ความคิดเห็นที่ 1 เค้าคงเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้จ่ายแล้ว อีกอย่างคงมีทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์หรืออื่นๆไว้พอประมาณ จขกท ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรื่องผลงาน เราชอบอั้ม ก็จะดูต่อไปละ จากคุณ : archdrea เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:12:51

ความคิดเห็นที่ 2 ที่คุณเขียนเพราะอยากจะประชดบรรดาFC อั้มหรือเปล่าครับ ถ้าคุณไม่ชอบก็น่าจเขียนจดหมายไปถึงอั้มเลยตรงๆจะดีกว่า มาบอกตรงนี้เหมือนจะสื่อถึงFC มากกว่า จากคุณ : ใบจอง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:12:53

ความคิดเห็นที่ 3 คนทั่วไปเงินเดือนหมื่นสองแต่ใช่ไอโฟนเครื่องสองหมื่นกว่า น่ารังเกียจกว่านะ จากคุณ : tonjak เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:14:51

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ได้เป็นแฟนคลับอั้มนะ จริงๆแล้วอั้มอาจจะทำบุญเยอะแยะแต่ไม่ได้ถ่ายรูปลง แค่กระเป๋าเป็นความสุขของเขาก็ซื้อไปเถอะถ้าไม่ได้เดือดร้อนใครอะ อั้มเป็นคนธรรมดาไม่ใช่พระจะได้ตัดทุกสิ่งอย่าง ตัดกิเลสได้หมดบางคนชอบซื้อการ์ตูน บางคนชอบเช่าพระ บางคนชอบซื้อหนังสืออ่าน บางคนชอบกินอาหารดีๆ บางคนชอบท่องเที่ยว มันเป็นความสุขของเค้าอย่างนึง.... ตามกำลังตามเงินที่เขาหามาได้ ส่วนบั้นปลายชีวิตอั้มจะหาสามีได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของเขา เขาเลือกที่จะเป็นแบบนี้แล้ว ทุกคนบนโลกไม่ใีครทำถูกใจใครหมดหรอก แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:43:55 จากคุณ : คุณหญิงอบเชย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:15:55

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนตัวไม่ใช่แฟนคลับอั้ม ดูที่ผลงานและการแสดงอย่างเดียวค่ะ เล่นดีก็ชม เล่นไม่ดี หรือแปลกๆไป เราก็ติค่ะ จากคุณ : Aomnova เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:16:22

ความคิดเห็นที่ 6 เงินเค้า เค้าหาก็ปล่อยเค้าเหอะตัวเอง   โธ่ถัง...เหตุเกิดจากกระเป๋า เรื่องแค่เนี๊ยะ... จากคุณ : kaemboum เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:17:30

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีตังก็ขายกระเป๋าสิ = = จากคุณ : หมูแจ๊ค เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:19:20

ความคิดเห็นที่ 8 ว่าที่จริง กระเป๋าใบละล้าน สำหรับเรา ก็ออกจะเว่่อร์ไป เกินความจำเป็นจริงๆ สงสารคนยากจนเหมือนกัน แต่ทำไงได้อะคะ เงินของเค้า น้ำพักน้ำแรงของเค้า เค้าจะทำเพื่อตัวเค้าเอง หาความสุข ให้ตัวเค้าเอง มันก็สิทธิ์ของเค้าล้วนๆ อะค่ะ จากคุณ : liumother เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:19:32

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนแรกอ่านกลอนกำลังจะชื่นชมคนแต่ง เพราะโคลงสี่สุภาพแต่งยากวก่ากลอนแปดแยะ แต่อ่านไปหลังๆ ชักเอามันแต่งไม่เข้าวรรค เข้าสัมผัส แล้วมันก็ยาวเกินไปสุดท้ายกลายเป็นอ่านไม่จบ ส่วนเรื่องอั้มปกติไม่ค่อยดูเธอเท่าไร เพราะตามแต่ละครช่อง 3 จากคุณ : ็Hong Zu เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:20:19

ความคิดเห็นที่ 10 ใจดีจัง ห่วงคนที่รวยกว่าตัวเองจะลำบาก... จากคุณ : สาวน้อย ร้อยกระบวนท่า เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:21:14

ความคิดเห็นที่ 11 นี่อาจจะเป็น ทัศนคติ และอีกหนึ่งมุมมอง ของ คนที่ติดตามดารา และอยากออกความคิดเห็น .. ไม่ขอติเจ้าของกระทู้นะคะ ปู เสื่อรอ และ ถือป๊อบคอร์นคอมโบ้ เซ็ท รอความเห็นข้างล่าง... จากคุณ : ช้างน้อยรักก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:21:37

ความคิดเห็นที่ 12 เงินใครเงินมันเถอะค่ะ จากคุณ : muyuyame เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:23:11

ความคิดเห็นที่ 13 อั้มซื้อกระเป๋าแพง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนจน...ไปสงสารคนจนทำไม?? หรือการที่อั้มใช้กระเป๋าแพงๆมันทำให้คนจนมากขึ้นงั้นหรือ?? หรือคุณจะให้อั้มเอาเงินทั้งหมดที่ทำงานมาบริจาคคนจนทั้งโลกคะ?? จากคุณ : tonjak เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:23:44

ความคิดเห็นที่ 14 พัชราภาทำอะไรก็ผิดหมดแหละ สวยก็ผิด นั่งก็ผิด เดินก็ผิด ซื้อของก็ผิด แฟนคลับก็ผิด ผิดๆ กันหมด จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:24:10

ความคิดเห็นที่ 15 มันเป็นเรื่องของรสนิยมความชอบส่วนตัวเค้าค่ะ อย่างเราเรื่องการใช้จ่ายอย่างอื่นก็ปกติธรรมดา แตบ้าซื้อหนังสือมาก ซื้อเยอะถึงขนาดที่ว่า เพื่อนฝูงต้องเตือนกันเลยทีเดียวว่าจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ ถ้าเรามีเงืนมากอย่างเค้าเราจะเปิดร้านหนังสือให้ครบ- วงจร เอาขนาดห้องสมุดชิดซ้ายไปเลย เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่อั้มเค้าจะซื้อกระเป๋าราคาระดับนี้ ก็กำลังเค้าถึงงัยค่ะ เค้าคงไม่มีเงินห้าล้านแล้วซื้อกระเป๋า สี่ล้านหรอกค่ะ อย่าไปคิดแทนเค้าจะมีความสุขกว่า.. จากคุณ : อาทิตย์ในสายหมอก เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:26:49

ความคิดเห็นที่ 16 จะใช้เงินซื้ออะไรทั้งที่ก็ลำบากเนอะ พัชราภา เงินประมาณหลายร้อยล้าน ไม่ได้อยู่ในบัญชีอั้มนะ จขกท มันอยู่ในบัญชีคุณพ่อเค้า เวลาเค้าอยากได้อะไร เค้าก็จะขอเอา ไม่ไช้ใช้แบบไม่คิด เค้าฉลาดนะคุณ พัชราภา บอกตรงๆชั้นสงสารเธอช่วงนี้ ทำอะไรก็เปนข่าว อืมนะ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:40:05 จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:27:32

ความคิดเห็นที่ 17 เวลาอั้มทำดีคนไม่เคยพูดถึง แต่เวลาเขาเอาเงินของตัวเองที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงมาซื้อก็ไปว่าอั้ม เราไม่ใช่แฟนคลับอั้มแต่เราเคยเห็นอั้มไปให้อาหารหมาวัดมากับตา เราเลยไม่คิดจะว่าอั้มเลยที่เขา ซื้อกระเป๋าใบล่ะล้าน ถึงแม้เราจะเป็นคนง่ายๆกับชีวิตส่วนตัว แต่บางครั้งเราก็มีความรู้สึกอยากได้ อยากมี คนเราเป็นกันทุกคน หรือคุณ จขกท.จะปฏิเสธว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอยากได้โน้นอยากได้นี่ อั้มก็เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:29:29 จากคุณ : the_pams เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:28:25

ความคิดเห็นที่ 18 ซื้ออะำไรก็ผิด ซื้อของแพงก็ผิด ไม่แน่ใจว่าเจ้าของกระทู้เป็นห่วง หรืออิจฉากันแน่ แนะนำให้พี่อั้มใช้ถุงก๊อบแก๊บแทนละกันจะได้ไม่มีใครว่า จากคุณ : mayhazza เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:28:56

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงขั้นเกลียดเลยเหรอค่ะ เป็นเยอะนะเนี้ย สงบจิตสงบใจบ้างเถ๊อะ เงินคุณก็ไม่ใช่ เดือดร้อนอะไรด้วยเนี้ยะ!!!!!!!!!! เยอะไป๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : loki เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:29:37

ความคิดเห็นที่ 20 เทียบกับ  แพนเค้ก เขมนิจ   แล้วคิดยังไง   คห. ล่าง  ...... จากคุณ : นาเบะ ชิโร่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:30:29

ความคิดเห็นที่ 21 Gif คุณอั้ม ของคุณช้างน้อยรักก้านกล้วย มาจากเรื่องอะไรอ่ะคะ ฮามากเลย 555555 จากคุณ : แฟชึ่นไอค่อนตัวแม่ระดับHD เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:30:43

ความคิดเห็นที่ 22 เอ่อ มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ ถึงเธอจะซื้อกระเป๋าใบละ 4 ล้าน เธอก็หาเงินมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเธอ เป็นความพึงพอใจของเธอครับ หากเธอซื้อมาแล้วเอามาเผาเล่นเหมือนลูกดาราฝั่งฮอลลีวู้ด อันนั้นค่อยว่ากันครับ จากคุณ : แค่แวะมาทางนี้ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:30:57

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ขอเิงินใครไปซื้อป่าว จากคุณ : ซูกัสเหลียง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:32:03

ความคิดเห็นที่ 24 แล้วคนอื่นที่ซื้อกระเป๋าใบเปนล้าน หลายๆคน ชมพู่ นุ่น ไฮโซทั้งหลาย คุณไม่เกลียดด้วยหรอ หรือไม่ชอบพัชราภาอยู่แล้ว ? จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:32:26

ความคิดเห็นที่ 25 ทำงานได้วันละหลายแสน  ซื้อกระเป๋าใบละล้าน คงเป็นเรื่องธรรมดามั้งคะ   รายได้เยอะ ก็มีรายจ่ายเยอะเช่นกัน จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:33:58

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนหาเงินเค้าก็หาของเค้าเอง   ตอนจะใช้ ทำไมเค้าต้องไปขออนุญาตใครด้วยหล่ะคะ จากคุณ : Uradi เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:37:17

