จากการที่อ่านหลายๆ ความเห็นวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น เราขอตั้งสมมติฐานบ้างว่า
1. การใช้ภาษาที่สองไม่ใช้เรื่องง่ายนะคะ การพูดแบบมีบท ไม่ต้องคิด ทำให้พูดได้ราบรื่นและโฟกัสกับการพูดได้มากกว่า เราสังเกตตัวเองว่าเวลาพูด present งานเป็นภาษาอังกฤษที่เตรียมมาอย่างดี เราพูดชัดกว่าเวลาต้องโต้ตอบแบบฉับพลันหรือตอบคำถามยาวๆ แบบที่น้องโดนสัมภาษณ์ จะค่อนข้างตะกุกตะกัก เพราะเราคิดไม่ทัน ก็ต้องใช้เอิ่ม อึม อัม นำหน้าไปก่อน
2. ด้วยบุคลิกนิสัยส่วนตัวโดยธรรมชาติทำให้น้องดูง๊องแง๊ง แต่เท่าที่เราสังเกต เค้าค่อนข้างรู้กาลเทศะนะคะว่าควรจะเป็นตัวของตัวเองในระดับไหน เราเองถ้าอยู่ในกลุ่มคนที่ปฏิบัติกับเราหรือรู้สึกกับเราในลักษณะให้ความเอ็นดูเหมือนน้องเล็กในบรรยากาศสบายๆ เราก็สบายใจที่จะทำตัวง๊องแง๊งบ้างเหมือนกัน เราว่าขึ้นอยู่กับว่าบริบทแวดล้อมของเค้าเป็นอย่างไร ถ้าวันนึงบริบทแวดล้อมปฏิบัติกับเค้าเปลี่ยนไป เค้าคงค่อยๆ ปรับเองค่ะ เด็กมีความคิดแบบญาญ่าคงรู้แหละว่าจะวางตัวแบบไหน ตอนนี้เค้าคงยังรู้สึกสบายใจที่จะเป็นตัวเองในมุมนี้อยู่ ก็เป็นไปได้ว่าคงไม่ได้ถูกจริตใครไปเสียหมด แต่ถ้าเป็นเรา เราจะเป็นตัวเองในแบบที่เราสบายใจตามกาลเทศะมากกว่าปรับตามคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น (สังเกตว่าเราใช้คำว่าวิพากษ์วิจารณ์นะคะ ไม่ใช่คำแนะนำ)
ป.ล. 1 เราชอบญาญ่านะ และชอบณเดชเวลาอยู่กับญาญ่า เราชอบความคิดและความน่ารักสดใสของเด็กสองคนนี้ซึ่งทำให้เรายิ้มตาม เราว่าเค้าสองคนเปิดทัศนะใหม่ของการเป็นดาราโดยไม่ใช้ชีวิตฉาบฉวย หรือฟุ้งเฟ้อตามกระแส วางลำดับความสำคัญของชีวิตได้ดี ให้เกียรติผู้อื่น แค่นี้ก็น่าชื่นชมจนทำให้มองข้ามข้อด้อยอื่นๆ ไปได้
ป.ล. เราไม่ใช่แฟนคลับใครทั้งนั้น แต่เราเลือกเสพสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข