 |
ความโหดเหี้ยมของพระเจ้าปราสาททอง
ล้างบางขุนนาง (บันทึกของ เจเรเมียส ฟอน ฟลีต หรือ วัน วลิต) "ขุนนางที่แสดงออกนอกหน้าว่าฝักไฝ่อยู่กับพระมหาอุปราชพระอนุชาธิราชของพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ก่อนหรือผู้ที่ไม่ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นพวกใด เมื่อคราวที่พระเจ้าอยู่หัวในพระโกศทรงประสงค์จะทราบความรู้สึกในเรื่องนี้ ต่างถูกจับกุมทันที และถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา บ้านเรือนตลอดจนทรัพย์สมบัติถูกปล้นสะดม ข้าทาสบริวารถูกคร่าเอาไปสิ้น
ในเวลาเดียวกัน พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ทรงรับสั่งให้นำนักโทษตัวการสำคัญทั้งสามออกมาจากคุก และให้สับออกเป็นท่อน ๆ ที่ ท่าช้าง (Thacham) คือทวารหนึ่งของพระราชวังในฐานะที่เป็นผู้รบกวนความสงบสุขของประชาชน และในฐานะที่ร่วมกันต่อต่านผู้สืบราชสมบัติ ที่แท้จริงและถูกต้องตามกฎหมาย ศีรษะและร่างกายส่วนอื่น ๆ ของคน เหล่านั้นถูกเสียบประจานไว้ตามที่สูงในเมืองหลายแห่ง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจคนทั้งหลาย ซึ่งอาจต้องการขัดขวางต่อต้านการสืบราชสมบัตินอกกฎหมายนี้
ส่วนทรัพย์สมบัติของคนเหล่านั้นทั้งหมดถูกริบราชบาตร และพระเจ้าแผ่นดินได้พระราชทานทรัพย์เหล่านี้ เฉลี่ยกันไปในบรรดาคนโปรดของพระองค์
ขุนนางซึ่งถูกประหารชีวิตทั้งสามคน เป็นผู้ที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุด มีตำแหน่งราชการสูงที่สุดในอาณาจักรและเป็นที่เคารพอย่างสูงของประชาชน ทั้งเป็นที่โปรดปรานยิ่งนักของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลก่อน คนหนึ่ง คือออกญากลาโหมแม่ทัพช้างผู้เป็นคนหนึ่งในบรรดาขุนนางสำคัญ ๖ คน และ ร่ำรวยที่สุดในประเทศ มีข้าทาสมากกว่า ๒,๐๐๐ คน ช้าง ๒๐๐ เชือก และม้างาม ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
คนที่สองคือออกพระท้ายน้ำ (Opera Taynam) แม่ทัพม้า เป็นออกญาพระคลังมาก่อนเป็นเวลา ๕ ปี กับ ๒ เดือน ในขณะที่อยู่ในตำแหน่งนั้น ได้รวบรวมทรัพย์สินเงินทองไว้มากมาย พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อนทรงยกย่องและโปรดปรานเป็นพิเศษ เพราะเป็นผู้สามารถในราชการและช่างเจรจา คนที่สามคือ ออกหลวงธรรมไตรโลก ๙ (Oloangh Thamtraylocq) เจ้าเมืองตะนาวศรี เป็นขุนนางสูงอายุ และได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงจากบรรดาขุนนาง ด้วยความจงเกลียดจงชังของออกญาศรีวรวงศ์ ขุนนางเหล่านี้จึงต้องถูกลงทัณฑ์และสิ้นชีวิตอย่าง น่าเวทนายิ่งโดยไม่สมควรเลย"
ฆ่าพระราชมารดาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน (บันทึกของ เจเรเมียส ฟอน ฟลีต หรือ วัน วลิต)
"พระองค์ปรารถนาจะได้พระราชมารดาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่เพิ่งสวรรคตซึ่งเป็นสตรีที่งามที่สุดคนหนึ่ง ในอาณาจักรมาเป็นสนม แต่พระนางแสดงความรังเกียจ ทรงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมไปยังพระราชวังตามกระแสรับสั่งที่มีมาถึงพระนาง
