ความคิดเห็นที่ 1 ศีลธรรมกำหนดโดยสังคม มันไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลย จากคุณ : บักจืดจาง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:17:57

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ายอมรับจากสังคมก็ยากหน่อยล่ะ เพราะเกือบจะทุกประเทศเลยมั้งที่ห้ามพี่น้องที่มีบิดาหรือมารดาเดียวกันจดทะเบียนสมรสน่ะ ดังนั้นตัดเรื่องสังคมยอมรับไปได้เลย ถ้าเปลี่ยนจากคำว่าสังคมเป็นคำว่าจารีต น่าจะเข้าเค้ากว่า ถ้าชาวบ้านแถว ๆ นั้นเขาไม่ว่าอะไรก็อยู่กันได้ อย่างบ้านเรา บางภาคของประเทศผู้ชายมีภรรยาได้ 4 คน ทั้ง ๆ ที่ข้อกำหนดของสังคมโดยปกติเขาไม่ให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่า 1 คนอะไรแบบนั้น แถมเรื่องพี่น้องนี่ยังมีประเด็นทางการแพทย์อีกนะ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 12:25:09 จากคุณ : Autumn2reason เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:20:03

ความคิดเห็นที่ 3 ตาม คห.1 เลย ศีลธรรม มาจากการยอมรับของสังคม คนหมู่มากยอมรับ แล้วว่าสิ่งนั้นดี สิ่งไหนไม่ดี ถึงตัวเองจะไม่ใช่คนดี ศีลธรรมสูงมากมาย แต่ เรื่องค้ำคอร์ แค่ 2D ก็พอแล้ว แค่นี้ก็เยอะละ อย่าล้ำมามากกว่านี้เลย จากคุณ : polparsi เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:25:18

ความคิดเห็นที่ 4 มันเป็นคำใช้กันเฉพาะกลุ่ม อย่าเอามาใช้พร่ำเพรือมากไปจะดีกว่า คำพูดที่เรานึกสนุกพูดกัน จะกลายเป็นคำที่มีความหมายแง่ลบ ในสายตาคนอื่นไป จากคุณ : ดิอาโบโล เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:34:50

ความคิดเห็นที่ 5 "คิด วิเคราะห์ แยกแยะ"จบเรื่อง... จากคุณ : St.RL เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:39:46

ความคิดเห็นที่ 6 ประเด็นศีลธรรมหรือสังคมมันสามารถเปลี่ยแปลงได้ตามบริบทของสังคมในยุคนั้น ๆ แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเมื่อคนในสายเลือดเดียวกันสมรสกันนั้นจะส่งผลต่อรุ่นลูกหลาน ทำให้ลูกหลานที่จะเกิดขึ้นมีโอกาสผิดปกติทางร่างกายได้ง่าย อาจจะเอ๋อ หรือ พิการ หรือไม่ก็เกิดภาวะโรคเลือดไหลไม่หยุดเป็นต้น ดังนั้นจึงเกิดเป็นประเด็นไม่ให้ค้ำคอขึ้นมาเพื่อให้คนรุ่นหลังมีสภาพร่างกายที่ดีเพื่อดำรง เผ่าพันธุ์ต่อไปได้ จากคุณ : garnet19th เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:10:06

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆแล้ว ศีลธรรมเป็นอะไรที่ยังไม่มีคำตอบนะครับ เพราะศาสนามักได้ผลมาจากพระเจ้า และบางทีคำสั่งของพระเจ้าก็ขัดการสัญชาตญาณมนุษย์ซะเอง ไม่ว่าจะเรื่องบูชาลูกตัวเอง หรือสงคราม เพราะงั้นจะเอาศาสนามาวัดก็ไม่ได้ ในสมัยก่อนคนเราก็มีน้อย การมีอะไรกับคนรอบข้างก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ มีแต่กรอบของสังคม ที่เข้ามาจัดการเรื่องพวกนี้ จากคุณ : pink nightmare เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:47:58

