ความคิดเห็นที่ 1 BASIC INSTINCT 2 ปีที่ออกฉาย : 2006 ผู้กำกับ : ไมเคิล เคตัน โจนส์ (The Jackal, City By The Sea) นักแสดง : ชารอน สโตน, เดวิด มอริสซี่ย์, เดวิด ธิวลิส จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังภาคต่อที่ทำออกมาเพื่อฆ่าภาคแรกที่เป็นตำนานโดยตรง !!!! ไม่รู้ว่าผู้สร้างคิดอะไรอยู่กับการจับ "ชารอน สโตน" ที่ผ่านมีดหมอมากมายหลากหลายตลบ มาขายในบทที่เคยทำให้เธอ เกิด เกิด เกิด อีกครั้งในมาดฆาตกรสาวเลือดเย็นเป็นหนที่สอง (ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองเจ๊ "ชารอน" ก็ไม่ได้ที่โปรดปรานของผู้ชมหมู่มากสักเท่าไหร่ หาหนังฮิตๆสักเรื่องยักยาก - Catwoman เป็นกรณีศึกษาสำหรับการกลับมาของเจ๊ในช่วงปีสองปีนั้นได้เป็นอย่างดี) หนังไม่ใช่แค่ว่าโดนนักวิจารณ์สับเละทันทีที่ออกฉาย เพราะยิ่งไปกว่านั้น หนังยังถูกคนดูสาปแช่งถึงความออกทะเล และการทำให้ภาคแรกที่ดีอยู่แล้ว ต้องมารับผลกรรมไปด้วย ในภาคแรกหนังกำกับโดย "พอล เวอร์โฮเว่น" ผู้กำกับที่ไม่มีปัญหาในการจับหนังสไตล์นี้ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้ "ไมเคิล เคตัน โจนส์" มารับหน้าที่ต่อ ที่จริงๆหนังในเครดิตของเฮียเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนะ อาทิ The Jackal, City By The Sea แต่พอมาเรื่องนี้ก็ทำให้เฮียเข้าสู่หลุมดำทันที Basic Instinct ภาคแรก ทำเงินในอเมริกาไป 117 ล้านดอลล่าร์ รวมทั่วโลก 352 ล้านดอลล่าร์ ถือว่าประสบความสำเร็จมากสำหรับหนังที่มาพร้อมเรต R จำกัดกลุ่มเป้าหมายเช่นนี้ และหนังยังมาพร้อมทุนสร้างเพียงแค่ 49 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ส่วนภาคที่ 2 ถือเป็นความอนาถอย่างหาที่สุดไม่ได้ เพราะหนังเก็บไปแค่ 5 ล้านดอลล่าร์เท่านั้นจากรายได้ภายในสหรัฐ ฯ ส่วนทั่วโลกก็กวาดไปทั้งสิ้นตลอดโปรแกรมฉาย 38 ล้านดอลล่าร์ มาในแบบชนิดที่ว่าม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน -*- จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:48:23

ความคิดเห็นที่ 2 THE X-FILES : I WANT TO BELIEVE ปีที่ออกฉาย : 2008 ผู้กำกับ : คริส คาร์เตอร์ นักแสดง : เดวิด ดูคอฟนี่ย์, กิลเลี่ยน แอนเดอร์สัน ซีรี่ย์สุดฮิตขึ้นหิ้งที่ทำให้แฟนๆคลั่งไคล้เป็นบ้าเป็นหลังมาแล้วในยุค 90s ครั้นพอมาเป็นหนังใหญ่ในปี 98 ก็มีกระแสตอบรับที่โอเคในระดับที่พอหอมปากหอมคอ แต่แล้วไม่รู้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไร ฟ็อกซ์ตัดสินใจเข็นภาคต่อออกมาในช่วงเวลา 10 ปีหลังจากนั้น !!!! และก็กลายเป็นว่าหนังประสบความ....ล้มเหลวแบบไม่มีแม่หมอคนใดสามารถกู้ชีพ กู้วิญญาณกลับคืนมาได้เลยทีเดียว !!! นอกจากจะเป็นขี้ปากนักวิจารณ์แล้ว ก็กลายเป็นว่าหนังทำให้แฟนซีรี่ย์สทั้งหลายเซ็งไปตามๆกันด้วย หนังทำรายรับรวมทั่วโลกไป 68 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้างที่มีในระดับ 30 ล้านดอลล่าร์ ถือว่าเรียกกำไรกลับมาได้หน่อยนึง ...แตในบ้านนั้นเหลวเป๋วไม่เป็นท่า ทั้งๆที่น่าจะประสบความสำเร็จ และพอหมดภาคต่อเวอร์ชั่นหนังโรงของซีรี่ย์สเรื่องนี้ไป ชื่อของ "เดวิด ดูคอฟนี่" และ "กิลเลี่ยน แอนเดอร์สัน" ก็ค่อยๆหายหน้าไปจากจอใหญ่เช่นเดียวกัน ><!!!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:49:07

ความคิดเห็นที่ 3 TERMINATOR : RISE OF THE MACHINES ปีที่ออกฉาย : 2003 ผู้กำกับ : โจนาธาน มอสโทว์ (U-571, Surrogates) นักแสดง : อาร์โนลด์ ชวาสเน็กเกอร์, คริสแทนน่า โลเค่น, นิค สตาห์ล, เดวิด แอนดรูส์ ใครๆก็คงจะคิดเหมือนกัน ว่าหนังเองก็น่าจะหยุดเอาไว้ในภาคที่ 2 แค่นั้น ("เจมส์ คาเมรอน" ก็คงคิดไม่ต่างกัน) จากความคลาสสิคและฮิตถล่มที่ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังแอ็คชั่นมันส์ระห่ำในใจคุณผู้ชมทั้งภาคแรกและภาคที่สอง Terminator กลับมาพร้อมภาคที่ 3 ภายใต้การกำกับของ "โจนาธาน มอสโทว์" พร้อมเสียงวิจารณ์ในแง่ลบแบบเต็มเหนี่ยว ด้วยความที่หนังพยายามดั้นด้นที่จะมีภาคต่อออกมา ก็เลยทำให้บทในภาคนี้เป็นที่กังขาของคนทั่วไปซะส่วนใหญ่ ทั่วโลกหนังอาจจะได้ทุนคืนมา เพราะเก็บไปได้ในระดับ 433 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้าง 200 ล้านดอลล่าร์ แต่ในบ้านถือว่าเน่าสนิทปิดสุสานกันไปเลย เพราะเก็บได้แค่ 150 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!! หนังอาจจะถูกใจคอหนังแนวแอ็คชั่นมันส์ทำลายล้าง แต่ถ้าใครที่เป็นแฟนพันธ์แท้หนังสองภาคแรกมา มาเจอภาคนี้อาจจะรู้สึกเป๋ๆไปบ้าง เพราะเสน่ห์หลายอย่างในตัวหนังหายไป !!!....นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังขึ้นแท่นกลายเป็นหนังภาคต่อที่ล้มเหลวและน่าผิดหวังเรื่องนึงในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:49:50

ความคิดเห็นที่ 4 CARS 2 ปีที่ออกฉาย : 2011 ผู้กำกับ : จอห์น แลสซีเตอร์, แบรด ลูอิส ผู้ให้เสียงพากย์ : โอเว็น วิลสัน, แลรี่ เดอะ เคเบิล กาย, ไมเคิล เคน เรียกว่าหนังเป็นหลุมดำดีๆให้กับ "พิกซาร์" เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าทั่วโลก หนังจะทำเงินได้อย่างน่าพอใจตามมาตรฐานสตูดิโอ แต่ในแง่ของคุณภาพแล้ว นักวิจารณ์สับเละให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ "สนุกน้อย" ที่สุดในบรรดาหนังพิกซาร์ทั้งหมดที่ผ่านมา หลายฝ่ายให้ข้อมูลว่าหนังได้รับความนิยมจากการขายของเล่นในภาคแรก ทำให้สตู ฯ ผุดโครงการภาคสองออกมาเพื่อหวังรายได้ในการขายของเล่นของหนังด้วยอีกทาง ....นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเราถึงได้เห็นภาคต่อหนังเรื่องนี้มาก่อนใครเพื่อน แทนที่จะเป็น Finding Nemo 2 หรือ The Incredibles 2 ...มากกว่า !!! หนังทำรายรับรวมทั่วโลกไป 559 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้าง 200 ล้านดอลล่าร์ แต่ถ้าวัดกันเฉพาะในอเมริกา หนังถือว่าล้มเหลวผิดวิสัย Pixar เพราะเก็บไปแค่ 191 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ในขณะที่ภาคแรกมาพร้อมทุนสร้าง 120 ล้านดอลล่าร์ แต่เก็บรายรับในบ้านไปได้ 244 ล้านดอลล่าร์ และทั่วโลกไปอีก 461 ล้านดอลล่าร์ !!! ...วินทั้งในบ้านและนอกบ้าน ... จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:50:18

