:: GRAZIA ฉบับเดือน มีนาคม 2555
PIRACH NITHIPAISARNSAKULS
GREAT AMBITION
เรื่อง : กริชเทพ ศรศิลป์ ภาพ : ธีราวุฒิ รอดปั้น ผู้ช่วยช่างภาพ : มนูศักดิ์ ศรีสมุทร
สไตลิสต์ : Kris Manoonsirikul ผู้ช่วยสไตลิสต์ : รุ่งกานต์ แสงสวัสดิ์ และ กุลวดี รัตนกุล แต่งหน้า และ ทำผม : มนัญชยา คูหะสุวรรณ
หลังจากตัดสินใจพักการเป็นศิลปินดูโอ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ก่อนหน้านี้เขาเคยปล่อยซิงเกิ้ลเพลงออกมาชิมลาง ซึ่งนั่นเป็นการทำงานด้วยตัวเองแบบเต็มรูปแบบของเขาที่ประสบความสำเร็จพอสมควร และล่าสุดเขายังไปรับบทเป็นพระเอกในละครเรื่อง ลิขิตฟ้าชะตาดิน ของค่ายเอ็กแซ็กต์อีกด้วย นอกจากเรื่องการงานของเขาที่น่าติดตามแล้ว ความคิดความอ่านของเขา GRAZIA ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน...
เรื่องที่คนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวคุณคืออะไร ?
คนส่วนมากมักจะคิดว่าผมเป็นบอยแบนด์ขายหน้าตา ผมก็ไม่ทราบนะครับว่า ผมมีความเป็นศิลปินมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือ ทุกวันนี้ผมทำในสิ่งที่ผมรัก ผมทำเพลงด้วยตัวเองโดยที่ต้องการให้มันออกมาดีมากที่สุด ผมไม่รู้เหมือนกันว่าแบบนี้จะเรียกว่าผมเป็น ศิลปิน ได้หรือเปล่า แต่ว่ามันคือการทำในสิ่งที่ผมรัก แค่นั้นแหละครับที่ผมพอใจ
ประสบการณ์ในการทำงานของคุณต้องนับว่าไม่น้อย
คุณเรียนรู้อะไรจากการทำงานที่ผ่านมาบ้าง? จากวันแรกที่เข้าโครงการก็ผ่านมาไกลแล้วเหมือนกันนะครับ ผมผ่านช่วงที่มีชื่อเสียงมากๆ ตอนนี้ผมคิดว่าผมอยู่ในช่วงที่กำลังหาทางไต่เพื่อให้ตัวเองขึ้นไปสู่อีกระดับหนึ่งให้ได้ เราผ่านมาระดับหนึ่งแล้วจะต้องไปอีกจุดหนึ่งที่ไม่ใช่แค่การขายลุคหรือหน้าตา ต้องไปในเรื่องของความสามารถมากขึ้น ช่วงหลังๆ ไมค์จะทุ่มกับการพัฒนาตัวเอง พยายามแสดงไอเดียให้มากขึ้น ก็อย่างที่เขาบอกนะครับว่า คนเราบางคนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ แต่ไมค์เกิดมาโดยไม่มีพรสวรรค์ ไมค์ก็เลยต้องใช้พรแสวง
คุณหมายถึงในทุกๆเรื่อง หรือเปล่า?
ไมค์ไม่มีพรสวรรค์เลยในหลายๆ เรื่องครับ อาจจะมีในเรื่องกีฬานิดหน่อย แต่ไมค์คิดว่าไมค์เป็นคนมีพรแสวง ถ้าไมค์ทำอะไรไม่ได้แต่คนอื่นทำได้ไมค์จะคิดว่าเขาก็มีทุกอย่างเหมือนเรา มีอวัยวะ มีสมอง มีความคิด มีความเป็นคน มีเลือดเนื้อเหมือนกัน ถ้าเขาทำได้ทำไมเราถึงจะทำไม่ได้ ถ้าเราฝึกฝนถ้าเราเรียนรู้ ตราบใดที่เรากล้าเรียนรู้เราก็จะสามารถทำได้ พอไมค์คิดอย่างนั้นมันก็จะเป็นการคิดบวกไปในตัว มันทำให้ไมค์บอกกับตัวเองว่า ถ้าไมค์อยากทำอะไร ไมค์ก็จะทำได้
แต่ในฐานะที่คนนอกมองก็จะมองว่าคุณมีพื้นฐานที่ดี อยู่ในครอบครัวที่ดี หน้าตาดี นั่นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณง่ายกว่าคนอื่นหรือ?
คนมักจะมองแต่ภาพที่ไม่ลึก เพราะว่าชีวิตคนเราทุกคนไม่ว่าคนคนนั้นจะมีตึกราคาพันๆล้าน เขาก็ไม่มีทางมีความสุขร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะมนุษย์เราย่อมไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีไปซะทุกอย่าง ผมอาจจะมีบางอย่างเยอะกว่าคนอื่น แต่ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็จะยังมีความรู้สึกว่าทำไมเราไม่มีเท่าคนอื่น ในชีวิตผมมีคำว่า ทำไม อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าผมไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
คุณว่ามันเป็นเรื่องดีมั้ย ?
มันเป็นดาบสองคมนะครับ เป็นได้ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ที่ดีก็คือมันทำให้เรารู้สึกอยากจะถีบและไต่เต้าตัวเองไปให้สูงขึ้น แต่ที่ไม่ดีก็คือเราจะไม่มีความสุขเท่าที่ควร
คุณรู้สึกยังไงกับสถานะของตัวเองในวันนี้ ?
ผมรู้สึกมาตลอดว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้ success แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของผมที่จะทำให้ผมได้ก้าวเดินต่อไป ผมอาจจะมีคนรู้จักมากมาย แต่มันก็จะย้อนกลับไปที่ความไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีว่า ทำไมเรายังไม่เก่งเท่าคนนั้น...คนนี้... มันก็จะวกกลับไปเรื่องเดิมๆ คือ ผมขาดซึ่งความพอใจ เพราะฉะนั้นเมื่อผมมองออกไปข้างนอก ผมก็จะคิดว่าโลกมันกว้างใหญ่กว่าที่เรารู้กว่าที่เราเห็น โลกมีอะไรอีกมากมาย เราควรจะก้าวไปได้ไกลกว่านั้น
ฟังดูคุณเป็นคนทะเยอทะยานพอสมควร จริงมั้ย ?
ใช่ครับ ผมคิดว่าชีวิตคนเรามันลำบาก คนอาจจะมองว่าชีวิตผมมีครบทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วชีวิตผมไม่ได้ง่ายขนาดนั้น กว่าผมจะมาถึงจุดนี้ผมต้องเสียอะไรไปหลายอย่างมากในสิ่งที่คนอื่นเขามีกัน ผมเสียชีวิตวัยเด็กไป ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผม และผมก็ยังนั่งเสียดายอยู่ทุกวันนี้ เด็กคนอื่นพอถึงเสาร์-อาทิตย์เขาก็ไปเที่ยวกัน แต่ผมใช้ชีวิตอยู่บนรถตู้ตลอดเวลา ที่สำคัญคือการทำงานตลอดมามันทำให้ผมเป็นคนที่ชิลล์ไม่เป็น ผมต้องเรียนรู้วิธีการชิลล์ เพราะไม่ว่าไปที่ไหนผมก็จะคิดแต่เรื่องงาน สมมติว่านั่งอยู่บนตึก เวลาผมมองผ่านกระจกออกไปผมก็จะคิดว่าวิวบนนี้สวยดี ถ้าถ่ายออกมาคงจะสวย สมองผมจะทำงานแบบออโต้ทันที แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมเรียนรู้วิธีการที่จะปล่อยวางตัวเองมากขึ้น
หน้า 1/2