ความคิดเห็นที่ 1 ต่อนะคะ ชอบตรงที่ทำออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติและยึดติดกับความเป็นจริง และสุดท้ายก็ยังจบได้สวยงาม ชอบที่ไม่ได้ทำให้ Kurt เป็น St. Kurt and St. Kurt can do no wrong แต่เป็น Kurt ที่มีข้อผิดพลาดได้เหมือนคนอื่น และงานนี้ เราว่าทั้ง Kurt และ Blaine ต่างก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่งฝ่ายเดียว เริ่มจาก Blaine ผิดก่อน ที่กลัวตัวเองจะเจ็บที่ต้องอยู่คนเดียว เลยเริ่มตีตัวเองออกห่างจาก Kurt และ Kurt ก็ผิดที่สังเกตเห็นแล้ว แต่ดันไม่พูดไม่คุย ไม่ถามให้รู้เรื่อง ต่อมา Kurt ไป flirt กับคนอื่นแม้จะแค่ texting ก็เหอะ และงานนี้ Kurt ผิดตรงที่ไม่บอกให้ Blaine รู้ และ Blaine ก็กล่าวหาว่า Kurt นอกใจ สำหรับเรา เราก็คิดว่า เราเข้าใจ Kurt อ่ะ เพราะ ที่ผ่านมา Blaine เป็นฝ่ายทีโดดเด่นกว่า มีแต่คนมาชอบก่อน ทั้งหญิงและชาย ในขณะที่ Kurt นอกจาก Blaine แล้ว มีแค่ Karofsky คนเดียวซึ่งก็ไม่อาจจะนับว่าเป็นคนที่เข้ามาจีบได้ เพราะ Kurt เองก็รู้ดีว่า  Karofsky ไม่ได้ชอบ Kurt จริงๆหรอก แต่แค่เห็น Kurt เป็นคนเดียวที่เข้าใจและยอมรับตัวเองได้มากกว่า(อันนี้น้อง Chris กะ Max เป็นคนพูดนะ เราไม่ได้คิดเอาเอง) พอมีคนเข้ามา flirt ด้วย Kurt เลยตื่นเต้น และแค่คิดว่า Text เล่นๆ สนุกๆ ให้มันพอซาบซ่า แค่พอชดเชยในขณะที่ Blaine ทำตัวห่างๆไปเท่านั้น แต่เราก็เข้าใจ Blaine อีกนั่นแหละ ว่าทำไมต้องตีตัวออกห่างไป เพราะ Blaine ก็คงจะเป็นเหมือน Burt พ่อของ Kurt นั่นเอง พ่อไม่ยอมอยู่กินข้าวในเย็นวันศุกร์ที่เคยเป็นประเพณีศักดิ์สิทธ์ระหว่างพ่อกับเคิร์ท เพราะพ่อพยายามรับมือกับการที่เคิร์ทกำลังจะเติบโต ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว เป็นเรื่องจริงว่า คนที่เศร้ากว่าคือคนที่ต้องอยู่ที่เดิม มองคนที่ตัวเองรักจากไป Blaine ก็เลยคิดว่า หากชิงเป็นฝ่ายห่างๆออกมาก่อน อาจจะทำให้เจ็บน้อยลง แต่ระหว่าง Kurt กับพ่อ ไม่ว่ายังไง ก็ยังใจถึงใจกันเสมอ ถึงจะต้องห่างกัน เคิร์ทก็รู้ว่า ตัวเองจะยังมีพ่อ และพ่อก็จะยังมีเคิร์ท แต่กับเบลน ทุกอย่างอาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกเลย ถ้า Kurt ไม่รีบแก้ปัญหา และ Burt ก็ทำให้ Kurt  คิดได้ และ คราวนี้ Kurt ก็สมกับเป็น Kurt ที่กล้ายอมรับความผิดของตัวเอง และพยายามจะแก้ไขทันที เพราะไม่ต้องการจะเสีย Blaine ไป ตอนที่ Kurt ร้อง I have nothing  สายตาของ Kurt ล็อคไปที่ Blaine เท่านั้น ไม่เคยมองไปทางอื่นแม้แต่แว่บเดียว จน Blaine น้ำตาไหล แต่ชอบตรงที่ มันใช่ว่า ร้องเพลงขอโทษแล้วมันจะหายเจ็บกันได้ทันที  ซึ่งเคิร์ทก็รู้ดี ถึงได้ขอให้ครูเอ็มม่าช่วย (ตั้งแต่ดูมา 3ปี เพิ่งชอบเอ็มม่าก็วันนี้แหละ) ตอนในห้องทำงานของครู เคิร์ทกับเบลนเหมือนคู่ที่แต่งงานกันมาหลายปีเลย โทษกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆก่อน จนในที่สุด ก็หลุดปัญหาที่แท้จริงออกมาว่า เพราะเบลนกำลังเศร้าที่เคิร์ทจะจากไปนั่นเอง แบบว่า สายตาของเบลนในตอนนี้ ทำเอาเราแทบหัวใจสลาย เหมือนลูกหมาที่เปียกน้ำจนหนาวไปทั้งตัวอ่ะ อยากจะมุดเข้าไปในจอแล้ว ร้อง โถ...โถ...