ความคิดเห็นที่ 5 MEN IN BLACK 2 ปีที่ออกฉาย : 2002 ผู้กำกับ : แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์ นักแสดง : วิลล์ สมิธ, ทอมมี่ ลี โจนส์, ริพ ธอร์น, ลาร่า ฟลินน์ บอยล์ ฮอลลีวู้ดชอบทำเสียเรื่อง เวลาที่ภาคแรกประสบความสำเร็จมาก แล้วอยากจะต่อยอดภาคสอง โดยที่วัตถุดิบในมือยังไม่เป๊ะสักเท่าไหร่ จึงทำให้บ่อยครั้งที่เกิดการผสมปนเปกันจนมั่วกลายเป็นหายนะให้กับตัวหนัง... MIB ภาคสองก็พบกับจุดนั้นเช่นเดียวกัน หนังได้รับคำวิจารณ์ในแง่ที่ว่า ภาคแรกสนุกกว่าเกือบร้อยละ 90 ของผู้ที่ได้ชม และรายรับก็บ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะในอเมริกาหนังขาดทุนพอสมควร โดยรายรับรวมอยู่ที่ 190 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้าง 140 ล้านดอลล่าร์ (ยังไม่รวมมาร์เกตติ้ง) ส่วนรายรับรวมทั่วโลกนั้นก็ถือว่าโอเคอยู่ ในขณะที่ภาคแรกสบายตัวทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยเก็บไป 250 ล้านดอลล่าร์ และ 589 ล้านดอลล่าร์ตามลำดับจากทุนสร้าง 90 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!! และในปีนี้ก็มาดูซิว่า จากความล้มเหลวในภาคที่แล้ว หนังในภาคสามที่กำลังจะเข้าฉายบ้านเราโดยผู้กำกับ "แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์" เจ้าเก่าจะแก้ไขจุดผิดพลาดเดิม และสามารถดันให้หนังทำเงินกู้หน้ามาได้มากน้อยแค่ไหน ต้องคอยติดตาม จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:52:33

ความคิดเห็นที่ 6 HAPPY FEET 2 ปีที่ออกฉาย : 2011 ผู้กำกับ : จอร์จ มิลเลอร์ ผู้ให้เสียงพากย์ : เอไลจาห์ วู้ด, โรบิน วิลเลี่ยมส์, พิงค์ เข้าข่ายแอนิเมชั่นแฟรนไชส์ที่ถูกดับฝันด้วยภาคต่อเสียจริงๆ เพราะหนังเองก็น่าจะต่อยอดภาคต่อไปได้เรื่อยๆ แต่อาจจะเป็นเพราะภาคแรกเข้าฉายในช่วงที่เจ้าสัตว์เพนกวินกำลังบูมในบ้านเรา พอทิ้งห่างภาคแรกมา 3 ปีแบบนี้ คนดูก็เริ่มจะเอียนๆกันแล้วกระมัง แถมเนื้อหาก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ความน่าสนใจเลยดูดรอป ย้อนกลับไปภาคแรกปี 2009 หนังสามารถทำเงินไปได้ถึง 384 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลก จากทุนสร้าง 100 ล้านดอลล่าร์ ในเมื่อกำไรหนาขนาดนี้ ภาคสองเลยดันทุนสร้างมาอยู่ที่ 135 ล้านดอลล่าร์ แต่กลับกลายเป็นว่าหนังแป้กสนั่นลั่นทุ่ง ...เพราะเก็บในอเมริกาไปได้แค่ 64 ล้านดอลล่าร์ และรวมทั่วโลกตลอดการฉายได้แค่ 150 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!!! เป็นความน่าผิดหวังที่ผู้กำกับ, ทีมงานและสตู ฯ ต้องกลับมานั่งคิดกันใหม่กับการดันหนังแอนิเมชั่นออกมาในภายภาคหน้า เพราะสำหรับ "วอร์เนอร์" แล้ว ก็มีแค่เรื่องนี้แหละ ที่เป็นแอนิเมชั่นบ่อข้าวบ่อน้ำ!!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:53:14

ความคิดเห็นที่ 7 THE CHRONICLES OF NARNIA : THE PRINCE CASPIAN ปีที่ออกฉาย : 2008 ผู้กำกับ : แอนดรูว์ อดัมสัน นักแสดง : เบน บาร์นส, สแกนดาร์ คีย์เนส, จอร์จี้ เฮนลี่ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของหนังวรรณกรรมขึ้นจอที่ภาคแรกมาเริ่ด แต่ภาคสองกลับพาออกทะเล หลายเสียงที่ได้ชมบ่นไปทางสนุกน้อยกว่า และความอลังการขาดหายไป นั่นอาจจะไม่ใช่ความคิดลอยๆ เพราะหนังเองก็ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติการณ์ของ "ดิสนี่ย์" เช่นกัน กับรายรับในบ้านเกิดที่ขาดทุนไปแบบมหาศาล หนังเป็นเจ้าของทุนสร้าง 225 ล้านดอลล่าร์ แต่สามารถกวาดเงินในอเมริกาไปได้แค่ 141 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ดีหน่อยที่รายรับรวมทั่วโลกออกมาน่าพอใจในระดับ 419 ล้านดอลล่าร์ แม้จะไม่ได้กำไรกลับมาเต็มร้อยสักเท่าไหร่ (เพราะต้องแชร์ในส่วนของมาร์เกตติ้งอีกครึ่ง หนังต้องได้รายรับรวมในระดับ 450 ล้านดอลล่าร์ขึ้นไปถึงจะสบายตัว) ด้วยเหตุเช่นนี้เอง ภาคที่สามเลยถูกกังขาหนักตอนประกาศสร้าง ในที่สุดในปี 2010 ภาค 3 ก็คลอดตามออกมาและสิทธิ์ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในมือ "ฟ็อกซ์" ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ดีที่ว่าทุนสร้างภาค 3 ลดลงมาเหลือ 155 ล้านดอลล่าร์ ในบ้านเลยไม่เจ็บตัวมากนัก หนังภาค 3 เก็บเงินทั่วโลกไปทั้งสิ้น 415 ล้านดอลล่าร์ ถือว่าโออยู่ (แม้ในบ้านจะต่ำเตี้ยในระดับ 104 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น) แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 00:58:59 จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:54:03

ความคิดเห็นที่ 8 WRATH OF THE TITANS ปีที่ออกฉาย : 2012 ผู้กำกับ : โจนาธาน ไลบีสแมน (Battle Los Angeles) นักแสดง : แซม เวิร์ธทิงตัน, โรซามุนด์ ไพค์, เลียม นีสัน, เรล์ฟ ไฟน์ส มหกรรมยำใหญ่เทพไท้ในตำนานที่ฮอลลีวู้ดคงจะสนุกมือมากถึงมากที่สุด เลยได้ต่อยอดออกมาให้หนังออกทะเลไปจนถึงดาวอังคารถึงเพียงนี้ ในขณะที่ภาคแรกก็ไม่ได้เป็นที่ประทับอกประทับใจคนดูอะไรมาก เพราะถูกสับเละเช่นเดียวเรื่องของการแต่งเสริมเติมตำนานในแบบที่ตามใจผู้สร้าง รวมไปถึงการหลอกให้คนดูเสียเงินเพื่อเข้าไปดู 3D เก๊ มาในภาคนี้หนังปรับปรุงในส่วนของ 3D ให้สมจริงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องยอมรับว่าหนังเป็นเจ้าของเทคนิคสามมิติที่พัฒนาขึ้นจริงๆ แต่ถ้ามองในเรื่องของบทแล้ว ถือว่ายังไม่เดินหน้าไปไหนนัก รายรับก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีว่าคนดูเห็นอย่างไรกับตัวหนัง เพราะในอเมริกาหนังเก็บรายรับไปแค่ 81 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ทั้งๆที่ตัวเลขทุนสร้างของหนังนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่ที่ 150 ล้านดอลล่าร์ แต่ก็ยังสร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจให้นายทุนได้ เพราะชักหน้าไม่ถึงหลัง ครั้นพอมามองตลาดต่างประเทศโดยรวม หนังเก็บรายรับรวมทั้งหมดไปทั้งสิ้น 297 ล้านดอลล่าร์ นี่ถือเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าภาคที่แล้วเกือบครึ่ง และก็การันตีได้จน ณ ปัจจุบันว่าหนังยังไม่สามารถคืนกำไรให้กับสตูดิโอได้แต่อย่างใด แม้จะมี 3D มาเป็นจุดขายเพื่อให้หนังน่าจะทำเงินได้มากกว่านี้ แต่เอาเป็นว่าหนังก็ทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:54:35