ความคิดเห็นที่ 8 มาตามคห.1 คับ มันเป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน แค่คนส่วนใหญ่ ยึดถึอ การที่คนอีกส่วนนึงคิดต่าง มันก็กลายเป็นผิด ก็คิดแค่ 2D ก็พอละ อย่าให้มันลามมาถึงโลกแห่งความจริงก็พอคับ จากคุณ : โลลิร่าเริง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:36:14

ความคิดเห็นที่ 9 ประเด็นนี้น่าสนใจและก็เป็นเรื่องที่ตอบยากจริงๆค่ะ จะว่าไปแล้ว สังคมอาจจะไม่ได้กำหนดศีลธรรมเสมอไปนะคะ น่าจะเรียกว่าประเพณีหรือจารีตมากกว่า เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราเชื่อว่าศีลธรรมเป็นพื้นฐานด้านความดีที่ีมีอยู่แล้ว และมีอยู่ในตัวคนทุกคน ซึ่งสามารถที่จะัรับรู้ได้เลยตามจิตสำนึกหรือสัญชาติญาณ จริงๆอ่านความเห็นของจขกท.แล้วเราก็เห็นด้วยล่ะค่ะ ถ้าสมมติมีคนสองคนที่รักกัน แล้วเป็นญาติหรือพี่้น้องกัน แต่ต่างคนต่างดูแลรับผิดชอบ หาเลี้ยงตัวเองได้ (หมายถึงว่า ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องร้องขอหรือรับการอุปการะจากใครแล้ว รวมทั้งพ่อแม่ด้วย จะว่าไปแบบนี้ เราคิดว่าพ้นสภาพ "การอยู่ในปกครอง" แล้วนะคะ) กับยินยอมพร้อมใจที่จะรักกัน ใจตรงกัน และเงื่อนไขในการคบกันหรือตกลงคบกันก็มี เป็นต้นว่า ในระยะนั้นต่างคนต่างก็โสด ไม่ได้มีสัญญิงสัญญาใจอะไรกับคนอื่น แบบนี้มันก็น่าจะเป็นไปได้ล่ะนะ เพราะแม้ปประเด็นทางพันธุกรรมจะสำคัญ แต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นนะคะ ตามประวัติศาสตร์บ้านเรา มันก็เยอะอยู่และก็มีมานานแล้วด้วย ไม่ใช่ไม่เคยมี การจะพิจารณาอะไรสักอย่าง แล้วตัดสินว่าผิดปกติหรือไม่ผิด มันก็คงต้องมองเป็นรายๆ เป็นกรณีๆไปล่ะมั้ง ดูสภาพแวดล้อมด้วย กรณีพี่น้องรักกันเอง เราว่ามันไม่ได้้ร้ายแรงขนาดนั้นน่ะค่ะ ตราบเท่าที่ทั้งสองเ็ป็นคนดี และซื่อสัตย์ มั่นคงในหนทางของตัวเอง จริงๆถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน สังคมก็ไม่มีสิทธิไปวิพากษ์เขา หรือไปตัดสินใจแทนเขาน่ะนะ จากคุณ : ตลกวิชาการ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:42:18

ความคิดเห็นที่ 10 เืรื่องนี้จะอยู่ที่บริบทของสังคมมากกว่า เอาเข้าจริงเมื่อยุคโบราณโน้น การแต่งงานในพี่น้องไม่นับว่าผิด ก็ทำได้ แต่ในปัจจุบัน ประเทศที่ยอมรับให้เพศเดียวกันแต่งงานกันยังมี แต่ยังไม่มีประเทศไหนยินยอมให้พี่น้องแต่งงานกันเลย ก็งง ๆ เหมือนกันว่ามันเปลี่ยนกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จากคุณ : riamus เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:41:15

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ขอออกความเห็น แต่ยังไงเสียรูปลากรอบ เรื่องน้องฟ้ายังไงก็รอดจากกฎหมายใหม่ของนายอิชิฮาร่าไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : Crazy_O เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:46:26

