ความคิดเห็นที่ 1 ต่อ...            ดังนั้นใน Tinker Tailor Soldier Spy ผู้ชมจะเหมือนผู้สังเกตุการณ์ ที่คอยปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง (ราวกับการนั่งฟังการสนทนาของนักฟิสิกส์ 2 คน โดยที่คุณไม่เคยเรียนฟิสิกส์มาก่อน แถมพวกเขาก็ไม่หันมาอธิบายศัพท์เฉพาะทางให้ฟัง)            ผู้ชมจะต้องประมวลผลถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อีกรอบเมื่อหนังจบ ไม่ต่างจาก Smiley ที่ต้องประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตระหว่างสืบสวน            ดังนั้นการรับชมในรอบที่สอง น่าจะทำให้ผู้ชมเห็นจุดเล็กจุดน้อย และเข้าใจเรื่องราวต่างๆมากขึ้น แม้ว่าความรู้สึกสงสัย ใครรู้ว่าใครคือ “หูด” หรือความระทึกจากเรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้จะหายไปแล้วก็ตาม            ด้วยรูปแบบการเขียนบทที่ไม่ธรรมดาและชาญฉลาดแบบนี้นี่เองที่ต้องชมไปที่เจ้าของเรื่องอย่าง le Carre และทีมผู้ดัดแปลงบท Bridget O'Connor และ Peter Straughan ที่สร้างโลกสายลับที่สมจริง เข้มข้น อย่างไม่ประนีประนอม จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:52:06

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อ...            Tinker Tailor Soldier Spy เน้นไปที่ความซับซ้อน และความเป็นไปได้ของเรื่องราว โดยปราศจากฉาก Action ใหญ่โต หรือเรื่องราวที่ชวนประหลาดใจ คล้ายกับว่านี่เป็น “บทบันทึกการทำงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งของ Smiley” มากกว่าจะมุ่งประเด็นไปที่เรื่องราวอันน่าตื่นเต้น เหนือคาด หักมุมแบบคาดไม่ถึง หรือมีเรื่องราวที่ใหญ่โต ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงระดับโลก ในลักษณะที่พบได้บ่อยในหนังสายลับเรื่องอื่นๆ            ขณะเดียวกัน หนังไม่ได้ต้องการสะท้อนอุดมการณ์ทางการเมือง หรือมุ่งประเด็นไปที่การวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในยุคสงครามเย็นแม้แต่น้อย            หนังไม่ได้พยายามยัดเยียดอุดมคติทางการเมือง หรือโน้มน้าวว่าฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูก หนังให้ภาพทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกันในแง่ศีลธรรม ต่อสู้กันด้วยวิธีการที่ไม่ต่างกัน ดังนั้นแม้จะมีตัวละครใดที่ทรยศ หรือหักหลังฝ่ายตน ผู้ชมก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย หรือตะขิดตะขวงในใจ แต่กลับตระหนักได้ว่า ทุกคนมีสิทธิในการเลือกข้างอย่างเท่าเทียม เพราะจะว่าไปแล้วทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ หนำซ้ำผู้ชมน่าจะรู้สึกเห็นใจบรรดาตัวละครทั้งหลายที่ต้องเข้ามาอยู่ในวังวนนี้เสียด้วยซ้ำ            ดังนั้น สิ่งที่หนังต้องการจริงๆก็คือ การสะท้อนภาพชีวิตของบรรดา “คนในวงการสายลับ” ในยุคนั้น ว่าพวกเขาทำอะไร และต้องรับมือกับอะไรบ้างก็เท่านั้น จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:53:21

