ความคิดเห็นที่ 1 อ้าว ยังไม่มีใครมาตอบเลย ไม่รู้คุณ จขกท ยังอยากรู้มั้ย พอดีตอนนี้เราเล่นมือถืออยู่ ถ้าใช้คอมแล้ว จะเข้ามาตอบให้ค่ะ จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:08:17

ความคิดเห็นที่ 2 อยากรู้สิคะ  เข้ามาเรื่อยๆแหล่ะค่ะ จากคุณ : เสียงหวาน เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 23:35:00

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นคุณเสียงหวาน หลังไมค์ไปว่า ดูถึงตอนที่บรีโดนตำรวจตั้งข้อหา เพราะเจอรอยนิ้วมือ งั้นเราเดาว่า น่าจะเริ่มสปอยล์จากตอนนี้นะ Any Moment หลังผ่านงานศพไมค์ไป ซูซานก็ยังเสียใจอยู่ ส่วนเอ็มเจ ก็เอาแต่ใจและก้าวร้าวมาก ซูซานก็ไม่ว่าอะไร เพราะอ้างว่า พ่อของเอ็มเจเพิ่งตาย เขาต้องการการปลอบใจ แม้ว่าจูลี่จะพยายามบอกซูซานให้จัดการกับเอ็มเจบ้างก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่ง เอ็มเจใช้ที่ยิงแม็กยิงเข้าใส่หัวของครู ซูซานโดนเรียกไปพบ ซูซานแก้ตัวแทนลูกชาย ไป ๆ มา ๆ ก็โมโหครูคนนั้น พาลกวาดข้าวของบนโต๊ะครูลงกับพื้น จนเศษของกระเด็นไปโดนเท้าครูบาดเจ็บอีก ตอนท้าย ซูซานเลยตัดสินใจพาเอ็มเจระบายความเจ็บปวดและความโกรธ ด้วยการเขวี้ยงของใส่กำแพงโรงเก็บของ หลังจากขว้างขวดอะไรสารพัด เอ็มเจกับซูซานก็กอดกันร้องไห้ เพราะไมค์ตาย ทำให้แก๊บบี้นึกได้ว่า ที่ผ่านมาคาร์ลอสทำเพื่อเธอขนาดไหน ในขณะที่เธอคิดถึงแต่เรื่องเงิน แก๊บบี้จึงตัดสินใจให้คาร์ลอสลาออกจากวงการธุรกิจ หันมาทำงานเพื่อสังคมอย่างที่เขาอยากทำ แม้ว่าเงินเดือนจะน้อยมาก แก๊บบี้จึงต้องออกไปหางานทำ เพื่อจะได้มีชีวิตหรูหราแบบที่พวกเขามีต่อไป แต่ก็ปรากฏว่า แก๊บบี้ไม่มีคุณสมบัติพอจะทำงานดี ๆ อะไรได้เลย เรียนก็ไม่จบ แก๊บบี้อารมณ์เสียกับตัวแทนหางานมาก เลยไปช็อปปิ้งแก้เซ็ง และที่ร้านเสื้อผ้า แก๊บบี้ก็ช็อปอย่างเมามัน mix and match เสื้อผ้าอย่างคล่องแคล่ว คนที่ร้านประทับใจลีลาการช็อปของแก๊บบี้มาก ถึงกับปรบมือเกรียวกราว แต่พอกลับมาถึงบ้าน คาร์ลอสก็ไล่เธอให้เอาข้าวของพวกนั้นไปคืน เพราะพวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้แล้ว เมื่อแก๊บบี้เอาของไปคืนที่ร้านในวันต่อมา เธอก็ถูกเจ้าของร้านจีบให้เป็น personal shopper ช่วยลูกค้าเลือกสินค้า แล้วเธอจะได้เปอร์เซ็นต์ด้วย แก๊บบี้ก็ตัดสินใจเริ่มงานทันที ส่วนลินเน็ต หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่า เธอจะดึงทอมกลับมา ลินเน็ตก็ขอให้เพนนีช่วย ด้วยการให้เพนนีทำเป็นอยากไปดูคอนเสิร์ตเทเลอร์ สวิฟท์มากกกก แต่ลินเน็ตไม่ยอมให้ไป เจน(แฟนใหม่ทอม) ที่อยากทำคะแนนอยู่แล้ว จึงอาสาพาเพนนีไปดูคอนเสิร์ตเอง ลินเน็ตจึงฉวยโอกาสคืนนั้น ที่ทอมอยู่คนเดียว ทำทีว่าไฟดับ เรียกทอมมาที่บ้าน แล้วก็จุดเทียนเต็มบ้านไปหมด ทำอาหารที่ทอมชอบ เอาอัลบั้มรูปเก่า ๆ มาเปิดให้ทอมดู ให้ทอมได้หวนคิดถึงวันเก่า เกือบ ๆ จะจูบกันละ แขนเสื้อทอมดันไปโดนเทียนจนไฟไหม้ ลินเน็ตรีบไปเปิดไฟ ทอมจึงรู้ว่าเป็นแผนของลินเน็ตนั่นเอง ลินเน็ตอธิบายว่า เธออยากรักษาชีวิตแต่งงานของพวกเขาไว้ แม้คืนนั้น ทอมจะกลับออกไปทันที จนลินเน็ตนึกว่าจะสิ้นหวังแล้ว แต่วันต่อมา เมื่อเจนถามว่าแขนทอมไปโดนอะไรมา (รอยไหม้ไฟ) ทอมก็โกหกเจน และก็ไม่ยอมนอนกับเธอ ด้วยการอ้างว่าต้องทำงาน ทำให้รู้ว่า ทอมเริ่มหวั่นไหวกับลินเน็ตแล้วนั่นเอง ส่วนบรี ก็ต้องตกใจมากเมื่อลูกชายพาแฟนมาที่บ้าน แต่แฟนคนนี้ดันเป็นผู้หญิง ชื่อแมรี เบ็ธ แอนดรูอ้างกับบรีว่า เขาไม่ได้เป็นเกย์ ที่ผ่านมาก็แค่อารมณ์ช่วงหนึ่ง แต่บรีไม่เชื่อ แล้วบรีก็ได้รู้ว่า แมเรี เบ็ธ เป็นทายาทเศรษฐีพันล้าน เธอจึงคิดได้ว่า แอนดรูหวังจะหลอกแมรี เบ็ธ เอาเงินมากกว่า บรีไม่ชอบใจอย่างมาก บรีจึงจัดงานปาร์ตี้ เชิญแอนดรูกับแมรีมาที่บ้าน โดยแขกในงานเต็มไปด้วยเกย์ที่รู้จักกับแอนดรู แต่ในงานปาร์ตี้นั่นเอง แมรีก็บอกบรีว่า เธอรู้แล้วว่าแอนดรูเป็นเกย์ แต่เธอไม่ว่าอะไร เพราะที่ผ่านมาเธอเคยเป็นคนอ้วนมาก ใครก็ไม่ชอบเธอ ตอนนี้เธอลดน้ำหนักได้แล้ว ก็ยังไม่มีใครชอบเธออยู่ดี อย่างน้อยแอนดรูก็ดีกับเธอ เธอก็แค่อยากมีใครสักคน แต่บรีบอกกับแมรีว่า เธอต้องเจอผู้ชายดี ๆ สักคนแน่ เธอสมควรได้รับความรักที่แท้จริง แมรีจึงตัดสินใจเลิกกับแอนดรู ตอนแรกแอนดรูก็โกรธบรี แต่ในที่สุดก็ยอมรับความจริง และยอมกลับมาอยู่กับบรี จนกว่าจะหางานและที่อยู่ใหม่ได้ ส่วนเรเน่ ก็โมโหมากที่เบนไม่ยอมขอเธอแต่งงานซักที และในคืนที่เขากำลังจะขอเธอแต่งงานจริง ๆ นั้น ก็ปรากฎว่าตำรวจโผล่เข้ามาจับเบนเพื่อให้ไปตอบคำถามเกี่ยวกับศพอเลฮวนโดร (พ่อเลี้ยงแก๊บบี้) ที่เจอที่ไซต์งานของเค้า เรเน่เลยชิงยอมรับคำขอแต่งงานของเค้าก่อนที่ตำรวจจะเอาตัวเบนไป เรเน่พาเบนไปแจ้งข่าวกับเพื่อน ๆ ของเธอว่ากำลังจะแต่งงานแล้ว พร้อมกับที่เบนบอกบรีว่า ตำรวจเจอศพแล้ว กลายเป็นว่า บรีไม่สนใจเรื่องงานแต่งงานของเรเน่ละ แต่สนใจเฉพาะเรือ่งตำรวจเจอศพ เรน่บอกว่า ตำรวจจับตัวเบนไป แต่เชื่อว่าเค้าไม่ได้มีส่วนในการฆาตกรรม เพราะศพนั้นน่าจะถูกฝังก่อนที่จะเริ่มงานก่อสร้าง บรีจึงตัดสินใจโทรไปหาเบน และขอบคุณที่เขาไม่ได้บอกความลับของเธอให้ตำรวจรู้ เบนตอบว่า เขาไม่มีวันบอกความจริงกับตำรวจ ทั้งสองคนหารู้ไม่ว่า ตำรวจดักฟังอยู่ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 15:47:54 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 15:46:21 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 12:50:16 จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 12:04:47

ความคิดเห็นที่ 4 With So Little to Be Sure Of บรีจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้เรเน่ (มีเฉพาะเพื่อนสาว ๆ มาร่วม) ระหว่างปาร์ตี้ ตำรวจก็เข้ามาจับบรีในข้อหาฆาตกรรมรามอน ซานเชซ (ชื่อเดิม อเลฮวนโดร) บ๊อบ(เกย์ที่เป็นทนาย) ไปประกันตัวช่วยบรีออกมา ลินเน็ตกับซูซานบอกบรีว่า จะไม่ให้บรียอมรับผิดแทนพวกเขา แต่บรีบอกว่า ตำรวจมีหลักฐานไม่พอจะเอาผิดเธอหรอก ฉะนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอเอง ซูซาน ลินเน็ตและแก๊บบี้ จึงตกลงจ่ายค่าดำเนินการทางกฎหมายทั้งหมดให้บรีเอง บ๊อบแนะนำบรีว่า ให้จ้างทนายอาญาที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ ทริปป์ เวสตัน แต่ปรากฏว่าทริปป์ไม่ยอมรับคดีของบรี เพราะเค้ารู้สึกว่ามันไม่ท้าทายพอ เค้าชอบคดียาก ๆ นักสืบสองคนที่ตามสืบคดีของบรีอยู่ ไปเจอโรงแรมที่อเลฮวนโดรเข้าพักก่อนตาย และเจอข้าวของของเค้า รวมทั้งแผนที่ที่วงกลมพื้น Wisteria Lane ไว้ด้วย ตำรวจ(ที่เป็นเพื่อนชัคและโกรธบรีมาก) แกล้งเขียนบ้านเลขที่ของบรีลงไปในแผนที่ เพื่อหาเรื่องโยงบรีเข้ากับอเลฮวนโดรให้ได้ ตำรวจเรียกบรีไปเจอที่สถานีและเอาแผนที่ให้บรีดู บรีตกใจมาก ไม่รู้จะตอบว่ายังไง เผอิญทนายทริปป์ผ่านมา และเห็นว่าบรีกำลังกลัว จึงตัดสินใจเข้าช่วยกันเธอออกมาจากตำรวจ และอาสาเป็นทนายให้เธอเอง ในวันเกิดทอม ลินเน็ตก็ตัดสินใจว่าจะทำเค้กให้กับทอม อย่างที่เคยทำทุกปี นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะดึงทอมกลับมา ฝ่ายเจนก็พยายามกดดันทอมให้หย่าขาดจากลินเน็ตให้เร็วที่สุด แต่ทอมก็อ้างว่ายังไม่มีโอกาสเหมาะ ๆ เจนจึงเอาใบหย่าไปให้ลินเน็ตเซ็นที่บ้านเองเลย ลินเน็ตโกรธมากเลยสลัดครีมเค้กเขียว ๆ ใส่เจนไป (สมน้ำหน้านะ ๕๕๕) จากนั้นลินเน็ตก็ออกไปเจอทอม และไปโวยวายว่าเขาให้เจนส่งใบหย่าให้เธอ ทอมตกใจมาก บอกว่าเขาไม่ได้บอกให้เจนทำอย่างนั้นเลย แต่ลินเน็ตโกรธและเสียใจ ก็เลยเซ็นใบหย่าให้ทอมตรงนั้น ก่อนจะเดินหนีไปร้องไห้ในรถ ฝ่ายทอม พอกลับมาบ้าน ก็มาโวยกับเจนเรื่องเอาใบหย่าให้ลินเน็ต เจนบอกว่า ทอมต้องให้ความสำคัญกับเธอก่อนลินเน็ต แต่ทอมบอกว่า ลินเน็ตคือแม่ของลูก และลินเน็ตก็จะสำคัญกับเขาตลอดไป เจนต้องยอมรับข้อนี้ให้ได้ ถ้าจะอยู่ด้วยกัน ฝ่ายแก๊บบี้ ที่เข้าไปทำงานในฐานะ personal shopper ตอนแรกก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ เพราะโดยมาก เค้าก็มี personal shopper เจ้าประจำอยู่แล้ว และยังไม่ไว้ใจหน้าใหม่อย่างแก๊บบี้ แต่เจ้าของร้านก็แนะนำให้แก๊บบี้ไปแผนกเสื้อผ้าบุรุษ ซึ่งแก๊บบี้ก็ใช้วิธีอ่อย หลอกล่อผู้ชายซื้อของ แก๊บบี้ลงทุนถอดแหวนแต่งงานเพื่ออ่อยลูกค้า แล้วก็ปรากฏว่า งานขายของเธอทำเงินให้มากเป็นกอบเป็นกำ จนพาคาร์ลอสไปเลี้ยงอาหารหรู ๆ ได้ ที่ร้านอาหารแก๊บบี้เจอลูกค้าชายคนหนึ่งเข้ามาทัก และทำท่าสนใจแก๊บบี้มาก แก๊บบี้ดันแนะนำคาร์ลอสว่าเป็นพี่ชาย ทำให้คาร์ลอสโกรธ เดินหนีกลับบ้านก่อน แก๊บบี้วิ่งตามไปบอกว่า เธอต้องทำอย่างนี้เพื่อหาเงิน และก็บอกว่า เป็นเพราะคาร์ลอสนั่นแหละที่อยากออกจากงานเอง ฝ่ายซูซานก็จัดการกับเสื้อผ้าและข้าวของของไมค์ ลี (เพื่อนบ้านเกย์) มาช่วย แล้วซูซานก็เจอกล่องที่ปิดล็อกไว้ของไมค์ ลียืนยันว่า ถ้าไมค์เก็บไว้เป็นความลับซูซานก็อย่าเพิ่งดูเลย ลีกลัวซูซานเสียใจ จึงบอกว่าเขาจะเป็นคนเปิดกล่องเอง แล้วตัดสินใจให้ว่าซูซานควรรู้หรือไม่ว่าข้างในคืออะไร เมื่อลีเปิดกล่อง เขาก็เอากล่องนั้นไปเก็บไว้ที่บ้าน และไม่ยอมบอกซูซานว่าข้างในนั้นคืออะไร ในที่สุด ซูซานก็ทนไม่ไหว และไปหาลี บอกว่าเธอต้องการดูของในกล่องนั้น ลีบอกว่า ไมค์ส่งเช็คเข้าบัญชีผู้หญิงคนหนึ่งทุกเดือน และในกล่องนั้นก็มีรูปวาด(เหมือนฝีมือเด็ก) อยู่ด้วย ลีบอกว่า น่าจะเป็นรูปของลูกไมค์ ทำให้ซูซานคิดไปว่าไมค์คงแอบมีลูกซ่อนไว้ ซูซานกับจูลี่ไปตามหาผู้หญิงเจ้าของบัญชี แล้วก็พบว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดูแลบ้านพักสำหรับผู้ใหญ่ท่เป็นออทิสติก และเงินที่ไมค์ส่งมาให้เธอ ก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับพี่สาวของไมค์นั่นเอง ซูซานสงสัยว่าทำไมไมค์ต้องปิดบังเรื่องพี่สาวที่เป็นออทิสติกของเค้าด้วย (ลอรา) จูลี่บอกซูซานว่า ไมค์เก็บเรื่องพี่สาวเป็นความลับเพราะแม่ของเขา เพราะแม่ของไมค์ไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ จึงส่งเธอออกไปจากครอบครัว แม่ของไมค์ขอร้องให้เก็บเป็นความลับ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวมองเธอไม่ดี ถึงตรงนี้ จูลี่ก็ร้องไห้ เพราะไม่อยากจะทำผิดพลาดเหมือนกับแม่ของไมค์ ที่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่นเพียงเพราะจะทำให้ชีวิตตัวเองไม่สะดวก จูลี่จึงตัดสินใจว่าจะเก็บลูกไว้ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 13:03:21 จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 13:00:20

