ความคิดเห็นที่ 1 ::'รถ' สัญลักษณ์แห่งปัจเจกนิยม:: ผู้ร่วมงานของเอริคคนแรกที่ปรากฏตัวในรถลิมูซีนของเขา เป็นผู้วางระบบป้องกันการติดตามให้กับรถคันนั้น เอริคถามย้ำตลอดเวลาถึงความปลอดภัยเมื่อเขาอยู่ในรถจนผู้ร่วมงานของเขาเหนื่อยหน่ายที่จะตอบ สำหรับเอริค 'รถ' คือโลกส่วนตัวของเขา คือสถานที่ที่เขาสามารถจำกัดปริมาณและคุณภาพของข้อมูลที่จะเลือกรับได้ เขามีปฏิสัมพันธ์กับเฉพาะแหล่งข้อมูลที่ต้องการรู้ และการติดตั้งระบบป้องกันการติดตาม ก็คือการหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับอะไรก็ตามที่ไม่อยู่ในความสนใจของเขานั่นเอง ชนชั้นรากหญ้าใช้ระบบขนส่งมวลชนในการเดินทางไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อคนเริ่มมีฐานะทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ความพยายามในการแยกตัวออกจากมวลชนก็แสดงออกผ่านทางการซื้อรถส่วนตัว รถส่วนตัวทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคอย ทำให้ไม่ต้องร่วมเดินทางกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ยิ่งภายในรถมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากเท่าไหร่ คนในรถก็ยิ่งแยกห่างออกจากสังคมภายนอกมากเท่านั้น และแน่นอน อุปกรณ์เหล่านั้นหมายถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นด้วย ในหนังกล่าวถึงมหานครนิวยอร์กที่มีรถลิมูซีนจำนวนมากมายบนท้องถนน แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งอย่างที่สุดของพลเมืองนิวยอร์กในขณะนั้น เอริคเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ตกอยู่ในอิทธิพลของทุนนิยมอย่างแท้จริง ทุนนิยมสร้างผู้ที่ร่ำรวยและผู้ที่ยากจน เอริคอยู่ในพวกแรก ความร่ำรวยนำมาซึ่งแนวคิดปัจเจกนิยม การสำคัญตัวว่าแตกต่าง และการแยกตัวเป็นเอกเทศจากมวลชน ลิมูซีนของเขาเต็มไปด้วอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายราวกับบ้านเคลื่อนที่ เขามีผู้ช่วยและเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจอย่างครบครัน ทว่า ในขณะที่เอริคคิดว่าตนสามารถรับข้อมูลทุกอย่างได้จากภายในลิมูซีนคันหรู เขากลับละเลยข้อมูลที่ว่ามีรถลิมูซีนอีกคันกำลังแห่ศพดาราดังคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้ทราบทีหลังว่านั่นคือนักร้องคนโปรดของเขานั่นเอง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:49:56 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:43:57 จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:43:32

ความคิดเห็นที่ 2 ::ความว่างเปล่าของระบบทุนนิยม:: "หนูตัวหนึ่งกลายมาเป็นสกุลเงินที่เราใช้กัน" เป็นข้อความหนึ่งจากบทกวี Report from the Besieged City ของ Zbigniew Herbert การนำประโยคนี้มาใส่ไว้ใน Cosmopolis มีนัยยะเสียดสีความว่างเปล่าไร้ความหมายของระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะทุนนิยมที่ปล่อยให้ 'เงินตรา' กลายเป็นสิ่งสมมุติที่ทรงอำนาจ มนุษย์มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือการตีความเชิงสัญลักษณ์ นานมาแล้วที่มนุษย์ใช้ความสามารถนั้นในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และสิ่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นอยู่บนพื้นฐานของสัญลักษณ์ที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาคือระบบเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจพัฒนาจากระบบของแลกของเป็นระบบเงินเป็นสื่อกลาง และในปัจจุบันคนจำนวนมากใช้ระบบเครดิตในการแลกเปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องเห็นตัวเงินจริงๆด้วยซ้ำ ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยสมมุติให้เปลือกหอยหรือกระทั่งก้อนหินที่ไม่มีค่าอะไรขึ้นมาเป็นสื่อแลกเปลี่ยน ระบบเศรษฐกิจพัฒนาความเป็นนามธรรมมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงยุคที่ผู้คนผูกตัวเองอยู่กับตัวเลข สมมุติความร่ำรวยหรือยากจนขึ้นจากตัวเลข ลองตั้งคำถามว่าหากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้มนุษย์ทั้งหมดหายไปในวัน พรุ่งนี้ อะไรบ้างที่จะยังมี 'ความหมาย' ทองคำ เหรียญกษาปณ์ ธนบัตร ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงบนกระดานหุ้น สิ่งเหล่านี้จะยังมีมูลค่าอยู่อีกหรือไม่ ในหนัง เอริคกล่าวไว้เองว่าอีกไม่นานดอลล่าร์จะกลายเป็น 'หนูตาย' คือเงินตราจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:50:37 จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:44:23

