ความคิดเห็นที่ 1 Fate/Zero Ep.14 หลังจากที่ Fate/Zero Ep.14 พึ่งฉายไปสดๆร้อนๆ  นับจากที่หยุดพักครึ่งไป 1 season เต็มๆ  ซึ่งก็ทำได้ไม่ผิดจากความคาดหวังผมเท่าไหร่ + อดแปลกใจหลายๆฉากไม่ได้ที่ทีมอนิเมสื่อออกมาได้ 'ตรง' กับยุทธวิธีทางทหารจริงๆที่ใช้กันในสงครามยุคใหม่ โดยเฉพาะสงครามเวหา "กลยุทธ์การเข้าต่อตีของอากาศยาน" ยุคปัจจุบัน(หรือไม่ก็ใกล้เคียงกับปัจจุบัน) ซึ่งในเรื่อง Fate/Zero นี้ผู้ประพันธ์ได้คัดสรรการปะทะกันที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของเรื่องทีเดียวระหว่างเทคโนโลยี VS ตำนานวีรชนตามนี้เลย มุมน้ำเงินฝ่ายแรกคือ  "วิมาน" (Vimana) หนึ่งในอาวุธวิเศษของ อาเชอร์-ราชาวีรชนกิลกาเมซ ~ พาหนะของปวงเทพอันล่ำลือแห่งมหากาพย์รามยณะแห่งอินเดีย  ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสปรอทและแสงอาทิตย์ซึ่งว่องไวสมกับเป็นราชรถทิพย์ของเทพเจ้าโดยแท้จริงทีเดียว จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:27:05

ความคิดเห็นที่ 2 มุมแดงอีกด้านนึงคือ "F-15 (J) Eagle" ตัวแทนของเครื่องบินขับไล่ไอพ่น ยุคที่4 ที่จัดเป็นอากาศยานแข็งแกร่งที่สุดในการรบทางอากาศระหว่างช่วงประวัติศาสตร์สงครามเย็น ~ เครื่องบินรบที่ครองสถิติการสังหารสูงสุดยุคสมัยการรบด้วยเครื่องรบไอพ่น และขีปนาวุธนานาชนิด ซึ่งถูกควบคุมโดยอัศวินวีรชนสีดำ ~ เบอร์เซอร์เกอร์ ใน EP14 ของ Fate/Zero นี้มีประเด็นการต่อสู้ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายครับ (จนอดรู้สึกว่าเร็วไปหน่อย)  แต่ใน Entry นี้ผมของเลือกหัวข้อเฉพาะส่วนการยุทธ์ทางอากาศมาเขียนวิเคราะห์ในมุมมองส่วนตัวแทนละกันโดยจะแยกเป็นประเด็นย่อยเพื่อสะดวกในการติดตามและจะแทรกอรรถาธิบาย (ออกทะเล) ไว้เป็นระยะเพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านที่ไม่คุ้นเคยกับศัพท์เทคนิคติดตามได้อย่างมีรสชาติพอสมควร จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:27:54

ความคิดเห็นที่ 3 1. การมาของ F15 J มารู้จักกันนิดนึงก่อนครับ F15 ที่เห็นในเรื่องนี้เป็นอากาศยานสังกัด "กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ" แห่งประเทศญี่ปุ่น (JASDF/ Japan Air Self-Defense Force ) ซึ่งเป็นเครื่องบินประเภทขับไล่สกัดกั้นทางอากาศหลักแบบนึงของโลกทีเดียว เครื่อง F15 ต้นฉบับนั้นผลิตโดยสหรัฐ แต่มีการขายสิทธิบัตรรุ่น J(Japan)  มาให้ประเทศญี่ปุ่นเพื่อผลิตใช้เองในประเทศ ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นการต่อต้านอากาศยานด้วยกันโดย จุดเด่นของ F15 นั้นคือมันเป็นเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อ 'ฆ่า' เครื่องบินด้วยกันบนภารกิจ 3 ด้าน - ขับไล่ครองอากาศ (Air-Superior/เน้นเชิงลาดตระเวณระยะไกล) - ขับไล่สกัดก้น (Air-Interceptor/เน้นเชิงหยุดยั้งฝ่ายตรงข้าม) - ขับไล่คุ้มกัน (Air-Escort/เน้นการประสานอำนาจการยิง) ดังนั้นแม้จะมีขนาดใหญ่โตเมื่อเทียบกับเครื่องขับไล่แบบอื่นๆ เช่น F16, Mirage ในยุคเดียวกัน  แต่ด้วยความที่มีเครื่องยนต์อันทรงพลังถึง 2 เครื่อง, ปีกหน้าทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ และชุดแพนหางมหึมานั้นทำให้มันมีขีดความสามารถเหนือล้ำกว่าเครื่องบินยุคเดียวกันหลายด้านเช่น - ความเร็วสูงสุดเกินกว่า 2.5 เท่าของความเร็วเสียงและพิสัยการบินต่อเนื่องระยะไกล - ปีกและชุดแพนหางที่ใหญ่โตนั้นสร้างแรงยกสูงมาก และทำให้มันมีความคล่องแคล่วในการรบระยะประชิดตัว (Dogfight) ทัดเทียมกับเครื่องขนาดเล็กๆอย่าง F5 หรือ F16 -  โครงสร้างอากาศยานที่แข็งแกร่ง, เป็นเครื่องบินรบรุ่นแรกๆที่ทำลายกำแพงแรง G ระดับสูงได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า - เรดาห์ APG65 ที่ทรงพลัง  มีระยะตรวจจับที่ไกลและแม่นยำมากในระดับเซนติเมตร, ช่วยให้นักบินของมันสามารถรู้ตัวล่วงหน้าได้ และป้อนข้อมูลให้กับมิตไซล์ของตัวเองได้โดยละเอียด - ระบบอาวุธที่สนับสนุนทุกระยะ  ตั้งแต่ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานระยะไกล, ระยะประชิด และปืนใหญ่อากาศ ที่สามารถยิงได้จากหลายมุมด้วยความช่วยเหลือของโดมเรดาห์ที่ปรับองศาด้านในเพื่อชี้เป้านำวิถี ข้อสังเกต - ใน Fate/Zero  เครื่อง F15J ทั้ง 2 ลำนั้นน่าจะบินมาจากฐานทัพอากาศคาเนดะ ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานปฎิบัติการส่วนหน้าของฝูงบินขับไล่ยุทธศาสตร์ (ฝูงบินแรกๆที่ต้องขึ้นสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามในสงครามเย็น....ดังนั้นฝูงบินนี้จะมีภารกิจลาดตระเวณพื้นที่ต่างๆอยู่เสมอครับ) - หากดูโดยละเอียด  ทุกท่านจะเห็นว่าอากาศยานทั้ง 2 ลำจะเปิดไฟแสดงตัวตนบริเวณปีกและเครื่องยนต์ด้านล่างไว้  ซึ่งตรงนี้เป็นกฎมาตรฐานของการแสดงตำแหน่งเครื่องบิน คล้ายๆกับเครื่องโดยสารทั่วไปนี่แหละ  แต่เวลารบประจัญบานจริงๆโดยปกติจะปิดสนิทครับ  เครื่องบินรบยุคใหม่จะมีเหลี่ยมมุมและเงาสะท้อนแสงน้อยมาก เพราะถูกดีไซน์ให้ตรวจจับได้ยากที่สุดไม่ว่าจะเป็นจากเรดาห์หรือสายตาเปล่าก็ตาม แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 03:09:13 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:29:02

ความคิดเห็นที่ 4 2. กฎการเข้าปะทะ (Rule of Engagement) -(1) รอ.โคบายาชิ อย่างที่ชื่อหัวข้อบอก,  ในปัจจุบันต่อให้ทหารมีอาวุธที่ยอดเยี่ยมดีพร้อม หรือมีทักษะฝีมือการต่อสู้ในสนามรบดีแค่ไหน  แต่ด้วยคุณลักษณะขององค์กรที่มีระบบ 'สายการบังคับบัญชา' ทำให้นายทหารทั้งสองบนเครื่อง F15 นั้นไม่มีสิทธิในการใช้อาวุธก่อน  โดยเฉพาะการรบทางอากาศที่จะมีความรุนแรงแบบเฉียบพลันมาก (ไม่มีเลี้ยงไข้  ล็อคมิซไซล์เมื่อไหร่คือต้องเอาให้ตายกันสถานเดียว) - กฎแรกคือต้อง[พิสูจน์ทราบ]เป้าหมายให้ได้ ว่า 'ไม่ใช่มิตร' และ 'เป็นภัยคุกคาม' จึงจะมีสิทธิในการต่อสู้ - เงื่อนไขการปะทะแบบนี้ถูกใช้เพราะเกิดเหตขึ้นบ่อยๆระหว่างสงครามเย็น  ที่ทั้งฝ่ายสหรัฐ และสหภาพโซเวียตพยายามยั่วยุกันเองบ่อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน  จึงทำให้ต้องมีกฎเกณฑ์ควบคุมการปะทะขึ้นมา - โดยปกติการ [พิสูจน์ทราบ] หรือ Target Identify นั้นไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเข้าประชิดมาก  อากาศยานรบตั้งแต่ยุคที่ 2เป็นต้นมานั้นมีระบบ IFF จำแนกแยกแยะสัญญาณพันธมิตรอยู่แล้ว  แต่ใน Fate/Zero นี้คู่ต่อสู้ของ F15 ทั้งปลาหมึกยักษ์ และวิมานต่างไม่ตอบสนอง แถมซ่อนตัวอยู่ในหมอกอีกนี่สิ - เมื่อพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่มิตรแล้ว  แต่ยังไม่อาจยืนยันการเป็นภัยคุกคามได้  และอุปกรณ์ที่มีไม่ตอบสนอง  ดังนั้นโคบายาชิจึงเลีอกที่จะฝ่าหมอกของคาสเตอร์เข้าประชิดเพื่อพิสูจน์ทราบด้วยสายตา - ตรงนี้อาจจะว่าเป็นการประมาทก็ได้,  แต่จากมุมมองของผม รอ.โคบายาชิ ทำถูกแล้วหละ แม้ว่าจะเสี่ยงก็ตาม  แต่ภารกิจของทหารคือการเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่เพื่อนร่วมทีม (ผบ.ฝูง, ศูนย์บัญชาการ) นี่ถือเป็นเรื่องปกติครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:30:19

ความคิดเห็นที่ 5 3. ปลาหมึกทะยานฟ้า ชื่อฟังดูลิเกน่าดู,  แต่ถือว่าหยวนๆผมละกันครับ  เพราะมันได้อารมณ์แบบนี้จริงๆตอนที่ได้เห็นความซวยของนักบินพร้อมกับเครื่องเจ็ตตรงหน้า  (ในเนื้อเรื่อง,คนที่เห็นชัดที่สุดคงเป็นลุงไรเดอร์+เวเวอร์)  ที่เห็นหนวดนับสิบนับร้อยพุ่งเข้ามาพัวพันรัดตรึงสุดยอดเครื่องบินรบลำนี้  และผมมองดูว่าน่าสนใจมากหลายเรื่อง - จังหวะช็อตแรกที่หนวดหนึบหนับพุ่งเข้ามานั้นเป็นช่วงที่เครื่องบินอยู่ในหมอก, นับว่า โคบายาชิ ฝีมือดีทีเดียวสมกับเป็นนักบินเครื่อง F15 (ที่ปกติต้องเป็นนักบินประสบการณ์สูงพอตัวจึงจะถูกขัดเลือกให้ได้บินรุ่นท็อป)  ที่หลบหลีกการโผล่มาชุดแรกของหนวดได้ ในรูปประกอบนี่จะเข้าช้อต2 แล้วนะ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:31:32

ความคิดเห็นที่ 6 - ในจังหวะสองก็นับว่าน่าสนใจมาก เพราะหนวดชุดที่โผล่มา 2-3 เส้นสามารถเข้ารัดลำตัวเครื่อง F15 ไว้ได้แล้ว  แต่ว่าตัวเครื่องที่หนักถึง 16-20 ตันนั้นยังสามารถรักษาเสถียรภาพการบินไว้ได้ แม้จะถูกกระแทกจังๆจากหลายทิศทาง   Note: ตรงนี้สอดคล้องกับรายงานความทนทานของเครื่องอย่างนึงตรงที่ เครื่อง F15 เคยบินฝ่าฝูงนกเอยแล้วเครื่องดับ  หรือแม้แต่ถูกชนจนปีกขาดแต่ยังสามารถคอนโทลเครื่องต่อได้ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่เหลือ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:32:16

ความคิดเห็นที่ 7 - จังหวะที่ 3 ของหนวดปลาหมึกยิ่งน่าสนใจกว่าเดิมอีก  ตรงที่ฝ่าย F15 ที่ถูกรัดไปแล้วแต่ยังไม่ยอมแพ้  เปิดสันดาปท้ายเข้าสู้เพื่อรักษากำลังเครื่องและทิ้งระยะห่างออกจากรัศมีโจมตี  ซึ่งก็คือจะพยายามลากหนวดที่เกาะแกะอยู่ให้หลุดจนสุดระยะความยาวของมันให้ไปให้ได้ - แต่จังหวะที่ 3 นั้นก็แสดงให้เห็นเหมือนกันว่าหนวดของคาสเตอร์นั้นมีความยาวแทบนะเรียกได้ว่า 'ไม่จำกัด' เลยทีเดียว  เพราะที่ความเร็วของ F15 นั้นสามารถทิ้งระยะห่างได้เป็นกิโลๆภายในไม่กี่วินาที  แต่ไอ้หนวดเจ้ากรรมนั่นดันยืดต่อไปได้เรื่อยๆ - จนกระทั่งจังหวะที่ 4 , F15 เริ่มถูกบีบบังคับตามแรกเฉื่อยและโมเมนตั้มน้ำหนักของตัวปลาหมึกยักษ์ที่ลากไม่ไหว  ทำให้ต้องบินเป็นรัศมีวงกลม และโดยหนวดจากมุมอื่นๆเข้ากลุ้มรุม ~~ RIP ท่านนักบิน จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:32:55

ความคิดเห็นที่ 8 4. กฎการเข้าปะทะ (Rule of Engagement) -(2) ผู้ฝูง.โอวกิ กลับมาเรื่องเดิม, หลังจากที่โคบายาชิตายไปต่อหน้า   นักบินที่1 ในฐานะผู้ฝูงและวิงแมน (คู่หู) ก็เกิดอาการสติแตกขึ้นมา และตัดสินใจเข้าต่อสู้ โดยหมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถล้มปลาหมึกยักษ์ของคาสเตอร์ให้จงได้เป็นการแก้แค้นให้กับเพื่อนรัก ซึ่งก็นับว่าเป็นเจตนาที่ดีแต่ว่าผิดจากคุณสมบัติทหารที่ดีอยู่มากทีเดียว นั่นคือ - จังหวะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดยิ่งกว่าการแก้แค้นให้ลูกฝูง, หรือสำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเองด้วยซ้ำนั่นคือ 'ข่าวสาร'  เพราะศูนย์บัญชาการกำลังรอคำยืนยันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น  เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจอื่นๆเช่น การเรียกกำลังเสริม  หรือสั่งดีพลอยชุดสนับสนุนการรบต่างๆ - แต่เมื่อโอวกิตัดสินใจรบเองตามลำพัง  แทนที่จะรายงานสถานการณ์โดยละเอียด  นั่นทำให้ตัดโอกาสตัวเองในการเรียกกำลังเสริมและโอกาสสำรองถ้าถล่มศัตรูไม่สำเร็จไปโดยฉับพลัน  จังหวะนั้นว่าไปลืมแม้กระทั่งเข้าสู่โหมดการรบปกติอย่างการปิดไฟพรางตัวหรือการยิงเตือนฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ - แต่ก็อย่างว่าอีกนั่นแหละ~ ต่อให้ฝึกมาดีแค่ไหนถ้าผมเป็นโอวกิ และเห็นลูกตาสัตว์ประหลาดเป็นร้อยจ้องหาเรื่อง  จังหวะนั้นเองผมอาจจะปาวิทยุทิ้งแล้วรัวมิตไซล์หมดแม็คเหมือนกันแหละ 555 - แต่อย่างน้อยโอวกิก็ไม่ลืมประกาศให้ศูนย์ฯทราบว่าตนเองกำลังทำอะไร  เพราะแจ้งผ่านรหัสไปว่า 'Diablo1- Engage!'   ซึ่งการสื่อสารแม้เพียงเล็กน้อยนี้ก็ถือว่ามีค่ามากครับหากเราเป็นผู้ฟังอยู่บนภาคพื้นดิน   เพราะโอวกิกำลังบอกว่า "เข้าปะทะ!" และถ้าโอวกิกลับมาไม่ได้  นั่นหมายความว่า F15 ถูกโจมตีจาก "คนที่เป็นศัตรู" แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 02:53:39 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:35:38

ความคิดเห็นที่ 9 5.  F15 ยามที่ถูกวีรชนครอบครอง ตรงนี้เป็นจุดไฮไลท์ของเรื่องจริงๆครับ  ทั้งจากนิยายและอนิเมของ Fate/Zero เลยทีเดียวที่แสดงถึงพลังอำนาจของ  Knight of Honor (อัศวินแห่งเกียรติยศ) ของเบอร์เซอร์เกอร์ที่สามารถยึดจับทุกอย่างให้กลายเป็นอาวุธวิเศษ (Noble Phantasm) ของตนเองได้โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นของใคร และยุคสมัยไหนอีกด้วย - เบอร์เซอร์เกอร์ขึ้นมาประชิดตัวเครื่องเจ็ตได้โดยใช้ร่างวิญญาณนั่นทำให้โอวกิไม่เห็นตัวเลย จนกระทั่งคืนร่างกายภาพใหม่ในระยะประชิดติดตัวเครื่องแล้ว - ตามนิยาย, โอวกิหมดสติไปในจังหวะที่พี่ดำยึดเครื่องพอดีด้วยพลาน่าสีดำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังโกรธแค้นแบบเตรียมจะหาเรื่องของเบอร์เซอร์เกอร์ซึ่งร่างมนุษย์ธรรมดารับไม่ไหว - เบอร์เซอร์เกอร์  จะใช้ทุกสิ่งที่ตนเองนิยามว่า 'อาวุธ' ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเสมอ นั่นหมายความว่าวินาทีที่มันจับต้องตัวเครื่อง F15, คุณสมบัติการขับเคลื่อน  ระบบอาวุธ  ระบบเรดาห์ แม้แต่สงครามอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ มันก็สามารถใช้ได้แม้สมัยที่เป็นอัศวินเดินดินจะไม่มีเรื่องพวกนี้ให้เห็นก็ตามครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:36:22

ความคิดเห็นที่ 10 6.  เมื่อ 'F15' ท้าทาย 'วิมาน' ของราชาวีรชน (1) กิลกาเมซ (เรียกชื่อละกัน ป่านนี้คงไม่เรียกว่าสปอยแล้วละมั้ง)  ไม่เคยสนใจพวกวีรชนคนอื่นมาก่อนเลย  จนกระทั่งเบอร์เซอร์เกอร์ท้าทายตัวเองขึ้นมานี่แหละ  และที่น่าสนใจก็คือการที่หมอนี่สามารถบินมาทักทายตนเองได้ถึงบนฟ้าอีกด้วย ซึ่งไฮไลท์นี้น่าสนใจตั้งแต่ช็อตแรกเลยครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:36:59

ความคิดเห็นที่ 11 - อาวุธวิเศษจาก Gate Babylon ทั้ง 6 ชิ้นถูกยิงเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง แบบกึ่งหน้ากระดาน...รูปแบบนี้ความหมายของมันไม่ใช่แค่การยิงเท่ห์ๆครับ  แต่หมายความว่าเป็นการ "ยิงแบบปิดช่องว่าง" จากตำแหน่งที่ได้เปรียบ (ยิงกดลง) เข้าใส่เบอร์เซอร์เกอร์ที่กำลังบินไต่ระดับ - การยิงแบบปิดนี้จะคล้ายหลักการ 'ยิงดักหน้า' ของปืนต่อต้านอากาศยานครับ เพราะถ้าหลบอันซ้ายจะต้องเจออันขวา  หลบอันบนจะต้องเจออันล่าง  ถ้าไม่หลบเลยก็เจออันกลางชนเข้าใส่ตรงๆโดยมีจังหวะเหลื่อมกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:37:31

