ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว พระเอกใช้ท่า พระรามเหยียบลงกา ต่อด้วยฟาดฟันด้วยดาบเดี่ยว จนขันเผ่นแนบ
ฉากลวงให้ ขัน พุด ขุนราม ต้องอาญา เพราะไม่รู้ว่าเสมาได้เป็นครูฝึก เขียนบท ถ่ายทำดี สะใจผู้ชม
ฉากเรไร ศรีเมือง ลงเรือแจวสนทนากัน ถ่ายสวยมาก แลถือร่ม ไม่ต้องมาตากแดด จัดแสงดี
ฉากประลองดาบหาจตุรงคบาท ทำได้ดี พระเอกและท่านอื่นๆ ซ้อมกันหนัก คิวดี ดูสนุก นักแสดงสมทบใช้ดาบคล่องราวกับครูฝึก ภาพตอนที่เสมาประลองกับขัน ถ่ายเป็นภาพมุมสูงเห็นพลับพลา แลพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาทถ่ายสวยมาก
แต่พระเอก ต้องยาพิษ จับไข้หนาวสั่น ไยไม่ห่มผ้า อวดกล้ามโตซะงั้น
ฉากลาไปทำศึกพระเอก ว่างเสมอเพื่อบอกลาสาว แม้ขบวนทัพจะจากไปแล้วก็ตาม
เวลาผ่านไปสองปี จำเรียงไปอยู่อ่างทอง เรไรอายุใกล้ยี่สิบ
กองทัพพระนเรศกรีฑาทัพไปต้านหงสาที่เมืองกาญจน์ เสียดายไม่มีแผนที่cgประกอบ นักแสดงร่วมฉากเยอะดี
ฉากที่พม่าโจมตีทัพขุนราม ตัดต่อได้ดี ทั้งที่ต่างสถานที่กันแต่สื่อความได้ว่ายิงจากที่สูง ขุนรามสั่งให้หาที่กำบัง แลที่สรพงษ์ พูดว่ารอให้กระสุนหมดก่อน แล้วได้ใช้ดาบโจมตี เขียนบทได้ดี งานนี้ทั้งสองท่าน "ถึงแก่แต่ยังมีไฟอยู่" แสดงดี คิวบู๊ดี มีใส่cgเลือดสาด
พลุสัญาณ แบบควันทำcgได้ดี สมจริงเพราะพื้นที่ทำศึกกว้างสื่อสารแบบนี้ครอบคลุมที่สุด ในกองคงพก โกศจุฬาลัมพามวน ไว้จุดพลุ
ฉากระลึกอดีตของขัน ทำได้ดีลงทุน ประณีต ทำให้ตัวละครมีความลึก จะเห็นว่าขันไม่ได้ชั่วโดยสันดาน แต่คบคนชั่วเป็นมิตร เชื่อบ่างช่างยุ จึงทำแต่เรื่องเลวร้าย “มวลหมู่ปัจจามิตร มิน่ากลัวกว่าคนทรยศ”
ฉากที่เสมาเข้าเฝ้า ถวายรายงานเหตุร้าย ณ พลับพลา พระนเรศ นายทหารก้มหน้า ตามองลงพื้น ตั้งใจอ่านบท เพราะยาวมาก ศัพท์ยาก แต่จริงๆกำกับได้ถูกต้อง ห้ามมองหน้ากษัตริย์ พระเอกยังอ่านกันเหนียว
ฉากที่ช้างพระมหาอุปราชหงสา ยืนหลบในร่มไม้ ตรงกับพงศาวดารไทยที่ใช้อ้างอิง รวมถึงคำพูด และมีช้างของเจ้าเมืองมางชามะโร (มังจาปะโร อ่านแบบไทย)ปรากฏทั้งพงศวดารไทย แลพม่า
ฉากที่เสมาวิ่งตามช้างศึกพูดปลุกใจได้ดี ว่าแต่เสมาเป็นหัวหน้าจตุรงคบาทตอนไหน
ฉากที่ช้างศึกพระนเรศ แลพระเอกา พร้อมทหารหาญจำนวนหนึ่งทำได้ดี เพราะกองทหารที่คุ้มครองพระนเรศ ไม่ใช่มีแค่จตุรงคบาท และเป็นทหารมือดีที่สุด(สามเกลอรวมพลัง) ถ่ายทำดีมาก มีกลุ่มหมอกควัน ภาพมุมสูงเห็นฝ่ายทหารพม่า และช้าง รายล้อมทัพพระนเรศ
ฉากที่พระนเรศ ตรัสท้าทายพระมหาอุปราช เพื่อร่วมทำการสัปยุทธ ด้วยคชยุทธ ตรงตามพงศาวดารไทย ความว่า
"พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว"
พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น รับคำท้า เพื่อบำรุงขวัญไพร่พล มิให้เสื่อมเสียพระเกียรติพระมหาอุปราช แห่งกรุงหงสาวดี จึงไสช้างนามว่า พลายเยโปงโซง(เปี่ยมด้วยอานุภาพหาญกล้า ไทย-พัทธะกอ)เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ
ภาพการไสช้างเข้าหากัน แล้วต่อด้วยภาพวาดคำบรรยาย ทำได้ดีมาก(ฉากชนช้างถ่ายจริงๆยากมาก สมัยก่อนจะใช้คนหามสัปคับทั้งสองฝ่าย เคลื่อนไปมา ไม่มีการขี่ช้าง เพราะควบคุมยาก) ที่เหลือไว้ชมภาพยนตร์พระนเรศ ภาค5
ฉากที่จำเรียง โดนขัน พุด จับได้ และสมบุญกับสินมาช่วย คิวบู๊ดี แต่กล้องคนละตัว ภาพไม่เหมือนกัน ตอนที่สมบุญพาจำเรียงหนีไปเจอขุนราม กับสรพงษ์ ทั้งสองคนไม่ได้สวมรองเท้า ตั้งแต่ฉากที่แล้ว ประณีตไม่ตกหล่น จากนั้นเสมานำทหารมาล้อมกรอบ ทำได้ดีสมจริง นักแสดงสมทบเยอะ การเชิญราชโองการ ทำได้ดี กระบอกใส่สาสน์ทำได้ดีมีฝาปิดแน่นหนา กันน้ำได้
ฉากประหาร จากลานประลองเป็นลานประหาร อลังการดี มีเพชฌฆาตมือสอง รำให้เสียวไส้ มือหนึ่งยืนรอจังหวะ บรรเลงเพลงไหว้ครูด้วยปี่กลอง แถมวนขวา(มงคล เพราะเป็นอุบาย) ไม่วนซ้าย(อวมงคล) แสดงดีกันทุกคน โดยเฉพาะสรพงษ์ ใช้เครนโยกแล้วซูมเข้าไป จังหวะภาพ มุมกล้องถ่ายดีมาก เสริมให้การแสดงอารมณ์เต็มเปี่ยม
สมเด็จพระวันรัต(หลวงพ่อธรรมโชติ ในบางระจัน)เลือกได้เหมาะ บทสนทนาตรงตามพงศาวดารไทย แต่ศึกไหน ฤาเท่าศึกหัวใจ ไว้ต่อสัปดาห์หน้า
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 18:03:15
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 17:56:11
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 12:54:15
จากคุณ |
:
ต็กโกวคิ้วป้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
30 พ.ค. 55 10:28:00
|
|
|
|