ความคิดเห็นที่ 1 หมองูตายเพราะงู ถมเถไปครับ จากคุณ : เลื่องชื่อระบือนาม เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:16:31

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยจะยาว คราวที่แล้วผมตอบเอาฮา(เหมือนกับหลายๆคน) ดันมีคนซีเรียส.... ^^ ไปซื้อมาม่าดีกว่า......งานนี้มีต้มกันหลายห่อ จากคุณ : Free Bees เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:18:09

ความคิดเห็นที่ 3 1. แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครติดเชื้อโรคอะไรจากอากาศนี่ครับ 2. ตามนั้นครับ แต่ก็ไม่ใช่อะไรสำคัญในเรื่องเท่าไหร่ 3. ตัวละครในเรื่องสะเพร่าจริงครับ 4. ตามนั้น มีแผนที่แล้วยังจะหลงทางได้ไงอีก 5. ข้อนี้เหตุผลก็มีในหนังแล้ว รันเวย์ไม่ได้เกิดตามธรรมชาติซะหน่อย ถ้าผมดูแล้วชอบ ก็จะบอกตัวเองว่าชอบครับ คงไม่เปลี่ยนอารมณ์ไปเพราะคำพูดของคนอื่นหรอก ^^ จากคุณ : Limelight เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:24:28

ความคิดเห็นที่ 4 มาคลายข้อสงสัยครับ มันมีเหตุผลของมันอยู่ ถ้ากลับไปดูหนังอีกรอบลองสังเกตและคิดตามนะครับ 1.  นักวิทยาศาสตร์ ระดับนี้ ย่อมรู้ว่า การป้องกันการติดเืชื้อในอวกาศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ดัน ถอดหมวก ออกมาหายใจ เฉยเลย ทั้งๆ ที่ต่อให้อากาศมันหายใจได้ ก็ไมไ่ด้แปลว่าจะไม่มี เชื้อโรค ตอบ ... เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบอากาศและสิ่งต่างๆนั้นน่าจะรวมตรวจเชื้อโรคด้วยนะครับ สมัยนั้นแล้วคงไม่มานั่งแยกเครื่องตรวจอีอกซิเจน ความดัน หรือเชื้อโรคต่างๆหรอกฮะ แต่คงจะรวมกันไปทีเดียว เพราะถ้าจำไม่ผิดคือเดวิดบอกว่าอากาศดีและปลอดภัย(คำว่าปลอดภัยคงรวมทุกอย่างไว้ด้วยกันแล้ว) แล้วพวกคนอื่นๆที่ใช้เครื่องมือตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอมอื่นๆครับ (บนพื้นฐานของเชื้อที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์) ทำให้เขา"กล้า"ที่จะถอดออกครับ 2. นักธรณีวิทยา ที่หนีกลับไปก่อน 2 คนนั้น ขี้ขลาดอย่างมาก เพียงแค่เห็นซากเอเลี่ยน ก็เผ่น แต่หลังจากนั้น กลับเข้าไปในห้องโถง แถมยังไปเล่นกับ ตัวหนอนเอเลี่ยน อย่างหน้าตาเฉย ตอบ... การที่เขาได้เห็นซากศพของ SJ ที่น่าสยดสยองนั้น เป็นใครก็เผ่นครับ เนื่องจากว่าเป็น "ตัวใหญ่" และ "เป็นศพน่าสยดสยอง" รวมถึงคิดว่าไอ้ที่สามารถทำร้าย SJ ได้จะต้องเป็นสิ่งที่ "ดุร้าย" และ "ใหญ่" พอประมาณครับ ทีนี้พอเข้ามาเห็นแฮมเมอร์พีด (เจ้างู) ด้วยความเป็นนักชีวะและนัดธรณีคงเจอกับสัตว์มาเยอะมากมายจนคุ้นชิน พอเจอสิ่งแปลกใหม่ และเห็นว่า "ตัวเล็ก" ครับ เพราะอย่าลืมว่า ตามปกติแล้วถ้ามนุษย์เห็นซากศพกองใหญ่ขนาดนั้นคงคิดว่าสิ่งที่ทำร้ายจะต้อง "มีขนาดพอสมควร" และเนื่องจากเจ้างูนี้ตัวเล็กมาก ย้ำ "เล็กมาก" ก็เลยคิดว่าไม่มีภัย และเห็นเป็นสิ่งใหม่น่าสนใจก็เลยเล่นครับ 3. ตอนเอาหัว SJ มาทดลอง ก็เหมือนกับไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ถุงมือก็ไม่ได้ใส่ ทั้งๆ ที่เอาหัวเอเลี่ยน ขึ้นมาบนยานเนี่ยนะ แล้วเอาไฟฟ้ามากระตุ้น แล้วหัวระเบิด เพราะ?? ตอบ ... กลับไปที่ข้อ 1 อีกครั้ง เครื่องมือตรวจสอบและสแกนทุกอย่างเรียบร้อย ลงความเห็นว่า "ปลอดเชื้อ" ครับ คุณเธอทั้งสองจึงกล้าที่จะผ่า ส่วนถุงมือไม่ได้สังเกตว่าใส่หรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นก็ใส่นะครับ(ก่อนผ่า) ส่วนการเอาไฟฟ้ากระตุ้นนั้นก็เพื่อให้เซลล์มันทำงานครับ เป็นการหลอกประสาทสัมผัสต่างๆว่ายังไม่ตาย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม แต่เนื่องจากผิดพลาด (อาจเพราะมีส่วนของน้ำสีดำด้วย) จึงทำให้หัวระเบิดครับ 4. นักธรณีวิทยา สองคน หลงทาง ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของเครื่องมือ สำรวจถ้ำ ตอบ... เค้ามีเครื่องมือ "สแกน" แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ "แผนที่" นะครับ ตัวสแกนของนักธรณีนั้นสแกนแล้วส่งภาพไปบนยานเพื่อทำแผนที่ แต่ที่ตัวเองนั้นไม่มีแผนที่ครับ 5. ร่อนยานลงมาบนดาว แล้วก็เจอ รันเวย์เลย ไม่ต้องค้นหาใดๆ ทั้งสิ้น โชคดีสุดๆ ตอบ... อันนี้ก็คิดว่ามันเป็นหนังละกันครับ คงโชคดีมากๆแหละ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 55 15:30:37 จากคุณ : Danclave เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 15:28:32

