 |
ละคร'ขุนศึก' อลังการงานสร้าง
|
 |
จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล/เรื่อง จากความตั้งใจอยากทำละครฉลอง 20 ปี 'ทีวีซีน' และครบรอบ 42 ปี 'ช่อง 3' กลายมาเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดละครอิงประวัติ ศาสตร์ 'ขุนศึก' เพื่อถวายแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และระลึกถึงความเสียสละของเหล่านักรบที่ต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดิน ทั้งยังหวังให้ละครสะกิดใจคนไทยให้กลับมารักสามัคคีกัน
โดยมีนักแสดง อาทิ 'อั้ม'อธิชาติ ชุมนานนท์, 'พลอย'เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, 'น็อต'วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, 'เบนซ์'พรชิตา ณ สงขลา, 'ตุ้ย'เกียรติกมล ล่าทา, 'โดนัท'มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล, 'หนิง' นิรุตติ์ ศิริจรรยา, 'เอก'สรพงศ์ ชาตรี ฯลฯ รวมถึงทีมงานนับร้อยชีวิตต่างเทใจช่วยกันสรรค์สร้างละครให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
แม้ 'ขุนศึก' ไม่ใช่ละครแนวถนัดในแบบที่ค่ายทีวีซีนเคยทำ แต่ผู้จัดสาวแกร่ง 'ปิ่น'ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ ให้เหตุผลในการทำละครเรื่องนี้ว่า
'จุดเริ่มต้นจาก 20 ปี ทีวีซีน และ 42 ปี ช่อง 3 อยากจะทำละครที่แตกต่างจากที่เคยทำมา มองไปถึงเรื่อง 'ขวัญ-เรียม' พอไปเสนอทางช่องบอกไม่เอา ทำทั้งที 'ขุนศึก' ไปเลย วินาทีนั้นอึ้ง แต่แอบดีใจเล็กๆ ที่ช่องไว้ใจและมองว่าเราทำได้'
'ขุนศึก' ถือเป็นละครฟอร์มยักษ์ที่รวมความยิ่งใหญ่ไว้ในเรื่องเดียว โดยผู้จัดกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ในแต่ละส่วนว่า
'ความยิ่งใหญ่แรกคือโปรดักชั่น อย่างที่บอกไม่ใช่แนวถนัด ทีมงานก็ไม่ถนัด จนได้ดูหนัง 'ซามูไร อโยธยา' ชอบสไตล์ภาพมาก เลยตามคนที่ทำมาคุยกัน พอบอกราคามามหาศาลมาก คุยไปคุยมาถูกคอสุดท้ายเขามาทำให้'
'ส่วนคอสตูมได้ทีมที่ไม่รู้จักกันมาก่อนมาทำให้ ควานหาผ้ากันแทบจะหมดจ.ลพบุรี ที่ต้องเป็นผ้าลพบุรีเพราะด้วยลายด้วยสี เราอยากได้ผ้าโทนสีกลีบบัว ชมพูอ่อน โทนพาสเทล ตอนแรกไม่ถูกใจซักร้าน จนได้นั่งคุยกับเจ้าของร้านแต่ละร้านจะมีมาสเตอร์พีซที่ไม่ยอมขาย ผืนหนึ่งแพงมาก พอเขายอมขายเราก็ซื้อหมดทั้งลพบุรี ลงทุนเสื้อผ้าเยอะมาก รวมถึงดาบและอาวุธ เราทำเองใหม่หมด'
