ความคิดเห็นที่ 1 ไปดูมาเมื่อไหร่ ล่ะ เมื่อครั้งที่หนัง เรื่อง ออกฉาย ดู ในโรงมาสนุก มาก ครับ จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:13:39

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านที่ จขกท เขียนสามรอบ ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลยไม่รู้จะออกความเห็นยังไง อันนี้ความเข้าใจส่วนตัวนะคะ  ไม่รู้ว่าถูกป่าว หนังเรื่องนี้เวลาเดินเป็นเส้นเดียว   ถ้าอดีตถูกเปลี่ยนถูกแก้ไข อนาคตจะเปลี่ยนแปลงเลย เพราะงั้นพอกลับมาบ้านมาร์ตี้เลยเปลี่ยนฐานะ เพราะพ่อเอาไอเดียที่เจอมาตี้ไปเขียนหนังสือแล้วดัง อันนี้เป็นอนาคตที่เปลี่ยนแล้ว จากการที่มาตี้ย้อนเวลาไปแก้ไข (คนละแบบกับการย้อนอดีตบางเรื่องที่กลายเป็นทำให้เกิดทางแยกสองทาง เช่นดราก้อนบอลที่ทรัง เดินทางมาเปลี่ยนอดีต พอชนะเซลล์ได้ก็กลับไปโลกตัวเองก็เป็นโลกที่ถูกทำลายแล้วเหมือนเดิมไม่ได้แก้ไขอะไร กลายเป็นโลกคู่ขนานกัน) งง timeline+7 ?? หมายถึงไปอยู่อนาคตมา 7 วันเหรอคะ มาร์ตี้ย้อนกลับมาวันที่วาร์ปไป เวลาที่ผ่านไปที่ไปอยู่ในอนาคตไม่น่าจะเอามาบวกนะคะ edit เพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 19:29:32 จากคุณ : sero_cannabis เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:24:47

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าดูแล้วจ้องจับผิดกันคงไม่มีหนังเรื่องไหนสนุกครับ เรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจผม ดูกี่ครั้งก็สนุก... จากคุณ : คนอุดมเดชครับ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:25:37

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่า จขกท เข้าใจเรื่อง Timeline ผิดนะครับ ในภาค 2 ด๊อกบราวน์อธิบายเรื่อง Timeline ไว้บนกระดานดำเรียบร้อย ลองไปหาดูนะ ก่อนไปอยุ่ Timeline A พ่อมาร์ตี้ต่อยบิฟทำให้เกิด Timeline B จากนี้ไปมาร์ตี้ไม่ได้อยู่ A แล้ว ดังนั้นที่เขาเดินทางกลับอนาคตจึงกลับไปอนาคตของ B ไม่ใช่ A Timeline A ก็ยังอยู่เหมือนเดิมในโลกคู่ขนาน แต่ตัวมาร์ตี้ไม่ได้อยู่ Timeline นั้นแล้ว แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 19:30:52 จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:26:42

ความคิดเห็นที่ 5 หนังดูสนุก...ดูแล้วมีความสุขมาก.... เรื่อง  Timeline เป็นการเขียนเรื่องให้มีเรื่องราวสีสัน...ไม่คิดว่าเป็นจุดด้อยของเรื่อง ผมคิดว่าคนเขียนเรื่องได้เก่งนะ.....หนังสนุกทุกภาค จากคุณ : เพื่อนอ้วน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:30:27

ความคิดเห็นที่ 6 เราว่ามันสนุกมากเลยนะ พึ่งดูเมื่อเดือนที่แล้ว 3 ภาครวด ไม่น่าเชื่อว่าหนังตั้งนานแล้ว effect อะไรก็ดูสมจริงดี จากคุณ : 13ltanya เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:33:21

ความคิดเห็นที่ 7 ก็เพราะว่าจริง ๆ แล้วหนังมันเขียนบทมาแค่ภาค 1 แล้วพอเจอจุดบอดก็เลยมาแก้ไขในภาค 2 ว่าเป็นมิติคู่ขนาน ถูกไหมครับ? ป.ล. ในภาคแรกไม่ได้พูดเรื่องมิติคู่ขนานเลยครับ เอาง่าย ๆ timeline A ปี 1985 แล้วมาร์ตี้ย้อนไปเจอพ่อแม่ปี 1955 เท่ากับว่าพ่อแม่ปี 1955 พอผ่านไป 30 ปีก็จะวนกลับมา timeline A ปี 1985 แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอีกแบบนึงในคืนเดียวแบบตอนจบได้อย่างไร นี่คือที่ผมถามครับ ถ้าหนังพูดถึงเป็นมิติคู่ขนานไปเลยแบบ Frequency ปี 2000 ผมก็คงเข้าใจง่าย ๆ ไปละ หนังเกี่ยวกับย้อนเวลาในใจผมก็ยังคงเป็น Twelve Monkeys กับ Time Traveler's wife ต่อไป หรือไม่งั้นก็แบบ Source Code ไปเลย จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:35:25

