ความคิดเห็นที่ 1 ต้องขอตอบว่า วัฒนธรรมตะวันตก ต่างกับเราครับ โดยสิ้นเชิงเลย ข้อแรกครับ ชาวตะวันตกส่วนใหญ่จะดูแลแต่ครอบครัวตัวเองครับ[ลูก เมีย] พ่อแม่นี่ถือว่าส่วนน้อยครับที่จะดูแล เรื่องกตัญญูอาจจะมีบ้างแต่ไม่เท่าบ้านเรา ข้อสอง ตา ยาย ไม่เลี้ยงนี่ถือว่าปกติครับ เพราะคนแก่ที่นู้นชอบใช้ชีวิตของตัวเอง ถือว่าการเลี้ยงหลานไม่ใช่หน้าที่แล้วครับ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ข้อสาม ให้ทารกนอนแยก นี่ไม่ใช่ว่าจะกลัวว่าทำไรกันไม่ได้ครับ ที่คุณดูมาอาจจะเป็นธีมหนัง แต่จริงๆแล้วชาวตะวันตกเค้าจะฝึกให้เด็กอยู่คนเดียวได้ เพราะว่า พ่อแม่ ทางฝั่งนุ้น ทำงานทั้งคู่ ไม่เหมือนบ้านเราครับ ข้อสี่ ต้องบอกว่า ชาวตะวันตกเน้นตัวเองเป็นหลักครับ self confidence การทำงานเขาก็จะไม่เน้น group work เขาชอบแบบ individual หรือคนเดียวมากกว่า ถ้าเรื่องได้ ส่วนการทำงานเค้าจะจริงจังเรื่องงานมาก ไม่เหมือนบ้านเรา ข้อห้า เรื่องการฟ้องร้องเป็นปกติครับ โดยเฉพาะชาวเมกัน เพราะประเทศนี่ เรียกว่า ยุติธรรมต้องมาก่อนแน่นอน เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ฟ้องได้ ครับ จากคุณ : Tronlor เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 23:02:05

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าชอบทำคนเดียว  ทำไมเวลาทำเป็นทีมเขาเก่งจังครับ  ของคนไทยแตกคอ ขัดขากันเฉย จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 23:07:06

ความคิดเห็นที่ 3 ประเทศที่เจริญแล้ว ส่วนมากจะถูกสอนให้พึ่งตนเอง ช่วยเหลือตัวเองและรับผิดชอบต่อตนเอง ผิดกับประเทศเรา ที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลคนในครอบครัวและเผื่อแผ่ไปถึงญาติโกโหติกา เราว่าบางทีมันก็เป็นข้อเสียนะ ทำให้คนไทยไม่ค่อยมีความรับผิดชอบต่อตนเอง บางทีก็เข้าขั้นมักง่าย เช่นไปทำผู้หญิงท้อง ก็ทิ้งให้พ่อแม่เลี้ยง แต่ประเทศที่เจริญแล้วต้องทำงานหาเลี้ยงเองหรือไม่ก็ ทำเรื่องให้ครอบครัวที่พร้อม adoption ซึ่งถ้าเด็กอยู่ในครอบครัวที่ดี ก็จะโตไปเป็นเด็กที่มีคุณภาพ สังคมแบบเกื้อกูล บางทีก็ทำให้เกิดปัญหาเครือญาติ เช่น พ่อแม่หรือญาติๆ มีปัญหาการเงินมาขอยืมเงินแล้วไม่ค่อยคืนอะไรแบบนี้ ซึ่งโดยทั่วไปคนไทยมีนิสัยขี้เกรงใจส่วนมากก็จะช่วย แต่ถ้าปฏิเสธก็จะถูกหาว่าแล้งน้ำใจ อกตัญญู เป็นต้น ซึ่งการเกื้อกูลแบบผิดๆอาจจะมีข้อเสียนะคะ จะทำให้คนบางคนไม่รับผิดชอบตนเองและครอบครัว เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็พึ่งคนอื่นได้ ทำให้ขาดวินัยในการใช้เงินและไม่ค่อยจะวางแผนการเงินค่ะ   ส่วนเรื่องแยกห้องนอน นี่จริงๆเราว่าก็สมควรนะคะ ฝรั่งจะติดตั้งอุปกรณ์ไว้ ถ้าเด็กร้องอุปกรณ์ก็จะส่งเสียง อย่าคิดว่าเด็กเห็นผู้ใหญ่กุ๊กกิ๊กกันแล้วไม่รู้เรื่องนะคะ เด็กสามารถจดจำได้ค่ะ เคยเจอเหตุการณ์มาตอนทำชมรมช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสที่ระยองคือ ครอบครัวนี้อยู่แออัดกันในบ้านเพิงเล็กๆ พ่อแม่มีลูกหลายคนและก็คงจะกุ๊กกิ๊กกันให้เด็กเห็น เด็กจดจำและมาทำท่าทางแบบนั้นกับเด็ก ผญ ที่โรงเรียน เด็ก ผช น่าจะอยู่ ป.2 เองค่ะ จริงๆก็ไม่รู้สึกแปลกใจนะคะว่าทำไมชาติตะวันตกและญี่ปุ่นถึงเจริญ เพราะเค้าสร้างคนที่มีคุณภาพได้มากกว่าประเทศเราค่ะ จากคุณ : รพินทร์ดารา เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 00:40:20

