ความคิดเห็นที่ 1 นั่นดิ ฟ้องไปเลย ข้อหาแอบอ้างใส่ชื่อฟิล์มเป็นพ่อ จะรออะไร? จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:43:43

ความคิดเห็นที่ 2 เคยมี คห.นึงมาตอบไว้ว่าถ้าฟ้องขอตรวจDNA ต้องเซ็นรับรองบุตรก่อน อะไรประมาณนี้แหละ รอคนรู้มาชี้แจงอีกทีนะ เอาจริงๆนะ ถ้าเราเป็นฟิล์ม ตูจะยอมเซ็นต์ทำมะเขืออะไร ไม่มีทาง!!! มันเลยเป็นข้อเสียเปรียบตรงนี้แหละ งิๆ ปล.เซ็นรับรองบุตรกับแจ้งชื่อพ่อในใบสูติบัตร รู้สึกว่าจะคนละอันกันนะ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 11:45:28 จากคุณ : คานทองเป็นของต้องห้าม เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:44:29

ความคิดเห็นที่ 3 นั้นดิ เซ็นรับรองบุตรก่อนแล้วไง  ก็ถ้ามั่นใจว่าไม่ใช่ลูกของตัวเองแน่ ๆ ผลตรวจออกมายังไงก็คือไม่ใช่  แล้วค่อยมาฟ้องนังแม่ใจร้ายซ้ำอีกรอบ  ฐานหลอกให้เซ็น จากคุณ : คุณนายสอดศรี เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:47:41

ความคิดเห็นที่ 4 #2 ถ้าเซ็นต์รับรองบุตร แล้วตรวจ DNA แล้วไม่ใช่ น่าจะฟ้องร้องให้ถอนได้นี่ครับ เพราะไม่ใช่พ่ออยู่แล้ว จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 11:53:01

ความคิดเห็นที่ 5 เซ็นต์รับรองบุตร รู้สึก จะ ถอนไม่ได้หรือเปล่า ไม่ว่าจะใช่บุตร หรือไม่ก็ตาม เพราะ ศาลปกป้อง เด็ก เป็น อันดับ แรก จากคุณ : QUL 2008 เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:00:21

ความคิดเห็นที่ 6 มันเลยจุดนั้น ไปแล้วค่ะ คริ คริ จากคุณ : ติ้วหวิว เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:02:01

ความคิดเห็นที่ 7 คัดลอกบางส่วน เรื่องการถอนการับรองบุตร ครับ "การที่ชายใดได้จดทะเบียนรับรองเด็กคนใดไว้เป็นบุตรของตนนั้น เมื่อจดทะเบียนเป็นบุตรแล้วจะถอนไม่ได้ เว้นเสียแต่จะปรากฏว่าผู้ขอจดทะเบียนนั้นมิใช่บิดาที่แท้จริงของบุตรแล้ว จึงสามารถฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรได้ ดังนั้นข้ออ้างประการเดียวที่จะฟ้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของบิดาได้คือ ผู้ขอจดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตรมิใช่เป็นบิดาที่แท้จริงของเด็กเท่านั้น" http://www.elib-online.com/laws/family_child5.html อ่านเต็มจากเว็บนี้ครับ จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:04:56

ความคิดเห็นที่ 8 คุณสรยุทธ์ถามเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ คุณแอนนี่บอก มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เราที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ควรจะไปยัดเยียดอะไรให้เค้า เอ่อ ที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ออกมาบอกว่าฟิล์มเป็นพ่อ   ไม่ได้เรียกว่ายัดเยียดอีกเหรอ  เธอหน่ะยัดเยียดความเป็นลูกให้ฟิล์ม  และยัดเยียดความเป็นพ่อให้ฟิล์ม นะรู้ตัวบ้างปะเนี่ย ปล.ว่าแต่พ่อตัวจริงไม่คิดจะทำไรเลยเหรอ จากคุณ : maysurly     เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:05:40 จากคุณ : maysurly เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:06:36

ความคิดเห็นที่ 9 ..จากกระทู้เก่าๆ  จำไม่ค่อยได้นะ   ในกรณีนี้ถ้าแอนนี่ฟ้องขอให้ฟิล์มเป็นพ่อ  แอนนี่จะสามารถขอให้ตรวจดีเอ็นเอได้ (เหมือนกรณีคุณเอ) แต่ในกรณีนี้แอนนี่ไม่ได้ร้องขอ  เลยไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ ส่วนฟิล์ม  ถ้าจะขอให้แอนนี่ตรวจดีเอ็นเอนั้นยากกว่า  เพราะหากฝ่ายหญิงไม่ยอมรับให้ฟิล์มเป็นพ่อเด็กแล้ว  ก็ตรวจไม่ได้ทุกกรณี   ก็ประมาณนี้ล่ะมั้ง?  ไม่ได้เรียนกฎหมายมาแต่จำได้ประมาณนี้คะ  ใช่ไม่ใช่อย่างไรก็ขออภัยด้วย    อีกทาง...ลองค้นคลิปเก่าๆค่ะ  เคยมีรายการที่เอาประเด็นนี้มาพูด  อธิบายไว้ค่อนข้างละเอียด จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:09:01

ความคิดเห็นที่ 10 เอ... งานนี้มันชักจะยังไง ๆ แล้วสิ  มีลับลมคมในซับซ้อนมากว่าที่คิดแฮะ เอาเป็นว่า  ขอไม่เชื่อลมปากจากทั้งสองคนแล้วกัน  50 ๆ  แต่ถ้าตัดอคติหรืออารมณ์หมั่นไส้ออกไป  ฝ่ายหญิงดูจะมีเปอร์เซ็นอยู่นิด ๆ เพราะเค้านับวันเลือดนับวันตกไข่เองได้  แต่ฝ่ายชายเจาะแล้วปัดตูด คงไม่ล่วงรู้ถึงรายละเอียดปลีกย่อยจำเพาะเจาะจง แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 12:20:21 จากคุณ : คุณนายสอดศรี เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:12:05