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าไม่คิดลึกซึ้งมาก ก็แค่แนวแปลกกว่าเดิม มีอะไรให้ลุ้นมากขึ้น และขายในตลาดญี่ปุ่นที่่มีการแข่งขันสูงได้ ก็แค่นั้น แม้หลายคนจะไปลุ้นว่าจบแบบไหน แต่แบบละเอียดยังคงเป็นการเสนอเนื้อหาสาระของการ์ตูนอยู่ดี (นอกเรื่อง) พอไปพูดเรื่องศึลธรรม แนวยิงๆ ฆ่าๆ กันนี่ก็ผิดหมดแหละครับ ขึ้นกับว่า "ส่วนใหญ่" ยอมรับได้แค่ไหน และเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเอาไปทำให้เสียหายโดยอ้างอะไรสักอย่างขึ้นมาเพื่อลดความผิดหรือท้าทายสังคม แล้วนักวิชาการ (บางท่าน) ก็ออกมาพูด เพื่อเอาหน้าจากคดีนั้น จนรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ไปคิดลึกซึ้งก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีลูปของตัวเองอยู่แล้ว จากคุณ : Vortex เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:46:45

ความคิดเห็นที่ 13 ขอ5คำให้จขกท. อย่า มา ทำ เป็น อ้าง จากคุณ : CocoCanDy เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:55:24

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่รู้ิ ดิ ผมไม่ชอบ อะไรซับซ้อนมาก อะไรสนุก สนุกผมก็ชอบ แต่ท่าอยากได้อะไรซับซ้อน คงต้องหาสื่ออื่น ในกรณี เรื่อง anime ค้ำคอร์ สำหรับผม มีอะไรกับน้องสาวตัวเองก็คือค้ำ ไม่มีก็คือไม่ค้ำ แค่นี้จบ จากคุณ : seventoonแห่งโลกมืด เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 16:13:47

ความคิดเห็นที่ 15 มันเป็นกลไกของสังคมในการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง ไม่งั้นผู้หญิงคนไหนสนิทกับพี่ชายตัวเอง ก็จะโดนมองว่าโดนพี่ตัวเองxxxแล้วกันหมดน่ะสิ เพราะ incest เป็นเรื่องผิดศีลธรรม ครอบครัวถึงยังเป็นครอบครัวได้ครับ จากคุณ : WarHammer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:57:54

ความคิดเห็นที่ 16 คอร์  คืออะไรครับ ?? จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 20:17:04

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องของค่านิยมที่คนในสังคมเห็นสมควรน่ะ จากคุณ : kurotama เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:05:08

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ จขกท.ลืมเรื่องสามัญสำนึกไปหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ศีลธรรม จริยธรรม สามัญสำนึก มันก็ไม่ต่างจากสัตว์นะครับ เวลาติดสัดขึ้นมาจะเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือใครมันก็ผสมพันธุ์กันหมดแหละ ลองคิดว่าทุกคนเป็นแบบนี้หมดดูซิครับ น่าขยะแขยงพิลึกดีนะครับ ปล.พระเอกเรื่องนี้ผมว่ามันผิดปกตินะมีอะไรกับน้องสาวตัวเอง    แถมยังหน้าเหมือนตัวเองเป๊ะๆ มันไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ    ผมว่ามันวิปริตนะครับ จากคุณ : linkage (linkage) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:08:01

ความคิดเห็นที่ 19 ขอแจมคุณ บักจืดจาง ครับ ผมคิดว่าสังคมไม่ได้กำหนดศีลธรรมครับ แต่ศีลธรรมต่างหากเป็นตัวกำหนดสังคม (ว่าสังคมนั้นดีหรือเลว) ถ้าหากสังคมกำหนดศีลธรรมจริง ศีลธรรมก็คงไม่ต่างจาก "รสนิยม" เท่าไำหร่ ถามคุณ CocoCanDy ผมอ้างตรงไหนผิดหรือครับ และที่สำคัญ มีข้อความไหนที่ผมบอกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งควรทำหรือเหมาะสม รบกวนอธิบายหน่อย (อย่ามั่วครับ) ขยายความคุณ linkage ผมไม่ได้บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องถูกต้อง เหมาะสม หรือควรกระทำ ไม่มีข้อความตรงไหน ที่เชียร์ให้ทำเรื่องแบบนี้ทั้งสิ้น ไม่อยากให้สับสน  แต่สิ่งที่ผมบอกคือ มันไม่ใช่ประเด็นทางศีลธรรม แต่มันเป็นประเด็นทางสังคมต่างหาก เพราะประเด็นทางศีลธรรมมีอยู่เพียงแค่ "เป็นการเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่" เท่านั้น ส่วนสังคมจะยอมรับหรือไม่ เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 21:53:16 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 21:38:04 จากคุณ : ART19 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:27:49