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าอย่าเอาแค่ที่เห็นในหนังมาตัดสินคนว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ครับ เพราะมันไม่ใช่ทั้งหมด ทุกคนทุกที่ทุกชาติมีทั้งคนดีคนเลวเหมือนกัน ดังนั้นผมว่าไม่แฟร์ที่จะตัดสินคนว่าทำไมเป็นแบบนั้นแบบนี้แบบเหมารวม ส่วนเรื่องความแตกต่างมันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมมากกว่า 1. เรื่องพ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนว่า ครอบครัวฝรั่งส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมด คือพอโตหาเลี้ยงตัวเองได้ ก็จะแยกออกไปอยู่เอง เวลามีบ้านก็คือเพื่อครอบครัวและลูก ไม่ได้เผื่อไว้ให้คนอื่น ดังนั้นถ้าคนอื่นจะมาอยู่ด้วยถาวรมันก็อาจจะทำให้อึดอัดได้ ไม่ต้องฝรั่งหรอกครับ คนไทยก็เป็น แต่อย่างที่กล่าวไป ครอบครัวที่เค้าดีๆ มีพ่อแม่มาอยู่ด้วยก็ต้อนรับอย่างดีก็มีเยอะแยะไป อย่าเหมารวม 2. ก็คล้ายๆกับข้อแรก คือผมว่าคนเมกันหรือแถบอื่นเค้าค่อนข้าง Independent นะ คือเลี้ยงลูกเท่าที่พอมันจะโตไปใช้ชีวิตตัวเองได้แล้ว ที่เหลือก็คือใช้ชีวิตของตัวเองไป เงินก็ใช้เองจะไปเที่ยวไหนก็ไปสิครับ แต่ก็คล้ายกันคือ ครอบครัวที่เค้ามีความสุขรักกัน ก็เยอะแยะไป เพียงแต่มันไม่เหมือนของเราที่อ่าวมีลูกมีหลาน ตายายก็ต้องมาช่วยเลี้ยงให้อะไรแบบนี้ 3. ผมว่าอันนี้ค่อนข้างคิดน้อยไปมากๆครับ ผมกลับมองว่าการสร้างครอบครัวมันต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน จะมีลูกก็ต้องมีบ้านหรือมีห้องเตรียมไว้ให้ ไม่อย่างนั้นพอมันโตจะไปอยู่ที่ไหน ก็เป็นการฝึกไว้เลยให้มีห้องของตัวเองไป เรื่องความเป็นส่วนตัวก็คงมีบ้างทั้งพ่อแม่ และลูกแหละ แต่จะมาบอกว่า ไม่ให้นอนเพราะมีอะไรกันไม่ได้นี่ ผมว่าค่อนข้างติงต๊องอ่ะครับ 4. อันนี้ไม่จริงเลยครับ คนชาติไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น เจ้านายผมก็เป็นคนเมกัน ไม่เคยมีปัญหา ออกจะแฟร์มากๆด้วยซ้ำ เค้าเชื่อใจเรา เราก็เชื่อใจเค้า ผมว่าในซีรี่ย์มันเป็นการจับเอาประเด็นสังคมแบบดาดๆมาทำให้มันตลกเพื่อให้เข้าถึงง่ายมากกว่า เช่นเรื่องเจ้านายห่วยๆเพื่อนร่วมงานห่วยๆ จะได้เอาไปเป็นประเด็นต่อในหนังได้ แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ครับ 5. เรื่องฟ้องนี่เป็นเรื่องปกติของคนเมกันครับ เพราะเค้าถูกปลูกฝังมาว่าต้องรักษาสิทธิของตัวเองเป็นอันดับแรก ซึ่งมันก็แลกมาจากเงินภาษีต่างๆที่เสียไปนี่แหละ อย่างไปกินข้าวเค้าก็ต้องทิปกันเป็น 15% ไม่ใช่สิบยี่สิบบาทแบบบ้านเรา ซื้อของก็ต้องบวก Tax ตลอด ดังนั้นสิ่งที่ได้กลับมามันต้องคุ้มค่า และเรื่องสิทธิส่วนบุคคลนี่สำคัญมากๆเลยครับ ซึ่งผมว่าตรงนี้มันเป็นเพราะสังคมเค้าเป็นแบบนี้ครับ จากคุณ : พี่หมีขั้วโลก เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 00:43:40