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่องมือไม่ได้ตรวจสอบว่าอากาศมีเชื้อโรคหรือเปล่านะครับ ตอนท้ายนางเอกยังสงสัยเลยว่านักวิทยาศาสตร์ผู้ชายติดเชื้อจากอากาศ ยังมีเรื่องไม่สมเหตุผลอีกเยอะ เช่น นางเอกไปใช้เครื่องมือผ่าท้องได้เฉยไม่มีคนขัดขวาง แถมเอเลี่ยนที่ผ่าออกมาก็ไม่มีใครสนใจซักคน เดวิดเอาไหสีดำกลับมาแต่ไม่มีใครสนใจมาศึกษา Engineer อยากจะทำภารกิจทำลายโลก(?) พอยานพังแทนที่จะไปยานลำอื่นดันมาตามฆ่านางเอก ทั้งที่ปล่อยไว้นางเอกก็อยู่บนดาวได้ไม่นาน มีไม่สมเหตุผลอีกเยอะ ใครที่ชอบหนังก็มองผ่านๆไปได้ ใครไม่ชอบก็มองว่าหนังมีปัญหา จากคุณ : paramedian เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 16:17:40

ความคิดเห็นที่ 6 ดูเอาเพื่อความเพลิดเพลิน ขี้เกียจมานั่งจับผิดเสียอรรถรสหมด จากคุณ : PusZehCat เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 16:23:45

