 |
 
ความคิดเห็นที่ 8 |
ลัทธินี้เริ่มจากความคิดของนักเขียนนิยายชาวอเมริกัน ชื่อ ลาฟาเย็ทท์ โรนัล ฮับบาร์ด ปัจจุบันนายคนนี้เสียชีวิตไปแล้วค่ะเมื่อปี 1986
Scientology เป็นแนวคิดที่เติบโตจนกาลยเป็นลัทธิที่ว่าด้วย Dianetics หรือความเชื่อที่ว่าความเจ็บป่วยทางกายและทางใจ ล้วนแล้วแต่มาจากสาเหตุแห่งความเจ็บปวดโศกเศร้าในอดีต ฝังรากลึกในความทรงจำระดับจิตไรสำนึก ซึ่งก็คือ คน ๆ นั้น จะไม่รู้ตัวหรือมี awareness ในเรื่องร้ายๆเหล่านั้นนั่นเอง
ใช้การบำบัดความเจ็บปวดทางกายและใจด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า เป็น"วิธีวิทยา" ( คล้าย ๆ กับงานวิจัย ) ซึ่งมี 2 ส่วนคือ ความเชื่อ และ การปฏิบัติ โดยเชื่อว่ามนุษย์นั้นมีสิ่งที่เรียกว่า thetan ซึ่งแปลให้ง่ายที่สุดคือ "วิญญาณ"
ฮับบาร์ดเชื่อว่า เมือ thetan ละทิ้งร่างกายไปก็จะไปสู่ดาววีนัส และจะถูกชาววีนัสพิพากษาและพากษาและจับใส่แค็บซูลกลับมายังโลก แต่เขาปฎิเสธที่จะเป็นเช่นนั้น กล่าวคือ ฮับบาร์ดแนะทางให้ thetan ของแต่ละคน ปฎิเสธที่จะกลับไปดาววีนัส (ฐานความคิดของพวก Scientology เชื่อว่าเรา thentan ทุกดวงนั้น วนเวียนอย่ในจักวาลนี้) หาทางที่จะมาเกิดใหม่บนโลกเอง (ฟังดูเว่อร์นะคะ เชื่อถือได้มั้ยนี่)
ความเป็น Scientology นั้น มาจากพ้นฐานความเชื่อจิต-ประสาท และเทคนิคของวิทยาศาสตร์ประยุค เค้าจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า E-Metre เป็นตัววัด โดยวิธ๊การแบบ Galvanic skin response ซึ่งเป็นเครื่องมือไฟ้ฟ้าวัดความต้นาทางของผิวคนเราต่อไฟฟ้า เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางความรู้สึกและการกระตุ้นทางอารมณ์ ซึ่งจะส่อถึงภาวะอารมณ์ทางจิตเช่น ความกลัว, โกรธ,ผิดชอบ ความรู้สึกทางเพศ โดยวิธีการนี้จะทำให้ไปเชื่อมโยงและทราบถึงอวัยวะภายในได้ด้วย
ฮับบาร์ดเชื่อว่า คนเรามีจิตที่เรียกว่า reactive mind หรือ เรียกอีกอย่างว่า engrams ซึ่งเป็นจิตที่รับ ซึมซับเอาความเจ็บปวดและภาพเหตุการณ์ในอดีตไว้ engrams จะต้องได้รับการชำระ ซึ่งการชำระดังกล่าวนี้ ทำได้โดยใช้ E-metre เป็นอุปกรณ์นั่นเอง
การชำระ"จิต" เรียกว่า operating thetan ฮับบาร์ดนิยามไว้ว่าเป็น "การรู้-การพยายาม ที่ทำให้เกิด ชีวิต ความคิด เหตุการณ์ พลังงาน พื้นที่และเวลา (MEST) ถือเป็นส่วนประกอบทางกายภาพของจักรวาล