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อ...            การที่หนังอยู่ภายใต้การกำกับของ Tomas Alfredson ที่เล่าเรื่องราวแบบเรื่อยๆ ไม่พยายามเร่งเร้าอารมณ์จนเกินงาม โดยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นตัวสร้างความเข้มข้นน่าติดตามด้วยตัวของมันเอง ถือเป็นการ “ให้เกียรติ” เรื่องราวของ le Carre ให้ได้แสดงศักยภาพอย่างที่มันควรจะเป็น และนี่ยังเป็นการขับเน้นถึงประเด็นของเรื่องได้อย่างเต็มที่            สิ่งที่ Alfredson เลือกใช้ในการสร้างอารมณ์อันตึงเครียด ก็คือการสร้างบรรยากาศโดยรวมที่ไม่น่าไว้วางใจ คาดเดาไม่ได้ ผ่านการถ่ายภาพ และการเคลื่อนกล้องที่ชวนอึดอัด            เมื่อรวมกับดนตรีประกอบของ Alberto Iglesias ที่ฟังดูวังเวง ไม่ชอบมาพากลแล้ว เพียงแค่ฉากธรรมดาอย่างการบอกเลิกคู่ขาที่เป็นเกย์ของ Peter (Benedict Cumberbatch) ก็ให้ความรู้สึกกดดัน ตึงเครียด ราวกับจะเกิดเหตุฆาตรกรรมขึ้นยังไงยังงั้น            ผู้กำกับ Alfredson ยังใส่ประเด็นเกี่ยวกับเพศที่สามเข้ามา (โดยเฉพาะชายรักชาย) ไม่ต่างจากผลงานสร้างชื่ออย่าง Let the right one in (ที่ส่วนตัวแล้วไม่ได้ชอบมากมายนัก เพราะชอบ Version ของ Matt Reeves มากกว่าเล็กน้อย) เพียงแต่ในคราวนี้อาจจะดูเกินพอดีไปสักนิด แม้จะมีเหตุผลที่รองรับอยู่ก็ตามที จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:54:27

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อ...            Gary Oldman มอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมในบท George Smiley ด้วยท่าทีที่พูดน้อย เคลื่อนไหวน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง และความน่าเกรงขาม ซึ่งนี่เป็นการเปิดโอกาสให้ Oldman ได้แสดงฝีมือเต็มที่              ฉากที่น่าจดจำของ Oldman ก็คือฉากที่เขาเล่าถึงการเผชิญหน้ากับ Karla เมื่อหลายปีก่อนให้ Peter ฟัง ซึ่งในฉากนี้ผู้ชมจะรับรู้ได้ถึงตัวตนของตัวละคร Karla แบบเต็มๆ หลังจากที่เคยถูกเอ่ยถึงมาหลายครั้งก่อนหน้านี้            ซึ่งการที่ตัวละคร Karla กลายเป็นที่จดจำ และกลายเป็นตัวละครที่น่าหวั่นเกรงมากที่สุดตัวละครหนึ่งในหนัง ทั้งที่แทบจะไม่ได้ปรากฎตัวแบบเต็มๆสักครั้งนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Oldman ในฉากนี้นี่เอง            ขณะที่นักแสดงอื่นๆในบทสมทบ หนังได้ยอดฝีมือชาวอังกฤษทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่นับไม่ถ้วนมารับผิดชอบ ถึงแม้หนังจะไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงฝีมืออะไรมากนัก แต่ว่าทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดี จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:55:20

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อ...            Tinker Tailor Soldier Spy เป็นหนังสายลับที่มีสไตล์โดดเด่นและแตกต่างมากที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคปัจจุบัน แม้หนังจะยังคงเอกลักษณ์อันเป็นรูปแบบที่ซ้ำซากของตระกูลหนังสายลับที่ว่าด้วย การหลอกลวง การหักหลัง การล้วงความลับ และการหาตัวคนผิด            แต่การที่หนังเน้นไปที่การนำเสนอเรื่องราวชีวิตของบรรดาผู้คนในแวดวงสายลับ ที่นอกจากจะต้องหวาดระแวงจากเรื่องงานแล้ว เรื่องส่วนตัวของพวกเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น            นี่เองทำให้ประเด็นสำคัญที่แอบแฝงอยู่ในหนังสายลับแทบทุกเรื่อง ถูกกระตุ้นให้ผู้ชมฉุกคิดขึ้นมาได้ก็คือ                     “กระทั่งกลุ่มคนที่โกหก หลอกลวง กันทุกที่ทุกเวลา จนแทบจะไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้อีก แต่ลึกลึกแล้วพวกเขายังคงเรียกหาสิ่งที่เรียกว่า ความจงรักภักดี” จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:56:31