ความคิดเห็นที่ 7 ในบางช่วงอาจจะดูเหมือน หนังสยองขวัญเกรดB แต่พอมานึกดูอีกที ก็มีความเป็นไปได้อยู่พอสมควร ฉากถอดหมวก ดูตอนแรก ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะเรากำลังดูหนังสยองขวัญอยู่ คิดดูอีกที ทีมที่ไปสำรวจ กำลังเดินทางไปผมผู้สร้าง เทียบเป็นพระเจ้าก็คงได้ งั้นสถานที่นั้นคืออะไร? สวรรค์? คนที่ไปถึงอยากจะสูดหายใจสักฟอดไหม? อีกอย่าง เครื่องมือในสมัยนั้น ถ้าตรวจสอบว่า ใช้หายใจได้ คงต้อง cover ทั้งสิ่งปนเปื้อนด้วยมั้ง ฉากนักสำรวจหลงทาง ไปเจอหนอน(น่าจะเรียกว่างูมากกว่า ทั้งที่กลายพันธุ์มาจากไส้เดือน) นึกดูอีกที คนที่จะเล่นด้วย เป็นคนที่ตามมา (ไม่ใช่คนที่ออกอาการกลัวสุดๆ) แต่ฉากนี้ยอมรับตรงๆว่าใกล้หนังสยองขวัญเกรดB มาก (แต่พฤติกรรมแบบนี้ Jurassic park ก็ใช้) อื่นๆ จำไม่ได้แล้ว เพราะตอนดูก็เรื่อยๆ ไม่ติดใจเท่าไร หลายๆเรื่องไม่ clear คงสรุปอะไรมากไม่ได้ จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 17:13:24

ความคิดเห็นที่ 8 พวกดูหนังไม่ใช้จินตนาการก็แบบนี้แหละ จากคุณ : Ziron เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 20:00:13

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะเอา " เหตุผล " แค่มีมนุษย์ต่างดาวหน้าเหมือนคน แล้วมรึงดูต่อ มรึงก็บ้าแล้ว จากคุณ : วิวเฟรโด้โกเมส ซานวาดอซานเชส เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 20:22:05

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆจะไปว่าเจ้าของกระทู้ไร้จินตนาการ ก็ไม่ถูกนะ เพราะจักรวาลและตรรกะที่หนังสร้างขึ้น จะโม้ยังไงก็ได้ แต่ก็ต้องใ้ห้ความรู้สึกสมเหตุสมผลกับคนดู มันถึงจะคล้อยตามได้อย่างไม่กังขา ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก แต่ก็เห็นด้วยกับที่เจ้าของกระทู้สรุปมา ว่ามันก็มีเหตุผลรองรับที่ไม่แ็ข็งแรง จนสามารถแย้งได้จริงๆ ที่มาแก้ต่างให้หนังนั้นก็ล้วนแต่คิดไปได้ต่างๆนาๆ จะคิดเข้าข้าง หรือคิดให้ผิดก็ได้ทั้งนั้นครับ เพราะหนังเองก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนอะไรขนาดนั้น ถ้าโม้แล้วเนียน มันก็คงไม่มีคนออกมาสงสัยอะไรแบบนี้หรอกครับ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 21:33:11

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องนางเอกที่ใช้เครื่องมือผ่าตัดอ่ะค่ะ หากในทางการแพทย์เอเลี่ยนที่อยู่ในมดลูก นางเอกแต่ดึงขึ้นมาแล้วตัด แล้วไม่ได้เย็บปิด เลือดต้องออกในช่องท้องอยู่แล้ว แถมยังมีน้ำจากถุงน้ำคร่ำเอเลี่ยนแตกใส่แผลอีก ช่องท้องอักเสบแน่ๆ แถมตอนเย็บปิดยังแค่เย็บแม็กปิดแค่นี้นะ บร้าไปแล้ววว ปกติมันต้องเย็บตั้งหลายชั้นกว่านี้ป่ะ แถมหล่อนแผลไม่อักเสบ ไม่มีการติดเชื้อ เจ็บแค่วันแรกแล้ววิ่งได้ปร๋อเลย เมฟมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : YloveH เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 21:43:24

