขาดผู้ชายไม่ได้ ต้องการการปกป้อง ถ้าจะดูเอาฉากต่อสู้.. จะได้เจอแต่ฉากจูบเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะดูเอาดราม่า.. ไม่มีล่ะ เรื่องนี้แฮ๊ปปี้เอนดิ้งสุขสมหวังทุกคน เข้าทำนอง.. แล้วเจ้าชายเจ้าหญิงก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดกาล.. เป็นโลกอุดมคติมากกกก หน้าตาดีทั้งครอบครัว ไม่แก่-ไม่ตาย มีความสามารถพิเศษเป็น x-men ผัวหล่อ บ้านผัวโคตรรวย แม่ผัวรัก มีลูกน่ารักแถมโตไวทันใช้งาน สมหวังไปหหมดแอบเบื่อ     ดูแล้วเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำตาล 10 ช้อน (=_=) HG : รักสามเศร้า นางเอกซึน มีประเด็นหลายเรื่อง การเมืองการปกครอง วงการมายา แฟชั่น การหาเลี้ยงปากท้อง ครอบครัว การเสียสละ ถ้าจะดูเอาฉากต่อสู้.. เนื่องจากเรทที่เด็กดูได้.. ก็อย่าไปหวังมากว่ามันจะเลือดสาดสะใจ เรื่องนี้แนวคืดโหด แต่ฉากโหดสู้ BR ไม่ได้ ถ้าดูเอาฉากดราม่า.. มีให้ดูเยอะเลย อึดอัด บีบคั้นเล็กน้อย.. ในความแตกต่างของชนชั้น คนรวยสุขสบายสนใจแต่แฟชั่น คนจนใช้ชีวิตยากลำบาก เหมือนเป็นการจัด BR แต่มีรักสามเศร้ามาให้ลุ้นแบบ Twilight มีถ่ายทอดสดเป็นความบันเทิงแบบ(ฆ่ากัน)เรียลลิตี้เหมือน AF ในสถานการณ์การปกครองแบบเกาหลีเหนือ   ดูแล้วเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวที่มีครบทุกรส แต่ถ้าปรุงไม่ดีก็ขาดๆเกินๆได้เหมือนกัน จากคุณ : bunnygirl เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:52:42

ความคิดเห็นที่ 93 เรื่อง Rue อ่านเป็นริวเนี่ย บีจังก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ่ บอกตรง ๆ ว่าขัดใจเล็กน้อย ใครอ่านฉบับไทยนาธาน รบกวนบอกทีค่ะว่าเค้าแปลว่าริวหรือรูว์ ถ้าเค้าแปลว่าริว ซับหนังก็อาจจะอิงจากหนังสือก็ได้ค่ะ หรืออีกเหตุผลที่เป็นไปได้คือคำว่า 'รู' มันเป็นภาษาเขียนภาษาไทยแล้ว มันไม่สวยเท่าไหร่นั้นเอง จะใส่ตัวสะกดการันต์อะไรไปมันก็คงแปลก ๆ แต่แน่ใจว่าน้องเค้าชื่อว่า 'รู' จ้า จากคุณ : BeeJang เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 11:12:48

ความคิดเห็นที่ 94 เข้ามาคอมเมนท์บ้าง เราเป็นคนนึงที่อ่าน BR ทั้งการ์ตูนและดูหนัง ตอนแรกที่ HG ออกตัวอย่างมา ก็คิดว่ามันคงต้องเหมือน BR พอได้ไปดูแล้วจะพบว่ามันมีจุดที่คล้ายกันอย่างเดียวเหมือนที่ คห.86 บอก เราให้ 9/10 สำหรับ 1 คะแนนที่หายไปเพราะรายละเอียดในหนังสือมันเยอะ พอทำหนังออกมาเลยสื่อได้ไม่หมด แต่โดยรวมหนังดีมากค่ะ เราชอบ และกำลังจะไปดู รอบ 2 ตัวละครหลักแสดงได้ดีค่ะโดยเฉพาะ แคตนิส แต่เราหลงรัก พีต้าไปเต็มเปา จอร์จ เล่นได้แบบ อบอุ่นมากกกก BR เราให้ 9/10เหมือนกัน แต่เราไม่คิดจะดูรอบ2 เพราะหนังโหดมาก ดูมากๆ เครียด เพราะตัวเองก็ไม่ใช่คนซาดิสต์สักเท่าไร -.- ที่ให้ 9 เพราะ มันทำออกได้โอเคค่ะ ตมการ์ตูน อาจเป็นเพราะ หนังเองไม่ค่อยสื่อรายละเอียดด้านอื่น รวมถึงหนังสือก็ เน้นฉากโหดเข้าว่าออกแนวการ์ตูนซาดิสต์ -.- เราว่า อย่า เอา HG ไปเทียบกับ BR เรื่องความโหดเลย สู้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าเรื่องโดยรวม เราว่า HG สื่ออะไรได้เยอะกว่า แนะนำให้หาหนังสือมาอ่านตอนนี้เราเองก็เหมา ภาคภาษาอังกฤษมาครบ 3 เล่มเรียบร้อย >.< สบายใจ เรื่องมุมกล้องไม่มีปัญหาเรื่องเวียนหัวนะ ดูได้สบายใจ จากคุณ : PuppYJr. เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 12:01:13

