ความคิดเห็นที่ 1 นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในบริบทของโลกแห่งความเป็นจริง และหากกล่าวอย่างรวบรัด สุดท้ายทางกองกำลังสหประชาชาติก็ไม่สามารถรักษาสันติภาพในโซมาเลียได้ มิหนำซ้ำทาง สหประชาชาติ ยังสังเวยชีวิตทหารจากเหตุการณ์ครั้งนี้อีกนับไม่ถ้วน และหากเฉพาะเจาะจงไปยังเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว ที่ชัดเจนว่ามักจะแสดงความเป็นหัวหน้าหรือผู้นำในทุกๆทาง ได้จัดตั้งหน่วยของตัวเองขึ้น เพื่อเข้าไปจับตัว บุคคลสำคัญสองราย เพื่อหวังว่าสามารถโยงใยไปถูกหัวหน้าอย่าง ไอดิด และจะเป็นหนทางอันสงบสุขของโซมาเลียโดยเร็ว แต่หนทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ว่าจะสามารถจะจับบุคคลเป้าหมายได้ก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่า เครื่องบินของทหารอเมริกัน ถูกยิงตก มิหนำซ้ำ ชาวบ้านโซมาเลีย ยังลากศพของนักบินอเมริกันมากระทืบซ้ำ และเผยแพร่ข่าวออกไปทั่วทั้งโลก   จากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปยัง จิตใจของชาวอเมริกันทั่วทั้งประเทศ เนื่องด้วยการถูกปลูกฝังถึงความเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของโลก แต่กลับการถูกย่ำยีเกียรติศักดิ์ศรีด้วยประเทศเล็กๆ ผิวดำ จากการลากทหารของพวกเขาไปรุมประชาทัณฑ์ ทำให้เกิดการตั้งสงสัยจากประชาชนที่จิตใจเปราะบาง ว่า “เราจะเข้าไปยุ่มย่ามกับประเทศของเขาทำไม” จึงเกิดการต่อต้านและประณามกองทัพสหรัฐฯจากประชาชนในชาติเองรวมทั้งทั่วโลก เหตุการณ์นี้จึงเป็นเหตุการณ์อัปยศอดสูต่อประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเสียเหลือเกิน ถึงแม้เวลาจะช่วยให้เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านไป แม้ความทรงจำของประชาชนในชาติจะเลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ก็มิวายที่เหตุการณ์ครั้งนี้จะได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี ค.ศ. 2001 ในรัฐบาลของจอร์จ บุช ที่ความชัดเจนในนโยบายของการกำจัดการก่อการร้ายทั่วโลก หรือเป็นเหตุผลทางอ้อมในการเข้าไปจัดการด้วยสงครามต่อประเทศเหล่านั้น ภาพยนตร์ Black Hawk Down จึงเป็นเหมือนอุดมการณ์อันแรงกกล้าไม่ต่างจาก อุดมการณ์ของรัฐบาลชุดนั้นเลย     แต่ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งแรกที่ต้องชื่นชมในภาพยนตร์ Black Hawk Down  ก็คือมันไม่ได้ยัดเยียดผู้ชมจนกระทั่งเป็นเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda)  แต่กลับใช้หลักสุนทรีย์ศาสตร์ทางภาพยนตร์อย่างเยี่ยมยอดและครบสมบูรณ์ จนทำให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปกับวิถีทางแห่งทหารอเมริกันเอง แม้ว่าในประวัติศาสตร์จริงนั้น ทางกองทัพอเมริกันไม่ต่างจากผู้พ่ายแพ้ และในทันทีที่ Black Hawk Down ออกฉาย ด้วยโครงสร้างและการใช้สุนทรีย์ศาสตร์ทางภาพยนตร์ ความพลิกผันก็บังเกิดขึ้นจากผู้พ่ายแพ้จากเหตุการณ์นั้นกลับกลายเป็นผู้ชนะ(Hero) ได้ในทันที นี้คือความมหัศจรรย์ของภาพยนตร์ หลังจากการเริ่มต้นภาพยนตร์ด้วยเสียงบรรยายเล่าความโหดร้ายและภาพของประชาชนที่อดอยากล้มตายของประเทศโซมาเลียแล้ว ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนไปให้ความสัมพันธ์กับ ทหารอเมริกันต่างๆ ที่ได้เข้ามาร่วมในสงครามครั้งนี้ ความมีสายสัมพันธ์ที่เริ่มต้นในตอนต้นเรื่อง ใครเลยจะเชื่อว่า จะเป็นแก่นสำคัญในภาพยนตร์สงครามเรื่องนี้ ความพ่ายแพ้ที่ถูกกล่าวไว้ในเหตุการณ์จริง จะถูกละเลงรายละเอียดปลีกย่อยให้ผู้ชมรับรู้ ว่าเป็นเพราะเหตุใด การเข้าสู่สงครามของทหารสหรัฐฯ ภาพความโหดร้ายของประชาชนของ ไอดิด เป็นเหมือนภาพสุดขั้วของอุดมการณ์ ฟากหนึ่งคือผู้รักษาสันติภาพอย่างผู้ผดุงยุติธรรม อีกฟากหนึ่งไม่ต่างจากผู้ก่อการร้ายในประเทศของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นหนทางแรกแห่งการเยียวยาว่า ทหารสหรัฐฯเอง มีความชอบธรรมเพียงใดในการเข้าสู่สงครามในครั้งนี้ --มีต่อ-- จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 16:29:38