ความคิดเห็นที่ 12 - แต่ไอ้ที่ยิงแบบดักซ้ายดักขวา,  เบอร์เซอร์เกอร์นั้นกลับเล็ดลอดผ่านไปได้ง่ายๆ เลย  สิ่งที่เกิดขึ้นได้นี้เป็นเพราะระบบการขับเคลื่อนที่ประณีตมากๆ  และ 'ความใจกล้า' ที่จะกล้าเล็ดลอดช่องว่างเท่ารูเข็มไปได้  (อย่าลืมว่า F15 กำลังชาร์จใส่เข้าด้วยความเร็วเหนือเสียง  ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั่นคือระยะเป็นร้อยๆเมตรทีเดียว) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:38:08

ความคิดเห็นที่ 13 - อาวุธของกิลกาเมซนั้นหลายชิ้นสามารถนำวิถีได้ (ตามนิยายบอก 3 จากใน 6 ชิ้น) ซึ่งมันวิ่งในลักษณะไซด์โค้ง 180 องศาเลี้ยงกลับมาโจมตีใส่ F15 จากมุมอับด้านหลัง  แต่พี่ด๊ำดำของเราก็ยังพลิ้วหลบได้อีก....ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก....แต่เป็นเพราะเครื่อง F15 มีเรดาห์ทั้งด้านหน้า-หลัง ซึ่งสามารถรายงานให้นักบินรู้ได้ทุกระยะว่าอะไรกำลังจะเข้าใกล้   จากทิศทางไหน   ความเร็วเท่าไร, และพอจำนวนเหลือแค่ 3 ชิ้นยิ่งหลบง่ายกว่าตอนแรกด้วย - ตามนิยาย  พี่ดำเราทำลูปผาดโผนอีกหลายรอบทีเดียวจนชนิดที่ว่าอาวุธวิเศษของกิลคุง เลี้ยวตามไม่ไหวระเบิดกลางอากาศไปเลย  (ส่วนโอวกิคงม่องเท่งจังหวะนี้แหละ) - พอเล็ดรอดผ่านไปได้  ตำแหน่งของ F15 จะเปลี่ยนจากเสียเปรียบเป็นได้เปรียบทันที (โดยปกติ) ด้วยท่าบินอิลเมลมารน์ (วงกลมลูปใหญ่) เพราะสามารถขึ้นเหนือตัววิมานของกิลกาเมซได้แล้ว - การบินรบปัจจุบัน, การอยู่สูงกว่ามักเป็นข้อได้เปรียบเพราะการยิงกดลง (มองลง-ยิงลง) นั้นเป็นการยิงตามแรงโน้มถ่วงของโลก  ทำให้ขีปนาวุธจะทำความเร็วได้มากกว่า และประหยัดอัตราการใช้เชื้อเพลิงในการวิ่งเข้าโจมตี...นั่นทำให้อาวุธปล่อยนำวิถีจะไล่ตามคู่ต่อสู้ได้ไกลมากขึ้น  ขณะที่อีกฝ่ายยิงสวนขึ้นมาย่อมเสียเปรียบด้านระยะยิง - อีกหนึ่งประเด็นได้เปรียบคือ, การอยู่สูงกว่า  เครื่องบินสามารถทิ้งดิ่ง หรือทำการบินยุทธวิธี (ผาดโผน) เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายกว่าฝ่ายที่อยู่ด้านล่าง โดยเฉพาะการ dogfight เพื่อสลับตำแหน่งบนล่าง และหน้า-หลังกับคู่ต่อสู้  อาทิเช่น Hi-Yoyo, Low-yoyo - แต่สำหรับวิมานของกิลกาเมซแล้ว,  สิ่งที่เกิดขึ้นจากจังหวะนี้คือเบอร์เซอร์เกอร์เปลี่ยนจากสถานะ 'เสียเปรียบ' เป็นแค่ 'เสมอกัน' เพราะวิมานมันดันยิงได้รอบตัวนี่สิ (โกงโคดๆ) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:38:51

ความคิดเห็นที่ 14 7.  เมื่อ 'F15' ท้าทาย 'วิมาน' ของราชาวีรชน (2) เข้าจังหวะ 2 ของการรบบนฟ้าแล้วครับ   ในสงครามทางอากาศนั้นมักจะตัดสินในช่วงพริบตา   ตายก็คือตาย  ชนะก็ชนะเลย  แพ้ก็แพ้เลย  ไม่ค่อยมีโอกาสการแก้ตัวนัก  ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆจะมีประเด็นให้วิเคราะห์กันเยอะมากทีเดียว  ซึ่งจะเห็นจากการที่พี่ด๊ำดำของเราเริ่มโจมตีกลับ - ช็อตที่ 1  เครื่อง F15 ยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศระยะกลาง~ AIM7-สแปรโรว์  จำนวน 2 นัดเป้าหมายที่วิมาน  ชี้เป้าโดยเรดาห์จากอากาศยาน - จรวดสแแปรโรว์นั้นเป็นอาวุธปล่อยที่ค่อนข้างเก่าแล้วในปัจจุบัน  แต่ระหว่างเนื้อเรื่องของ Fate/Zero ที่ดำเนินอยู่เมื่อหลาย 10 ปีก่อนจัดว่าเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยทีเดียว และพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในสงครามเวียตนาม/อ่าวเปอร์เซีย - การยิง 2 นัดนั้นเรียกเป็น Double Shot ของเครื่องบินรบ  ที่โดยปกติจะยิงเข้าใส่เป้าหมายเดียวกันเพื่อเพิ่มโชคในการยิงถูกเป้า  (ประมาณว่าหลบนัดแรกได้ ยังต้องเจอนัดที่ 2)  และอีกสาเหตนึึงก็คือจรวดสแปรโรว์ต้องการการนำวิถีจากอากาศยานแม่ตลอดระวะเวลาเดินทาง - นั่นหมายความว่าเรดาห์ส่วนหัวที่ทำหน้าที่ชี้เป้าจะต้องคอยหันไปหาวิมานตลอด มิฉะนั้นจะหลุดพิสัยการยิงและขีปนาวุธจะหลงทางโดยง่าย - ข้อดีอีกอย่างคือจรวดสแปรโรว์นั้นมีพิสัยการยิงค่อนข้างไกล (ต่อเนื่องถึง 40-70 กิโลเมตร) นั่นหมายความว่ามันสามารถไล่กวดวิมานเป็นเวลานานๆได้เหมือนกับเมียวิ่งไล่ผัวเลยทีเดียว  ตราบเท่าที่พี่เบอร์ยังมีปัญญานำวิถีให้ - อนุภาพของขีปนาวุธ,  ถ้าถามว่ารุนแรงแค่ไหน..(ขอสปอยนิด)..ปืนใหญ่อากาศ M61 ขนาด 20mm วัลแคนประจำเครื่อง....แค่กระสุนนัดเดียวเซเบอร์ยังบอกเลยว่าถ้าเธอโดนกระสุนเคลือบพลาน่านั้นเต็มๆจะถึงชีวิตได้ทันที.....แต่ขีปนาวุธสแปรโรว์นั้นประกอบด้วยดินระเบิด TNT 26 ปอนด์ ซึ่งมากพอจะระเบิดเครื่องบอมเบอร์ขนาด 2-300 ตันกลางอากาศได้สบายๆ -  ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้ามันยิงโดนวิมานได้  รับรองว่าพี่กิลกาเมซมีเละเหมือนกันครับ - ปกติ AIM7 นั้นจะติดตั้วไว้บริเวณส่วนท้องเครื่อง,  ส่วน AIM9 ซึ่งเป็นจรวดระยะประชิดจะติดไว้ใต้ปีก  (จริงๆจะติดสลับกันก็ได้  แต่นาโต้นิยมโหลดแบบนี้) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:39:56

ความคิดเห็นที่ 15 - ในจังหวะที่ขีปนาวุธกำลังจะเข้าปะทะ  วิมานแสดงตัวหลบโชว์แบบเอื่อยๆ   ซึ่งไม่แปลกที่จรวดทั้งสองนัดจะพลาดเป้า เพราะกำลังซิ่งมาเต็มเหยียดด้วยความเร็วหลายมัค  แต่เป้าที่เดิมอยู่กับที่กลับขยับในทิศทางแปลกๆ (ถอยหลังมาทางซ้ายด้วยเอ้ย)  ทำให้จรวดทั้งสองนัดพุ่งเลยไปหมด จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:40:19

ความคิดเห็นที่ 16 - แต่ก็อย่างที่ว่าไป  พี่เบอร์ซะอย่าง ไม่ยอมให้ของใช้เสียเปล่า  ตราบเท่าที่เรดาห์ยังทำงานได้  จรวดทั้งสองนัดก็วิ่งไล่กวดต่อแบบไม่ลดละ....เพียงแต่ถ้าเป็นขีปนาวุธของจริงมันจะไม่เลี้ยวแบบหักข้อศอกขนาดนั้นนะ  จะเป็นการตีวงเลี้ยวมากกว่า  (ในอนิเมวิ่งชิ่งซิกแซกยังกับตีปิงปองโต้กัน)  แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่าจรวดทั้งคู่ได้บัฟพลังเวทจากพี่ด๊ำดำเลยทำท่าบินโหดๆได้แบบสุดติ่งขนาดนี้ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:40:45

