ความคิดเห็นที่ 1 กลุ่มตัวเก็ง เต็งหาม The Avengers โอกาสเป็นแชมป์ : 85% หนึ่งในโปรเจ็คในฝันของค่าย Marvel (และแฟนๆ ฮีโร่มากมาย) รอคอยกันมาอย่างนานแสนนนนนนานทีเดียว! ที่กว่าจะคลอดออกมาได้ ต้องใช้เวลาในการปูพื้นแก่คนดู ด้วยการเปิดซีรี่ย์ให้แก่แต่ละตัวละคร และเชื่อมโยงแต่ละเรื่องเข้าด้วยกันอยู่นาน ในที่สุด ถือเป็นการแซงหน้าคู่แค้น อย่างค่าย DC ไปอีกก้าว ด้วยการรวมพลัง “ฮีโร่หมู่” ขึ้นจอใหญ่เป็นครั้งแรก(เสียที)!! งานนี้ย่อมอลังการเป็นหลายเท่าตัวทีเดียว เพราะปกติแค่ฮีโร่คนเดียว มาเดี่ยวๆ ยังพะบู๊ได้ออกรส ผลาญเงินนายทุน สาแก่ใจคอหนังไปซะขนาดนั้น งานนี้ยิ่งมากันเป็นหมู่ แถมแต่ละคนก็ไม่ใช่โนเนม(ใจจอเงิน) กันแล้ว งานนี้ จึงมีสิทธิ์ยิ่งใหญ่กว่าที่หลายๆ คนคาดเดาเอาไว้แหงมๆ!! (แต่ก็อย่าไปหวังเว่อร์เกินนะครับ เดี๋ยวช้ำใจมาแล้วจะมาโทษเจ้าของกระทู้ว่าโม้เยอะเกินซะงั้น แหะๆๆ!) สำหรับในบ้านเรา ตลาดหนังฮีโร่ก็ถือว่าใหญ่พอสมควรทีเดียว ถ้าดูจากระดับการทำเงินของแต่ละเรื่อง (เพราะปกติ หนังฮีโร่ก็ฟอร์มใหญ่ เน้นอลัง ถูกใจคนดูในบ้านเรากันอยู่แล้ว!) ดังนั้นเหล่า Avengers ของเราจึงได้เปรียบเรื่องอื่นๆ แน่นอนตรงที่รวมซูเปอร์ฮีโร่หลากหลายคน (และเพิ่งจะออกฉายเรื่องของตัวเองไปไม่นาน) มาไว้เข้าด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีชื่อเสียง และแฟนๆ เป็นของตนเอง จึงทำให้คนดู มีสิทธิ์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณได้อย่างสบายๆ (แม้ว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ผ่านหลัก 100 ล้านในบ้านเรา นั่นก็คือ Iron Man ขวัญใจหลายๆ คน ซึ่งทำได้ในภาค 2) รวมไปถึงการฉายในระบบสามมิติ ที่ช่วยดึงดูดคนดู และเพิ่มค่ายตั๋วขึ้นมาอีกไม่น้อย ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เหล่าฮีโร่ของเรา เก็บคะแนนนำเรื่องอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น หลากลองมาชำแหละเกียรติคุณของเหล่าฮีโร่ในเรื่องกันซักหน่อย ผลที่ออกมาค่อนข้างจะคละเคล้ากันไป แน่นอนว่าจุดขายเด่นของเรื่องอย่าง Iron Man ก็คือฮีโร่ซึ่งทำเงินสูงสุดในกลุ่มนี้ (แต่ได้เปรียบตรงที่ออกมาสองภาคนี่แหละ) แต่ทั้ง Thor และ Captain America ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวนัก เพราะเพิ่งจะมีซีรี่ย์ของตัวเองเป็นภาคแรก ก็ยังทำเงินไล่ๆ กับ Iron Man ภาคแรกเช่นกัน (แต่กัปตันดีหน่อย เพราะทำได้สูงที่สุดในกลุ่มภาคแรกด้วยกัน) ส่วนเฮีย Hulk แม้จะกลายเป็นตัวลับ หวังสร้างสีสันให้แก่เรื่อง แต่ซีรี่ย์ของเฮียแกในบ้านเรา ก็ต้องถือว่า ห่อเหี่ยวสิ้นดี (ภาคล่าสุดก็ทำเงินไปเพียง 30 กว่าล้านบาทเท่านั้น!!!) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะด้วยรูปลักษณ์ของเฮียแกที่ออกไปในทางตัวประหลาดขี้โมโห อาจจะดูไม่เท่ห์ เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ทำให้คนดูในบ้านเรา รู้สึกไม่ปลื้มซักเท่าไหร่ แต่ด้วยหน้าตา (และพลังความโหด) เมื่อต้องมารวมกับคนอื่นๆ ก็พลอยทำให้เฮียดูสะดุดตาขึ้นมา ถัวๆ ไปได้บ้างล่ะ! ที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนดูก็คงจะหนีไม่พ้น “เอาฮีโร่มารวมกันอย่างนี้ หนังจะเละมั้ยเนี่ย!!??” เพราะแต่ละคนก็มีความสามารถ และเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างฉีกแนวกันไปพอสมควร รวมไปถึงกลัวว่าจะเฉลี่ยเนื้อเรื่องความเด่นให้แต่ละตัวมากเกินไป หรือน้อยเกินไป จนอาจทำให้ตัวละครถูกพูดถึงน้อยจนขาดมิติไป แต่ด้วยคำวิจารณ์ที่ออกมาในตอนนี้ ถือว่า “ดีเกินคาด” เอามากๆ ก็คงพอจะทำให้แฟนๆ หนังอุ่นใจขึ้นมาได้บ้างล่ะ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า ในเมื่อ Marvel หมายมั่นปั้นมือกันหนังมาอย่างยาวนานซะขนาดนี้ งานช้างระดับนี้.....คงไม่น่าพลาดกันง่ายๆ หรือก(มั้ง!!) จุดได้เปรียบ รวมพลังซูเปอร์ฮีโร่เอาไว้มากมาย และเกือบทุกคน เป็นที่รู้จักในบ้านเราไปแล้ว, เป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ เปิดเทศกาลซัมเมอร์, ฉายในระบบสามมิติ จุดเสียเปรียบ หายากพอสมควรแฮะ แต่อย่างว่า รวมพลซูเปอร์ฮีโร่ไว้มากมายขนาดนี้ คนดูหลายๆ คนก็ย่อมกลัวหนังออกมาวุ่น อีรุงตุงนังเป็นธรรมดา ป.ล.   สถานการณ์ล่าสุดตอนนี้ เหล่าก๊วนฮีโร่ของเราที่ได้ชิงเปิดตัวก่อนในหลายประเทศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในหลายๆประเทศ สามารถทำเงิน 5 วันไปได้ถึง 178 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ กลายเป็นรายได้เปิดตัวนอกตลาดอเมริกา สูงสุดตลอดกาลเป็นลำดับที่ 9 ไปแล้ว! ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับหนังไม่น้อย และน่าจะทำให้ภาษีของหนังในบ้านเรา ดูสดใสขึ้นมาอีกเยอะ!!! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:23:07 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:04:03 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:03:29