ความคิดเห็นที่ 2 ความพ่ายแพ้นั้นเริ่มมาจากความผิดพลาด ความผิดพลาดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลาย ต่างๆนานา ภาพยนตร์ Black Hawk Down ถูกโฟกัสและชี้นำไปที่ความผิดพลาดของทหารอเมริกันเอง ไม่ว่าจะเป็นความประมาทเลินเล่อใดๆ ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ เน้นย้ำไว้อย่างเด่นชัดก็คือ ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนมิตรที่เหนี่ยวแน่นของทหารอเมริกัน การเข้าไปช่วยเหลือ ทหารด้วยกันเอง โดยไม่สนใจว่าแผนการทหาร ณ เวลานั้นจะเป็นเช่นไร การตัดเข้าสู่ห้องบัญชาการที่ นายพล แกริสัน คอยสั่งการ สิ่งหนึ่งที่มักจะเอ่ยออกมาจากปากของผู้นำคนนี้อยู่หลายฉากก็คือ การต้องเข้าช่วยเหลือของทหารทุกคน การที่ทุกคนจะต้องได้กลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย หากสังเกตให้ดี คำพูดเหล่านี้ แทบจะเรียกการเน้นย้ำดีๆได้เลย ทุกครั้งที่พูดคำนี้ออกมานั้น มักโคลสอัพหน้าในระยะใกล้เพื่อแสดงแววตาแห่งความสงสาร พร้อมด้วยเสียงบรรเลงของดนตรี เพื่อตอกย้ำชัดเจนว่า ในทางเปรียบเปรย ว่าทหารของอเมริกันสำคัญทุกคน และหากเทียบทางตรรกะศาสตร์ก็หมายถึงว่า ร่างกายทหาร(ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย)สำคัญกว่าภารกิจในการรบด้วยซ้ำไป การเข้าช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ ของทหารอเมริกัน ในระหว่างลื่นล้ม การเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การเสียใจเมื่อเพื่อนเสียชีวิต อากัปกิริยาเหล่านี้ เป็นตัวบ่งบอกถึงความสำคัญของทหารอเมริกัน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดแก่นความคิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แม้สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสื่อสารและถ่ายทอดออกมาในเชิงของการใช้ภาพยนตร์เป็นตัวกำหนดอุดมการณ์ความคิดของ นโยบายทางทหารของรัฐบาลอเมริกันในการเข้าร่วมรบในสมรภูมิโซมาเลีย และเป็นการตอบข้อสงสัยหลายต่อหลายอย่างผ่านทางสื่อภาพยนตร์ในคำถามที่ว่า “เพราะเหตุใดจึงต้องเข้าไปโซมาเลีย” “และเพราะเหตุใดจึงผิดพลาด” การบ่งบอกความชอบธรรมในการเข้าร่วม อีกทั้งยังเป็นการพลิกผันจากความเลวร้ายของวันวาน ให้กลับมาบริสุทธิ์ได้ทันที ด้วยอุดมการณ์ชาตินิยม ของอเมริกาเอง และอาจเป็นความแก้ต่างต่อสาธารณชนของประชาชนทั่วโลก มิใช่แค่ภาพความพ่ายแพ้เท่านั้นแต่ยังได้สอดแทรกถึงการชอบธรรมในการเข้าร่วมสงครามอีกด้วย มีจุดหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าสนใจที่โยงใยต่อเนื่องเป็นเกลียวคลื่นได้ดีก็คือ เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down นั้นมีการให้ภาพของพวกฝั่งต่อต้าน กำลังทำละหมาดในตอนเช้า ด้วยการเน้นย้ำอย่างมีเล่ห์นัย ในการทำละหมาดซึ่งแน่นอนเป็นการสื่อสารทางภาพที่บ่งบอกถึงความแตกต่างกันทางศาสนา ซึ่งเป็นการเน้นย้ำในความแตกต่างในการทำสงครามครั้งนี้ เพราะหลังจากพวกต่อต้านทำละหมาดเสร็จ ก็หยิบปืนพร้อมรบในทันที นี้อาจเป็นภาพสร้างความแตกต่างในทางศาสนา หรือ อาจเป็นภาพสะท้อนถึงการเป็นสงครามศาสนาไปในตัว หรือถ้าลองมองบริบทต่อมา ช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย ก็มีเหตุการณ์ 9/11 ที่เกิดจากอิสลามหัวรุนแรงเช่นกัน และหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น การเข้าร่วมสงครามทั้ง อิรัก หรือ อัฟกานิสถาน ก็เป็นความแตกต่างจากศาสนาเช่นกัน นี้จึงเป็นมูลเหตุที่น่าคิดในการให้ภาพเหล่านี้ ที่ทำให้มีผลพวงเกิดขึ้นในบริบทแห่งความเป็นจริงขึ้นมา จึงอาจเป็นเหมือนนัยแทรกซ้อนแห่งอุดมการณ์ที่ถูกใช้นำมาใช้ในภาพยนตร์ --มีต่อ-- แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 16:48:29 จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 16:30:27