ความคิดเห็นที่ 17 - วิมาน~ฉากหลบจรวด AIM7 นี้มันทำเอาถึงกับผมอุทานคำหยาบออกมาทีเดียวครับ   มันวิ่งได้เว่อร์มาก  ทั้งฝ่ายวิมาน/กับขีปนาวุธเลย  การบินลักษณะนี้แถมยังเป็นแนวดิ่งด้วยนั้นอย่างน้อยๆก็ 9 G ขึ้นไป และอาจจะถึง 12 G ในบางจังหวะด้วย - Note: การบินรบแบบ Dogfight ในสมัยสงครามโลกนั้นอยู่ที่ 4-5 G, ในสงครามเจ็ตสมัยใหม่จะอยู่ที่ 8-9 G ซึ่งถือว่ายากลำบากมากสำหรับนักบิน    คุณลองจินตนาการง่ายๆก็ได้ว่า.....ที่หนังตาคุณถูกถ่วงด้วยน้ำหนักของไอโฟนตลอดเวลา...และเป็นทั้งร่างด้วย...ดังนั้นนักบินรบพวกนี้ต้องถูกฝึกหนักมากและมีชุดสนับสนุนมากพอดูเลย  (แต่ตู้ทองเรานั่งเฉ้ยย~ แบบไม่คาดเข็มขัดด้วยเอ้า!) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:41:46

ความคิดเห็นที่ 18 - แต่สุดท้ายวิมานก็สลัดหนีไม่พ้นครับ,  ป๋ากิลต้องงัดอาวุธออกมายิงใส่เพื่อสกัดกั้น  ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดได้เปรียบเลยทีเดียวเพราะ ขีปนาวุธของเครื่อง F15 มีรวมกันแค่ 8 นัด  ขณะที่ฝั่งอาเชอร์นั้นมีไม่อั้นชนิดยิงทิ้งยิงขว้างได้ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:42:14

ความคิดเห็นที่ 19 8.  เมื่อ 'F15' ท้าทาย 'วิมาน' ของราชาวีรชน (3) เข้าช่วงที่ 3 กลางอากาศหลังจากทั้งสองฝ่ายเริ่มแสดงฝีไม้ลายมือกันไปบ้างแล้ว  คราวนี้ก็ถึงช่วงคราวไล่กวด ที่ F15 จะไล่ตามวิมานเหมือนกับหมาล่าเนื้อเลยทีเดียว  โดยอารมณ์ของกิลกาเมซนั้นก็สนใจมากทีเดียวที่นานๆจะเห็นคนต่อสู้กับตนได้ถึงขนาดนี้ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:42:49

ความคิดเห็นที่ 20 - จังหวะเริ่มจะเห็นได้ว่าความเร็วมาตรฐานของวิมานนั้นสูงกว่าเครื่องบินเอาเรื่องครับ  ดังนั้นเบอร์คุงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก 'เหยียบให้เต็มที่' เช่นกันโดยจังหวะไล่ล่านี้จะเปิดสันดาปท้ายเต็มที่ทีเดียว (สังเกตท่อไอพ่นด้านหลังที่มีการปรับรูปร่าง) - สันดาปท้าย (After Burner) นั้นออกเหมือนๆกับไนโตรในรถนี่แหละครับ  ที่ช่วยให้เร่งความเร็วได้เกินขีดจำกัดปกติครู่นึง  ซึ่งเครื่องเจ็๋ตนั้นจะเป็นการฉีดน้ำมันเข้าเครื่องโดยตรงซึ่งเพิ่มอัตราความเร็วได้มากพอดู แต่จะต้องแลกด้วยการที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอีก 2-3 เท่าทีเดียว ปล.  มี comment เพิ่มเติมที่ 62 นะครับเรื่องสีของสันดาปท้าย แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 13:09:49 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:43:19

ความคิดเห็นที่ 21 - จังหวะนี้ดูเรียบๆ  เหมือนเท่ห์ดี  แต่ความจริงแล้วพี่ดำเล่นท่ายากมากๆติดกันเลยครับ  ถึง3-4 ท่าเป็นอย่างน้อย  เริ่มจากลูปอิลเมนมาร์น....ฮุค....โลว์โยโย่...ตามด้วยคอบบร้า  ซึ่งทุกท่าเป็นไปเพื่อการเกาะเป้าหมายวิมานด้านหลังนั่นเอง   (โดยเฉพาะจังหวะที่ผมแคปมา   จุดหักเลี้ยวตรงนั้นจะเป็นจังหวะปักหัวยิงสังหารด้วยปืนใหญ่อากาศได้เลย) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:44:06

ความคิดเห็นที่ 22 Note: อันที่จริง F15J ไม่มี Trust Vector (ท่อไอพ่นแบบปรับทิศทาง) นะครับ  อันนี้อนิเมทำเกินมาเพื่อความเท่ห์ ปล (ระยะหวังผลมากๆ) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:44:46

ความคิดเห็นที่ 23 - จังหวะยิงมิตไซล์ชุดใหญ่ 6 นัด.....อย่าลืมนะครับว่าเครื่อง F15 นั้นปกติมีแค่ 8 นัด นั่นหมายความว่า เป็นการสาดแบบ "ซัลโว" ชุดใหญ่หมดแม็คเลยทีเดียวพร้อมกัน ซึ่งตรงนี้บางคนอาจคิดกันหลายๆแบบเช่น ...ยิงเยอะดี  สะใจ ...ยิงเยอะจัง เปลือง ...มีแค่ 8 ลูก  ยิงทีละลูกดีกว่า จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:45:26

ความคิดเห็นที่ 24 ทางทหารมีคำตอบให้ไว้แล้วครับ  และพี่เบอร์เซอร์เกอร์เราเลือกคำตอบที่ดีที่สุดได้ถูกต้องเสียด้วยสิ  นั่นก็คือ - คู่ต่อสู้มีเพียง 1 ลำ, ดังนั้นถ้าทำลายได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกั๊กอาวุธ - เรดาห์สามารถชี้เป้าได้แค่ทีละ 1 เป้า ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้พอดี - การรวมอำนาจการยิงจะเพิ่มโชคการยิงถูก - การยิงพร้อมกันแบบใบพัดเพื่อให้คลุมรัศมีหลบหลีก ปิดช่องโหว่กันเอง (คล้ายๆกิลที่ยิงเป็นแพใส่ตอนแรก) - ขีปนาวุธ 2 แบบพร้อมกัน  ทำให้ได้จุดเด่นคู่เช่น AIM7 สแปรโรว์ มีระยะไล่ล่าไกล,อำนาจการทำลายสูง AIM9 ไซด์ไวเดอร์  ระยะยิงใกล้ แต่มีความคล่องแคล่วสูงมาก แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:00:43 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:00:43 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:45:58

ความคิดเห็นที่ 25 - ขีปนาวุธจำนวนมากจะทยอยเข้าโจมตีในเวลาที่แตกต่างกันไม่มาก ทำให้สามารถ 'คาดคะเนทิศทาง' ที่ฝ่ายตรงข้ามจะหลบหลีกได้ - ฝ่ายตรงข้ามสามารถยิงอาวุธสกัดกั้นได้  ดังนั้นไม่มีประโยชน์เลยที่จะยิงชิ้นเดียวแล้วติดโล่ห์... ดังนั้นต้องยิงให้มากที่สุดจนโล่ห์สกัดไม่ไหวแทน - สังเกตว่าพอยิงเสร็จปุ้บ  เบอร์เซอร์เกอร์ก็หักเลี้ยวทันทีเพื่ออ้อมไปดักหน้า ในเชิงที่ว่าถ้าหากกิลฯ ยิงอาวุธทำลายไปด้านหลัง  ยังไงด้านหน้าก็หนีไม่พ้นตนเองอยู่ดีซึ่งก็เป็นไปตามที่คาด แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 02:47:01 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:46:38

ความคิดเห็นที่ 26 - วิมาน + เกทบาบิโลน นี่ช่างสมเป็นอาวุธขี้โม้โดยแท้ครับ   กิลฯ คราวนี้เห็นจรวดสาดมาเยอะแถมหลายทิศทาง (หลังซ้าย หลังขวา หลังบน  หลังล่าง) เลยไม่ใช้วิธียิงสกัด แต่เรียกโล่ห์หลายอันมารับดาเมจแทน  ซึ่งปกติถ้าเจอไล่ตอนขนาดนี้ต่อให้เป็นสุดยอดเครื่องบินอย่าง F22, Su35 ก็เละเป็นโจ้กไปแล้ว จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:47:26

ความคิดเห็นที่ 27 สุดท้ายในตอน 14 นี้ก็ยังไม่รู้ผลกัน    ใครยังไม่เคยอ่านนิยายคงได้ลุ้นกันตัวโก่งตอนหน้าทีเดียวครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:48:52

ความคิดเห็นที่ 28 /me  วันนี้หมดแรงแหล๋ว   ส่วนใครจะเข้าวิน  โปรดติดตามตอนหน้าโลด ปล. พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการครับ ^^ ปล.  พรุ่งนี้จะพยายามลงโรงเรียน DxD ต่อครับ ถ้าไม่ลืม ปล.  High School คำว่า "High" กับ "School" นี่มันเขียนติดกันหรือแยกกันหว่า? (นอกเรื่องโคดๆ) แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 03:07:54 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 03:07:08 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:49:18

ความคิดเห็นที่ 29 หยะ...หยั่งกับอยู่หว้ากอ.... ขอบคุณที่ให้ข้อมูลที่ทำให้เห็นภาพขนาดนี้นะคะ ในอนิเมมันเร็วแถมไม่มีผู้บรรยายเลยไม่ได้อะไรมากไปกว่าความมัน แต่พออ่านตามแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกเป็นศึกที่ผาดโผนมาก จากคุณ : kowloon เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 02:52:48

ความคิดเห็นที่ 30 สุดยอดมากครับ วิเคราะห์ซะลเอียดยิบ ทำเอาต้องไปเปิดซ้ำไล่ดูทีละชอตตามเลย จากคุณ : หมูกระเทียม+ไข่ดาว เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:03:11

ความคิดเห็นที่ 31 ป๋ากิลยังพอโม้ได้ว่า วิมาน อาจจะมีเวทย์มนต์หรืออะไรหุ้มใว้เพื่อไม่ให้คนนั่งมีผลกับอากาศภายนอก แต่พี่มืดนี่สิ ใส่เกราะเกาะเครื่องบิน ฮาตคอร์มากๆ จากคุณ : Bluesardeen เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:05:56