ความคิดเห็นที่ 2 The The Amazing Spider-Man โอกาสเป็นแชมป์ : 70% หายไปจากจอเงินนานพอสมควรเลยทีเดียว (ทำเอาแฟนๆ บ่นคิดถึงกันระงม) ในที่สุด ดูเหมือนจะได้เวลาที่เขาจะกลับมาทวงบัลลังก์ (ที่ตัวเองก็ยังคงนั่งอยู่!!) อีกครั้ง สำหรับซูเปอร์ฮีโร่สุดเหนียวหนึบ(ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องกะตังค์!) เจ้าของสถิติสูงสุดในกลุ่มฮีโร่ที่ฉายในบ้านเรา จากค่าย Marvel เจ้าเก่า แม้จะอดได้ร่วมวงไพบูลย์กับก๊วนฮีโร่ค่ายเดียวกันที่เพิ่งพูดถึงไป (จากปัญหาลิขสิทธิ์ของค่ายหนัง) แต่การกลับมาครั้งนี้ (หลังจากหายจากจอไปร่วม 5 ปี) ก็คงพอจะทำให้คนดูหายคิดถึง และประหลาดใจไปพร้อมๆ กันแน่!! แต่จะไม่ทำให้คนดูประหลาดใจได้ยังไงในเมื่อการกลับมาครั้งนี้ ถือเป็นการ “ยกเครื่องใหม่หมด” เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะเปลี่ยนตัวทีมงานหลัก และตัวแสดงแทบจะทั้งสิ้น ในส่วนของเนื้อเรื่อง และตัวละครก็เรียกได้ว่า เปลี่ยนซะจนคนดูที่ไม่ใช่แฟนการ์ตูน แต่เคยดูภาคก่อนๆ อาจมีมึนต็บ กุมขมับระหว่างดูไปพักใหญ่!! (ทั้งนางเอกที่เปลี่ยนมาเป็น เกวน สเตซี่ แทน แมรี่ เจน, เปลี่ยนให้ไอ้แมงมุม สร้างใยเองไม่ได้ แต่ใช้เครื่องยิงแทน และ บุคลิกที่ออกจะยียวนตามการ์ตูนเป๊ะ!) แต่นั่นก็ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่เท่าไหร่ ถ้าคนดูไม่รู้สึกตะขิดตะขวางใจกับความเปลี่ยนแปลงมากขนาดนั้น หนังก็ยังคงเต็มไปด้วยความอลังการ ตามประสาหนังบล็อกบัสเตอร์อยู่ไม่น้อยทีเดียว (ยิ่งประสบการณ์โหนใยแบบสามมิติเต็มตัวเป้นครั้งแรกก็น่าจะพอทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างล่ะ) เกียรติประวัติในบ้านเราของไอ้แมงมุมก็ต้องยอมรับว่า สวยหรูมากทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นฮีโร่คนแรก ที่สามารถผ่านหลัก 100 ล้านในบ้านเราได้ (ตั้งแต่ภาคแรกเลย) ปัจจุบันก็ยังคงยึดตำแหน่ง ฮีโร่ทำเงินสูงสุดในบ้านเรา (เจ้าของบัลลังก์คือ ภาค 3 ซึ่งรองแชมป์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือภาค 2 อีกนั่นแหละ!!!) นั่นก็แปลว่าทั้ง 3 ภาคต่างก็เคยขึ้นไปยืนในตำแหน่งสูงสุดของกลุ่มฮีโร่มากันหมดแล้ว! แต่อนิจจา! กลับไม่เคยมีภาคไหนเคยขึ้นเป็นแชมป์ประจำปี หรือแชมป์ในกลุ่มหนังฝรั่งในปีนั้นๆ เลยซักครั้งเดียว!! (ซึ่งคู่แค้นที่คอยฉกตำแหน่งไปทุกภาค ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน......”แฮร์รี่ พอตเตอร์” นั่นเอง!!!) ทำให้แม้ว่าพ่อมดน้อยจะปิดซีรี่ย์ของตัวเองไปแล้ว แต่ใช่ว่าโอกาสของไอ้แมงมุมจะเปิดกว้างขนาดนั้น!! เพราะคู่แข่ง ก็ใช่ว่าจะหินน้อยกว่าพ่อมดน้อยไปซะเมื่อไหร่ แถมภาคที่แล้วยังปล่อยของไว้ค่อนข้างเยอะ (ทั้งความอลัง และกระแสที่ติดลบ!!) การที่หนังหายไปนาน ไม่รู้ว่าตัวหนังจะยังคงมีความน่าสนใจ แปลกใหม่พอสำหรับคนดูอยู่รึเปล่านี่สิ!!?? จุดได้เปรียบ เป็นซูเปอร์ฮีโร่ตระกูลที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในบ้านเรา,เป็นการกลับมาครั้งแรกในรอบ 5 ปี, ฉายในระบบสามมิติเต็มรูปแบบเป็นภาคแรก จุดเสียเปรียบ กลับมาในรูปแบบที่ “ยกเครื่องใหม่” อาจทำให้คนดูเก่าๆ รู้สึกไม่คุ้นเคยกับหนัง, คำวิจารณ์ของภาคก่อน เรียกได้ว่า "ดิ่งเหว" ยิ่งนัก! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:23:24 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:05:07

ความคิดเห็นที่ 3 ตำนานสมเด็จนเรศวรมหาราช ๕ ภาคยุทธหัตถี โอกาสเป็นแชมป์ : 75% แม้จะมีการวางกำหนดฉายหนังมาบ้างแล้ว แต่หลังจากมีข่าวเรื่อง “ไฟไหม้ฟิล์ม” ก็พลอยทำเอาความหวังที่จะได้ดูหนังตามโปรแกรมนี้ “สั่นคลอน” อีกครั้ง (หลังจากที่เคยเกิด “ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ร่วม 4 ปี เมื่อตอนมีการวางวันฉายภาค 3!) แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ต่อให้หนังเลื่อนวันฉายไปอีก ตัวหนังก็ยังคงสถานะความเป็น “มหาเต็ง” ในบ้านเราอยู่ดี (แม้จะทั้งยืด ทั้งยื้อ ภาคที่แล้วๆ มาซะจนหนังย้วยไปพอสมควรก็ตาม!!) ในเมื่อหนังก็ยังคงเป็นหนังฟอร์มยักษ์ สุดอลังการสำหรับหนังไทยอยู่ รวมไปถึงศึกยุทธหัตถี ซึ่งถือว่าเป็นไคลแม็กซ์ที่หลายๆ คนรอดูก็ว่าได้! ดังนั้นจึงเหมือนกับเป็นการดึงสถานะความเป็นหนัง “ภาคบังคับ” สำหรับคอหนังกลับคืนมาได้อีกครั้ง (แม้จะไม่เท่ากับสองภาคแรกก็ตาม!) เกียรติประวัติของหนัง ก็ถือว่าอลังการไม่แพ้ตัวหนังเลยทีเดียว นอกจากจะกลายเป็น หนังไทยภาคต่อ ทำเงินรวมกันสูงสุดตลอดกาล ไปตั้งแต่ฉายภาค 2 แล้ว ยังเป็นหนังตระกูลเดียว ที่ ทำเงินเกิน 200 ล้าน มากกว่า 2 ภาค อีกด้วย! (น่าเสียดายที่ไปพลาดท่าในภาคที่ 4 เกือบคว้าสถิติ 200 ล้านทุกภาคไปครองอีกตำแหน่งแล้ว!) ขณะที่สถิติประจำปี ทั้งสองปี ที่มีหนังสองภาคเข้าฉายในแต่ละปี ทั้งสองภาคนั้นต่างก็ยึดหัวตารางของ หนังไทยทำเงินสูงสุดประจำปี ไว้ได้แทบทั้งสิ้น!! (โดยภาค 1 และภาค 3 เป็นแชมป์หนังไทยประจำปี 2550 และ 2554 ตามลำดับ) แต่มีเพียงภาค 1 เท่านั้น ที่เคยขึ้นไปครองอันดับ 1 ประจำปีแบบไม่เกี่ยงสัญชาติหนังได้ (และก็เป็นภาคที่ทำเงินสูงที่สุดอีกด้วย!!) ดังนั้นโอกาสที่หนังจะคว้าตั๋วทำเงินสูงสุดประจำปี (รวมไปถึงเป็นภาคที่ทำเงินสูงสุดในตระกูล) จึงพุ่งพรวดขึ้นมาพอสมควรทีเดียว จากสองภาคที่แล้ว (แม้จะโดนกระแสลบของภาคก่อนๆมาตัดแต้มไปบ้างก็ตาม) ซึ่งสิ่งที่จะยิ่งตอกย้ำความเป็น “เต็งหนึ่ง” ในกลุ่มหนังในปีนี้ ก็คงจะอยู่ที่หนัง จะยังคงเป็น “ภาคสุดท้าย” หรือ “ภาคยุทธหัตถี” อยู่หรือเปล่า.......ผู้สร้างเท่านั้นแหละครับ ที่จะรู้!!! จุดได้เปรียบ เป็นหนังไทยฟอร์มยักษ์ ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี, เป็นภาคสุดท้ายของตระกูล และ เป็นจุดสำคัญของตำนานเรื่องนี้ด้วย จุดเสียเปรียบ กระแสสองภาคก่อนหน้าออกมาค่อนข้างแย่ ทำให้รายได้ตกลงมาค่อนข้างเยอะ จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:07:44

