|
บทสัมภาณ์ช่างแต่งหน้าพี่เบิร์ด
พี่ทำงานกับพี่เบิร์ดมาตั้งแต่ปี 2530 ราวๆ 20 ปีมาแล้ว จำได้ว่าเจอกับพี่เบิร์ดตั้งแต่ตัวเองอายุ 19 ปี รู้เลยว่าพี่เบิร์ดเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมากๆ เป็นคนมีน้ำใจกับทุกๆคน เขาดูแลคนรอบข้างเป็นอย่างดี ไม่เคยมีคราบของคำว่าซูเปอร์สตาร์ ...คำว่า ซูเปอร์สตาร์ เนี่ย เป็นคำที่ทุกคนตั้งให้พี่เขาเอง แต่พี่เขาไม่ได้ทำตัวเป็นซูเปอร์สตาร์เลย ...พี่เบิร์ด ดูแลทุกคน ไม่เคยว่าร้ายใคร ถ้าจะพูดถึงคนอื่น พี่เบิร์ดก็จะพูดถึงแต่สิ่งดีๆ
พี่เริ่มแต่งหน้าให้พี่เบิร์ดจริงจังแบบเต็มตัว ตั้งแต่อัลบั้ม ตู้ยาสามัญประจำบ้าน ทั้งๆที่เรามักจะมีความเกร็งในการแต่งหน้ากับคนดังคนอื่นๆ แต่กับพี่เบิร์ด นี่ ไม่เลย ด้วยความที่พี่เขาเป็นคนกันเองมากๆ ทำงานด้วยแล้วจะมีความสุขทุกครั้ง ถึงแม้จะเหนื่อยยังไงแต่ก็มีความสุข เพราะทำงานด้วยแล้ว พี่เขาจะมีแก๊กตลกๆ ให้พวกเราได้ขำตลอดเวลา
คือเวลาที่แต่งหน้าให้ พี่เบิร์ดจะไม่เคยบอกเราว่า ต้องแต่งหน้าโทนนี้นะ ไม่เคยกำหนดว่าจะต้องใช้ครีมยี่ห้อนั้น นี้ หรือว่าเอาครีมรองพื้นยี่ห้อดังๆ ซึ่งครีมที่เราใช้ให้พี่เบิร์ดประจำ บางครั้งก็เป็นยี่ห้อ ยูสตาร์, คัพเวอร์มาร์ค, ชาแนว, ซิสเล่ คือ พี่เบิร์ดใช้ได้ทุกยี่ห้อค่ะ แล้วแต่ว่าช่วงไหนยี่ห้อไหนเขาฮิตกัน ก็คือ ใช้ยี่ห้อทั่วๆ ไป
พี่เบิร์ดไม่ใช่เป็นคนเจ้าสำอางนะ คือ เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ธรรมดามากๆ ดาราบางคนยังหอบเครื่องสำอางส่วนตัวมาเป็นกระเป๋า แต่พี่เบิร์ดไม่มีนะคะ ส่วนเรื่องน้ำหอมนี่ ใส่ค่ะ เป็นเรื่องธรรมดา อย่างพี่เองก็ใส่น้ำหอม อาจเป็นเพราะว่าพี่เบิร์ดเจอคนเยอะ และคนก็ชอบไปกอดเขา ขนาดพี่เบิร์ดต้องเต้นในงานคอนเสิร์ต แต่เหงื่อเขายังไม่เหม็นเลย พี่เขาเป็นคนตัวหอมนะ พี่กล้าสาบานว่าเป็นความจริง ไม่ใช่ว่าเรารักเขาแล้วจะพูดให้ดูดี แต่เป็นความจริง มีเพื่อนสไตลิสต์คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนพี่ เขาจะชอบดมเหงื่อพี่เบิร์ดมาก คือเขาเป็นกะเทยค่ะ ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว และเพื่อนพี่คนนี้ มักจะพูดเสมอว่าเหงื่อพี่เบิร์ดหอม ทุกวันนี้ก็ยังมีคนแอบหอมเสื้อผ้าที่พี่เขาใส่ประจำ บางคนก็ตั้งใจหอม บางคนก็ทำเป็นไม่ตั้งใจหอม(หัวเราะ)