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินจะบังคับพระนางโดยพละกำลัง พระนางได้ตรัสว่า "พระเจ้าแผ่นดินเจ้าชีวิตของฉันไม่มีอีกแล้ว และโอรสของฉันก็สวรรคตแล้วด้วย ฉันก็เหนื่อยหน่ายต่อชีวิต ฉันเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใด ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทั้งสองพระองค์นั้นอีก แต่ขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของฉันจะต้องอยู่อย่างบริสุทธิ์และจะไม่ยินดีในโจรแย่งราชสมบัติและทรราชผู้นี้เลย"
พระเจ้าแผ่นดินทรงกริ้วต่อการปฏิเสธคำตอบที่เผ็ดร้อน และการตำหนิติเตียนอันรุนแรงยิ่งนั้น ถึงกับทรงมีรับสั่งให้คร่าตัว พระนางไปที่ริมฝั่งน้ำ ให้สับร่างของพระนางออกเป็น ๒ ท่อน ร่างส่วนที่มีหัวติดอยู่ให้ตรึงติดกับขาหยั่งไม้ไผ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระภิกษุสงฆ์ กราบทูลขอร้อง พระองค์จึงอนุญาตให้ปลดร่างนี้ลงภายหลังที่ประจานอยู่ ๒ วันแล้ว และได้จัดการเผาโดยปราศจากพิธีรีตอง
สนมคนอื่น ๆ และพระธิดาของพระเจ้าทรงธรรมที่ยังสาวและมีโฉมสะคราญมาเป็นนางสนม ผู้ที่ปฏิเสธตำแหน่งนี้จะถูกประหารอย่างทารุณ สตรีชราก็ถูกกักกันอยู่ในวังอันเป็นที่อยู่ของนางสนม และได้รับการเลี้ยงดูอย่างแร้นแค้น
การประหัตประหารพระชนมชีพของกษัตริย์ผู้มีอำนาจถึง ๓ พระองค์ติดต่อกันชั่วระยะเวลาอันสั้น นับเป็นเรื่องกระทบกระเทือนความรู้สึกของผู้ที่มีมนุษยธรรมเหลืออยู่เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าแสดงความรู้สึกเช่นนั้นหรือแม้แต่ร้องไห้ในการที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อของคนบริสุทธิ์เป็นอันมากเลย เพราะเพียงแต่สงสัยเท่านั้น คนเหล่านี้ก็ต้องได้รับโทษเสียแล้ว
ในกรุงศรีอยุธยามีพี่น้อง ๒ สาว ซึ่งเคยรับใช้พระราชมารดาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สวรรคตองค์ที่แล้วในตำแหน่งนางพระกำนัล ได้นั่งร่ำไห้อยู่ในบ้านของตนเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาของพระเจ้าแผ่นดินและพระโอรสของพระนาง มีผู้กราบทูลเรื่องนี้ต่อพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ พระองค์มีรับสั่งทันที ให้จิกผมนางทั้งสองลากไปยังฝั่งน้ำ และให้ผูกเข้ากับหลัก เอาต้นกกรัดรอบคอ ดึงไว้มิให้เท้าแตะดิน แล้วพระองค์มีรับสั่งให้แหวะร่างออกเป็นสองซีกแล้วใส่เครื่องถ่างปากไว้ นาง ทั้งสองถูกปล่อยให้ตายในลักษณะเช่นนี้ด้วยความทรมานอย่างสุดพรรณนา เมื่อบิดาของหญิงทั้งสองทราบเรื่องที่เกิดกับบุตรสาว ก็ไปยังที่ประหารชีวิตและแสดงความโศกเศร้าเสียใจ อันเป็นธรรมดาที่ต้องเกิดความรู้สึกเช่นนั้น เมื่อได้เห็นภาพอันน่าสังเวชสยดสยอง เมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรงทราบเรื่อง ก็มีรับสั่งให้ผ่าชายคนนี้ตลอดตัว แล้วแขวนไว้บนขาหยั่งนั้นเข้า ความเหี้ยมโหดร้ายกาจในการลงพระอาญาเหล่านี้ย่อมปิดปากคนอื่นๆ ทั้งปวง ทั้งปิดกั้นความโศกเศร้าเสียใจในความตายของมิตรสหายหรือญาติพี่น้องไว้โดยสิ้นเชิง"
จากคุณ |
:
ออกหลวงมงคล
|
เขียนเมื่อ |
:
วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 17:57:21
|
|
|
|
 |