ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าสลับตัวละครให้"คิเรย์"มาแทน"คิริสึกุ" ฆ่าเชอร์เลย์ ด้วยมือของตัวเองด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับรักแรก ฆ่าพ่อ แบบให้พ่อรู้ตัวว่าจะโดนลูกฆ่าอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต ฆ่านาตาเลีย โดยบอกให้เธอรู้ตัวก่อนจะได้เห็นเธอดิ้นรนขัดขืนก่อนจะถูกฆ่า ฆ่าแมร่งให้หมดโลก ด้วยวิธีที่สุดจะอัปรีย์และโคตะระ"จานราย"(โดนเซ็นเซอร์)เพราะเป็นความสุขของตู แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 18:25:16 จากคุณ : St.RL เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:24:07

ความคิดเห็นที่ 2 คห 1  ทำเอาเราอึ้งคิดต่อไปไม่ออกเลย  เดี๋ยวขอกลับไปทวนดูอีกทีหนึ่ง  แต่ข้อความของคุณ St.RL อ่านแล้วแฝงความสาสมใจมากๆ แนวๆ คิเรย์เขาเลยนะนั่น จากคุณ : หงส์อรุณ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:28:41

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ผมก็แค่ได้อ่านพวกข้อมูลแปลจากofficialมาก่อนเท่านั้นล่ะครับ ปัญหาเดียวที่ผมเจอก็คือ เนื้อหามันแน่นและเยอะมากจนทำให้เบลอๆจำไม่ค่อยได้ก็มีเท่านั้นเอง บางอย่างก่อนจะตอบผมต้องกลับไปรื้อมาอ่านใหม่เลยด้วยซ้ำ จากคุณ : St.RL เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:33:41

ความคิดเห็นที่ 4 คิเรย์คงไม่ฆ่านาตาเลียแบบคิริซึงิ หรอก รอให้ลงจอดให้พวกกูลแพร่เชื้อก่อนแล้วค่อยฆ่า จากคุณ : Bluesardeen เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 18:52:18

ความคิดเห็นที่ 5 ผมมาคิดอีกที อยากรู้ว่าเรื่องนี้ใน Official มีบอกว่าคิริทสึงุเป็นพระเอกมั้ยครับ หรือป๋าเป็นแค่หนึ่งในตัวเอกแล้วเราไปห้อยป้ายพระเอกไว้ให้กันเอง เพราะป๋าเป็นพ่อบุญธรรมของชิโร่ แล้วก็มีเซเบอร์เป็นเซอร์แวนท์ (และมีลูกคืออิลิยา ) พอเรื่องนี้ถอดป้ายพระเอกไปแล้ว ดูสนุกขึ้นอีกเยอะเลย ภาคนี้คิเรย์เองก็ไม่ได้เลวขนาดนั้น เป็นแค่คนโรคจิตแอบแฝงที่กำลังจะรู้ตัวเอง เทียบกับริวโนะสุเกะแล้วยังรู้สึกว่ารายนี้ยังเป็นคิเรย์ที่พัฒนาไปแล้ว (เพียงแต่ไม่ได้มีพลังพอไปทำเรื่องแบบคิเรย์) ผมอาจจะชินกับเรื่องที่ไม่มีพระเอกกับตัวร้ายแน่นอนแล้วก็ได้มั้ง =_=a จากคุณ : วัวน้อยในไร่หญ้า เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:22:21

ความคิดเห็นที่ 6 บันเทิง+บรรลัยแย่สิคราวนี้ จากคุณ : หมาป่าเงอะงะ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:23:57