ความคิดเห็นที่ 32 วิมาน ของ กิลกาเมชคุง หลุดมาจาก สตาร์วอร์รึเปล่า เมพมากมาก จากคุณ : seventoon (seventoonแห่งโลกมืด) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:08:58

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบครับ อ่านเพลินดี ใจจริงอยากให้กระทู้นี้ขึ้นแนะันำด้วยซ้ำ จากคุณ : แต๋วแหน่ว เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:31:03

ความคิดเห็นที่ 34 วิมานนี่หาซื้อได้ที่ไหนครับ -_-" อยากได้มาครอบครอง จากคุณ : ตุ๊กตาไขลานที่ไม่มีลานให้ไข เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:33:50

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ค่อยชอบดีไซน์วิมานเท่าไหร่เลยอะ  ขอเชียร์F15โดนพี่ดำสิงดีกว่า  โดนสิงแล้วเ่ท่ห์แบบแปลกๆดีเจ้า  พี่ดำก็อย่างห้าวเลยเกาะF15ได้ด้วย จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 03:54:37

ความคิดเห็นที่ 36 อธิบายแบบนี้ทำให้ดูขลังจริงๆ จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 04:25:58

ความคิดเห็นที่ 37 อึ้งสกิลตุ๊กแกของพี่ดำมากกว่า มันเกาะไปได้ยังไงฟะ เอาจริงๆต่อให้ติดกาวตาช้างแปะตัวไว้กับเครื่องบิน เจอแบบนี้มีปลิวตามลมไปแล้ว จากคุณ : Greaty O-U!! เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 04:49:01

ความคิดเห็นที่ 38 ส.....สุดยอด หยั่งกะหว้ากอจริงๆล่วย จากคุณ : ไล่ฮก เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 05:12:07

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากค่ะ >< สุดยอดค่ะ ข้อมูลแน่นมากๆ ตอนดูฉากนี้แล้วขนลุกเลย บู๊ได้epicมากๆ พี่เบอร์เท่ห์สุดยอดดด~!!! ("โอเระ โนะ เซอร์แวน วา ไซเคียว!") แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 20:16:41 จากคุณ : Jing sp เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 06:48:05

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นการปะทะกันของฝีมือvsความขี้โม้โดยแท้ จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:08:12

ความคิดเห็นที่ 41 2คำนั้นเขียนแยกกันนะ เจ้าตู้ทองนี้โกงได้อีกจริงๆ จากคุณ : NoToN เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:18:57

ความคิดเห็นที่ 42 RIP นักบินสุดซวยทั้ง 2 นาย... (-_-") จะว่าไป วิมานของตู้ทองมันเว่อร์จริงๆ นะ บินไล่กวดขนาดนั้นแต่เหมือนป๋าไม่โดนแรง G แม้แต่น้อย จะมีก็แค่ผมปลิวนิดหน่อย... จากคุณ : จิบเดียวก็ซึ้งแมน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:25:37

ความคิดเห็นที่ 43 นึกถึงภาพเฮียทองพยายามดริฟท์กวด F15 ในกระทู้วิมานก่อนหน้านี้ จากคุณ : joyka เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:47:09

ความคิดเห็นที่ 44 จะว่าไป ถ้ามีวิมาน+GOBประจำการสักสี่ห้าฝูง ศักยภาพในการครองอากาศจะได้ประมาณไหนนะ แต่คงต้องปรับสีเสียหน่อย ล่อเป้าสายตาสุด ๆ (แต่ไม่แถมEaมาให้กับแพคเกจนะ) ปล. ถามเพิ่มสักเล็กน้อยพอเป็นความรู้ ปกติแล้วไอพ่นท้ายของF-15เป็นสีม่วงอยู่แล้วหรือเป็นการแต่งเอฟเฟกต์เพื่องแสดงถึงพราน่าคลั่งแค้นของพี่ดำครับ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 08:16:39 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 08:14:35 จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 07:59:38

ความคิดเห็นที่ 45 สุดยอดอ่ะ กลับไปเปิดดูอีกรอบ มันมาก จากคุณ : รู้รึเปล่าว่าเค้าคือแมว เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:07:27

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นพาหนะที่สมกับราชาจริงๆ พี่ดำก็เท่ได้อีก อ่านเพลินเลยครับ ขอบคุณมาก จากคุณ : แค่ใจละเมอ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:28:47

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่มีคำบรรยายเลยครับ วิเคราะห์ได้เยี่ยมมาก นั่งอ่านเพลินมาก ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ครับ จากคุณ : นาฬิกาพกสีเงิน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:29:52

ความคิดเห็นที่ 48 #22 ตอนดูผมก็สังเกตเหมือนกัน   แถมบิดได้รอบยังกับ thrsut vector ของ SU เลย   ผมว่าเพราะพลังของโนเบิ้ลของพี่เบอร์ฯนั่นแหละ  ที่ไปดัดแปลงให้มันมีtrust vector  เพราะเหมือนจะคล้ายๆว่ามันจะเพิ่มระดับความสามารถของอาวุธได้ด้วย เช่นจาก B+ เป็น A อะไรทำนองนั้น  เหมือนในตอน 5 ที่พี่เบอร์ฯเอาท่อเหล็กไปฟันกับ Xคาลิเบอร์ได้ F-15J นี่คงระดับ A มั้ง  พอโดนอัพเป็น A+ เลยได้ thrust vector  เพิ่มมา จากคุณ : mad_savior เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:40:52

ความคิดเห็นที่ 49 Vimana ของกิลใช่ไอ้นี่ป่าวครับ ..... ราชรภในรามเกียรติ์ http://en.wikipedia.org/wiki/Pushpaka_Vimana#Ramayana จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 08:46:19

ความคิดเห็นที่ 50 เทคโนโลยีการทหาร เชิญห้องหว้ากอครับ //โดนลากไปเก็บ จากคุณ : น้องตีปสุดหล่อข้ามทางช้างเผือก เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 09:30:57

ความคิดเห็นที่ 51 #48 ถ้าเป็นของธรรมดาไม่ใช่NP(รวมถึงF-15นี่ด้วย) พี่ดำจะเปลี่ยนเป็นNPระดับDครับ แต่ถ้ามีระดับสูงกว่านั้นอยู่แล้วอย่างดาบที่แฮบมาจากGOBจะมีระดับคงเดิม แต่น่าจะเป็นไปได้ว่าพี่ดำใช้พราน่าของตัวเองเป็นแรงขับดันแทนtrust vector (แบบที่เซเบอร์ชอบใช้ มั้ง) #50 วิมานเป็นเครื่องต้นแบบ6th gen. Jet fighter สินะครับ~ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 09:42:37 จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 09:36:23

ความคิดเห็นที่ 52 วิมานของ กิล มันไฮเทคกว่า เครื่องบินทันสมัยซ่ะอีก ตัวถัง - ดีไซน์แบบโมเดิร์น ให้ความคลาสสิค ด้วยสีทองและมรกต ทำงานด้วย ปรอทและพลังงานแสงอาทิตย์ ผลึกควอตซ์ ไม่ต้องพึ่งน้ำมัน ไร้มลพิษ ความเร็ว - เท่าพลังความคิด อยากให้เร็วยังไงก็ได้ เบาะ - แสนสบายยิ่งกว่า เบาะค็อตพิตกันดั้ม ยกเครื่องจากอู่ สดๆ ร้อนๆ ไม่ต้องมี.... หลังคารถ - เพื่อรับลม ทั้งไม่ต้องห่วงเรื่อแรง G พวงมาลัย - ไม่จำเป็นเพราะมีแผงควบคุม Airbag & Safety Belt  - เกราะมันนั้นแหละ ถ่วงได้ดี มีตุ๊กตาหลังรถเป็น โทคิโอมิ Spoil เสียตรงไม่มีประกัน โดน สอยตกที ไม่มีใครรับเคลม ทั้งเจ้าของเซ็งไปพอๆกัน จากคุณ : Blackrx เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 53 สุดยอดเลยครับ ข้อมูลปึ้กจริงๆ ไม่คิดว่ามันจะมีรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ดูเอามันๆ ยังคิดอยู่เลยว่าเหมือนยูนิคอร์นสู้กับชินันจู ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ครับ จากคุณ : แบงค์พันที่ซ่อนไว้หลังตู้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:46:01

ความคิดเห็นที่ 54 นั่งดู 3 รอบว่าเข้าผิดห้อง ผิดกระทู้รึเปล่า จากคุณ : ลูกเจี๊ยบแรงสามเท่า เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:55:36

ความคิดเห็นที่ 55 วิเคราะห์ได้เยี่ยมมากจริงๆ  ในหว้าก้อ การวิเคราะห์ยั่งงี้ยังหายากเลย จากคุณ : AomValkyrie เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:58:13

ความคิดเห็นที่ 56 ผมดูเอาสนุก พี่ท่านวิเคราะห์เป็นเรื่องเป็นราวเลยแฮะ จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:58:58

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามารับข้อมูลทางการทหาร (ที่โคตรจะรู้น้อยเหลือเกิน) ครับ สรุปว่าทั้งคุณโคบายาชิทั้งคุณโอกิตัดสินใจถูกสมกับเป็นนักบินที่ถูกฝึกมาดีแล้ว...แม้จะสติแตกเพราะเห็นของพรรค์นี้ไปบ้างก็เถอะ...แต่ดวงกุดไปหน่อยที่หลงเข้ามาอยู่ในวังวนสงครามของพวกบ้าพวกนี้สินะ ปล. - พูดถึงเรื่องยุทธวิธีรบกลางอากาศแบบนี้แล้วนึกถึง Captain Alice เล่มล่าสุดที่เพิ่งแปลไปเมื่อปลายปีที่แล้ว (เล่ม 4 - 5) เลยแฮะ มีเรื่องเครื่องบินรบกับยุทธวิธีการรบกลางอากาศออกมาด้วยเหมือนกัน มาอ่านกระทู้นี้แล้วเหมือนได้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจอีกเยอะเลย แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 16:02:41 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 11:10:18 จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:05:43