ความคิดเห็นที่ 5 มันเป็นวัฒนธรรมและค่านิยมที่ต่างกัน ไม่มีใครถูกใครผิด จะเอาค่านิยมของเราไปตัดสินว่าเขาไม่ดี มันไม่ได้ ยกเว้นถ้าต้องมาอยู่ด้วยกัน ก็ปรับจูนกันไป วันก่อนดูรายการ Marriage Ref (เผื่อใครไม่เคยดู ในรายการจะเอาปัญหาของสามีภรรยามาให้เหล่าเซเลปวิพากษ์วิจารณ์และตัดสินว่าใครผิดใครถูก) มีผู้ร่วมรายการจากทางบ้านเป็นคู่สามีอเมริกันกับภรรยาคนไทย ทะเลาะกันเรื่องแม่ภรรยาชอบไปเยี่ยมจากเมืองไทย แล้วก็พักอยู่ที่บ้านเขาคราวละหลายๆ เดือน สามีก็ไม่เข้าใจและไม่แฮปปี้ ตอนแรกเหล่าเซเลปก็เอนเอียงไปข้างสามีว่าทำไมแม่ยายมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของครอบครัวเขามากมาย ภรรยาก็อธิบายว่ามันเป็นวัฒนธรรมของไทย สุดท้ายเซเลปตัดสินให้ภรรยาเป็นฝ่ายถูกนะ เพราะตอนแต่งงานกัน สามีต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณแต่งงานกับคนไทย ก็ต้องยอมรับวัฒนธรรมของภรรยาด้วย ปล. รูปเฮียคริสในภาพประกอบ ทำเรานั่งยิ้มอยู่หน้าจอคนเดียว :) จากคุณ : กระจิ๊ดฤทธิ์ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 08:49:25