ความคิดเห็นที่ 9 EVAN ALMIGHTY ปีที่ออกฉาย : 2007 ผู้กำกับ : ทอม แช็ดแย็ค นักแสดง : สตีฟ คาร์เรลล์, มอร์แกน ฟรีแมน เป็นหนังที่ภาคแรกก็น่าจะสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่ต้องต่อยอดภาคสองออกมา เพื่อที่จะมาเน้นเรื่องราวที่ชวนออกทะเลเช่นนี้ หนังเปลี่ยนพระเอกจากภาคแรก "จิม แคร์รี่ย์" (Bruce Almighty) มาเป็น "สตีฟ คาร์เรล" ซึ่งก็น่าจะเป็นจุดขายความฮาได้เป็นอย่างดี แต่เอาเข้าจริง หนังก็ถูกนักวิจารณ์สับเละไม่เป็นชิ้นดีอยู่ดี ><!!! รายรับที่หนังได้มาก็เป็นเครื่องการันตีความสนุกได้ไม่แพ้กัน หนังเก็บเงินในอเมริกาไป 100 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้าง 175 ล้านดอลล่าร์ !!! เท่านั้นยังไม่พอ ในอเมริกาเรียกว่าเอาทุนคืนไม่ได้แม้แต่สักแดงเดียว ทั่วโลกก็เข้าขั้นวิกฤติเข้าเนื้อถึงกระดูกดำกันไปเลย เพราะว่าหนังเก็บทั่วโลกไปได้แค่ 173 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ถือเป็นบทเรียนราคาแพงของสตูดิโออย่าง "ยูนิเวอร์แซล" ในช่วงเวลานั้นไปเลยทีเดียว จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:55:36

ความคิดเห็นที่ 10 ANACONDAS : THE HUNT FOR THE BLOOD ORCHID ปีที่ออกฉาย 2004 ผู้กำกับ : ไดวท์ เอช ลิตเติ้ล นักแสดง : มอร์ริส เชสต์นัท, แคดี้ สตริคแลนด์, ยูจีน เบิร์ด หนังตำนานงูยักษ์ที่เคยดารานำมีชื่อชุดใหญ่ในภาคแรก (หนึ่งในนั้นก็คือสาวสะบึม "เจนนิเฟอร์ โลเปซ") และก็สามารถโกยเงินจากคนดูในบ้านเราที่รักหนังเขย่าขวัญสยองขวัญไปได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ ...กระทั่งถูกต่อยอดกลายมาเป็นความสยองขวัญกับบรรดานักแสดงโนเนมยกเรื่องในภาคที่สองนี้ ที่ยังเน้นเรื่องราวของการผจญภัยบุกป่าฝ่าดงเพื่อไปพบกับเจ้างูยักษ์เพื่อเกลออีกเช่นเคย และคราวนี้ก็ไม่ได้มาแค่ตัวเดียว แต่มากันหลายต่อหลายตัว หนังมาพร้อมกระแสวิจารณ์ในบ้านเกิดที่ออกมาแรงใช่ย่อย ก็คือหนังไม่มีส่วนใดที่เทียบความสนุกได้กับในภาคแรกเลย เหมือนพยายามจะสร้างออกมาเพื่อใช้ชื่อหนังเดียวกันเพื่อขายในตลาดคนดูเดิมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนดูอาจจะต้องพบกับความผิดหวังในการตีหัวเข้าบ้านครั้งนี้ !!! ถือเป็นการสร้างภาคต่อเหมือนกับเอาหนังโรงดังๆ แล้วมาสร้างภาคต่อเป็นหนังแผ่น เหมือนที่หลายๆเรื่องทำกัน แต่เรื่องนี้เจ้าภาคต่อที่ว่าดันเข้าโรงฉายซะอย่างนั้น คนดูก็เลยเกิดอาการนอยด์เป็นแถบๆ ><!!! หนังอาจจะประสบความสำเร็จในแง่ของรายรับกับตลาดทั่วโลก เพราะเก็บเงินรวมทั้งสิ้นไป 70 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้าง 20 ล้านดอลล่าร์ แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องราวของได้ใจคนดูแล้ว ผู้สร้างอาจจะต้องกลับเอาไปคิดหลายตลบอยู่ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:56:10

ความคิดเห็นที่ 11 GREASE 2 ปีที่ออกฉาย : 1982 ผู้กำกับ : แพทริเซีย เบิร์ช นักแสดง : มิเชล ไฟเฟอร์, แม็กซ์เวลล์ คอลฟีลด์, ลอร์น่า ลุฟท์ เสียของอย่างเห็นได้ชัด กับการมาถึงซึ่งภาคต่อของหนังเพลงในตำนานเรื่องนี้ ที่ถูกนักวิจารณ์และคนดูสาปส่งกันเป็นแถบๆ ถึงความดันทุรังที่อยากจะนำเอาต้นฉบับมาแตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นความสนุกสนานในเจอเนเรชั่นถัดมา !!!! ภาคนี้ประสบปัญหาสำคัญกับการต่อยอดความคลาสสิค ความสนุกในภาคแรก ให้ออกมาไร้ซึ่งการเล่าเรื่องอย่างมีพรสวรรค์ รวมทั้งในเรื่องบทที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้สร้างจะปล่อยผ่านออกมาได้ถึงเพียงนี้ รวมไปถึงการที่เปลี่ยนทีมงานแทบจะทั้งหมดของผู้ที่เคยเกี่ยวข้องในภาคแรก เป็นความผิดพลาดที่เหลือบ่ากว่าแรง และคนดูอาจจะต้องหงุดหงิดไม่ใช่น้อยที่เห็นหนังที่พวกเขารัก กลายมาเป็นหนังภาคต่ออีกเรื่องที่ยืนอยู่คนละด้านของความสนุกเช่นนี้ !!! GREASE ภาคแรกในเวอร์ชั่นของ "จอห์น ทราโวลต้า" เก็บรายรับรวมทั่วโลกไป 394 ล้านดอลล่าร์จากทุนสร้างแค่ 6 ล้านเท่านั้น ในขณะที่ภาคนี้ !!! ในเวอร์ชั่นการแสดงของ "มิเชล ไฟเฟอร์" เก็บรายรับไปอย่างน่าอนาถใจแค่ 15 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!!! -*- จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:56:41

ความคิดเห็นที่ 12 SPEED 2 : CRUISE CONTROL ปีที่ออกฉาย : 1997 ผู้กำกับ : ยาน เดอ บองต์ นักแสดง : แซนดร้า บูลล็อค, วิลเล็ม ดาโฟ ปฎิบัติการณ์ต่อยอดปรากฎการณ์ที่สะท้านใจคนดูอย่างที่ไม่มีใครเคยลืม กับภาคแรกที่เป็นปรากฎการณ์ความฮิตสุดตัว ด้วยนักแสดงนำสุดหล่อเหลาเอาเรื่องอย่าง "คีอานู รีฟส์" ที่ได้สร้างแฟชั่นลิซึ่มครั้งใหม่ด้วยทรงผมสกินเฮดสุดเท่ห์ให้หนุ่มๆไปตัดตามกันทั้งบ้านทั้งเมือง พร้อมตัวหนังเองก็เป็นความแปลกใหม่ของหนังแอ็คชั่นที่มาในแบบจำกัดสถานที่ !!! จนกระทั่งเกิดเป็นความฮิตในระดับ 350 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลก !! จากทุนสร้างเพียงแค่ 30 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น ครั้นพอมาภาคต่อไม่รู้ผกก. "ยาน เดอ บองต์" นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไร สงสัยอยากจะให้ "แซนดร้า บูลล็อค" มาเอาดีทางด้านหนังแอ็คชั่นเหมือนใครเขาบ้าง ก็เลยดันบนของเธอจากภาคแรกมาเป็นบทนำเต็มตัวในภาคนี้ซะ พร้อมพะบู๊กับปฎิบัติการณ์ทางน้ำ แต่ไอเดียดังกล่าวของผกก. ก็ไม่ได้เป็นผลดีแต่อย่างใด พร้อมฉุดให้ตำนานหนังในภาคแรก กลายเป็นเสียของไป ..หนังเก็บเงินทั่วโลกได้แค่ 164 ล้านดอลล่าร์ จากทุนสร้างที่มากถึง 160 ล้านดอลล่าร์ !!!!! กลายเป็นความล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย !!!! (แต่ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ชอบภาค 2 ไม่ใช่น้อย อันนี้ก็แล้วแต่พิจารณา) จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:57:08

ความคิดเห็นที่ 13 BABE : PIG IN THE CITY ปีที่ออกฉาย : 1999 ผู้กำกับ[/u : จอร์จ มิลเลอร์ [u]นักแสดง : อลิซาเบธ เดย์ลี่ย, มิคกี้ รูนี่ย์ หมูแพนด้าเค้าว่าน่ารัก ผมนี้ชักชักอย่างจะเห็น!!! ใครๆก็อยากเห็นแคแรกเตอร์หมูน้อยน่ารักมาขึ้นจอ แต่คงไม่ใช่สำหรับการกลับมาของหนังภาคต่อที่ภาคแรกทำให้เราประทับใจกันแบบสุดๆเท่าเรื่องนี้ Babe หมูน้อยหัวใจเทวดาว มาพร้อมภาคต่อที่พาน้องหมูไปออกทะเลเข้าเมือง พร้อมเจอเรื่องราวสุดแสนจะปวดหัวมากมาย กลายเป็นหนังหมูโร้ดทริป พร้อมเน้นช็อตขาย CG อลังการงานสร้าง แบบเนียนบ้างไม่เนียนบ้าง และคนดูก็คงจะรู้ว่ามันไม่ใช่อะกิ๊บ ผลลัพธ์ที่ออกมามันเลยล้มเหลวทุกทางแบบที่ไม่ควรจะเป็น ภาคแรกหนังกวาดทั่วโลกไป 254 ล้านดอลล่าร์ ส่วนภาคนี้ได้ไปแค่ 69 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น จากทุนสร้างที่สูงลิบถึง 90 ล้านดอลล่าร์ !!!!! รายรับรวมน้อยกว่าภาคแรกถึงเกือบ 4 เท่า !!!!! น่าสงสารเจ้าหมูน้อยและคนดูที่รักพวกมันมาตั้งแต่ภาคแรกเสียเหลือเกิน (แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าภาคสองมันก็สนุกในอีกแบบ ถ้าผู้สร้างไม่ได้ขายในชื่อเดียวกัน ก็น่าจะเป็นหนังที่ทำให้บันเทิงได้ดีเหมือนกัน) จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:57:34

ความคิดเห็นที่ 14 THE FLINTSTONES IN VIVA ROCK VEGAS ปีที่ออกฉาย : 2000 ผู้กำกับ : ไบรอัน ลีแวนท์ นักแสดง : มาร์ค แอ็ดดี้, คริสเต็น จอห์นสัน, สตีเฟ่น บาลด์วิน หนึ่งในหนังการ์ตูนขึ้นจอในมาดไลฟ์แอ็คชั่นในยุคแรกๆ ที่ภาคแรกเป็นเจ้าของรายรับในระดับที่น่าพอใจ แต่พอคลอดภาคสองออกมาทุกสิ่งอย่างกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม หนังเรื่องนี้มีพื้นเพมาจากการเป็นการ์ตูนยอดฮิตทางช่อง การ์ตูนเน็ตเวิร์ค แล้วก็กลายมาเป็นหนังที่ภาคแรกทำรายรับทั่วโลกไปได้ถึง 341 ล้านดอลล่าร์ !!!! (จากทุนสร้าง 46 ล้านดอลล่าร์) ถือว่ามากมายมหาศาลจริงๆในช่วงเวลานั้น  แม้ว่าคำวิจารณ์หนังจะออกมาค่อนข้างลบติดลบสักเล็กน้อย 6 ปีหลังจากนั้นภาคนี้ก็ตามมา พร้อมความสนุกที่ดูเหมือนจะเลยเถิดไปหน่อย เพราะนอกจากหนังจะไม่เป็นที่ถูกใจของนักวิจารณ์หรือคนดูแล้ว กระแสปากต่อปากของหนังก็ดูเหมือนจะแห้งแล้งอย่างเห็นได้ชัด เพราะหนังทำเงินตลอดการฉายไปได้น่าอนาถใจมาก อยู่ที่ 59 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลกเท่านั้น จากตัวเลขทุนสร้าง 83 ล้านดอลล่าร์ !!!! เป็นอาถรรพ์ของหนังภาคต่อที่ชอบเพิ่มทุนสร้างเข้ามาเท่าตัว แล้วก็ขาดทุนไปเท่าตัวเหมือนกัน !!! .... จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:58:03

ความคิดเห็นที่ 15 TOMB RAIDER 2 : THE CRADLE OF LIFE ปีที่ออกฉาย 2006 ผู้กำกับ : ยาน เดอ บองต์ นักแสดง : แองเจลิน่า โจลี่, เซียแรน ไฮนด์ส, โนอาห์ เทเลอร์ จากผู้กำกับที่เคยทำให้คุณสนุกระทึกกับภาคต่อของ Speed มาแล้ว !!! ครั้งนี้กับภาคต่อของ Tomb Raider ที่สนุกไม่แพ้กัน (ประชด -*-) ภาคแรกเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นที่ถูกใจคอเกมส์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เพราะยังมีกระแสที่ติเตียนเรื่องการขายฉากแอ็คชั่นของหนังที่ดูเหมือนจะแห้งแล้งเกินไป แต่พอมาถึงภาคสอง ข้อด้อยเหล่านั้นก็เหมือนยังไม่หายไปแต่อย่างใด พร้อมทำให้คอเกมส์ทั้งหลายหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอีกครั้ง เพราะก็ยังไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงเกมส์เลยแม้แต่น้อย -*- นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมรายรับในภาคนี้ถึงแป้กสนิท เพราะหนังทุนสร้าง 95 ล้านดอลล่าร์เรื่องนี้เก็บรายรับในอเมริกาไปเพียงแค่ 65 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น รวมทั้งสิ้นทั่วโลกก็อยู่ที่ 156 ล้านดอลล่าร์ ไม่สามารถคืนทุนให้กับสตูดิโอเจ้าของหนังอย่าง "พาราเมาต์" ได้แต่อย่างใด แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับใครที่อยากเห็น "ลาร่า ครอฟท์" บนจอเงินอีกครั้ง เพราะเร็วๆนี้กำลังจะมีการรีบูตหนังให้ได้ชมกันอีกครั้งหนึ่ง ติดตามกันได้ว่าจะพาไปออกทะเลกันอีกหรือไม่กับเกมส์ในใจใครหลายคน !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:58:38

ความคิดเห็นที่ 16 THE EXORCIST II : THE HERETIC ปีที่ออกฉาย 1977 ผู้กำกับ : จอห์น บัวร์แมน นักแสดง : ลินดา แบลร์, ริชาร์ด เบอร์ตัน, หลุยส์ เฟล็ซเชอร์ จริงๆแล้วใครเลยจะรู้ว่าหนังตำนานหมอผีขึ้นหิ้งอย่าง The Exorcist จะมีภาคต่อคลานตามออกมาหลังจากนั้นอีก 2 ภาค ถ้าไม่ใช่คอหนังตัวจริงอาจจะไม่มีทางรู้เลย เพราะสองภาคหลังจากนั้นเป็นอะไรที่ฮอลลีวู้ดและผู้เกี่ยวข้องอยากจะลืมให้เร็วที่สุด ตัวอย่างแห่งการทำเสียของในช่วงยุค 70s หนังหมอผีเรื่องนี้จัดให้ และตัวหนังเองก็ถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในฐานะ 50 หนังภาคต่อยอดแย่ตลอดกาลด้วย !!!!!  จากความสำเร็จในภาคแรกที่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีภาคสองตามออกมา แต่ในเมื่อมันตามออกมาแล้ว วัตถุดิบที่ผู้สร้างมีที่พร้อมจะนำเสนออาจจะดูไม่น่าเป็นที่พึงพอใจสักเท่าไหร่ หนังต่อยอดเรื่องราว ...ไปที่แคแรกเตอร์ของ "ลินดา แบลร์" ที่หลังจากตอนเด็กถูกผีสิงแบบจัดหนักเต็มเหนี่ยวมาแล้ว พอโตขึ้นมาเป็นสาวก็ถูกผีสิงอีก !!!!! ดูเหมือนจะวนเวียนอยู่กับอะไรเดิมๆจนเห็นได้ชัดไปหน่อย และประเด็นคือ หนังไม่สามารถทำอารมณ์ออกมาได้อย่างที่ภาคแรกทำได้ !!!! ...ความล้มเหลวมันเลยเกิดขึ้น ภาคแรกถือเป็นหนังสยองขวัญที่ทำเงินสูงสุดเป็นประวัติกาลในอันดับต้นๆ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ส่วนภาคนี้แทบจะเทียบไม่เห็นฝุ่น เพราะหนังเก็บรายรับทั่วโลกไปเพียงแค่ 30 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!! -*- จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:59:43