ความคิดเห็นที่ 3 ::รากฐานของความมั่งคั่ง:: คำถามหนึ่งของเอริคปรากฏขึ้นสองครั้งในเรื่อง "รถลิมูซีนที่มีอยู่เกลื่อนถนน ตอนกลางคืนพวกมันหายไปไหนกัน" เป็นเรื่องน่าตลกที่เอริคไม่รู้ว่ารถส่วนตัวของเขาหายไปไหนในเวลากลางคืน เขาได้รับคำตอบจากคนขับรถของเขาในตอนท้ายเรื่อง ว่ามีลานจอดรถใต้ดินสำหรับลิมูซีน และหากเอริคอยู่ที่นี่ในตอนเช้า เขาจะพบกับผู้คนสวมชุดสีขาวกำลังทำความสะอาดรถลิมูซีนอยู่ รถคันหนึ่งต้องการคนงานในการดูแล หากเปรียบรถลิมูซีนเป็นโลกส่วนตัวของบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์ถึงความรุ่งเรืองของระบบทุนนิยม ก็เช่นเดียวกันที่โลกแห่งความมั่งคั่งจะต้องการคนระดับล่างในการขับเคลื่อน ความเหลื่อมล้ำทางฐานะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการมีอยู่ของระบบทุนนิยม ในตอนท้ายของเรื่อง เอริคได้สนทนากับคนที่ขู่ฆ่าเขา บทสนทนาถึงเหตุผลในการฆ่าเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า 'คนจนเกลียดชังคนรวย' ผู้ที่ขู่ฆ่าเอริคตัดสินใจที่จะฆ่าให้ได้แม้ว่าตัวเอริคเองจะล้มละลายไปแล้ว ก็ตาม แสดงให้เห็นว่าในขณะที่เขา 'เชื่อว่า' การฆ่าคนรวยจะทำให้ชีวิตของตนดีขึ้น แต่ตัวเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลอะไรกับชนชั้นรากหญ้าอย่างตน จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:45:02

ความคิดเห็นที่ 4 ::เกลียวเมล็ดทานตะวันกับต่อมลูกหมาก:: ฉากที่เรียกเสียงฮามากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นฉากที่เอริคแสดงความกังวลที่ต่อมลูกหมากของตนทำงานได้ไม่สมดุลกัน (ฉากตรวจต่อมลูกหมากก็คงเป็นฉากที่ตลกพอสมควรสำหรับหลายๆคน) เอริคเสียทรัพย์สินมูลค่าหลายสิบล้านเพราะการคาดการณ์ค่าเงินหยวนที่ผิดพลาด เขาคิดว่าเงินที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปจะคงสภาพอยู่ได้ไม่นานและต้องตกลงมาในที่สุด ชายผู้ขู่ฆ่าเขากล่าวว่าการเป็น perfectionist ที่กังวลแม้กระทั่งความไม่สมดุลของต่อมลูกหมาก ทำให้เอริคมองทุกสิ่งอยู่ในความสมมาตร สวยงาม เป็นไปตามทฤษฎี และสามารถคาดการณ์ได้ ดังเช่นการเรียงตัวของเกลียวเมล็ดทานตะวันทีอธิบายได้ด้วยลำดับฟีโบนักชี (Fibonacci's Series) ในขณะที่ค่าเงินและตัวเลขในระบบเศรษฐกิจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป การแข็งค่าของ 'เงินหยวน' (เงินในระบบคอมมิวนิสท์) ไม่เป็นไปตามทฤษฎีใดๆในโลกทุนนิยม นำมาซึ่งความพังพินาศของระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ตั้งอยู่บนรากฐานที่ง่อนแง่นเพียงใด แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:51:39 จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:45:37