โถ. แล้วก็เอาเบลนมากอดให้แน่นๆเลย Darren เล่นได้ดีมากอ่ะ ไม่เคยรู้สึกว่า Darren เล่นได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ และน้อง Chris ก็เล่นได้ดี ไม่เสียชื่อตัวเองเลยเหมือนกัน ไอ้สายตาที่ทั้งรู้สึกผิด ใจสลายไปกับเบลนและบอกให้รู้ว่า ไม่ว่ายังไงก็ยังรักแต่ เบลนเท่านั้น  ทุกอารมณ์ความรู้สึกมันถูกบอกเล่าผ่านสายตาของเคิร์ทได้ทั้งหมดเลย โชคดีที่ในที่สุดก็เข้าใจกันได้ ถึงแม้ว่า ตอนคืนดีกัน และฉากที่ล็อคเกอร์อาจจะไม่หวือหวาอะไรขนาดนั้น แถมยังทิ้งท้ายให้แบบ หวานๆ ขมๆนิดๆ แต่ก็อบอุ่นใจไปด้วย ในคราวเดียวกัน และยังรู้สึกเหมือนยังหนักๆอยู่ข้างในใจอยู่ ตาม ฟอรั่มและ Tumblr บ่นกันมากมาย ว่าตอนที่ทั้งคู่เข้าใจกันได้ น่าจะให้จูบกันบ้าง และมีบางคนบอกว่า ถึงจะจบด้วยดี แต่กลับยังรู้สึกเหมือนความเจ็บยังไม่หายไป เพราะ ปริมาณของฉากระหว่าง Hurt กับ comfort มันไม่สมดุลกัน ความเจ็บปวดถูกนำเสนอมากกว่า ในขณะที่ การปลอบประโลมมีแค่ตอนท้าย นิดเดียว แถมยังเขียนให้ Kurt ไม่ยอมหนีซ้อมไปกับ เบลน เสียอีก แต่สำหรับเรา เราว่า แค่นี้มันพอดีและลงตัวแล้วอ่ะ ความเจ็บปวดมันไม่ใช่ว่าจะหายไปได้หมดในทีเดียว มันต้องใช้เวลา แต่แค่นี้ มันก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว ที่จะแสดงให้เห็นว่า ความรู้สึกระหว่างเคิร์ทกับเบลนเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งแค่ไหน และมันยังแข็งแกร่งพอที่จะทำให้มีความหวังไปจนถึงอนาคตในซีซั่นต่อๆมาด้วยว่า คู่นี้ไม่น่าจะเลิกกันได้ง่ายๆแน่นอน และ ถ้าจะให้เขียนให้คู่นี้กลายเป็นคู่ Endgame (ลงเอยคู่กันจนกระทั่งอวสาน) ก็เป็นที่ยอมรับได้อย่างแน่นอน ดังนั้น เราก็ขอเอาใจช่วยด้วยอีกคน.....Klaine forever . ปล. ฉากจบ ตอนแรกติดใจว่า เคิร์ทแต่งล็อคเกอร์ใหม่แล้วเหรอ ถ้านั่นเป็นล็อกเกอร์ของเคิร์ทอ่ะนะ เพราะเห็นมีขวดสเปร์ย์ฉีดผมอยู่ ถ้าใช่  แล้วรูปเบลนที่ฝาล็อคเกอร์กับคำว่า Courage หายไปไหน แต่พอมาดูซ้ำอีกรอบ ก็พบว่ารูปเบลนมาอยู่นี่เอง Glee Production Team, I bow to you.. อันนี้ฝากไว้ ไปโหวตกันเล่นๆ ขำๆ นะคะ คู่ไหนควรยังคบกันต่อหลังจากเรียนจบแล้ว อยากโหวตคู่ไหน คลิกที่รูปได้เลย ตอนแรก Klaine นำโด่ง ตอนนี้ BRITTANA แซงแล้ว http://www.broadway.com/buzz/161431/glee-poll-which-couple-do-you-hope-stays-together-after-graduation-day/ แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 19:01:01 จากคุณ : tcKk เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 14:47:11

ความคิดเห็นที่ 2 เราเห็นด้วยกับที่ จขกท.วิเคราะห์ค่ะ  และเราก็หวังว่าเรื่องที่เกิดในคราวนี้จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคู่นี้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  จากที่เดิมมันดูป๊อปปี้เลิฟมาก ๆ และแทบไม่มีมิติ แต่ ในพาร์ทนี้  มันเห็นความสั่นคลอนจากความไม่มั่นใจเลยทำให้พยายามตีตัวออกห่างเพื่อไปทำใจของเบลนที่พอรู้เหตุผลปุ๊บ เรานั่งเอ๋อเลย เพราะ อืมมม ไงดี อันแรกเลยเราไม่คิดว่าเบลนจะรักเคิร์ทมากขนาดนี้  ใช่ว่าเบลนยอมย้ายโรงเรียนตามเคิร์ทมา แต่เข้าใจว่าสำหรับกลีเรื่องอย่างนี้มันไม่ใช่อะไรที่ยาก = ="  ซึ่งเข้ากับที่ผ่านมาเราเห็นแค่ฝั่งเบลนที่มีแต่คนเข้ามาเกาะแกะและเคิร์ทที่คอยหวาดระแวงกับความเจ้าเสน่ห์ของเบลนมาตลอด (เอาจริง ๆ เราแอบเถียงกรณีเรื่องเท็กซ์นั่น กับภาวะเซบาสเตียนก่อนหน้านี้ที่เบลนเองไม่ใช่เหรอที่กว่าจะตัดสัมพันธ์ไม่ติดต่อกับเซบาสเตียนได้ก็ทำเอาเคิร์ทเฮิร์ทไปหลายยกเหมือนกัน) แต่พอมามีเรื่องนี้   มันทำให้เรารู้สึกเลยว่า  สำหรับเบลนแล้ว  เคิร์ทคือเหตุผลในทุกการตัดสินใจของเขา     ส่วนเคิร์ท  ความห่างเหินที่เกิดขึ้นเจ้าตัวพยายามมองว่ามันคือความเบื่อหน่ายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อคู่รักอยู่ด้วยกันมานานและสำหรับตัวเองและเบลนก็เหมือนจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาซะด้วย  