ความคิดเห็นที่ 6 1.แม่มาขออยู่ด้วย  ก็บอกว่ามีภาระ ต้องเลี้ยงลูก พูดจนแม่น้อยใจทั้งๆที่ไม่มีเงิน แม่เลยจำใจออกจากบ้าน แต่เวลาลูกผัวตัวเองเป็นอันตราย กรี้ดจะเป็นจะตาย - ต้องไปดูตอนเขียนบทครับ ว่าซีรีส์เรื่องนั้นเขียนบทให้พ่อแม่มีปัญหากับลูกๆมาก่อนหรือไม่  ลูกถึงไม่อยากรับมาอยู่ด้วย  เพราะซีรีส์เรื่องเดียวตัดสินไม่ได้ครับ   หลายเรื่องที่ผมดู เขาก็รับพ่อแม่มาอยู่ด้วย ไม่ยอมเอาพ่อแม่ไปอยู่บ้านคนชรานะ และถ้าแม่"จุ้น"แบบแม่ของสามีนางเอก "อลิเซีย" เรื่อง THE GOOD WIFE ก็ไม่ไหวนะ  มาอยู่ด้วยนางเอกคงเป็นบ้า พระเอกคงไม่ต้องมีสมาธิทำงานอัยการ คงวุ่นเรื่องแม่เรียกร้องความรักอย่างเดียว อิอิ 2.ตายายไม่เลี้ยงหลาน ถือว่าไม่ใช่ธุระ จะขายบ้านไปเที่ยวกันสองคน แป่วววว   - ดูเรื่อง SUITS รึเปล่า  พระเอกน่ะ โตมาเพราะย่าเลี้ยงเลยครับ รักย่ามาก ไปเยี่ยมย่าที่สถานดูแลทุกสัปดาห์ ไปนั่งคุยกับย่า 3. ไม่ยอมให้ทารกน้อยนอนในห้องด้วย  เพราะกลัวว่าจะมีอะไรกันไม่ได้ โหหหหห เป็นลายเซ้นของหนังฝรั่งเลย จะมีห้องมีเปลทารกแยก - อันนี้เพื่อนๆตอบไปแล้ว 4. ไม่มีความโอบอ้อมอารี ไม่ช่วยเหลือกันเลย คิดถึงแต่เรื่องตัวเองและครอบครัว (คือผัวเมียกับลูกเท่านั้น พ่อแม่ไม่เกี่ยว)ขนาดหุ้นส่วน เืพื่อนร่วมงาน ก็ไม่ช่วยกัน หาน้อยมากที่จะยอมช่วย พวกจะช่วยคือพวกจรจัด พวกสติเฟื่อง มากกว่า - แหม เรื่อง SUITS อีกเหมือนกัน ตอนเมื่อวานเอง  พระเอกผู้ไร้ใจอย่างฮาร์วีย์ ลงทุนช่วยคนขับรถที่ทำงานกับเขามา 8 ปี ว่าความให้ฟรี เพราะคนขับรถเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ เอาเรื่องจริงก็ได้  เมล กิ๊บสันตอนรุ่งมาก แล้วรอเบิร์ต ดาวนีย์จูเนียร์ตกอับ ติดคุก เมลเป็นคนอุ้มเพื่อนเอง  แล้วเอาตัวเองการันตีขอให้ RDJ มีงานหนังเล่น  พอเมลตกอับ RDJ ประกาศบนเวทีรางสัลลอสแอนเจลิสฟิล์มคริติกมั้งครับ ถ้าผมจำไม่ผิด  ขอให้ฮอลลีวู้ดยกโทษให้เมล ใครบอกว่าเขาไม่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน ไม่จริงเน้อ 5. เอะอะก็ฟ้องร้องกัน เรื่องนิดหน่อยก็ฟ้อง จะไปหาเงินจากไหนมาจ่ายล่ะนั่น - อันนี้จริงครับ  เบื่อมากๆ แล้วบ้านเราก็เลียนแบบตามฝรั่งทุกอย่าง เอะอะฟ้อง  ไม่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ผิดถูกไม่รู้กรูฟ้องก่อน แต่เดี๋ยวนี้เล่นมุกนิรโทษแล้วหละคุณ : Richelieu   "ให้อภัยกันเทิ้ด  ปรองดอง ปรองดอง" (อิอิ มุกนี้เราเก็ทกันฉองคนน้า) จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 10:49:00