ความคิดเห็นที่ 20 พี่น้องตั่บตั่บกันเบียดเบียนผู้อื่นมั้ย ก็คงไม่ แต่ถ้าคิดไปถึงว่า2คนมีลูกด้วยกัน ลูกที่เกิดจะได้ยีนด้อยมาจากทั้งพ่อและแม่ ทำให้โอกาสออกมาอ่อนแอ เอ๋อ พิการ สูงกว่าทั่วไป ก็เหมือนเด็กรับกรรมที่พ่อแม่ไม่ตั้งใจแหละครับ สรุปคือ การที่คนในครอบครัวตั่บตั่บกัน แล้วมีลูกมีหลานกันในครอบครัวเอง ทำให้เด็กรุ่นถัดๆมามีโอกาสพิการมากขึ้น จนสุดท้ายก็สืบพันธุ์ต่อไม่ได้ สูญสิ้นวงศ์ตระกูลกันไป จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 22:31:42

ความคิดเห็นที่ 21 ศีลธรรมกำหนดสังคม? .... พูดยากนะ เพราะศีลธรรมมันก็สามารถเปลี่ยนไปได้ตามสังคม ง่ายที่สุดก็เรื่องเมียเยอะนั่นแหละ ดั้งเดิมประเทศเรายอมให้มีเมียเยอะได้แต่สังคมเปลี่ยนมันก็กลายเป็นเรื่องผิดศีลธรรม(และกฎหมาย) ไปในที่สุด จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 01:10:07

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าจะว่ามุมมองทาง Genetic ว่าการ Incest ทำให้ยีนด้อยมีโอกาสเกิดมากขึ้น มันก็จริงแต่มองในทางกลับกันโอกาสที่ยีนเด่นจะเด่นขึ้นมามันก็มีมากขึ้นตาม (และถ้าจะว่ากันจริงๆโอกาสเกิดยีนเด่นมากกว่ายีนด้อยหลายเท่าอยู่) ไม่อย่างนั้นราชวงศ์ที่มีธรรมเนียมแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติ หรือแม้กระทั่งกับพี่-น้อง ต่างมารดาคงจะพิการ สูญสิ้นวงศ์ตระกูลกันไปนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่นอียิปต์เป็นต้น อันนี้ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุน incest นะแต่ไม่อยากให้เข้าใจผิดเรื่องวิทยาศาสตร์ เพราะผมเชื่อว่า Taboo ที่เรียกว่า Incest เนี่ยไม่ได้มีที่มาจากวิทยาศาสตร์ว่าด้วยพันธุศาสตร์ แต่มันน่าจะมีที่มาจากที่อื่น การแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติก็คล้ายๆโยนหัว-ก้อย ผล(ลูก) ที่ออกมา อาจจะดีหรือไม่ดีไปเลย แต่การแต่งงานกับคนนอกก็เหมือนทอยเต๋าออกได้ทั้งหน้าดี - ปานกลาง - ไม่ดี ดังนั้นสิ่งที่แตกต่างกัน(เรื่องพันธุกรรม)ระหว่างการแต่งงานในหมู่เครือญาติหรือแต่งกับคนนอกก็เหมือนกับการลงทุน High Risk - High Return จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 01:19:42

ความคิดเห็นที่ 23 ศีลธรรมไม่ได้เปลี่ยนตามสังคมนะครับยืนยัน ไม่งั้นการโกงในบ้านเราคงเป็นเรื่องถูกศีลธรรมไปแล้วเห็นชอบทำกันจัง ส่วนประเด็จ จขกท ผมเห็นด้วยว่ามันเป็นประเด็นทางสังคม จากคุณ : Thanathoz เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:02:38