ความคิดเห็นที่ 8 ห่วยนี่เกินไปนิดนะ เรื่องนี้แม้แต่ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับ อวตาร ยังยกย่องว่าเป็น 1 ใน สุดยอดภาพยนตร์ ไซไฟ สุดคลาสสิคตลอดกาล นะครับ   อย่าเอาตรรกะ ความคิดตอนนี้ ไปเทียบ กับหนัง เมื่อ 30 ปีที่แล้วเลยครับ ระดับ สตีเว่น สปีลเบิร์กอำนวยการสร้าง หนังจะดีหรือไม่ดี แต่มันไม่ห่วยแน่นอนครับ จากคุณ : porrunka เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:36:05

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากเรื่อง อนาคตในหนัง ภาค 2 มันล้ำกว่า โลกความเป็นจริงไปหน่อย นอกนั้นผมว่ามันก็ สนุกนะ จากคุณ : BREAKDOWN เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:36:08

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยก่อนมีหนังอย่างนี้ให้ดู ก็โอเคแล้ว จะเอาอะไรมากมายครับ ดูกี่ทีผมก็ชอบนะ ทั้ง 3 ภาคเลย เอามัน กับ เอาฮา รับไปเลย 5 กระโหลก!!!!! จากคุณ : flukekawa omega เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:36:08

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าการอธิบายของจขกท ห่วยสุดๆครับ จากคุณ : เฉลียวศักดิ์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:37:13

ความคิดเห็นที่ 12 1 คุณดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรก เมื่อไหร่ครับ 2.คุณดูหนังทุกภาคครบแล้ว และเข้าใจหนังเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องไทม์ไลน์หรือปล่าว จากคุณ : apinank00 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:39:06

ความคิดเห็นที่ 13 เอาเถอะครับ อยากจะเข้าใจอะไรในแบบของคุณก็ตามสบายครับ ผมดูสนุกและเข้าใจตามที่เรื่องนำเสนอทั้ง 3 ภาคก็พอใจละ จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:40:43

ความคิดเห็นที่ 14 มาว่าหนังโปรดของเราห่วย  T_T จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:43:57

ความคิดเห็นที่ 15 หัดเขียนอธิบายให้คนอื่นเข้าใจก่อนดีกว่ามั้งครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:45:47

ความคิดเห็นที่ 16 อธิบายก็ไม่ฟัง ใช่ซี่ ก็หนังมันห่วยนี่ T_T จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:46:01

ความคิดเห็นที่ 17 หาได้คิดเช่นนั้นไม่ จากคุณ : Gusbell ครับผม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:46:52

ความคิดเห็นที่ 18 ก็ฟังแล้วไงครับคุณ ยัยกำปุ๊ง ก็คือมันเป็นมิติคู่ขนานแบบ Source Code กับ Frequency แต่หนังมันไม่ได้อธิบายในภาคแรกนิครับ มันไปอธิบายในภาคต่อ 4 ปีต่อมา จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:49:41

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องไทม์ไลน์ ในหนังย้อนเวลาทุกเรื่อง มันก็ซับซ้อน(มั่ว)แบบนี้ทุกเรื่องแหละครับ อยู่ที่ตัวหนังแหละครับว่าจะทำให้เราสนุก จนมองข้ามความไม่สมเหตุผลไปได้หรือเปล่า จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:50:08

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่ามันคือหนังสุดยอดในยุคนั้น ผมเลยเป็นนักวิทยาศาสตร์จนทุกวันนี้ จากคุณ : กรรมดี เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:52:03

ความคิดเห็นที่ 21 ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้า Back to the Future เปิดเรื่องมา แม่ลอเรนเล่าให้ฟังว่าตั้งชื่อลูกตามรักแรกพบ แล้วมารักพ่อตอนงานเต้นรำ แล้วหนังก็ดำเนินเรื่องตามปกติ (ไม่มีการแก้ไขอดีต ไม่ส่งผลให้อนาคตเปลี่ยนแปลง) ผมคงรักหนังเรื่องนี้ไปแล้ว แต่คือมันดันกลายเป็นเรื่องของแก้ไขอดีตได้จากการผลักจอร์จไม่ให้โดนรถชน (ซึ่งเมื่อผลักปุ๊บ เท่ากับแก้ไขอดีต กลายเป็นอีกมิติหนึ่งไปเลย) จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:52:53