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อ 3 นี่ผมคิดว่าจำเป็นนะ ผู้ใหญ่บางคนอาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่เด็กจะจดจำตัวอย่างที่ผู้ใหญ่ทำได้มากกว่า advice ที่ผู้ใหญ่พูด เช่นบอกว่ากินเหล้าไม่ดีแต่ก็กินทุกวัน เด็กโตมามันก็กินตั้งแต่ม.1ม.2 เพราะคิดว่าพ่อมันยังกินเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเคยเห็นบางบ้าน ชนบทหน่อยๆ ฆ่าสัตว์ใหญ่เช่นหมู วัว .... ไปเรียกเด็กมาดูซะงั้น -__- ปกติเด็กเห็นสิ่งน่ากลัวต้องปิดตาไว้ ไม่ให้ดู ต้องพาหนีไปไกลๆ โตมาก็ไม่ต้องบอกอ่ะ บ้านเราเห็นความสำคัญกับเรื่องแบบนี้น้อยไปนะ ส่วนข้อที่ 5 คือเห็นด้วยครับ ผมรำคาญ ล่าสุดที่เห็นข่าวคือฟ้องบริษัท apple เพราะไปเดินชนกระจนก iStu ข้อหาบอกว่า มัน"ใสเกินไป" จนแยกไม่ออก คือเห็นแล้วรำคาญจริงๆ ตอบคุณ Richelieu ผมว่ามันคนละเรื่องกันนะ เช่นทำงานทำธุรกิจ เป็นผมก็อยากทำคนเดียว บริหารคนเดียว คือถ้าเราอยากเร่งก้าวหน้าเร็ว แต่คนที่ทำงานร่วมเราช้า มันก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ถ้าทำกิจกรรมกลุ่ม เช่น เต้นเป็นทีม ออกแบบท่าเต้นเอง ทำโปรเจค หรือไปแพ็คของช่วยน้ำท่วม คนเหล่านี้ก็ทำได้ดีนะ ยกเว้นว่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัวตั้งแต่แรกๆ ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นเหตุเป็นผลกันกับที่ว่า ชอบทำงาน(หาเงินเข้าบ้าน/ธุรกิจ)คนเดียว จากคุณ : Radomski เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 11:37:23

ความคิดเห็นที่ 8 ชาวตะวันตกส่วนมากรักครอบครัวค่ะ แต่ครอบครัวในความหมายของเค้าคือ ลูก-ภรรยา หรือ สามี  พ่อ-แม่ก็คือพ่อแม่เท่านั้่น เรื่องในครอบครัวเค้าทุ่มสุดชีวิตค่ะ ให้ได้ทุกอย่าง แต่กับพ่อแม่เค้าก็รักนะคะ แต่มีขอบเขต ไม่ค่อยพึ่งพากันมากเท่าบ้านเราค่ะ คนแก่ที่นี่จะไม่ค่อยชอบให้ไปรบกวนค่ะ แต่ก็มีบางส่วนที่เรียกร้องความรัก ความห่วงใยจากลูกหลาน ชีวิตที่นี่คือเกิดมาพ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูให้ความรัก และ รัฐบาลจะจ่ายเงินเดือนให้เด็กจนถึงอายุ 25ปี หรือก่อนหน้านั้นถ้ามีงานทำแล้ว ถึงเงินจะไม่เยอะมากแต่เงินส่วนนั้นก็คือของเค้า พ่อแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พ่อแม่ก็รับผิดชอบไปส่วนนึง พอถึงวัยทำงานออกจากบ้าน เด็กๆเหล่านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมารับผิดชอบพ่อแม่แล้วค่ะ --- อันนี้เราแอบเศร้า อินมาก ลูกเราจะ 2 ขวบ ไม่ได้อยากให้ลูกมารับผิดชอบ แต่อยากให้ลูกเหมือนคนไทยที่ยังคิดถึงพ่อแม่อยู่แม่จะโตแล้ว แอบมองข้ามช็อตไปล่วงหน้า 20 ปี ฮ่าๆๆๆๆ พ่อแม่ซึ่งตอนนี้ทำงาน ต่องจ่ายภาษีเกือบๆครึ่งของเงินเดือน ซึ่งรัฐเอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายคนแก่ เด็ก คนตกงานค่ะ พอพ่อแม่แก่ไป เหล่าเด็กๆรุ่นนี้ก็จะโตทำงานจ่ายภาษีมาให้รัฐเอามาให้พ่อแม่ ซึ่งกลายเป็นคนแก่อ่ะค่ะ เป็นลูกโซ่ไป คนแก่เหล่านี้พอถึงช่วงอายุนึงก็จะอยากไปอยู่บ้านคนชราค่ะ แต่อย่าจินตนาการว่าเหมือนที่ไทยนะคะ อยู่นี่สบายเลยแหละ เหมือนโรงแรม มีห้องนอน ห้องน้ำ เพื่อนๆรุ่นๆเดียวกัน กิจกรรมมากมาย หมอ พยาบาล คนดูแล ปาร์ตี้ก็มี ลูกหลานก็ไปเยี่ยมได้ปกติ แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งก็คือเงินบำนาญที่ได้จากรัฐอ่ะค่ะ ตัวอย่างราคาต่อเดือนที่ปู่สามีไปอยู่นะคะ 2500 ยูโร ต่อเดือนค่ะ ตอนเรารู้ตาค้างเลยอ่ะ ช็อค มันเยอะมากมายอ่ะ จากคุณ : asita เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 04:16:48