ความคิดเห็นที่ 12 ประทับใจฉากสลายร่างของ SJ ตอนเริ่มเรื่องมาก ๆ จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 21:57:08

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อ 1. ตอนที่ฮอลโลเวย์กำลังจะถอดหมวก ชอว์(นางเอก)พูดว่า "อย่าทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นนะ" แต่ฮอลโ่ลเวย์กลับบอกว่า "อย่าขี้ขลาดน่า" คงไม่ต่างจากโลกจริงของเรา ๆ ที่บางทีตัวเราเองก็ทำอะไรฉลาดบ้างโง่บ้าง โดยไม่รู้ตัวเยอะแยะไป บางคนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ประมาณว่ากุแน่ ไรงี้ ข้อ 3. ฉากนี้มองว่าไม่ต่างจากฉากผ่าตัดตัว Face huger ใน Alien ภาค 1 ครับ ถ้าจะมองว่าละเลยความปลอดภัยก็มองแบบนั้นได้ เพราะบทหนังไม่ได้ให้ความกระจ่างในจุดนี้ไว้ก่อน ส่วนข้ออื่น ๆ ไม่มีความเห็นครับ สองคนยลตามช่อง นานาจิตตัง .. จากคุณ : Ikkusan เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 03:51:10

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมองว่าเป็นเรื่องของความไม่ละเอียดในการชมของ จขกท. มากกว่า หรือ อาจจะเป็นในแง่ของการสื่อสารที่ผิดเพี้ยนเพื่อ เพิ่ม(หรือลด??)อรรถรสแบบไทยๆจากผู้แปล ถ้าจ้องแต่ซับ หรือ ถ้าดูพากย์ไทย นะครับ 1. นักวิทยาศาสตร์ระดับนี้ ย่อมรู้ว่าการป้องกันการติดเชื้อในอวกาศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ดันถอดหมวกออกมาหายใจเฉยเลย ทั้งๆที่ต่อให้อากาศมันหายใจได้ ก็ไมไ่ด้แปลว่าจะไม่มีเชื้อโรค ถ้าสังเกตบทพูด Holloway ดีๆ ก่อนที่เค้าจะว่ามันหายใจได้ เค้าเช็คสภาพอากาศแล้วด้วยเครื่องที่ติดอยู่ที่ชุดว่ามัน "…actually cleaner and purer than earth's." "จนเหมือนกับว่าใครปรับสภาพอากาศตรงนี้เอาไว้โดยเฉพาะ ทั้งๆที่ข้างนอกเป็นพิษอย่างร้ายแรง" คำว่า cleaner (สะอาดกว่า) กับ purer (บริสุทธิ์กว่า) ก็ตีความเอาเองละกันครับ ว่ามันควรจะยังมีเชื้อโรคอยู่มั้ย? 2. นักธรณีวิทยา ที่หนีกลับไปก่อน 2 คนนั้น ขี้ขลาดอย่างมาก เพียงแค่เห็นซากเอเลี่ยน ก็เผ่น แต่หลังจากนั้น กลับเข้าไปในห้องโถง แถมยังไปเล่นกับ ตัวหนอนเอเลี่ยน อย่างหน้าตาเฉย คนเดียวที่ประสาทเสียคือ Fifield ครับ ทั้งฉากโฮโลแกรมที่ฉายให้เห็นถึงกลุ่มคน (SJ) ที่กำลังหนีอะไรซักอย่างกับซากคน (SJ) ตาย  อีกทั้งตัว Fifield เองเป็นนักธรณีวิทยา เค้านึกว่า Weyland จะส่งเค้ามาวิเคราะห์หิน ทำให้เค้าอ้างกับ Shaw ที่ดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เจอว่า "ความรู้ของผมไม่ได้มีประโยชน์กับสิ่งที่คุณกำลังจะทำ (กูกลัว)ขอกลับได้ป่ะ?" เอาเป็นว่าถ้าคุณไปสำรวจถ้ำ เจอภาพเขียนมนุษย์กำลังถูกล่า กับ ศพคนตายหัวขาด คุณจะรีบกลับมั้ยครับ? ส่วน Milburn เป็นตัวละครที่เป็นคนจิตใจดีและอยากที่ทำความรู้จักกับทุกคนๆในทริปนี้ เมื่อคนๆหนึ่งจะแยกตัวออกจากกลุ่ม เค้าก็พร้อมที่จะแยกไปเป็นเพื่อน ดีกว่าไม่มีใครไปด้วยเลย คราวนี้ตอนหลังที่พวกนี้ไปเล่นกับ Hammerpede หน้าตาเฉย ถ้ายังจำได้นะครับ Milburn ถาม Fifield ว่านายมีเครื่องพ่นควันอะไรอยู่ในหมวกใช่มั้ย Fifield ก็เลยบอกว่า "Yeah, Tobacco…." ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่บุหรี่เพราะเค้าเลือกใช้คำนี้แทนคำว่า Cigarrete  นั่นก็เพราะมันคือ Marry Jane หรือ กัญชา นั่นเอง ซึ่งถ้าดูจากอาการตอนที่เล่นกับไอ้ตัวแผ่แม่เบี้ยนั้น ก็ชัดเลยครับ You're trippin, Man! หลุดโลกไปแล้ว 3. ตอนเอาหัว SJ มาทดลอง ก็เหมือนกับไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ถุงมือก็ไม่ได้ใส่ ทั้งๆ ที่เอาหัวเอเลี่ยน ขึ้นมาบนยานเนี่ยนะ แล้วเอาไฟฟ้ามากระตุ้น แล้วหัวระเบิด เพราะ?? ทั้ง Shaw และ Ford ใส่ถุงมือครับ คนเดียวที่ไม่ได้ใส่คือ David เพราะเป็น Android ส่วนเรื่องของการใช้ไฟฟ้ามากระตุ้น เพราะ Shaw พบว่ามีเซลล์บางอย่างกำลังจะเกิดบริเวณส่วนหัวของ SJ จึงใช้ไฟฟ้ากระตุ้น (stimulate but not reanimate) เพื่อหลอกระบบประสาทว่า(ถึงหัวจะขาดแต่)ยังไม่ตายนะ เพื่อดูปฎิกิริยาตอบสนอง ไม่ใช่การวิจัยหรืออะไรทั้งสิ้น แต่หลังจะจากเพิ่มระดับไฟฟ้าไปกลับหยุดไม่ได้ เซลล์นั้นจึงแสดงผลงานเต็มที่ จนทำให้หัวกะโหลกระเบิด ซึ่งเป็นฉากที่ใช้แนะนำให้คนดูรู้ถึงพิษสงของน้ำดำหรืออะไรก็ตามที่จะได้เห็นในหนังต่อไป 4. นักธรณีวิทยา สองคน หลงทาง ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าของเครื่องมือ สำรวจถ้ำ เออ อันนี้เห็นด้วยครับ ถึงจะไม่มีแผนที่ติดกับตัว แต่ทุกคนใช้วิธีติดต่อกับยานแม่เพื่อสอบถามเส้นทาง (ขนาดตอนที่ Puppy Drone ของ Fifield ไปเจอสิ่งมีชีวิต กัปตันบนยานยังบอกได้เลยว่าอยู่ทางทิศไหน และห่างจากพวกนี้เท่าไหร่) แล้วทำไมไม่ถามทางออก ส่วนนักธรณีวิทยามีแค่ Fifield คนเดียวครับ 5. ร่อนยานลงมาบนดาว แล้วก็เจอ รันเวย์เลย ไม่ต้องค้นหาใดๆ ทั้งสิ้น โชคดีสุดๆ ดูผ่านๆอีกแล้วนะครับ ตอนแรก Janek ที่เป็นกัปตัน จะบินไปอีกเส้นทางนึง แต่จู่ๆ Holloway ก็ทะลึ่งพรวดปลดเข็มขัดเพราะสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง Janek ถาม "คุณคิดจะทำอะไร กลับไปนั่งที่ของคุณ" แต่ Holloway กลับเดินไปเกาะกระจกมองออกไปทางด้านขวา แล้วบอกว่า "พระเจ้าไม่เคยสร้างอะไรเป็นเส้นตรง (God doesn't build in straight lines)" Janek ก็เลยยอมเลี้ยวไปจอดตรงนั้นให้ ถึงได้เห็นว่ามันเป็นทางไปยังสิ่งก่อสร้างบางอย่างที่กลายมาเป็นยานในที่สุด ชอบหรือไม่ชอบไม่ผิดครับ เพราะเป็นจริตของแต่ละคน แต่แค่อยากสนับสนุนให้คนไทยดูหนังอย่างละเอียดและใส่ใจ เพราะหนังคือศิลปะอย่างนึง อย่าเอาแต่ดูผ่านๆกันครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่า หนังไม่ดี หรือ เรากันแน่ที่ไม่เข้าใจ จากคุณ : ThumbSucker Boy เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 04:01:51

ความคิดเห็นที่ 15 1.  นักวิทยาศาสตร์ ระดับนี้ ย่อมรู้ว่า การป้องกันการติดเืชื้อในอวกาศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ดัน ถอดหมวก ออกมาหายใจ เฉยเลย ทั้งๆ ที่ต่อให้อากาศมันหายใจได้ ก็ไมไ่ด้แปลว่าจะไม่มี เชื้อโรค อ้างอิงจากเว็บ WeyLandIndustry.com นะครับ คือตอนที่มีคนใช้ก้อนกลมๆ สีแดง ที่สแกนแผนที่นะครับ เค้าเรียก SPECTAGRAPH ในคำบรรยายเขียนไว้ว่า สามารถตรวจจับเชื้อในอากาศ และหาสิ่งมีชีวิตได้ถึงขนาด 500 นาโนเมตร เลยเป็นเหตุผลรึเปล่าว่า มันถูกสแกนซ้ำๆ จนชัวร์แล้วว่าไม่มีเชื้อ นอกจากนั้น ถ้าจำกันได้ ใครคนนึงในเรื่องบอกว่า "อากาศบริสุทธิ์กว่าบนโลกอีก" แล้วเราไม่อยากจะสูดสักฟอดเหรอ และขอแย้งกับ คห. 14 เรื่องถามแผนที่บนยาน ตอนแรกที่ยังทำแผนที่สำรวจไม่เสร็จ 2 คนนั้นอาจหลงทาง แถมคือ มันเกิดพายุ ให้หาทางออกยังไงก็ยังกลับไปยานไม่ได้ ถ้าเป็นเราสู้เดินสำรวจดูอะไรไปด้วยน่าจะดีกว่าครับ * แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 04:35:30 แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 04:33:46 จากคุณ : Westinghouse เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 04:27:46

ความคิดเห็นที่ 16 มีข้อแย้งเรื่องหลงทางแบบ15เหมือนกันว่าเค้าติดพายุ เพราะมีฉากที่กัปตันบอกว่าสองคนนี้กลับมาไม่ได้ต้องรอพายุสงบ เค้าถึงกลับไปสำรวจถ้ำอีกที แต่มาคิดอีกที สองคนนี้จะกลับยานแม่ตั้งแต่ยังไม่เปิดประตู ตั้งแต่เห็นศพ SJ ไม่ใช่หรือ ระยะเวลาตั้งแต่บอกว่าจะกลับ จนถึงระยะเวลาพายุมา น่าจะออกมาได้ก่อนกลุ่มของนางเอกนะ นางเอกเสียเวลาไปกับห้องฟักไข่ แถมหิ้วหัว SJ มาด้วย แต่กลับออกมาได้ก่อนกลุ่มของ Fifield (ขึ้นยานได้อีกต่างหากถ้านางเอกไม่ออกไปเก็บถุงที่หล่น) จุดนี้เราเลยคิดว่าสองคนนี่หลงทางแหง เพราะก่อนจะแยกตัวมา มีคนบอกไว้แล้วให้กลับมาทางเก่าที่เดินเข้ามา ถ้าเดินกลับมาทางเก่าจริง ควรจะออกมาทันก่อนพายุก่อตัวด้วยซ้ำ ผิดพลาดประการใดแย้งได้นะคะ ป.ล. ตอนที่มาเลือกที่พักรอพายุสงบ เราก็ขำในใจ เจือกมาเลือกเอาห้องฟักไข่ โดนซะเลย จากคุณ : Lanina เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 08:41:18

ความคิดเห็นที่ 17 #11 มันเป็นการรักษาในอนาคตครับ อย่าเอาตรรกะยุคนี้ไปตัดสิน   สื่อง่ายๆเลยเครื่องมือที่สามารถแสกนได้แม่นยำ ทำให้ไอ้เรื่องยิงแม็กหรือผ่าผิดพลาดหมดไปได้  ไหนจะยาที่นางเอกฉีด คงไม่ใช่ยาธรรมดาๆเหมือนยุคนี้ จากคุณ : Aya+EVE เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 09:22:21

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ใช่ ความเห็นของผมนะครับ (จขกท)  ผมแค่ก็อปจาก กระทู้ ของต่างประเทศมา พออ่านหลายๆ ความเห็นแล้ว ก็ดูมีเหตุผลดีเหมือนกันครับ จากคุณ : KennyK เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 10:51:08

ความคิดเห็นที่ 19 คหสต ผมคิดว่าเทคโนโลยีไปไกลขนาดเดินทางเร็วกว่าแสงครับ ดาวนั่นห่างเกือบๆ50ปีแสง(มั้งถ้าจำไม่ผิด) แต่PROMETHEUSเดินทางสองปีมนุษย์ครับ ดังนั้นเรื่องเทคโนโลยีตรวจจับสารผิดผมว่าไม่ต้องห่วงแล้วละครับ ข้อ 5 ผมก็สงสัยถนนนั้นซ้ะเรียบ พอได้ดูคลิปต่างๆย้อนแบบช้าๆจะเห็นว่า มันมีมาก่อนจริงแล้วก็มันเส้นเชือมระหว่างโดม หลายๆโดม จากคุณ : BONDJUNG_TH เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 11:59:35

ความคิดเห็นที่ 20 ประมาณนี้ครับ จากคุณ : BONDJUNG_TH เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 12:30:21

ความคิดเห็นที่ 21 คิดว่าเป็นเส้นเชื่อมอะไรซักอย่างระหว่างโดมครอบยานsj น่ะครับ http://www.prometheus-movie.com/gallery/ ในนี้รูปสวยๆเยอะเลยครับ จากคุณ : BONDJUNG_TH เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 12:31:57

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับคห.14 คุณThumbSucker Boyคับ ยกเว้นข้อสุดท้าย เรื่องเจอปิรามิดนี่ ตอนดูผมก็คิดเหมือนกันนะ เออ ดาวใหญ่โคดๆ แบบนี้ จะเจอก็เจอเอาง่ายๆ แบบนี้เลย ทีแรกนึกว่านี่เป็นสิ่งปลูกสร้างธรรมดาของคนบนดาวนี้ แต่พอรู้ว่าเป็นฐานยานที่มีเสบียงน้ำดำเยอะขนาดนั้น เลยรู้สึกว่า ไอ้ปิรามิดนี่มันเป็นจุดพิเศษมากๆ ดีไม่ดีมีแค่จุดเดียวของดาวทั้งดวง ซึ่งการที่ตาพระเอกมองเห็นเส้นทาง มันก็คือเข้ามาใกล้พื้นผิวมากแล้วละคับ โอกาสที่จะมาดาวซักดวง แล้วหาจุดแบบนี้เจอเนี่ย มันดูเว่อร์มากๆ เหมือนกันนะ - -' ถ้าได้รับสัญญาณหรือตรวจสอบอะไรเจอบริเวณนี้ของดาว เลยเดินทางมาแถวนี้ ค่อยว่าไปอย่าง จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 16:34:46