ความคิดเห็นที่ 24 ความเชื่อส่วนตัว (ขอแรงนิดนึงนะ) 1. ร่างกายเป็นสมบัติของเจ้าตัว ถ้าเจ้าตัวตัดสินใจทำอะไรก็ตามในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และไม่ขัดกับความต้องการของผู้อื่นแล้ว สิ่งนั้นไม่ผิด (นั่นคือ ผมเห็นด้วยกับการการุณยฆาตเช่นกัน) 2. มนุษย์ก็เป็นแค่สัตว์โลกชนิดหนึ่ง อย่าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าหมู * กา ไก่ มากนัก 3. ผมเห็นด้วยกับเนียร์ (ต่อให้พระเจ้ามีจริง ต่อให้พระเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง ผมก็ขอคิดดูก่อน แล้วตัดสินใจเองว่าจะเชื่อหรือไม่) จากคุณ : หญิงหน้าเศร้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 10:40:46

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบทำไม่ได้หมายความว่าทุกคนทำนี่ครับ คนโกงในสังคมไทยก็ยังคงน้อยกว่าคนไม่โกงอยู่ดี เพียงแต่ถ้ามันเป็นข่าวมันจะเป็นข่าวดังเท่านั้นเอง การโกงจึงยังไม่ได้กลายเป็น Norm ของสังคมไทย คนดีๆในสังคมไทยมันมีอยู่เยอะ แต่มันไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง ถ้าคนโกงมากกว่าคนดีสังคมมันล่มจมไปนานแล้ว ถ้าว่ากันตาม Game Theory ระบบที่เต็มไปด้วยการโกงมันอยู่ไม่ได้หรอก มันไม่ Sustain จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:02:36

ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อก่อน...ผมก็เคยเชื่อแบบคุณ Nexus "คนไม่โกงมีมากกว่าคนโกง" จนกระทั่ง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการทำโพลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผลคือ  เกิน 60% (จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ แต่เกิน 60%แน่นอน)   เห็นว่า "โกงได้ไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน" และที่สำคัญ ผู้ที่เห็นด้วยจำนวนมากเป็นนักเรียนนักศึกษา ผลโพลนี้บอกว่า คนส่วนใหญ่(จากทั้งหมดที่ทำโพล) เห็นด้วยกับการโกงครับ  และนอกจากนี้ ชาวบ้านในปัจจุบัน อีกจำนวนมาก (ย้ำว่ามากจริง ๆ) ที่เชื่อในวาทกรรมนี้ ผมไม่แน่ใจว่า นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ศีลธรรมเปลี่ยนตามสังคมหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแน่ใจ คือ ศีลธรรมที่แท้จริง ต้องไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนบางกลุ่ม (ไม่ว่ากลุ่มใหญ่แค่ไหน) แต่มันคือ ความจริงที่สามารถอธิบายเหตุผลได้ในตนเอง ไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่คือความจริงที่ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา เพราะถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปมาได้  มันไม่ใช่ศีลธรรมครับ แต่มันเป็นเพียงค่่านิยม จารีต วินัย ประเพณี   พูดอีกอย่างก็คือ ศีลธรรม คือ กฎธรรมชาติ ค่่านิยม จารีต วินัย ประเพณี   คือ กฎสมมติ แต่การควบคุมสังคม ก็คงต้องใช้ทั้งสองอย่างปะปนกันไป จะใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่ได้   แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 15:06:04 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 14:53:58 จากคุณ : ART19 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:30:38

ความคิดเห็นที่ 27 อันนั้นมันแค่การยอมรับแต่ไม่ได้หมายความว่ามีคนทำจริงครับ อีกอย่างมันเป็นการยอมรับอย่างมีเงื่อนไขด้วย การตั้ง Poll แบบนั้นภาษาอังกฤษมีสำนวนว่า Lesser of two evils หรือภาษาไทย "กำขรี้ดีกว่ากำตด" ลองเอาข้อมูลมากางดูหน่อยซิว่าคนโกงจริงๆในสังคมไทยมีอยู่จำนวนเท่าไหร่ของประชากร ผมยังเชื่อว่าประชากรส่วนมากของสังคมไทยเป็นคนธรรมดาๆที่ดำเนินชีวิตตามธรรมดา ไม่ได้โกงกินกับใครเขา จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:15:13

