เอาจริงๆนะ คำว่าไม่รู้นะ เป็นคำที่ใช้พูดเวลาไม่ได้อยากถกด้วยเหตุผล และถึงกึ๋นเท่านั้น
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า มินนี่ไม่ใช่คนวัดนี้ แต่รู้จักคนหวังพุทธภูมิหลายท่าน และท่านเหล่านั้นได้เล่านิทานชาดก หรือหาพระไตรปิฎกมาให้อ่านเล่นสนุกๆ จึงได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนาหลายๆเรื่อง แต่เราก็ไม่ได้รู้เองด้วยตัวเอง ดังนั้นถูกผิดประการใด ขออภัยไว้ตรงนี้ และอย่าเพิ่งเชื่อค่ะ และเราไม่ได้เป็นชาวพุทธอะไรมากค่ะ เพราะเราไม่สวดมนต์เลย ไม่ได้ทำหลายๆอย่างแบบชาวพุทธ แต่เราสนใจเท่านั้นเอง
ข้อแรกเลยนะคะ เราไม่เข้าใจที่ใครๆเอามาล้อเลียนหรือกัดจิก ถ้ายิ่งทำไปเพราะรักพระพุทธศาสนาและคิดว่าวัดพระธรรมกายทำไม่ถูก ยิ่งแปลกค่ะ เพราะถ้าคุณรักพระพุทธศาสนาขนาดนั้น ทำไมไม่มีศีล นี่ก็ผิดทำนองส่อเสียดจิกกัดแล้วนิคะ แล้วมันก็ยิ่งน่าจะเข้าใจยากไปใหญ่ ถ้าคุณเป็นแค่พุทธทะเบียนบ้าน หรือพุทธนิกายอื่น วันเชงเม้งยังเผากระดาษเงินกระดาษทอง กินเจก็อย่าไปว่าเขาเลยค่ะ ถ้าคุณไม่รู้อะไรแล้วสำคัญไปกว่านั้น "ไม่ได้อยากรู้อะไร" และยิ่งแปลกเข้าไปอีกค่ะ ถ้าคุณถือศาสนาอื่น เพราะความเจริญหรือเสื่อมของศาสนาพุทธ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ และจะแปลกที่สุดถ้าคุณไ่ม่มีศาสนา เพราะศาสนาไหนก็สอนเรื่องเหนือโลกทั้งนั้นหละ
คือถ้าเ็ป็นพุทธ แล้วไม่เข้าใจไม่ชอบอะไรก็พูดกันอย่างมีเหตุผลกันไป ไม่เห็นต้องจิกกัดเลย เพราะถ้าทำเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ก็น่าจะทำอย่างบัณฑิตทำกัน คือพูดกันด้วยเหตุผลด้วยปัญญาค่ะ จิกกัดมันไร้ประโยชน์ เป็นเรื่องของคนพาล ดูถูกความคิดคนอื่น
ประเด็นที่สอง อันนี้เราคุยกับคนที่ไม่ได้อยากนิพพานชาตินี้ ไม่ได้มีความคิดอย่างแรงกล้าที่ว่ายังไงฉันต้องไปนิพพานให้ได้ เราคิดว่าคงไม่เข้าใจเรื่องทานหรือเปล่าคะว่า คนที่หวังพุทธภูมิเขาก็ทำบุญเยอะๆกันไม่ใช่เหรอคะ การทำบุญเพราะกลัวตายแล้วไม่ได้เชื่อแต่เผื่อเหนียวไม่มีในหัวคนพวกนี้เลยค่ะ จากการไปหลายๆวัดและพูดคุยอย่างเปิดใจกับคนที่เอาจริงกับเรื่องพวกนี้ พวกเขาเกิดมาแบบ ตั้งคำถามว่าเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อยู่เพื่ออะไร ทำไมชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ และเราจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร บางคนคิดตั้งแต่จำความได้ บางคนอยู่อนุบาลหนึ่ง แค่มองลงไปจากชั้นสองเห็นคนมากมายหน้าตาเป็นทุกข์ เขายังคิดเลยค่ะ ว่าทุกข์มาจากไหนทำไมคนเราเป็นทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้ยังไง อยากหาทางไปและจะพาทุกคนไปด้วย!!!ดิชั้นเกิดมาคิดแต่เรื่องกินขี้ปี้นอนเป็นสันดาน คิดไม่ได้จริงๆค่ะ ปกติไม่เ้ข้าห้องไหนเลยมัวแต่บ้าพระเอกเรื่องเชอร์ล็อกbbc จนไม่ได้ออกมาร่วมวงตอน ท่าน ว โดนว่า อยากช่วยอธิบายแต่ว่าเรามาไม่ทัน ตลาดวายซะก่อน ต่อๆค่ะ
แม้ว่าคนวัดอื่นที่ดิฉันรู้จัก ถ้าหวังพุทธภูมิ เท่าไหร่เท่ากันค่ะ เพราะชาตินี้สำหรับคนที่หวังพุทธภูมิ เขาจะคิดว่าเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมีให้มากๆ เพราะตัวเองไม่ได้จะไปคนเดียวต้องรื้อส้ตว์ขนสัตว์ไปด้วย ก็ต้องมีบุญเยอะๆไว้ท็อปดาวน์ช่วยคนอื่น โดยที่เขาอธิษฐานขอให้ตัวเองรวยเขาจะกำกับว่า ขอให้รวยเป็นเศรษฐีใจบุญ มีจิตใจดีมีศีล เกิดในครอบครัวกัลยาณมิตรบัณฑิตนักปราชญ์ ฉลาดในศาสตร์ทั้งปวง ทรมานมิจฉาทิษฐิคนอื่นได้ สอนตัวเองเป็น อีกอย่างเราเห็นว่าหลายท่านไปวัดพระธรรมกายสิบปีทำบุญไม่ถึงแสนก็มีเยอะ แม่ดิฉันไปวัดป่าไม่กี่ปีก็ทำไปหลายแสนแล้วก็ไม่เเปลกอะไรนิคะ เพราะวัดนั้นจำเป็นต้องมีกุฏิ ก็ต้องมีคนมาสร้างกุฏิ ตึกมันก็ไม่ได้บาทสองบาท