เบลนอาจจะเบื่อที่จะอยู่กับเขาตลอดเวลา นั่นคือเคิร์ทคิด  และเมื่อมีใครคนหนึ่งเข้ามาและดูจะใส่ใจในตัวเขา  ให้ความสำคัญในสิ่งที่เคิร์ททำ  การที่จะชอบใจใครคนนั้นขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  ถามว่าเคิร์ทผิดมั้ยที่แอบไปคุยกับคนอื่น  ตอบว่าก็ไม่ถูกหรอก  แต่มันก็ทำให้นึกถึงท่อนหนึ่งของเพลงเก่า ๆ เพลงหนึ่งได้นะคะ "เธอรู้ไหม ทำไมฉันจึงรักเขา เธอรู้ตัวหรือเปล่า ว่าเธอเองที่ห่างเหิน  เธอรู้ไหม ว่าการที่ถูกหมางเมิน และการต้องทนเผชิญ ความเหงาเปล่าเปลี่ยวทุกวัน มันเกินจะทน"  เข้าทำนองเพลงนี้ได้เลยล่ะ   ซึ่งพอเบลนจับได้  ก็มีการถกเถียงรวมถึงเปิดเผยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจลึก ๆ ของเคิร์ทกับการที่มีแฟนป๊อปปูล่า (ใช่ที่ว่า แล้วไง คนอื่น ๆ ที่พยายามเข้ามาเบลนไม่ได้สนองกลับนี่  แต่ถามว่าลองมาเป็นเคิร์ทบ้างจะไม่หนักใจเลยหรือ) และ การให้ความสำคัญ ... ซึ่งเบลนก็ตอบกลับไปว่า  แล้วที่เขาย้ายโรงเรียนมา  ยอมเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อเคิร์ทล่ะ  ... ก็อท! สำหรับเรารู้สึกเหมือนเบลนทวงบุญคุณ  = =   อีตอนย้ายโรงเรียนมาก็โอเคไง  แต่พอย้ายมาเฮียเล่นล่อโซโล่ซะเกือบทุกพาร์ท  (อันนี้ไม่เกียวแต่นอยแทนเคิร์ทอยู่)  คือ ย้ายมาเพื่อมาอยู่ใกล้ ๆ อยากใกล้ชิดเพราะรักใช่มะ  แต่ต้นพาร์ทเฮียเล่นทำตัวห่างเหินโดยไม่บอกเหตุผลอ่ะ  แล้วคนที่ถูกเหินห่างมันจะไม่รู้สึกอะไรบ้างหรืออย่างไร  (อ้าวอินี่นอยแทนเคิร์ท = =)   เสร็จแล้วก็ร้องเพลงต่อว่า/ง้องอนกันไปมา  เอาเข้าจริง ๆ เพลงที่เคิร์ทร้องบอกเบลน ไอแฮฟน็อตติงนั่นน่ะค่ะ  เราว่ามันแทงใจเบลนแบบจึก ๆ เลยเพราะสาเหตุแห่งเรื่องในตอนนี้ทั้งหมดก็มาจากความรู้สึกของเบลนที่คิดไปแล้วล่วงหน้าว่าพอเคิร์ทไป ไอก็จะแฮฟน็อตติงแน่ ๆ  ดีนะที่มีการพูดคุยกันและเบลนยอมที่จะบอกเคิร์ทว่าเขาไม่ชอบที่เคิร์ททำให้เขาต้องมีมือสีแทน (ไม่ใช่ละ)  ... สรุปได้ว่าก็เพราะรักมากแท้ ๆ ถึงทำให้คิดนู่นนี่ไปล่วงหน้า  และที่เคิร์ทไม่ได้นอยเรื่องนี้ก็เพาะเคิร์ทไม่ได้คิดเหมือนกันกับเบลน  เพราะเคิร์ทไม่มีความคิดที่จะทิ้งเบลน (แม้จะแอบแปะโพสอิตสีชมพูไว้ที่รูปคู่หลังจากทะเลาะกันก็เถอะนะ)  แฟนคนนี้กว่าจะได้มายากเย็นขนาดไหน ยังไงเคิร์ทก็จะกระเตงไปนิวยอร์คด้วยกันนี่แหละ  อะไรนะ  สไกด์คุยทุกวันและไปหาทุกอาทิตย์ (ไม่อยากจะคิดค่าตั๋วเครื่องบินนะเบลนนะ) ณ ล็อคเกอร์  ไม่ได้มีฉากสวีทอะไรมากมาย แต่ดูเหมือนก็จะมีความเข้าใจกลับมาและพร้อมจะแก้ไขอะไรที่มองข้ามกันไปก่อนหน้านี้  เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับคู่ klaine เพราะจากที่เห็นทั้งคู่ได้ผ่านความรักแบบป๊อปปี้เลิฟมาสู่ชีวิตจริงและพร้อมที่จะเป็นคู่รักแบบจริง ๆ ที่บ่อยครั้งที่ต้องเผชิญปัญหาและความไม่เข้าใจ  ซึ่งเท่าที่เห็นคนคู่นี้ยอมใช้เวลาลงไปแก้ไขแทนที่จะแกล้งทำเป็นมองข้ามมันไปและปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรัง  อนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็เชื่อว่าพวกเขาไม่ยอมปล่อยมือจากกันง่าย ๆ แน่ ๆ จากคุณ : midnight train เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 23:52:13

