ความคิดเห็นที่ 1 1. เหมือนกันครับ ทั้ง D-mail และ ไมโครแบลคโฮลของ SERN ส่งผ่านแรงดึงดูดอนันต์ วัตถุเลยถูกบีบอัดจนสูญเสียพันธะระหว่างโมเลกุล กลายเป็น Jelly ข้อความถูกหั่นเป็นหน่วยย่อย 2. ข่าวเกิดขึ้นหลังจาก SERN ทำการส่งคนไปอดีตครับ ก่อนส่งจะไม่มีข่าว พอส่งคนไปอดีต จะเกิด Time Paradox ทันที ในขอบเขตที่ต่ำมาก แทบไม่มีผลกับ Worldline ซึสึฮะ(ในฐานะ จอห์น ไตเตอร์) อธิบายว่า ถ้าย้อนเวลาไปฆ่าคนตาย 1 คน โอกาสที่ค่า divergence จะเปลี่ยนแปลงไปมีน้อยมาก ไม่ใช่ว่าชีวิตคนไม่มีค่า แต่เพราะมีคนอยู่มากเกินไป จนทำให้คนตายไปคนเดียวแทบไม่มีผลอะไรเลย ยกเว้นว่าไปฆ่าคนที่จะทำการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ หรือเป็นตัวแปรของเหตุกาณณ์สำคัญๆ แต่ก็มีโอกาสที่จะมีคนอื่นทำหน้าที่นั้นแทน ตามกฏการบังคับทิศทางความเป็นของโลกแบบเส้นเชือก (Attractor Field) 3. ถือเป็นคนละ Worldline แต่ค่า divergence อาจจะแตกต่างกันแค่ 0.000001 - ทุกครั้งที่ทำการส่งอะไรก็ตามไปอดีต จะเกิด Time Paradox ให้โลกแยกออกเป็น 2 ทาง(ส่ง กับ ไม่ส่ง) - ทุกอย่างบนโลกจะถูกเปลี่ยนไปตาม เหตุและผลของสิ่งที่ส่งไป(มีข่าวค้นพบ Jellyman เพิ่มขึ้นมา) - แล้วถ้าข่าวนั้น ไปทำให้เกิดผลกระทบอื่นเช่นคนอ่านข่าวแล้วสนใจไปค้นคว้า โลกปัจจุบันหลังส่งวัตถุไปอดีต ก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงไป ตามผลการค้นคว้าของคนนั้น(Butterfly Effect) - แต่จะไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะ ทุกคนจะรับรู้ได้แค่ โลกหลังการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ตัวคนส่งวัตถุไปในอดีตเองก็ไม่เว้น ความสามารถ Reading Steiner มันไม่มีจริง - โอกาสเดียวที่เราจะรับรู้การเปลี่ยนแปลงอดีต คือต้องย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตด้วยตัวเอง แล้วข้ามเวลากลับมาปัจจุบัน แต่ก็ต้องมาลุ้นอีกว่า ผลของการเปลี่ยนแปลงอดีต จะทำให้ตัวเราหายไปหรือเปล่า ไม่งั้นก็จะเป็นอย่าง ซึสึฮะ ในอนิเมตอนสุดท้ายคือ หายไปเฉยๆเลย แส่วนโอคาเบะแค่กลับมาปัจจุบัน(ของตัวเอง) จากคุณ : Lemonade4-0 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 11:47:51

ความคิดเห็นที่ 2 ชัดเจนแจ่มแจ้ง ขอบคุณคุณ Lemonade4-0 ครับ จากคุณ : ILoveHusky เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 12:45:10