ความคิดเห็นที่ 58 ต้องมีคนกดโหวตกี่คนถึงจะได้ขึ้นกระทู้แนะนำล่ะเนี่ย จากคุณ : St.RL เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:06:35

ความคิดเห็นที่ 59 กระทู้แบบนี้ต้องโหวตโลด จากคุณ : westly เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:14:06

ความคิดเห็นที่ 60 สงครามจอกมันผิดยุคไปหน่อย ถ้าไปอยู่ในยุค UC อาจจะได้เห็นพี่ดำแกเอา Gun....m มายิงกับวิมานก็ได้นะ จากคุณ : Autumn2reason เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:44:42

ความคิดเห็นที่ 61 คลิปไม่ขึ้น ขอแปะอีกรอบ ( ถ้าโดนลบอย่าว่ากันนะ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคลิป dogfight ที่โดนลบไปแล้ว ) Edit คลิปเก่าโดนสอยไปแล้ว ขอแปะใหม่ http://www.youtube.com/watch?v=7chHdEHE2SI แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 19:07:16 จากคุณ : Autumn2reason เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:46:51

ความคิดเห็นที่ 62 ความคิดเห็นที่ 44     จะว่าไป ถ้ามีวิมาน+GOBประจำการสักสี่ห้าฝูง ศักยภาพในการครองอากาศจะได้ประมาณไหนนะ ^ ^ ถ้ามีจริง และถือว่า GOB ยิงได้ไม่อั้นก็จะจัดเป็นฝูงบินโจมตีภาคพื้นดินทางลึกที่ดีมากๆครับ  ความคล่องตัวสูง  ขึ้นลงแบบทางดิ่งได้ไม่ต้องใช้รันเวย์  ระยะบินไม่จำกัด แถมซัดอาวุธใส่ได้แบบรัวและต่อเนื่อง .....แต่ถ้าจะให้ครองอากาศโดยแข่งกับฝูงบินขับไล่ในปัจจุบันคงยากหน่อยครับ  เพราะเครื่องยุค 4.5 ขึ้นไปเดี๋ยวนี้รบแบบเป็น Network กันหมดแล้ว ทำให้มีระยะโจมตีไกลมากจากเรดาห์ต่อระยะแบบช่วยกันภายในฝูงบิน  ดังนั้นจึงเป็นการรบนอกระยะสายตาเป็นส่วนใหญ่...วิมานที่ไม่มีเรดาห์จะลำบากมากในการค้นหาเป้าหมายบนท้องฟ้าเพื่อไล่ตาม (ยุคปัจจุบันแข่งกันที่ประสิทธิภาพของเรดาห์+ คุณสมบัติสเตลธ์เลย) ปล. ถามเพิ่มสักเล็กน้อยพอเป็นความรู้ ปกติแล้วไอพ่นท้ายของF-15เป็นสีม่วงอยู่แล้วหรือเป็นการแต่งเอฟเฟกต์เพื่องแสดงถึงพราน่าคลั่งแค้นของพี่ดำครับ ^ ^ โดยปกติเป็นสีขาวนะครับ  ถ้าเร่งแรงมากๆจะออกส้ม  ซึ่งสีสันของไอพ่นนั้นจะขึ้นกับอุณหภูมิที่เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ในขณะนั้น  เครื่องที่มีอัตราเร่งการเผาไหม้สูงมากๆมักจะใช้เชื้อเพลิงที่มีจุดระเบิดที่อุณหภูมิสันดาปท้ายแล้วเป็นสีม่วงหรือสีฟ้า เช่น TEB Fuel ของเครื่อง SR71 (เครื่องที่เร็วที่สุดในโลก)  .... กรณีนี้อาจอนุมานว่า พลาน่าของพี่ด๊ำดำมันเสริมพลังให้กับเชื้อเพลิงของเครื่องบินจนมันร้อนจัดขึ้นไปถึงระดับเชื้อเพลิงความเข้มสูงเลยเปล่งแสงคนละสีกันก็ได้ ปล.  คนที่กดโหวตให้ก็ขอบคุณครับ  แต่เรื่องเฉพาะทางที่อยู่นอกกระแสแบบ Fate/Zero แถมพ่วงทางทหารที่เข้าใจยากๆให้คงไม่น่าสู้กระแสดารากับข่าวร้อนๆในห้องเฉลิมไทยไหวละมั้ง ><"  ถ้าจำไม่ผิดต้องโหวตสักประมาณ 30-50 คนละมั้งถึงจะมีสิทธิได้ขึ้น แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:05:43 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:04:56 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:04:04 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 11:54:08 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:51:22

ความคิดเห็นที่ 63 เคยเข้าไปดู Blog คุณ Kross มาแล้ว อธิบายได้เจ๋งมากเลยครับ อ่านเพลินเลย ให้กิ๊ฟ เพราะคำว่า "พี่ด๊ำดำ" เลยนะเนี่ย จากคุณ : ILoveHusky เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 12:07:15

ความคิดเห็นที่ 64 #62 ท่านครอส จำได้ว่าในนิยาย ป๋าใช้วิธีส่องภาพติดตามจากกระจกวิเศษสักบานมิใช่รึครับ แต่ก็อย่างว่าล่ะ ขับวิมานนี่ต้องพึ่งการรับรู้ด้วยสายตาเสียมาก ถ้าเจอรุมจากนอกระยะสายตานี่ก็คงลำบาก จะได้เปรียบจริง ๆ แค่ในการdog fightระยะยาวสินะ ยิ่งเรื่องสเตลท์ ส่องแสงล่อเป้าชัด ๆ (เป็นไปได้ว่าแทคติกการรบของยุคนั้นต่างจากยุคนี้ สมัยนั้นรบกัยแบบขุนพล ถ้าเห็นป้ายยี่ห้อเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลก็มีแววจะทำให้ขวัญทหารแตกกระจุยกันได้ง่าย ๆ) แต่เรื่องเครื่องบินโจมตีทางลึกนี่จริงด้วยแฮะ อยู่ ๆ ก็บินมาถล่มจนเละ แล้วก็หายสาปสูญ บินตามไม่ทัน ระยะทำการไม่จำกัด จะดิ่งแวบลงไปจอดแถวไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่ติดเรื่องเป้าเด่นนี่เป็นเรือดำน้ำภาคอากาศได้เลยนะนี่ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:22:24 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 12:14:22 จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 12:08:50

ความคิดเห็นที่ 65 เข้ามาอ่าน ติดสตันท์ไป 30 วิ จากคุณ : อาว์เอ็ด เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:28:51

ความคิดเห็นที่ 66 ถึงว่าทำไมคุ้นๆ ตากับดีไซน์วิมานของป๋ากิล แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 55 14:20:24 จากคุณ : จิบเดียวก็ซึ้งแมน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 14:19:43

ความคิดเห็นที่ 67 แล้วบักกิลมันไม่เป็นแบบนี้รึ? จากคุณ : เครดิตจาก dkcbt43571 ณ ตุรกี (น้องตีปสุดหล่อข้ามทางช้างเผือก) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 14:49:09

ความคิดเห็นที่ 68 ^ ^ ^ 55555555+ แค่แรงลมก็แย่ละ แรง G ไม่ต้องพูดถึง จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 15:44:22

ความคิดเห็นที่ 69 //66 มาจากเกมอะไรหว่า  คุ้นๆ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:11:40

ความคิดเห็นที่ 70 เสียดายที่เกิดมาเป็นลูกทหาร ความรู้มีไม่ถึงโคนหางอึ่งเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับกระทู้นะคะ นึกว่าจะไม่ได้อ่านผลงานดีๆมีสาระแบบนี้แล้วซะอีก อ่านมันส์มากเลยค่ะ ตอนอ่านนี่ยังนึก ถ้าได้ตัวจขกท.มานั่งพากษ์ข้างๆตอนดูไปด้วยคงมีตบเข่าฉาดๆด้วยความสะใจไปแล้วล่ะค่ะ โอ๊ย ชอบอ่ะ ชอบมากมาย ณ นาทีีนี้ จะกิลหรือเบอร์ก็สู้จขกท.ไม่ได้แล้วแหละ มันส์ในอารมณ์กว่ากันเยอะเลย จากคุณ : ตลกวิชาการ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 17:51:03

ความคิดเห็นที่ 71 #69 มาจากเกมส์ ACE online ของค่ายวิน...ครับ ส่วนผมเห็นวิมานทองครั้งแรกภาพยูนิตตัวนี้ลอยเข้ามาในหัวก่อนเลย กิลมันเคยไปเยือนดาว Aiur มาก่อนแหงๆ ได้อารยธรรมของพวก Protoss มาด้วย จากคุณ : เพื่อนคาคาชิ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:21:54

ความคิดเห็นที่ 72 เสริมการหักเลี้ยวที่เจอในเรื่องนะครับ hi-low yoyo ก้มหัวลงหรือขึ้น ตามชื่อระหว่างตีวงเพื่อให้ได้วงที่แคบกว่า เหมาะสำหรับฝ่ายตรงข้ามที่ตีวงกว้างค้าง(มือใหม่มักจะตีวงแบบนี้หนี) จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:42:05

ความคิดเห็นที่ 73 จะใช้อันใหนดูท่าทีฝ่ายตรงข้ามกับระยะห่างระหว่างพื้นด้วยหละ จะล่าแต้มกับมือใหม่แต่เก๋าจนกดลงจูบพื้นนี่ฮาแตก จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:43:26

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วนอันนี้ อิมเมลมานเทิร์น พลิกตัวหันกลับ จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:44:47

ความคิดเห็นที่ 75 อันนี้คอบบ้าเทิร์น สมชื่องู จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:47:29

ความคิดเห็นที่ 76 เข้าใจผิดมาตลอดว่าเฟทมันเป็นเรื่องบู๊โรแมนติค =[]= ;; ตูไปมุดเขาหลังไหนมาฟระเนี่ย!? นี่มันพะบู๊ล้วนๆ อ๊ากกกกก ควรจะเริ่มตรงไหนดี อนิเม นิยาย การ์ตูน? >[]< จากคุณ : จ้าดแล่ว เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 19:43:50

ความคิดเห็นที่ 77 //76 คุณโชคดีมากที่ยังไม่เคยดู Fate ภาคไหนมาก่อน   ดังนั้นจะอิ่มเอมกับอรรถรสของภาค zero ในอนิเมนี้ได้เต็มที่เลยครับ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 20:02:34

ความคิดเห็นที่ 78 เรามีตัดคลิปแค่ช่วงนี้มาด้วย ลองหาในยูปทูปน๊า ว่า อาเชอร์ vs เบอร์เซอร์เกอร์ ตั้งอังกฤษกลัวโดนลบ :)  ตอนนี้สนุกมากๆ เราชอบจริงๆ จากคุณ : -เด็กหงส์หลงอลอนโซ่- เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 20:07:44

ความคิดเห็นที่ 79 คลิป คห75 มันแนวจริงๆเว้ย หันแต่หัวมายิงได้ด้วย มันใช้หลักการยังไงกันล่ะนั่น แต่ดูแล้วนึกถึงฉากนึงของอนิเมเรื่อง yukikaze จังเลยเว้ย อันนั้นAIเครื่องบินก็ทำคล้ายๆกันเลย แต่เวอร์กว่า เพราะมันหันหลังไปยิงเลย จากคุณ : Eisen เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 20:45:42

ความคิดเห็นที่ 80 #76 ตามเมะเพื่อเอาอิมเมจตัวละครไปก่อนเลยค่ะ แล้วค่อยไปเอานิยายมาอ่านอีกรอบเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา (ถ้าหาไม่เจอ หรือขี้เกียจเก็บก็หลังไมค์อีเมล์มานะคะ เดี๋ยวส่งให้) และเพื่ออรรถรสเต็มอิ่มก็ต้องไปหาดราม่าซีดีมาฟังด้วยค่ะ รับรอง จะติดกว่านี้อีก จากคุณ : ตลกวิชาการ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:01:50

ความคิดเห็นที่ 81 //79 เครื่อง Mig29 ใช้จรวด R73-Archer ครับซึ่งเป็นจรวดนำวิถีด้วยความร้อนควบคู่กับระบบเล็งยิงบนหมวกนักบิน  ซึ่งจะมีการเชี่อมเซนเซอร์ของขีปนาวุธเข้ากับทิศทางที่สายตาจ้องอยู่โดยอัตโนมัติ  (หลักการ มอง-แล้ว-ยิง) ทำให้ไม่ต้องหันลำตัวเครื่องไปหาศัตรู...เอาแค่ใกล้ๆแล้วนักบินมองเห็นก็ล็อคเป้าได้แล้ว เป็นจรวดรุ่นแรกๆเลยครับ ที่ทำแบบนี้ได้ แม่นยำ+คล่องตัวสูงมาก พอใช้กับท่าบินคอบร้าซึ่งสามารถลดความเร็วและเปลี่ยนมุมยิงได้แบบกระทันหันก็จะเรียกว่า Mig29 ลำนั้นๆจะสามารถยิงได้แบบ 180 องศาเลยทีเดียว (คล้ายหลักการสะบัดหาง/สเก็ตน้ำแข็ง) ซึ่งตอนหลังๆค่ายสหรัฐและยุโรปต้องเร่งพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถีหลักการเดียวกันขึ้นมาต้านเลยทีเดียวอย่างเช่น AIM9-X หรือ Iris-T   ปล.  หันหลังไปยิง, หรือยิงจรวดแล้วเลี้ยวกลับหลัง เดี๋ยวนี้เครื่องบินยุค 4.5 ใหม่ๆทำกันได้เกือบหมดแล้วครับ ^^ อย่างในรูปเป็น Iris-T ของกริฟเฟ่น จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:11:07

ความคิดเห็นที่ 82 กระทู้นี้สนุกดีครับ จากคุณ : RadiorA เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:14:06

ความคิดเห็นที่ 83 ระบบเล็งยิงด้วยสายตา  นี่จัดเป็นระบบมาตรฐานของเครื่อง 4.5 ขึ้นไปเลยครับ  และจำเป็นมากยามที่ต้อง dogfight กันแบบประชิดติดพัน เพราะไม่มีเวลาหันหัวเครื่องบินเพื่อชี้เป้าให้ขีปนาวุธที่กำลังโคจรกลางอากาศด้วยความเร็วสูงแน่นอน (ว่าไปก็เสียดายที่พี่ดำด๊ำไม่มีหมวกแบบนี้  ไม่งั้นคงควบคุมมิซไซล์ได้สนุกมือทีเดียว) ปล F15J  จัดเป็นเครื่องยุค 4.0 ครับ  (ยุค 4.5 จะได้แก่ F18E/F, Jas39, Eurofighter, Rafale, Su35 เป็นต้น) จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:17:57

ความคิดเห็นที่ 84 #44 เจอประเภทโจมตีเหนือความคาดหมายก็อ่วมเหมือนกันแหละครับ ถ้าตอนแรกอาจได้เปรียบ แต่หลังรู้ว่าเป็นอะไรก็สามารถเตรียมแผนรับมือได้ อย่างใช้หัวรบนิวเคลียร์ยิงให้ระเบิดล้อมรอบเป้าหมาย GoB ไม่น่ากันได้นอกจากจะทำลายก่อนระเบิด จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:19:44

ความคิดเห็นที่ 85 โอ๊ว!!! สุดยอดมากๆ~ เนื้อหาละเอียดเข้าใจง่าย พร้อมภาพประกอบ นี่ถ้าเจ้าของกระทู้ไม่บรรยายรายละเอียด เราคงรู้แค่ว่าสู้กันกลางอากาศแบบเท่ๆเท่านั้นเอง พอรู้อย่างนี้แล้วรู้สึกสนุกขึ้นอีกเยอะเลย จะว่าไปทั้งกิลและพี่ด๊ำดำก็ต่างเป็นทหารเจนศึกกันมาก่อนนี่นะ เรื่องยุทธวิธีการรบนี่ไม่เป็นรองกันเลย ปล. กรี๊ดดดด พี่ด๊ำดำเท่มั่กมว๊ากกกกก! ทั้งโหด ทั้งแค้น ทั้งคลั่ง แต่ลีลาต่อสู้เท่จัดหนักแบบนี้ ได้ใจมากๆเลยค่า~ > w < จากคุณ : Yodel เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:23:28

ความคิดเห็นที่ 86 กระทู้นี้มันสุดยอดจริงๆให้ดิ้นตาย จากคุณ : หมาป่าเงอะงะ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:25:48

ความคิดเห็นที่ 87 //84 อันที่จริงถ้าต้องไปสู้กับวิมานแล้วมีโอกาสอาวุธในยุคปัจจุบันได้  ผมจะให้พี่ดำขี่ลำนี้ไปแทนครับ /me  เรือเอจิสต่อต้านอากาศยาน ชั้นไทคอนเดอเรก้า (US) ยิงขีปนาวุธซัลโวพร้อมกันสูงสุด 128 นัด  เอาให้มันเต็มฟ้าเลย จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:33:08

ความคิดเห็นที่ 88 มาอีกทีขึ้นแนะนำแล้ว ยินดีด้วยครับ อิอิ จากคุณ : แค่ใจละเมอ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:48:29

ความคิดเห็นที่ 89 #87 ขี่ไอ้ลำนี้ไปนี่เอางบประมาณไปใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ จริงๆ ปัญหาก็คือต้องมานั่งวัดดวงกันนี่ละว่าพี่เบอร์แกจะกลืนเรือลำนี้ได้หมดลำก่อน หรือว่าคาริยะจะแห้งตายก่อน จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 22:00:51

ความคิดเห็นที่ 90 ลึกซึ้ง จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 23:13:01

ความคิดเห็นที่ 91 เอาคลิปเครื่องบินมาให้ค่ะ  ไม่รู้เครื่องรุ่นเดียวกันปะหรือรุ่นไหน  ใครรู้บอกหน่อย  ชอบตอนบินเป็นรูปหัวใจจริงๆ  เด็ด ^ ^ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 00:05:14

ความคิดเห็นที่ 92 คห81 ขอบคุณครับ อธิบายได้ละเอียดดีจังเลย จากคุณ : Eisen เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 00:06:56

ความคิดเห็นที่ 93 ไหงคลิปไม่ขึ้น   http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=1_fJJ9BvPVM จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 00:07:27

ความคิดเห็นที่ 94 เวลาโพสคลิปต้องตัดพวก ?feature......embeded... ออกให้หมดครับ เหลือแค่ watch=.... ก็พอ (เวปพันทิปเขียนสคริปไม่ครอบคลุมเอง) เช่น http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=1_fJJ9BvPVM กลายเป็น http://www.youtube.com/watch?v=1_fJJ9BvPVM ปล. ข้อมูลเครื่องบินขับไล่แต่ละยุคสมัยครับ อ่านประกอบเพื่ออรรถรสได้ ที่  http://goo.gl/Hjp4I แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:31:21 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 08:33:14 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 08:31:35

ความคิดเห็นที่ 95 ลองเอามาลงไว้นิดนึงละกัน ข้อมูลเครื่องบินขับไล่แต่ละยุคสมัยครับ แบบเข้าใจง่ายๆ อ่านประกอบเพื่ออรรถรสได้ http://goo.gl/Hjp4I (ทำสดๆร้อนๆ  ในบล็อคจะละเอียด+ภาพประกอบกว่าในนี้นะ  แต่ไม่อยากให้กินที่ในกระทู้มากไปเลยตัดออกก่อนครับ) ------------------------------------------------------ ยุคที่ 1: เครื่องยนต์เจ็ต (1945-1955) ตัวอย่างเช่น   Me262 (เยอรมัน), F80 (US) คุณสมบัติ: - เครื่องยนต์ที่ใช้การสันดาปของเชื้อเพลิงเจ็ต แทนการหมุนของลูกสูบใบพัด - ระบบสันดาปท้าย (Afterburner) ที่ใช้ในการเร่งความเร็ว ยุคที่ 2: เรดาห์, ขีปนาวุธ(1950-1965) ตัวอย่าง: F86, Mig-15 คุณสมบัติ: - มีเรดาห์ติดตั้งบนอากาศยาน - การติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีโจมตีอากาศยานด้วยกัน (Air-to-Air Missile) ยุคที่ 1 โลกในช่วงนั้นเริ่มเดือดจากภัยคุกคามด้านอาวุธนิวเคลียร์ และการสะสมอาวุธในสงครามเย็น  มีการก่อตั้งฝูงบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ จึงเริ่มมีการแยกเครื่องบินขับไล่  ออกเป็นหลายรูปแบบตามภารกิจเช่น - เครื่องบินขับไล่ครองอากาศ: เครื่องขนาดใหญ่คอยลาดตระเวณคุมเชิงพื้นที่ - เครื่องบินขับไล่สกัดกั้น: เครื่องขนาดเล็ก ความคล่องตัวสูงเพื่อขึ้นสกัดกั้นฝูงบินทิ้งระเบิด - เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน: เครื่องขนาดกลาง คอยคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดฝ่ายตัวเอง ขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินถูกพัฒนาขึ้นเพื่อขยายพิสัยโจมตี เพราะปืนกล/ปืนใหญ่อากาศประจำเครื่องมีระยะยิงที่จำกัด และตัวจรวดนำวิถีนั้นมีความแม่นยำสูงกว่าในการเข้าต่อตีที่ความเร็วสูง (ปืนจะเล็งไม่ค่อยทัน...แถมกว่าจะเข้าระยะยิงอาจถูกจรวดสอยร่วงก่อน) ยุคที่ 3: เหล่าเครื่องบินในตำนาน~ ตัวอย่างเช่น:  F4, Mig21 แห่งสงครามเวียตนาม คุณสมบัติ: - ทำความเร็วเหนือเสียง (Supersonic) - การบินผาดแพลงด้วยความเร็วสูง 7G+ - เรดาห์แบบพัลซ์ - ระบบสงครามอิเล็คทรอนิคส์ (ECM, ECCM, เป้าลวง) - ขีปนาวุธแบบ อากาศ-สู่-พื้น - อาวุธนำวิถีแบบชี้เป้า (Laser-Guide, TV-Guide) - การเข้าต่อตีในเวลากลางคืน - ขีปนาวุธคืออาวุธหลักแทนที่ระบบอาวุธปืน - อาวุธโจมตีนอกระยะสายตานักบิน - การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ ยุคที่ 4: เครื่องบินที่เมื่อเช้านี้ ตัวอย่าง:  F14, F15, F16, Mirage2000, Mig29, Su27 คุณสมบัติ: - เรดาห์พัลซ์แบบปรับทิศทาง - คุณสมบัติการเคลื่อนที่ระดับสูง (การบินผาดแผลง) ระดับ 8G+ - ระบบควบคุมการบินรวมศูนย์ (Flight Control System) - ระบบอิเล็คทรอนิคส์อากาศยาน (Fly-by-Wire) แทนการใช้สายเคเบิล - การ 'มองลง-ยิงลง' - วัสดุศาสต์อากาศยาน (โครงสร้างเกราะอากาศยานคอมโพสิต/เชื่อมประสานวัสดุหลายแบบ) - เครื่องบินรบแบบ 'อเนกภารกิจ'  หรือทำภารกิจได้หลายอย่างตามออพชั่นที่เลือก - เครื่องบินแบบ 'ทวิบทบาท' หรือภารกิจได้ 2 อย่างพร้อมกัน - ขีปนาวุธพิสัยไกลมาก  และอาวุธเล็งทำลายดาวเทียม - ระบบ HUD สำหรับเล็งยิงจากหน้าจอค็อกพิท - ห้องนักบินแก้ว (Glass Cockpit) - ระบบบูรณาการการตรวจจับ เรดาห์/อินฟราเรด/เลเซอร์/ทีวี ของอากาศยาน - ขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ ยุคที่ 2 ยุค 4.5:  เครื่องบินแห่งตอนนี้ (!) ตัวอย่าง: ยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น (EU),  ราฟาล, Su-30, F16(I block60), F18 (รุ่น E/F), JAS39 คุณสมบัติ: - ความคล่องตัวระดับสูงมาก 9+ - เครื่องยนต์เจ็ตกำลังสูง - ท่อไอพ่นแบบปรับทิศทาง (Trust Vector) - ระบบแยกแยะรังสีความร้อนระยะไกล - การออกแบบเพื่อลดการแพร่คลื่นสัญญาณสู่ภายนอก (Semi-Stealth) - อาวุธนำวิถี เชื่อมกับสัญญาณดาวเทียม  เช่น GPS, Glossnass, Galileo - ระบบเล็งยิงจากหมวกนักบิน (Tracking Helmet) - ขีปนาวุธแบบรอบทิศทาง - ระบบสงครามอิเล็คทรอนิคส์ (EW) ขั้นสูง - เรดาห์ AESA ความละเอียดสูง ( Anti-Stealth) - ระบบเครือข่ายข้อมูลสงคราม (Data Link) - ขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ ยุคที่ 3 *Note: จริงๆเครื่องยุค 4.5/4.75 นี้ออกแบบมาเพราะเครื่องยุคที่ 5 นั้นใช้เวลาพัฒนานานมากๆๆๆๆๆ  (ขนาดสหรัฐยังปาไป 12 ปี)  หลายประเทศจึงมีการใช้คอนเซปเดิมมาโมดิฟายให้ดีขึ้นแทนครับ ยุคที่ 4.75: เครื่องบินของเย็นวันนี้ ตัวอย่างเช่น  SU35, F15 (รุ่นSE), JAS39 (รุ่นNG), Typhoon (รุ่น 3) คุณสมบัติ: - คุณสมบัติ Stealth ด้วยการเคลือบสารดูดกลืนเรดาห์ - คุณสมบัติ Stealth ด้วยการเคลือบสร้างสนามพลังงานพลัสม่า (on research) - คุณสมบัติการ Jamming เรดาห์ฝ่ายตรงข้ามด้วยเรดาห์ของฝ่ายเรา - การบินเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงตลอดเวลา (Super Cruise) / ร่วมกับเครื่องยุคที่ 5 - Fly-by-wire ระหว่างเครื่องบิน (โอนการควบคุมให้อากาศยานลำอื่นแบบอัตโนมัติ) - การล็อคเป้าเล็งยิงจากด้านหลัง - การยิงสกัดขีปนาวุธ Air-to-Air ด้วยกัน - การขับเคลื่อนระดับสูงมาก (9G++) - ท่อไอพ่น Vector แบบ 3 แกน ยุคที่ 5:  เครื่องบินรบแห่งวันพรุ่งนี้ ตัวอย่างเช่น  F22, F35 และ J20, T50 (พึ่งเริ่มต้นอากาศยานต้นแบบ) คุณสมบัติ - Stealth โดยสมบูรณ์ทางการดีไซน์อากาศยาน - ระบบช่องเก็บอาวุธภายใน - ความคล่องตัวระดับเดียวกันกับเครื่องยุค 4.75 - ระบบคอมพิวเตอร์อากาศยานขั้นสูง (Lv3) + ห้องนักบินแบบ 360องศา - ต่อต้านการโจมตีทางอิเล็คทรอนิคส์ (ECCM) - การบินเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงตลอดเวลา (Super Cruise) ยุคที่ 6: แผนการที่ยังลอยบนกระดาษ ตัวอย่างเช่น  XB47 (Prototype) คุณสมบัติ: (ยังไม่ลงตัว) - ล่องหนอย่างยิ่ง (extreme stealth) - ต่อสู้ได้ในทุกระดับความเร็ว (ความเร็ว 0 ถึงหลายมัค) -  คุณสมบัติ "การแปลงร่าง" -  พื้นผิวอากาศยานแบบใหม่ (smart skins) ที่สร้าง/ปรับสภาพตัวเองได้ - เซ็นเซอร์ความไวระดับสูงอย่างยิ่ง (extremely sensitive sensors) -  ขับเคลื่อนได้ทั้งแบบนักบินและ AI - อาวุธลำแสง/ อาวุธพลังงาน ----------------------------------------------------- ถ้าตามคุณสมบัตินี้วิมานของกิล น่าจะจัดอยู่ในยุค 4.75 ครับ เพราะตรงเงื่อนไขหลายอย่างเช่น - คล่องตัวสูงมาก (เทียบได้กับ SU35 ที่มีนักบินระดับท็อปเลย) - ระบบเล็งยิงรอบทิศทาง - อัตราเร่งดี (จากความเร็วลอยนิ่งๆ กลายเป็นเหนือเสียงในแป้บเดียวเอง) - คอมพิวเตอร์ควบคุมการบินระดับสูงสุดๆ (Fly-by-Wire) แค่คิดก็ขยับให้ - บินต่อเนื่องที่ความเร็วเหนือเสียงได้ (Supercruise) - แถมดันมีความสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้เหมือน เครื่องยุคที่ 6 อีกต่างหาก แต่จะจัดเข้าเกณฑ์โดยตรงเลยก็ลำบากนิดนึงเพราะ - ไม่มีอาวุธยิงระยะนอกสายตาไกลๆ - ไม่มีเครือข่าย Network การสงคราม - ไม่มีสงครามอิเล็คทรอนิคส์ (พวกการแจมมิ่งทั้งหลาย/ แต่สมัยอุรุคมันคงไม่มีหรอกมั้ง?) เนื่องจากมันก้ำกึ่งๆ เลยให้ยุค 4.75 ละกันครับ  เทียบได้กับ SU35, GriphenNG, Typhoon รุ่น4 ประมาณนั้นไป แต่ยังไม่ถึงขึ้นยุคที่ 5 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:59:22 จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:42:17

ความคิดเห็นที่ 96 คำเดียวเน้นๆ สุดยอดเลยครับ ปล. เห็นแล้วก็นึกได้ คุณ Kross ไม่แต่ง Fate of Astray ต่อแล้วเหรอครับ จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 11:43:27