ความคิดเห็นที่ 27 เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นดาราที่หาเงินเองได้ไม่รู้เท่าไหร่ ห้ามใช้กระเป๋าแบรนด์เนม  เงินก็เงินของเค้า  เกี่ยวอะไรกับคนจน เค้าเป็นดารานะ ไม่ใช่ประธานสมาคมช่วยเหลือคนจนแห่งชาติ จากคุณ : Gigolina เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:37:53

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาอ่านโคลง แต่งเองรึเปล่าค่ะ เก่งจัง ^^ ) จากคุณ : อาจารย์ยิ้ม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:39:13

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เกี่ยวกับอั้ม แต่จะถามว่า กลอนนั่นแต่งเองหรือเปล่า ? จากคุณ : ประณมกร เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:39:33

ความคิดเห็นที่ 30 จะไปยุ่งกับเงินคนอื่นทำไมนักหนานะ... จากคุณ : onsri เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:40:15

ความคิดเห็นที่ 31 มันเกี่ยวอะไรกับการไม่ชอบ เงินก็เงินเค้าหามาได้ด้วยตัวเอง ระดับอั้มซื้อของแพงจะไปไรไป หาเงินได้เก็บใส่ธนาคารหรอ ตายไปจะได้ใช้มั๊ย สู้เอาเงินมาซื้อของที่ตนเองชอบและอยากได้เป็นกำไรของชีวิตไม่ดีกว่าหรอ เจ็บป่วยค่ารักษาพยาบาลเค้าึคงมีจ่ายไม่ต้องขอเงินใคร รายได้อั้มไม่ใช่น้อยๆ เค้าฉลาดพอ ถ้าฉันมีเงินแแบอั้มฉันก็ซื้อ จะผิดใคร เงินก็เงินฉัน สงสารอั้มจะซื้ออะไรก็มีคนว่า เฮ้อ ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย จากคุณ : apichya-oil เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:40:56

ความคิดเห็นที่ 32 น่าเบื่ออ่ะ. มีเงินนี่จะใช้ไม่ได้ใช่ปะ จากคุณ : ฟินาเล่ตลอด เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:41:35

ความคิดเห็นที่ 33 เงินเค้า เค้ามาได้โดยสุจริต จะใช้อะไรก็สิทธิของเค้า ไม่ใช่ทำตัวแบบเด็กใจแตก ขายตัว แลกเงินมาซื้อของแบรนด์เนมสักหน่อย จากคุณ : เจ๊วรรณา เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:41:44

ความคิดเห็นที่ 34 จขกท  อิจฉาเค้าหรอคะ เงินก็เงินเค้า เค้าคงแบ่งจัดสรรเงินทองเค้าอย่างดีอยู่แล้ว ปกติก็เห็นชีเปิดร้าน ทำธุรกิจขายของเยอะแยะ เข้าขั้นงกพอตัว ทำงานตรากตำอย่างหนัก เพื่อหาเงินมา แล้วจะซื้อของเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง มันก็ไม่แปลก ปล.ทำบุญก็เห็นทำนะอั้มน่ะ แต่ไม่ค่อยออกสื่อ เงินแค่ล้าน จิ๊บๆอยู่แล้ว หุหุ จากคุณ : Ars_music_special เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:42:40

ความคิดเห็นที่ 35 อั้ม ฉลาดพอในการใช้เงิน บอกแค่นี้ จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:44:36

ความคิดเห็นที่ 36 กรรมแท้...เกิดเป็นอั้ม ทำอะไรก็ผิด แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 14:48:01 จากคุณ : ก๋วยจั๊บกับแมวน้อย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:47:06

ความคิดเห็นที่ 37 สั้น ๆ นะคะ เสืoก จากคุณ : อยู่เมืองดัดจริตชีวิตต้องป๊อป (kiknaka) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:47:23

ความคิดเห็นที่ 38 เราว่าไม่ได้มีแต่อั้มนะที่ซื้อกระเป๋าราคาขนาดนั้น แต่มันเกี่ยวกันไหม ก็ไม่เกี่ยว จากคุณ : FridayFallinLove (รักฉันคือเธอ) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:47:31

ความคิดเห็นที่ 39 จขกท.มีเงินเท่าไหร่เอาไปช่วยคนที่ต่างจังหวัดให้หมดนะ อย่าเหลือไว้กิน ไว้ซื้อกระเป๋า ให้เศษผ้ามัดสี่มุมหอบไปทำงาน อย่ามือถือสากปากถือศีล ปลวกอยากดังถึงกับตั้งกระทู้ด่าดารา  โถ...ลื่น จากคุณ : ถ้าหล่อไม่ช่วย จะสวยให้ดู (paradoxe) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:48:36

ความคิดเห็นที่ 40 ของพวกนี้ ซื้อเก็บก็ยังได้ราคา ยิ่งรุ่นดังๆ คนก็อยากสะสม ไม่ใช่ซื้อมาละลายเงินเล่น หรือหมดราคาไปเลย นานไปขายก็ยังได้ราคา กำไรใช้ กำไรโชว์ เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง  อะร้า อะหล่าม คาสซิก คาสสิก จากคุณ : วิวเฟรโด้โกเมส ซานวาดอซานเชส เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:48:41

ความคิดเห็นที่ 41 บอกตรงๆว่าคาดหวังกับอั้มมาก  นึกว่าอั้มฉลาด เป็นดาราที่เก่ง สรุปว่าตกม้าตายตอนซื้อกระเป๋า คนอื่นเขามีชีวิตลำบากมากมาย ไม่ต้องบริจาคก็ได้ แต่ทำตัวสงบเสงี่ยมก็ลดความหมั่นไส้ลง ถ้ามีการกระทตัวที่ดีต่อสาธารณะก็จะเป็นตัวอย่างแก่คนหมู่มาก นึกว่าคนฉลาดอย่างอั้มจะนึกได้ เสียดายอั้มจริงๆ อุตส่าห์มีโอกาสเป็นของประชาน สมองเธอถูกคิดมาได้แค่นี้จริงๆ ไม่สงสัยเลยที่ผู้ชายเขาจะมาจีบเป็นแฟนช่วงสั้นๆและชิ่งหนีเมื่อสัมผัสชีวิตอันเปรี้ยวจิ๊ดของเธอ จากคุณ : burenglong (burenglong) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:50:23

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาบอกว่า กลอน......อืม... จะแปดก็ไม่แปด เขียนคล้ายจะให้เหมือน 4 สุภาพแต่ฉันทลักษณ์ก็ไม่ใช่ มั่ว ดีแท้ครับ จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:50:50

ความคิดเห็นที่ 43 โดยปกติชอบอั้มนะ เชียร์มาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มเอาใจไปเปรียบกับแพนเค้กอ่ะ จากคุณ : nongkhim เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:52:56

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 42 โคลงค่ะ ก็แต่งได้ดีนะคะ แต่ไม่ชอบแนวความคิดของ จขกท.ค่ะ เรื่องของเค้านะคะ จะใช้อะไรก็ไม่ได้ขอเงินเราไปซื้อค่ะ ข่างเค้า...แค่นั้นค่ะ จากคุณ : KruOng เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:56:09

ความคิดเห็นที่ 45 ชั้นให้กีบเธอ 3 กีบ (ในความพยายามกับความลื่นของหล่อน) เพราะกีบชั้นเหลือ ให้ปลวกอย่างเธอชั้่นไม่เสียดายหรอก ก็เหมือนอั้มแหละ เงินเค้าหลือ เค้าก็ซื้อ แม้ว่ามันจะไร้สาระ จากคุณ : ถ้าหล่อไม่ช่วย จะสวยให้ดู (paradoxe) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:56:11

ความคิดเห็นที่ 46 ทำไมอั้มซื้อกระเป๋าใบละล้านแล้วต้องสงสารคนจน ทุกวันนี้อั้มทำงานหาเงินมาเพื่อเลี้ยงคนจนทั้งประเทศ??? พออั้มเอาเงินไปใช้คนจนเลยไม่มีกิน?? การเป็นคนของประชาชนไม่ได้หมายรวมถึงเงินในกระเป๋าตังค์เค้าจ้า เงินใครเงินมัน ใครหาได้อยากจะใช้ยังไงก็เรื่องของเค้า คนอื่นไปยุ่งก็คือ..... จากคุณ : corfinia เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 14:58:49

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นใจอั้มนะ  ขนาดเราสามัญชนคนธรรมดา ซื้อโทรศัพท์ราคาแพงมาใช้  ก็ถูกค่อนแคะ ถูกสั่งสอนน่าจะเอาเงินไปทำนั่น ทำนี่ ยังเบื่อโพด ๆ ๆ อยากบอกว่านี่มันเงินตรูเฟ้ย  ไม่ต้องมาปากมาก  ไม่ยืมตังค์ใครซะหน่อย จากคุณ : คำเตือนที่ไร้ความหมาย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:00:45

ความคิดเห็นที่ 48 ถามหน่อยมีปัญญาซื้อเหมือนอั้มป่ะ อย่า ส. นักเลย พวกขี้อิจฉา จากคุณ : thudtap เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:03:37

ความคิดเห็นที่ 49 ตลกดี เงินก็เงินเขา เขามีเงินซื้อได้โดยที่เจ้าตัวไม่ลำบาก ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ก็ดันไป เกลียดเขาซะละ เหมือนคนขี้อิจฉา ทำไม่ได้อย่างเขา แต่อยากวิจารณ์ทำนองว่า "ถ้าชั้นมี เงินแบบนี้ ฉันไม่ทำแบบนี้หรอก ฉันจะทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อสังคม บลา บลา" ไม่ต้องห่วง คุณไม่ได้รับโอกาสนั้นหรอก ไม่ต้องจินตนาการไปไกลนักก็ได้ ปล.ไม่ได้เป็นแฟนคลับอั้ม แต่อดไม่ได้ที่เห็นกระทู้ทำนองนี้มาหลายวันละ ปล.2 พึ่งรู้ว่าถ้ามีแฟนคลับตจว.มาก ห้ามทำตัวไฮโซ หรูหราเด็ดขาด ต้องทำตัวสไตล์นางเอก ลูกสาวกำนันหรือยังไง จากคุณ : utopie เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:04:47

ความคิดเห็นที่ 50 นี่แหละครับ นิสัยคนไทย (แบบ จขกท) จนก็ย่ำยี มีก็อิจฉา จากคุณ : จิ้มๆบนแอนดรอยด์ (QDora) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:06:16

ความคิดเห็นที่ 51 เกลียดเค้าหรืออิจฉาเค้า อั้มหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จะซื้อกระเป๋าใบละกี่ล้านมันก็เรื่องของเค้า  หนัก"    " มากนักก็วางมันลงเถอะค่ะ คุณจขกท. จากคุณ : violet bloom เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:08:28

ความคิดเห็นที่ 52 เอาเป็นว่าอั้มมีเงินจะใช้อะไรก็เงินอั้ม แต่ถ้าอับจนขึ้นมาเมื่อไหร่(ไม่ได้แช่งนะ) อย่ามาร้องให้คนจนหาเช้ากินค่ำใช้กระเป๋าผ้าใบละร้อยเก้าๆช่วยเรี่ยไรละกันนะคะ จากคุณ : Sapphire one เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:13:18

ความคิดเห็นที่ 53 ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ(Maslow’s Hierarchical Theory of Motivation)  Maslow เชื่อว่าพฤติกรรมของมนุษย์เป็นจำนวนมากสามารถอธิบายโดยใช้แนวโน้มของบุคคลในการค้นหาเป้าหมายที่จะทำให้ชีวิตของเขาได้รับความต้องการ ความปรารถนา และได้รับสิ่งที่มีความหมายต่อตนเอง เป็นความจริงที่จะกล่าวว่ากระบวนการของแรงจูงใจเป็นหัวใจของทฤษฎีบุคลิกภาพของ Maslow โดยเขาเชื่อว่ามนุษย์เป็น “สัตว์ที่มีความต้องการ” (wanting animal) และเป็นการยากที่มนุษย์จะไปถึงขั้นของความพึงพอใจอย่างสมบูรณ์ ในทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow เมื่อบุคคลปรารถนาที่จะได้รับความพึงพอใจและเมื่อบุคคลได้รับความพึงพอใจในสิ่งหนึ่งแล้วก็จะยังคงเรียกร้องความพึงพอใจสิ่งอื่นๆ ต่อไป ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความต้องการจะได้รับสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ Maslow กล่าวว่าความปรารถนาของมนุษย์นั้นติดตัวมาแต่กำเนิดและความปรารถนาเหล่านี้จะเรียงลำดับขั้นของความปรารถนา ตั้งแต่ขั้นแรกไปสู่ความปรารถนาขั้นสูงขึ้นไปเป็นลำดับ ลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ( The Need –Hierarchy Conception of Human Motivation ) Maslow เรียงลำดับความต้องการของมนุษย์จากขั้นต้นไปสู่ความต้องการขั้นต่อไปไว้เป็นลำดับดังนี้ 1. ความต้องการทางด้านร่างกาย ( Physiological needs ) 2. ความต้องการความปลอดภัย ( Safety needs ) 3. ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ ( Belongingness and love needs ) 4. ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง ( Esteem needs ) 5. ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ( Self-actualization needs ) ลำดับขั้นความต้องการของมาสโล มีการเรียงลำดับขั้นความต้องการที่อยู่ในขั้นต่ำสุด จะต้องได้รับความพึงพอใจเสียก่อนบุคคลจึงจะสามารถผ่านพ้นไปสู่ความต้องการที่อยู่ในขั้นสูงขึ้นตามลำดับดังจะอธิบายโดยละเอียดดังนี้ 1. ความต้องการทางร่างกาย ( Physiological needs ) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ที่มีอำนาจมากที่สุดและสังเกตเห็นได้ชัดที่สุด จากความต้องการทั้งหมดเป็นความต้องการที่ช่วยการดำรงชีวิต ได้แก่ ความต้องการอาหาร น้ำดื่ม ออกซิเจน การพักผ่อนนอนหลับ ความต้องการทางเพศ ความต้องการความอบอุ่น ตลอดจนความต้องการที่จะถูกกระตุ้นอวัยวะรับสัมผัส แรงขับของร่างกายเหล่านี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความอยู่รอดของร่างกายและของอินทรีย์ ความพึงพอใจที่ได้รับ ในขั้นนี้จะกระตุ้นให้เกิดความต้องการในขั้นที่สูงกว่าและถ้าบุคคลใดประสบความล้มเหลวที่จะสนองความต้องการพื้นฐานนี้ก็จะไม่ได้รับการกระตุ้น ให้เกิดความต้องการในระดับที่สูงขึ้นอย่างไรก็ตาม ถ้าความต้องการอย่างหนึ่งยังไม่ได้รับความพึงพอใจ บุคคลก็จะอยู่ภายใต้ความต้องการนั้นตลอดไป ซึ่งทำให้ความต้องการอื่นๆ ไม่ปรากฏหรือกลายเป็นความต้องการระดับรองลงไป เช่น คนที่อดอยากหิวโหยเป็นเวลานานจะไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์ต่อโลกได้ บุคคลเช่นนี้จะหมกมุ่นอยู่กับการจัดหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้มีอาหารไว้รับประทาน Maslowอธิบายต่อไปว่าบุคคลเหล่านี้จะมีความรู้สึกเป็นสุขอย่างเต็มที่เมื่อมีอาหารเพียงพอสำหรับเขาและจะไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก ชีวิติของเขากล่าวได้ว่าเป็นเรื่องของการรับประทาน สิ่งอื่นๆ นอกจากนี้จะไม่มีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพ ความรัก ความรู้สึกต่อชุมชน การได้รับการยอมรับ และปรัชญาชีวิต บุคคลเช่นนี้มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะรับประทานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตัวอย่าง การขาดแคลนอาหารมีผลต่อพฤติกรรม ได้มีการทดลองและการศึกษาชีวประวัติเพื่อแสดงว่า ความต้องการทางด้านร่างกายเป็นเรื่องสำคัญที่จะเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ และได้พบผลว่าเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงของพฤติกรรมซึ่งมีสาเหตุจากการขาดอาหารหรือน้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน ตัวอย่างคือ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ในค่าย Nazi ซึ่งเป็นที่กักขังเชลย เชลยเหล่านั้นจะละทิ้งมาตรฐานทางศีลธรรมและค่านิยมต่างๆ ที่เขาเคยยึดถือภายใต้สภาพการณ์ปกติ เช่น ขโมยอาหารของคนอื่น หรือใช้วิธีการต่างๆ ที่จะได้รับอาหารเพิ่มขึ้น อีกตัวอย่างหนึ่งในปี ค.ศ. 1970 เครื่องบินของสายการบิน Peruvian ตกลงที่ฝั่งอ่าวอเมริกาใต้ผู้ที่รอดตายรวมทั้งพระนิกาย Catholic อาศัยการมีชีวิตอยู่รอดโดยการกินซากศพของผู้ที่ตายจากเครื่องบินตก จากปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าเมื่อมนุษย์เกิดความหิวขึ้น จะมีอิทธิพลเหนือระดับศีลธรรมจรรยา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์มีความต้องการทางด้านร่างกายเหนือความต้องการอื่นๆ และแรงผลักดันของความต้องการนี้ได้เกิดขึ้นกับบุคคลก่อนความต้องการอื่นๆ 2. ความต้องการความปลอดภัย(Safety needs) เมื่อความต้องการทางด้านร่างกายได้รับความพึงพอใจแล้วบุคคลก็จะพัฒนาการไปสู่ขั้นใหม่ต่อไป ซึ่งขั้นนี้เรียกว่าความต้องการความปลอดภัยหรือความรู้สึกมั่นคง (safety or security) Maslow กล่าวว่าความต้องการความปลอดภัยนี้จะสังเกตได้ง่ายในทารกและในเด็กเล็กๆ เนื่องจากทารกและเด็กเล็กๆ ต้องการความช่วยเหลือและต้องพึ่งพออาศัยผู้อื่น ตัวอย่าง ทารกจะรู้สึกกลัวเมื่อถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังหรือเมื่อเขาได้ยินเสียงดังๆ หรือเห็นแสงสว่างมาก ๆ แต่ประสบการณ์และการเรียนรู้จะทำให้ความรู้สึกกลัวหมดไป ดังคำพูดที่ว่า “ฉันไม่กลัวเสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบอีกต่อไปแล้ว เพราะฉันรู้ธรรมชาติในการเกิดของมัน” พลังความต้องการความปลอดภัยจะเห็นได้ชัดเจนเช่นกันเมื่อเด็กเกิดความเจ็บป่วย ตัวอย่างเด็กที่ประสบอุบัติเหตุขาหักก็ตะรู้สึกกลัวและอาจแสดงออกด้วยอาการฝันร้ายและความต้องการที่จะได้รับความปกป้องคุ้มครองและการให้กำลังใจ Maslow กล่าวเพิ่มเติมว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกอย่างไม่กวดขันและตามใจมากจนเกินไปจะไม่ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกว่าได้รับความพึงพอใจจากความต้องการความปลอดภัยการให้นอนหรือให้กินไม่เป็นเวลาไม่เพียง แต่ทำให้เด็กสับสนเท่านั้นแต่ยังทำให้เด็กรู้สึกไม่มั่นคงในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเขา สัมพันธภาพของพ่อแม่ที่ไม่ดีต่อกัน เช่น ทะเลาะกันทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน พ่อแม่แยกกันอยู่ หย่า ตายจากไป สภาพการณ์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อความรู้ที่ดีของเด็ก ทำให้เด็กรู้ว่าสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่มั่นคง ไม่สามารถคาดการณ์ได้และนำไปสู่ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ความต้องการความปลอดภัยจะยังมีอิทธิพลต่อบุคคลแม้ว่าจะผ่านพ้นวัยเด็กไปแล้ว แม้ในบุคคลที่ทำงานในฐานะเป็นผู้คุ้มครอง เช่น ผู้รักษาเงิน นักบัญชี หรือทำงานเกี่ยวกับการประกันต่างๆ และผู้ที่ทำหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้อื่น เช่น แพทย์ พยาบาล แม้กระทั่งคนชรา บุคคลทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะใฝ่หาความปลอดภัยของผู้อื่น เช่น แพทย์ พยาบาล แม้กระทั่งคนชรา บุคคลทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะใฝ่หาความปลอดภัยด้วยกันทั้งสิ้น ศาสนาและปรัชญาที่มนุษย์ยึดถือทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคง เพราะทำให้บุคคลได้จัดระบบของตัวเองให้มีเหตุผลและวิถีทางที่ทำให้บุคคลรู้สึก “ปลอดภัย” ความต้องการความปลอดภัยในเรื่องอื่นๆ จะเกี่ยวข้องกับการเผชิญกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สงคราม อาชญากรรม น้ำท่วม แผ่นดินไหว การจลาจล ความสับสนไม่เป็นระเบียบของสังคม และเหตุการณ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับสภาพเหล่านี้ Maslow ได้ให้ความคิดต่อไปว่าอาการโรคประสาทในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะโรคประสาทชนิดย้ำคิด-ย้ำทำ (obsessive-compulsive neurotic) เป็นลักษณะเด่นชัดของการค้นหาความรู้สึกปลอดภัย ผู้ป่วยโรคประสาทจะแสดงพฤติกรรมว่าเขากำลังประสบเหตุการณ์ทที่ร้ายกาจและกำลังมีอันตรายต่างๆ เขาจึงต้องการมีใครสักคนที่ปกป้องคุ้มครองเขาและเป็นบุคคลที่มีความเข้มแข็งซึ่งเขาสามารถจะพึ่งพาอาศัยได้ 3. ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (Belongingness and Love needs) ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของเป็นความต้องการขั้นที่ 3 ความต้องการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อความต้องการทางด้านร่างกาย และความต้องการความปลอดภัยได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลต้องการได้รับความรักและความเป็นเจ้าของโดยการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวหรือกับผู้อื่น สมาชิกภายในกลุ่มจะเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับบุคคล กล่าวคือ บุคคลจะรู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อถูกทอดทิ้งไม่มีใครยอมรับ หรือถูกตัดออกจากสังคม ไม่มีเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง สามีหรือภรรยาหรือลูกๆ ได้ลดน้อยลงไป นักเรียนที่เข้าโรงเรียนที่ห่างไกลบ้านจะเกิดความต้องการเป็นเจ้าของอย่างยิ่ง และจะแสวงหาอย่างมากที่จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน Maslow คัดค้านกลุ่ม Freud ที่ว่าความรักเป็นผลมาจากการทดเทิดสัญชาตญาณทางเพศ (sublimation) สำหรับ Maslow ความรักไม่ใช่สัญลักษณ์ของเรื่องเพศ (sex) เขาอธิบายว่า ความรักที่แท้จริงจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ดี ความสัมพันธ์ของความรักระหว่างคน 2 คน จะรวมถึงความรู้สึกนับถือซึ่งกันและกัน การยกย่องและความไว้วางใจแก่กัน นอกจากนี้ Maslow ยังย้ำว่าความต้องการความรักของคนจะเป็นความรักที่เป็นไปในลักษณะทั้งการรู้จักให้ความรักต่อผู้อื่นและรู้จักที่จะรับความรักจากผู้อื่น การได้รับความรักและได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลเกิดความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า บุคคลที่ขาดความรักก็จะรู้สึกว่าชีวิตไร้ค่ามีความรู้สึกอ้างว้างและเคียดแค้น กล่าวโดยสรุป Maslow มีความเห็นว่าบุคคลต้องการความรักและความรู้สึกเป็นเจ้าของ และการขาดสิ่งนี้มักจะเป็นสาเหตุให้เกิดความข้องคับใจและทำให้เกิดปัญหาการปรับตัวไม่ได้ และความยินดีในพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางด้านจิตใจในลักษณะต่างๆ สิ่งที่ควรสังเกตประการหนึ่ง ก็คือมีบุคคลจำนวนมากที่มีความลำบากใจที่จะเปิดเผยตัวเองเมื่อมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับเพศตรงข้ามเนื่องจากกลัวว่าจะถูกปฏิเสธความรู้สึกเช่นนี้ Maslow กล่าวว่าสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก การได้รับความรักหรือการขาดความรักในวัยเด็ก ย่อมมีผลกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและการมีทัศนคติในเรื่องของความรัก Maslow เปรียบเทียบว่าความต้องการความรักก็เป็นเช่นเดียวกับรถยนต์ที่สร้างขึ้นมาโดยต้องการก๊าซหรือน้ำมันนั่นเอง (Maslow 1970 p. 170) 4. ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง ( Self-Esteem needs) เมื่อความต้องการได้รับความรักและการให้ความรักแก่ผู้อื่นเป็นไปอย่างมีเหตุผลและทำให้บุคคล เกิดความพึงพอใจแล้ว พลังผลักดันในขั้นที่ 3 ก็จะลดลงและมีความต้องการในขั้นต่อไปมาแทนที่ กล่าวคือมนุษย์ต้องการที่จะได้รับความนับถือยกย่องออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรกเป็นความต้องการนับถือตนเอง (self-respect) ส่วนลักษณะที่ 2 เป็นความต้องการได้รับการยกย่องนับถือจากผู้อื่น (esteem from others) 4.1 ความต้องการนับถือตนเอง (self-respect) คือ ความต้องการมีอำนาจ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความแข็งแรง มีความสามารถในตนเอง มีผลสัมฤทธิ์ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น และมีความเป็นอิสระ ทุกคนต้องการที่จะรู้สึกว่าเขามีคุณค่าและมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในงานภาระกิจต่างๆ และมีชีวิตที่เด่นดัง 4.2 ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือจากผู้อื่น (esteem from others) คือ ความต้องการมีเกียรติยศ การได้รับยกย่อง ได้รับการยอมรับ ได้รับความสนใจ มีสถานภาพ มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขาน และเป็นที่ชื่นชมยินดี มีความต้องการที่จะได้รับความยกย่องชมเชยในสิ่งที่เขากระทำซึ่งทำให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าว่าความสามารถของเขาได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง ก็เป็นเช่นเดียวกับธรรมชาติของลำดับชั้นในเรื่องความต้องการด้านแรงจูงใจตามทัศนะของ Maslow ในเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตนั่นคือ บุคคลจะแสวงหาความต้องการได้รับการยกย่องก็เมื่อภายหลังจาก ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของได้รับการตอบสนองความพึงพอใจของเขาแล้ว และ Maslow กล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ที่บุคคลจะย้อนกลับจากระดับขั้นความต้องการในขั้นที่ 4 กลับไปสู่ระดับขั้นที่ 3 อีกถ้าความต้องการระดับขั้นที่ 3 ซึ่งบุคคลได้รับไว้แล้วนั้นถูกกระทบกระเทือนหรือสูญสลายไปทันทีทันใด ดังตัวอย่างที่ Maslow นำมาอ้างคือหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอคิดว่าการตอบสนองความต้องการความรักของเธอได้ดำเนินไปด้วยดี แล้วเธอจึงทุ่มเทและเอาใจใส่ในธุรกิจของเธอ และได้ประสบความสำเร็จเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและอย่างไม่คาดฝันสามีได้ผละจากเธอไป ในเหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏว่าเธอวางมือจากธุรกิจต่างๆ ในการที่จะส่งเสริมให้เธอได้รับความยกย่องนับถือ และหันมาใช้ความพยายามที่จะเรียกร้องสามีให้กลับคืนมา ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของเธอเป็นตัวอย่างของความต้องการความรักซึ่งครั้งหนึ่งเธอได้รับแล้ว และถ้าเธอได้รับความพึงพอในความรักโดยสามีหวนกลับคืนมาเธอก็จะกลับไปเกี่ยวข้องในโลกธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง ความพึงพอใจของความต้องการได้รับการยกย่องโดยทั่วๆ ไป เป็นความรู้สึกและทัศนคติของความเชื่อมั่นในตนเอง ความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า การมีพละกำลัง การมีความสามารถ และความรู้สึกว่ามีชีวิตอยู่อย่างมีประโยชน์และเป็นบุคคลที่มีความจำเป็นต่อโลก ในทางตรงกันข้ามการขาดความรู้สึกต่างๆ ดังกล่าวนี้ย่อมนำไปสู่ความรู้สึกและทัศนคติของปมด้อยและความรู้สึกไม่พอเพียง เกิดความรู้สึกอ่อนแอและช่วยเหลือตนเองไม่ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการรับรู้ตนเองในทางนิเสธ (negative) ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรู้สึกขลาดกลัวและรู้สึกว่าตนเองไม่มีประโยชน์และสิ้นหวังในสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของชีวิต และประเมินตนเองต่ำกว่าชีวิตความเป็นอยู่กับการได้รับการยกย่อง และยอมรับจากผู้อื่นอย่างจริงใจมากกว่าการมีชื่อเสียงจากสถานภาพหรือการได้รับการประจบประแจง การได้รับความนับถือยกย่องเป็นผลมาจากความเพียรพยายามของบุคคล และความต้องการนี้อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ถ้าบุคคลนั้นต้องการคำชมเชยจากผู้อื่นมากกว่าการยอมรับความจริงและเป็นที่ยอมรับกันว่าการได้รับความนับถือยกย่อง มีพื้นฐานจากการกระทำของบุคคลมากกว่าการควบคุมจากภายนอก 5. ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-Actualization needs) ถึงลำดับขั้นสุดท้าย ถ้าความต้องการลำดับขั้นก่อนๆ ได้ทำให้เกิดความพึงพอใจอย่างมีประสิทธิภาพ ความต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงก็จะเกิดขึ้น Maslow อธิบายความต้องการเข้าใจตนองอย่างแท้จริง ว่าเป็นความปรารถนาในทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งบุคคลสามารถจะได้รับอย่างเหมาะสมบุคคลที่ประสบผลสำเร็จในขั้นสูงสุดนี้จะใช้พลังอย่างเต็มที่ในสิ่งที่ท้าทายความสามารถและศักยภาพของเขาและมีความปรารถนาที่จะปรับปรุงตนเอง พลังแรงขับของเขาจะกระทำพฤติกรรมตรงกับความสามารถของตน กล่าวโดยสรุปการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงเป็นความต้องการอย่างหนึ่งของบุคคลที่จะบรรลุถึงวจุดสูงสุดของศักยภาพ เช่น “นักดนตรีก็ต้องใช้ความสามารถทางด้านดนตรี ศิลปินก็จะต้องวาดรูป กวีจะต้องเขียนโคลงกลอน ถ้าบุคคลเหล่านี้ได้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตนตั้งไว้ก็เชื่อได้ว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนที่รู้จักตนเองอย่างแท้จริง” Maslow ( 1970 : 46) ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงจะดำเนินไปอย่างง่ายหรือเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยความเป็นจริงแล้ว Maslow เชื่อว่าคนเรามักจะกลัวตัวเองในสิ่งเหล่านี้ “ด้านที่ดีที่สุดของเรา ความสามารถพิเศษของเรา สิ่งที่ดีงามที่สุดของเรา พลังความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์” Maslow (1962 : 58) ความต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงมิได้มีแต่เฉพาะในศิลปินเท่านั้น คนทั่วๆ ไป เช่น นักกีฬา นักเรียน หรือแม้แต่กรรมกรก็สามารถจะมีความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงได้ถ้าทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตนต้องการให้ดีที่สุด รูปแบบเฉพาะของการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงจะมีความแตกต่างอย่างกว้างขวางจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง กล่าวได้ว่ามันคือระดับความต้องการที่แสดงความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด Maslow ได้ยกตัวอย่างของความต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ในกรณีของนักศึกษาชื่อ Mark ซึ่งเขาได้ศึกษาวิชาบุคลิกภาพเป็นระยะเวลายาวนานเพื่อเตรียมตัวเป็นนักจิตวิทยาคลีนิค นักทฤษฎีคนอื่นๆ อาจจะอธิบายว่าทำไมเขาจึงเลือกอาชีพนี้ ตัวอย่าง เช่น Freud อาจกล่าวว่ามันสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับสิ่งที่เขาเก็บกด ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศไว้ตั้งแต่วัยเด็ก ขณะที่ Adler อาจมองว่ามันเป็นความพยายามเพื่อชดเชยความรู้สึกด้อยบางอย่างในวัยเด็ก Skinner อาจมองว่าเป็นผลจากการถูกวางเงื่อนไขของชีวิตในอดีต ขณะที่ Bandura สัมพันธ์เรื่องนี้กับตัวแปรต่างๆ ทางการเรียนรู้ทางสังคม และ Kelly อาจพิจารณาว่า Mark กำลังจะพุ่งตรงไปเพื่อที่จะเป็นบุคคลที่เขาต้องการจะเป็นตัวอย่างที่แสดงถึง การมุ่งตรงไปสู่เป้าประสงค์ในอาชีพโดยความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงและถ้าจะพิจารณากรณีของ Mark ให้ลึกซึ่งยิ่งขึ้น ถ้า Mark ได้ผ่านกาเรียนวิชาจิตวิทยาจนครบหลักสูตรและได้เขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกและในที่สุดก็ได้รับปริญญาเอกทางจิตวิทยาคลีนิค สิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ Mark ต่อไปก็คือ เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาดังกล่าวแล้วถ้ามีบุคคลหนึ่งได้เสนองานให้เขาในตำแหน่งตำรวจสืบสวน ซึ่งงานในหน้าที่นีจะได้รับค่าตอบแทนอย่างสูงและได้รับผลประโยชน์พิเศษหลายๆ อย่างตลอดจนรับประกันการว่าจ้างและความมั่นคงสำหรับชีวิต เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ Mark จะทำอย่างไร ถ้าคำตอบของเขาคือ “ตกลง” เขาก็จะย้อนกลับมาสู่ความต้องการระดับที่ 2 คือความต้องการความปลอดภัย สำหรับการวิเคราะห์ความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง Maslow กล่าวว่า “อะไรที่มนุษย์สามารถจะเป็นได้เขาจะต้องเป็นในสิ่งนั้น” เรื่องของ Mark เป็นตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าเขาตกลงเป็นตำรวจสืบสวน เขาก็จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ทำไมทุกๆ คนจึงไม่สัมฤทธิผลในการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Why Can’t All People Achieve Self-Actualization) ตามความคิดของ Maslow ส่วนมากมนุษย์แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่ต้องการแสวงหาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ภายในตน จากงานวิจัยของเขาทำให้ Maslow สรุปว่าการรู้ถึงศักยภาพของตนนั้นมาจากพลังตามธรรมชาติและจากความจำเป็นบังคับ ส่วนบุคคลที่มีพรสวรรค์มีจำนวนน้อยมากเพียง 1% ของประชากรที่ Maslow ประมาณ Maslow เชื่อว่าการนำศักยภาพของตนออกมาใช้เป็นสิ่งที่ยากมาก บุคคลมักไม่รู้ว่า ตนเองมีความสามารถและไม่ทราบว่าศักยภาพนั้นจะได้รับการส่งเสริมได้อย่างไร มนุษย์ส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจในตัวเองหรือไม่มั่นใจในความสามารถของตนจึงทำให้หมดโอกาสเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง และยังมีสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มาบดบังพัฒนาการทางด้านความต้องการของบุคคลดังนี้ อิทธิพลของวัฒนธรรม ตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของสังคมมีต่อการเข้าใจตนเอง คือแบบพิมพ์ของวัฒนธรรม (cultural stereotype) ซึ่งกำหนดว่าลักษณะเช่นไรที่แสดงความเป็นชาย (masculine) และลักษณะใดที่ไม่ใช่ความเป็นชาย เช่นจัดพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความเมตตากรุณา ความสุภาพและความอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้วัฒนธรรมมีแนวโน้มที่จะพิจารณาว่า “ไม่ใช่ลักษณะของความเป็นชาย” (unmasculine) หรือความเชื่อถือของวัฒนธรรมด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่มีคุณค่า เช่น ยึดถือว่าบทบาทของผู้หญิงขึ้นอยู่กับจิตวิทยาพัฒนาการของผู้หญิง เป็นต้น การพิจารณาจากเกณฑ์ต่างๆ ดังกล่าวนี้เป็นเพียงการเข้าใจ “สภาพการณ์ที่ดี” มากกว่าเป็นเกณฑ์ของการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ประการสุดท้าย Maslow ได้สรุปว่าการไม่เข้าใจตนเองอย่างแท้จริงเกิดจากความพยายามที่ไม่ถูกต้องของการแสวงหาความมั่นคงปลอดภัย เช่น การที่บุคคลสร้างความรู้สึกให้ผู้อื่นเกิดความพึงพอใจตนโดยพยายามหลีกเลี่ยงหรือขจัดข้อผิดพลาดต่างๆ ของตน บุคคลเช่นนี้จึงมีแนวโน้มที่จะพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยของตน โดยแสดงพฤติกรรมในอดีตที่เคยประสบผลสำเร็จ แสวงหาความอบอุ่น และสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ย่อมขัดขวางวิถีทางที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง เคดิตhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wbj&month=07-12-2007&group=29&gblog=3 จากคุณ : คุณหญิงอบเชย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:13:43

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่ต้องกลัวแทนอั้ม อั้มเก็บเงินไว้ในบัญชีคุณพ่อ โขอยู่ทีเดียว บ้านก็มี คอนโดก็มีแทบจะทุกแถวที่ คอนโดอั้ม บางห้อง เหยียบ 60 ล้านเลยนะ รถก็มี มีครบละ เงินก็เหลือใช้ พ่อแม่เค้าก้ควบคุมให้ จขกท ไม่ต้องห่วงหรอก จะเอาเงินไปซื้อสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ได้ไง เออนะคนเรา จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:13:49

ความคิดเห็นที่ 55 คนจน เหน็บ คนรวย คนรวย ดูถูก คนจน คนเหล่านี้ น่ารังเกียจพอกัน .. ผมไม่สนใจหรอก ว่าอั้มจะใช้กระเป๋ากี่ล้าน ตราบใดที่อั้มไม่ได้เป็นนักการเมือง ดาราเป็นคนของประชาชน แค่ประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของดารานะ จากคุณ : LifetimeWarranty เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:17:11

ความคิดเห็นที่ 56 เหนื่อยแทนอั้ม ทำดีก็เสมอตัว นอกนั้นโดนแต่คนหาเรื่อง จากคุณ : detune เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:18:02

ความคิดเห็นที่ 57 ปกติไม่สนใจดารา แต่กระทู้นี้เราขอดราม่าซะเองหน่อยเหอะ คนที่ยกกลุ่มคนยากจนมาพาดพิงอั้ม ลองทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนล่ะกัน ตัดของพวกนี้ให้ได้สิ ทีวี วิทยุ พัดลม คอมฯ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ รถราก็ไม่ต้องใช้นะ จะกินข้าวปลาอาหารก็ไม่ต้องสนใจด้วยนะรสชาติน่ะ กินกันตายพอ โลกนี้ยังมีคนอดอยากใกล้ตายอีกเยอะ ขอเชิญบริจาคทรัพย์สินของพวกคุณที่ทำมาทั้งชีวิตให้เขาให้หมดเหลือไว้แค่กันตายเถอะ คุณคน(อ้างว่า)ใจบุญทั้งหลาย นอกจากปัจจัยสี่ขั้นพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่สำคัญกับชีวิตจริงๆ หรอก ที่เหลือของนอกกายทั้งนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนที่แสดงออกว่ามีใจบุญสุนทานรักเพื่อนร่วมโลกนักหนากลับมีจิตใจอกุศลกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ที่่เขาซื้อของที่เขาอยากได้โดยใช้ัเงินจากการทำมาหากินสุจริตไม่ได้เบียดเบียนใคร จากคุณ : Alptraum เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:18:14

ความคิดเห็นที่ 58 อย่าลืมเกลียดพวกชมพู พลอย แล้วก็ ดาราคนอื่นๆอีกหลายๆคนด้วยนะ พวกเาราฮอลลีวูดงี้ สังคมไทยจะแคบกันไปใหน เพลียจริงๆ จากคุณ : เขียนบน iPhone (ถามพัดลม_พัดลมจะส่ายหน้า) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:22:01

ความคิดเห็นที่ 59 คนมีเงินหมื่นซื้อใบละพัน คนมีเงินแสน ซื้อใบละหมื่น  คนมีเงินล้านซื้อใบละแสน คนมีเงินหลายร้อยหลานจะซื้อใบละ4 ล้านก็ไม่แปลก ปล พวกคนที่ด่าอ่า บางคนเงินเดือนหลักหมื่นก็ซื้อกระเป๋าหลักหมื่น เผลอๆบางคนเงินเดือนไม่่เท่าไหร่ทำเป็นใช้ไอโฟน อันนี้เค้ามีเป็นร้อยๆล้านซื้อแค่ไม่กี่ล้านนี่ไปด่าเค้า อีกอย่างไม่ได้เอาเงินภาษีของพวกคุณมาใช้ด้วย เค้าทำบุญบ่อยไปใครๆก็รู้ปิดทองหลังพระบ่อยไป เค้าทำบุญมากกว่า4ล้านอีกเลี้ยงดูบุพการีอย่างเต็มที่ จ่ายค่าเทอมให้หลานๆญาติๆเรียนจบไปไม่รู้กี่คน ทำงานหนักบางครั้งทำที7วันต่ออาทิตย์ ถามหน่อยที่ด่ากัน อั้มผิดตรงไหนครับ ทำหน้าที่ของพลเมืองดีบกพร่องหรือป่าว  ซื้อความสุขให้ตัวเองผิดหรือป่าว ก่อนที่คุณจะด่าใคร ต้องมั่นใจว่าคุณดีกว่าเค้า ด่าแล้วมันย้อนกลับเค้าตัวเรา ก็ไม่ต่างจากหมาเห่าเงาตัวเอง จากคุณ : emloveskincare เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:23:20

ความคิดเห็นที่ 60 อัฐใครอัฐมัน จะซื้อสวรรค์ ของตรูคนเดียว เงินตูของตู ใคร อย่า สู่รู้ ให้มากนักเชียว ปล .. แค่ฮัมเพลง เก่า ให้ฟังเฉยๆ จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:23:22

ความคิดเห็นที่ 61 อั้มนี่แหล่ะ ซุปเปอร์สตาร์ตัวจริง ขยับตัวนิดทำอะไรก็เป็นข่าวได้ตลอด แฟนคลับ และแฟนขับมหาศาล สมกับเป็นคนดังตัวจริง ส่วนตัว เรื่องกระเป๋าใบนี้ ก็กระเป๋าของเธอ มีเงินซื้อ ไม่ได้ไปกู้หนี้มาซื้อ ก็เรื่องของเธอสิคะ ความสุขของแต่ละคนต่างกัน มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ไม่เข้าใจว่าคนอื่นจะไปเดือดร้อนแทนเธอทำไม จากคุณ : เขียนบน iPhone (ดินสอสี พู่กัน ฯ) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:23:29

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าไม่ใช่อั้ม จะเป็นประเด็นรึเปล่าอะคะ?? คนรวยกว่าอั้มก็มีนะคะ เงินมีหามาด้วยน้ำแรงตัวเอง มันผิดตรงไหนอะคะ?? อั้มไม่ได้โกงมา ไม่ได้ขโมยเงินใครมา ทำเป็นเรื่องใหญ่โต พวกคนที่ ไม่มีตังค์แล้วไม่พอเพียง ไปผ่อนงกๆ เพราะของวัตถุนิยม น่าเกลียดกว่าอั้มอีกนะ เราไม่ใช่ FC อั้ม แต่ว่า อั้ม ชมพู่ พลอย แพนเค้ก โดนโจมตีตลอดๆๆ จากคุณ : กระต่ายหมูหนูน้อย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:27:27

ความคิดเห็นที่ 63 เกลียดเขาเพราะซื้อกระเป๋าแพงเนี่ยนะ หาความสุขให้กับชีวิตบ้างอะไรบ้างเถอะค่ะ ถ้าเรื่องแค่นี้ทำให้คุณเกลียดคนๆ หนึ่งได้ เราว่าคุณคงหาความสุขได้ยากมากเลย ไม่ได้เป็นแฟนคลับอั้ม แต่ควรที่จะรู้จักคำว่าพอดีบ้าง ถ้าเขาแต่งโป๊ ทำตัวไม่ดี เที่ยวผับหรืออะไรก็ว่าไปอย่าง นี่แค่ซื้อกระเป๋า บ้าไปแล้วคนเรา -*- จากคุณ : ขอเป็นหวานใจของนายแบดบอย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:27:31

ความคิดเห็นที่ 64 โคลงสี่สุภาพ นอกจากจำนวนคำในแต่ละวรรค สัมผัสนอก แล้วยังต้องมีคำเอก คำโทด้วย แต่นี่ไม่มีเลย ยอมรับว่าแต่งเก่งนะคะ แต่ผิดหลักฉันทลักษณ์หมด เด็กรุ่นใหม่จะจำไปผิดๆ ได้ จากคุณ : Kajuazilla เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:31:32

ความคิดเห็นที่ 65 คนไม่เคยเห็นเงินก็บอกว่าเงินคือทุกอย่างของชีวิต ต้องประหยัดต้องเก็บไว้ซื้อหมากตะบันยามแก่ แต่คนที่มันมี ไม่ต้องเป็นหมื่นล้านเอาแค่ระดับ500ล้าน+แบบอั้ม บ้านรถอสังหาเธอคงมีจนอ้วกแล้ว เธอคงเก็บคงเซฟไว้ตั้งแต่แรกจนพอแล้ว คนเราจะเก็บอะไรนักหนา แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 55 15:33:26 จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:32:40

ความคิดเห็นที่ 66 เขาหาเงินมาด้วยความเหนื่อยยากนะ เวลาออกอีเวนต์เขาก็ต้องแต่งตัวดูแลตัวเองให้ดูดี ไม่อย่างงั้นสปอนเซอร์ก็ไม่จ้าง คุณเคยเห็นหรือเปล่า ส่วนเรื่องกระเป๋า เรามองว่าเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง คุณรู้มั้ยว่าแอร์เมส ระดับนี้เวลาขายต่อ ราคาขนาดไหน เพราะมันเป็นที่เขาผลิตจำกัด ต้องยอมรับว่าอั้มรู้จักใช้เงิน เลยทีเดียว จากคุณ : jiri เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:32:56

ความคิดเห็นที่ 67 ทำงานก็ทำงานเอง เงินก็เงินเขา เค้าทำงานเหนื่อยเค้าก็เหนื่อยเอง พอจะเอาเงินที่หามาไปซื้อความสุข แล้วจะเดือดร้อนไปเพื่อ??? อั้มไม่ได้ไปเบียดเบียนเงินคนจนมาซื้อกระเป๋าซักหน่อย งั้นต่อไป คนทั่วไปก็คงไม่ต้องทำงานแล้ว ไปเป็นคนจนในสถานสงเคราะห์แล้วรอให้ซุปตาร์ ดาราดังๆทำงานหาเงินมาบริจาคให้หมดเลยดีไหม ? จากคุณ : ~ FoxiLiciOuz ~ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:32:59

ความคิดเห็นที่ 68 อะไรที่ส่วนตัว ก็ขอให้ส่วนตัวเถอะค่ะ เรื่องในอนาคตยังมาไม่ถึง ที่จขกทบอกว่า "แต่เห็นดาราหลายคนที่เมื่อโด่งดัง ใช้จ่ายเกินตัว แต่เมื่อกระแสไม่มีแล้ว กลับลำบากและจมไม่ลง พอเจ็บป่วยขึ้นมาใช้สื่อเป็นเครื่องมือรับบริจาคจากแฟนๆ  ไม่อยากเห็นอั้มเป็นอย่างนั้นเลย" ถ้ามีวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ นั่นละถึงจะเป็นสิทธิ์ของคนอื่นๆที่จะตัดสินใจว่าจะบริจาคหรือไม่บริจาคให้เธอ แต่ส่วนตัวคิดว่าเธอเป็นคนฉลาด เธออาจจะมีเงินเก็บเอาไว้เผื่ออนาคตแล้ว จากคุณ : Jusmina เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:38:04

ความคิดเห็นที่ 69 ปัญญาอ่อนสิ้นดี... แล้วพวกกินไวน์ขวดละแสน ไม่ไปตามด่าเค้าอ่ะ จากคุณ : ชะมะเฟือง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:41:08

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบอ่านโคลง-กลอนน่ะ แต่อันนี้มันลูกผสมไปนิดนึง เลยดูแปลกๆ อ่ะ อย่าไปเกลียดเธอเลยกับเรื่องแค่กระเป๋าใบเดียว อีกอย่างเธอก็ไม่ได้เบียดเบียนใครซักหน่อย น้ำพักน้ำแรงของเธอแท้ๆ ความสุขของคนเราก็แตกต่างกันได้น่ะ บ้างชอบทำบุญ บ้างก็ชอบช๊อบปิ้ง ฯลฯ   :) จากคุณ : กุบกับ1 เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:41:39

ความคิดเห็นที่ 71 ใครอ่าน คห.53 ไม่จบเหมือนผมบ้าง ... จากคุณ : อมยิ้มสยาม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:43:29

ความคิดเห็นที่ 72 ไร้สาระมากๆเรื่องแบบนี้ ถามจริงๆเถอะ พวกคนที่ด่าเนี่ย ถ้าพวกนั้นทำงานมีเงินเยอะเหมือนเขา จะซื้อของแพงๆใช้ไหม? เขาหาเงินเพื่อเอามาใช้จ่ายครับ ทำงานแลกเงินมา เอามาใช้เพื่อความสุขส่วนตัว แล้วความสุขของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบกระเป๋า ชอบแฟชั่น บางคนชอบรถ ชอบนาฬิกา รองเท้า บลาๆๆ ถ้ามีข่าวว่า อั้มขอเงินมาฟรีๆ แล้วไปซื้อกระเป๋าใบละล้าน แบบนั้นค่อยมาด่าก็ได้ จากคุณ : Seven Gods of Pirates เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:44:30

ความคิดเห็นที่ 73 แล้วจะเกลียดทำไม ไม่เข้าใจ อั้มจะซื้อใบละ 10 ล้านมันก็เงินของเค้า จากคุณ : เบนบ้านคลอง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:45:02

ความคิดเห็นที่ 74 เราไม่ใช่แฟนคลับอั้ม พูดตรงๆนะเงินของเขา เขาจะซื้ออะไรก็เรื่องของเขา คนรวยๆใช้เงินฟุ้มเฟือยกว่านี้ยังมีเลย จากคุณ : ร้ายสาระไปวันๆ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:47:35

ความคิดเห็นที่ 75 ความสุขส่วนตัวของเค้า จะไปโกรธไปเกลียดเค้าเพื่อ ?? ถ้าเราเป็นแบบอั้ม หาเงินได้ปีนึง เป็นร้อยๆล้าน เราก็ซื้อความสุขให้ตัวเองเหมือนกันนะ รวย จนก็อีกเรื่องนึง ความสุขส่วนตัว กับ ทำบุญมันก็อีกเรื่อง ไม่อย่างนั้น คนรวย คนมีเงิน แปลว่าต้องเอามาทำบุญจาค ออกสื่อ หมดตัวเพื่อให้ไม่รวยกว่าคนอื่นเลยหรือไง   การจะทำบุญ มากน้อย อยู่ที่ใจศรัทธา ไม่ใช่กำลังเงิน ไม่ว่าจะทำในรูปแบบไหนก็ตาม จากคุณ : sablez เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:54:22

ความคิดเห็นที่ 76 เงินก็เงินเค้านะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย จากคุณ : nannicha เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:54:56