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเปลี่ยนเป็นคิเรย์ คงได้ตัวเอกประมาณไลท์ในเดทโน๊ตล่ะมั้ง โทนเรื่องคงเปลี่ยนไปเลยแหละ คนดูคงไม่ค่อยรู้สึกขัดแย้งมากเท่านี้ด้วย เพราะคงได้พระเอกที่ฟังธงลงไปได้ชัดกว่า ว่าควรจะรู้สึกยังไงด้วย น่าจะเป็นตัวเอกแบบที่ให้ความรู้สึกว่าถือไพ่เหนือกว่า ดังนั้นคนดูน่าจะชอบ....ล่ะมั้งนะ แบบว่าสะใจดีน่ะค่ะ ------------------------------------- ขอเวิ่นเว้อต่อหน่อย เผอิญชอบที่จขกท.เขียนไว้ว่าทำไมเห็นว่าเรื่องนี้สนุก เราก็สนุกตอนตามเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลเดียวกับจขกท.เด๊ะ ๆ เลยล่ะค่ะ ถ้าจะหาเรื่องโลกสวย พระเอกตามสูตร จบอย่างมีความสุข เราไปดูจากเรื่องอื่นก็ได้ แนวนั้นมีอีกเป็นร้อย แต่ไอ้นี่สิ นาน ๆ ทีจะมีมาหน เรื่องที่กล้าแรงและจุดให้เกิดประเด็นวิเคราะห์ถกเถียงกันได้แบบนี้ แถมยังคงความบันเทิงเอาไว้ได้ นาน..น๊าน..จะมีมาที เราไม่ได้ยึดติดกับความดีเลวตอนดูสื่อบันเทิงนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง สนใจมันในฐานะ 'เรื่องราว' มากกว่า ว่าเออ... มันเขียนบทดีแฮะ โห คิดสถานการณ์งี้ได้ไง ทำไมตัวละครทำอย่างนั้น เหตุผลคืออะไร ดังนั้นทุกอย่างในเรื่องนี้จึงสนุกมาก เพราะมีแต่พื้นที่สีเทาให้ไปตีความเองตามชอบ อย่างป๋าคิริเนี่ย ถึงจะมีทั้งคนชอบคนชังและคนเฉย ๆ แต่เราว่าตาเก็นผู้แต่ง ก็ประสบความสำเร็จในการทิ้งตัวเอกที่สร้างความประทับไตไว้ในจิตใจคนดูแล้วล่ะ ประหนึ่งนึกถึงมาโดกะแล้วต้องนึกถึงหน้าคิวเบย์ และชอบจะชังหน้ามันก็เด้งมา แถมเผลอ ๆ ไอ้ความรู้สึกเกลียดนี่บางครั้งยังตราตรึงอยู่แรงกว่าความรู้สึกชอบซะอีก ประมาณจำหน้าคนที่ยืมเงินเราไป 5 บาท ได้ดีกว่าหน้าคนที่เคยให้เรายืมตังค์ 100 บาท   เพราะขนาด Fate/Stay Night ที่เราดูอนิเมไม่จบเพราะรำคาญชิโร่ แต่สิ่งแรกที่เราพูดทุกครั้งเวลาพูดถึง Fate/Stay Night ยังเป็น ........"ฉันดูไม่จบเพราะรำคาญชิโร่อะ" เลยค่ะ ...ดันนึกชื่อคนที่ทำให้รำคาญได้เป็นชื่อแรกเลย ตายล่ะ... เขียนไปเขียนมา นอกเรื่องยาวกว่าคำตอบไปซะยาวเลยเรา แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 19:57:11 จากคุณ : Kaya I เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:55:47

ความคิดเห็นที่ 8 ^ คห.บน โหดเกินไปแล้วครับ ถ้าให้คิเรย์ได้ครองครองDN มันจะบรรลัยยิ่งกว่าตอนที่ไลท์ได้เป็นเจ้าของDNซะอีก แค่ความต่างเพียงข้อเดียวคือ คิเรย์ไม่มีทางที่จะเหลิงในอำนาจจนปล่อยไก่ให้Lจับหางได้ตั้งแต่แรกแน่นอนครับ แล้วคุณท่านจะเนียนฆ่าคนด้วยความหฤหรรษ์ไปตลอดชีวิตโดยไม่มีใครล่วงรู้จนกว่าจะหมดอายุขัยสบายใจเฉิบทีเดียว ทางแก้ทางเดียวคือ ขอให้เฮียแกเบื่อการใช้DNไปซะ ซึ่งน่าจะยากเพราะDNสามารถควบคุมพฤติกรรมก่อนตายของเหยื่อได้   คิเรย์สามารถสร้างสรรค์วิธีการตายของผู้เคราะห์ร้ายให้สาแก่ใจได้ไม่มีสิ้นสุดครับ โอ้...โลกนี้จบสิ้นแล้ว Edit เหยื่อที่คิเรย์ต้องการก็ไม่ใช่พวกวายร้ายครับ แต่เป็นผู้บริสุทธิ์ต่างหาก และอีกจุดนึง "ไลท์ต้องการเป็นพระเจ้าปกครองโลกใหม่"แต่"คิเรย์ต้องการความพินาศของโลกใบนี้"ครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 20:15:54 จากคุณ : St.RL เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:12:40

ความคิดเห็นที่ 9 ^ สงสัยอาจจะได้เรื่องแนว 'Case of the week' เหยื่อฉันสัปดาห์นี้ คิเรย์เขียนอรรถาธิบายลงไปในไดอารี่ (DN) Fate/Note .....ไดอารี่ที่รัก วันนี้ฉันเจอเหยื่อชื่อนี้ มันเป็นคนแบบนี้ ฉันจะฆ่ามันแบบนี้ โดยค่อย ๆ ให้มันทำแบบนี้ แล้วให้มันเจอเรื่องแบบนี้ก่อน แล้วค่อย..... เอ้ะ.... อาจจะสนุกก็ได้แฮะ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 20:23:34 จากคุณ : Kaya I เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:22:43

ความคิดเห็นที่ 10 คิเรย์มันชั่ว พอมันค้นพบตัวเองมันก็ยอมรับว่าตัวเลว คิริทซึงุทำเลวสารพัด แต่อ้างว่าทำเพราะความถูกต้อง ทำเพื่อช่วยโลก อย่างหลังเราว่ามันทุเรศอ่ะ (ขอโทษแฟนๆป๋าด้วยค่ะ) จากคุณ : amamizu เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:27:26

ความคิดเห็นที่ 11 ความเลวของคิเรย์... มันชอบจัดมิซซาข้ามปี ขึ้นธรรมาสน์เทศนาสาธยายความเลวร้ายในปีที่ผ่านมาของคนในเมือง เป้าประสงค์คือ"การจัดมิซซาข้ามปีแบบนี้มันสามารถทำลายความสุขของทั้งปีก่อนหน้าและปีใหม่ได้พร้อมกัน อะไรมันจะประเสริฐไปกว่านี้" แต่ไม่รู้ทำไมทุกคนกลับขอบคุณคิเรย์ซะอย่างงั้น แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 21:21:44 จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:40:06

ความคิดเห็นที่ 12 จะว่าไปผมว่า 2 คนนี้ก็เหมือนเหรียญคนละด้านกันละนะ ถึงการกระทำจะแตกต่างแต่ก็มีตัวตนที่คล้ายกันมากทีเดียว จากคุณ : Arata เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:42:41

ความคิดเห็นที่ 13 @คุณ amamizu คิริทสึงุก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีค่ะ เห็นว่าตัวเองเลวด้วย แต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ถ้าสุดท้ายสิ่งที่คิเรย์ซื่อตรงด้วยที่สุด คือความรู้สึกของตัวเอง สิ่งที่คิริทสึงุซื่อตรงด้วยที่สุด ก็คืออุดมการณ์ของตัวเองค่ะ สองคนนี้ถูกสร้างมาให้เป็นขั้วตรงข้ามกันทุกอย่าง ถ้าให้เจอคนแบบนี้จริง ๆ เราไม่เอาทั้งคู่ค่ะ สุดโต่งเกินไปจนนำพาหายนะพอกัน แต่พอเป็นตัวละครแล้วเราชอบมากทั้งคู่เลย ในหัวสองคนนี้สนุกดีน่ะ  ยิ่งเอามาเทียบกันยิ่งเห็นอะไรได้ชัด จะเรียกว่าเราเป็นแฟนป๋าดีมั้ยนะ ชอบป๋าแกกับคิเรย์ที่สุดในเรื่อง แต่คนด่าป๋าแกเราก็ชิว ๆ ก็พฤติกรรมป๋าแกมันสุดตรีนจริง ๆ นี่นา แบบว่าชอบของเรานี่เป็นแบบ เรื่องกับแนวคิดของแกมันสุดโต่งได้ใจ มืดได้ใจ สิ้นหวังได้ใจดีน่ะค่ะ จากคุณ : Kaya I เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:47:04

ความคิดเห็นที่ 14 เลวแล้วยอมรับว่าเลว ถึงมันจะไม่ทุเรศ แต่มันทำให้คนอื่นชิหายกว่ากันเยอะเลยครับ จากคุณ : บักจืดจาง เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:21:04

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ Kaya I เราทราบค่ะว่าคิริทซึงุรู้ตัวดีว่าตนเองเลว แต่เค้าคิดว่าจุดมุ่งหมายที่เค้ายอมทำเลวก็เพื่อช่วยคนหมู่มาก ซึ่งเราว่ามันเป็นความคิดที่ผิดค่ะ ไอหลักการยอมเสียส่วนน้อยเพื่อคนส่วนมากนี่ยังไงเราก็ทำใจรับไม่ได้จริงๆค่ะ และคนที่คิดแบบนั้นได้จิตใจต้องปราศจากคำว่าศีลธรรมแน่นอน เราไม่ได้ว่าคิเรย์หรืออย่างริวโนะสึเกะดีกว่าคิริทซึงุด้วยนะคะ แต่พอดีว่า 2 คนนั้นเค้าถูกวางสถานะให้อยู่ในตำแหน่งตัวร้ายที่ทำความชั่วอยู่เห็นๆแล้วไงคะ มันเลยดูไม่น่าหมั่นไส้เท่าไหร่ แต่เราก็สาปส่งไอสองคนนี้เหมือนๆกันแหละ แต่ยอมรับอยู่อย่าง เก็น อุโรโบจิแต่งเรื่องได้เก่งจริงๆ ตัวละครแต่ละตัวมีความลึกและสลับซับซ้อนอยู่มาก ถึงกับทำให้เรามานั่งถกกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 22:43:32 จากคุณ : amamizu เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:42:49

ความคิดเห็นที่ 16 เราไม่รู้ว่ามีกี่คนนะคะที่ไม่ชอบคิริซึงุเพราะคำนำหน้าว่า "พระเอก" เพราะส่วนตัว เราไม่ได้ไม่ชอบตัวละครตัวนี้เพราะสถานะนั้น เอาจริงๆคือ ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าคำว่า "สงสัย" เพราะพฤติกรรมแกกระตุ้นต่อมหาเหตุผลและตั้งคำถามของเราเท่านั้นเอง มีแค่บางพฤติกรรมของแกเท่านั้นแหละที่ไม่ได้ใจเรา / ไม่ตรงใจเรา ถ้าเอาสั้นๆก็คือ ระหว่างคนที่พูดว่าตัวเองเลว ทำแต่เรื่องไม่ดี แต่การกระทำในสายตาของบุคคลที่สามมันไม่ใช่ กับคนที่บอกว่าตัวเองก็ไม่ได้ดี แค่ทำอะไรลงไปเพื่อความดี แต่การกระทำมันออกแนวไม่ค่อยเข้ากับคำพูด เราก็จะเห็นด้วยและคล้อยตามกับคนแบบแรกมากกว่าน่ะค่ะ แค่นั้นเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขัดแย้งกับหลักสละส่วนน้อยเพื่อส่วนรวมนะ และไม่คิดว่าคนที่ตัดสินใจเช่นนั้นเป็นคนไม่มีศีลธรรมด้วย เพราะรายละเอียดปลีกย่อยมันมี ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป อย่างกรณีของคิริซึงุ การที่สอยนาตาเลียในตอนล่าสุด เราคิดว่าเขาก็ำทำถูกแล้วล่ะค่ะ เพราะเป็นเรา เราก็คงทำเหมือนกันนี่แหละ ขี้เกียจมาตามแก้ปัญหาทีหลัง อยากเหนื่อยทีเดียว แต่ถ้าย้อนไปหน่อย กับกรณีของพ่อ เรายิงพ่อไม่ได้หรอก เพราะบางทีมันอาจจะมีทางแก้มากกว่านั้น แต่ที่มากกว่าอะไรก็คือ พ่อเป็นบุคคลที่อยู่เหนือเหตุผล ต่อให้เลวหรือร้ายยังไง ถ้าไม่มีเขา เราก็ไม่ได้เกิดมา แค่ตรงจุดนี้ สังคมบางแห่งหรือบางวัฒนธรรม เขาไม่เอาเรื่องนี้มาคิดกันด้วยเท่านั้นเอง จากคุณ : ตลกวิชาการ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 01:06:48

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่เคยรู้สึกว่าคิริสึงุทำด้วยความคิดว่า"เพื่อความถูกต้อง"หรือ"เพื่อช่วยโลก"เลยแฮะ คิริสึงุมี"โลกในอุดมคติ"อยู่ โลกนั้นปราศจากสงครามและผู้คนที่ทนทุกข์ แต่คิริสึงุไม่ได้ต้องการมอบโลกนั้นเป็นของขวัญแด่ผู้คนซึ่งทนทุกข์บนโลกใบนี้ ก็แค่อยากรังสรรค์โลกในอุดมคติขึ้นมาเท่านั้น สนใจแต่ผลโดยไม่เลือกวิธีการซะด้วย เพราะงั้นการเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนใหญ่จึงไม่แปลกเลย เพราะการวัดผล"ผู้คนซึ่งทนทุกข์"นั้นคือจำนวน เป็นการวัดแบบปริมาณไม่ใช่คุณภาพ คนในโลกจะเป็นใครก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะใกล้ชิดแค่ไหนก็เป็นแค่"หนึ่งหน่วยในหกพันล้าน" จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 12:26:57

ความคิดเห็นที่ 18 ไอหลักการยอมเสียส่วนน้อยเพื่อคนส่วนมากนี่ยังไงเราก็ทำใจรับไม่ได้จริงๆค่ะ และคนที่คิดแบบนั้นได้จิตใจต้องปราศจากคำว่าศีลธรรมแน่นอน ^ ^ ^ สมมุตินะครับสมมุติ มีผู้ชายคนหนึ่ง เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดา มีคนรัก มีเพื่อน แค่ว่าเขาเป็นจอมเวท แถมยังเป็นจอมเวทฝีมือดีจนถูกสมาคมตั้งค่าหัว เพราะต้องการผลงานวิจัยของเขา เขาถูกลอบสังหารหลายครั้ง แต่ก็เอาตัวรอดมาได้เรื่อย จนกระทั่งเขาตัดสินใจหนีจากอิทธิพลของสมาคมจอมเวท ไปสู่แผ่นดินอันเสรี อเมริกา เรื่องมันเลวร้ายลง เมื่อมีนักล่าค่าหัวขึ้นเครื่องมากับเขาด้วย แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือเขานั่นเอง เขาบังเอิญรอดจากการโจมตีครั้งแรกได้เพราะโชคช่วย แต่นักล่าค่าหัวก็มุ่งเป้าโจมตีเขาไม่หยุด บังคับให้เขาต้องป้องกันตัว เขาเป็นผู้ใช้สัตว์เวท แมลงพิษ เขาปล่อยพวกมันออกมาเพื่อจัดการนักล่าค่าหัว เขาทำสำเร็จ รอดชีวิตมาได้ แต่ในที่ปิดอย่างนั้นเขาไม่มีทางควบคุมความเสียหายได้ ลูกเรือคนอื่นกลายเป็นผีดิบไปหมดแล้ว เขาพยายามจะเอาเครื่องลง ติดต่อหอบังคับการบินเรียบร้อย แม้จะรู้ดีว่าการทำแบบนั้นมีความเสี่ยงที่เชื้อจะหลุดรอดและคนทั้งเมืองนิวยอร์คจะกลายเป็นผีดิบ แต่เขายังมีคนที่รักอยู่ ยังมีคนที่รอเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมตายเด็ดขาด เขาชื่อโอด โวลแซ็ค... *** เอมิยะ คิริทสึงุอยู่บนเรือเล็กนอกชายฝั่ง บนไหล่มีเครื่องยิงจรวดสติงเกอร์ที่ได้มาจากตลาดมืด นาตาเลียติดต่อมาว่าแผนการณ์ล้มเหลว ตอนนี้เครื่องบินเต็มไปด้วยผีดิบที่พร้อมจะแพร่เชื้อ เขาทราบข่าว ว่าโวลแซ็คระดมความช่วยเหลือจากมิตรสหายในอเมริกาเพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อทันทีที่ลงจอด แต่ว่ามันก็ยังเสี่ยงเกินไป ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายเหลือเกินหากแผนการณ์ละเอียดอ่อนนั้นผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว ไม่ต้องคิดถึงว่าเป็นแผนการณ์ที่จัดทำอย่างเร่งด่วนและไม่เคยซักซ้อมทดลอง ภาพเครื่องบินอยู่ในกล้องเล็งแล้ว เขาเหนี่ยวไก... *** ถ้าการกระทำของคิริทสึงุในสถานการณ์สมมุตินี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม มันก็ชอบธรรมเท่า ๆ กับที่เขาสละชีวิตนาตาเลียเพื่อช่วยนิวยอร์ค เพราะไม่ว่ากรณีของนาตาเลียหรือกรณีสมมุติ ก็เป็นการ"สละส่วนน้อยเพื่อส่วนรวม"ทั้งสิน หากจะชื่นชมที่คิริทสึงุช่วยชีวิตผู้คนนับล้านพร้อมกับถือโอกาสกำจัดศัตรูแค้น การเสียสละคนที่ตนเองรักที่สุดเพื่อช่วยเหลือชีวิตคนจำนวนเท่า ๆ กันก็น่าชื่นชมไม่ต่างกัน อาจจะน่าชื่นชมกว่าด้วยซ้ำที่สละความเห็นแก่ตนคิดเพื่อส่วนรวมได้ จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 16:18:32

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ ม้าใช้คะ ช่วยไปดูคอมเม้นต์เรานิดนึงค่ะ ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12094719/A12094719.html#25 เราบอกไว้เองว่ากรณีที่คิริทซึงุยิงเครื่องบินเป็นกรณีเดียวที่เราเห็นด้วกับคิริทซึงุ เพราะถ้าปล่อยให้ลงสนามบิน หายนะมาเยือนแน่ๆ (เหมือนกรณี Resident Evil) แต่ไอกรณีปิตุฆาตเนี่ยยังไงก็ผิดเต็มประตูค่ะ ฆ้าพ่อได้เหมือนฆ่ามดฆ่าปลวก คิดดูว่าคนแบบนี้จิตใจมันทำด้วยอะไร จากคุณ : amamizu เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 17:31:56

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วครับความเห็นตรงนั้น เพียงแต่เห็นแย้งกับที่ว่า"เสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก=ไม่มีศีลธรรม" เพราะศีลธรรมมันแปรไปตามความเชื่อของคน บางอย่างในสังคมหนึ่งอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในขณะที่อีกสังคมหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ๆ (จำได้ว่าในคิโนะฯเล่มนึง มีเมืองที่ลูกฆ่าพ่อแม่ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะในเมื่อพ่อแม่เลี้ยงดูลูกให้รักตัวเองไม่ได้ก็ถือว่าเป็นความผิดของพ่อแม่เอง อย่างนี้เป็นต้น) ส่วนที่ว่าจิตใจทำด้วยอะไร... อันนี้ต้องเข้าใจว่า"คิริทสึงุผิดปกติ" ซึ่งนาตาเลียและหลายคนในเรื่องรวมถึงตัวคิริทสึงุเองก็ยืนยันในจุดนี้ เขาสามารถทำอะไรที่สมเหตุสมผลกับหลักการได้โดยที่ความรู้สึกไม่เป็นที่กีดขวาง(ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึก แต่ความรู้สึกไม่มีอำนาจเหนือการตัดสินใจ) ตลอดมาคิริทสึงุก็เสียใจที่ฆ่าพ่อ ไม่ใช่ไม่เสียใจ แค่ว่าตอนนั้น"เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก การฆ่าเอมิยะ โนริกาตะถือเป็นสิ่งจำเป็น"และเหตุผลก็บังคับให้เขาลงมือ หากคนที่เขาลงมือฆ่าเป็นคนอื่นที่เขาไม่เคยรู้จักมักจี่มีความสัมพันธ์ด้วยมาก่อน การกระทำของเขาอาจจะไม่ถูกตำหนิเสียด้วยซ้ำ เพราะโนริกาตะถือเป็นผู้รับผิดชอบลำดับสองในเหตุการณ์นั้น และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุซ้ำได้ แต่เพราะเป็นพ่อ เขาจึงต้องถูกตำหนิ เขาจึงต้องเสียใจคร่ำครวญกับตัวเอง "ทั้งที่เมื่อดูจากเหตุผลโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึก ไม่ว่าจะตัดสินใจฆ่าคนแปลกหน้าหรือบิดาบังเกิดเกล้าก็คือฆ่าหนึ่งคนเหมือนกัน" จิตใจเขาผิดปกติ การกระทำของเขาย่อมผิดไปจากความปกติของเรา จะว่าเขาเป็นโรคก็อาจจะพอได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราล่ะครับว่าจะเห็นใจหรือสาปแช่งเขา สำหรับผม ผมเห็นใจเขาครับ อย่างน้อยถ้าเขาไม่ต้องมีความรู้สึกเลย เป็นเครื่องจักรที่ทำงานเพื่อ"โลกที่ไม่มีใครต้องร้องไห้อีก"ไปเลยอย่างที่เขาอยากให้เป็นได้ก็คงดี แต่เมื่อเขามีความรู้สึก เขาย่อมเสียใจ ต้อวงทนทุกข์ ต้องรู้สึกผิดบาป ต้องทำในสิ่งที่แม้ใจจะไม่ได้อยากทำแต่มันสมเหตุสมผลก็เลี่ยงไม่ได้ เป็นคนที่ไม่สามารถทำอะไรสนองความรู้สึกของตัวเองได้ ตราบเท่าที่มันขัดแย้งกับหลักเหตุผล น่าสงสารครับ น่าสมเพชด้วย จากคุณ : ม้าใช้ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 18:23:54

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ อันนี้คงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนส่วนตัวของแต่ละคนจริงๆค่ะคุณม้าใช้ ว่าจะมองการกระทำของคิริทซึงุว่าเป็นยังไง สำหรับเรา คงเพราะเราเติบโตในครอบครัวที่ยึดมั่นหลักศาสนาพุทธกระมัง เลยไม่อาจทำใจคิดแบบทหาร ที่คิดแต่หวังเอาผลลัพท์โดยไม่คำนึงวิธีการอย่างคิริทซึงุได้  สำหรับเราถ้าปราศจากศีลธรรม ความรู้สึกผิดชอบในบุญบาป เราก็รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ พูดมาเนี่ยอย่าเครียดนะคะ ถกเรื่องตัวละครเฟทนี่สนุกดีค่ะ มีอะไรให้คนอ่าน/ดูคิดเยอะ ยอมรับเลยว่าเก็น อุโรบุจิ สามารถนำพล๊อตเรื่องจากนาสุมาปรุงแต่งได้เยี่ยมจริงๆ จากคุณ : amamizu เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 20:37:59