ความคิดเห็นที่ 11 สงสัยเหมือนเจ้าของกระทู้ตอนที่ได้ยินว่าที่ฟ้องๆกันน่ะ ฟ้องหมิ่นประมาท ตอนแรกเรานึกว่าฟ้องเพื่อพิสูจน์เรื่องเด็กซะอีก เราคิดว่า ทั้งสามฝ่ายคือรวมถึงฝ่ายที่คนดาดว่าเป็นพ่อตัวจริงด้วยไม่มีใครแน่ใจหรอกว่าจริงๆแล้วเด็กเป็นลูกใคร เพียงแค่เดาว่าคาดว่าเท่านั้น คนเป็นแม่อาจมีข้อมูลมากว่าตรงนี้จะรู้ว่ารอบเดือนมาอย่างไรแล้วมีความสัมพันธ์กับใครที่น่าจะมีโอกาสท้องได้บ้าง แต่ท้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีใครกล้าฟันธงมันจึงเป็นแบบนี้ เราคิดว่าถ้าฝ่ายชายแน่ใจจริงๆว่าไม่ใช่แน่คงฟ้องพิสูจน์ดีเอ็นเอกันไปแล้วล่ะ จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:13:19

ความคิดเห็นที่ 12 #9 ผมมองว่าการที่แอนนี่ใช้ชื่อฟิล์มในใบเกิด ถือเป็นข้ออ้างที่ดีมากที่ฝ่ายชายผู้เสียหายสามารถขอร้องต่อศาลให้ตรวจ DNA น่าจะได้นะครับ จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:17:52

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ไม่ได้ค่ะ  ในกรณีนี้ฟิล์มทำได้แค่ขอให้แอนนี่ถอนชื่อออกจากสูติบัตร   ถ้าจะทำให้ได้คือ  ต้องให้แอนนี่รับฟิล์มเป็นพ่อของลูก   (ก็ถ้าทำได้  ฟิล์มคงทำไปแล้ว) จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:22:18

ความคิดเห็นที่ 14 #13 ผมมองว่าก็เซ็นต์รับรองบุตรไปก่อน แล้วตรวจ DNA เพื่อความสบายใจของฟิล์มว่าเป็นพ่อจริง ถ้าไม่ใช่ก็ฟ้องถอนได้ตามความเห็น #7 อย่างไรส่วนตัวมองว่าการตรวจ DNA ถือเป็นทางออกทีดี แต่ก็มีผลกระทบแน่ ๆ จากผลของมัน เป็นกำลังใจให้ทุกคนล่ะกันครับ จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:30:49

ความคิดเห็นที่ 15 ^ แอนนี่ไม่ได้ขอให้ฟิล์มมาเซ็นรับรองบุตรค่ะ  ดังนั้น...ฟิล์มเลยไม่มีทางขอให้ตรวจดีเอ็นเอได้   (รับรองบุตรกับเขียนชื่อในสูติบัตรคนล่ะอันนะ) จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:32:22

ความคิดเห็นที่ 16 พูดก็ไม่หมด เปิดเผยก็ไม่ได้ อะไรกันหนักหนานะ..สองคนนี่ มีอะไรก็ไปตกลงกันสองคนดีกว่าไหม...แล้วค่อยออกมาแถลงซะทีเดียว เฮ้อ!!!รำคาญซะจริงๆเลย จากคุณ : Nan-And-LovelyDog เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:35:17

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าฟิล์มจะเดินเกมบีบแอนนี่ต้องไปตามสเต็ปนี้ครับ 1.ฟิล์มต้องฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย 2. ฟิล์มร้องขอต่อศาลว่าต้องการขอให้มีการตรวจพิสูจน์ ดี.เอ็น.เอ. 3.ให้แอนนี่ยินยอมตรวจ DNA ถึงจะตรวจกันได้  แต่ถ้าแอนนี่ยังไม่ยอมตรวจ ศาลจะสันนิษฐานว่า ฟิล์มกับลูกแอนนี่ไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน 4.ฟิล์มสามารถเอาคำพิพากษาของศาลไปถอนชื่อตนเองในสูจิบัตรของลูกแอนนี่ได้เลย  ป.ล.แต่ถ้าพิสูจน์มาแล้วเป็นพ่อลูกกัน ฟิล์มจะต้องรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีทางบ่ายเบี่ยง รวมถึงแอนนี่จะมีสิทธิเรียกร้องจากฟิล์มได้เต็มๆเช่นกัน  ถ้าฟิล์มอึดอัดคับข้องใจจนทนไม่ไหว+มั่นใจ 100% ก็น่าจะจัดเต็มทางนี้ไปเลย แต่ถึงตอนนี้ฟิล์มก็ยังไม่ทำ จัดๆไปซะ กองเชียร์จะได้หายสงสัยซะที แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 12:48:01 จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:44:45

ความคิดเห็นที่ 18 " มันเลยจุดนั้นมาแล้ว " ฟันธงว่าดังแน่ครับประโยคนี้ จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:59:47