โดยธรรมชาติของพี่เบิร์ด เขาไม่ใช่เป็นคนช็อปปิ้งนะคะ เขาไม่ใช่คนใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายนะ คือเวลาที่เขาซื้ออะไรมาแต่ละชิ้น ก็ใช้นาน ไม่ได้ต้องเป็นแบรนด์ดัง พี่เบิร์ดชอบอยู่บ้าน ชอบธรรมชาติ สบายๆ บางครั้งเราก็เห็นเขาสวดมนต์ ว่ายน้ำที่สระน้ำ เล่นกับหมา
พี่เบิร์ดชอบกิน คือข้าวไข่เจียวธรรมดา ๆ ไม่ต้องใส่หมูสับ มีแค่น้ำปลาพริกก็พอแล้ว จะเห็นว่า ไม่มีอะไรพิเศษมากมายเลย แต่บางครั้งพี่เขาก็จะมีมื้อพิเศษกับครอบครัวของเขา คือบางครั้งก็ไปทานข้าวตามโรงแรมบ้าง น่ารักดีค่ะ
พี่เองได้รับคำสอนจากพี่เบิร์ดเยอะมาก อย่างเรื่องการออมเงิน พี่เบิร์ดจะบอกว่า ถ้าเราหาเงินมาได้ 100 บาท ก็ให้เก็บเอาไว้ 30 บาท เก็บแบบให้ลืมไปเลย อีก 30 บาทเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินเวลาที่เป็นอะไร และอีก 30 บาทให้เก็บไว้ใช้ ส่วนอีก 10 บาทให้เก็บไว้ทำบุญ คือพี่เบิร์ดจะเป็นคนที่ทำบุญเยอะมาก พี่ก็ได้ดูเขาเป็นตัวอย่าง รู้สึกว่าการให้นั้นเป็นความดี ทำให้เราเป็นคนเผื่อแผ่ และได้บำรุงพระศาสนาอีกด้วย
ชีวิตประจำวันที่พี่เห็น พี่เบิร์ดจะเป็นคนนอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้า เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ เลือกกินแต่ผัก ปลา เขาไม่ได้กินอาหารวิเศษมากมาย ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนที่สามารถกินอาหารแพงๆได้ แต่เขาไม่เลือกที่จะทำ ดูชีวิตเขาพอเพียงมากๆ
อยากบอกว่าพี่เบิร์ดว่า ยังหล่อเหมือนเดิม เท่าที่พี่เจอเขาครั้งแรกจนถึงวันนี้ พี่รู้สึกว่าพี่เบิร์ด ยิ่งแก่ยิ่งหนุ่ม จริงๆ นะ ผิวพรรณเขาดีมากๆเลย คงเป็นเพราะเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี ทั้งเล่นโยคะ ทั้งออกกำลังกาย พี่ว่าการออกกำลังกายได้ผลดีนะ และอีกอย่างคือต้องเป็นคนที่คิดบวก พี่เบิร์ดเป็นคนคิดบวกมากๆ ซูเปอร์บวกเลยก็ว่าได้ อยู่กับเขานี่ ขำได้ทั้งวัน ไม่เคยซีเรียส ไม่เคยอารมณ์ไม่ดี
ตัวเลข 50 เดี๋ยวนี้เฉย ๆ ขนาดคุณอา ชรินทร์ นันทนาคร ยังหล่ออยู่เลย แต่เวลาที่เราไปยืนใกล้พี่เบิร์ดนะ เรารู้สึกเลยว่า อุ๊ยตายแล้ว เราแค่ 40 ยังดูแก่กว่าพี่เบิร์ด เลยต้องรีบไปออกกำลังกาย พี่เบิร์ดบอกว่าร่างกายมีบุญคุณกับเรา เราต้องดูแลเขาถนอมเขาให้มากๆ
www.clubbird.com
จากคุณ |
:
Snoppy
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ค. 55 07:49:59
|
|
|
|
|