ความคิดเห็นที่ 17 XXX : STATE OF THE UNION ปีที่ออกฉาย : 2005 ผู้กำกับ : ลี ทามาโฮริ นักแสดง : ไอซ์ คิวบ์, แซมมวลแอล แจ็คสัน, เอ็กซิบิท, วิลเล็ม ดาโฟ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับการสร้างภาคต่อของหนังเรื่องนี้ ที่เหมือนเข้าข่ายดันทุรังอย่างจะสร้างยังไงไม่รู้ จากหนังแอ็คชั่นสไตล์เจมส์ บอนด์ ฉีดสเตียรอยด์ขาย "วิน ดีเซล" ในมาดพระเอกขายแอ็คชั่นมันส์พระกาฬที่ได้รับกระแสตอบรับในแง่บวกพอสมควรทั้งรายรับและคำวิจารณ์ มาถึงภาคต่อภาคนี้เกิดวาระที่พระเอกคนเก่งของเราจะไม่กลับมาเล่น รวมไปถึงผู้กำกับของหนังด้วย เพราะฉะนั้นก็เลยเปลี่ยนตัวมันซะสองตำแหน่งเลย รายที่มารับหน้าที่ขายแอ็คชั่นต่อจาก "ดีเซล" ในหนังที่ยังขายชื่อ XXX อยู่ก็เลยกลายเป็น "ไอซ์ คิวบ์" พระเอกร่างอวบผิวดำซะงั้น !!! ส่วนผู้กำกับจาก "ร็อบ โคเอ็น" ก็เปลี่ยนมาเป็น "ลี ทามาโฮริ" ที่เคยกำกับหนังเจมส์ บอนด์ตอน Die Another Day มาก่อน ....สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดของหนังก็คือการเอา "คิวบ์" มาขายในมาดพระเอกแอ็คชั่นนี่แหละ ดูยังไงก็ไม่เกิดความน่าเชื่อถือในฐานะแอ็คชั่นฮีโร่ !!!! (แม้แต่น้อย -*-) กลายเป็นว่าหนังก็เลยล้มเหลวคว่ำสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย ในอเมริกาทำเงินไป 26 ล้านดอลล่าร์ ส่วนทั่วโลกรวมแล้วก็ได้แค่ 71 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น จากทุนสร้าง 87 ล้านดอลล่าร์ !!! ในขณะที่ภาคแรกกวาดทั่วโลกไปได้เกือบ 300 ล้านดอลล่าร์โน่นแหน่ะ !!! --- หนังเองก็เตรียมจะมีภาคต่อออกมาในเร็ววันนี้ และน่าแปลกที่ "วิน ดีเซล" จะกลับมารับบทเดิมของหนัง ทั้งที่...... ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าภาคต่อๆไปจะพากันออกทะเลมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องคอยติดตามกันเอาเอง แล้วแต่บุญแต่กรรม ><!!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:00:07

ความคิดเห็นที่ 18 TRANSFORMERS : REVENGE OF THE FALLEN ปีที่ออกฉาย : 2009 ผู้กำกับ : ไมเคิล เบย์ล นักแสดง : ไชอา ลาเบิฟ, เมแกน ฟ็อกซ์, จอช ดูฮาเมล หนังภาคต่อเน้นความมันส์ระห่ำอลังการงานช้างเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของรายได้ แต่สิ่งที่ทำเสียของภาคแรกก็คือ หนังมาพร้อมบทที่นักวิจารณ์ทั่วทั้งอเมริกาต่างสับเละ รวมไปถึงคนดูเช่นเดียวกัน ว่า "เบย์" เริ่มจะถอยหลังลงคลองในส่วนของการเล่าเรื่องและปูพื้นที่ระหว่างเรื่องราวในทางที่ถูกที่ควร นอกจากนั้นความมันส์ก็จะถูกยัดเข้ามาแบบเกร่อมากไปหน่อย จนอาจจะกลายเป็นการรวมฉากแอ็คชั่นมันส์วินาศสันตะโรที่เนื้อในกลวงโบ๋ซะไม่มี !!! Transformers ภาคแรกได้รับการยืนยันจากผู้ชมหลายเสียงว่าเป็นภาคที่สนุกที่สุด รองมาก็คือภาคสาม และแย่สุดก็คือภาคนี้ !!! แม้ภาคแรกจะไม่ได้เป็นเจ้าของบทที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นการปูเรื่องราวต่อยอดที่น่าสนใจ และทำได้ในระดับที่ "เบย์" ทำได้ !!! เอาเป็นว่าก็นานาจิตตัง หลายคนดูแล้วอาจจะสนุก หลายคนดูแล้วอาจจะแทบอยากเดินออกจากโรงกลางเรื่อง ก็ว่ากันไป แต่สำหรับเสียงวิจารณ์หมู่มาก แล้วต้องยอมรับว่า Transformers ภาคนี้มีอะไรหลายอย่างที่ด้อยที่สุดในบรรดาสามภาคที่คลอดเป็นแฟรนไชส์ออกมาให้เราได้ดูกัน !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:00:32

ความคิดเห็นที่ 19 THE HILLS HAVE EYES 2 ปีที่ออกฉาย 2007 ผู้กำกับ : มาร์ติน ไวส์ซ นักแสดง : แดเนียลโล อลอนโซ่, จาร์คอบ เวกัส, ไมเคิล ไบลี่ เกือบจะได้เป็น Wrong Turn เรื่องต่อไปของวงการแล้วเชียว สำหรับหนังมนุษย์กลายพันธ์กินเนื้อคนเรื่องนี้ ที่เกือบจะกลายเป็นหนังแผ่นต่อยอดขายความแหวะกันไปเรื่อยๆ โดยมีพัฒนาการมาจากหนังโรง ><!! ภาคแรกรีเมคมาจากหนังชื่อเดียวกันในอดีตที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน สมัยนั้นมี "เวส คราเว่น" เป็นผู้กำกับ พอมาในยุคนี้ ภาคแรกออกฉายภายใต้การกำกับของ "อเล็กซานเดร อาจา" ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าสยองและระทึกขวัญไม่แพ้ต้นฉบับ นับเป็นมิติใหม่ของหนังสยองขวัญรีเมคที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกและคนดูชื่นชอบ จนกระทั่งการมาของภาคสอง ต่อยอดความสำเร็จของภาคแรก หนังก็เดินตามภาคต่อด้วยประเด็นเดิม นั่นก็คือยังขายแคแรกเตอร์มนุษย์กลายพันธ์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว พร้อมฉากสยองชวนแหวะทั้งหลายแหล่ที่ถูกยัดเข้ามาแบบหนำใจ !!! แต่นั่นอาจจะทำให้เสน่ห์ในภาคแรกหายไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะในภาคแรกจัดหนักด้วยเรื่องราวของครอบครัวที่น้อยนักจะเล่นประเด็นความสยองขวัญสั่นประสาทสังหารคนในบ้านต่อหน้ากันเองแบบนี้ แต่ภาคนี้ก็เหมือนลดดีกรีความหนักในประเด็นดังกล่าวลงมาหน่อย อีกทั้งหนังเองก็เปลี่ยนทีมงานที่ทำยกทีมด้วย นั่นอาจจะทำให้เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิด ต้องเกิดขึ้นในหนังภาคต่อเรื่องนี้ นั่นก็คือ ทิ้งความขลังของภาคแรกให้ดับแดดิ้นไปโดยสิ้นเชิง ><!!!!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:01:20

ความคิดเห็นที่ 20 SON OF THE MASK ผู้กำกับ : ลอว์เรนซ์ กูเตอร์แมน นักแสดง : เจมี่ เคเนดี้, อลัน คัมมิ่ง, คาล เพ็นน์ อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่าหนังเรื่องไหนที่เปลี่ยนทีมนักแสดง มักจะมาพร้อมปัญหาในการเรียกกลุ่มคนดูที่คุ้นเคย รวมทั้งต้องมั่นใจด้วยว่าวัตถุดิบในมือที่จะใช้ต่อยอดหนังที่ไร้ซึ่งนักแสดงจากภาคก่อน มันต้องเจ๋งพอ หนังเรื่องนี้ขาดทุกสิ่งอย่างที่ว่ามา จากภาพยนตร์ฮาเพี้ยนสุดฮิตของ "จิม แคร์รี่" กลายมาเป็นหนังออกแนวเกรดบี ที่มีชื่อ "เจมี่ เคเนดี้" ในบทนำ (หลายๆคนที่ดูหนังก็คงเกิดคำถามในใจว่า ตานี่มันใครฟะ?!!!!) กับการขายเรื่องราวของหน้ากากเทวดาที่พึ่งพาสเปเชียลเอฟเฟกต์และซีจีมากมาย ก่อเกิดจนกลายเป็นทุนสร้างที่เกินความจำเป็นไปหน่อยในระดับ 84 ล้านดอลล่าร์ทีเดียว !!!! (มากกว่าภาคแรกที่มีความรู้สึกว่า CG เนียนกว่าถึงเกือบ 60 ล้านดอลล่าร์!!!) และแน่นอนในเมื่อหน้าหนังและตัวหนังชวนน่าดูซะขนาดนี้ (ประชด) หนังก็เลยเก็บรายได้ไปอย่างงามหน้าในระดับ 57 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลกมันซะเลย ถ้าจะมีคำไหนที่ได้ความหมายตรงยิ่งกว่าคำว่า "ขาดทุนย่อยยับ" ก็อยากจะนำมาใช้ซะเหลือเกิน ถือเป็นตัวอย่างของหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้าอยากเจ็บตัวก็เข็นมันออกมาซะ อะไรทำนองนั้น ><!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:01:54

ความคิดเห็นที่ 21 BOOK OF SHADOWS : BLAIR WITCH 2 ปีที่ออกฉาย : 2000 ผู้กำกับ : โจ เบอร์ลิงเกอร์ นักแสดง : เจฟฟรี่ย์ โดโนแวน, คิม ไดเร็คเตอร์, เอริก้า เลียร์หสัน ต้นตำนานหนัง Found-Footage อันแสนลื่อลั่นสนั่นบาง เพราะช่วงนั้นที่หนังภาคแรกออกฉาย ใครๆก็คิดว่ามันคือเรี่องจริง เพราะแผนการตลาดของ "อาร์ติแซน" เจ้าของหนังช่างแยบยลยิ่งนัก โดยนำเสนอเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปในป่าต้องห้ามเพื่อถ่ายทำสารคดีตามล่าแม่มดแบลร์ในตำนานและก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่ต่อมา คนดูก็พบว่าทั้งหมดแล้วเป็นสิ่งที่ถูกเซ็ทขึ้นมาด้วยการวางแผนมาเป็นอย่างดี ถึงตอนนั้นคนดูก็เห็นหญ้าเต็มปากตัวเองไปหมดแล้ว ><!! มาถึงภาคสองที่แน่นอนว่า จะไม่สามารถใช้มุกเก่าได้แล้วในการขาย ก็เลยกลายเป็นเรื่องราวของเด็กหัวรั้นที่อยากจะลองดีกับป่าผีบ้าอีกครั้ง !!! ....ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่เรารู้กัน มันเป็นทั้งหนังภาคต่อที่ขึ้นแท่นห่วยที่สุดตลอดกาล เป็นการอาศัยความดังของภาคต่อเข้ามาช่วยทำให้หนังขายออก กแสดงโนเนมทั้งหลายในหนังก็ไม่ได้มาพร้อมการแสดงที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ รวมๆแล้วก็คือหนังไม่เหมาะแก่การออกมาเป็นหนังโรงเลย จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ---- ยังดีที่หนังเองอาจจะได้กำรง กำไรมาจากการฉายทั่วโลกได้ เพราะหนังเป็นเจ้าของทุนสร้าง 15 ล้านดอลล่าร์ แล้วก็เก็บเงินจากตลาดโลกไปได้ในระดับ 47 ล้านดอลล่าร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชื่อหนังล้วนๆ นั่นแหละ แต่ความสนุกก็ต้องไปวัดกันตัวตัวในโรง ><!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:02:25

ความคิดเห็นที่ 22 หมดแล้วครับ ใครมีเรื่องไหน เพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ หรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องใดก็แสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่เลยครับ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:02:55

ความคิดเห็นที่ 23 CARS 2 เราว่าหนังทำออกมาสนุกนะ แต่บทนี่แย่ที่สุดของบรรดาหนัง Pixar เลย หนังการ์ตูนของพิกซาร์ ปกติแล้วมันจะมีความขลังของมัน ดูจบแล้วได้อารมณ์ฟีลกู๊ด  ประทับใจ แต่เรื่อง CARS 2 มันไม่มีความขลังนี้เลย ดูเอามันส์อย่างเดียว THE CHRONICLES OF NARNIA : THE PRINCE CASPIAN เรื่องนี้เราว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรมากหรอก เพียงแต่เนื้อเรื่องออกแนวเรื่อยๆจนน่าเบื่อ ฉากทำสงครามกันทำได้เพลียมาก ไม่ีมีความตื่นเต้น ลุ้นแและสนุกไปกับหนังเลย ดูแล้วเฉยๆ ส่วนทรานฟอร์เมอร์ เราว่า ภาคสามสนุกสุด(บทแย่ แต่ฉากแอคชั้นทำลุ้นดี) รองมาก็ภาคหนุ่ง และสอง ตามลำดับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 01:05:34 จากคุณ : 2 Undifferent เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:04:01

ความคิดเห็นที่ 24 ขอนำเสนอ Batman & Robin Hannibal Rising Ocean's Twelve Dumber and Dumberer จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:12:27

ความคิดเห็นที่ 25 เมืองนอกนี่ สำหรับหนังฟอร์มยัก รายได้และคำวิจารณ์ มักจะไปด้วยกัน ทัศนคติในการดูหนังของเค้าค่อนข้างต่างกับในบ้านเราแฮะ ดูเหมือนเค้าจะจริงจังกับการเลือกสนับสนุนหนังมากๆ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 01:17:32 จากคุณ : แมวละเมอ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:16:00

ความคิดเห็นที่ 26 the cell 2 ซึ่งไม่มีดาราอย่าง เจนิเฟอร์ โลเปซ มาเป็นตัวชูโรง แถมเอาใครมาก็ไม่รู้มารับบทนางเอก แถมเนื้อหาในเรื่อง ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเข้าไปในจิตใจของฆาตกรเลยสักนิด สรุป คือ หนังเรื่องนี้สร้างมาเพื่อทำลายคุณงาม ความดี ของภาคแรกโดยเฉพาะ จากคุณ : soulmachine เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:28:42

ความคิดเห็นที่ 27 ขอเพิ่ม.. Sister Act Home Alone ส่วนใหญ่จะดูได้หมดครับ ที่รับไม่ได้มากๆ หน่อย ก็ Babe Speed .. หลับมากกก จากคุณ : คุณคือ..ตัวจริง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:28:57

ความคิดเห็นที่ 28 hollowman 2 ไม่รู้สร้างมาทำไม จากคุณ : soulmachine เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:30:23

ความคิดเห็นที่ 29 อ้อ ลืมไป ...หนังภาคต่อที่ว่ามาด้านบนทั้งหมด ผมคัดมาเฉพาะหนังที่เข้าฉายโรงนะครับ ถ้าเ็ป็นหนังต่อในรูปแบบ Home Entertainment บรรดาแผ่นทั้งหลาย ส่วนใหญ่คุณภาพหนังสู้่ภาคแรกไม่ได้อยู่แล้วครับ ดังเช่นที่คุณ soulmachine กล่าวมา หนังในกรณีนี้มีเยอะมากครับ แต่ขอเน้นเฉพาะที่หนังเข้าฉายโรงก่อน จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:34:15

ความคิดเห็นที่ 30 เอ่อ the mummy 2 กับ 3 นี่นับไหมครับ? จากคุณ : soulmachine เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:36:07

ความคิดเห็นที่ 31 นึกถึงเรื่องนี้ก่อนเลยครับ ภาคแรก Butch Cassidy and the Sundance Kid ทำไว้คลาสสิกมาก จะทำภาค prequel ตามออกมาทำไมก็ไม่รู้ แถมออกมาช้ากว่าภาคแรกถึง 10 ปีเลยทีเดียว จาก พอล นิวแมน กับ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ก็เปลี่ยนมาเป็น ทอม เบเรนเจอร์ กับ วิลเลี่ยม แคต บารมีสู้กันไม่ได้เลย จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:36:18

ความคิดเห็นที่ 32 Happy Feet ภาคแรกฉายปี 2006 ครับ จำได้ดีเพราะชอบมาก ภาคสองรายได้ไม่ดี แต่ผมก็ชอบนะ อารมณ์คุ้นเคยมันกลับมา :) จากคุณ : RockZilLa เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:46:27

ความคิดเห็นที่ 33 Class of 1999 II: The Substitute (1994) จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:47:01