ความคิดเห็นที่ 19 ตรวจ DNA บังคับกันได้หรือไม่    ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาหลายๆ คนคงจะได้ยินข่าวเรื่องของการตรวจหรือไม่ตรวจ DNA ของคนนั้นคนนี้ก็มากมาย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่างๆ มาเหมือนกัน และแน่นอนครับว่า มีคำถามมากมายที่หลายๆ คนสงสัยมาถามผมซึ่งเป็นทนาย ผมก็เลยรวบรวมเอาคำถามที่เพื่อนๆ ถามกันมาคุยคุณผู้อ่านได้ฟังด้วย    Q : ในกรณีที่ฝ่ายหญิงไม่ยอมตรวจ DNA ฝ่ายชายสามารถฟ้องให้ศาลบังคับได้หรือไม่ (รวมถึงหากฝ่ายชายไม่ยอมตรวจ ฝ่ายหญิงสามารถฟ้องให้ศาลบังคับได้หรือไม่) และศาลจะสามารถบังคับได้ในกรณีไหนบ้าง    A : ในการตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไปบังคับอีกฝ่ายตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ (DNA) ไม่ได้  เว้นแต่ เป็นคำสั่งของศาลในกรณีที่ฝ่ายชายยื่นคำร้องขอรับรองเด็กเป็นลูกแต่ฝ่ายชายต้องแสดงเจตนาว่า ประสงค์จะรับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฏหมาย ไม่ใช่จะขอให้ตรวจดีเอ็นเอก่อนแล้วค่อยรับผิดชอบ ซึ่งศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจว่าเป็นข้อพิพาทที่สำคัญในคดีหรือไม่ ศาลไม่จำเป็นต้องสั่งให้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นดีในทุกคดี ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และพยานแวดล้อม เช่น ถ้าพิสูจน์ได้ว่าช่วงเวลาที่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ คบหาอยู่กับชายเพียงคนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แต่ถ้าคาราคาซังกันก็อาจจำเป็นที่ต้องตรวจเพื่อพิสูจน์ความจริงให้กระจ่างต่อไป    Q :  หากตรวจ DNA ออกมาแล้วปรากฏว่าไม่ตรง ฝ่ายชายสามารถที่จะฟ้องกลับในฐานะทำให้เสียงชื่อเสียงได้หรือไม่    A :   หากมีการตรวจพิสูจน์แล้วฝ่ายชายไม่ใช่พ่อ ฝ่ายชายคงไม่สามารถไปยื่นฟ้องฝ่ายหญิง ฐานหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง หรือเรียกค่าเสียหายได้ เพราะฝ่ายหญิงแม้จะเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าใครเป็นพ่อของลูก แต่ก็อาจเกิดความผิดพลาดได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ   Q : และหากตรวจ DNA ออกมาแล้ว ปรากฏว่าเป็นลูกของฝ่ายชายจริงๆ ฝ่ายหญิงสามารถที่จะฟ้องให้ฝ่ายชายรับเป็นพ่อได้หรือไม่  และหากฝ่ายชายไม่ยอมรับเป็นพ่อ จะมีความผิดหรือไม่   A :  ดังที่แจ้งแล้วว่าในการตรวจดีเอ็นเอ (DNA)จะมีขึ้นได้เมื่อฝ่ายชายยื่นคำร้องต่อศาลขอรับรองเด็กเป็นลูกโดยชอบด้วยกฏหมาย เมื่อมีการยื่นคำร้องและศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วว่าฝ่ายชายเป็นพ่อที่แท้จริงของเด็ก  นิติสัมพันธ์ในทางกฎหมายย่อมเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการรับมรดกต่างๆ ฝ่ายชายย่อมมีหน้าที่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูเด็กเมื่อไม่อุปการะเลี้ยงดูมารดาย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ตามกฎหมาย   Q : และหากฝ่ายชายยอมรับเด็กเป็นลูก  แต่ไม่ยอมรับฝ่ายหญิงเป็นภรรยา ฝ่ายหญิงสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูได้หรือไม่   A : หากฝ่ายชายยอมรับเฉพาะลูก  เนื่องจากชายหญิงดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงคู่นั้น กฎหมายไม่ถือว่าเป็นสามีภริยากันจึงไม่มี สิทธิและหน้าที่ใดๆ ต่อกัน  ในเรื่องทรัพย์สิน ถ้าทรัพย์สินของใครมีอยู่ก่อนเป็นของคนนั้น แต่ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นของที่หามาได้ร่วมกันแม้กฎหมายไม่ถือว่าเป็นสินสมรส แต่ก็ถือว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นของทั้ง ๒ คนร่วมกัน คือเป็นกรรมสิทธิ์รวมทั้งคู่ต่างมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นคนละเท่าๆกัน  ผลเกี่ยวกับบุตรที่เกิดมา เมื่อกฎหมายไม่ถือว่ามีการสมรสเกิดขึ้น เด็กที่เกิดมาในส่วนของหญิง ย่อมถือว่า เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของตนอยู่ แต่ในด้านชายนั้น กฎหมายถือว่า ชายนั้นมิใช่บิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กคนนั้น    สุดท้ายผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยครับว่า  ในกรณีที่สามีและภรรยาแต่งงานกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แล้วเกิดตั้งครรภ์จนคลอด และยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันก่อนคลอดน้อง ถือว่า ลูกที่เกิดมาเป็นสิทธิของแม่โดยชอบธรรม ในใบเกิดลูก จะมีทั้งชื่อมารดาและบิดาครบทั้งสองคนหรือ จะมีแค่ชื่อแม่คนเดียวเพราะเลิกกันตั้งแต่ลูกยังไม่เกิดหรือผู้ชายไม่ยอมรับผิดชอบต่อฝ่ายหญิงและไม่ยอมให้เอกสารตัวเองสำเนาบัตรประชาชนมาแจ้งเกิดตอนคลอดก็แล้วแต่กรณี    ในกรณีที่ระบุชื่อพ่อ ส่วนนามสกุลลูกที่เกิดมานั้นสามารถใช้ได้ทั้งนามสกุลพ่อและนามสกุลแม่ ในกรณีที่ใช้นามสกุลพ่อ ลูกก็มิได้มีสิทธิต่างๆ ที่ลูกจะได้รับจากพ่อเช่นมรดก เพราะยังเป็นลูกที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าต่อมาวันใดที่สามีและภรรยา จดทะเบียนสมรส หลังจากที่คลอดลูกแล้วทางกฎหมายให้ถือว่าเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายทันที โดยไม่ต้องมีการรับรองบุตรจากผู้เป็นบิดา ส่วนคุณแม่ตอนที่ตั้งท้อง แต่มีปัญหากับคุณพ่อและไม่ยอมแจ้งชื่อคุณพ่อนั้นในใบเกิดจะมีแต่ชื่อมารดาผู้ให้กำเนิดแค่คนเดียว สูติบัตรของลูกไม่มีชื่อพ่อ หรือที่เรียกว่า ไม่ปรากฏบิดา ส่วนการเพิ่มชื่อพ่อในสูติบัตร ทำได้กรณีเดียว คือเพิ่มชื่อผู้เป็นพ่อจริง ๆ ของลูกเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มชื่อคนอื่นเข้าไปได้เลย แม้กระทั่งญาติ เพราะการเพิ่มชื่อบิดาในสูติบัตร ต้องมีหลักฐานการตรวจ DNA แสดงความเป็นพ่อ แม่ และลูก นำไปแนบกับคำขอเพิ่มชื่อบิดาในสูติบัตรเด็ก แล้วทางเขตจะพิมพ์สูติบัตรออกมาให้ใหม่ โดยในสูติบัตรใบใหม่นี้จะมีขื่อบิดาด้วย ที่มา : http://www.motherandbabythai.in.th/index.php?menu_id=7&content_id=18 จากคุณ : FIndinGBeautYINNegativESpacES เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 13:05:56

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าคุณฟิล์มต้องถึงกับเซ็นรับรองเป็นบุตรก่อน แล้วค่อยฟ้องเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ซับซ้อนเกินเหตุและเป็นกระบวนการทางแพ่งซึ่งยื้อขอเลื่อนนัดศาลกันได้ง่ายๆ ซึ่งคดีคงยาวนานหลายๆๆๆปีแน่ๆ คนยุให้ทำนี่ก็ช่าง... จากคุณ : พ่อมดหมอดู เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 14:01:26

ความคิดเห็นที่ 21 จาก คห 19 ที่ว่า "การตรวจดีเอ็นเอ (DNA)จะมีขึ้นได้เมื่อฝ่ายชายยื่นคำร้องต่อศาลขอรับรองเด็กเป็นลูกโดยชอบด้วยกฏหมาย" ถ้าเป็นตามนี้ ยังไงก็ตาม ฟิล์มไม่มีทางได้ตรวจ DNA แน่นอน เพราะ "ในเจาะข่าวเด่น แอนนี่ บอกว่า ตามข้อตกลงในข้อ 3 ต่อจากนี้ไป นับจากวินาที ที่ไกล่เกลี่ยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามมาฟ้องร้องขอเป็นบิดา ห้ามมาออกข่าวในแนวที่ว่าต้องการจะเลี้ยงดู ดูแลเด็กชาย ทีฆายุ เด็ดขาด" พอมาคิดตามที่แอนนี่พูด ... แอนนี่ฉลาดกว่าฟิล์มหลายเท่าตัว คิดว่าแอนนี่ไม่ได้พูดเพราะกลัวว่า ในอนาคตฟิล์มจะมาเอาลูกไปเลี้ยง แต่พูดเพราะรู้ว่า ต่อให้แอนนี่จะถอนชื่อฟิล์มออกจากสูติบัตรไปแล้ว สังคมก็ยังคิดไปได้ว่า ฟิล์มคือพ่อ เพราะไม่ได้มีการพิสูจน์ DNA จริงๆ และฟิล์มก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลากตัวเด็กมาพิสูจน์ได้ เพราะตกลงไว้แบบนี้ และต่อให้ความจริงแล้วเด็กอาจจะไม่ใช่ลูกฟิล์ม ก็จะไม่มีทางที่จะมีใครมาแฉความลับของแอนนี่ได้ ในขณะเดียวกัน วันหนึ่งข้างหน้า เด็กอาจจะหน้าเหมือนฟิล์ม หรือ อาจจะเป็นลูกฟิล์มจริงๆ สังคมก็รุมประนามฟิล์มได้อยู่ดี ว่าทิ้งลูกทิ้งเมีย ส่วนตัวคิดว่า น่าจะยังไม่ได้ตรวจ DNA เพราะถ้าตรวจจริง ฟิล์มไม่น่าจะยั้งปากไว้ได้ แต่น่าจะมีการนำหลักฐานอื่นมาประกอบในชั้นศาลเพื่อชี้ให้เห็นว่า ความเป็นไปได้ที่ฟิล์มจะเป็นพ่อนั้น ต่ำมาก เช่น ความน่าจะเป็นจาก การเทียบหมู่เลือด, antigen, antibody etc. ทำให้ตรงนี้ แอนนี่เลยได้เปรียบที่จะสร้างความคลุมเครือได้โดยไม่ผิดคำพูดเรื่องการตรวจ DNA เพราะความเป็นไปได้ต่ำ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่ได้เป็นพ่อ ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่คิดว่า ถ้าจะเอาความยุติธรรมมาวัด ถ้าการพิสูจน์ DNA เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด ที่จะบอกได้ว่า คนๆนั้น เป็นพ่อเด็กหรือไม่  ฟิล์มควรจะต้องหาทนายใหม่ที่เก่งๆ และเลิกให้สัมภาษณ์สื่อแบบเอามันส์ และหาช่องว่างของข้อตกลง ช่องว่างกฏหมาย หาทางพิสูจน์ DNA ให้ได้ เพื่อจะได้ให้หลุดจาก การถูกตราหน้าว่าเป็นพ่อ (ที่ไร้ความรับผิดชอบ) ส่วนแอนนี่ คิดว่าน่าจะมีคำตอบให้ตัวเค้าเองอยู่แล้ว ต่อให้เด็กใช่ หรือไม่ใช่ลูกฟิล์ม ก็เชื่อว่าแอนนี่ หาทางลงได้แน่นอน แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 55 19:20:08 จากคุณ : Ging (ging@Taipei) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 14:16:08

ความคิดเห็นที่ 22 เอิ่ม ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้ารับรองบุตรไปก่อนแค่เพื่อจะตรวจดีเอ็นเอ แล้วเกิดระหว่างนั้นฟิล์มเป็นอะไรไปก่อนจะได้ถอน แอนนี่ก็รับมรดกสบายไปดิคะ จากคุณ : เร่ร่อน เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 14:28:51

ความคิดเห็นที่ 23 นั่นสิ ก็รับรองบุตรไปก่อนตามกฎหมาย จะได้บังคับฝ่ายหญิงให้เอาเด็กไปตรวจดีเอนเอได้ เพราะถ้าไม่ใช่ฟิล์มก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แล้วถ้าใช่ก็จะกลัวอะไร ไหนบอกว่า ถ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนก็ยินดีเลี้ยงดู เหมือนตอนที่ออกข่าว มาชักกะเย่อ ต่างฝ่ายต่างกั๊กไปทำไม แต่เราไม่เดือดร้อนหรอก เพราะไม่สนอยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อ รู้แค่ว่า ผสมออกมาได้โคตรน่ารัก) ถ้าหลักฐานมันออกมา ใครจะคิดยังไงก็ช่างเขา เพราะทุกคนต้องยึดที่หลักฐานและ เอกสารทางราชการเป็นสำคัญ ที่สำคัญ ตอนนี้คนที่คิดว่าฟิล์มเป็นพ่อเหลือกี่คนกัน กลัวคนลือเรื่องรับรองบุตร ไม่ต้องห่วงเพราะสื่อคงตามเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ และยังเป็นการผเยแพร่กฎหมายเรื่องรับรองบุตรให้ประชาชนได้รู้อีกด้วย จากคุณ : พี่น้องที่เคารพ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ฟิล์มก็ทำพินัยกรรมไปสิ  ระบุลงไปเลย  ว่ายกสมบัติทุกสิ่งอย่างอันให้แม่แต่เพียงผู้เดียว  โง่จริง   ตัวฟิล์มเองคงแอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันแหละ  ไม่ได้ชัวร์ 100% หรอก  ไม่งั้นคงฟ้องร้องเอาจริงเอาจังให้ตรวจ dna ไปนานแล้ว  บอกแล้วไง  สองคนนี้ไม่เชื่อลมปากอีกแล้ว  งานนี้ใครพูดมากพูดบ่อยสุด  คนนั้นแหละสันหลังหวะ จากคุณ : คุณนายสอดศรี เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 15:11:36