ในพระไตรปิฎกก็มีเขียนไว้ ลองอ่านดูหาเอาเองนะเราเองไม่ใช่โปรอะไรมากแต่เคยอ่านเจอ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ สมัยเ็ป็นพระโพธิสัตว์อยู่ มีหลายๆชาติที่ท่านเกิดมาจน ท่านไม่เห็นเคยพูดว่าทำบุญก็อย่าให้ตัวเองเดือดร้อน ก็เห็นท่านทำหมดหน้าตัก ไม่มีอะไรก็เอาเสื้อผ้าตัวเองนั่นแหละไปขายเพื่อซื้อหลอดได้กับเข็มแค่ชุดเดียวแล้วนุ่งใบตองให้คนหัวเราะเยาะเย้ย แล้วเตือนตัวเองว่า ผมใส่ใบตองชาติสุดท้ายแล้ว ต่อไปจะใส่ผ้าทิพย์ ...และมีอีกชาตินึง ท่านหมดตัว ท่านก็เอาเคียวไปเกี่ยวหญ้า จนเป็นลมหมดเรี่ยวแรง เพื่อเอาหญ้าไปขาย จะได้ทำทาน มีอีกหลายเรื่องค่ะแต่เราจำไม่ได้อะ เพราะเราก็ฟังเขามาทั้งนั้น ลองหาในพระสุตันตปิฎกอ่านดูแล้วกันเนอะไม่ยากหรอก
ข้อสาม อันนี้สำหรับคนที่จริงจังเรื่องนิพพาน (เราคิดว่าคนที่ไม่ได้อยากนิพพานนี่ ถ้ากัดวัดนี้เรื่องนี้ คงเพราะสนุก สะใจที่ได้ดูถูกความคิดคนอื่นมากกว่าอยากปกป้องพระพุทธศาสนา เพราะแค่ไม่ได้อยากนิพพาน เราก็งงเหมือนกันว่าจะมาเป็นพุทธทำไม??? แล้วจะเดือดร้อนเพื่ออะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน) เรื่องนิพพานเป็นอนัตตา หรืออัตตา นี่เราไม่ทราบจริงๆ ทราบตามพาราไดม์พุทธว่าคือที่จบของทุกข์ เอาจริงๆตามกาลามสูตร การเชื่อว่าไม่ หรือการเชื่อว่าใช่ มันก็คือความเชื่ออยู่ดี ทำไมไม่วางใจเฉยๆหละคะ แล้วก็ค้นเลยว่าจริงๆเป็นยังไง ถึงแล้วเห็นแล้วก็ออกมาบอกกัน ให้ท่านที่ทราบแล้วเห็นแล้วพูดดีกว่าคนที่อ่านหนังสือเฉยๆ ตรึกๆนึกๆเอาโดยใช้จินตามยปัญญา กับสุตมยปัญญาเท่านั้น เอาจริงๆสุตมยปัญญาก็ยังไม่ถูกนัก เพราะไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก หรือว่าไม่จริง!!!
เรายังไม่ปักใจเชื่อทั้งสองด้านเลย เอาให้เปอร์เซ็นต์ไว้เท่านั้นเองค่ะ เอาเวลามาค้นให้เจอกันดีกว่าค่ะ เพราะอ่านพระไตรปิฎกเราเองก็เห็นอีกด้านหนึ่งในภาษิต ทั้งคู่ซึ่งก็มีในพระไตรปิฎกทั้งคู่ ทั้งนิพพานว่างอยางยิ่ง กับนิพพานสุขอย่างยิ่ง มันเป็นส่วนกลับกันอะ ในความคิดเรา เหมือนคำว่า everything กับ nothing พิจารณาดีๆ มันคล้ายกันมาก ยิ่งถ้าเปรียบเทียบในแง่เพอร์เซ็ปชั่น คือความรับรู้ เพราะเวลาเราพูดว่าทุกสิ่ง แสดงว่าความรับรู้เรามันไม่ได้เกาะยึดกับอะไร ไม่เห็นความต่างในอะไร ไม่ได้ให้ค่าในอะไรมากกว่ากัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งใจเราก็ไม่แกว่ง ไม่ต่างกับน็อตติง คือสำหรับเรา
อธิบายมายาวยืดขนาดนี้แค่อยากบอกว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในเมื่อเราไม่ได้เชื่อปักใจ ดังนั้นจะเรียกว่ามิจฉาทิษฐิหรือสัมมาทิษฐิมันก็ไม่ใช่ทั้งนั้น เพราะยังไม่ได้ตั้งใจไว้ตรงไหนเลยอะ
เออเราสงสัยว่า พี่โน้สเขาขาย แล้วหวังเงินมันจะแปลกตรงไหนคะ คือไปว่าเขาเอาแต่เงินทำไม
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 19:44:45
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 19:39:34
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 19:36:26
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 19:31:07
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 19:23:45
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 55 18:11:24