'ส่วนฝ่ายฉากฝ่ายศิลป์ได้ 'สุดเขตร' ซึ่งเคยทำหนัง 'ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ' มาทำให้ เก่งมากเลย ร่างภาพประตู กำแพงเมือง ออกแบบผ้าคลุมช้าง ธง อีกสารพัด ส่วนสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำเยอะมาก ทั้ง สระบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครนายก กาญจนบุรี และชลบุรี เพราะในเรื่องมีป่า มีบ้านไทย ต้องหาสถานที่เซ็ตฉากได้ รบฟันได้ พอดีบ้านในโลเกชั่น ของท่าน มุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) ยังให้ไม่ได้เพราะยังถ่ายหนังของท่านเองไม่เสร็จ'
'เพลงประกอบละครได้พี่นิ่ม(สีฟ้า) แต่งให้ และมีภาพวาดมาช่วยเล่าเรื่อง เพราะบางอย่างเป็นประวัติ ศาสตร์ที่ไม่อยากแตะต้อง มองเป็นเรื่องของสูง เลยเลือกให้ภาพเล่าแทนในบางส่วน'
'เบ็ดเสร็จตัวเลขงบคร่าวๆ ไม่หนี 60 ล้านบาท ก็บอกทางช่องว่ามันเยอะมาก แต่อย่าเพิ่งบอกว่าแพง ขอให้ดูสิ่งที่ทำก่อน ความตั้งใจคือเราอยากทำออกมาให้ดีให้สุด หมายถึงสุดของเรา'
'ตอนแรกที่ทำละครเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากในฐานะผู้จัดละคร 'ขุนศึก' แต่พอละครเสร็จแล้ว มีความรู้สึกว่าตัวเองเล็กที่สุดในกองเลย ทีมงานนี่แหละยิ่งใหญ่ตัวจริง'
มาถึงความยิ่งใหญ่อย่างที่สองคือนักแสดง
'นักแสดงส่วนใหญ่เป็นเด็กเรา ถ้าไม่ใช่เด็กเราหรือที่เติบโตมาด้วยกันจะยากมาก เพราะต้องทุ่มเทและใช้เวลาเยอะ แทบจะเล่นเรื่องอื่นไม่ได้เลย ทั้งหมด 41 ชีวิต ต้องขอบคุณมากๆ บางคนมาเพื่อเล่นแค่ 2 ฉาก นักแสดงทุกคนทุ่มเทและให้ใจหมด อย่างอั้มต้องไปเรียนขี่ม้า อยู่กับช้าง เรียนมวยไชยา เรียนฟันดาบ 2 มือ หาคนทุ่มเทขนาดนี้ลำบาก'
'ตอนเสนอช่อง บอกว่าละครเรื่องนี้อาจเว่อร์ไปนิดเพราะเรานึกภาพอยากให้อั้มเหมือน 'จา-พนม' กระโดดเตะสูงๆ เลยขอใช้สะลิง แต่ไม่ได้ใช้เลย มีฉากหนึ่งที่พม่าอยู่บนหลังม้า อั้มวิ่งบนพื้นดินกระโดดเหยียบหลังคนข้างล่างแล้วฟันพม่า เห็นแล้วงงเลยว่าอั้มเล่นได้ยังไง'
และความยิ่งใหญ่สุดท้าย 'คุณค่าคติสอนใจ' เป้าหมายหลักในการสร้างสรรค์ละคร 'แรงบันดาลใจแรกที่ทำละคร 'ขุนศึก' คือฉลอง 20 ปี ทีวีซีน กับ 42 ปี ช่อง 3 แต่พอถ่ายคิวบู๊ไป 1-2 เดือน คิดว่าไม่ใช่แล้ว เกิดความรู้สึกใหม่ว่าอยากทำละครเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพราะอยากทำถวายสมเด็จพระนเรศวรฯ และอยากอุทิศให้ทหารที่ไปรบจนทำให้เรามีแผ่นดินอยู่ อยากให้คนไทยเห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเสียสละขนาดไหน นักรบเสียสละขนาดไหน ประชา ชนช่วยเหลือกัน สามัคคีกันขนาดไหน ไม่งั้นป่านนี้เราอาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ก็ได้'
'และสิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดคือละคร 'ขุนศึก' จะช่วยสะกิดใจให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม' ผู้จัดสาวทิ้งท้าย
'อั้ม'ความสามารถครบ-แจงทรงผมดูขัด