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 22 ถึงรับรองบุตรก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิ์ในสมบัติของบิดาได้ทันทีค่ะ การจะยกไม่ยกสมบัติให้ใครเป็นสิทธิ์ของเจ้าของสมบัติโดยการทำพินัยกรรมค่ะ พ่อจะไม่ยกอะไรให้ลูกเลยแม้แต่บาทเดียวก็ได้ ไม่ผิด ทำพินัยกรรมไว้เลย ลูกจะไปฟ้องร้องก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีพินัยกรรมระบุไว้ การแบ่งมรดกก็จะเป็นไปตามการสืบสันดานซึ่งไม่ใช่แค่ลูกอย่างเดียว พ่อแม่ พี่น้อง ในส่วนแม่ของลูกที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ไม่มีสิทธิ์ใดๆที่จะได้รับมรดกเพราะไม่ได้อยู่ในส่วนของผู้สืบสันดาน พ่อแม่ พี่น้องหรือสามีภรรยาเลยค่ะ ที่สำคัญไม่ใช่แค่มรดกเท่านั้นที่ต้องรับ หนี้สินก็ต้องรับด้วยค่ะ จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 15:12:41

ความคิดเห็นที่ 26 คห 21 นั่นแหละ ถูกเผ่ง !!! งงว่าทำไมในสัญญาดูเหมือนฟิล์มเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งนั้น ทั้งที่ฟิล์มไม่ใช่พ่อ ฟิล์มควรจะมีข้อต่อรองกับแอนนี่ที่ได้ประโยชน์มากกว่านี้ เรื่องการขอรับรองบุตร ขั้นแรกฟิล์มต้องเข้าเงื่อนไขทาง กม. ว่าอาจจะเป็นพ่อเด็กได้ แล้วจึงไปยื่นขอรับรองต่อนายทะเบียน ถ้าแม่เด็กไม่ยอม ถึงค่อยไปฟ้องศาล ซึ่งแอนนี่ต้องพิสูจน์หักล้างว่าฟิล์มไม่ใช่พ่อ เอาแค่นี้แอนนี่ก็จุกแล้ว เพราะตัวเองพูดเองว่าเขาเป็นพ่อ ถ้าแอนนี่พิสูจน์เท่ากับยอมรับแล้ว ว่าจริงๆฟิล์มไม่ใช่ ดังนั้นอาจจะไม่ต้องตรวจ dna หรือถึงขั้นจดทะเบียนรับเด็กเสร็จสมบูรณ์ก่อนด้วยซ้ำ แต่ถ้าแอนนี่มั่วนิ่มตามน้ำ ยอมให้ฟิล์มรับรองบุตร ฟิล์มก็ค่อยมาขอตรวจ dna อีกที ก็นะ ยุ่งยาก ยาวนาน รอกันไปกว่าจะจบคดี น้องทีบวชพอดี จากคุณ : ต้นน้ำลำธารท้องฟ้า เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 15:14:21

ความคิดเห็นที่ 27 ชอบกระทู้นี้นะคะ คุยกันเป็นเรื่ิองเป็นราวดี จากคุณ : Parakeet Heliconia เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 16:05:09

ความคิดเห็นที่ 28 ทางรอดของฟิล์มมีทางเดียว คือให้แอนนี่พิสูจน์ว่าเด็กไม่ใช่ลูกตัว เพราะจะทำให้สังคมเลิกประนามซักที และจะได้พิสูจน์ที่ผ่านมาตัวเองเป็นแพะและรับผิดชอบพอสมควรแล้ว ทั้งๆที่เด็กไม่ใช่ลูกตัวเอง ทางรอดของแอนนี่มีทางเดียว คือไม่พิสูจน์ว่าเด็กเป็นลูกใคร เพราะถ้าเด็กไม่ใช่ลูกฟิล์ม สมญานามแอนนี่กินสตอคงติดตัวเธอไปตลอดชีวิต จากคุณ : ommy_ka เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 16:12:43

ความคิดเห็นที่ 29 ^เห็นด้วยค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (janisa) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 16:29:52

ความคิดเห็นที่ 30 ตรวจ DNA มันจะนานเป็นปีเลยเหรอเมืองไทย จากคุณ : CW Together เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 16:55:17

ความคิดเห็นที่ 31 มันพัวพันกันอยู่หลายคดีเลยนีคะ เพื่อให้คดีหมิ่นอื่นๆ ของหลายคนที่ฟ้องพัวพันกันจบ เลยต้องยอมความกัน  นี่หรือเปล่าเลยทำให้ฟิมล์ ไม่อาจขอฟ้องรับรองบุตรได้ "ในเจาะข่าวเด่น แอนนี่ บอกว่า ตามข้อตกลงในข้อ 3 ต่อจากนี้ไป นับจากวินาที ที่ไกล่เกลี่ยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามมาฟ้องร้องขอเป็นบิดา ห้ามมาออกข่าวในแนวที่ว่าต้องการจะเลี้ยงดู ดูแลเด็กชาย ทีฆายุ เด็ดขาด" จากข้อความนี้ แปลว่าฟิมล์น่าจะให้ทนายพยามทำเรื่องฟ้องรับรองบุตรแล้วเพราะฟิมล์ต้องการตรวจ DNA ตั้งแต่แรกทนายคงบอกให้ฟ้องช่องทางนี้เพื่อขอตรวจ DNA เนื่องจากไม่ว่าทำยังไงคุณเธอก็ไม่ยอมตรวจ แต่ดันมีคดีหมิ่นประมาทของผู้มีพระคุณไปรวมอยู่ด้วย เลยต้องหยุดยอมความเปลี่ยนเป็นแค่ถอนชื่อออกจากสูติบัตรแทน และยกคำฟ้องทั้งสองฝ่าย จากคุณ : น้องเป้ลูกแม่หนิง เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:01:10