ความคิดเห็นที่ 28 ศีลธรรมที่ว่าคือกฎธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลงคืออะไร? จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:16:13

ความคิดเห็นที่ 29 ราชวงศ์ยุโรปสมัยก่อนเขายังสืบสายเลือดกันเองในราชวงศ์ด้วยซ้ำ แต่พอวิทยาการเจริญพิสูจน์ได้ว่าสายเลือดเดียวกันมีทายาทแล้วจะแสดงยีนส์ด้อยมากกว่า เขาเลยไม่อยากให้มีการสืบสายกันเอง แต่มันไม่ใช่ประเด็นมาวิเคราะห์อะไรกันมากมาย จากคุณ : Trisha Foster เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:40:23

ความคิดเห็นที่ 30 ศีลธรรมที่เป็นกฎธรรมชาติ คืออะไร มันก็คือความจริงบางอย่างที่เห็นประจักษ์ชัดแจ้ง เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วความเสื่อมจะต้องตามมา หรือเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ความเจริญจะต้องตามมา ยกตัวอย่างเช่น 1.การโกงครับ การโกง คือ เหตุแห่งความเสื่อม  ไม่ว่าการโกงนั้น จะทำกันเล็กน้อยแค่ไหน ไม่ว่าคนโกงมันจะเคยมี คุณูปการต่อชาติเพียงไร  ขึ้นชื่อว่าโกงแล้ว ในที่สุดความเสื่อมก็จะต้องตามมา และในยุคที่ปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตย แม้ชาวบ้านทั่วไปจะไม่ได้เป็นคนโกงก็ตาม แต่สิ่งสำคัญก็คือ สิทธิในการเลือกตั้งที่แต่ละคนมีสิทธิ ส่งใครขึ้นไปใช้อำนาจรัฐก็ได้  ทัศนคติที่ยอมรับการโกง มันมีความเสี่ยงสูงมาก ที่คนโกงบางคนจะได้รับการยอมรับ ให้ใช้อำนาจรัฐด้วยเหตุผลว่า คน ๆ นั้นมี "ผลงาน" ดังนั้น แม้การยอมรับการโกง ก็คือรากเหง้าความเสื่อมที่จะตามมา ประเทศเกาหลีเองก็เคยมีปัญหาแบบนี้  แต่เขาต่อสู้รณรงค์อย่หลายปี กว่าจะทำให้ประชาชนปฏิเสธการโกงโดยสิ้นเชิงได้ 2.ความรุนแรง มันจะไม่มีวันนำสันติสุขให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้น ไม่ว่าความรุนแรงนั้นจะถูกใช้ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่จะเกิดตามมาก็มีเพียงความรุนแรงเท่านั้น นี่คือ ศีลธรรมระดับเบสิค หรือกฎธรรมชาติระดับพื้นฐาน ส่วนระดับที่ลึกกว่านี้ ผมไม่อยากพูดถึง เพราะความสามารถยังไม่ถึง ยังไม่สามารถเข้าถึงความจริงระดับนั้นได้ จากคุณ : ART19 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:13:19

ความคิดเห็นที่ 31 ประเด็นทางสังคมครับ ปัจจุบันมีกฏหมายคุ้มครองประชาชนดี คงไม่ได้ถูกจับขังไว้ในบ้าน   เห็นด้วยกับสิทธิ์ส่วนบุคคล และพอเข้าใจว่าทําไหมถึงห้าม แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าทําไหมถึงยังมี และคงไม่ใช่เรื่องวิทย์ที่เกี่ยวกับลูกหรอก ไม่งันควรส่งเสริมทําแท้งเด็กพิการ พวกพันธุกรรมป่วย ด้อย โรคติดต่อพวกนี้ไปแล้ว จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:15:57

ความคิดเห็นที่ 32 แต่งงานกันในหมู่พี่น้อง ลูกออกมาเอ๋อนะคะ มีนไม่ใช่แค่สังคมยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติด้วยว่าทำแบบนี้ไม่ได้ เด็กออกมาไม่ปกติค่ะ จากคุณ : ธารวรี เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 12:51:28