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันตั้งแต่ละครยังไม่ออกอากาศ สำหรับการวางตัวนักแสดงละคร 'ขุนศึก' โดยเฉพาะบท 'เสมา' ที่แสดงโดย 'อั้ม-อธิชาติ' และ 'เรไร' ที่แสดงโดย 'พลอย-เฌอมาลย์' ว่าไม่ค่อยเหมาะสม ทั้งนี้ 'ปิ่น-ณัฏฐนันท์' ฐานะผู้จัดให้เหตุผลว่า
'ตอนเลือกอั้มเล่นเป็นเสมา ค้านสายตาคนมาก ไม่ใช่แค่อั้มเป็นเด็กเรา ต่อให้อั้มไม่ใช่เด็กทีวีซีนเราก็เลือกอั้ม วินาทีนี้ไม่มีใครดีเท่าเขา เล่นดราม่าเล่นแอ๊กชั่นได้ หน้าตาดี รูปร่างกำยำ มีความสามารถเชิงมวย สำคัญเลยมีความตั้งใจสูง พร้อมทุ่มเท'
'ส่วนพลอยที่มารับบทเรไร โอเคว่าเขาไม่ได้เรียบร้อย มีภาพเปรี้ยวๆ ติดอยู่ แต่คนเราจำเป็นต้องเล่นเปรี้ยวไปตลอดเหรอ เราเห็นความสวยของพลอยว่าสวยจริงๆ'
'ด้านเบนซ์-พรชิตา จับให้ร้ายนิ่งในบทดวงแข เป็นนางในที่สวยสง่าต้องขับเคี่ยวกับพลอยได้'
'มาถึง น็อต-วรฤทธิ์ ในบทขันก็ร้ายเหมือนกัน ด้วยความสามารถทางการแสดงมีเต็มร้อย แล้วเวลาทำหน้าทำตาคนเชื่อว่าเลวจริง สำหรับ กิ๊ฟ-วรรธนะ, ตุ้ย-เกียรติกมล และโก-โกสินทร์ 3 ตัวนี้จะมาเป็นตัวเบรก ตัวคลายเครียดในเรื่อง'
ผู้จัดคนเก่งยังกล่าวอีกว่า 'พอพูดถึงเสมา คนจะมองว่าต้องเป็น 'ป๋อ-ณัฐวุฒิ' โอเคว่าป๋อใช่ แต่มันใช่เกิน บทเรไรก็เหมือนกัน คนบอกว่าต้องเป็น 'แอฟ-ทักษอร' ก็ใช่เกินอีกเหมือนกัน ถ้าได้สองคนนี้มาเล่นจะเพอร์เฟ็กต์และดีเกิน แต่เราอยากได้คนที่ให้คนดูได้ลุ้นนิดหนึ่งว่าเล่นออกมาแล้วจะเป็นยังไง อะไรที่ใช่เกินไปบางทีมันไม่มีเสน่ห์นะ'
ย้อนไปถึงตัว 'เสมา' ในเรื่องทรงผมที่ถูกติงว่าไม่ตรงกับยุคนั้น ผู้จัดแจงว่า 'จริงๆ ทรงผมเสมาในเรื่องเราเอามาจากอ้างอิง ยุคนั้นมีไม่กี่ทรง เช่น มหาดไทย หลักแจว เป็นต้น ตอนแรกจะทำทรงมหาดไทย แต่พอหวีแสกแล้วไม่หล่อเลย สุดท้ายก็เลือกทรงหลักแจวเพราะเข้ากับหน้าอั้ม'
'คนก็ถามอีกว่าสมัยก่อนมีเจลใส่ผมเหรอ คนสมัยก่อนเอาผลไม้มากวนกับน้ำผึ้งแข็งยิ่งกว่าเจล ทุกอย่างที่ทำนำมาจากสิ่งที่อ้างอิงทั้งหมด'
และอีกเรื่องที่หลายคนคาใจ นั่นคือภาษาไทยโบราณที่ฟังดูขัดหู ผู้จัดคนเก่งยืนยัน 'มันต้องเป็นแบบนี้ เช่น ขอบน้ำใจ สมน้ำมะหน้า ฉันไหว้ ฉัน ฯลฯ ตอนแรกประชุมกันว่าถ้าเรียกแทนตัวว่า 'ฉัน' จะดูตลกดูเหน่อมั้ย แต่เรายืนยันว่าต้องใช้คำนี้ เพราะถ้าเป็น 'ชั้น' มันไม่ใช่ภาษาคนสมัยก่อน พูดตามตัวอักษรที่สะกดไปเลย แค่อย่าลงหนักหรือเน้นคำว่า 'ฉัน' มากนัก ไม่อย่างนั้นจะฟังดูตลก'
'แต่ตอนนี้กลายเป็นคนฮิตพูดภาษาไทยแบบนี้ไปแล้ว' เจ๊ปิ่นสรุป
เครดิต ข่าวสด
จากคุณ |
:
ป้าสวยนางฟ้าแห่งพันทิป
|
เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ค. 55 09:55:47
|
|
|
|  |