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบกระทู้นี้เช่นกันครับ เอาความรู้ เอาเหตุผลความเป็นจริงมาคุยกัน  ไม่เอา "ความคิดไปเอง"   ความคิดเห็นที่ 28 MsgStatus(Msv[28], 28); ทางรอดของฟิล์มมีทางเดียว คือให้แอนนี่พิสูจน์ว่าเด็กไม่ใช่ลูกตัว เพราะจะทำให้สังคมเลิกประนามซักที และจะได้พิสูจน์ที่ผ่านมาตัวเองเป็นแพะและรับผิดชอบพอสมควรแล้ว ทั้งๆที่เด็กไม่ใช่ลูกตัวเอง ทางรอดของแอนนี่มีทางเดียว คือไม่พิสูจน์ว่าเด็กเป็นลูกใคร เพราะถ้าเด็กไม่ใช่ลูกฟิล์ม สมญานามแอนนี่กินสตอคงติดตัวเธอไปตลอดชีวิต จากคุณ : ommy_ka   เหตุผลที่ว่าทำไม 2 คนนี้ไม่ทำ อยู่ในคห.17 และ 24 แล้วครับ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:09:35

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่เข้าใจว่ามันซับซ้อนตรงไหนคะพี่น้อง ...... ดิชั้น งง กับเขาสองคนจริงๆ  ทำไรกันอยู่เนี่ย คนนึงบอกไม่อยากข้องเีกี่ยว  แล้วมันไปเอาชื่ออีกคนมาใส่ในสูติบัตรทำไม จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:10:16

ความคิดเห็นที่ 34 ตรวจไปแล้วจ้าว่าไม่ใช่ แต่แอนนี่ไม่พูด ไม่ให้ข่าวและเลือกที่จะบอกว่า"ไม่ได้ตรวจ" นักข่าววงในส่วนมากเค้ารู้กัน เอามาจากทวิตเตอร์พี่นักข่าวท่านหนึ่ง : ) จากคุณ : ployfon เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:25:10

ความคิดเห็นที่ 35 ได้ข่าวว่าศาลให้เเอนนี่ถอนชื่อฟิล์มออกจากการเป็นพ่อเด็กไม่ใช่หรือคะ ถ้าใช่ นั่นเเสดงว่าศาลรู้เเล้วว่าฟิล์มไม่ใช่พ่อเด็ก จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 17:52:27

ความคิดเห็นที่ 36 ยิ่งอ่าน ยิ่งติดตาม ยิ่งสงสารเด็ก เห้ออออออ จากคุณ : น้องแสงโสม (moshita) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 18:04:46

ความคิดเห็นที่ 37 แอนนี่ จะฉลาด กว่า ฟิล์ม ยังไง สุดท้าย ก็ ไม่ฉลาด ไป กว่า เวรกรรม และ ความจริง หรอกค่ะ ฟิล์ม ก็ ถ้ามั่นใจ ก็ เดินทางต่อไป เก็บอดีต เป็น ประสบการณ์ ถ้าคุณดี จริง คุณ ก็คงจะพอมี ที่ยืน บ้างหรอกค่ะ จากคุณ : QUL 2008 เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 18:56:10

ความคิดเห็นที่ 38 เราว่าขอรับรองบุตรเพื่อแค่ตรวจ DNA ดูใจร้ายกับน้องฑีลูกแอนนี่นะคะ  ได้ทำร้ายแม่แต่น้องเขาโดนเต็มๆ แล้วหากฝ่ายชายขอเพิกถอนการรับรองบุตรจริงๆ    คิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฝ่ายที่เข้าข้างคุณแอนนี่อยู่ตอนนี้   เขาก็จะออกมาบอกว่า 1. มนุษยธรรมน่ะมีไหม  ไอ้ผู้ชายใจร้ายวางแผนไว้ว่าจะตรวจ DNA พอรู้ว่าไม่ใช่ก็ถีบส่ง บลาๆๆๆๆ 2. ดูๆๆๆ ใจโค ตระ ดำ เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือทำลายแม่เขา รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่พ่อยังจะมาขอรับรองบุตร  แค่อยากรู้ DNA ถึงกับต้องประจานเด็กแบบไม่ได้ผุดได้เกิด 3. โค ตระแมนเลยพอรู้ไม่ใช่ลูกแล้วเอาเขามาประจาน  ศาลเขาให้รับรองบุตรเพราะเขานึกว่าจะรักจริง เลี้ยงจริง  นี่อะไรรับแล้วเอาไปตรวจ DNA ประมาณนั้น......... จากคุณ : ตะขบเขียว เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 19:30:53

ความคิดเห็นที่ 39 ฟิล์มเปลี่ยนทนายเถอะช่วอะไรไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าทนายของแอนนี่จะฉลาดกว่ามาก จากคุณ : Sasiorn เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 21:26:18

ความคิดเห็นที่ 40 เขารู้กันอยู่ไม่กี่คน เราก็ฟังๆ ไว้ อ่านไว้กันตกข่าว  อยากทำงานก็ทำกันมาสิคะ ถ้างานดีมีฝีมือเราก็ดู  งานห่วยๆ ก็ไม่ดูและไม่ซื้อ จากคุณ : นิกิตา เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 23:00:20

ความคิดเห็นที่ 41 ในกระทู้มีใครมีความรู้เรื่องกฎหมายจริงๆบ้างไหม อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีเงื่อนไขอะไรฟิล์มถึงไม่ดำเนินการตามที่คห.บนๆว่าไว้ เซ็นรับรองบุตร หรือฟ้องรับรองบุตร ถ้าแม่ไม่ยอมจะสามารถทำได้ไหม ถึงเธอจะบอกว่าเขาเป็นพ่อ แต่ไม่ยอมให้เขารับรองบุตรเพราะกลัวเขาเอาลูกไป แอนนี่สามารถอ้างแบบนี้ให้ฟิล์มรับรองบุตรไม่ได้หรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเซ็นหรือฟ้องแล้ว มันมีเรื่องยุ่งยากอะไรอีกไหม บวกกับคดีของผู้ใหญ่ฝั่งฟิล์มที่แอนนี่จะฟ้องหมิ่นประมาทอีก มันเกี่ยวเนื่องกันมากหรือเปล่า ฟิล์มถึงไม่ทำแบบที่คห.บนว่าไว้ จากคุณ : The Opera เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 23:48:38