ความคิดเห็นที่ 77 ฉัทลักษณ์ค่อนข้างมั่วมากถึงมากที่สุด จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:55:18

ความคิดเห็นที่ 78 เงินเขาเขาไม่ผิด ของพวกนี้เวลาขายต่อมันได้เยอะนะคะ ดูอย่างประมูลของลิซ เทย์เลอร์ เจ้าหญิงไดอาน่าสิคะ ถือว่าอั้มฉลาดนะ ลงทุนซื้อของแพงที แต่กลับได้กำไรมากกว่าเดิมในระยะยาว จากคุณ : ยูคาริ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 15:59:13

ความคิดเห็นที่ 79 คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ เชิญ อั้มไม่แคร์คุณหรอกที่คุณเกลียดเค้า เค้าไม่รู้จักคุณ รายได้อั้มก็ยังเท่าเดิม คุณไม่ได้มีเงินไปจ้างเค้านี่ เค้าจะได้ต้องมานั่งแคร์คุณ จากคุณ : maxsun เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:00:40

ความคิดเห็นที่ 80 เขาจะซื้อใบละล้าน สิบล้าน หรือร้อยล้านก็เงินของเขา เขาทำงานได้มาโดนสุจริต ไม่ได้คดโกงใครมาซะหน่อย ไม่ต้องไปห่วงเงินในกระเป๋าเขาหรอก ห่วงตัวเอง ทำชีวิตตัวเองให้มีความสุขดีกว่ามั้ย? จากคุณ : Ma-Lang-Zaa เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:01:01

ความคิดเห็นที่ 81 เนื้อๆ อิจฉาล้วนๆ ~ จบ โคต รไร้สาระกระทู้นี้ จากคุณ : น้องหยิก เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:02:03

ความคิดเห็นที่ 82 เอาเวลาไปเก็บเงินรักษาตัวเองยามแก่ไหมยะ จากคุณ : สายลมหนาวและเส้นขอบฟ้า เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:02:54

ความคิดเห็นที่ 83 เว่อร์จริง เกลียดคนง่ายเนอะ จากคุณ : via iPhone (Blosm) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:03:29

ความคิดเห็นที่ 84 เงินเค้า เค้าไม่ได้ใช้เงินเกินตัว แล้วก็ไม่เดือดร้อนใครนิ จากคุณ : It's me PanDy เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:05:29

ความคิดเห็นที่ 85 ต่างต่อยาวสาวยืด ไปใย เรื่องสุดแท้แต่ใจ ต่างคิด เงินหามาสุจริต ปล่อยเขา เป็นเราให้พินิจ ดุจคำ วิจารณ์ จากคุณ : น้ำนิ่งไหลลึก ชักศึกเข้าบ้าน เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:09:19

ความคิดเห็นที่ 86 เป็นกระทู้ขี้อิจฉาอย่างน่ารังเกียจจริงๆ พวกอยากเอาเงินคนอื่นไปทำบุญ จากคุณ : ตายประชดป่าช้า เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:10:18

ความคิดเห็นที่ 87 เงินพี่อั้มหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ซึ่งก็มีพอที่จะซื้อได้โดยที่ไม่เดือดร้อน ไม่ได้ต้องกู้เงินมาซื้อ ไม่ได้โกงเงินมาซื้อ ปีนึงพี่อั้มรายได้เป็นหลักร้อยล้าน ซื้อกระเป๋าที่ถูกใจบ้างไม่ได้หรือ? หรือจะให้พี่อั้มทำงานหาเงินแล้วบริจาคให้คนทั้งประเทศให้หมด? เข้าใจผิดหรือเปล่า พี่อั้มเป็นดารานะ ขนาดนักการเมืองที่บอกว่าทำงานเพื่อประชาชน เพื่อคนทั้งประเทศ ยังไม่เคยเอาเงินตัวเองมาบริจาคให้คนทั้งประเทศจนหมดเลย มีแต่โกงเงินเข้ากระเป๋าแล้วใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จากคุณ : nawanara เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:11:02

ความคิดเห็นที่ 88 1.ไม่ต้องเป็นห่วงอั้มหรอกเรื่องบั้นปลายชีวิตจะไม่มีกินน่ะ   คิดว่าเค้าจัดสรรทรัพย์สินและวางแผนการใช้จ่ายของตัวเองได้อยู่แล้ว   ถ้าเกิดมีข่าวว่าอั้มติดการพนันเข้าบ่อนเป็นว่าเล่นค่อยเป็นห่วงล่ะกัน   อันนั้นน่ะอาจหมดตัวได้แน่ 2.อั้มไม่ใช่แม่พระ  และก็ไม่เคยพรีเซ้นต์ตัวเองว่าเป็นแม่พระด้วย   ดังนั้นการที่อั้มจะเอาเงินส่วนเล๊กเล็กเมื่อเทียบกับเงินจำนวนมหาศาลไปซื้อของเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง  ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  ที่สำคัญเป็นเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง  ถ้าอั้มเป็นลูกเศรษฐีไม่มีรายได้ของตัวเอง  แต่ขอตังค์พ่อแม่ไปซื้อของแพงๆ  นั่นอาจจะดูน่าตำหนิกว่า 3.การซื้อของราคาแพงกับการทำบุญเป็นคนละส่วนกัน   อั้มไม่ใช่บุคคลผู้อุทิศตนให้สังคมแบบเต็มตัวตามอุดมการณ์เพื่อมวลชน  ซึ่งก็ไม่เคยเห็นใครหน้าไหนทำได้ซักคนแม้แต่นักการเมืองเองก็ตาม  ( ตัวดีเลย )    ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่อั้มจะต้องนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทำงานได้มาบริจาคทำบุญเพื่อการกุศล   ซึงเท่าที่รู้มาอั้มก็บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหมาแมวมาโดยตลอด และอาจจะมีที่อั้มช่วยเหลือไปโดยไม่มีใครรู้  ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ  ซึ่งแม้ว่าจะไม่เคยทำก็เป็นสิทธิ์ของอั้มเช่นกัน 4. สมมุติว่าจขกท.อยากได้ไอโฟนห้ามาก  และก็คิดว่าเป็นราคาที่ชั้นซื้อได้ ( ไม่แพง ) และระหว่างที่กำลังเข้าเนทหาข้อมูลอยู่  ก็ดั๊นเผลอไปเข้าห้องจตุจักร  เจอหมาแมวเจ็บป่วยรอการช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก  จขกท.จะเปลี่ยนใจไม่เอาไอโฟนและหันไปใช้อาม่าแทนหรือไม่  เพื่อจะได้นำเงินที่เหลือบริจาคเข้าช่วยเหลือหมาแมวเคสต่างๆ จากคุณ : อุ้งมือแมว เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:12:11

ความคิดเห็นที่ 89 เฉยๆ กับอั้ม แต่ก็มองว่าเรื่องนี้อั้มพลาดไปหน่อย เงินเขา จะซื้ออะไรมันเป็นความสุขความพอใจของเขา แต่ของที่มันราคาขนาดนี้ ไม่ควรเอามาโชว์แบบสาธารณะ คือน่าจะปิดๆข่าวหน่อยจะดีต่อตัวเธอมากกว่า เป็นคนมีชื่อเสียงมันก็ต้องทำใจแบบนี้แหละ จากคุณ : Chiyuri เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:18:00

ความคิดเห็นที่ 90 เห็นด้วยกับ คห.สามค่ะ บางคนใช้จ่ายเกินตัว เงินผ่อน แต่อั้มเขาทำงานมาหนักจะซื้อของเพื่อให้ของขวัญกับตัวเองก็ไม่แปลก แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราว่าก็โอนะ PS.ไม่ใช่แฟนคลับ แต่ชอบผลงานอัั้ม จากคุณ : M3ทะลุBong เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:20:03

ความคิดเห็นที่ 91 อิจฉาพี่อั้มอ่ะป่าวคับ จขกท. จากคุณ : My_LovE_HapPyNesS เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:27:56

ความคิดเห็นที่ 92 ถ้าจะด่าอั้ม หาเรื่องด่าเรื่องอื่นเถอะ ด่าแบบนี้ ผมอายว่ะ จากคุณ : เมาฟรีออริจินั่ล เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:29:29

ความคิดเห็นที่ 93 พัชราภา ทำอะไรเปนข่าวไปโหม๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:36:16

ความคิดเห็นที่ 94 มีเงินแล้วไม่ใช้ เหมือนหว่านข้าว แต่ไม่เก็บเกี่ยว เหมือนปลูกผัก แต่ไม่เก็บกิน มีเงินแล้วไม่ใช้.....จะมีไปทำไม มีไว้รักษาตัวตอนแก่.... เอิ่ม เหลือเฟือนะ มีไว้ให้พ่อแม่พี่น้อง.... ก็กรูให้แล้วมันยังเหลือ จะให้ทำไงหล่ะ จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:46:52

ความคิดเห็นที่ 95 แอบสงสารอั้มอยู่เหมือนกัน ทำงานหนัก เหนื่อย  ทำบุญก็เยอะ พอจะหาซื้ออะไรที่สนองตัณหาตัวเองได้จากเงินที่ตัวเองหามา กลับต้องขออนุญาตคนอื่น แถมยังต้องแคร์คนอื่นๆอีก เหมือนกับว่าสมัยนี้ใ:-)มาก คนนั้นคือคนไม่ดี ถ้าจะให้สังคมมองว่าดีต้องบริจาคออกสื่อๆๆๆๆหรือเปล่า? เพราะเท่าที่รู้มาอั้มชอบทำบุญมากเลยนะ ดังนั้นอยากให้แยกแยะบ้าง (เคสนี้อาจรวมไปถึงดาราท่านอื่นๆที่ชอบใช้ของราคาแพงๆด้วย ว่าพวกเค้าทำงานหนักจนร่ำรวย แล้วทำไมถึงใช้ของราคาสูงไม่ได้ หรือเพราะเราไม่สามารถทำตามได้ ถึงได้อคติ?) บอสนิดเธอใช้ก่อนอั้มอีก ทำไมไม่เป็นเรื่อง! เพราะบอสเธอรวยมาก หรือเพราะคนเราเลือกที่จะอคติ???? จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:49:37