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้า HG คล้าย BR งั้นหนังสายลับ หนังมนุษย์ต่างดาว หนังผี ก็อปหมดสินะ ทำไมล่ะ?......ก็โครงเรื่องมันคล้ายกัน........ /facepalm จากคุณ : Amadeuz Wolfgang เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 12:50:18

ความคิดเห็นที่ 96 เราอ่านหนังสือนะคะ แล้วก็ชอบหนังสือมากๆ เรียกว่าเป็น Young adult fiction ที่ชอบที่สุดเรื่องนึงเลยค่ะ นิยาย YA ปกติส่วนมากธีมหลักก็เป็นการต่อสู้กันระว่าง good vs evil ซึ่ง YA ส่วนใหญ่ก็จะออกแนวไปทางแฟนตาซีบ้างอะไรบ้าง ฝ่่ายผู้ร้ายมีพลังวิเศษ ไม่ใช่คน ฯลฯ แต่เรื่องนี้ที่เราชอบเพราะเป็นการต่อสู้ระหว่างคน กับคน ที่ต่างชนชั้น และเขียนเสียดสีสังคมได้ดีมากๆ ในหนังก็ทำได้ดีระดับนึงเลยค่ะ ชอบในหลายๆจุด แคทนิสที่แทบจะเดินออกมาจากหนังสือ แล้วก็ได้เห็นมุมมองตัวละครอื่นๆด้วย ซึ่งเ็ป็นสิ่งที่เพิ่มมาจากหนังสือ เพราะในหนังสือเราจะเห็นมุมมองของแคทนิสอย่างเดียว เราว่าคนที่อ่านหนังสือ และจับประเด็นหลักของหนังสือได้ส่วนใหญ่ น่าจะชอบหนังนะคะ เพราะเป็นเหมือนการเติมจินตนาการเข้าไปอีก สำหรับจุดที่เราคิดว่าขาดนะคะ ความยากลำบากของคนในดิสตริคต่างๆ เราว่ายังเน้นย้ำไม่พอค่ะ ในหนังสือเราอ่านความคิดของแคทนิสล้วนๆ ทำให้เข้าใจสภาพสังคมโหดร้ายมากๆ แต่ในหนังยังไม่เห็นภาพเท่าที่ควร เช่นตรงที่ัตัดเรื่อง tesserae ออกไป ไม่มีพวก Avox หรือความโหดของพวกพีซคีปเปอร์ (ซึ่งอาจจะเด็กๆไปเลยเมื่อแคทนิสไปเจอโลกนอกเหนือจาก ดิสตริค12) ความสามารถในการพูดจูงใจคนของพีต้า ความรู้สึกของแคทนิสที่มีต่อพีต้า เมื่อรู้ว่าพีต้าขอแยกซ้อมเดี่ยว หรือตอนที่ไปเข้าพวกกับ Career ฯลฯ ความโหดของสภาพแวดล้อมในเกม ที่แคทนิสแทบจะขาดน้ำตายไปตั้งแต่แรกๆ ความสัมพันธ์ของแคทนิสกับรู ในหนังสือจะสื่อชัดกว่านี้ เพราะรูในสายตาของแคทนิส เป็นเหมือนตัวแทนของพริม ทำให้ตอนรูตายนี่ในหนังสือสะเทือนอารมณ์มากๆ เราอ่านแล้วน้ำตาร่วงเลย ซึ่งตรงนี้เราว่าในหนังก็ทำได้ดีแล้วค่ะ ตอนที่ลากยาวไปถึงจลาจลด้วย แต่ถ้าหนังปูเรื่องรูมากกว่านี้อีกนิดจะดีมากๆ แต่ที่เสียดายสุดๆคือฉากเบอร์รี่ค่ะ น่าจะทำได้ถึงอารมณ์มากกว่านี้หน่อย อันนี้มันง่ายไป ตัดเร็วไปนิด ในหนังสือนี่แคทนิสเอาเข้าปากไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าทำได้กดดันกว่านี้ impact ที่มีต่อเรื่องจะแรงมาก ซึ่งมันก็ลากยาวไปถึงภาคต่อๆไปด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลาด้วย บวกกับหนังสือเรื่องนี้แทบไม่มีกระแสเลยในประเทศไทย ผิดกับตปท.ที่ดังมากๆ (อาจจะด้วยฉบับไทยแปลห่วยด้วย) หลายๆคนเลยเข้าใจหน้าหนังผิดไปเยอะ ทำให้ผิดหวังกันค่ะ จากคุณ : ถ้วยน้ำชา กับเทวดาตัวจิ๋ว เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 19:25:54

ความคิดเห็นที่ 97 ในฐานะที่อ่านหนังสือแล้ว เราอ่านฉบับภาษาอังกฤษนะคะ รายละเอียดหลายๆอย่างจะได้มากกว่า เพราะในหนังมีการตัดและเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆบางอย่างด้วย ในหนังสือตอน Rue ตาย เราร้องไห้อ่ะ มันซึ้งกว่าในหนังค่ะ คนเขียนคนนี้จะชอบบรรยายมาก เปิดฉากแรกของเรื่องนี่บรรยายซะละเอียดยิบ แล้วตอนจบในหนังสือพีต้าหัวใจสลายยิ่งกว่านี้ค่ะ ในหนังนี่ซอฟท์ลงล่ะ อ่านหนังสือแล้วสงสารพีต้ามาก แต่ถือว่าหนังทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว ถ้าจะอ่านหนังสือ แนะนำอ่านฉบับภาษาอังกฤษนะคะ :)) อ่อ แล้วก็ดูเหมือนจะมีหลายคนเข้าใจผิด เห็นเอาไปเทียบกับ BR กัน เรื่องนี้ไม่ได้เน้นที่เป็นเกมส์ ฆ่ากันให้ตาย เลือดสาดนะคะ มันมีปมอะไรที่มากกว่านั้น จริงๆแล้วฮังเกอร์ เกมส์ เหมือนเป็นแค่ชนวนเอง ดูภาคต่อไปแล้วน่าจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ จากคุณ : Soleindee เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 19:45:39

ความคิดเห็นที่ 98 ดูมาแล้ว ชอบ และ ไม่ผิดหวัง แต่หนังมันทำให้เรา ต้องไปตระเวนหาหนังสือมาอ่านอ่ะ หายากซะด้วย อืมมมม จากคุณ : Wherever You Go เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 20:17:07

ความคิดเห็นที่ 99 เป็นเหมือน คห. 98 เราดูเรื่องนี้เพราะอ่านรีวิว มุมมองจากคนไม่รู้จักหนังสำหรับเราที่ดูทั้ง BR และ HG  เราประทับใจทั้งสองเรื่องนะ สิ่งที่ยากลำบากสุดของการดูหนังเรื่องนี้จบ คือ การตระเวนหาหนังสือทั้งสองภาษา (ตอนนี้ใจไปที่ภาษาอังกฤษมากกว่า) ตจว อย่างเราหาไม่ได้เเล้ว เจ็บใจสุดก็คำว่า "มีค่ะ....เอ้อ!! ขอโทษค่ะพี่ เพิ่งหมดไปเมื่อวาน" ช้าไปวันเดียว!!! จากคุณ : เทียนลอย เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 22:19:28

ความคิดเห็นที่ 100 ได้หลาย feel ดีค่ะ ครบ แต่ไม่ค่อยสุด เหมือนขาดอีกนิด อิอิ แต่สรุปว่าชอบค่ะ ทำได้ดีเลย ^^ จากคุณ : Stars Falling From the Sky เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 22:41:43

ความคิดเห็นที่ 101 รีวิวได้ดีทีเดียวค่ะ เห็นด้วยมากๆ โดยเฉพาะตรงส่วนจุดด้อยเรื่องมุมกล้อง มีหลายฉากที่เวียนหัวและดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่สนุกดีค่ะ ไม่เสียดายค่าตั๋วเลย ^^ จากคุณ : ด้วยรักและหัวใจ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 23:01:44

ความคิดเห็นที่ 102 คิดว่าสาเหตุนึงที่รายชื่อในโถของแคทนิสมีน้อยกว่าเกล เนื่องจากแคทนิสคงจะแอบหาเลี้ยงครอบครัวจากการล่าสัตว์ด้วยค่ะ ทั้งขายและอาจนำไปทำอาหารเอง ไม่เคยอ่านหนังสือเลยนะคะ แต่เพิ่งไปดูหนังมาวันนี้ค่ะ ชอบมาก ร้องไห้ตอนริวตายด้วย ทั้งที่ปกติจะร้องไห้ในโรงหนังยากมาก ส่วนมุมกล้องที่ว่ามึนหัว ก็ไม่เท่าไหร่นะคะ เพราะเข้าใจสถานการณ์ในหนังว่าต้องการทำแบบสื่อภาพและอารมณ์ของนางเอก ไม่รู้สึกมึนค่ะ อีกอย่างต้องต่อสู้กัน ต้องเร็วด้วย ภาพเลยต้องตัดไปมา มาอ่านรีวิวก็ยังงงอยู่ว่าทำไมมีคนไม่ชอบเรื่องการถ่ายมุมกล้องเยอะจัง ก็เฉยๆนะ และก่อนไปดูก็อ่านรีวิวอยู่ค่ะ เห็นเค้าบอกว่าเป็นหนังเน้นดราม่ามากกว่าแอ็คชั่นเลยพอจะเข้าใจหนังก่อนดูแล้วค่ะ ไม่คาดหวังความโหดเลือดสาดมาก แต่ในหนังก็มีให้เห็นในช่วงแรกบ้างนิดหน่อย ชอบอารมณ์ของแคทนิสก่อนที่จะต้องเข้าสู่สนามประลองของจริง เห็นได้ว่าเธอสั่นเลย แต่ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้ รู้สึกเครียดแทนตัวละครมากๆ ก่อนเริ่มเกม แต่ก็ดีที่ไม่เครียดตลอดทั้งเกม ไม่งั้นแย่แน่ๆ เพราะฉะนั้น คิดว่าการที่ตัวละครมีการพักการต่อสู้บ้างก็ดีแล้ว ไม่งั้นเครียดไป สำหรับพิต้า อ่านในกระทู้นี้แล้ว ทำไมส่วนมากคนจะชอบพิต้า แต่เราเฉยๆนะ อาจเป็นเพราะไม่เคยอ่านในหนังสือ ออกจะคิดว่าพิต้าไม่ได้ชอบนางเอกจริงๆเสียอีก ตั้งแต่ตอนที่ไปเข้าพวกกะคนอื่น แต่ที่ทำดีกะนางเอกเพราะอาจต้องการสร้างกระแสโปรโมต ตั้งแต่ตอนที่ให้สัมภาษณ์ ในหนังก็เลยรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอตอนในถ้ำก็เกิดรู้สึกสับสนว่า เออ พิต้าอาจชอบนางเอกจริงๆก็ได้ แต่นางเอกนี่สิ ชักจะไปตามเกมเป็นแล้ว และไม่แน่ใจว่าจริงใจกับพิต้าหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ แคทนิสชอบกับเกลมานานแล้ว ก็คงไม่น่าจะเปลี่ยนใจ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่คงจะไปหาหนังสือทั้งสามภาคมาอ่านแน่นอน ดูหนังแล้ว อยากอ่านหนังสือมากๆ จากคุณ : rociorangel (rocio) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 23:30:57

ความคิดเห็นที่ 103 ประเด็นนึงที่สงสัยมากๆ คือ ทำไมตอนที่นางเอกเกือบถูกฆ่าตอนไปเอายาให้พิต้า ผู้ชายเขต 11 กะผู้หญิงจากอีกเขตนึง (จำไม่ได้ใช่เด็ก orphan รึเปล่า) ทำไมถึงรู้ว่าแคทนิสกะริว (rue) เป็นเพื่อนกัน แต่ทำไมถึงไม่รู้ว่าริวตายยังไง อย่างที่ผู้หญิงพูดว่าชั้นนี้แหละเป็นคนฆ่าริว และผู้ชายเขต 11 ได้ยินเข้าก็โกรธฆ่าตาย (ทั้งที่ความจริงคนฆ่าริวเป็นผู้ชายจากอีกเขตตะหาก) แต่เว้นนางเอกไว้ เหมือนกับรู้ว่าริวกะนางเอกเป็นเพื่อนกัน เค้ารู้ได้ไง หนังทำให้สงสัยประเด็นเรื่องการตายของพ่อนางเอก อยากให้ชัดกว่านี้ไม่รู้หนังสือจะมีหรือเปล่า อันนี้ความเห็นส่วนตัว การที่สโนว์ไม่ฆ่าแคทนิสให้ตายไปซะเลย อาจเนื่องจากเกมดำเนินไปแล้ว และยังไม่จบและสปอนเซอร์ก็กำลังลุ้นกับนางเอกด้วย ยังฆ่าให้ตายไม่ได้ เดี๋ยวเกมไม่ได้เงิน และก็คงจะเป็นเพราะแผนที่ตั้งใจจะหักมุมตอนท้าย ทำให้การที่คนรักฆ่ากันน่าจะสะใจคนดูใน capital มากสุด และสื่อถึงความเห็นแก่ตัวในการเอาชีวิตรอด แต่ถ้ากินเบอรี่ตายทั้งคู่ประเด็นของเกมจะพลิกไปเลยทำให้ต้องรีบจบเกมซะงั้นดีกว่าเพราะ ณ จุดนั้นคงควบคุม tribute ทั้งคู่ไม่ได้แล้ว แต่ทีนี้ .. การมีผู้ชนะสองคน หมายถึงว่า สุดท้ายพิต้าก็ต้องมาแข่งมาฆ่ากะแคทนิสอีกรอบในภาคต่อไปใช่ไหมคะ ไม่อยากให้เป็นงั้นเลยอ่า จากคุณ : rociorangel (rocio) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:36:15

ความคิดเห็นที่ 104 ผมว่า เค้าคงคิดว่า ถ้าเขียนชื่อน้องว่า "รู" สงสัยคนคงนั่งหัวเราะฮิฮิกันทั้งเรื่องแน่คับ - -' หรือถ้าเขียน "รือ" ก็ฟังดูแปลกๆ ชอบกล เลยใช้เป็น "ริว" นี่แหละ ฟังดูชื่อปกติสามัญชนสุดแล้วสำหรับคนไทย - -' ส่วนเรื่องนี้ ผมว่าตอนปูเรื่อง ทำได้ดีมากๆ ชอบอินโทรมาตลอด (ถึงช่วงซึ้งจะยังทำให้อินไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่านางเอกเล่นดีจริง) เห็นด้วยว่าพอเกมส์เริ่ม ช่วงแรกๆ นั่งลุ้นตัวโก่งเลย แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ มันกร่อยลงอะคับ ความตื่นเต้นมันหายไปหมด ประเด็นเริ่มไม่เหลือ กลายเป็นน่าเบื่อแทนหลายๆ ช่วง จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 03:35:42

ความคิดเห็นที่ 105 #คห. 103 คือจริงๆผู้ชายที่ฆ่ารูห์คือมาร์เวลจากเขต 1 ค่ะ เขต 1 และเขต 2 เป็นมืออาชีพและจริงๆจะเห้นตั้งแต่ต้นเรื่องว่าพวกนี้ทำงานกันเป็นทีม ทั้งโคลฟ คาโต้ มาร์เวล และกลิมเมอร์ ก็คือตอนที่มาร์เวลขว้างหอกไปแทงรูห์เนี่ย แคทนิสก็ยิงธนูปักคอใส่แล้วก็คือทั้งรูห์และมาร์เวลตายทั้งคู่ บางทีหลังจากนั้น ก็คือาจมีเสียงปืนใหญ่สองเสียงและทางแคปปิตอลจะฉายภาพผู้เสียชีวิต ทั้งโคลฟและคาโต้อาจเห้นจากภาพ ว่ารูห์ตายและมาร์เวลตาย จากคุณ : มิสซิสคัลเลน เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:33:44