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องนี้อีกเรื่อง ภาคต่อของ The Sting หนังออสการ์ปี 73 ของ พอล นิวแมน กับ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เช่นกัน ที่ดันทุรังทำออกมาจนกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ โชคดีที่หนังไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวละครของพอล นิวแมน กับเรดฟอร์ดในภาคแรก ไม่รู้ยุคนั้นมีคนวิเคราะห์ไว้หรือเปล่าว่าเพราะอะไรหนังที่ พอล นิวแมน กับ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เล่นด้วยกันถึงไม่ควรทำภาคต่อถ้าทั้งคู่ไม่กลับมาเล่นอีก เพิ่มเติม: The Sting ภาคแรก ทำเงิน 153 ล้านดอลลาร์ ได้รางวัลออสการ์ 7 ตัว ภาค 2 ฉายห่างจากภาคแรก 10 ปี (อีกแล้ว) ทำเงิน.. เอ่อ 6 ล้านดอลลาร์ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 01:55:45 จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:49:50

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ EVgreen ทำให้เรารู้ว่าความดันทุรังมันเริ่มมาตั้งแต่เรายังเป็นวุ้นกันอยู่ ><!!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:52:52

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องนี้เลยครับ ภาคแรกของฮอลลีวูดทำเอาไว้ได้หลอนและมีปมพอสมควร (แม้จะต่างจากต้นฉบับมากก็เถอะ) แต่ด้วยความฮิตของภาคแรก ก็ตักตวงความสำเร็จด้วยภาค 2 ต่อทันที(อย่างที่ทำมาเสมอ) ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ามันกลายเป็นหนังผีดาษๆเรื่องนึง ที่ไร้ความสนุกไปเลย เก็บรายได้ถล่มทลายในบ้านเกิดที่ 75 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าภาคแรก 2 เท่า จากคุณ : blacksmith เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:57:16

ความคิดเห็นที่ 37 นึกได้อีกเรื่อง ภาคแรกทำออกมาได้ฮือฮาพอควร และได้รับความนิยมไม่น้อย ตามสไตล์ฮอลลีวู้ด ภาค 1 ดัง ก็ต้องมีภาค 2 (ที่งบสูงขึ้น และลุ้นเหนื่อยขึ้น) แต่กลายเป็นว่าภาค 2 เหมือนหนังทำตามใจ ผกก.เต็มที่ หวือหวา เปรี้ยว จัดจ้าน แต่หาความสนุกไม่เจอ (เกือบนึกสาปส่ง MC G ไปแล้วแต่พี่แกดันทำ T4:Salvation ออกมาใช้ได้) จากคุณ : blacksmith เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:05:49

ความคิดเห็นที่ 38 นี่คืออีกเรื่องที่ผิดหวังมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะภาคแรก คือหนัง Comedy เรื่องโปรดเรื่องนึงของผม แต่พอภาค 2 มันคือหนังตลกที่ไม่ตลก สะเปะสะปะ และดูฉาบฉวยมากๆ รายได้ในบ้านก็ห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว ภาค 2 ยังไม่ได้ครึ่งของภาคแรกเล้ยยยยย.... จากคุณ : blacksmith เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:10:33

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนเรื่องนี้ที่จริงก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมาก อย่างน้อยก็ยังมี แจ็ค นิโคลสัน กลับมารับบทเดิม แต่ว่ามันคือภาคต่อของหนังคลาสสิก Chinatown ของ โรมัน โปลันสกี้ เมื่อปี 74 ที่มาสร้างภาคต่อเอาในปี 90 แถม แจ็ค นิโคลสัน ยังขอวัดรอยเท้ากับโปลันสกี้ด้วยการควบตำแหน่งผู้กำกับเองอีกด้วย แม้จะยังเป็นผลงานการเขียนบทของ โรเบิร์ต ทาวน์ เจ้าเดิม แต่ก็ไม่มีใครจดจำหนังภาคนี้เลย ส่วนลุงแจ็คหลังจากนั้นก็ไม่เห็นโดดมากำกับหนังเรื่องไหนเองอีกเลยจนทุกวันนี้ จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:13:41

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาในกระทู้นี้เรื่องแรกที่นึกถึงก็คือ X2 : State of the Union เีสียของมากๆ ทั้งบท ทั้งตัวละคร หรือแม้กระทั่งฉากแอ๊คชั่น ยังทำให้เชื่อไม่ได้ว่านี่คือหนังสายลับ ทำลายภาพลักษณ์ของ XXX ป่นปี้ไม่มีเหลือ จากสายลับล่ำบึ้ก ดิบเถื่อน กลายเป็นพี่อ้วนดำ ที่ไม่อยากเชื่อว่าพี่แกจะสู้กะใครได้ ฉากแอ๊คชั่นอย่างตอนแหกคุก ช่างไร้ชั้นเชิงสิ้นดี และทุกอย่างในเรื่องนี้ อะไรๆก็ดูง่ายสำหรับพ่อสายลับไปซะโม้ดดดดด....   เป็นหนังแอ๊คชั่นที่นั่งดูไปหัวเราะไป แล้วพูดว่า"เอ้อ...เอากับมันสิ" จากคุณ : blacksmith เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:16:20

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆ น่าจะมีตระกูล แบทแมน ด้วยนะ ก่อนที่ โนแลน จะมาจับ  โคตรเละเทะเลย จากคุณ : ป่วนกระโทก เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:22:59

ความคิดเห็นที่ 42 โหวต ครับ มีหลายเรื่อง ทั้งที่น่าจะถูกสร้าง กับไม่น่าจะทำภาคต่อ - -* ให้อภัย คนเหล็ก 3 กับนาร์เนีย( นารืเนีย ในฉบับวรรณกรมมันมีภาคต่อเยอะอยู่แล้ว) ที่เหลือ ดูแ้ล้วเพลียมากมาก จากคุณ : seventoonแห่งโลกมืด เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:26:15

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นมี TERMINATOR ภาค3 ด้วย เรื่องนี้เลยครับ อยู่ในความทรงจำสุดๆ >< X-Men: The Last Stand (2006) จากคุณ : ลุงป๊อป เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:32:33

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นภาคต่อใคร แต่มันสร้างจากนิยายของ มาริโอ พูโซ่ ผู้เขียน The Godfather ทั้งเวอร์ชั่นนิยายและบทหนัง ซึ่งเมื่อครั้งที่ The Gadfather Part II ถูกสร้างออกมานั้น มันไม่ได้ดัดแปลงจากนิยายของพูโซ่เหมือนกับภาคแรก เพราะพูโซ่ไม่ได้เขียนนิยายออกมาก่อน แต่เขาเขียนเป็นบทหนังภาค 2 ให้คอปโปล่าเอาไปสร้างโดยตรงเลย แต่นิยายที่พูโซ่ตั้งใจให้เป็นภาค 2 ของ The Godfather จริงๆ ถูกเขียนตามออกมาในอีก 15 ปีให้หลังนิยายภาคแรกในชื่อ The Sicilian ซึ่งถูกสร้างเป็นหนังโดย ไมเคิล ชิมิโน่ ในปี 87 และนำแสดงโดย คริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ต ซึ่งดูจากใบปิดและคนแสดงแล้ว มันไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับความคลาสสิกของ The Godfather เลย จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:32:49

ความคิดเห็นที่ 45 Cars 2 ค่ะ เห็นด้วยที่มันไม่ค่อยสนุกเท่าภาคแรก Legally Blonde ภาค 2 นี่เพลียมาก สู้ภาค 1 ไม่ได้ แล้วก็มีเรื่องถามนิดนึงค่ะว่า อย่าง The Matrix แล้วก็ Underworld นี่ภาคอื่นๆทำรายได้ดีหรือแย่กว่าภาคแรกคะ จากคุณ : DaRaDoRa เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 03:07:57

ความคิดเห็นที่ 46 Terms of Endearment หนังออสการ์ปี 83 ก็มีภาคต่อที่ถูกสร้างห่างจากภาคแรกนานถึง 13 ปีคือเรื่อง The Evening Star เป็นภาคต่อที่สร้างจากนิยายของ แลร์รี่ แม็คเมอร์ธี (คนเขียนบท Brokeback Mountain) เหมือนเดิม แต่ทีมงานที่มาจากภาคแรกก็มีแค่ป้า เชอร์ลี่ย์ แม็คเลน เท่านั้นที่กลับมารับบทเดิม (ที่คราวนี้ต้องมารบรากับหลานซึ่งเป็นลูกสาวของ เดบรา วิงเกอร์ ในภาคแรกที่โตเป็นสาวแล้ว) กับลุง แจ็ค นิโคลสัน ที่โผล่มาเป็นเซอร์ไพรส์ในบทเดิมในตอนท้ายเรื่องนิดหน่อย ส่วนนอกนั้นถือเป็นทีมงานใหม่หมด ผู้กำกับ เจมส์ แอล. บรูคส์ ก็ไม่ได้กลับมา แต่หันไปทำ As Good as It Gets กับลุงแจ็คแทน ผมได้ดู The Evening Star เรื่องนี้เมื่อตอนที่มาฉายโรงบ้านเรา ซึ่งตอนนั้นผมว่าก็เป็นหนังที่ทำได้ซึ้งดีเรื่องนึงนะ แต่หลังจากที่ได้ดู Terms of Endearment ทางเคเบิลทีวีหลังจากนั้นแล้ว บอกได้คำเดียวว่า The Evening Star เอา Terms of Endearment มาทำเสียของอย่างยิ่ง เพราะความยอดเยี่ยมถือว่าตามหลังภาคแรกไกลเกินไป จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 03:13:17