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องแยกเตียงกับลูก เราก็แยกค่ะ ต้องมีห้องให้เค้าต่างหาก ให้นอนเอง หัดนอนเป็นเวลา ต้องหัดตั้งแต่เกิดค่ะ พอโตมาหน่อย ห้องนั้นก็จะกลายเป็นห้องที่เค้าเล่นได้ เวลามีเพื่อนจาก รร มาหาพ่อแม่ก็จะให้ไปเล่นในห้องนอนนั้นแหละค่ะ หรือถ้าทำโทษ เค้าจะกักบริเวณก็ให้อยู่ในห้องค่ะ ที่พูดมาไม่ใช้ทั้งหมดนะคะ แค่ส่วนนึง แต่เป็นส่วนมาก แต่อีกส่วนจะเป็นประมาณที่ไทยเลยค่ะ ครอบครัวใหญ่เลย อยู่นี่เค้าจะสอนเด็กให้รับผิดชอบค่ะ ทำงานตั้งแต่เด็กๆ เด็กบางคนออกจากบ้านตั้งแต่ 15 แต่ไม่ใช้เด็กใจแตกอย่างที่บ้านเราเรียกนะคะ ออกไปทำงานหาเงินเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่เอง ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันค่ะ อย่างครอบครัวเรา ถ้าเราต้องไปธุระ ก็ฝากลูกไว้กับย่าได้ ปดติคนที่นี่จะเลี้ยงลูกเองค่ะ คนที่ทำงานพอคลอดบางอาชีพคุณแม่ลาได้ 2 ปี ค่ะ คุณพ่อพอภรรยาคลอดลาได้ 2 เดือนค่ะ ลาตอนไหนก็ได้ก่อนลูกครบ 1 ขวบ บางครอบครัว ปู่ย่าเค้าก็ไม่เอาหลานจริงๆค่ะ บ้านไม่ไกลกันถ้าจะไปหาต้องนัดล่วงหน้า แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ แต่ละครอบครัว แต่ละคนก็ต่างกันไป จากคุณ : asita เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 04:27:54

ความคิดเห็นที่ 10 #5 ทนายฝรั่งเลยรวยเอาๆ คนไทยอยากรวยเรียนเป็นทนาย จบออกมาจนกันใหญ่ครับ น่าสงสาร ... จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 08:54:31