ความคิดเห็นที่ 5 ::เนกไท สูท ลิมูซีน และบอดี้การ์ด:: เอริคแต่งงานกับสาวสวยจากตระกูลร่ำรวย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นการแต่งงานเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน แต่แม้ว่าเอลิซจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย เธอกลับมีวิถีชีวิตและมุมมองที่แตกต่างจากเอริคโดยสิ้นเชิง เอลิซเป็นกวี ชอบอ่านหนังสือ ขลุกอยู่ในห้องสมุดได้ทั้งวัน และชอบนั่งรถแท็กซี่มากกว่าขึ้นลิมูซีน คาแรกเตอร์ของเธอสะท้อนให้เห็นความสงบ แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงความพยายามที่จะหลีกหนีจากโลกทุนนิยม(แต่ไม่สำเร็จ)ของเธอด้วยเช่นกัน หนังแสดงให้เห็นถึง 'การปลดปล่อยตนเอง' จากโลกทุนนิยมทีละขั้นของเอริค และตัวละครที่ชี้ให้ผู้ชมเห็นถึงลำดับขั้นตอนนั้นคือเอลิซ ในฉากแรก เอริคสวมสูท ผูกเนกไท ใส่แว่นตาดำ อันเป็นสัญลักษณ์ถึงความเป็นชนชั้นสูงที่ปิดกั้นตนเองจากภายนอก เขาถอดแว่นออกเมื่อพบเอลิซในรถแท็กซี่ เธออุทานว่า "ตาสีฟ้า...คุณไม่เคยบอกฉันเลยว่าคุณมีตาสีฟ้า" เป็นบทสนทนาที่แปลกประหลาดมากสำหรับคนที่มีสถานะเป็นสามีภรรยากัน เครื่องแต่งกายของเอริคหายไปทีละชิ้นเมื่อเขาพบกับเอลิซในฉากต่อๆมา สัมพันธ์กับความตระหนักรู้ในฐานะทางการเงินที่กำลังพังทลายไปทีละขั้น ในขณะที่หนังแสดงความเป็นชนชั้นสูงของเอลิซมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละฉากที่เธอปรากฏตัว ครั้งสุดท้ายที่เขาพบกับภรรยาเพื่อบอกว่าเขาสูญเงินหลายสิบล้านเพราะหุ้นตก เอริคไม่ได้สวมทั้งสูทและเนกไท ลิมูซีนของเขาถูกขีดเขียนด้วยฝีมือกลุ่มจลาจล และในขั้นสุดท้ายของการปลดปล่อยตนเองจากโลกทุนนิยม เขาฆ่าหัวหน้าบอดี้การ์ดของตน และยิงมือของตัวเองทิ้ง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:52:11 จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:46:01

ความคิดเห็นที่ 6 ::ส่งท้าย:: Cosmopolis ไม่ใช่หนังเพื่อการปลุกระดมแนวคิดที่ว่าทุนนิยมสามานย์ (แม้ว่าดูแล้วจะคิดได้อย่างนั้นก็ตาม) แต่เป็นหนังที่แสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ไม่มั่นคงของระบบเศรษฐกิจสมมุติที่ทำให้คนเราบ้าคลั่งอยู่ในทุกวันนี้ สุดท้ายแล้วทุกสิ่งคือความว่างเปล่า เมื่อระบบพังทลาย ทุกคนก็เท่าเทียมกัน ดังเช่นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ว่า 'ความตายไม่เลือกชนชั้นวรรณะ' ********************************** แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 13:52:26 จากคุณ : ฝนฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 13:46:59

ความคิดเห็นที่ 7 พระเอกหนังเรื่องนี้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ามีคนดูหนังแล้วเข้าใจสองสามคนเขาก็ดีใจแล้ว คริสเตน แฟนสาวของเขาดูหนังแล้วบอกว่าหนังดี แต่เธอไม่เข้าใจ ก็เลยคิดว่าไม่ดูดีกว่า เพราะตัวเองก็คงดูไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ปล. เป็นหนังที่ได้คะแนนจากเมืองคานส์สูงมาก อยู่อันดับต้นๆ ของหนังที่เข้าประกวดเลยทีเดียว ส่วนตัวแล้ว ทำให้ไม่อยากดูเข้าไปใหญ่เลย เพราะอะไรที่ถูกจิตนักวิจารณ์แล้วเรามักไม่ชอบ จากคุณ : ฉันอยู่เพื่อกิน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:01:53

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้ เหน "น้องชาย" ร็อบ เลยนะครับ จากคุณ : หล่อและหน้าตาดี เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:19:25