ความคิดเห็นที่ 96 กิ๊ฟหมดอยากให้กิ๊ฟ หลายๆ คห. เลย เราก็ไม่ได้เป็น FC ของอั้ม แต่ว่านั่นมันเงินเค้า เค้าก็เหมือนเราทำงานแลกเงิน แต่บังเอิญเค้าได้เยอะ เค้าก็มีสิทธิ์จะซื้ออะไรๆ ที่เค้าอยากได้ถึงจะแพงก็ตาม ซึ่งเค้าก็ไม่ได้เดือดร้อน หรือ ทำความเดือนร้อนให้ใคร ปล.เราว่าทู้นี้คล้ายๆ จะอิจฉาคุณอั้มมากกว่ามั้ง เพราะเราก็อิจฉาแต่ไม่ว่าอะไร เพราะถ้าเรามีเงินเยอะขนาดนั้นเราก็คงซื้อเหมือนอั้มละมั้ง ดูอย่างพวกไฮโซทั้งหลายซิ มีเงินเยอะ เค้าก็สามารถซื้ออะไรแพงๆ ได้โดยไม่ต้องคิดมาก แค่ชอบก็พอ มีตังค์ซะอย่าง จิงมั้ย ** อยากมีตังค์เหมือนเค้าบ้างจัง อิจฉา ๆๆๆ ตาร้อน 555555555 จากคุณ : gayko เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:51:05

ความคิดเห็นที่ 97 บ้าไปแล้ว...เดือดร้อนอะไร!! เงินเค้า จากคุณ : WaPai เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:51:37

ความคิดเห็นที่ 98 อ้าว เค้าขอเงินคุณซื้อหรอคะ ทำไมต้องเดือดร้อนอะ แล้วคนจนเกี่ยวไรด้วย งง? จากคุณ : petitemo เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:55:35

ความคิดเห็นที่ 99 ไม่ได้เป็นแฟนคลับอั้มนะ แต่ทำไมคนเราต้องไปวุ่นวายกับการใช้เงินของอื่น มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ การที่เขาจะซื้อกระเป๋าใบละเป็นล้าน มันทำให้ใครเดือดร้อนหรอ ก็ไม่ เขามีตังค์เขาก็ใช้ เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง จะเอาไปทำอะไรเราคนนอกมีสิทธ์ไปวิจารณ์หรอ ตอนเขาหาเงินไปช่วยเขาหาไหม ไปวิจารณ์เขาเนี่ย  แล้วเขาไม่ได้บอกให้ทุกคนต้องมาซื้อตามเขาซักหน่อย จากคุณ : Rule_Of_Rose เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:55:39

ความคิดเห็นที่ 100 เงินของเค้าค่ะ คุณแส่อะไรด้วยคะ ถามจริงๆ ต่อให้เค้าไม่ทำบุญเลยเลือกที่จะซื้อแต่ของแบรนด์เนมมาสนองความต้องการของตัวเองอย่างเดียว มันก็เรื่องของเค้าค่ะ มันเป็นสิทธิ์ของเค้าค่ะ ปล่อยวางบ้างนะคะ ความสุขของคนเรานั้นต่างกันค่ะ อย่าเอามาตรฐานตัวเองไปตัดสินผู้อื่นค่ะ จากคุณ : pat_openup เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 16:56:16

ความคิดเห็นที่ 101 ใครไม่ชอบ แต่อิฉันชอบบบ ชอบทั้งอั้มทั้งกระเป๋าาาา จากคุณ : Anya Anya เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:09:57

ความคิดเห็นที่ 102 เราว่าจขกท.คงไม่ได้เริ่มเกลียดอั้มตั้งแต่รู้ว่าซื้อกระเป๋ามั๊ง อาจจะไม่ชอบอยู่ก่อนแล้ว จึงมีอคติในใจ  พอดีเรื่องกระเป๋าแพงนี้มาเป็นชนวนก็เลยระเบิดออกมาจากไม่ชอบกลายเป็นเกลียด (ความเห็นส่วนตัวนะคะ) สำหรับเราไม่ได้เป็นแฟนคลับอั้ม แค่ชอบเธอว่าน่ารักดีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาดี  แสดงละครดี  แต่เรื่องกระเป๋าแพงคิดว่าเป็นสิทธิของเธอ อั้มทำงานมาก เก็บเงินได้มากมีเงินเป็นร้อยๆล้านแล้ว ซื้อกระเป๋าราคาสองล้านกว่าไม่ใช่เรื่่องใหญ่สำหรับอั้ม  มันเป็นความสุขเป็นผลตอบแทนความเหนื่อยในการทำงาน เธอมีสิทธิที่จะซื้อ จากคุณ : พันนาม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:15:44

ความคิดเห็นที่ 103 คุณขา เค้าฉลาดซื้อแล้วค่ะ Hermes Himalayan Birkin ซื้อมาขายต่อราคาก็ไม่ตก ดีไม่ดีอาจได้กำไรด้วยนะคะ จากคุณ : นางมารร้ายแห่งเทือกเขาหิมาลัย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:16:21

ความคิดเห็นที่ 104 ไร้สาระปัญญาอ่อนจะ จขกท อ้ะ เค้าซื้อกระเป๋าใบละเป็นล้านมันก็เงินเค้า เกลียดเค้าเพราะเรื่องนี้อิเดียทไปป่ะ แล้วคนที่บอกว่าให้เอาเงินไปทำบุญ คุณรู้ได้ยังงัยว่าอั้มไม่ทำบุญ เค้ามีเงินซื้อความสุขใส่ตัว ผิดตรงไหน ไม่ได้แย่งตบตีใครมานี่ ทำซะเรื่องใหญ่โตโอเว่อร์ระดับประเทศกันเลย ปัญญาอ่อนจริงๆคนพวกนี้ จากคุณ : Mrs.Pitt เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:21:21

ความคิดเห็นที่ 105 เอาตรง ๆว่าเขาก็มีสิทธิ์จะใช้เงินที่เขาหามา จะแฟนคลับไม่แฟนคลับก็ไม่ได้มีสิทธิ์ไปจำกัดการใช้ชีวิตของเขา ดาราก็คนนะคุณ ถ้าสมมติคุณเป็นอั้ม แล้วจะโดนเกลียดแค่เพราะเหตุผลว่าคุณใช้เงินของตัวเองเพื่อซื้อความสุขของตัวเอง เราเชื่อว่าคุณก็คงไม่แคร์หรอก ลองมองดูเด็กสมัยนี้ใช้ไอโฟนใช้แบล็คเบอรี่ซะบ้าง พ่อแม่ของเด็กพวกนั้นเงินเดือนเองก็คงไม่ได้ถึงครึ่งแสนซะด้วยซ้ำ ปล่อยวางซะบ้างเถอะค่ะ จิตใจที่เกลียดคนอื่นทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ไปทำใครเดือดร้อน เราว่ามันเป็นจิตใจที่หาความสุขไม่ได้เลยนะ : ) จากคุณ : oharha เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:23:13

ความคิดเห็นที่ 106 ปัญญาอ่อนนนน ก็เงินเขาอะ เออ... บ้าเปล่า เขาจะซื้อไม้จิ้มฟันเลี่ยมทอง อันละ20ล้าน มันก็เงินเขา -*- จากคุณ : +=ไม้จิ้มฟันอาบยาพิษ=+ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:28:17

ความคิดเห็นที่ 107 ดาราหลายคนเดี๋ยวนี้ขับรถคันละ 10-20 ล้าน  จขกท. ไม่ช็อคตายไปเลยรึคะ กระเป๋าอย่างอั้มยังเงินสดนะ  แต่รถราคาแพงๆ ที่หลายๆ คนขับอยู่เงินผ่อนด้วยสิ จากคุณ : ตะขบเขียว เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:40:10

ความคิดเห็นที่ 108 ตบกะชั้นไหม ๆ จากคุณ : GFIND เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:02:44

ความคิดเห็นที่ 109 ผมว่าเป็นสิทธิของเขาครับ จากคุณ : Gobb (golfkungkkc159) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:15:44

ความคิดเห็นที่ 110 ก้อเรื่องของเค้า เงินเค้า จากคุณ : โจโจ้ ไม้ฮอกกี้ (ninovitoryx) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:28:44

ความคิดเห็นที่ 111 มาม่าใกล้หมดยกลังล่ะ สงสัยต้องไปโลตัสซื้อมาอีกซะ 2ลังน่าจะดี. จากคุณ : ใครๆก็รู้ ว่าคุณคือใคร (jamezname19) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:33:45

ความคิดเห็นที่ 112 ตังค์เค้านะ เค้าหาเอง จากคุณ : Aipamzaaba เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:39:13

ความคิดเห็นที่ 113 สารเเหน่ไม่เข้าเรืี่อง เงินเค้าไม่ได้ไปวางบนหัวใคร จะเอาไปซื้ออะไรก็ช่างเขาเถอะ จากคุณ : Boy Over Flowers เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:48:43

ความคิดเห็นที่ 114 บอกได้คำเดียว  เละ !!! จากคุณ : maxzamak เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:51:24

ความคิดเห็นที่ 115 ชอบโคลงที่แต่งมากเลย ถึงจะไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ถึงจะแต่งมาเพื่อด่าใครบางคนเป็นการเฉพาะ แต่มันเป็นอะไรที่สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันมากๆเลย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 19:06:23

ความคิดเห็นที่ 116 เงินของเค้า หามาด้วยวิธีสุจริต ไม่ได้ลักขโมยหรือโกงใครเค้ามา แล้วจะไปยุ่งเรื่องของเค้าหรือรังเกียจเค้าทำไม หรือว่า "อิจฉา" จากคุณ : Almond_Mocha_Caramel เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 19:08:35

ความคิดเห็นที่ 117 ตู้ม เปนโกโก้ครั้นชชช จากคุณ : shu_em เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 19:11:02

ความคิดเห็นที่ 118 หวกที่อิจฉาริษยาเขานี่มันมีนรกในใจนะ..มีความสุขหรอ ถามจริง อั้มหาเงินเอง ไม่ได้ไปปล้นไม่ได้จี้ใคร เงินเขาตังค์เขา เขาจะซื้อกระเป๋าใบละสิบล้าน ยี่สิบล้านก็เรื่องของเขา เขาจะเอาตังค์ที่เขาหาได้มาไปทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับฟวกคุณเลยนะ ไม่ต้องอ้างว่า น่าจะเอาไปทำบุญทำทาน โหยยยย..มันก็เรื่องของเข่อีกนั้นแหละ เห้อออออออออออออออออออออ..เบื่อพวกปากดี ขี้อิจฉา ชอบสร้างปัญหาสังคม จากคุณ : YuY-iPzZO เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 19:14:47

ความคิดเห็นที่ 119 จขกท.คิดต่างใช่มั้ยคะ จากคุณ : แม่ดิน (pumpeem) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 19:17:01