ความคิดเห็นที่ 11 ตามที่คห.บน ๆตอบไว้เลยค่ะ .. วัฒนธรรมเราต่างกันเนอะ ขอเสริมข้อให้ลูกนอนแยก เราว่าดีนะคะ เหมือนฝึกเด็กไปในตัว บ้านเรานี่นอนรวมกันตั้งแต่เกิด พึ่งมาแยกกันตอนย้ายบ้าน ตอนเรากับน้องอยู่มัธยม คืนแรก ๆก็มานอนด้วยกันค่ะ เอาจริง ๆเลย กลัวมาก = = ตอนเด็ก ๆเคยคิดว่าถ้าเราต้องนอนคนเดียวเราต้องกลัวจนตายแน่ ๆเลยอะไรงี้อ่ะค่ะ เวลาเพื่อนมาบ้านก็ดีไม่ต้องไปรบกวนห้องนอนรวมด้วย จากคุณ : maingpee เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 23:21:50

ความคิดเห็นที่ 12 ตามที่ความเห็นด้านบนๆ ตอบแหละครับ ขอเพิ่มเติมว่า  อย่าเอาค่านิยมหรือวัฒนธรรมของเราไปตัดสินคนอื่นครับ สังคมมันต่างกัน วัฒนธรรมมันต่างกัน ค่านิยมมันต่างกันครับ ส่วนตัวผมคิดว่า หาก จขกท. ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ เป็นเวลานานๆ จขกท. อาจจะเข้าใจได้เลยว่า ทำไมเขาถึงปฏิบัติกันแบบนั้น ถ้าเอาวัฒนธรรมไทยมาตัดสิน เขาอาจจะทำผิด แต่ถ้าเอาวัฒนธรรมของเขามาติดสิน สิ่งที่คุณว่ามา มันไม่ใช่เรื่องผิดของเขานะครับ และถ้าคุณเข้าใจวัฒนธรรมของเขา คุณก็จะรู้ว่า ที่คุณว่ามานั้น มันไม่ใช่เรื่องอกตัญญูนะครับ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ที่จะต้องถูกประนามด้วยครับ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 03:07:13

ความคิดเห็นที่ 13 Troll? จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 12:45:47

ความคิดเห็นที่ 14 ฟังจากเพื่อนที่เคยไปแลกเปลี่ยนตอนม.ปลายนะคะ พอเด็กจบม.3 จะเริ่มหางานพิเศษทำค่ะ เด็กก็จะเรียนม.ปลายไปด้วย ทำงานพิเศษไปด้วย แต่เด็กยังกลับมากินข้าวที่บ้าน นอนบ้านพ่อแม่ น้ำไฟ อาหารยังไม่ต้องช่วยออก หลังจบม.ปลาย อันนั้นค่อยเริ่ม independant ของจริง คือ ต้องหาที่อยู่เอง หรือถ้าอยู่บ้านพ่อแม่ก็ต้องช่วยค่าใช้จ่ายบ้างแล้ว พ่อแม่บางคนที่มีตังค์อาจจะซื้อรถให้ สำหรับใช้ไปทำงาน ใช้ไปเรียน ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย (ใบขับขี่เค้าได้กันตอนอายุเท่าไหร่หว่า - -") พวกคู่แต่งงานอายุน้อยที่เกิดขึ้นเพราะท้องก็จะเยอะ ด้วย แต่ที่โน่น เขาก็จะแต่งงานกันจริงๆ แล้วเลี้ยงกันไปเลย เพราะถือว่ามีงานทำแล้ว เรื่องนี้เขาถือเป็นปัญหาสังคมที่โน่นเหมือนกันค่ะ เพียงแต่ไม่ต่อต้านมากเท่าไทย ถ้าเด็กเกิดมา เพื่อนๆ ก็จะไปฉลอง แสดงความยินดีกัน ช่วงม.ปลาย คนทำงานไปเรียนไปเยอะ ทำให้เด็กหลายคนจะขาดเรียนบ้าง ไม่ตั้งใจเรียนบ้าง แบบว่าแค่เรียนเอาให้จบม.6 พอน่ะค่ะ แต่เค้าไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ต่อมหาลัย เอาแค่เรียนจบก็พอ มีเพื่อนอีกคน ที่ครอบครัวโฮสมีความคิดต่างจากคนอื่นนิดหน่อย คือพ่อแม่เข้มงวด และไม่ยอมให้ลูกทำงานพิเศษ เขาอยากให้ลูกเรียนจบมหาลัยโดยไม่ต้องทำงานเพราะพ่อเค้าผ่านแบบนั้นมาแล้วมันเหนื่อย แต่ตัวลูกเค้าก็ดื้อค่ะ อยากทำงาน 555+ เลยทะเลาะกับพ่อบ่อย เป็นอีกเคสนึง เราเคยไปเที่ยวแล้วพักอยู่กับครอบครัวของโฮสเพื่อนที่มันบรรยากาศชนบทๆ หน่อย เค้าก็เป็นแฟมิลี่กันดีนะคะ คุณปู่คุณย่าเขาอยู่เมืองเดียวกัน แต่คนละบ้าน ก็จะแวะมาหามากินข้าวเย็นเรื่อยๆ อาทิตย์ละครั้ง แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 14:17:27 จากคุณ : คานเหล็กกล้าทาแล็กเกอร์ เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 14:15:57

