 |
เพิ่งดูซับไทยตอน 5 จบไปเมื่อสักครู่นี้เอง เรื่องนี้เหมือนมี 2 เรื่องในเรื่องเดียวกันจริงๆ เพราะอารมณ์รุ่นพ่อแม่ กับรุ่นลูก กลับกัน 180 องศาเลยทีเดียว รุ่นลูกสดใส กระฉับกระเฉง ฉับไว แต่รุ่นพ่อแม่ อบอุ่นนุ่มนวล คลาสสิก เมื่อดูแล้วได้อารมณ์ไปกับช่วงยุคสมัยนั้นมาก จริงๆแล้วเทียบเคียงอารมณ์เมืองไทยในยุค 14 ตุลา, 16 ตุลา ได้เหมือนกัน เนื่องจากเป็นยุคสงครามเย็นซึ่งรัฐฝ่ายขวายุคนั้นจะเกลียดกลัวคอมมิวนิสต์มาก บรรยากาศของบ้านเมืองจึงค่อนข้างเข้มงวด นิสิตนักศึกษาจึงพยายามแสดงออกความคิดทางการเมืองผ่านทางสื่อต่างๆ แต่เนื่องจาก Love Rain เป็นละครรัก องค์ประกอบเหล่านั้นจึงเป็นองค์ประกอบรองของเนื้อเรื่อง เพียงแต่ช่วยเสริมบรรยากาศให้อารมณ์มันเข้ากับยุคสมัย
ในเรื่องการแสดง ถือว่าคู่พระนางสอบผ่านฉลุย จางกึนซอกคงไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว เพราะผ่านงานแสดงมาเยอะมาก ถือเป็นพระเอกแถวหน้าติดลมบนไปแล้ว แต่ในส่วนของยุนอา ซึ่งแม้จะเป็นอดีตนางเอกหน้าใหม่ที่คว้ารางวัลประจำปีมาแล้วกับละครเรทติ้ง 40% แต่ก็ยังถือว่า ผ่านงานมาไม่มากนัก เรื่องนี้ถือว่าเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องที่ 3 เท่านั้น แฟนคลับก็ห่วงๆอยู่ว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร แม้ว่าเรทติ้งเรื่องนี้จะยังต่ำเตี้ยอยู่ อาจจะเป็นเรื่องจากเนื้อเรื่องที่คนเกาหลีอาจจะรู้สึกว่าจำเจ แต่ในด้านคุณภาพการถ่ายทำ และฝีมือการแสดงแล้ว ต้องให้เครดิตจริงๆ สำหรับยุนอา นี่ไม่ใช่ไอดอลที่มาเป็นดารา หากแต่เธอเป็นนักแสดงที่เป็นไอดอล ไม่รู้จะนึกภาพออกมั้ย บางทีเราดูไอดอลที่มาแสดงละครมันจะรู้สึกคล้ายๆ ละครเวทีอยู่หน่อยๆ คือ อารมณ์มันจะเกินธรรมชาตินิดๆ แต่ยุนอาเธอดูกลมกลืนกับบทและเป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะการแสดงที่ต้องใช้สายตา คือแค่ตาก็บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกได้ บทคิมยุนฮีถือว่าเป็นบททดสอบชั้นดี ไม่ว่าเรทติ้งจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าฝีมือการแสดงคงจะต้องเข้าตาผู้กำกับท่านอื่นๆในวงการไม่มากก็น้อย
สำหรับบทยุคปัจจุบัน คงไม่ต้องห่วงอะไรมากจริงๆ เพราะมันเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ความท้าทายน่าจะอยู่ที่บทที่จะโยงใยความสัมพันธ์ของรุ่นพ่อแม่มาสู่รุ่นลูกว่า จะให้ดำเนินไปในทิศทางอย่างไร สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างคือ การเทียบเคียงความเหมือนต่างของยุคสมัยให้สัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
ยุค 70s แม่บันทึกความรู้สึกโดยไดอารี่ ยุค 2012 ลูกบันทึกความรู้สึกโดยมือถือ ซึ่งตรงนี้ในยุค 70s ใช้เป็นปมตรงที่ให้พระเอกรับรู้ความรู้สึกนางเอกจากการแอบอ่านไดอารี่ ในขณะที่ยุคปัจจุบันใช้เป็นมุขเล็กๆให้พระเอกแอบดูมือถือนางเอกและเอาชนะนางเอกได้
ยุค 70s พ่อเป็นจิตรกรบันทึกความทรงจำโดยการวาดภาพ ส่วนยุคปัจจุบันลูกบันทึกความทรงจำจากการถ่ายภาพ
แม้เป็นความต่าง แต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า แม้ลูกจะนิสัยไม่เหมือนพ่อแม่ก็ตาม แต่ แม่-ลูก พ่อ-ลูก มีสิ่งที่เชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น และสิ่งที่ชอบมากที่สุดสำหรับกิมมิกเรื่องนี้คือ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสามสิบกว่าปี แต่การตกหลุมรักในสามวินาที มันก็ยังไม่เคยแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย คงเป็นเพราะความรักไม่ต้องการเวลากระมัง...
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 01:26:26
จากคุณ |
:
โอบ๊อท
|
เขียนเมื่อ |
:
12 เม.ย. 55 01:24:48
|
|
|
|
 |