ความคิดเห็นที่ 47 "โปลิศจับตำรวจ" สองภาคแรกถือเป็นหนังสร้างชื่อของผู้อำนวยการสร้าง เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ กับ ดอน ซิมป์สัน เพราะภาคแรกทำรายได้สูงถึง 230 ล้านดอลลาร์ในปี 84 ครองสถิติหนังตลกที่ทำรายได้มากที่สุดอยู่พักใหญ่ๆ ส่วน เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ที่ตอนนั้นเพิ่งดังจาก 48 Hrs. ก็กลายเป็นดาราที่ค่าตัวแพงที่สุดของยุคไปเลย ขณะที่ภาคสองที่กำกับโดย โทนี่ สก็อต เมื่อปี 87 อาจจะทำรายได้ตกลงมาเหลือแค่ 153 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังถือเป็นหนังทำเงินอยู่ดี แต่หลังจากที่ เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ เริ่มแป้กติดๆกันหลายเรื่องในช่วงปลายยุค 80 ส่วนบรัคไฮเมอร์กับซิมป์สันก็กำลังเสียศูนย์กับ Days of Thunder ก็ตัดสินใจขายแฟรนไชส์นี้ต่อให้โปรดิวเซอร์ โจล ซิลเวอร์ ที่ตอนนั้นกำลังดังสุดขีดจาก Die Hard และ "ริกส์ คนมหากาฬ" แต่หลังจากที่ซิลเวอร์ตัดสินใจถอนตัวเพราะปัญหาเรื่องงบสร้างที่บานปลายไม่สิ้นสุด สุดท้ายโปรเจกต์ก็ตกไปอยู่ในมือของโปรดิวเซอร์หนัง Patriot Games ที่เข้ามารับกรรมแทน เพราะนอกจากหนังที่กว่าจะสร้างเสร็จก็ล่วงเข้าสู่ปี 94 เรื่องนี้จะไม่สนุกแล้ว ยังทำเงินแค่ 42 ล้านดอลลาร์ ไม่เหลือลายของแฟรนไชส์หนังที่ทำกำไรมากที่สุดของยุค 80 อีกเลย แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 03:59:07 จากคุณ : EVgreen เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 03:57:22

ความคิดเห็นที่ 48 The House Of The Dead   หนังแย่ภาคต่อแย่  เกมสนุกมาก จากคุณ : gumk1 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:41:23

ความคิดเห็นที่ 49 Dirty Dancing ด้วยมั้ย ภาคแรกลงทุนน้อยแต่ดังรายได้ดี แต่ภาคสองเห็นเงียบไปเลย จากคุณ : กุหลาบปลายปืน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:28:48

ความคิดเห็นที่ 50 นึกถึง Jurassic Park ไม่รู้หนังขาดทุนมั้ย แต่ความขลังภาคหลังๆ มันเทียบภาคแรกไม่ได้เลยอ่ะ จากคุณ : ejw เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:21:23

ความคิดเห็นที่ 51 โหวตโลดดดดด ส่วนตัวผิดหวังกับ T3 สุดๆค่ะ ส่วน Basic Instinct 2 กับ The X-files ไม่น่าทำเล๊ย เพลีย จากคุณ : mini_me_yo เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:37:54

ความคิดเห็นที่ 52 ที่ว่ามาBASIC INSTINCT 2อ่ะที่เรารู้สึกผิดหวังสุดๆ มันไม่ถึงใจเท่าภาคแรก ป้าชารอนก็เหี่ยวแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 13:01:44 จากคุณ : Tarsier เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:01:29

ความคิดเห็นที่ 53 หนังclassicอย่าง psycho เฟลทั้งremakeและภาคต่อที่มากันหลายภาคเลยทีเดียว จากคุณ : mogwai เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:56:37

ความคิดเห็นที่ 54 classicอีกเรื่องอย่าง Carrie ก็โดนเหมือนกันแต่เห็นแค่ภาดเดียว จากคุณ : mogwai เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:00:12

ความคิดเห็นที่ 55 เอาจริงๆ ผมว่า Cars ไม่น่าทำภาคต่อเลยย แค่ภาคแรกผมก็ว่าด้อยสุดในบรรดาหนัง Pixar แล้ว พอมาภาค 2 ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าทำน่าทำเหมือน Toy Story จะไม่ว่าเลย จากคุณ : Gusbell ครับผม เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:40:46

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าบางเรื่องก็ไม่ไช่นะอย่าง MEN IN BLACK 2 ผมดูภาค1 มาดูภาค2 ความสนุกสำหรับผมไม่ลดลงเลย จากคุณ : .::)>[ADSLMAMA::CHADOWE]<(::. (adslmama) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 18:27:53

ความคิดเห็นที่ 57 #56 งั้นก็วัดกันในแง่ Box office ครับ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 19:16:43

ความคิดเห็นที่ 58 คห.ส่วนตัวคิดว่า Narnia 3 ดีกว่า 2 :) (โอเค 2แย่กว่า1 55+ แต่เค้ารักแคสเปี้ยน 2ชม.ครึ่งกับเรื่องอันยืดเยื้อแต่อิ่มใจ555) Transformers 2 ยังได้ใจอยู่ แต่ 3 นี่ เสียดายตังIMAX 3Dมาก TT Wrath of the titans เค้าว่าดีกว่าภาคแรกนะ ^^ ชอบกระทู้คุณ Filmzlapตลอดๆอ่าค่า จากคุณ : Baudelaire_goAndy เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:06:35

ความคิดเห็นที่ 59 JAWS 2,3,4 ไม่รู้จะสร้างมาทำไม จากคุณ : wind_mills เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 15:31:49

ความคิดเห็นที่ 60 The Cell มีภาค 2 แล้วเหรอ - -' ส่วน Miss Congeniality 2 ผมว่าหนุกดีนะคับ อาจจะสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 21:38:13

ความคิดเห็นที่ 61 เราว่า Cars 2 ก็ไม่แย่มากนะคะ เนื้อเรื่องก็สนุก ตื่นเต้นดี แต่เสียตรงไม่น่าจดจำ และเรื่องมันดูเยอะๆไปหน่อย แล้วก็นาร์เนียนี่เราว่า ภาคสองโอเคกว่าภาคแรกนะคะ ภาคแรกดูจบง่ายๆยังไงก็ไม่รู้ ส่วนหนังภาคต่อที่เราว่าทำออกมาได้แย่กว่าภาคแรกก็นี่เลยค่ะ โอเชี่ยน'ส 12 และ โอเชี่ยน'ส 13 จากคุณ : Hollywoodgirl (Hollywoodgirl) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 22:52:24

ความคิดเห็นที่ 62 และก็ส่วนตัวคิดว่า หนังภาคต่อรายได้สูง ทไวไลท์ (ยกเว้นภาคแรก) ก็แย่ค่ะ หนังทำรายได้ด้วยหน้าตาของนักแสดง ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องน่ะค่ะ ความเห็นส่วนตัวนะคะ ขอแฟนคลับแวมไพร์อย่าได้ถือสา จากคุณ : ้Hollywoodgirl (Hollywoodgirl) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 22:55:09

ความคิดเห็นที่ 63 The Legend Of  Zorro ไม่ขลังเท่าภาคแรก  คนดูส่วนใหญ่ไม่ค่อยประทับใจ แต่เราชอบนะ  พระเอก นางเอก เคมี เข้าก๊านเข้ากัน  จากคุณ : Hollywoodgirl (Hollywoodgirl) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 22:59:58

ความคิดเห็นที่ 64 Princess Diaries  เป็นอะไรที่ไม่น่าสร้างภาคต่อเลยจริงๆ ภาคแรกชอบมากค่ะ ดูตอนเด็กๆ ดูฝันๆ น่ารักมาก  ภาพนางเอกหลังแปลงโฉมยังติดตาค่ะ สวยคลาสสิคสุดๆ จากคุณ : Hollywoodgirl (Hollywoodgirl) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 23:09:01