ความคิดเห็นที่ 5 Lost My Power พฤติกรรมของบรีในตอนก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตำรวจเชื่อมโยงเข้ากับเหตุจูงใจในการฆาตกรรม ตำรวจรู้ว่าบรีนอนกับผู้ชายจำนวนมาก และอเลฮวนโดร ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น ทริปป์แย้งว่าบรีเป็นคนอนุรักษ์นิยมมาก ๆ ไม่มีทางจะทำอย่างนั้น แต่เมื่อมองหน้าบรี เขาก็ตระหนักว่า บรีเคยนอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้ามาแล้วจริง ๆ เมื่อคุยกันลำพัง ทริปป์ขอร้องบรีให้เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เพื่อเขาจะได้หาทางช่วยได้ แม้จะอายแต่ในที่สุดบรีก็ยอมรับว่าเธอนอนกับผู้ชายพวกนั้นจริง ๆ เมื่อได้เปิดอกกับทริปป์ทุกอย่างแล้ว บรีก็รู้สึกสบายใจเพราะทริปป์ยังรับในสิ่งที่เธอเป็นได้ บรีเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เพื่อนก็สรุปว่า บรีกำลังชอบทริปป์อยู่ (เพราะบรีพยายามรักษาภาพลักษณ์กับทริปป์มาก กลัวเค้าผิดหวัง) และเพื่อน ๆ ก็บอกให้บรีถอนใจเสีย เพราะมันจะไม่ส่งผลดีต่อการทำงานคดีนี้ของทริปป์ ฟากลินเน็ต ก็ตัดสินใจออกเดทกับเกร็ก เจ้านายของทอม แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบเขาก็ตาม ลินเน็ตอาศัยเกร็กให้ช่วยแกล้งทอมกับเจน เช่น ทำให้ตารางงานของทอมปั่นป่วน เพื่อจะได้ไม่ไปเที่ยวกับเจน และในที่สุด เขาก็บอกกับลินเน็ตว่า เขาจะส่งทอมไปอินเดียหนึ่งปี เพื่อแยกให้ห่างจากเจน ซึ่งก็เป็นไปตามแผนของลินเน็ตที่จะดึงทอมกลับมา ซูซานพยายามจะดูแลเอ็มเจในช่วงเวลาที่ไม่มีพ่อ เมื่อเอ็มเจต้องเข้าแข่งขับรถไม้ (คล้าย ๆ โกคาร์ท แต่ทำจากไม้) ซึ่งเป็นการแข่งขันคู่พ่อลูก ซูซานก็อาสาทำแทน โดยเธอลงมือทำรถเอง แม้เอ็มเจจะไม่ค่อยเชื่อว่าเธอจะทำได้ แต่ซูซานก็ทำออกมาได้ดีพอตัว แต่ว่าเออ็มเจก็โยนรถไปไว้กลางถนนให้รถบรรทุกทับจนพังในที่สุด เอ็มเจบอกว่า ตั้งแต่พ่อตายเพื่อนที่โรงเรียนก็มองเขาแปลก ๆ และถ้าแม่เป็นคนทำรถให้เขา และพาเขาไปแข่ง ทั้งที่มันเป็นการแข่งคู่พ่อลูก คงจะยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่ (โรงเรียนไหนเนี่ย พ่อตายแล้วกลายเป็นตัวประหลาด - -') ในที่สุด ซูซานก็เข้าใจเอ็มเจ จึงไปขอความช่วยเหลือจากบรรดาเพื่อน ๆ ผู้ชายมาช่วยเอ็มเจสร้างรถ (เป็นตัวแทนพ่อมั้ง) ฝ่ายคู่คาร์ลอสกับแก๊บบี้ หลังจากคาร์ลอสลาออกจากงานเดิม และมาทำงานที่ศูนย์บำบัดคนติดเหล้า ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และแก๊บบี้ก็ไปทำงานร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งแก๊บบี้ยุ่งมากกว่าคาร์ลอส เธอจึงโยนงานที่เธอเคยทำสมัยเป็นแม่บ้านเฉย ๆ ให้คาร์ลอสทำ เช่น ไปส่งลูกที่โรงเรียน และงานบ้านอื่น ๆ คาร์ลอสก็ไม่ค่อยพอใจ เพราะเหมือนแก๊บบี้มีอำนาจมากกว่าเขา เมื่อแก๊บบี้ได้เจอกับเศรษฐีนีสูงวัยคนหนึ่งมาเป็นลูกค้าในร้าน แก๊บบี้ก็พยายามเอาอกเอาใจเพื่อหวังจะทำเงินจากเธอ โดยชวนเศรษฐีนางนั้นมาที่บ้านเพื่อกินอาหารเย็นด้วยกัน แล้วก็ปรากฏว่า คาร์ลอสแย่งลูกค้าของเธอ ด้วยการชวนนางไปเป็นผู้บริจาคให้กับศูนย์บำบัดที่เขาทำงานอยู่ นางจึงตัดสินใจเลิกเป็นลูกค้าของแก๊บบี้ เพราะต้องการนำเงินมาช่วยเหลือคนดีกว่าไปใช้ฟุ่มเฟือย หลังจากนางไปหาคาร์ลอสที่ศูนย์เพื่อบริจาค ก็พบว่าสำนักงานของคาร์ลอสหรูหรามากกกก ทั้งที่ปกติจะดูเก่า ๆ ซอมซ่อ นั่นเพราะแก๊บบี้เอาคืน เพื่อทำให้เศรษฐีนีเข้าใจผิดว่า คาร์ลอสนำเงินไปใช้ในทางที่ผิด สุดท้าย นางก็เลยไม่ยุ่งไม่เกี่ยวทั้งกับคาร์ลอสและแก๊บบี้อีกเลย ฝ่ายเรเน่ เมื่อพบว่าเบนเป็นหนึ่งในรายชื่อพยานที่ต้องขึ้นให้การให้คดีของบรี เธอไปซักไซ้เบนและรู้ว่าเบนมีความลับที่ไม่ยอมบอกเธอเรื่องศพที่เจอในไซต์งานของเค้า เรเน่จึงบอกเบนว่า เธอจะไม่แต่งงานกับคนที่มีความลับกับเธอ เบนจึงบอกว่าเขาไม่อยากบอกเรเน่ เพราะไม่อยากดึงเธอเข้ามาเสี่ยง เรเน่ยอมตกลงว่า จะรอจนพวกเขาแต่งงานกันเสียก่อนถึงจะได้รู้ว่าความลับนั้นคืออะไร จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 13:56:22

ความคิดเห็นที่ 6 The people will hear? เรื่องคดียังไม่จบ แต่บรีก็ยังสร้างเรื่องใหม่อีก ด้วยการหึงทริปป์กับผู้หญิงคนหนึ่ง ไปหาเรื่องว่าเค้าเป็นโสเภณีจนเค้าโกรธ แล้วบรีก็ได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นนักสืบ ที่ช่วยงานทริปป์อยู่ ซึ่งตอนนี้เธอก็ปฏิเสธที่จะช่วยคดีของบรีแล้ว (ดูตอนนี้รำคาญบรีมาก) พอรู้เรื่องบรีก็หาทางขอโทษนักสืบหญิงคนนั้น จนเธอยอมกลับมาช่วยคดี แต่เรื่องก็ยากขึ้นไปอีก เมื่ออัยการพบจดหมายลาตายของบรี ที่เธอเขียนในคืนอยู่ที่โรงแรม คืนที่ชักโดนรถชนตาย ในจดหายนั้นบรีเขียนทำนองว่ารู้สึกผิดมากกับสิ่งที่ทำลงไป ทำให้ศาลเชื่อว่าบรีฆ่าอเลฮวนโดรแน่ แล้วในตอนนั้นเอง ทริปป์ก็ได้ข้อมูลจากนักสืบของเขาว่า ชายที่ตายคือพ่อเลี้ยงของแก๊บบี้นั่นเอง เมื่ออยู่นอกศาล ทริปป์บอกบรีว่าเค้ารู้แล้วว่าอเลฮวนโดรเป็นใคร และรู้ว่าบรีกำลังช่วยแก๊บบี้ปกปิดความผิดอยู่ ทริปป์บอกให้บรีเปิดเผยความจริงข้อนี้ เพราะตอนนี้ศาลเชื่อแล้วว่าบรีทำผิด หลังจากทอมบอกลินเน็ตว่า เค้าคงคิดถึงเธอมากถ้าเขาต้องไปอยู่อินเดีย ลินเน็ตจึงพยายามเจรจากับหัวหน้าทอมให้ยกเลิกงานของทอมที่นั่น เมือ่เขาตกลง เธอก็เลิกคบกับเขาโดยบอกว่า ตอนนี้เธอหลงรักคนอื่นอยู่ ทำให้เจ้านายของทอมโกรธลินเน็ตมาก วันต่อมาเมือ่เจอทอม เขาก็ด่าลินเน็ตให้ทอมฟัง ทอมโกรธจึงต่อยหัวหน้าไป และสุดท้ายก็โดนไล่ออก เมื่อทอมเล่าให้เจนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เจนก็ถามอีกครั้งว่าทำไมเขาต้องแคร์ลินเน็ตมากขนาดนี้ด้วย ทำมจึงยอมรับว่าเขาเหมือนจะยังรักลินเน็ตอยู่ ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเจนต้องจบลง อย่างไรก็ตาม เมื่อทอมกลับไปหาลินเน็ตที่บ้าน เขาพบว่าลินเน็ตกำลังหันหลังถอดเสื้อกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทอมก็เสียใจและเดินกลับหลังไป จริง ๆ แล้วผู้ชายที่อยู่กับลินเน็ตก็คือลี เพื่อนบ้านเกย์นั่นเอง ที่ช่วยลินเน็ตถอดชุดเห่ย ๆ ไปคืนเรเน่ ซึ่งลินเน็ตไปยืมมาเพื่อแต่งตัวสวยเอาใจทอม ซูซานก็ช่วยจูลี่ลูกสาวเธอกับพอร์ตเตอร์ (ลูกชายของลินเน็ตที่ปรากฏว่ากลายเป็นพ่อของลูกในท้องจูลี่) ให้ผ่านช่วงเวลาที่เตรียมตัวสำหรับเป็นพ่อแม่ไปให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าพอร์ตเตอร์ยุ่งกับการทำงานเพื่อหาเงินไว้เลี้ยงลูก จนไม่ได้มาช่วยจูลี่เลย จูลี่จึงคิดว่าพอร์ตเตอร์ไม่อยากเป็นพ่อแล้ว ซูซานจึงไปคุยกับพอร์ตเตอร์และพบว่าเขาทำงานหนักมาก และได้เห็นว่าถ้าพอร์ตเตอร์จะทำหน้าที่พ่อเค้าคงจะพลาดอะไรในชีวิตไปหลายอย่าง (เช่นพลาดเรียนมหาวิทยาลัย) ซูซานจึงกลับไปคุยกับจูลี่ และบอกว่าจะขายบ้านหลังนี้ และย้ายไปอยู่กับจูลี่เพื่อช่วยเลี้ยงลูก ให้จูลี่เรียนจนจบปริญญาเอก เธอรู้ว่าพอร์ตเตอร์เองมีอะไรอีกมากที่อยากทำมากยิ่งกว่าการดูแลเด็ก ข้างฝ่ายแก๊บบี้ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกผิดอะไรเลยที่ให้บรีต้องมารับเคราะห์รับกรรมแทนสามี แม้เพื่อนสาวของเธอแต่ละคนไม่สบายใจมาก และกำลงจะบอกความจริงกับศาล แต่แก๊บบี้ก็ไม่แคร์ แต่แล้วขณะที่แก๊บบี้ดุลูกสาวตัวเอง ที่ฮวนนิดาโยนความผิดให้ซีเลีย ระหว่างน้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองทำอะไรลงไปกับบรี แต่แทนที่จะไปสารภาพกับตำรวจ แก๊บบี้ก็ซื้อผ้าพันคอไปให้บรีเพื่อชดเชยสิ่งที่เธอทำลงไป - -' แม้ว่าบรีอาจจะต้องโดนโทษประหารเพราะรับผิดแทนแก๊บบี้ก็ตาม จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 14:37:15

ความคิดเห็นที่ 7 Give Me The Blame สาว ๆ ทั้งสี่คน ตกลงกันว่า จะผลัดกันดูแลแคเรน ที่อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เพื่อว่าแคเรนจะได้ตายที่บ้าน ดีกว่าไปตายที่โรงพยาบาล บรีถูกตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฆาตกร แต่บรีก็ยังไม่ยอมปริปากว่าแก๊บบี้มีส่วนด้วย แม้ว่าทริป (ทนายของบรี และเป็นคนที่บรีแอบชอบคนปัจจุบัน) จะขอร้องให้บอกความจริงเขาให้หมดก็ตาม ส่วนแก๊บบี้ก็รู้สึกผิดมาก ที่ต้องให้เพื่อนรับแทน คาร์ลอสเองก็เตรียมตัวจะเปิดเผยแล้วว่า เค้าคือฆาตกรที่แท้จริง เบน โฟล์กเนอร์ ถูกนำขึ้นมาเป็นพยานต่อหน้าศาล แต่เบน ก็ไม่ยอมพูดอะไร แม้ว่าอัยการจะเอาเทปเสียงที่ดักฟังเสียงสนทนาระหว่างเค้ากับบรีมาเปิดก็ตาม เสียงที่ทั้งสองคนคุยกันทางโทรศัพท์ คือ บรีโทรไปขอบคุณเบน ที่เบนปกป้องเธอ และช่วยเธอฝังศพ พอเบนไม่ยอมพูดอะไร ก็เลยถูกศาลสั่งขังหนึ่งวัน เรเน่ไปเยี่ยมเบนที่คุก แล้วก็โมโหมาก ที่เบนไม่ยอมเล่าให้ฟังเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเบนบอกว่าเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นในวันที่พวกเขาจัดงานปาร์ตี้ตามบ้านต่าง ๆ เรเน่ก็บอกว่า คืนนั้นเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นบรีกำลังลงจากรถ พอเรเน่คุยกับเบนเสร็จ อัยการก็มาดักรอบรี พร้อมกับบอกว่าได้บันทึกข้อความที่เธอคุยกับเบนแล้ว อัยการขู่ว่าถ้าเรเน่ไม่ยอมช่วย จะส่งเบนกลับออสเตรเลีย เรเน่จึงตัดสินใจเป็นพยานช่วยอัยการ   เรเน่บอกศาลว่าเห็นบรีลงจากรถในสภาพเลอะโคลน ในมือถือพลั่วในคืนเกิดเหตุ นี่ทำให้ทริปป์ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงสั่งให้บรีบอกความจริงมาให้หมดว่าใครคือฆาตกร เพราะเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอติดคุก พอทริปป์จูบเธอ บรีก็สารภาพหมดสิ้นว่าคาร์ลอสเป็นคนฆ่า แต่บรีก็ขอให้ทริปป์สัญญาว่าจะไปไม่ใช้ข้อมูลนี้เอาผิดกับครอบครัวโซลีส แต่ฉากต่อมา บรีก็ต้องช็อก เพราะทริปป์ขอให้แก๊บบี้ขึ้นเป็นพยาน ทริปป์ถามแก๊บบี้ว่ารู้จักกับผู้ตายหรือไม่ และเกี่ยวข้องอะไรกัน จังหวะนั้นเอง บรีก็แกล้งเป็นลม ทำให้ศาลต้องระงับการพิจารณาคดีไปก่อน บรีโกรธทริปป์มาก และไม่ยอมพูดดีกับเขาอีก ในคืนที่แก๊บบี้ต้องทำหน้าที่ดูแลแคเรน แก๊บบี้กับคาร์ลอสก็เถียงกันเรื่องบรี พวกเขารู้สึกผิดมากที่ให้บรีรับเคราะห์แทน คาร์ลอสจะไปสารภาพ แต่แก๊บบี้ไม่อยากให้คาร์ลอสติดคุกอีก เธอจะไปสารภาพเองว่าเป็นคนฆ่าอเลฮวนโดร โดยอ้างว่าเค้าเขยข่มขืนเธอตอนเด็ก และมันเป็นการป้องกันตัว แต่คาร์ลอสอยากให้แก๊บบี้อยู่กับลูก ๆ ต่อไป แก๊บบี้เหมือนจะเห็นด้วยกับคาร์ลอส ซึ่งแคเรนได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาพูดกัน แต่แล้วในเช้าวันถัดมา ก่อนเข้าศาล แก๊บบี้ก็หาเรื่องให้คาร์ลอสโดนเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ตรงทางเข้า โดยให้เขาใส่เสื้อคลุมที่มีมีดพกเข้าไปด้วย เครื่องสแกนอาวุธดังขึ้น คาร์ลอสก็ติดอยู่ตรงนั้น แก๊บบี้เข้าไปศาลคนเดียว แต่ก่อนที่แก๊บบี้จะไปถึงศาล แคเรนก็ไปคุยกับทริปป์ก่อน นางขอขึ้นเป็นพยานให้บรี แม้ว่าอาการกำลังแย่ก็ตาม เมื่อแคเรนอยู่ต่อหน้าศษล เธอก็สารภาพว่าตัวเองคือผู้ฆ่าอเลฮวนโดรในคืนนั้นเอง เพื่อปกป้องแก๊บบี้จากพ่อเลี้ยงของเธอ อัยการจึงล้มคดีนี้ไป เพราะขี้เกียจวุ่นวายต้องไปตามสืบว่าอเลฮวนโดรเคยข่มขืนแก๊บบี้จริงรึเปล่า และอีกอย่าง แคเรนก็อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต จึงไม่อยากเอาผิดเธอ ทุกคนดีใจที่บรีหลุดพ้น แต่บรีก็ไม่ยอมให้อภัยทริปป์อยู่ดี แม้ว่าเขาจะขอโทษเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่ายซูซานก็ไม่ยอมบอกเพื่อนสักทีว่าจะขายบ้าน ทอมนำใบหย่ามาให้ลินเน็ต เพราะคิดว่าเธอกำลังคบคนอื่น แต่รอยก็ทำให้ให้ทอมได้คิดว่า เราต้องบอกให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาสำคัญกับเราขนาดไหน ในตอนที่เรายังมีโอกาสทำได้ ทอมจึงตัดสินใจไปบอกลินเน็ตว่ายังรักเธอ แล้วก็คืนดีกัน จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:08:59

ความคิดเห็นที่ 8 Finishing the Hat ตอนสุดท้าย เริ่มที่การย้ายเข้ามาอยู่ Wisteria Lane ของแมรี่ อลิส ในวันที่เธอได้ทักทายกับมาร์ธา ฮูเบอร์ ยายแก่ที่ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้าน มาร์ธารู้ว่าเพื่อนบ้านใหม่ของเธอมีความลับซ่อนอยู่ เรื่องก็ย้อนไปที่ฉากแมรี่อลิสยิงตัวตาย และมันส่งผลยังไงต่อแม่บ้านทั้งหลาย ตัดมาที่ฉากปัจจุบัน ซูซานตัดสินใจบอกเพื่อน ๆ ว่าเธอจะย้ายไปอยู่ที่อื่น และในขณะเดียวกัน อดีตเพื่อนบ้านของพวกเธอก็กลับมา แคทธรีน เมย์แฟร์ แคทธรีนเลิกกับคู่ขาเลสเบี้ยนของเธอ และไปอยู่ที่ปารีส และก็ทำธุรกิจที่โน่นจนร่ำรวยกลับมา แล้วมาคราวนี้ เธอก็มาชวนลินเน็ตไปทำงานด้วย แคทธรีนบอกลินเน็ตว่าอยากให้เธอเป็นหัวหน้าสาขาที่อเมริกาที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ปัญหาก็คือ ลินเน็ตเพิ่งคืนดีกับทอม จึงไม่เหมาะที่จะแยกจากครอบครัว แคทธรีนยื่นข้อเสนอให้ และบอกว่า แม่บ้านนั่งเย็บผ้า ดูยังไงก็ไม่ใช่ลินเน็ตเลย ทำให้ลินเน็ตชักลังเล ส่วนแก๊บบี้ ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเหมือนกัน เธอซื้อของขวัญกลับมาบ้านเพื่อเอาใจคาร์ลอส (แบบที่คาร์ลอสเคยทำกับเธอ) คาร์ลอสรู้สึกไม่ดีที่เหมือนพวกเขาสลับบทบาทกัน และคาร์ลอสก็เหมือนถูกทิ้งเพราะแก๊บบี้ก็ยุ่งแต่กับการหาเงิน คาร์ลอสเลยเอาคืนด้วยการจ้างคนทำสวนสุดเซ็กซี่ ทำให้หวนนึกถึงซีซั่นแรก ที่แก๊บบี้เป็นชู้กับเด็กทำสวนเพราะคาร์ลอสยุ่ง หลังจากแกล้งกันสักพัก คาร์ลอสกับแก๊บบี้ก็คุยกันดี ๆ ว่า ไม่อยากกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่ครอบครัวมีปัญหาอีกแล้ว ตอนท้ายเรื่อง ก็ตัดหลายฉากสลับกันไปมา เริ่มจากงานแต่งของเรเน่ ที่นางมัวแต่แต่งตัวสวย จนไปงานสาย ตอนไปงานเรเน่ขึ้นรถลีมูซีนไปกับแก๊บบี้ ซูซาน และจูลี่ ปรากฏว่าจูลี่น้ำคร่ำเดิน เปียกชุดของเรเน่ แทนที่จะพาจูลี่ไปโรงพยาบาล แก๊บบี้กับเรเน่ดันสั่งคนขับรถ ไปร้านเสื้อผ้าที่แก๊บบี้ทำงานอยู่ เพื่อเปลี่ยนชุดแต่งงานใหม่ พอไปถึงร้าน ก็ปรากฏว่า เพื่อนร่วมงานแก๊บบี้ไม่ยอมให้ยืมชุดแต่งงานราคาแพง แก๊บบี้จึงพาเรเน่แอบใส่ชุดและวิ่งหนีออกมาจากร้าน โดยไม่จ่ายเงิน พอออกมาจากร้านก็ปรากฏว่า ซูซานสั่งให้คนขับลีมูซีนพาไปโรงพยาบาลเสียแล้ว แก๊บบี้กับเรเน่เลยต้องวิ่งไปงานแต่ง พอไปถึงงานก็โวยวายกับทุกคนที่ขวางหน้า แต่พอเบนบอกว่า ไม่เคยเห็นใครสวยเท่านี้มาก่อน เรเน่ก็สงบลงได้ :) ที่งานแต่ง ลินเน็ตกับทอมได้คุยกัน เรื่องงานที่นิวยอร์ก แล้วในที่สุด ทอมก็ยอมให้ลินเน็ตไป ส่วนบรี ก็ยังไม่ยอมคืนดีกับทริปป์ จนเมื่อทริปป์ไปหาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่หายากให้กับแคเรน แคเรนก็ช่วยพูดกับบรีให้ใจอ่อน และที่งานของเบนกับเรเน่ ทริปป์กับบรีก็เริ่มกลับมาคุยดี ๆ กันอีกครั้ง อีกด้านหนึ่ง แคเรนก็ใกล้จะจากไปแล้ว โดยมีรอยอยู่ข้าง ๆ เปิดแผ่นเสียงเพลงที่รักไปด้วย ในขณะที่งานแต่งของเรเน่กับเบนดำเนินไป จูลี่ก็คลอดลูกที่โรงพยาบาล พอร์ตเตอร์โทรเรียกทอมกับลินเน็ตให้ออกมาจากงานแต่งเพื่อดูหลาน รอยโทรหาบรีว่าแคเรนเสียแล้ว บรีก็ออกมาจากงานพร้อมกับทริปป์ ท้ายเรื่อง สาว ๆ ทั้งสี่คนก็นั่งเล่นไพ่ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ซูซานจะย้ายบ้านไป พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาเล่นด้วยกันอีก แต่ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้เล่นด้วยกันอีกเลย ทอมกับลินเน็ตย้ายไปอยู่นิวยอร์ก ลินเน็ตกลายเป็น CEO แก๊บบี้กับคาร์ลอสย้ายออกจากที่นั่นไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย คาร์ลอสช่วยแก๊บบี้ทำเว็บไซต์ personal shopping จนประสบความสำเร็จ บรีแต่งงานกับทริปป์ ย้ายไปอยู่ที่หลุยส์วิลล์ และได้รับเลือกตั้งเป็นนักกฎหมายของรัฐเคนตั๊กกี้ ส่วนซูซาน ภาพก็ตัดไปที่ตอนเธอจะย้ายออกไปเป็นคนแรก ซูซานส่งต่อบ้านให้แม่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะมาพร้อมกับความลับของเธอ (อีกแล้ว) จบแล้วค่า จบซะที เราชอบซีรี่ส์เรือ่งนี้มากกกกกกกกกกกก โดยเฉพาะซีซั่นแรก ๆ ดูตาบวมตาแฉะยันสว่างตลอด แต่สองซีซั่นสุดท้าย เราว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ก็ต้องทนดูให้จบ เพราะอยากรู้ว่าชีวิตสาว ๆ จะลงเอยยังไง ช่วยไม่ได้เนาะ ผูกพันกับตัวละครไปแล้วนิ จากคุณ : Odd_One_Out เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:43:34

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากๆค่ะ  ขอให้คุณมีความสุขมากๆนะ  ใจดีจังเลย จากคุณ : เสียงหวาน เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 18:13:07