ความคิดเห็นที่ 4 The Hobbit: An Unexpected Journey โอกาสเป็นแชมป์ : 80% อีกหนึ่งตระกูลหนังที่หายหน้าหายตาจากจอเงินไปนานเกือบทศวรรษ! (9 ปี จากภาคล่าสุด) จากปัญหาคาราคาซังด้านการเงินของค่ายเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือตอนนี้ อย่าง MGM ที่กว่าจะได้เปิดกล้อง ทำเอาแฟนๆ ลุ้นแล้วลุ้นอีกกันหลายตลบ! รวมไปถึงการเปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางครัน จากผู้กำกับร่างท้วม แต่จินตนาการล้ำ กลับมาเป็นผู้กำกับที่แจ้งเกิดให้แก่หนังชุดนี้อีกครั้งนึง ในที่สุด เหล่าแฟนๆ พันธมิตรแห่งแหวนก็ได้เฮลั่น นับวันรอกันซะที(ล่ะนะ!) ครั้งนี้ถือเป็นการดัดแปลงจากหนังสือ ซึ่งมีเนื้อหาเล่าย้อนกลับไปยังเรื่องราวก่อนหน้าของสามภาคที่แล้ว (โดยพระเอกเปลี่ยนมาเป็น บิลโบ้ หรือลุงของโฟรโด้ ในวัยหนุ่ม) แม้จะถูกหั่นออกเป็นสองภาค รวมไปถึงเนื้อหาที่ค่อนข้างมืดหม่นน้อยกว่าสามเรื่องที่ผ่านมา แต่จากภาพโปรโมต และตัวอย่างแรกที่ออกมานั้น รับประกันได้ว่า ความอลังคงไม่น้อยหน้าไปกว่าสามภาคแรกแน่นอน (ยิ่งได้เฮียแจ็คสัน กลับมาเป็นประกันด้วยแล้ว!!) เกียรติประวัติของภาคก่อนๆ ในบ้านเรานั้น แต่ละภาคก็ถือว่าค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควร แม้ภาคแรกจะทำเงินได้ไม่น้อย (เกือบร้อยล้าน) แต่ก็ถือว่ายังห่างไกลกับคู่แข่งสเกลเดียวกัน ที่พูดถึงโลกเวทมนต์ด้วยเช่นกันในตอนนั้น อย่างพ่อมดน้อย แฮร์รี่ อยู่พอสมควร (ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะฐานคนดูของพ่อมดน้อยค่อนข้างเจาะตลาดกว้างกว่า และกระแสนิยายก็เพิ่งจะเปรี้ยงก่อนหน้าหนังจะคลอดไม่กี่ปีเอง) แต่ด้วยตัวหนังเองที่กวาดคำวิจารณ์ดีเยี่ยมมาจากแทบจะทุกสำนัก และกระแสปากต่อปากที่ดีมากๆ ทำให้หนังสามารถสร้างฐานคนดูในบ้านเราขึ้นมาได้ค่อนข้างมาก จนทำให้แฟนๆ แทบจะอดใจรอไม่ไหว นับวันรอกันเลยทีเดียว!! เลยไม่น่าแปลกใจที่รายได้หนังจะพุ่งขึ้นมาแบบก้าวกระโดด จนสามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ หนังทำเงินสูงสุดประจำปี ได้ในภาคที่ 3 (ซึ่งก็เป็นภาคที่ทำเงินสูงสุดในซีรี่ย์นี้ด้วย) แต่ก็อย่างว่าแหละครับ การที่หนังหายไปร่วมทศวรรษ ก็พลอยทำเอาความตื่นเต้น อยากดูของแฟนๆ ภาคก่อนๆ หายไปพอดูเลยทีเดียว ดังนั้น งานนี้หากหนังจะกลับมาเปรี้ยงเหมือนภาคก่อนๆ ได้ ก็คงต้องหวังให้คุณภาพของหนัง ออกมาไม่แพ้ภาคที่แล้วๆ มาด้วยสิครับ! จุดได้เปรียบ หนังฟอร์มยักษ์ตระกูลดัง ที่ภาคก่อนๆ การันตีด้วยรายได้ และรางวัลมหาศาล, แนวหนังแฟนตาซีที่มักจะเรียกคนดูในบ้านเราได้ไม่น้อย, ฉายในระบบสามมิติ จุดเสียเปรียบ ฉายห่างจากภาคที่แล้วเกือบทศวรรษ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:23:42 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:14:15

ความคิดเห็นที่ 5 กลุ่มมาแรง เตรียมแซงโค้ง The Dark Knight Rises โอกาสเป็นแชมป์ : 60% ถือว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ความหวังเดียวของค่าย DC ณ ขณะนี้เลยก็ว่าได้ (ในเมื่อพี่ซุปฯ กลับมาใหม่ก็ไม่เปรี้ยงดั่งใจหวัง แถมเฮียตะเกียงเขียว คำวิจารณ์ก็ดันเหลวเป้วซะ!!) แม้ในบ้านเกิดอย่างอเมริกา หนังจะมีสถานะอยู่ใน “เต็งหนึ่ง” หนังทำเงินสูงสุดประจำปี แต่สำหรับในบ้านเรา สถานการณือาจจะต่างกันไปพอสมควร แม้กระแสจะหนุนเยอะ คำวิจารณ์ก็เด่น แต่ด้วยความที่หนังทำออกมาค่อนข้าง “จริงจัง” และ “หม่น” กว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป (ที่มักจะเน้นอลังการ ปล่อยอภินิหารกันให้เกลื่อน) ทำให้หนัง ไม่ค่อยจะโดนใจคนดูวงกว้างในบ้านเราซักเท่าไหร่ ซึ่งค่อนข้างจะเห็นได้ชัดพอสมควร จากรายได้ของเฮียค้างคาวในบ้านเรา เมื่อเทียบกับฮีโร่คนอื่นๆ แม้จะไม่เคยผ่านหลัก 100 ล้านแม้แต่ภาคเดียว (ขนาดพี่ซุปฯ ภาคล่าสุด ยังผ่าน 100 ล้านไปแล้ว) รวมไปถึงยังไม่เคยมีภาคไหนขึ้นไปยืนจุดสูงสุดของปีนั้นๆ ได้เลย (แต่ภาคล่าสุด อย่าง The Dark Knight ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี เพราะไต่ขึ้นไปได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีทีเดียว รวมไปถึงทำเงินสูงสุดของตระกูล ด้วยรายได้เฉียด 100 ล้านอีกด้วย!) แต่การที่หนังสร้างฐานคนดูขึ้นมาจากสองภาคก่อนหน้า ที่คำวิจารณ์ออกมาดีมากๆ แถมภาคนี้ เป็นภาคสุดท้าย ที่ผู้กำกับโนแลนประกาศว่าจะกำกับในชุดนี้อีก ก็ยิ่งทำให้แฟนๆ อยากทราบบทสรุปของหนังในดวงใจ แห่กันไปดูหนังเรื่องนี้อย่างล้นหลามแน่นอน (ยิ่งชื่อของผู้กำกับโนแลน ที่ตอนนี้ กลายเป็นชื่อสุดฮ็อตไปแล้ว หลังจากสร้างความมึน แต่เจ๋งให้แก่คนดูไปแล้ว ใน Inception เรื่องคุณภาพ ก็คงหายห่วงไปได้อีกเยอะล่ะ!!) แต่จะล้นหลามอย่างที่คาดกันเอาไว้หรือไม่นั้น ก็คงต้องลุ้นกันล่ะครับว่าหนังจะประชาสัมพันธ์ เรียกคนดูในวงกว้างขึ้นได้มากแค่ไหน?? จุดได้เปรียบ ภาคต่อฮีโร่ตระกูลดังที่มีภาคต่อออกมามากมาย, คำวิจารณ์สองภาคก่อนหน้าออกมาในระดับดีมาก จุดเสียเปรียบ หนังไม่ฉายในระบบสามมิติ แตกต่างจากหนังฟอร์มยักษ์หลายๆ เรื่อง, เนื้อหาหม่นกว่าหนังเอาใจตลาดเรื่องอื่นๆ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:23:59 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:14:52