operating thetan เขียนด้วยอักษร O กับ T โดยที่ T อยู่ใน O แบ่งออกเป็น 1-8ระดับ ในปัจจุบัน แท่ฮับบาร์ดกล่าวไว้คือ 15 ระดับ นี่คือที่มาของการทดสอบและชำระ ราคาแพงและดูเป็นลัทธิเชิงพาณิชย์ที่โลกและคนที่ไม่ใช่ (สาวก ) และไม่เชื่อ โจมตีด้วยข้อกังขาในการหาเงินแบบใหม่ เรียกวิธีการชำระทางจิตนี้ว่า auditing
Scientology เป็นแนวคิดลูกผสมของศาสตร์ต่าง ๆ (ง่ายและหยาบที่สุด เท่าที่จะพูดได้ตอนนี้) "ความเชื่อ" ต่าง ๆ จะรวมตัวกันเป็น "ระบบคุณค่า" แล้ว "ระบบคุณค่า" เมื่อผ่านกาลเวลาและ เอามาทำการศึกษา-เผยแพร่จะกลายเป็น "แนวคิด" "แนวคิด" เมื่อได้รับการทดสอบ-พิสูจน์จะกลายเป็น "ทฤษฏี" "ทฤษฏี"ต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงหรือศึกษาในเรื่องเดียวกันจะรวมตัวป็น "ศาสตร์" ในที่สุด (เช่นวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ พฤกษศาสตร์ ฯลฯ)
ผู้คนศึกษา "ศาสตร์" เพื่อที่จะนำมันมาแก้ปัญหาต่าง ๆ รอบตัวเรา (เป้าหมายดังเดิมของการเรียน) ต่างกันตรงที่ว่า เด็ก ๆ บ้านเรา ศึกษา "ศาสตร์" เพื่อที่จะรู้และเข้าใจแล้วเอามันไปสอบให้ได้เกรด 4
ส่วน Scientology นั้น ความมุ่งหมายเพื่อชำระ "จิต" ถ้าทำได้ก็ถือว่าแก้ปัญหาได้ แต่จะแก้ปัญหาให้เราได้หรือไม่ได้นั้น เราต้องพิสูจน์ค่ะ อย่ายึดผลจากของคนอื่นและ "น้ำลาย" นักวิชาการที่มาพ่นให้เราฟัง จนเกินไป นึกถึงการรักษาโรคของหมอแหละค่ะ มีได้-มีพลาด เมื่อที่สุดแล้ว ถ้าวิธีการของมันแก้ปัญหาให้เราไม่ได้ เราก็ต้องหาทางอื่นต่อ
เครดิต : คุณ นู๋ ม. ค่ะ
--------------------------------------------------------- โลกนี้มีลัทธิแปลก ๆ อีกเยอะเลยอ่ะ ยกตัวอย่างเช่น
Raelian (ราเอเลี่ยน) ใช้ชื่อองค์กรว่า ราแอลเลียนมูฟเมนต์ อันนี้เป็นลัทธิมนุษย์ต่างดาว เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างทุกอย่าง เป็นผู้สร้างพระเยซู พระพุทธเจ้า พระอัลเลาะห์ และส่งลงมาเผยแพร่ศาสนาในโลกเรา -*- เค้าเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวคนนึง ชื่อ เอโลฮิม เป็นผู้สร้างโลก (มนุษย์ต่างดาวเรียกเป็นคนได้มั๊ยง่ะ) และกำเนิดโคลนนิ่งมนุษย์ โดยให้กำเนิดมนุษย์จากการพัฒนาขึ้นมาจากสัตว์เซลล์เดียว (เอ่อ สัตว์เซลล์เดียวคือพวก Kingdom Protista คือ อะมีบ่า ยูกลีนา พารามีเซียมสาหร่าย แบคทีเรีย กรี๊ดดด นี่บรรพบุรุษชั้นเป็นสาหร่ายสไปรูลิน่าเร๊อะ!!!!)
จากคุณ |
:
Monalisa Smith
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ค. 55 20:02:46
|
|
|
|
 |