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรือมีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับหนังอย่างไรคุยกันได้ครับ สำหรับใครที่อยากอ่านในรูปแบบ Blog ที่มีการให้คะแนนของผมด้วย ก็เชิญตาม Link เลยครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=04-2012&date=02&group=2&gblog=100 ขอบคุณที่อ่านและแสดงความเห็นครับ จากคุณ : navagan เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 20:59:57

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นหนังที่มึนตึบหลังจากดูเสร็จ ไม่ใช่หนังไม่ดี เพราะบรรยากาศ การแสดงก็ทำให้ตามเรื่องราวได้เรื่อยๆ แต่เรื่องราวมันเยอะ ตัวละครเยอะ จนสับสนและหลงลืมเป็นระยะ อยากหามาดูอีกสักรอบหลังจากเข้าใจเนื้อหาหลักๆของเรื่องแล้วส่วนหนึ่งจากการดูครั้งแรก น่าจะสนุกขึ้นมากๆ ปล. เคยดูหนังที่สร้างจากหนังสือจอห์น เลอคาร์เล่อีกเรื่องคือ The Russia House ก็มึนเหมือนเรื่องนี้ แต่พอดูซ้ำอีกรอบสนุกมากๆ จากคุณ : I'm wu เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 22:00:55

ความคิดเห็นที่ 8 ขอยอมรับว่า ดูไม่รู้เรื่องเลยยยยยยยยยยย จากคุณ : Giant-Garuda เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 22:25:01

ความคิดเห็นที่ 9 ดูครั้งแรก...มันก็มึนจริงๆนั่นแหละจ้ะ...ด้วยความที่ตัวละครเยอะ...เรื่องราวก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย... แต่กระนั้นก็ชอบมาก...เราว่าเขา "เนี้ยบ" มากๆเลย... ยิ่งเราได้ไปดูซ้ำอีกครั้ง.... ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีกหลายเท่า...ด้วยเข้าใจและตามเรื่องได้ทันมากขึ้น... เก่งมากๆ... จากคุณ : .....**{~_^}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 22:42:26

ความคิดเห็นที่ 10 มันเยอะไปหมดจน ผมต้องปิด และหาแรงบันดาลใจที่ต้องดูเรื่องนี้ต่อ 555 จากคุณ : Knowe เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:01:55

ความคิดเห็นที่ 11 เราชอบเรื่องนี้มากค่ะ ปรกติเราไม่ชอบหนังสายลับเลย เพราะมันก็พล็อทเดิมๆ สาดแอ็คชั่น ตัวละครเก่งเวอร์ แต่เรื่องนี้ ถึงจะพล็อตเก่า แต่การนำเสนอเนี่ย ทำเอาเรามึนงง เหมือนโดนอัปเปอร์คัทเข้าไปเต็มๆ จนต้องกด play เพื่อดูซ้ำรอบสองในทันทีทันใด จุดที่เราชอบก็มี การเล่าเรื่องที่ไม่ประติดประต่อ รายละเอียดเล็กๆที่วางอยู่แทบทุกฉากในหนัง ที่ถ้าพลาด หมายถึง ดูไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว บรรยากาศของหนังที่ดำเนินไปเรื่อยๆ แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด Gary Oldman (^_^) โปรดัคชั่นที่เนี้ยบมาก ยุโรปยุค 70 โอ้ อยากนั่งไทม์แมชชีนไปเดินเล่นสมัยนั้นเลย เพลง La Mer ตอนจบเรื่อง เนื้อเพลงแสนจะสุขสันต์ แต่ตอนดูหนัง มันทำให้เราเศร้ามาก (คงเพราะเรารัก Colin Firth) ส่วนประเด็นเกย์ เราไม่รู้สึกว่ามากเกินไป เพราะเราไม่เคยอ่านต้นฉบับนิยาย จึงไม่รู้ว่าในนิยายนั้น มีประเด็นนี้มากน้อยแค่ไหน บวกกับหนังดำเนินเรื่องในยุค 70 ที่เราไม่ทันได้รับรู้ว่า การเป็นเกย์สามารถเปิดเผยได้มากน้อยแค่ไหน ณ ตอนนั้น แต่จากตัวละครทั้ง Colin Firth และ Benedict Cumberbatch เราคิดว่า ยุคนั้น การเป็นเกย์เป็นสิ่งที่จำต้องปกปิดมากกว่าเปิดเผย เป็นหนังแบบที่ยิ่งดูมากรอบ ก็ยิ่งชอบ ปล. ซับไทยมีจุดที่ผิดด้วย ตอนเราดู เราต้อง pause แล้วย้อนกลับไปดูและฟังซ้ำใหม่ จากคุณ : Everything you know is wrong เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:33:12

ความคิดเห็นที่ 12 ขออนุญาตคุณ navagan โพสท์เพลง La Mer จากคุณ : Everything you know is wrong เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:36:39

ความคิดเห็นที่ 13 รอวันหัวโล่งๆจะเปิดดูครับ จากคุณ : jazpada เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:59:00

ความคิดเห็นที่ 14 ดูไป 10 นาที จะหลับล่ะ แต่มีจุดให้น่าติดตาม ก็เลยดูต่อ ผ่านไปอีก 10นาที จะหลับอีกล่ะ ไม่มีไรทำดูต่อให้จบล่ะกัน แล้วก็ หลับ T^T จากคุณ : BarOnz เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:59:23

ความคิดเห็นที่ 15 ดูแล้วหลับเลยตอนแรก เป็นครั้งแรกที่ต้องดูหนังถึง 2 ครั้ง เพราะเสียดายค่าแผ่นหนัง ตอนจบงงมาก ว่าคนที่มาฆ่าหูด มาฆ่าทำไม แก้เเค้นหรืออะไรยังไง งง จากคุณ : ยิ้มระรื่น ชื่นบาน เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:07:06

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ จขกท. หายไปนานเลยน่ะค่ะ จากคุณ : ยิ้มระรื่น ชื่นบาน เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:11:10

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นหนังที่นิ่งๆเงียบๆ แต่จะว่าไปก็เหมาะกับแนวเรื่องดีนะคะ ลุงสไมลี่คนเดียวก็นิ่ง จับอารมณ์ลำบากมาก จนบางทีแอบคิดว่า ...มันจะหักมุมว่าเป็นแกซะเองรึเปล่าที่เป็นหนอน พอมีมุมนี้ให้แอบคิด ฉากที่สไมลี่เรียกปีเตอร์ไปคุยตัวต่อตัวในห้องนั่นลุ้นมากเ้ลย ว่าตกลงจะเล่าอะไรกันแน่ 555 ลุงรักองค์กรมากจริงๆ นับถือๆ   แต่ที่ชอบที่สุดคือฉากสุดท้ายค่ะ เพลงกับจังหวะมันลงตัวมาก ลุงยังนิ่งเหมือนเดิม ไม่ยิ้มตอบลูกน้องเล้ยย พอมานั่งประจำโต๊ะเป็นบอสแล้วแบบ โววว ผู้ชนะใสๆ พร้อมกับเสียงปรบมือ ^ ^ จากคุณ : momo lawleit เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 02:11:57

ความคิดเห็นที่ 18 ยอมรับเลยว่า ดูหนังเรื่องนี้เสร็จแล้วรู้สึก คันหูดมาก เพราะดันไม่ตั้งใจดู เลยทำเอามึนตึ้บ 555 แต่ชอบฉากที่ลุงแกพูดถึง คาร์ล่า เหมือนกัน กล้องจับที่หน้าลุงแกโคลสอัพ เล่นปล่อยของเต็มที่ เป็นฉากที่ดูเยือกเย็น วังเวง น่ากลัว อย่างบอกไม่ถูก จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 13:11:10

ความคิดเห็นที่ 19 จขกท เก่งมาก จับประเด็นเรื่องนี้ได้ขนาดนี้ เราดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่พอใกล้ๆจะจบนั้นแหละถึงพอเข้าใจบ้าง เพราะหนังมันตัดสลับเหตุการณ์บ่อยจนไม่รู้เรื่องไหนเกิดก่อนหลัง ถึงจะไม่หวือหวามาก ไม่มีแอคชั่นแต่บทคมเชือดเฉือนจับผิดกันด้วยการกระทำและคำพูด ดูได้เรื่อยๆคะ อาจเป็นเพราะป๋าแกรี่ด้วยที่ทำให้ดูได้จนจบ--' จากคุณ : บ่ซ้ำแล้วเน้อ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:20:19

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากเลยค่ะที่มาเปิดกระทู้วิจารณ์ เราเพิ่งดูจบไปเมื่อวานซืน ชอบมากๆเลย แต่อยากจะดูซ้ำรอบ2 เพราะตัวละครเยอะเหลือเกิน (เราก็จำหน้าคนไม่เก่งอีก) ชอบวิธีการเล่าเรื่องมาก ที่มันดูเป็นชีวิตส่วนตัวของสายลับจริงๆ ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้เห็นจากหนังสายลับทั่วๆไป ในเมื่อเป็นสายลับเราคิดว่า ถ้ามันเกิดมีเหตุต้องประทะกับศัตรูซึ่งๆหน้า นั่นหมายความว่าคุณทำงานพลาดนะ เราเลยชอบหนังสายลับแบบนี้มากกว่า ต้องยอมรับว่าลุงGaryแสดงดีมากจริงๆ บรรยากาศในหลายๆฉากถูกสร้างขึ้นมาเพราะ ลุงแกเข้าฉากเลยนะนั่น อย่างตอนที่Peterบอกเลิกกับแฟน เรารู้สึกว่าเค้าทุ่มเทและจริงใจมากๆ เพราถ้าปล่อยให้เป็นอย่างเดิมต่อไป คงมีแต่ทำให้คนรักเดือดร้อน ดูจบแล้วอยากอ่านหนังสือต่อเลยค่ะ เพราะอยากรู้เรื่องราวแบบละเอียดๆ เห้นว่าจะมีแบบแปลไทยปลายปีนี้รึเปล่าไม่แน่ใจ จากคุณ : kizu (kizu666) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 22:15:28

ความคิดเห็นที่ 21 งง จิงๆอ่ะ เหมือน คห 15 คนนั้นมายิงทำไม จากคุณ : KIRO64 เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 20:57:18

ความคิดเห็นที่ 22 ข้องใจมากก็เลยถามอากู๋ ดู คห 15 ดูจากเว็บนี้ http://malnurturedsnay.net/2011/12/29/tinker-tailor-soldier-spy-i-can-explain-it-to-you/ AirNair ถามว่า  Why did Jim shoot him at the end?? แล้ว จขกท ก็บอกว่า AirNair – Because if Bill had never become a Soviet agent, Jim never would’ve been shot in the back in Hungary trying to find out who the Russian mole was. If Jim had never been shot, his networks of agents never would have been compromised during his interrogation and he wouldn’t be spending the rest of his days teaching kids who called him “the hunchback of Notre Dame” behind his, er, hunched back. แต่แปลเองน่ะ ผมกลัวแปลไม่ถูก แหะๆ จากคุณ : KIRO64 เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 21:54:48