ความคิดเห็นที่ 6 รัก 7 ปี ดี 7 หน โอกาสเป็นแชมป์ : 60% หลังจากความสำเร็จระดับ “ถล่มทลาย” ในรอบหลายปีที่ผ่านมาของค่าย รวมไปถึงความสำเร็จระดับ “ช็อกโลก!!” (แอบเว่อร์ไปนิด!) ของหนังเอาใจตลาด แต่คนบ่น(ไม่น้อย) อย่าง ATM เออรัก เออเร่อ ก็ยิ่งตอกย้ำสถานะ ความเป็นเจ้าตลาดในแนวทางของตนเอง ของค่าย GTH ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าแต่ละปี ค่ายจะส่งหนังออกมาในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยกว่าค่ายอื่นๆ อยู่มาก (ปีที่แล้วส่งมาเพียง 3 เรื่อง เทียบกับค่าย สหมงคลฟิล์ม ที่เข็นหนังออกมาถล่มโรงถึง 14 เรื่อง!!) แต่เพียงจำนวนเท่านี้ กลับเป็นปริมาณที่สามารถ “หวังผล” ได้ในระดับสูง จนสามารถ ช่วยกันโกยเงินให้ค่าย ขึ้นไปติด Top 10 ประจำปีนั้นๆ อยู่ร่ำไป (โหดไม่โหด ดูได้จากจำนวนหนัง 100 ล้าน ที่ค่ายทำได้ถึง 5 เรื่อง ภายในเวลา 4 ปีติดต่อกัน! แถม 2 ใน 5 นั้น ขึ้นอันดับหนึ่งในกลุ่มหนังไทยประจำปีนั้นๆ อีกด้วย!) แม้ทางค่ายจะประกาศโปรเจ็คหลังจาก ATM ออกมาอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ข้อมูลยังออกมาน้อยมากๆ แถมเรื่องนี้ยังมี “จุดขาย” ที่น่าสนใจกว่าเรื่องอื่นๆ อยู่หลายอย่างเลยทีเดียว ทั้งถูกวางให้เป็น โปรเจก ฉลอง 7 ปี ค่าย GTH แล้ว หนังยังเป็นการคืนสังเวียนอีกครั้งของผู้กำกับมากฝีมือ เฮียเก้ง จิระ มะลิกุล ที่หันไปอยู่เบื้องหลังหนังเปรี้ยงๆ ซะส่วนมาก เท่านั้นยังไม่พอ หนังยังได้ซูเปอร์สตาร์ เค-ป็อป เลือดไทย ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ในบ้านเรามากมาย อย่าง นิชคุณ มาประเดิมหนังไทยเป็นเรื่องแรก ประกบด้วยดาราคุ้นหน้าคุ้นตาอีกคับคั้ง ในหนังสั้นสามเรื่องราว ที่น่าจะถูกใจคนดูวงกว้างได้ไม่ยาก ด้วยคุณสมบัติที่บรรยาย(โม้)ไว้ซะเยอะ ทำให้หนังขึ้นแท่นตัวเต็งประจำปีของค่ายไปโดยปริยาย ยิ่งหลังจากที่ค่ายมีหนังแนว รอม-คอม ทำเงินในระดับ 100 ล้านถึง 3 เรื่อง ใน 3 ปี(ไม่ติด) ก็ยิ่งทำให้เป้ารายได้ของหนังเรื่องนี้ ขยับขึ้นสูงกว่าเรื่องอื่นๆ เข้าไปอีก แต่เนื่องจาก หนังแทบจะยังไม่มีภาพ หรือคลิปหนัง หลุดออกมาเลยซักนิดในตอนนี้ ก็เลยทำให้ ยังไม่สามารถ “ฟันธง” เกี่ยวกับหนังไปได้มากกว่านี้เท่าไหร่นี่สิ! จุดได้เปรียบ โปรเจกครบรอบ 7 ปี ค่าย GTH, หนังแนวถนัดของค่าย, รวมดาราคับคั่ง โดยเฉพาะ หนุ่มนิชคุณ ที่ขึ้นจอในหนังไทยเป็นครั้งแรก จุดเสียเปรียบ ยังระบุไม่ได้ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวหนังยังไม่เพียงพอ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ หนังเลือกฉายในช่วงซัมเมอร์!! (แต่ช่วงปลายๆ แล้วนะ) ประกบหน้าหนังด้วยหนังฟอร์มใหญ่ทีเดียว! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:24:20 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:15:19

ความคิดเห็นที่ 7 Resident Evil: Retribution โอกาสเป็นแชมป์ : 50% ดันทุรังสร้างมาถึงภาค 5 จนได้ สำหรับหนังแอ็กชั่น บู๊ซอมบี้ จากเกมสุดคลาสสิก ที่ภาคหลังๆ ต้องยอมรับว่า ออกทะเล(และออกห่าง) จากในเกมอยู่ค่อนข้างไกล แถมโครงเรื่องก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ด้วยเอฟเฟ็คที่อัดเข้ามาซะมันส์กระจาย แถมภาคล่าสุดก็ประเดิมด้วยเทคนิคสามมิติ(ซึ่งโปรโมตว่าใช้กล้องแบบเดียวกับ Avatar ด้วยนะ เจ๋งมั้ยละ!!??)แบบเต็มรูปแบบ หนังก็เลยออกมาสะใจคอหนัง กวาดเงินถล่มทลายมทั่วโลก(รวมถึงในบ้านเราด้วย)เป็นว่าเล่น ให้ค่ายหนังได้สร้างออกมาแบบไม่หมดไม่สิ้น(มุข)ซะที! ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสามมิติช่วยให้หนังได้ดีพอสมควรทีเดียว เพราะภาคที่แล้วสามารถผ่านหลัก 100 ล้านได้เป็นภาคแรกของตระกูลด้วยนี่สิ ภาคนี้ก็ยังคงกลับมากับระบบ “มันส์ ทะลุจอ” อีกเช่นกัน แถมคราวนี้ทำเก๋ ด้วยการดึงตัวละครโปรดของหลายๆ คน จากหลายๆ ภาคที่ตาย หรือหายไปจากภาคก่อนๆ กลับมาในภาคนี้อีกเพียบ!! งานนี้น่าจะได้ใจคอหนังเอาแต่มันส์แบบเต็มสตรีม สุดๆแน่นอน เพราะขนาดหนังอีกตระกูลที่คล้ายกันทั้งฟอร์ม และแนวหนัง อย่าง Underworld ที่แม้เจ๊เซลีน จะหายไปร่วม 6 ปี แต่กลับมาอีกที หนังก็ยังคงทำเงินถล่มทลายไม่แพ้ภาคก่อนๆ เช่นกัน! (อาจจะต่างหน่อยตรงที่ Underworld ภาคล่าสุดนี้ เป็นสามมิติเต็มรูปแบบภาคแรกของตระกูลนี้ แต่ไม่น่าจะมีผลมากเท่าไหร่มั้ง!) จุดได้เปรียบ บู๊สนั่นลั่นทุ่ง ถูกใจคนดูในวงกว้าง, ฉายในระบบสามมิติ, ตัวละครเก่าๆ กลับมาให้แฟนๆ ได้ระลึกถึง จุดเสียเปรียบ โครงเรื่องเดิมๆ, ฟอร์มไม่ใหญ่เท่าตัวเต็งเรื่องอื่นๆ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:24:38 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:15:50

