ถ้าดูละครแล้วหัดคิด ละครก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคมนะ เพราะมันสะท้อนแง่คิดต่างๆได้ อย่างเรื่องปิ่นอนงค์ เราขอยกตัวอย่างแง่คิดส่วนนึงที่ได้ซึ่งให้ประโยชน์อย่างดีกับสังคมไทยในปัจจุบันที่เราคิดแล้วกัน
สังคมไทยที่แตกแยกอย่างปัจจุบันเพราะคนนิยมเชื่อเฉพาะคนที่ตัวเองอยากเชื่อ
ไม่ว่าคนที่เราอยากเชื่อจะทำผิด จะโกหก จะเลวทรามต่ำช้าแค่ไหน แต่คนๆนั้นก็สามารถสร้างภาพให้ตัวเองเป็นคนดีได้โดยการพูด พูดให้ตัวเองดี พูดให้คนอื่นชั่วร้ายเลวทราม แล้วบางคนก็เชื่ออย่างสุดใจเพราะคนพูดเป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราเคารพนับถือชื่นชม เราเชื่อว่าทุกอย่างที่เค้าพูดเป็นความจริง แถมยังสามารถทำตามสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดได้แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายแค่ไหนก็ตาม โดยเราก็จะนึกว่าการทำเลวตามที่เค้าบอกนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม สมควรอย่างยิ่งที่จะทำ มันเป็นสิ่งที่น่ายกย่องเชิดชู
ขณะที่คนที่เราไม่ชอบ ต่อให้พูดความจริงให้ตายเราก็ไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ไ่ม่ยอมรับว่าสิ่งที่คนๆนั้นพูดเป็นความจริงทั้งๆที่เค้าอธิบายแล้วอธิบายอีก ยกเหตุผลพร้อมหลักฐานมาประกอบมากมาย เราก็จะมีข้อแก้ต่างให้กับคนที่เราเชื่อเสมอๆว่าเค้าไม่ผิด ว่าคุณพูดโกหก ว่านี่คือการใส่ร้าย นี่คือความจริงในสังคมไทยในปัจจุบัน ที่แตกแยกกันเพราะเราไม่หาเหตุผลและหลักฐานว่าคนไหนทำผิดหรือถูก แต่จะเชื่อแค่ฝั่งที่เราชื่นชอบว่าถูกเสมอๆ
เหมือนในละครที่ยัยอุ่นเรือนจากปิ่นอนงค์ เชื่อคุณนายสุดเลวนั่นสุดฤทธิ์ ทำทุกอย่างตามที่่คุณนายสั่งแม้ว่าสิ่งนั้นจะผิด สปอยนิด ขนาดยัยคุณนายสั่งให้วางยาพิษให้พระเอกกินให้ตาย ยังทำได้เพราะยัยอุ่นเชื่อว่านั่นคือทางเลือกที่ถูกที่สุดดีที่สุดแล้วแม้ว่าสิ่งที่ทำคือการฆ่าคนก็ตาม และสุดท้ายแกก็ได้ตายเพื่อคนที่แกรักและเทิดทูนอย่างคุณนาย คือโดนคุณนายฆ่าตายปิดปากไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นคนสั่งฆ่าคุณใหญ่ แถมคุณนายยังใช้ประโยชน์จากการตายของยัยอุ่นเรือน ล่อให้คุณใหญ่มาพบศพคนแรกและเรียกตำรวจมาจับคุณใหญ่ข้อหาฆ่าคุณนายตาย คุ้นๆไหมกับที่ความเชื่อสามารถทำให้คนที่เชื่อตายได้และการตายก็สามารถนำมาเป็นประโยชน์ได้อีก
ถ้าเราดูละครแล้วย้อนดูตัว ก็อย่าให้ตัวเองโง่เหมือนยัยอุ่นเรือน เชื่ออย่างสติ คิดอย่างมีเหตุผล จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร