Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Prometheus ...(แชร์ความรู้สึกหลังดู) หรือจะให้เรียกว่า 2093: A Space Jockey ดี...? ติดต่อทีมงาน

นับตั้งแต่ Alien 3 เป็นต้นมา หนังในแฟรนไชส์ Alien (รวมถึงหนัง Alien vs. Predator ทั้งสองภาค)ก็ดูจะออกอ่าว ออกทะเล ออกกาแล็คซี่ไปกับการสรรหา Xenomorph พันธุ์ใหม่ๆเพื่อเอามาหลอกขายของเล่นให้กับเหล่าแฟนานุแฟนตาดำๆทั้งหลายไปเรื่อยมาจนต่างคนต่างก็พากันลืมคำถามๆหนึ่ง(แต่ถามได้หลายแบบ)ซึ่งเป็นคำถามพื้นๆแต่มีความสำคัญมากเกี่ยวกับแฟรนไชส์นี้ไปเสียสนิท

นั่นก็คือสรุปแล้วใครเป็นผู้สร้างไอ้เจ้า Xenomorph ตัวร้ายพวกนี้ขึ้นมา? สร้างขึ้นมาทำไม? แล้วพวกมันรวมถึงไอ้เจ้ามนุษย์อวกาศ Space Jockey ที่เหล่าลูกเรือยาน Nostromo ไปจ๊ะเอ๋เข้าใน Alien ภาคแรกมันมาจากไหนกันแน่?

จึงถือเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่ผู้กำกับผู้ฟูมฟักไข่ Xenomorph บนแผ่นฟิล์มเป็นเจ้าแรกอย่าง Ridley Scott จะกลับมาสานต่อตำนานแห่งจักรวาล Alien ด้วยการนำมันกลับไปสู่จุดเริ่มต้น


สิ่งหนึ่งที่คนดูหายห่วงได้เลยตั้งแต่เห็นชื่อชั้นของผกก. Scott พ่วงอยู่บนเครดิตหนังก็คืองานด้านภาพรวมถึงวิชวลเอฟเฟ็กต์ต่างๆของหนังที่อลังการดาวล้านดวงสมความคาดหมาย

และยังต้องขอออกปากชมผกก. Scott เป็นการส่วนตัวอีกด้วยในความพยายามที่จะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในเซ็ตฉากจริงๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลที่ออกมาจึงแลดูสมจริง หลายๆฉากดูแล้วชวนให้นึกถึงบรรยากาศบนยาน Nostromo ในหนัง Alien ภาคแรก ไม่ได้ดูสะอาดสะอ้านเกินจริงแบบที่หนังยุคนี้ที่ใช้ CGI เนรมิตทุกอย่างขึ้นมาส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน


ทีมนักแสดงทุกคนไม่เว้นแม้แต่นักแสดงสมทบโนเนมทั้งหลายต่างทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวหนังสามารถแบ่งเวลาให้ตัวละครแต่ละตัวได้มีฉากเด่นๆเป็นของตัวเองได้อย่างเท่าเทียม

นักแสดงสองคนที่คงจะได้รับการพูดถึงเป็นพิเศษเพราะเป็นสองคนที่มีบทเยอะที่สุดในเรื่องก็คงหนีไม่พ้น Noomi Rapace กับ Michael Fassbender ที่คนแรกสลัดคราบอีสาวลายสักมังกรมารับบทนำในหนังฮอลลีวู้ดแบบจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก(ไม่รวมคราว Sherlock Holmes: A Game of Shadows เพราะนั่นมันไม่ใช่บทนำ)ได้อย่างน่าดูชม เป็นศูนย์กลางอารมณ์ที่คนดูสามารถเทใจช่วยได้ตั้งแต่ต้นจนจบในแบบที่ชวนให้นึกถึงการแสดงของ Sigourney Weaver ในบท Ellen Ripley ในหนัง Alien ภาคแรก(อีกแล้ว)

ในขณะคนหลังยังคงความมีเสน่ห์ เบี่ยงเบนความสนใจของคนดูมาที่ตัวเองได้ในทุกๆฉากที่โผล่มา และกลืนหายไปกับบทบาทของตัวเองได้ไม่แพ้ผลงานการแสดงชิ้นก่อนๆ คงจะไม่เป็นการเกินเลยนักหากจะบอกว่าบทบาทหุ่น David ของ Fassbender ในหนังเรื่องนี้เป็นการแสดงเป็นหุ่นยนต์ที่น่าจดจำที่สุดในช่วงหลังๆมานี้(ซึ่งก็น่าอยู่หรอกเพราะมันจะมีหุ่นยนต์ซักกี่ตัวเชียวที่มี Lawrence of Arabia เป็นหนังสุดโปรดในดวงใจ?) แถมดูๆไปแล้วยังมีส่วนชวนให้นึกถึงบรรดาตัวละครหุ่นแอนดรอยด์ในหนัง Sci-Fi ชิ้นโบว์แดงอีกเรื่องหนึ่งของผกก. Scott อย่าง Blade Runner ได้อีกต่างหาก

นักแสดงชื่อดังที่ได้รับบทเด่นรองลงมาจาก Rapace และ Fassbender อย่าง Charlize Theron และ Idris Elba เองก็ควรได้รับกล่าวถึงเป็นพิเศษเช่นกัน


ตัวหนังมีแนวทางการดำเนินเรื่องในช่วงครึ่งแรกและครึ่งหลังที่ค่อนข้างจะต่างกัน ด้วยความที่ครึ่งแรกของหนังนั่นเข้าข่ายหนัง Sci-Fi ไฮคอนเซ็ปต์ที่ตั้งประเด็นจุดกำเนิดที่แท้จริงของมนุษยชาติคล้ายๆ 2001: A Space Odyssey ในขณะที่ครึ่งหลังของหนังออกแนวหนัง Sci-Fi สยองขวัญตามรอยพี่ใหญ่อย่าง Alien (โดยเฉพาะในฉากไฮไลท์ของหนังที่ตัวเองชอบมากอย่างฉาก'ผ่าตัด'ที่เป็นการคารวะฉาก'ทะลุอก'อันโด่งดังของ Alien ภาคแรกได้อย่างถึงอกถึงใจ)

นับว่ายังดีที่ผกก. Scott เก๋าพอที่จะจัดเต็มทั้งความโอ่อ่าอลังการในครึ่งแรกและความตื่นเต้นระทึกใจในครึ่งหลังไปพร้อมๆกับที่นำสองแนวทางความเป็น Sci-Fi ที่แตกต่างกันมาประจบรวมกันได้แบบพอเหมาะพอเจาะ(ซึ่งเป็นสิ่งที่ผกก. Danny Boyle เคย'เกือบ'ทำสำเร็จมาแล้วใน Sunshine) ชนิดที่ว่าน่าจะตอบสนองความต้องการของคอหนัง Sci-Fi ได้อย่างทั่วถึง

ส่วนตัวแล้วจึงคิดว่าข้อด้อยที่สุดของหนังไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องและ/หรือการดำเนินเรื่องแต่เป็นที่บทที่จงใจทิ้งประเด็นส่วนใหญ่ของหนังให้เป็นคำถามต่อไป ซึ่งทำให้ความเป็นเอกเทศของหนังเบาบางลงถนัดตา ส่วนที่ว่าจะเป็นการทิ้งปมไว้เพื่อสร้างภาคต่อๆไปหรือไม่นั้นก็มิอาจทราบได้(เพราะในทางเทคนิคแล้ว หนังในแฟรนไชส์ Alien นั่นแหละคือภาคต่อของ Prometheus) แต่ก็มิอาจฟันธงว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน


สรุป...แปลกใจเหมือนกันที่เห็นว่ากระแสตอบรับของหนังเรื่องนี้แตกออกเป็นสามเสียงชัดเจน คือชอบ/เฉยๆ/ไม่ชอบ เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่า Prometheus เป็นการหวนคืนฟอร์มของผกก. Scott ที่แม้จะไม่เกียงไกรเหมือนสมัย Alien, Gladiator แต่ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคราว Black Hawk Down, American Gangster แต่อย่างใด(และแน่นอนว่าไม่ได้ล้มเหลวเหมือนคราว A Good Year, Robin Hood)

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเองหลงใหลได้ปลื้มแบบออกนอกหน้าไปกับรสชาติความเป็น Sci-Fi เข้มข้น จริงๆจังๆของหนังที่ไม่ได้มีให้ลิ้มลองกันในแวดวงหนังบล็อกบัสเตอร์มาพักใหญ่ๆ(รวมถึงขอเท็จจริงที่ว่าแค่ได้เห็นผกก. Scott กับมาทำหนัง Sci-Fi อีกครั้งหนึ่งก็บุญโขแล้ว)

ใครที่เป็นแฟนานุแฟนของหนังในแฟรนไชส์ Alien หรือแฟนานุแฟนหนัง Sci-Fi โดยทั่วไปคงจะชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่ยังไงเสียแม้จะคล้ายคลึงกันเพียงใดก็ไม่ควรนำหนังเรื่องนี้ไปเทียบกับ Alien ภาคแรก(หรือภาคสอง)จะเป็นการดีที่สุด

ส่วนตัวแล้วให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 8.0/10 ครับ...

แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 23:01:18

แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 22:57:55

แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 22:13:36

 
 

จากคุณ : Apple101
เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:56:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com