ความคิดเห็นที่ 8 007 Skyfall โอกาสเป็นแชมป์ : 50% กลับมาอีกครั้ง สำหรับสุดยอดสายลับชื่อก้อง ไม่มีวันตาย เพียบพร้อมสาวๆ ข้างกาย ขายอาวุธยุทโธปกรณ์ล้นจอ! (แม้อย่างหลังจะไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ในภาคที่ผ่านมา) ที่คงไม่ต้องบอกว่าดังในบ้านเรามากแค่ไหน เพราะภาคใหม่เข้ามาฉายทีไร ทำเงินถล่มทลายจนเรื่องอื่นต้องหลีกโปรแกรมให้หมด! จนทำให้ป๋าบอนด์ ของเรา กลายเป็นสายลับ ทำเงินสูงสุดในบ้านเรา แบบหาใครมาล้มยากจริงๆ (กระทั่งไม้เบื่อไม้เมารุ่นใหม่ อย่าง เจสัน บอร์น ก็ไม่สามารถเจาะตลาดในบ้านเราได้ เพราะเฮียแก “สมจริง” เกินไปหน่อย) หลังจากห่างหายไปจากจอร่วม 4 ปี (ประสบปัญหาเดียวกับที่ the Hobbit เจอนั่นแหละ นั่นคือ ทางค่ายถังแตก!) กลับมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นตอนสุดท้าย(ตามที่เซ็นต์สัญญาเก่าไว้)ของเฮียหน้ายับ แต่มากฝีมือ แดเนี่ยล เครก ควงผู้กำกับดีกรีออสการ์ แซม เมนเดส มาช่วยสร้างความสมจริง(ปนดราม่า??)ให้แก่หนัง รวมไปถึงการกลับมาอีกครั้งของนักประดิษฐ์ Q ที่น่าจะทำให้แฟนเจมส์ บอนด์ มีความหวังได้เห็นของเล่นใหม่ๆ ในภาคนี้กลับมามากขึ้นกว่าสองภาคที่แล้ว ซึ่งน่าจะช่วยลดความจริงจังของหนัง(ที่เข้าใกล้เจสัน บอร์น เข้าไปทุกที) มาเป็นหนังฟอรืมอลัง เอาใจตลาดมากขึ้น (ดูขัดแย่งกับชื่อผู้กำกับยังไงพิกลแฮะ!) เอาเป็นว่าองค์ประกอบความเป็นเจมส์ บอนด์(ทั้งดาราคับคั้ง, บทบู๊, ทัวร์หลากประเทศ) ก็น่าจะยังมีครบครัน ไม่น้อยหน้าภาคอื่นๆ อย่างแน่นอน แต่ที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าหนังจะฟอร์มใหญ่ไม่น้อยในบ้านเรา แต่เอาเข้าจริงๆ ป๋าบอนด์ของเรา ก็เพิ่งมีตอนที่ผ่านหลัก 100 ล้านได้เพียงตอนเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนที่ว่าก็คือตอน Die Another Day ที่เรียกได้ว่าเว่อร์สุดๆ และอัดสารพัดความอลังเข้าไป ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะโกยเงินจากคนดูได้ไม่ยาก จนทำเงินถล่มทลาย และมากที่สุดในบรรดาหนังเจมส์ บอนด์ ทุกภาค แต่ทันทีที่ป๋าเครก พาเจมส์ บอนด์ของเรากลับมาจริงจังตามสมัยนิยม บ้านเราก็ไม่มีเจมส์ บอนด์ภาคที่ทำเงินเกิน 100 ล้านอีกเลย (ได้แต่เฉียดๆ!!) ยิ่งการที่สายลับ อีธาน ฮันต์ แห่ง Mission: Impossible เข้ามาคว้าหลัก 100 ล้านได้ถึง 2 ภาคซ้อน ก็ยิ่งตอกย้ำแนวหนังสายลับที่ถูกคอคนดูส่วนใหญ่ในบ้านเราเข้าไปใหญ่!!! แต่เนื่องจากหนังแทบจะปิดข้อมูลต่างๆ ไว้เป็นความลับในขณะนี้ ก็เลยไม่สามารถคาดการณ์อะไรไปได้มากกว่านี้อีกเช่นกัน จุดได้เปรียบ สายลับชื่อดัง ทำเงินสูงสุดในบ้านเรา จุดเสียเปรียบ ข้อมูลยังไม่มากพอ แต่หากมาแนวคล้ายๆ สองภาคก่อนหน้า รายได้ก็ไม่น่าจะหนีภาคก่อนเท่าไหร่นัก แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:24:52 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:16:17

ความคิดเห็นที่ 9 The Twilight Saga: Breaking Dawn: Part 2 โอกาสเป็นแชมป์ : 55% ภาคปิดท้ายตำนานมหากาพย์รักสามเส้า เราสาม(เผ่า)พันธุ์ โกยเงินถล่มทลายมาแล้วทั่วโลก หลังจากที่หั่นหนังสือเล่มจบออกเป็นสองตอน (ทำเก๋แบบคู่แข่งตัวฉกาจในตอนนั้น อย่างพ่อมดหนุ่ม!) เมื่อมาถึงตอนบทสรุปที่แท้จริง ก็คงทำให้แฟนๆ ทั้งที่อ่าน และไม่อ่านหนังสือมาก่อน อยากรู้แล้วว่า ชะตากรรมของคู่บ่าวสาว เอ็ดเวิร์ด + เบลล่า หลังจากที่ฝ่ายหญิงกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัว และให้กำเนิดลูกสาวพันธุ์ผสม(ที่ดันไปผูกจิต กับกิ๊กเก่า สมัยก่อนแต่ง อย่างหนุ่มหมาป่า [แฟนๆ เจคอบ กรี๊ดลั่น!!!]) จะรอดพ้นเงื้อมือของเหล่าโวลตูรี่หรือไม่??? แฟนๆ หลายๆ คนก็คงจะรู้ดีกันอยู่แล้ว (แต่ก็คงพลาดหนังไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงอยู่ดีล่ะ!!) แม้ในอเมริกา หนังจะทำเงินไม่แพ้พ่อมดหนุ่ม แฮร์รี่ เท่าไหร่นัก (ระดับป้วนเปี้ยนแถวๆ 300 ล้านดอลล่าร์ด้วยกันทั้งคู่) แต่สำหรับในบ้านเรานั้น ยังถือว่า ห่างชั้นกันมากนัก!!! ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะฟอร์มหนังก็ค่อนข้างผิดกันมาก แถมหน้าหนังของพ่อมดน้อย ค่อนข้างเจาะกลุ่มที่กว้างกว่ามาก (จนทำให้ทำเงิน 100 ล้านทุกภาคอยู่ร่ำไป!!) ผิดกับรักต่างพันธุ์ของเราที่อยู่บนพื้นของโรแมนซ์เจือกลิ่นแฟนตาซีอึมครึมหน่อย ย่อมเรียกคนดูได้น้อยกว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว (การที่หนังผ่านหลัก 100 ล้านแบบปริ่มๆ ในสองภาคหลัง ก็ถือว่าโหดมากแล้ว!) ซึ่งคาดว่ารายได้ภาคสุดท้ายของหนัง น่าจะก้าวกระโดดกว่าภาคก่อนหน้าไปพอสมควร แต่เนื่องจากภาคที่แล้วก็ทำเงินได้ที่ 100 ล้านต้นๆ จึงทำให้ระดับที่คาดว่าหนังจะไปถึงได้ อาจจะไม่มากพอที่จะไปต่อกรกับเรื่องอื่นๆ (ขนาดแฮรืรี่ภาคสุดท้าย ยังทำเงินเพิ่มจากภาค 7.1 ไปเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้นเอง ต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่กระโดดได้ในระดับ 40-50 ล้านก็มี!) งานนี้ หากคุณสาวๆ อยากจะให้เอ็ดเวิร์ด – เบลล่า สมหวังในบ้านเรา ก็คงต้องควงคุณแควนๆ กิ๊กๆ หรือเพื่อนๆ ไปดูกันให้เยอะขึ้นกว่าภาคก่อนๆ เยอะหน่อยล่ะครับ!!! จุดได้เปรียบ เป็นภาคสุดท้ายของหนังชุดนี้ จุดเสียเปรียบ ความอลังการ ไม่มากเท่าเหล่าตัวเต็งเรื่องอื่นๆ, เน้นเจาะกลุ่มคนดูผู้หญิงเป็นหลัก (แต่มีผลไม่มาก) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:16:57

ความคิดเห็นที่ 10 กลุ่มตัวสอดแทรก Men in Black 3 น่าจะเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ที่เหนื่อยหน่อยสำหรับป๋า วิลล์ สมิธ เพราะนอกจากเฮียแกจะเล่นหายหน้าไปร่วม 4 ปี (นับตั้งแต่ Seven Pounds ที่ไม่ฮิตดั่งที่หวัง) หนังที่เฮียหวังกลับมาครั้งล่าสุด ก็คือหนังภาคต่อที่หายจากจอไปนาน(กว่ามากๆ!)เช่นกัน (ถึง 10 ปี!!!) แถมภาคที่แล้ว กระแสออกมาก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วยนี่สิ แต่อย่างน้อย ก็ยังมีแฟนๆ ที่คิดถึงเหล่าชายชุดดำ ปราบมนุษย์ต่างดาว เรื่องนี้อยู่เนืองๆ แม้ว่าหลายคนจะคิดในใจว่า “หนังมันจะมีอะไรให้เล่นอีกเหรอ!!!???” หนังก็ดันมีทางออกจริงๆ ด้วยการพาเราย้อนกลับไปยัง 40 ปีที่แล้ว สมัยที่สายลับเคยังหนุ่ม และยังไม่ถูกฆ่า!!! จากตัวอย่างที่ออกมา แม้ว่าจะทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ อยู่พอสมควร แต่ความน่าสนใจและความแปลกใหม่ก็เรียกได้ว่า “น้อย” กว่าภาคที่แล้วๆ มาค่อนข้างเยอะทีเดียว งานนี้ก็คงได้แต่ลุ้นแล้วแหละว่า ตัวหนังจริงๆ จะมีอะไรน่าสนใจกว่าที่โปรโมตไว้อีกเยอะ!!! (ส่วนสามมิติ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหนนี่สิ!) โอกาสเป็นแชมป์ : 30% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:17:30