ความคิดเห็นที่ 3 ยกมือว่าเป็นค่ะ >_< เราดูฉากที่ Blaine กะ Kurt อยู่ในห้องนอนหลายรอบแล้วค่ะ คือดูครั้งแรกก็คิดว่า Blaine ขี้น้อยใจไปนะ ทีตัวเองติดต่อกะ Sebastian ได้ แต่ Kurt ไม่ได้เหรอ ถึงจะบอกว่าไม่ได้ชอบ Sebastian ก็เหอะ แต่ถ้าเราเป็น Kurt เราก็คงรู้สึกไม่ดีอ่ะ แต่หลังจากรู้เหตุผลของ Blaine แล้ว สงสารขึ้นมาทันที ชอบฉากที่ปรึกษาปัญหาชีวิตคู่((?))ในห้องทำงานของ Emma มากค่ะ ตอนที่ Blaine เริ่มระบายความรู้สึกตัวเองออกมา ((Blaine ท่าทางเป็นพวกเก็บกดมากกว่าที่คิดนะ Season นี้ได้เห็นความอ่อนไหวของ Blaine หลายครั้งเลย)) ตอนที่บอกว่าไม่ชอบที่ Kurt พูดแต่เรื่อง NYADA เหมือนรอไม่ไหวที่จะจากที่นี่ไป มีชีวิตใหม่ เพื่อนใหม่ ... ในขณะที่ Blaine เองยังอยู่ที่นี่ ตรงนี้พีคค่ะ สงสาร Blaine มากจริงๆ ไม่คิดว่า Blaine เป็นคนคิดมากขนาดนี้อ่ะ ส่วนใหญ่เห็น Blaine เป็นคนสนุกสนานมากกว่า แต่เรื่องนี้ Blaine จริงจัง ... จริงจังกะ Kurt จริงๆ ยิ่งตอนเห็น Blaine น้ำตาคลอ อยากเขกหัว Blaine เบาๆด้วยความเอ็นดู และกอดแน่นๆให้กำลังใจพร้อมบอกว่าไม่เป็นไรนะ อย่าคิดมาก Season นี้เห็นได้ว่า Blaine เป็นฝ่ายทำเพื่อ Kurt หลายอย่าง คือก่อนหน้านี้ ((Season 2)) Kurt เป็นฝ่ายตาม Blaine มากกว่า จากความชื่นชมจนกลายเป็นความรัก การแสดงออกด้านความรักที่ Blaine มีต่อ Kurt ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ((แต่เราก็ชอบคู่ Klaine มาตั้งแต่ Season 2 น้า)) อีกทั้งตอนนั้นเห็นแต่ด้านสดใสของ Blaine เป็นส่วนมาก เพราะเรื่อง focus ไปที่ Kurt และความรู้สึกของ Kurt มากกว่า แต่ Season 3 ได้เห็นการเสียสละและทุ่มเทของ Blaine ซึ่งเป็นฝ่ายปรับตัวเพื่อใกล้ชิด Kurt มากขึ้น เริ่มจากที่ Blaine เป็นฝ่ายย้ายโรงเรียนมาเพื่อ Kurt และตอนที่มี Sebastian มาทำให้ Kurt ลำบากใจ แต่ Blaine ก็บอก Kurt ว่า "Sebastian doesn't mean anything to me." ท่าทางและสายตา Blaine ดูจริงจังจริงๆอ่ะ แบบไม่อยากให้ Kurt ต้องคิดมากนะ ดูฉากนี้แล้วเรารู้สึกสบายใจแทน Kurt เลย คนรักยืนยันซะขนาดนี้แล้ว รู้สึกได้ว่า Blaine เอาใจใส่ความรู้สึก Kurt จริงๆ อีกทั้งเป็นฝ่ายปกป้อง Kurt ได้ ที่ Blaine ผลัก Kurt เพื่อโดนสาดน้ำปั่นแทน แปลว่า Blaine คอยดูแล Kurt ไม่ให้คลาดสายตาเลยนะเนี่ย ถึงมาปกป้องทันอ่ะ นอกจากนี้ Season นี้ ค่อยๆเผยให้เห็นว่า Blaine ก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่า Blaine จะติด Kurt ขนาดนี้อ่ะ เหมือนเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ ((เพื่อนที่ Dalton Academy Warblers ก็รักและชื่นชม)) แต่ลึกๆแล้วขี้เหงา และกลัวสูญเสียคนรักไป จากที่ Blaine เป็นคนที่ Kurt ชื่นชมและอยากอยู่ด้วย กลายเป็นว่า Blaine อยากอยู่กะ Kurt มากกว่าไปแล้วมั้ง เพราะความรู้สึกที่ค่อยๆซึม จนก่อตัวเป็นความสัมพันธ์ที่ขาดกันและกันไม่ได้ เราว่า Glee ค่อยๆใส่อะไรเล็กๆน้อยๆแต่ละเอียดอ่อนแบบนี้แหละที่ทำให้เรายิ่งชอบคู่นี้มากขึ้นๆ อย่างไรก็ตาม คู่ Klaine ดูเหมือน perfect เพราะมีปัญหาและความขัดแย้งน้อยมาก แต่ก็เพราะแบบนี้แหละ ยิ่งรักยิ่งกลัวรึป่าวนะ การที่ Blaine เก็บความรู้สึกด้านลบไว้คนเดียว แสดงให้เห็นด้านอ่อนแอของ Blaine และ Kurt ก็มีส่วนผิดที่ไม่คุยกันให้รู้เรื่อง นี่เป็นเพราะ Kurt ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัว Blaine รำคาญรึป่าว แบบไม่กล้าเซ้าซี้ถาม ... แต่ถึงถามไปตอนนั้น Blaine ก็คงไม่ตอบตรงๆหรอก จนเกินเรื่องจนทนไม่ไหวเลยกลายเป็นปัญหาขึ้นมา เราชอบตอน Kurt ร้องเพลง I Have Nothing มากๆค่ะ ทุกประโยค ทุกคำ ตามนั้นเลย เป็นอีก performance ที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมาก Kurt คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็มีส่วนผิด ร้องเพลงแบบนี้เป็นใครยกโทษให้แหละ ความรู้สึกที่รักมากจนไม่รู้จะว่ายังไง ... ถ้าเสียเธอไป ฉันก็ไม่มีอะไรแล้ว ... เห็นได้ว่า Blaine ก็อ่อนๆลงบ้าง ถึงแม้ว่าปัญหายังไม่คลี่คลายดีก็เถอะ หลังจากนั้น ฉากในห้องทำงานของ Emma เป็นอะไรที่เราชอบมาก ทั้ง Blaine และ Kurt เลย ท่าทาง สายตา น้ำเสียง เล่นได้ดีมากจริงๆ ดูแล้วเข้าใจความรู้สึกทั้ง 2 ฝ่าย ... ขอโทษนะคะที่พิมพ์ยาวมาก และอาจเพ้อเจ้อ ไม่ปะติดปะต่อ เพราะนึกอะไรได้ก็พิมพ์ แต่ปกติไม่ค่อยมีใครคุยเรื่องนี้ พอมีทีก็เลยยาวเลย เราอินเรื่องของคู่นี้มากๆ ดูแล้วเพ้อ~ ,,>_<,, แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 00:22:30 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 00:18:00 จากคุณ : Reinz (Xiii) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 00:06:53

ความคิดเห็นที่ 4 ใน ep. นี้เราได้เห็นมิติการแสดงของ แดเรน ในฉากห้องนอนแดเรนแสดงได้ดีมาก น้ำเสียงระหว่างตอนที่เถียง กับตอนที่ตัดพ้อว่า "You like him" โอ..ชัดมากว่าเขาพยายามเพิ่มอารมณ์เข้าไปอีก ถ้าจะดูไปแล้วก็อาจจเหมือนเบลนงอนเกินเหตุ เพราะตอนเซบาสเตียนมันหนักกว่า แต่ต้องดูว่าที่ผ่านมาเบลนโดดเด่น ฉายแสง มั่นใจตัวเองมาตลอดจนแทบไม่สังเกตว่าทำให้ใครรู้สึกอย่างไรบ้าง แต่พอตัวมาโดนแฟนบอยกุ๊กกิ๊กกับคนอื่นลับหลังก็เสียเซลฟ์ เสียความรู้สึก เคิร์ทน่ะดูแล้วน่าสงสารกว่ามาก ทำอะไรก็ไม่เด่น กว่าจะเป็นที่ยอมรับจากครอบครัว จากเพื่อนต้องพยายามมาก ep. นี้สนุกดี แอบคิดถึง เซบาสเตียนล่ะ จากคุณ : cupid_jib เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 09:59:32

ความคิดเห็นที่ 5 เย้..เจอสหายร่วมแนวแล้ว 555 คุณ midnight train นอยแทนเคิร์ท ตอนที่เคิร์ทพูดเรื่องเซบาสเตียนขึ้นมา เราก็สะใจเหมือนกันค่ะ เรื่องค่าตั๋วเครื่องบินที่เบลนจะไปหาเคิร์ท คงไม่ต้องห่วงมั๊งเน้อ บ้านเบลนออกจะรวย แต่บรรดา Reaction Fanfic ที่กระหน่ำออกมามีคนเสนอว่า ให้เบลนมาทำงานพิเศษที่อู่ของพ่อเคิร์ทเพื่อเก็บตังค์ค่าเครื่องบินค่ะ 55 คุณReinz เออ จริงเนอะ ซีซั่น 3 ได้เห็นว่าคราวนี้ คนที่ทุ่มตัวเองให้กับความสัมพันธ์อย่างชัดเจนคือเบลน แต่เราชอบที่ได้เห็นเบลนอ่อนแอแบบนี้นะ แบบว่าแข็งนอกอ่อนในอ่ะ มันตะหงิดๆว่าเบลนน่าจะเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่ซีซั่น 2 ตอนงานพรอมแล้วอ่ะ เขียนยาว ไม่เป็นไรเลยค่ะ ชอบอ่าน แบบว่าเข้าใจอ่ะ เพราะเราก็เป็นเหมือนกัน ไม่ค่อยมีใครคุยเรื่องคู่นี้ ถึงได้มาเปิดกระทู้นี่แหละ จะได้หาเพื่อนร่วมแนว 55 อ้าวคุณcupid_jib  แสดงว่าเราคลิกพร้อมกัน เราก็คิดถึงเซบาสเตียนเหมือนกันค่ะ แต่ขอให้มาแบบเฟรนด์ลี่น๊า คราวนี้ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 10:18:24 จากคุณ : tcKk เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 10:16:24

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่า เพิ่งมาตามดู GLEE เมื่อไม่นานมานี้นี่เองค่ะ และเพราะดูก็รู้สึกหลงรักบทของ Blaine ขึ้นมาทันที รู้สึกว่า ทุกครั้งที่เห็น Blaine ออกมาก็ต้องอมยิ้มทุกครั้ง รู้สึกหลงรักหัวปักหัวปำเลย และได้ย้อนดูตอนเก่าๆได้เห็นวิวัฒนาการของตัวละครนี้ ก็รู้สึก Darren เล่นดีขึ้นมาก (รู้สึกไม่เกี่ยวกับ Klaine เลย ฮ่าๆ) เรารู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของ Kurt และ Blaine เหมือนคู่แต่งงานวัยชราที่หรูหราอย่างที่ Kurt บอกจริงๆ เข้าใจว่า Kurt อยากได้แฟนมากกว่าคู่รักหรือเพื่อน เลยอยากได้โมเม้นกุ๊กกิ๊กที่วัยรุ่นผู้ชายอายุ 18 พึงกระทำ แต่ในความรู้สึกของเราเหมือน Blaine อยากได้คนรักที่มีความสัมพันธ์มากกว่าเรื่องทางกาย ก็ไม่เชิงว่า Kurt จะต้องการเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ก็จริงที่วัยรุ่น และยิ่งวันรุ่นตะวันตกจะคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางกายมากกว่า แต่ดูได้จากตอน The first time ที่ถึงแม้ Blaine จะสามารถมีอะไรกับ Kurt ได้เลยก็ตาม(แม้ว่า Artie จะบอกว่า เพื่อให้เข้าถึงบทที่ได้รับควรจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ) แต่ Blaine ก็เลือกที่จะไม่ทำ อาจเพราะ Blaine อยากให้ความรักของเขาเป็นความรักจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายเท่านั้น เราคิดว่า ตอนนี้มันสอนอะไรให้กับวัยรุ่นดีนะ แต่เพราะ Blaine เมาเท่านั้นแหละ ทีนี้อยากจะต้องการขึ้นมา(อะไรของเขาก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) พอมาถึงตอน Dance with Somebody ตอนนี้..ตอนที่ Kurt คุยกับ Rachel เรื่องข้อความที่ถูกส่งมา..อย่างที่หลายๆคนบอก หลังจากปล่อยให้ Blaine มีคนมาจีบ ก็ถึงเวลาของ Kurt บ้าง ใจนึงเราก็เข้าใจความรู้สึกของ Kurt นะค่ะ ในที่สุดตัวเองก็รู้สึกว่า มีคนที่สนใจตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ที่เจ้าตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้เดียงสา เรากลับไม่คิดว่า มันไร้เดียงสาอย่างที่ Kurt บอกนะค่ะ เพราะแต่ละข้อความที่ส่งมา มันคือข้อความสำหรับคนที่กำลังจีบกันเลย และตัว Kurt เองก็ชอบใจกับความรู้สึกดีๆที่ได้รับจากข้อความนั้นด้วย แต่อีกใจก็รู้สึกสงสาร Kurt เพราะถ้า Blaine ไม่ทำตัวเหินห่าง Kurt ก็คงไม่ให้เบอร์ของตัวเองไป ตอนแรกที่ดูตอนนี้ คิดเลยว่า ถ้า Klaine เลิกกันเมื่อไหร่ จะเลิกดู GLEE จริงๆ ฮ่าๆ ตอนที่ดูก็ลุ้นตัวโก่ง ถึงจะมีฉากน่ารักๆของ Rachel และ Santana ก็ตาม (ชอบตอนที่หลังจากจบเพลง So Emotional แล้ว Rachel กอดกับ Santana แต่ Santana พยายามดันมือออกก็ตาม ฮ่าๆ น่ารักดีค่ะ) พอพูดถึงเพลง So Emotional แล้วก็นึกไปถึงตอนที่ Kurt ได้รับข้อความจาก Chandler แล้ว Sam มาแอบดูด้วย สังเกตเห็น Blaine ที่นั่งห่างพยายามจะชะโงกคอมามองว่า Kurt คุยกับใคร ฮ่าๆ ให้ความรู้สึกเหมือนลูกหมากำลังถูกเจ้าหน้าทิ้งเลย น่ารักมากๆเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่า  Darren จะแสดงได้น่ารักขนาดนี้..อยากจะเป็นพี่สาวที่เข้าไปกอดแล้วลูบหัว(ที่หยิก)เบาๆให้หายเศร้าเลย จากตอนนั้น Blaine ก็เริ่มเอะใจแล้ว และได้เห็นข้อความที่ Kurt และ Chandler คุยกัน..เท่านั้นแหละ บ้านแตกเลย!! ฮ่าๆ ตอนที่ดูครั้งแรก เอาแล้ว ฉันต้องเลิกดูจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย..ลุ้นตัวโก่งเลย ฮ่าๆ จากบทสนทนาที่ทะเลาะ เหมือนแต่ละฝั่งก็มีเหตุผลของตนเอง เรารู้เพียงแค่ด้านของ Kurt เลยพาลคิดไปว่า เฮ้ย Blaine ก็เคยทำไม่ถูกเหมือนกันนะกับตอน Sebastian แต่พอมาคิดดู ก็ต้องเข้าใจฝั่งของ Blaine นะเราว่า เพราะ Blaine ย้ายโรงเรียนมา และที่โรงเรียนเก่า Blaine ก็เป็นเหมือนดาวเด่นของที่นั้น (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อยู่กับ New Directions Blaine จะไม่เด่นนะคะ คือ Blaine เด่นมาก มากจนมีคนหมั่นไส้ ฮ่าๆ) ที่ Warbler Blaine รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว Blaine จึงคิดว่า