ความคิดเห็นที่ 42 ผ่านจุดนั้นของแอนนี่มาแล้ว แต่เราว่ามาถึงจุดนี้ถ้าแอนนี่มีจิตใจที่บริสุทธิ์ต่อลูกตัวเอง หวังดีต่อลูกตัวเองไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงแล้ว ความจริงเท่านั้นที่จะช่วยน้องทีได้ ทำทุกอย่างให้กระจ่าง สีดำที่เป็นเหมือนหมอกคลอบคลุมชีวิตน้องทีจะได้หมด ๆ ไปซะที สะสางทุกอย่างที่ผ่านมาให้เรียบร้อย เมื่อนั้นเราว่าชีวิตน้องทีจะได้เริ่มใหม่จริงๆ ซะที จากคุณ : wubbzy เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 00:41:10

ความคิดเห็นที่ 43 #38 น้องเขาโดนทำร้ายมาแล้วครับ ไม่ใช่เพิ่งมาโดน และทุกวันนี้ก็ยังโดน ถ้าเจ็บอีกครั้งเดียวแล้วจบจริงๆ ไม่ยืดเยื้อ ก็ยอมเจ็บเถอะ ถ้ากลัวเจ็บแล้วไม่กล้าจบ น้องเขาก็โดนทำร้ายแบบนี้ไปไม่จบไม่สิ้น ส่วนคนที่เข้าข้างแอนนี่แล้วจะด่าฟิล์มอย่างนั้นหลังจากตรวจ DNA ก็ปล่อยให้อยู่ในกะลาสวยๆ งามๆ ไปเถอะ ตัวเองจะวาดภาพเปลือกกะลาไว้สวยหรูแล้วพยายามโอ้อวดใครต่อใครยังไง ก็หลีกหนีข้อเท็จจริงไปไม่พ้นว่า "ฟิล์มไม่ใช่พ่อเด็ก จะรับผิดชอบเด็กหรือไม่ก็ได้" (กรณีที่ตรวจแล้วฟิล์มไม่ใช่พ่อจริงๆ นะ) จากคุณ : Marcopy เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 00:57:36

ความคิดเห็นที่ 44 ก็แปลก ถ้าฟิล์มมีหลักฐานตามที่พูดฟ้องกันก็ชนะเห็นๆ แต่เฮียกลับบอกให้ยอมความซะงั้น หึหึ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 08:35:03 จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 08:33:40

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 44 ที่ฟิล์มยอมความเพราะคดีเฮียนั่นแหละ แลกคดีกัน เพราะของคดีที่แอนนี่ฟ้องเฮียพูดจริงก็ผิด พูดไม่จริงก็ผิด เพราะหมิ่นประมาทออกสื่อ ทำให้เขาได้รับการดูหมิ่นเกลียดชัง(คดีนี้ จะจริงหรือจะเท็จ ก็ผิด  ยกเว้นว่าในสิ่งที่เป็นไปไม่ไ้ด้ จากรายการสรยุทธได้ให้ข้อมูลไว้เกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทว่ายิ่งจริงยิ่งผิด) ถามกลับกันว่า แอนนี่ชนะคดีเฮียเห็นๆ ยอมความทำไมถ้าไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้คดีฟิล์ม   แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:09:07 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 11:08:00 จากคุณ : pigka เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:06:27

ความคิดเห็นที่ 46 ทำไมจะไม่ยอมในเมื่อสัญญาที่ตกลงกันเป็นประโยชน์ต่อแอนนี่มากกว่าฟิล์ม อ่านค.ห.21อีกรอบ เฮียคงรักฟิล์มมากเลยเนอะ เฮียรอดตัวแต่ฟิล์มเป็นจำเลยสังคมต่อไป หุหุ จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:56:15

ความคิดเห็นที่ 47 จะมีประโยชน์อะไรต่อแอนนี่มากกว่าการชนะคดี พร้อมกัน 2 คดีอีกละ   และอีกอย่าง ลูกถือเป็นสิทธิของแม่มากกว่ายิ่งกรณีของแอนนี่ ไม่ต้องกลัวว่าพ่อเด็กจะมาแย่งไปเลี้ยงข้ออ้างนี้มันตลก  ใครก็รู้ว่าแอนนี่เลี้ยงน้องมาตลอดจนโตขนาดนี้ จะมากลัวเขาจะแย่งลูกไปทำไมยังไงลูกก็ต้องอยู่กับคุณ   อย่างดีเขาก็ช่วยค่าเลี้ยงดู   ดูๆ ไปเหมือนต้องการยึดชื่อฟิล์มเป็นพ่อเด็กไว้ให้ถึงที่สุด   ซึ่งเรามองว่าไม่แฟร์สำหรับฟิล์มที่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นพ่อของน้องอย่างดีที่สุดไปแล้ว  (ช่วยค่าใช้จ่าย  ขอให้แอนนี่มาตรวจพิสูจน์ DNA (ไม่ต้องไล่ตามตัวเหมือนกรณีพ่อน้องไอวี่ของคุณเอ)     และตอนนี้จากหลายๆ อย่างฟิล์มเขามั่นใจว่าเขาไม่ใช่พ่อ  แอนนี่ก็ควรจะปลดแอกให้เขาหากไม่คิดจะใช้ประโยชน์จากการใช้ชื่อเขาเป็นพ่อเด็กอย่างที่พยามจะบอกใครๆ    แค่ยอมความคดีเฮียฮ้อ เพื่อให้ฟิล์มยอมความแลกกับคดีที่ฟิล์มฟ้องคุณ   ทั้งๆ ที่ถ้าหากฟิล์มเป็นพ่อจริงๆ คุณชนะคดีได้ประโยชน์ยิ่งกว่า  แค่นี้ก็น่าเป็นที่เข้าใจกันว่าเพราะฟิล์มไม่ใช่พ่อเด็ก   แอนนี่ถึงต้องแลกกับคดีที่ชนะแน่ๆ  อยู่แล้ว  ใช่หรือไม่ใช่ลองเอาอคติออกแล้วคิดดู จากคุณ : pigka เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 13:18:31

ความคิดเห็นที่ 48 คุณนั่นแหละต้องเอาอคติออก แอนนี่จะชนะคดีไปเพื่อ?? ในเมื่อเขาประกาศแล้วว่าไม่ต้องการค่าเลี้ยงดูจากฟิล์ม จะชนะหรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน คดีหมิ่นประมาทไม่ใช่คดีพิสูจน์DNAอย่าเอามาสับสนกัน สมมุติว่าฟิล์มไม่ยอมความฟิล์มฟ้องต่อแล้วชนะก็ไม่ได้แปลว่าฟิล์มไม่ใช่พ่อ แอนนี่ชนะก็ไม่ได้แปลว่าฟิล์มเป็นพ่อเช่นกัน ได้อ่านค.ห.21มั้ยเนี่ย เขาวิเคราะห์แล้วว่าแอนนี่ไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งลูก ย้ำอีกครั้ง นี่คือคดีหมิ่นประมาทไม่ใช่การพิสูจน์DNAและจะไม่มีการพิสูจน์DNAด้วยเพราะำฟิล์มโง่ไปเซ็นต์ยินยอมว่าจะไม่เกี่ยวข้่องกับเด็กอีกไม่ว่ากรณีใดๆ รวมถึงการรับรองบุตรเพื่อร้องต่อศาลขอตรวจDNAในอนาคต เห็นหรือยังว่าแอนนี่ได้เปรียบยังไง ไม่ว่าจะอีกกี่ปีก็ฟื้นเรื่องDNAมาฟ้องเธอไม่ได้ ชาวบ้านด่าน่ะไม่ต้องห่วง ด่ามาสองปีก็เห็นเธอยังอยู่สบายดี จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 13:36:09

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 48 ส่งสัยว่าเมื่อไม่ได้ต้องการอะไรจากฟิล์ม  งั้นก็มีอยู่เรื่องเดียวที่แอนนี่ต้องการ และต้องการตลอดไปคือ ชื่อฟิล์มไว้บอกคนอื่นว่าเป็นพ่อของเด็กใช่หรือไม่  ไม่งั้นก็ถอนชื่อออกไป และก็อย่าให้ใครได้สงสัยว่าฟิล์มคือพ่อ  แค่นั้นก็จบ สุดท้ายสรุปคือที่ยืดเยื้อกับฟิล์มก็คือต้องการชื่อฟิล์มไว้แปะที่หน้าลูกตัวเองอยู่ดี และต้องการตลอดไป  ใช่หรือไม่   แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 15:03:54 จากคุณ : pigka เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:01:33

ความคิดเห็นที่ 50 เขาต้องการอะไรเราไม่ทราบหรอกค่ะเพราะไ่ม่ใช่เขา ชื่อในใบเกิดก็เห็นบอกว่าจะไปถอนให้นิ เพียงแต่ฟิล์มโง่เองที่ไม่ระบุเวลาที่แน่นอน สรุปเกมนี้ฟิล์มแพ้ จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:11:09

ความคิดเห็นที่ 51 สงสารฟิล์มโดนตู่ให้เป็นพ่อเด็กไม่ยอมเลิกลา จากคุณ : pigka เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 15:16:34

ความคิดเห็นที่ 52 ที่เถียงๆกันอยู่นี่มีใครมีความรู้เรื่องกฎหมายจริงๆบ้างมั้ย? ข้อสงสัยของกองเชียร์แอนนี่คือฟิล์มยอมง่ายเกินไป ถ้ามั่นใจว่าไม่ใช่พ่อทำไมไม่จัดการขั้นเด็ดขาดเลยใช่มั้ย แต่จากกระทู้แนะนำ ฟิล์มพูดชัดแล้วว่าตัวเองไม่ใช่พ่อ ถ้ามันไม่มั่นใจมันจะกล้าพูดชัดขนาดนั้นเหรอ ถ้าแอนนี่เกิดยอมตรวจขึ้นมาแล้วมันใช่ รับรองได้ว่าฟิล์มล่มจมไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ แล้วมันก็กลับมาที่เดิม ทำไมแอนนี่ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ? กองเชียร์ก็อ่านกระทู้อื่นแล้วคิดตามบ้างนะ อย่าคิดแต่ว่าเค้าด่าตามน้ำ จากคุณ : The Opera เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:50:55

ความคิดเห็นที่ 53 พูดแล้วเชื่อเลยคงมีแต่สาวกฟิล์ม ฟิล์มมั่้นใจสาวกเลยมั่นใจด้วย?? คดีความเขาว่ากันด้วยหลักฐานไม่ใช่ความเชื่อ ไม่งั้นคงไม่ต้องมีศาล มั่นใจแล้วยอมความทำไม เห็นแก่เด็ก? เฮ้ย!ฟิล์มเป็นคนดีขนาดยอมทิ้งอนาคตตัวเองเพื่อใครก็ไม่รู้เชียวเหรอ แล้วตอนนี้มาร้องแรกแหกกระเชิงทำไม ทำไมไม่รอเงียบๆตามข้อตกลง เห็นแก่เฮีย? เฮียก็ช่างกะไรเลย ลูกน้องจะชนะอยู่แล้วดันบอกให้ยอมแพ้ คนทำธุรกิจแบบเฮียฮ้อเคยยอมใครด้วยเหรอ ถ้าคุณจะสังเกต เฮียมีท่าทีเปลี่ยนไปจากตอนแรก ทำไม สงสัยเฮียจะปล่อยให้ฟิล์มตายเดี่ยว อิอิ   ตรวจDNAเป็นสิทธิ์ของชีที่จะไม่ตรวจ แต่ไม่ตรวจจะมาสรุปว่าฟิล์มไม่ใช่พ่อก็ผิดละ มัน50/50 อาจจะใช่หรือไม่ใช่ อยากด่าก็ด่าไปชีไม่ตรวจมีอะไรแมะ เลยทำให้คนอยากรู้อกแตกตายถึงได้มาก่นด่าอยู่อย่างนี้ไม่ได้รักความถูกต้องยุติธรรมอะไรหรอก แค่เมิงขัดใจกุ หุหุ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 10:34:12 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 09:19:49 จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 09:15:57

ความคิดเห็นที่ 54 #53 ... ท่าทางคุณจะชอบแอนนี่เอามากๆ จากคุณ : Boxer10 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 23:08:25