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ได้ใบขับขี่ตอน 16 ครับ บ้านเราเกณฑ์อายุต้องเท่าไหร่เนี่ย? รู้แต่เกณฑ์อายุกินเหล้าครับ  แฮ่  ของอเมริกา 21 ของไทย 18 จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 18:29:52

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเขามาดู เรื่อง ดอกส้มสีทอง ก็ต้องบอกว่าเรยา ไม่กตัญญูเหมือนกัน ครับ จากคุณ : อ เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 18:56:27 A:27.130.45.132 X: TicketID:290967

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เห็นด้วยกับการบอกว่าประเทศที่เจริญคนเลยเป็นแบบนี้ ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี กับความงอกงามทางจิตใจ มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมากกว่า ถ้าต่างกันสูงแบบที่เขาใช้คำ culture shock ก็คงแบบ จขกท ที่รู้สึกถึง จากคุณ : kriengchai เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:22:51

ความคิดเห็นที่ 18 แต่เราดูเรื่องที่เค้ารักมาก็หลายเรื่องนะคะ อย่าง BLUE BLOODS แล้วก็หลายๆเรื่องที่ตัวละครยอมทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่ คิดว่าก็เหมือนๆ สังคมไทยนี่ล่ะค่ะ ที่ทิ้งพ่อ ทิ้งแม่ บ้างล่ะ มีข่มขืนลูกตัวเองบ้างล่ะ จากคุณ : yellobat เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:34:09

ความคิดเห็นที่ 19 เหมือนเคยดูนะเรื่องนี้ ส่วนใหญ่คนเขียนบทหนังสะท้อนสังคมก็จะสะท้องด้านที่กระตุ้นอารมณ์ออกมาจริงๆ หนังฝรั่งที่มีฉากร้ายๆ ก็จะมีลักษณะเหมือนกันหมด เพราะมันกระตุ้นอารมณ์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะชาติไหนๆในโลก ก็ทำหนังคล้ายๆกันนี้ถ้าจุดประสงค์คือสะท้อนสังคม และกระตุ้นอารมณ์ แต่อย่าลืมว่ามันเป็นแค่หนังนะ มันนำเสนอแค่เรื่องราวที่คัดสรรมาแล้วว่าตอบสนองจุดประสงค์ของหนังมากที่สุด จะไปว่าเค้าทั้งประเทศว่าเป็นเหมือนกันหมด เป็นเหมือนในหนังไม่ได้หรอก ใจแคบเกินไป คนไทยก็มีทิ้งพ่อทิ้งแม่ ตีลูกตีเมีย ในละครน้ำเน่าไง ก็มี เยอะแยะ จากคุณ : iReen เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:05:20 A:58.9.98.240 X: TicketID:256239