ความคิดเห็นที่ 11 Snow White and the Huntsman ดูเหมือนเทรนด์ “นิทานคลาสสิค มาตีความใหม่” จะเริ่มล้นจอมากกว่าที่คิด แม้ความสำเร็จแบบจริงจัง(และมหาศาล!) จะเพิ่งมีเพียง Alice in Wonderland เพียงเรื่องเดียว แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ ค่ายก็ยินดีที่จะลองเสี่ยง ในยุคที่พล็อตใหม่ๆ เริ่มตีบตันกันไปหมดแล้ว!! ปีนี้ เราเลยได้เห็น “ศึกนิทานชนกัน” ของสองค่าย ที่เรียกได้ว่า “บลัฟแหลก” กันมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็ว่าได้ โชคยังดีที่หนังทั้งสองเรื่อง แนวทางแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยฝั่ง Mirror Mirror มาในรูปแบบสโนว์ไวท์ เวอร์ชั่นเฮฮา สีสันสดใส ชิงเปิดตัวไปเมื่อเดือนก่อน ก็ถือว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีพอสมควร (แต่รายได้ก็พอกล้อมแกล้มไปตามฟอร์มหลัง) อีกฝั่งที่เราจะพูดถึงก็คือ สโนว์ไวท์พันธุ์หม่น ปนแกร่ง ที่เรียกได้ว่า ฉีกภาพลักษณ์ของสาวสโนว์ที่เราติดภาพกันมาจากการ์ตูนดิสนี่ย์โดยสิ้นเชิง ทำเอาหลายๆ คนแอบเป็นกังวลว่าการทำให้หนังออกมาจริงจังแบบนี้ จะดึงความสนใจจากคนดูได้มากแค่ไหน เพราะครั้งหนึ่ง ค่าย Universal เคยพลาดมาแล้ว กับการทำ Robin Hood เวอร์ชั่นฉีกแนวมาสมจริง (แต่ส่วนหนึ่งเพราะทุนสูงเว่อร์ไปหน่อยด้วยล่ะ!) รวมไปถึง อีกหนึ่งนิทาน สร้างมาหม่น อย่าง สาวน้อยหมวกแดง Red Riding Hood ก็ทำเงินไปได้ไม่เข้าเป้าเช่นกัน แต่ข้อแตกต่างของสโนว์ไวท์เวอร์ชั่นนี้ กับเรื่องอื่นๆ ก็คือ มาด้วยฟอร์มที่ใหญ่มาก และเนื้อเรื่อง ที่แม้จะหม่น แต่ก็แฟนตาซีเต็มขั้น รวมไปถึงรวมดาราชื่อดังไว้คับคั่ง และรอขโมยซีนโดย แม่มดใจร้ายสุดสวย ดีกรีออสการ์ ชาร์ลิซ เธียรอน (หลังจากที่อีกหนึ่งออสการ์ เจ้าป้าจูเลีย โรเบิร์ก ทำสำเร็จแบบเฮฮามาแล้ว!!) นี่ยังไม่นับงานศิลป์สุดแหวก กับฉากสู้รบสไตล์หนังสงครามโบราณอีกด้วยนะ!! ก็คงทำให้คอหนัง หันมาสนใจหนังเรื่องนี้ ไม่มากก็น้อย (แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับชื่อที่ปะหน้าว่า “สโนว์ไวท์” ไปบ้างก็ตามที!) โอกาสเป็นแชมป์ : 40% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:17:59

ความคิดเห็นที่ 12 I Miss U ถ้ารักฉัน..อย่าคิดถึงฉัน ย้ายมาชนสโนว์ไวท์สุดหม่นของเราแบบเต็มๆ ทำให้วันฉายมีสิทธิ์เปลี่ยนสูงอยู่ แต่ด้วยแนวที่แตกต่างกัน ก็คงทำให้ค่ายหนัง “มั่นใจ” และ “กล้า” ที่จะท้าชนแบบนี้ (หลังจากที่ปีก่อน ลัดดาแลนด์ เคยท้าชนพี่ค้อนล่ำ Thor สำเร็จมาแล้ว!) ซึ่งหนังย่อมได้รับความสนใจไม่น้อยแน่นอน นอกจากหนังจะดัดแปลงมาจากเรื่องจริง (ซึ่งสามารถสร้างกระแส แบบที่ ลัดดาแลนด์ เคยทำได้มาแล้ว) หนังยังใช้กลยุทธเดียวกับที่ ลัดดาแลนด์ เคยทำสำเร็จมาแล้ว ในการเปิดตัวแก่คนดู นั่นก็คือ “แปะ Teaser ไว้กับหนังของค่ายอีกเรื่อง” ซึ่งครั้งนั้นหมู่บ้านผีของเรา เคยแปะตัวอย่างไปกับ Suck Seed ห่วยขั้นเทพ จนเป็นกระแสไม่น้อย I Miss U ของเราก็ทำเก๋บ้าง แปะตัวอย่างไว้กับอีกหนึ่งหนังดัง วาเลนไทน์ สวีทตี้ ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเช่นกัน (แต่ต่างกันตรงที่ ลัดดาแลนด์ ฉายห่างกัน Suck Seed ไปแค่เดือนกว่าๆ) อีกหนึ่งอย่างที่เป็นที่ฮือฮาก็คือ การกลับมาบนจอเงินอีกครั้ง ของพระเอกขวัญใจแม่ยก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ หลังจากที่ห่างหนังไปร่วม 4 ปี ก็ทำให้หนังได้รับความสนใจขึ้นมาทันตาในหมู่สาวๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ค่าย M๓๙ ยังถือว่าเป็นค่ายใหม่ และยังไม่เคยประสบความสำเร็จกับหนังผีเลย (เรื่องที่เคยสร้าง อย่าง น้ำ ผีนองสยองขวัญ ก็ถือว่า “ไปไม่สุดซักทาง”) แม้จะได้เครดิตผู้กำกับ มณฑล อารยางกูร จาก ผีคนเป็น มาช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่คนดูก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นงานยากอยู่ ที่จะเข็นหนังขึ้นไปให้อยู่ในระดับ “ฮิต” wfh ยิ่งหลัก 100 ล้านนี่ ถือว่า ยิ่งเหนื่อยหนักเข้าไปใหญ่ เพราะตามสถิติที่ผ่านมานั้น หลังจาก นางนาก ทำเงินผ่านหลัก 100 ล้าน ก็มีเพียงค่าย GTH เท่านั้น ที่สามารถเข็นหนังผีขึ้นไปแตะหลัก 100 ล้านได้เพียงค่ายเดียว(3 รอบแล้ว!) ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น ผีสามบาท ของค่ายอาร์เอสในตอนนั้น ถือว่าทำได้เฉียดฉิวที่สุดแล้ว (เพราะหลังจากนั้นก็ยังไม่มีหนังเรื่องไหนจากค่ายอื่น ทำได้เข้าใกล้หลัก 80 ล้านเลย!!) แต่ด้วยองค์ประกอบที่กล่าวไปข้างต้น รวมไปถึงตัวอย่างที่นำออกมาโปรโมต ก็พอแสดงให้เห็นว่า 100 ล้าน ใช่ว่าหนังจะไม่มีโอกาสถึงซะที่ไหน!! โอกาสเป็นแชมป์ : 25% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:18:27

ความคิดเห็นที่ 13 Prometheus “การกลับมาของผู้กำกับต้นกำเนิดเหล่า Alien ริดลี่ย์ สก็อตต์ ในหนัง Alien” ยังไงก็คงทำให้แฟนๆ ซีรี่ย์สัตว์ประหลาดหัวยาวตัวนี้ ดีใจกันเป็นทิวแถว แม้เอาเข้าจริง จะเรียกได้ไม่เต็มปากว่า “ภาคก่อนของ Alien” เพราะเนื้อเรื่องออกแนว “เหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ในจักรวาลเดียวกันกับ Alien” แต่จากตัวอย่างที่ออกมานั้น เรียกได้ว่า “หลอน ปน อลัง” ก็คงทำให้แฟนๆ ไม่สนใจมากแล้วว่าเหล่าเอเลี่ยนจะโผล่มามากแค่ไหน (แม้ในตัวอย่างจะทิ้งความสงสัยให้แก่คนดูมากมายก็ตามว่า “นั่นมันตัวบ้าอะไรฟร้ะ!!!”) หนังรวมดารามากฝีมือไว้อย่างคับคั่ง กับงานศิลป์อลังการชวนขนลุก น่าจะเรียกคนดูมาเข้าโรงได้ไม่น้อย แม้ว่าหนังจะออกแนวหลอนๆ มืดหม่น ไม่ตลาดเท่าเรื่องอื่นๆ ก็ตาม รวมไปถึงซีรี่ย์เอเลี่ยนในบ้านเรา ก็ไม่ได้ทำเงินมากมายอะไรอยู่แล้ว (มาทำเงินสูงสุดก็เมื่อตอนที่จับอีกต่างดาวชื่อดัง อย่าง พรีเดเตอร์ มาฟัดกันใน Alien Vs. Predator ภาคแรกนี่แหละ!) ก็คงจะหวังให้หนังทำเงินถล่มทลายในบ้านเราได้ยากอยู่ นอกจากกระแสปากต่อปากจะแรงมากจริงๆ โอกาสเป็นแชมป์ : 30% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:19:03

ความคิดเห็นที่ 14 G.I. Joe: Retaliation หลังจากความสำเร็จแบบถล่มทลายของเหล่าหุ่นยักษ์แปลงร่าง Transformer ก็พลอยทำให้เราได้เห็นบรรดาหนังซึ่งสร้างจากของเล่น หรือเกมกระดาน ผุดขึ้นมาอีกหลายโครงการ ซึ่งเรื่องนี้ก็คืออีกหนึ่งเรื่องที่กลับเข้ามาสานต่อความสำเร็จภาคภาคก่อน แม้ว่าภาคที่แล้วจะโดนโจมตีจากนักวิจารณ์เรื่องบท และ CG อย่างหนัก แต่ด้วยความสนุก ดูเพลิน ของหนังก็ช่วยลากหนังให้ทำเงินไปได้ไม่น้อยในบ้านเรา แม้ว่าภาคนี้จะเปลี่ยนตัวทีมงาน และนักแสดงหลักจากภาคก่อนไปเกือบหมด แต่การได้เฮีย เดอะร็อค มาช่วยเพิ่มสีสันให้แก่หนัง ก็ดูจะเป็นความคิดที่เข้าท่าไม่น้อย เพราะเฮียแกก็เหมาะกับหนังแนวนี้อยู่แล้ว (หลังจากที่เรียกความน่าดูให้แก่ Fast Five มาก่อนหน้านี้แล้ว) รวมไปถึงเอฟเฟ็คที่ดูพิถีพิถันขึ้นก็น่าจะเรียกแฟนๆ ภาคแรก และคอหนังทั่วไปมาเข้าโรงได้ไม่น้อย เพราะแนวหนังก็ตลาดอยู่แล้วนี่นา!! ก็คงจะหวังให้หนังทำเงินถล่มทลายในบ้านเราได้ยากอยู่ นอกจากกระแสปากต่อปากจะแรงมากจริงๆ โอกาสเป็นแชมป์ : 30% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:19:27

ความคิดเห็นที่ 15 คน-โลก-จิต และ อันธพาล สองหนังต่างสไตล์กันสิ้นเชิง แต่มีจุดร่วมกันตงรนี้เป็นหนังแหวกตลาดจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ซึ่งใจกล้า ส่งหนังเข้าชิงชัยในช่วงซัมเมอร์ด้วยกันทั้งคู่!!! โหย! อันนี้ยอมรับเลยว่ามั่นจริงๆ ถึงแม้ว่าหนังแทบจะไม่มีคู่แข่งแนวเดียวกัน(ซึ่งหายากอยู่แล้ว)ในช่วงนั้นเลยก็ตามทีเถอะ แต่ถ้าหนังไม่แกร่ง และมีดีมากๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่า “อยู่ได้ลำบาก” จริงๆ เรื่องแรกเป็นผลงานการกลับมาของผู้กำกับ(เคย)ร้อยล้าน มากความสามารถ อย่างเฮียนนทรีย์ นิมิบุตร ที่คราวนี้ ได้บทหนังระดับรางวัล มาขึ้นจอ กับเรื่องราวทริลเลอร์หลอนๆ ที่เล่นกับปมใจจิตใจคนดู แหวกตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างมาก แต่ถึงอย่างไร หนังแนวนี้ก็เรื่องได้ว่า “ขายยาก” มาก สำหรับคนดูในบ้านเราที่อาจจะเน้นความบันเทิงเป็นหลักหน่อย ยิ่งถ้าทำออกมา “ไม่ถึง” เข้าไปอีก หนังก็ยิ่งพร้อมที่จะถูกคนดูเมินเฉยได้อย่างเฉียบพลัน (ดูได้จาก หลุดสี่หลุด เมื่อปีก่อน เป็นตัวอย่าง ทั้งๆ ที่โปรโมตค่อนข้างเยอะ) ขณะที่เรื่องหลังเป็นผลงานของผู้กำกับรุ่นใหม่มากฝีมืออีกคน อย่างเฮียโขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่คราวนี้ย้ายจากค่ายห้าดาว มาซบค่ายใบโพธิ์แบบเดี่ยวๆ เป็นครั้งแรก ด้วยหนังที่น่าจะเรียกว่า เป็นการนำเรื่องราวของ “แดง ไบเล่” มาตีความใหม่ (หลังจากคนข้างบน ทำสำเร็จมาแล้วกับ 2499 อันธพาลครองเมือง) แถมยังทำเก๋ด้วยการแทรก “สารคดีปลอม” เข้าไปในหนัง ให้เหมือนกับเป็นเรียลลิตี้อีกด้วย! โดยได้เฮียเต๋า สมชาย มานำชีวิตจริงขึ้นจอ เอ้ย! รับบทแสดงนำในหนังเรื่องนี้อีกด้วย งานนี้ก็เรียกได้ว่า “แหวกตลาด”ด้วยกันทั้งคู่จริงๆ แต่ว่าจะมีเรื่องไหนสามารถ “แหวกตลาด” มาทำเงินได้สมใจหรือไม่นั้น คงอยู่ที่คนดูแหละครับ ที่จะเป็นคนตัดสิน! โอกาสเป็นแขมป์ : 10% จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:20:01

ความคิดเห็นที่ 16 ไล่ชื่อตัวเต็งกันมาก็ถือว่าเยอะมากเลยทีเดียว เอาง่ายๆ แค่ลองวัดว่าเรื่องที่มีโอกาสผ่านหลัก 100 ล้านแบบชัวร์ ก็ได้ร่วม 5 เรื่องเข้าไปแล้ว!! (นี่ยังไม่นับที่โอกาสสูงมากเข้าไปอีก 4 เรื่องเลยนะเนี่ย!) ก็คงจะไม่แปลกใจเลย หากว่าปีนี้ เราจะเห็นตารางหนังทำเงินในบ้านเรา กวาดสถิติใหม่ๆ เป็นว่าเล่นแบบที่ปีก่อนทำได้อย่างล้นหลาม เกือบจะถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเข้าสู่ซัมเมอร์ ก็เลยขอยกเอารายได้ 10 อันดับหนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ มาเทียบกับ 10 อันดับในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ว่าแตกต่างกันมากแค่ไหน จะเห็นว่าการมาของเต็งหามอย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ช่วยฉุดรายได้ปีก่อนขึ้นมาสูงมากทีเดียว แต่เมื่อมาดูอันดับที่ต่ำลงมา กลับพบว่า รายได้ปีนี้ แทบจะทิ้งห่างปีก่อนอย่างสิ้นเชิง!!! โดยเฉพาะ หลัก 50 ล้าน ที่ถือว่าต่างกันค่อนข้างมาก (ขณะที่หลัก 100 ล้าน สัปดาห์หน้า ปีที่แล้วกำลังจะมี ลัดดาแลนด์ โผล่มาช่วยอีกแรง) ทำเอาภาพรวมของปีนี้ ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:20:23

ความคิดเห็นที่ 17 หวังว่ากระทู้นี้จะพอทำให้ทุกคนเห็นภาพรวมของหนังในอนาคตอันใกล้นี้ได้บ้างนะครับ (แต่จำนวนหนังไทยยังถือว่า มีน้อยมากๆ ซึ่งคาดว่า ช่วงกลางปี ตังเต็งน่าจะผุดขึ้นมาอีกหลายเรื่องอยู่) ว่าเรื่องไหน มีโอกาสฮิตถล่มทลาย และน่าสนใจเพียงพอที่จะทำให้ทุกท่าน ตีตั๋วเข้าไปชมเรื่องเหล่านั้น แต่ผมคิดว่าทุกท่านในเฉลิมไทย น่าจะมีหนังในดวงใจกันอยู่แล้วล่ะมั้งครับ (เพราะในเฉลิมไทยก็มีข่าวหนังใหม่ๆ มาเรื่องๆ อยู่แล้ว) ดังนั้น ใครเก็ง ใครเชียร์เรื่องไหนไว้ ก็ลุ้นกันตามสะดวกแล้วกันนะครับ (ส่วนตัวเลขของผมก็ตั้งเอา "มันส์เข้าว่า" ตามอารมณ์ผู้เขียนนั่นแหละครับ หาได้มีแก่นสารไม่!!) ท้ายที่สุดนี้ก็ขอขอบพระคุณทุกท่านมากนะครับ ที่ตามอ่านจนจบ และคอยติดตามกระทู้ผมมาโดยตลอด ท่านใดมีข้อสงสัย หรือเสนอแนะประการใด ก็สามารถลงความเห็นได้ทั้งในกระทู้นี้ และกระทู้รายงานผลรายสัปดาห์ได้ตามสะดวกเลยนะครับ พบกันใหม่อีกครั้งในช่วงกลางปีนี้นะครับ ขอบคุณมากครับ ^^ กระทู้สรุปรายได้หนังปีก่อน หากใครต้องการเทียบรายได้ดูครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11911634/A11911634.html แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 08:26:25 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:22:25

ความคิดเห็นที่ 18 ว้า กิฟท์ หมดอดให้เลย แอบอ่านกระทู้ของ จขกท บ่อยๆ ขอบคุณคร้าบบบบ หนังที่ติดโผเนี่ยส่วนใหญ่คือหนังที่ผมอยากดูทั้งนั้นเลย :D จากคุณ : โคมเซมารีกาฮันจิเบอิซอ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:48:03

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตให้แล้วนะคะ ขอบคุณที่แชร์นะคะ จากคุณ : cheewwyA เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:36:36

ความคิดเห็นที่ 20 รวบรวมข้อมูลเก่งมากเลยครับ:) จากคุณ : เขียนบน iPad (superearthernal) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:50:46

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาเชียร์ "รัก 7 ปี ดีเจ็ดหน" "the HOBBIT" กับ "Twilight BreakingDawn pt.2" แต่คาดว่าปีนี้น่าจะต้องยอมให้กับ Avengers ของเค้ามาแรงจริงๆ ฮ่าๆๆ จากคุณ : อลาสก้าแซลมอน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:40:48

ความคิดเห็นที่ 22 ทำรูปได้สวยและเท่มากๆ ชอบครับ พรุ่งนี้แล้วซิ หนังเต็ง 1 จากคุณ : bird_bake เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:00:52

ความคิดเห็นที่ 23 Avengers ท่าจะแรงจริง เปิดตัว 4 วันทำี่รายได้ 4.4 ล้านเหรียญ ยูเอส ในฮ่องกง.... ขออนุญาต จขกท แปะลิ้งค์ วิเคราะห์ ตาราง box office ฮ่องกงนะครับ.....ผมคิดว่ามันน่าสนใจเหมือนกัน http://forums.boxoffice.com/index.php?/topic/970-hk-426-the-avengers-strongarms-transformers-and-takes-ow-record/page__st__360 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 13:46:40 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 13:45:30 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 11:45:46 จากคุณ : atk เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:45:20

ความคิดเห็นที่ 24 #11  mirrror mirrror นี่รายได้รวม 116 ล้าน เลยหรอครับเยอะมาก แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 12:41:03 จากคุณ : GrefreZ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:40:41

ความคิดเห็นที่ 25 *** ตามมาให้กำลังใจครับ สุดยอด!!! *** จากคุณ : สมาชิกหน้าเหลือง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:47:23

ความคิดเห็นที่ 26 อ่าว ตายละ เพิ่งเห็นว่ารูปของ Snow White ผิดนะครับ จริงๆ Mirror Mirror ต้องเป็น 25.4 ล้านบาทนะครับ สงสัยจะเอาของ Battleship มาใส่ เบลอจัด = =" ขอบคุณคุณ คห 24 ด้วยนะครับ จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:58:30

ความคิดเห็นที่ 27 ผมชอบภาพประกอบมากครับ ขอบคุณเนื้อหาและสมกับเป็นกระทู้ห้องนี้จริงๆ จากคุณ : Robbie_God เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:44:29

ความคิดเห็นที่ 28 อยากดู MIB ขอบคุณ จขกท. จากคุณ : lotech58 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:39:29

ความคิดเห็นที่ 29 น่าดูหลายเรื่องมากๆค่ะ ขอบคุณจขกท.มากค่า จากคุณ : valmy เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:30:39

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุร จขกท  ที่สรุป +ความรุ้และเกร้ดของหนังเข้ามา   หนังหน้าดุทุกเรื่องจิงๆๆครับ 55+ จากคุณ : tsugunaga เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:45:28

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามาลงชื่ออ่าน และเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : เก้าอี้ที่ซ่อนเร้น เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 02:57:50

ความคิดเห็นที่ 32 เราอยากดูพี่ติ๊ก แต่เรากลัวจ๋า TT w TT จากคุณ : ~mini_thirds เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 02:59:08

ความคิดเห็นที่ 33 ทำได้ดีจังเลยคะ จากคุณ : W.Polaroid เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 14:41:37

ความคิดเห็นที่ 34 The Avengers เด็ก 4 ขวบดูได้มั้ยคะ จัด rate รุนแรงอะไรป่าว จากคุณ : bangkoknail เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 16:58:57

ความคิดเห็นที่ 35 สำหรับ The Avengers ความรุนแรงถือว่า ไม่อยู่ในขั้นที่โหดร้ายเกินไปสำหรับคุณน้องๆ หนูๆ ครับ (เพราะตอนที่ไปดู เด็กๆ ในโรงก็มีค่อนข้างเยอะพอสมควร) หากน้องเขาพอดูหนังรู้เรื่อง (เพราะตัวละครค่อนข้างเยอะ จนเด็กบางคนเกิดความสับสน จนต้องซักถาม), ทนดูหนังยาวกว่าสองชั่วโมงได้ แล้วไม่เกิดการรบกวนคนรอบข้าง ก็ถือว่าเข้าไปดูได้ล่ะครับ จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:38:08

ความคิดเห็นที่ 36 เชียร์จริงๆจังอยู่ไม่กี่เรื่อง TDKR,Avengers,SpiderMan,The Hobbit,รัก 7 ปี ดี 7 หน รู้สึกว่าเยอะนะเนี่ย จากคุณ : พะโล้ถ้วยไม่ใหญ่ส่ายไข่เป็ด เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 21:18:06

ความคิดเห็นที่ 37 อยากเชียร์ Hobbit อ่ะ แต่ว่า Trailer ทำออกมาได้หม่นๆ ไปหน่อยนะ น่าจะออกแนวหนุกหนาน ผจญภัย (แต่ก็รอดูเหมือนเดิมล่ะนะ) จากคุณ : RedSakura เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 22:28:29

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับบบ ผมว่ารัก 7 ปี ดี 7 หนเนี่ย กดดันมากนะ เรื่องเก่าๆทำไว้มาตรฐานสูงมาก มาเรื่องนี้เห็นหน้าหนังแบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรดึงดูดตอนปล่อยตัวอย่างละก็ โอกาสได้ตังจากผมยากมากก จากคุณ : เขียนบน iPhone (ความจำสั้นสันหลังยาว) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 14:23:21

ความคิดเห็นที่ 39 รัก 7 ปี ดี 7 หน เครียดแทนเพราะเป็นนิชคุณเล่น 555555555  อยากให้หนังดังอะ จากคุณ : ~kutsuku~ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 15:34:33

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพประกอบเจ๋งมากๆครับ จากคุณ : มาตรฐานชายไทย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 23:24:34

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่า อเวนเจอร์ นาจะแม่นสุด จากคุณ : seventoon (seventoonแห่งโลกมืด) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:12:13

ความคิดเห็นที่ 42 อ่าน #35 แล้ว โดนใจมากครับ โดนมากับตัวเองวันนี้เลย คุณน้องเล่นถามซะจนคุณแม่ต้องอุ้มออกนอกโรงตั้งแต่ 15 นาทีแรก ใครมีลูกยังเล็กอยู่ก็อย่าพามาดูหนังเลยนะครับ เด็กช่างซักช่างถามเค้าไม่ผิด แต่ถ้าผิดที่ผิดทางแล้ว คุณก็ต้องรู้จักกาละเทศะนะครับ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:56:50

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้รอดู I MISS U อยู่ค่ะ ยังรู้สึกถึงเรื่องรถตู้ทางด่วนอยู่เลยเหมือนเพิ่งผ่านไปปีกว่าๆเอง จากคุณ : AEAHJAN เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:46:27