ความคิดเห็นที่ 22 คห 20 เขียนได้ดราม่าดีนะ   อ่านแล้วซึ้งดี   เราผู้ชมต่างก็มีสิทธิรัก  ชัง   ชื่นชม  ต่อว่า  เย็นชาและเข้าใจตัวละครนั้นๆ ได้  คิดเสียว่าเขาเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต  มันทำให้เรายิ่งคิดถึงคำพูดของอาจารย์ที่เคยบอกเสมอในการวิเคราะห์วรรณกรรมว่า " ดูหนังดูละคร  แล้วย้อนดูตัว  ร้องเล่น เต้นหัว ยิ้มยั่วเหมือนในหนัง " เพราะสื่อบันเทิงต่างๆ มักมีที่มาจากชีวิตจริงของคนเรานั่นเอง แต่นำมาขัดเกลาให้สละสลวยน่าติดตามอย่างพิสดาร ( คล้ายๆ จะวาดม้า  ก็ต้องเคยเห็นม้าจริงๆ มาก่อนไง  แล้วจากนั้นค่อยพัฒนาแต่งแต้มจนกลายเป็นยูนิคอนหรือเพกาซัสอีกทีอะไรงี้ )   ยิ่งดู  ยิ่งคิด  ยิ่งพิจารณาวิเคราะห์ไป   ก็จะยิ่งเข้าใจโลกแห่งชีวิตมากขึ้นจริงๆ มันเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในสื่อบันเทิงทุกเรื่อง  แต่เราว่ามันเด่นชัดมากใน Fate Zero  ซึ่งเหมือนเป็นยิ่งกว่าหนังละครและการ์ตูนจริงๆ  คนรอบตัวเราใครเล่าเขาจะเชื่อ   ว่าการ์ตูนมันจะดราม่าให้ประสบการณ์มุมมองในชีวิตได้ถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ จากคุณ : หงส์อรุณ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 22:27:23

ความคิดเห็นที่ 23 แนวคิดเรื่อง Justice แบบ Utilitarian นี่น่าสนใจครับ ขอยกเคสที่ Michael Sandel อาจารย์ Harvard ที่สอนในหัวข้อ The Moral side of Murder มาลองให้คิดกันเล่นๆ Michael ถามว่า "ถ้าคุณเป็นผู้สังเกตการณ์ แล้วเห็นว่ารถเข็นในเหมืองเบรกแตก และกำลังพุ่งเข้าหาคนงาน 5 คน อย่างไรก็ดี ระหว่างทางคุณเห็น คนอ้วน อยู่คนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างราง ถ้าคุณผลักคนอ้วนลงไปที่ราง รถเข็นจะตกราง คน 5 คน จะรอด แต่คนอ้วนจะตาย คุณจะผลักคนอ้วนคนนั้น หรือไม่?" สุดท้าย นักเรียนในคลาส ก็เถียงกันแบบที่เราทำอยู่นี่แหละ แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน The results are often surprising, revealing that important moral questions are never black and white. จากคุณ : ดอกไม้กับพระจันทร์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 23:01:12

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ^ ไม่ผลักครับ เพราะในสถานการณ์จริงเราไมมีทางคิดแบบนั้นได้ในทันที และไม่มีทางมั่นใจได้ว่ารถเข็นจะตกรางจริงๆ อาจจะกลายเป็นตาย6คนก็ได้ อีกเหตุผลคือ ถึง5คนนั้นจะรอดตายแต่ผมติดคุกชัวร์ๆ และถ้ามีใครบอกว่าวิธีคิดแบบนี้ไม่มีศีลธรรม ก็ต้องบอกว่าวิธีเดียวที่มีศีลธรรมคือคุณโดดลงไปเบี่ยงวิถีรถรางซะเอง ไม่ใช้ให้คนอื่นไปตายแทน จากคุณ : YF-01 เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 10:31:19