ความคิดเห็นที่ 9 เงินตราก็คือสิ่งสมมุติ  มันจะมีค่าเมื่อสมมุติร่วมกันตั้งแต่2คนขึ้นไป   และจะด้อยค่ากว่า ค่าเงินที่มีคนสมมุติมากกว่า ทฤษฎีเศรษฐกิจก็ไม่ต่างจากสิ่งสมมุติ เหมือนเงินตรา ไม่แค่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเป็นคนกำหนดหรือทำแบบเรียน    ถ้าคนที่เหลืออีกหลายๆกลุ่มไม่เอาด้วย เงินดอลล่าบนดินกำลังจะเจ๊ง เพราะเงินดอลล่าดำใต้ดินมีมากมายมหาศาล และผลิตแบบไม่สิ้นสุด เงินดอลล่ามีค่ามาจากการโกงน้ำมันที่ตัวเองไม่มีและขายอาวุธจากสงครามที่ตัวเองก่อ ทฤษฎีเศรษฐกิจที่กำหนดให้คนอื่นไม่สามารถผลิตเงินตราแล้วตัวเองผลิตแบบไม่สิ้นสุด กำลังเป็นสิ่งที่กลุ่มอื่นๆไม่เอาด้วย     เงินตราก็เหมือนพระเจ้าหรือเทวดา  จะศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อเมื่อจะทำวิธีไหนก็ได้ที่ให้คนเชื่อ ซึ่งจะเชื่อได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คิดได้  คนที่คิดได้ก็ได้พรจากพระเจ้า คนที่คิดไม่ได้ก็เป็นทาส ที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าทุนเป็นเรื่องทุนนิยมสามานย์ เหมือนที่ทุนเก่ากำลังเก่าหาทุนใหม่ เท่านั้น จะสามานย์หรือไม่ ต่างกันตรงวิธีใช้กับคนที่คิดได้ ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 55 16:05:57 จากคุณ : himajin006 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 16:04:16

ความคิดเห็นที่ 10 คห7 ขอแหล่งข้อมูลด้วย มั่วเปล่า ทำไมผมได้ยินมาว่าได้ยินมว่า ประสบความล้มเหลว ที่เมืองคานอย่างมากหละ จากคุณ : โสดนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 21:22:08

ความคิดเห็นที่ 11 โลกนี้ทั้งใบคือระบบทุนนิยม ถ้าไม่เอาทุนนิยมก็ต้องเลือกคอมมิวนิสต์ แต่ระบบคอมิวนิสต์นั้นล่มสลายไปแล้ว แม้แต่จีนและรัสเซียและคอมมิวนิสต์อีกหลายประเทศก็เป็นทุนนิยมแล้วแม้ว่าจะใช้ชื่อการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ก็ตาม ถ้าหัวข้อกระทู้บอกว่าเป็นการพังทลายของระบบทุนนิยม....แล้วจะเอาระบบไหนมาแทนที่?  ระบบทุนนิยมนั้นไม่พังทลาย ถึงจะยำแย่ยังไงก็ต้องใช้ระบบนี้ไปจนกว่าโลกจะแตก มีหลายคนโดยเฉพาะนักการเมืองที่ดัดจริตว่าไม่เอาระบบทุนนิยมแล้วเปรียบเทียบว่าเป็นระบบทุนนิยมสามานย์  แต่ตัวเองและพรรคพวกก็รำรวยกอบโกยมาจากระบบทุนนิยมทั้งนั้น  ทุนนิยมก่อให้เกิด..ชนชั้นแบบใหม่..โดยใช้เงินเป็นตัววัดระดับชนชั้น ถึงแม้ท่านจะไม่ชอบมันยังไงก็ตาม ท่านก็ต้องอยู่กับมันจนวันตาย เพราะอายุของมันยืนยาวกว่าท่านมากนัก จากคุณ : Fantomas (Fantomas) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 10:47:30

ความคิดเห็นที่ 12 พรุ่งนี้จะไปดูแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจ>__< *ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าตัวเองจะชอบหนังเรื่องนี้ แต่ขอเป็นกำลังใจให้Robค่ะ^^ จากคุณ : เบนจัง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 14:08:56

ความคิดเห็นที่ 13 ไปดูมาแล้ว ดูแล้วกลับบ้านรีบเข้าห้องน้ำสำรวจ... ค่อยโล่งใจหน่อย ที่ลูกอัณฑะทั้งสองลูกของผมมันสมมาตรกัน (ฮา) จากคุณ : merf1970 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 00:35:24

ความคิดเห็นที่ 14 คห.8 ไม่เห็นครับ จากคุณ : Love Intruder เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 00:26:09