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็น กรณีศึกษาอันดี ในการใช้สื่อภาพยนตร์เพื่อบ่งบอกและตอกย้ำทางด้านอุดมการณ์ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นประเทศหนึ่งประเทศใดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการแก้ต่างในการไขข้องหมุ่นมัวสงสัยให้กระจ่างชัดภายในเวลา 2 ชั่วโมง จากเหตุการณ์อันเป็นเรื่องอัปยศของประเทศนั้นๆ ดังนั้นภาพยนตร์จึงไม่ใช่เพียงความบันเทิงชั่งค้างข้ามคืนเท่านั้น แต่สิ่งที่อดชมไม่ได้ก็คือ ถึงแม้ว่าแก่นความคิดของเรื่อง หากเอ่ยปากเปล่า มันจะเป็นการแสดงความไม่ต่างจากโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ปาน แต่ด้วยความชาญฉลาดที่ใช้ในสื่อสารทางภาพยนตร์นั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ได้เป็นการแสดงใดๆที่บอกถึงการยัดเยียดทางอารมณ์ เพราะภาพยนตร์นั่นใช้องค์ประกอบทางภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่เรื่องบทของภาพยนตร์ ภาพ กล้อง เสียง ทำให้เชื่อเหลือเกินว่า ภาพยนตร์สงครามเรื่องนี้ติดเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนหลายๆ คน ด้วยเรื่องราวของมิตรภาพของเพื่อน อาจถึงขั้นบ่อน้ำตาแตกโดยไม่ทันรู้ตัว จึงเป็นหนังสงครามที่ครบสมบูรณ์ ที่เร่งเร้าอารมณ์สนุกสนานได้อย่างแน่นอน การใช้จังหวะแห่งการตัดต่อที่มีผลทางด้านอารมณ์ และการแทรกอารมณ์ขันอยู่ในเรื่องราวตลอดเวลา จึงอาจมั่นใจได้ว่า ผู้ชมจะต้องหลงใหลและคล้อยตามกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่เนื่องด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีของภาพยนตร์รวมทั้งองค์ประกอบต่างๆ ที่มันส่งตรงสู่ทางด้านจิตวิทยาโดยไม่ทันระวัง จึงเป็นเหตุผลแห่งความน่ากลัวได้ประการหนึ่ง เพราะผู้ชมอาจจะสับสนระหว่างความเป็นจริงในโลก กับโลกแห่งศิลปะภาพยนตร์ได้ ดังเช่นภาพยนตร์เรื่องนี้  ผู้ชมส่วนมากไม่สามารถแยกแยะได้อีกต่อไปว่า อะไรคือเรื่องจริง อะไรเรื่องแต่ง ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้ถูกผสมผสานจนกลายเป็นเรื่องเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว ข้อเท็จจริงอาจจอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน แต่รายละเอียดสำคัญได้แตกหน่อไปจากข้อเท็จจริงมากมาย หลักฐานชัดเจนประการหนึ่งก็คือ หากต้องการรายละเอียดข้อมูล ในด้านข้อเท็จจริงของเรื่องสงครามโซมาเลีย เราจะได้รับข้อมูลที่มีผู้เขียนไว้ในอินเตอร์เน็ตมากมาย ที่ไม่ต่างจากในภาพยนตร์ อีกทั้งยังหยิบยืมรูปจากเรื่องมาใช้อธิบายข้อเท็จจริงอีกด้วย นี่คือตัวอย่างสำคัญที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่บ่งบอกได้เลยว่า ภาพยนตร์มีความสำคัญมากเท่าไหร่ต่อโลกแห่งความเป็นจริง ดังนั้นการเข้าทันและล่วงรู้ถึงสุนทรีย์ศาสตร์ทางภาพยนตร์อาจเป็นเหตุผลที่เราจะเข้าใจภาพยนตร์ว่ามันคือศิลปะที่ยิ่งใหญ่ได้ มันเป็นสิ่งอยู่เหนือกาลเวลา เปลี่ยนแปลงวิธีคิดและความเข้าใจของผู้คนได้เพียงชั่วข้ามคืน อีกทั้งมันสามารถเป็นแหล่งเผยแพร่อุดมการณ์ทางการเมือง สังคม ฯลฯ ได้อย่างง่ายดาย และที่กล่าวมาข้างต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากจะไขข้อข้องใจ ของประเทศสหรัฐอเมริกาของเขาเองแล้ว มันยังปลุกกระแสความเป็นชาตินิยมขึ้นมาในสภาวะแห่งการร่วงหล่นทางจิตใจของ 9/11 เพื่อฮึกเหิมสภาวการณ์ทางใจให้ลุกขึ้นมาใหม่ ส่วนพวกเราในฐานะแห่งบุคคลที่สาม ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงในสายใยทางชาติพันธ์ แต่กลับถูกโยงใยแห่งอุดมการณ์ที่เปิดอ้ารับแต่โดยดีเพราะคิดว่าเป็นสิ่งบันเทิงที่ไม่มีพิษมีภัย อาจเป็นผลให้เราถูกกลืนไปโดยไม่รู้ตัว และหากชมเรื่องนี้และรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกไว้ในลำคอ เหมือนน้ำตาจะไหล ผู้เขียนก็หวังว่า จะไหลแค่เพราะการรับชมสุนทรีย์ศาสตร์ทางภาพยนตร์ที่สมบูรณ์ อย่าไหลเพราะ “เห็นดีเห็นงามในการ เข้าสู่สงครามโดยชอบธรรมเลย” คะแนน 8.25/10 ติดตามบล็อกของผมที่ : http://a-bellamy.bloggang.com เฟสบุค: http://www.facebook.com/A.Surrealism จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 16:32:33

ความคิดเห็นที่ 4 หนังสนุกดี ดูวนไปวนมาเป็น 10 รอบแล้วครับ จากคุณ : โย่ _เชียงใหม่ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 17:22:18

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นหนังสงครามที่หนุกมากครับดูไปลุ้นตามไป Leave no man behide .... จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 17:51:01

ความคิดเห็นที่ 6 เราให้ 10 เต็มเลย^^ จากคุณ : jajangSD เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 19:07:26

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องนี้สนุกมากๆ ครับ แต่ตัวละครจะเยอะหน่อย ดูรอบแรกจะงงๆ เป็นหนังสงครามขึ้นหิ้งคู่กับ green zone เลยครับ จากคุณ : Looknorn เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 20:36:25

ความคิดเห็นที่ 8 ดูกี่รอบ ก็ไม่เบื่อ จากคุณ : MochaCoCo เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 20:42:58

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบๆ ตอนดูก็คล้อยตามจริงดังว่า หลักๆ ก็คือฉากสงครามมันมันส์ดี อิอิ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยเห็นหนังเรื่องไหนที่มีแง่มุมความต่างศาสนาแบบฮาร์ดคอร์ แบบนี้เท่าไหร่แล้วนะ ออกจะนำเสนอแบบเป็นกลางๆ มากกว่า จากคุณ : primaverapeace เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 20:50:47

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนดูตอนนั้นความคิดความอ่านยังกะโหลกกะลามาก มาดูอีกรอบเมื่อเดือนที่แล้ว หนังสาระค่อนข้างหนักทีเดียว ชม จขกท ที่กลั่นกรองออกมาได้เยอะทีเดียวค่ะ จากคุณ : ชีนะ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 20:53:46

ความคิดเห็นที่ 11 ดูเกิน 10 รอบ จากคุณ : KAKASHI_TSC เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 21:07:32

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่พอรู้ ในเหตุการณ์ช่วงนั้นทหารมะกันไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีอย่างในหนัง ส่วนคนท้องถิ่นที่จับอาวุธต่อสู้ก็ไม่ได้เลวร้ายเช่นนั้น ดังนั้นดูไปด้วยความบันเทิงจะดีที่สุดอย่าไปคิดมากตามเนื้อเรื่องในหนังครับ จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 21:47:00

ความคิดเห็นที่ 13 ดาราประกอบในเรื่องนี้ ปัจจุบันขึ้นแท่น 5 stars กันไปหมดแล้ว ดูหลายรอบเหลือเกินกับเรื่องนี้ ชอบเพลงประกอบที่ Hanz zimmer ทำให้ (อีกแล้ว) อย่างที่ข้างบนบอกว่า หนังสงครามหลายเรื่องก็เชื่อมากไม่ได้ ดูเอาบันเทิงอย่างเดียว เรื่องล่าสุดที่เจอใส่ยับเกี่ยวกับความบิเบือนของทหารคือ 5 days of war เอาซะผู้ร้านกลายเป็นคนดี คนดีกลายเป็ยผู้ร้ายไปเลย ดูหนังสงครามที่มาจากเหตุการณ์จริง ต้องใช้วิจารณญาณและข้อมูลกันพอสมควร แต่ไง Black Hawk Down ก็ยังเป็นหนังสงครามที่ดูง่าย และกินใจเราที่สุดอยู่ดี (ไม่นับซีรี่ย์ BAND OF BROTHERS นะ) จากคุณ : city of the damn เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 23:54:01

ความคิดเห็นที่ 14 มันส์ ลุ้น ระทึกโคตรๆ ฉากวิ่งเข้าปากีสถานสุดยอดดดดดบีบคั้นหัวใจ ตับไตใส้พุง 10/10  เท่านั้น จากคุณ : วีอาร์เอ็กซ์ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:01:32

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ใช่วิ่งไปปากีสถานครับ ขึนวิ่งไปปากิสถานนี่ สองปีก้อวิ่งไม่ถึง จุดรวมพลสุดท้ายอยู่ที่สนามกีฬาปากีสถานครับ ปากีสถาน สร้างให้เพื่อเปนอนุสรณ์อะไรสักอย่างนี่แหละ ผมจะรายละเอียดไม่ได้ จากคุณ : meow-meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:12:44

ความคิดเห็นที่ 16 อยากจะปิดตั้งแต่ โจรแมร่งเป็นร้อยยิ่งไม่มีโดนเลย  หนัง American hero เกิน จากคุณ : แก้วคุง เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 14:46:54

ความคิดเห็นที่ 17 ร้องไห้ตอนเครื่องบินลำที่ 2 ตก แล้วมีทหารหนีเข้าไปในบ้าน แล้วพวกชาวบ้านกรูเข้ามาจับตัว /บีบหัวใจมากๆ จากคุณ : cinnamon_pp เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 15:00:02

ความคิดเห็นที่ 18 กำลังจะซึ้ง นึกถึงความหลังตอนดูหลายรอบ สะอึกตอนวิ่งกลับ "ปากีสถาน"  .... ..... วิ่งไงอ่ะ กว่าจะถึง สงสัยตายหมดกองก็งานนี้ - -" จากคุณ : Mr. Polar Bear เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 19:09:44

ความคิดเห็นที่ 19 # 13 เห็นด้วยค่ะแต่กิ๊ฟหมดแล้ววววว^^ จากคุณ : jajangSD เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:23:37

ความคิดเห็นที่ 20 ผมดูไป 5-6 รอบแล้วครับ เป็นหนังสงครามที่มันส์สะใจมากๆ ฉากวิ่งเข้าสนามกีฬานี่ผมรู้สึกเหนื่อยแทนทหารจริงๆ จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:30:32

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจาก platoon กับ the thin red line ก็มีเรื่องนี่แหล่ะครับ ที่เนื้อหาลึกเข้าไปในใจเหลือเกิน ชอบที่มีมากกว่า แค่รบกัน จากคุณ : mo wax เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:41:53

ความคิดเห็นที่ 22 ตอนที่ดูเรื่องนี้ครั้งแรกอายุยังน้อย ยังไม่สนใจเรื่องการเมืองโลกหรือความขัดแย้งทางศาสนาอะไรเลย แต่เป็นหนังที่ดูแล้วน่าติดตามน่าลุ้น พอกลับมาดูอีกรอบเมื่อหลายปีผ่านไปก็คิดตามหนังมากขึ้นแต่น้ำตาแตกเหมือนเดิม จากคุณ : poodinn เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 21:27:26

ความคิดเห็นที่ 23 โคตะระชอบเลยครับเรื่องนี้ เวลานึกถึงเรื่องทหารอเมริกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่ผมนึกได้เลย ดูกี่ทีก็มันส์ก็ซึ้ง ชอบ ฉากที่คว้านกระสุนตอนหลบอยู่ในบ้าน เอาซะว๊ากเลย จากคุณ : ทำหน้าไม่เล่น เขียนเมื่อ : วันเนา 55 02:42:55