Sebastian เป็นหนึ่งในพี่น้อง (ตามที่เราเข้าใจนะค่ะ) เลยคิดว่า การที่ Kurt ได้รับข้อความหวานๆมันจึงไม่แฟร์กับเขา เพราะ Kurt ดูชอบ Chandler แต่เราก็เข้าใจฝั่งของ Kurt เหมือนกันเพราะความสามารถของ Blaine ทำให้ Kurt ยังอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้ อย่างที่ Kurt บอกว่า "I used to get solos     every week.And do you know how many times I've had to sit on a stool and watch you perform?" คือเข้าใจเลยว่า Kurt ก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ Blaine บอกอีกนั้นแหละ ถ้าอย่างนั้นก็พูดสิ บอกฉันสิว่า นายไม่มีความสุข..มันแสดงให้เห็นว่า ดูภายนอกคู่นี้รักกัน เข้าใจกัน แต่มันก็ต้องมีซักเรื่องที่ต้องทะเลาะกันอยู่แล้ว ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่พูด ไม่หันหน้าเข้าหากัน ส่วนตัวคิดว่า ความรักของคู่นี้มันดูเปราะบางมาก ไม่ใช่เพราะเปราะบางว่า ทั้งคู่ไม่ได้รักกันนะคะ แต่เปราะบางเพราะเหมือนทั้ง Blaine และ Kurt  สร้างเกราะกำบังไอ้ส่วนที่เปราะบางเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้ส่วนนั้นมันแตกหัก แต่ตอนนี้ส่วนที่เปราะบางนั้นเริ่มมีรอยร้าวเพราะต่างคนต่างไม่หันหน้ามาคุยกัน ถ้าลองทั้งคู่ พูดคุยกันถึงสิ่งที่ไม่ชอบให้อีกฝ่ายทำ หรือต้องการให้อีกฝ่ายทำ อย่างถ้า Kurt บอกว่า เขาอยากจะให้  Blaine ทำอะไรที่เหมาะสมกับผู้ชายวัย 18 บ้าง หรือไม่พอใจที่ Blaine ไม่สนใจเท่าที่ควร และ Blaine ที่ไม่ยอมบอกตรงๆว่า เขาไม่พอใจที่  Kurt สนใจเรื่องที่จะไปนิวยอร์คมากกว่า ถ้าลองเปิดใจ จริงๆอาจจะไม่ต้องมีมือที่สาม หรือร้องเพลงมาช่วยเลยก็ได้ เคยมีคนแสดงความคิดเห็นว่า การร้องเพลงไม่ใช่ทางแก้ปัญหาได้ทุกกรณี ซึ่งมันตรงกับตอนนี้มากๆค่ะ(แอบขำตรงที่ครู Emma เลื่อนเก็บแผ่นพับ ฮ่าๆ) (เริ่มเยอะแฮะ ไม่รู้ว่า ทุกคนจะเข้าใจความรู้สึกของเรามั๊ย ฮ่าๆ แต่นี่คิดสิ่งที่เรารู้สึกได้จากการสังเกตของเรานะคะ) แอบชอบตอนที่ Blaine ร้องเพลง It's Not Right but It's Okay ชอบตรงที่สีหน้าของเพื่อนๆทุกคนที่มองมายัง Kurt แบบ..นายนอกใจ Blaine จริงๆงั้นหรอ? ฮ่าๆ ชอบสีหน้าของ Mike มากค่ะ ^^ หลังจากที่ Kurt ได้คุยกับพ่อแล้ว ทัศนคติก็เปลี่ยนไป..การที่ Kurt ไปนิวยอร์ค มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็จริง แต่คนที่ยังอยู่ที่นี้ ก็ย่อมจะต้องคิดถึง Kurt เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งเราคิดว่า Kurt ลืมคิดถึงจุดนี้ไป อาจเพราะ Kurt กำลังดีใจกับการได้ไปนิวยอร์คก็ได้มั้งค่ะ   พอมาถึงตอนที่ Kurt เริ่มรู้สึกตัวว่า ตัวเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน เลยร้องเพลง I Have Nothing เพื่อขอโทษ Blaine ตอนที่นั่งดูแอบมีน้ำตาซึม เห็นหน้าของ Kurt ตอนร้องเพลงที่มองแต่ Blaine คนเดียวแล้วมันรู้สึกเขินมาก ฮ่าๆ ยิ่งตอนที่ Blaine เหมือนยังงอนๆอยู่ แล้ว Mike หันไปมองหน้า Blaine แล้ว Blaine ทำหน้าเหมือน ฉันไม่ผิดนะ โอ้ย พ่อคุณ น่ารักมากๆจริงๆ ให้ตายเถอะ แล้วพอร้องจบ จากที่ Blaine งอนอยู่ กลับกลายเป็นน้ำตาซึมแทน..เห็นแล้วอยากจะเข้าไปกอดปลอบจริงๆ ตอนนี้ Blaine ให้ความรู้สึกเหมือนลูกหมาน้อยที่ถูกเจ้าของทิ้งเลย..น่าสงสารปนน่ารักมากๆ คนเขียนบทเข้าใจเลือกเพลงมากๆค่ะ คือเพลงที่ Blaine ร้องคือ It's Not Right but It's Okay มันมีท่อนที่ร้องว่า Pack your bags up and leave. Close the door and leave your key.I'd rather be alone than not happy และเพลงที่ Kurt ร้องคือ I Have Nothing ท่อนที่ร้องว่า Don't make me close one more door.I don't wanna hurt anymore. เรารู้สึกว่า เป็นเพลงที่ตอบคำพูดของ Blaine ที่ต้องการจะสื่อได้ดีจริงๆค่ะ ปล.แล้วก็ชอบตอนที่เข้าไปคุยในห้องของครู Emma ที่ Blaine บอกว่า Kurt you don't have to snap your fingers, it's not gonna make it come any faster.และ please stop slipping bronzer into my moisturizer. ตอนนี้เลยเริ่มสงสัยแล้วว่า Blaine เป็นเกย์จริงๆรึเปล่า ฮ่าๆ แอบสงสัยคำพูดของ Blaine ที่บอกว่า I changed my whole life! ไม่รู้ว่า เราคิดไปเองรึเปล่าว่า whole life ของ Blaine คือการเปลี่ยนจากเกย์ควีนเป็นเกย์คิง (สงสัยจะคิดไปเอง เพราะท่าทีของ Blaine บางครั้งทำให้คิดว่า Kurt น่าจะแมนกว่าด้วยซ้ำ) สุดท้ายจริงๆแล้วค่ะ(ยาวจัง) เราแอบรู้สึกว่า Blaine เหมือนพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองอย่างมากเลย เหมือนพยายามแมนมากขึ้น ดูจากห้องนอน ล็อกเกอร์ และการที่ Blaine อยู่ในชมรมอเมริกันฟุตบอล ไหนจะตอนที่เป็น Angry Blaine อีก..รู้สึกเหมือน Blaine พยายามสร้างตัวตนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อป้องกันส่วนที่เปราะบางของตัวเองยังไงไม่รู้ค่ะ..อาจจะคิดมากไปเอง ฮ่าๆ ขอบคุณที่ทนอ่านกันนะคะ และขอบคุณซับ English มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ^^ หวังว่า คู่ Klaine จะมีต่อไปอีกซีซั่นนะคะ ชอบคู่นี้มากๆ ดูแล้วอิ่มเอิบจริงๆ จากคุณ : ลูกกวาดสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:20:55

ความคิดเห็นที่ 7 [Quote]เราคิดไปเองรึเปล่าว่า whole life ของ Blaine คือการเปลี่ยนจากเกย์ควีนเป็นเกย์คิง [Quote] 555 ชอบประโยคนี้ของคุณลูกกวาดสีน้ำเงินจังค่ะ เอ แต่ถ้าเราจำไม่ผิด เบลนไม่เคยอยู่ชมรมอเมริกันฟุตบอลน๊า เบลนชอบฟุตบอล แต่ตัวเล็ก เลยไม่ได้เล่นฟุตบอลอ่ะ จำได้แต่ว่าตอนอยู่ดาลตัน เป็นคนก่อตั้งชมรมชกมวย มาเอาใจช่วยKlaine กันต่อไป .. ว่าแล้วก็แว่บไปอ่านฟิคต่อ.. จากคุณ : tcKk เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 20:42:35

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องเกย์คิงเกย์ควีน เราคิดมาตลอดว่า Blaine เป็นฝ่ายรุกนะ คือ Season 2 เห็น Blaine แมนๆ แต่ Season 3 รู้สึกว่า Kurt แมนกว่าด้วยซ้ำ แล้วตอน Saturday Night Glee-ver ที่มีฉากเต้นรำ Blaine เหมือนเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า ตอนนี้เลยสับสนว่าใครเป็นอะไรยังไงกันแน่ >_< [ส่วนตัวชอบให้ Blaine เป็นฝ่ายรุกมากกว่า เพราะเราติดความรู้สึกนี้มาตั้งแต่ Season 2 มั้ง แต่ในขณะเดียวกัน Blaine ตัวเล็กกว่า Kurt ซะอีก ((เราดันชอบฝ่ายรุกตัวสูงกว่าซะนี่ :P))] จากคุณ : Reinz (Xiii) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 23:47:03

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนแรกเราก็คิดว่า เบลนเข้ามาอยู่ในชมรมฟุตบอลแล้วซะอีก เพราะเห็นมีล็อคเกอร์เป็นของตัวเอง แถมยังเอาไปอาบน้ำอีก(ในตอน Big Brother แผ่นหลังอันเซ็กซี่ของดาร์เรน ) และตอนที่พัคมอบแก้วให้กับหนุ่มๆของกลี เราก็เลยคิดไปว่า เบลนได้เข้ามาอยู่ในชมรมฟุตบอลแล้ว..คาดว่า เราคงจะคิดไปเองค่ะ ฮ่าๆ ขออภัยด้วยนะคะ ^^ ปล.แต่เราคิดมาตลอดตั้งแต่ที่เบลนปรากฏตัวแล้วนะคะ ว่า เบลนเป็นฝ่ายรุกแน่ๆ ถึงบางตอนการแต่งตัวของเบลนจะทำให้เราปวดจิตก็ตาม ฮ่าๆ จากคุณ : ลูกกวาดสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:42:20