ความคิดเห็นที่ 22 แนะนำให้ไปเรียนภาพยนต์แล้วกำกับเองซักเรื่องครับ ผมจะคอยดูผลงาน ส่วนตอนนี้ กำกับคำอธิบายให้รู้เรื่องกว่านี้จะดีมากครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 19:55:13 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:54:25

ความคิดเห็นที่ 23 7# "ก็เพราะว่าจริง ๆ แล้วหนังมันเขียนบทมาแค่ภาค 1 แล้วพอเจอจุดบอดก็เลยมาแก้ไขในภาค 2 ว่าเป็นมิติคู่ขนานถูกไหมครับ?" ^ ^ ^ ตกลงแล้วก่อนจะวิจารณ์ จขกท คับ คุณได้ดูจนจบเรื่องรึป่าวเนี่ย ในตอนจบของเรื่อง ดร.บราวน์ได้ข้ามไปในอนาคต แล้วกลับมาบอกมาร์ตี้ ว่ามีปัญหา เกิดเรื่องในอนาคต พร้อมกับ นั่งรถข้ามเวลาหายไป พร้อมกับ หนังขึ้นโลโก้ สุด คลาสสิคว่า To Be Continued.... สรุป หนังเขาเขียนบทในภาคต่อขึ้นมาเสร็จก่อนภาคแรกจะฉายอีกคุณ ไปหาอ่านเอานะ จากคุณ : porrunka เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:55:32

ความคิดเห็นที่ 24 ตรรกป่วย ๆ แบบความเห็น 22 มาอีกแล้ว อย่างนี้ถ้าคุณไปกินข้าวร้านนึงแล้วทำไม่อร่อย คุณก็ไปเรียนทำอาหารแล้วเปิดร้านแข่งกับเขาด้วยนะครับ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:55:56

ความคิดเห็นที่ 25 ... จากคุณ : porrunka เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:56:46

ความคิดเห็นที่ 26 To 23 ขอโทษครับ งั้นแปลว่าที่ผมอ่านเรื่องหนังจบในภาคเดียว แล้วมาเขียนภาคต่อทีหลังคือข้อมูลผิด แต่ก็เท่ากับว่าในภาคแรกก็ไม่ได้อธิบายเรื่องมิติคู่ขนานอยู่ดี ต้องไปดูภาคสองถึงจะเจอการอธิบายเรื่องมิติคู่ขนาน ถูกไหมครับ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:57:55

ความคิดเห็นที่ 27 เอ่อ จขกท. จะเอาไปเทียบกับ  Source Code หรือ Twelve Monkeys ไม่ได้หรอกครับ มันหนังคนละแนวกันครับ Back to the future นี่มัน แอ็คชั่น-แฟนตาซี ไซไฟ นะครับ ถ้าให้เทียบน่าจะเทียบกับการ์ตูนโดเรมอนยังใกล้เคียงกว่าครับ จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:58:11

ความคิดเห็นที่ 28 แค่ฉาก ไมเคิล เจ ฟอกซ์ ลี๊ดกีต้าร์ ก็สว้างแรงบันดาลใจให้คนเป็นล้บนแล้วครับ!! จากคุณ : via iPhone (บ้าแพะ) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 19:58:46

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นหนึ่งในหนังในดวงใจของผมตลอดการ และก็เป็นรองเท้าในดวงของผมอีกเช่นกัน Nike Air MAC (รองเท้าในภาค2) http://www.ebay.com/itm/Nike-Air-Mag-Marty-McFly-Back-To-The-Future-Sz-9-Limited-to-1500-pairs-/380383392162?pt=US_Men_s_Shoes&hash=item58909df1a2 ราคาเป็นตำนานจริงๆ จากคุณ : edc (sneaker_p) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:00:20

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ เอกเขนกนอกบ้าน สปอยล์ 12Monkeys + Source Code เล็ก ๆ ผมเทียบแค่เรื่องการย้อนเวลาครับ อย่าง 12 Monkeys คือย้อนเวลาไป ทำอะไรบางอย่างในอดีตแต่ก็ไม่ได้ทำให้อนาคต (หรือปัจจุบัน) ในหนังเปลี่ยนแปลง แถมกลายเป็นว่าเพราะอนาคตไปยุ่งกับอดีตเลยส่งผลถึงปีที่บรูซ วิลลิสอยู่ ส่วน Source Code มันคือพระเอกต้องการทดสอบว่ามีมิติคู่ขนานจริงหรือไม่ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:02:23

ความคิดเห็นที่ 31 29 ผมเคยเจอก๊อปที่ jj ขนาดก๊อป ราคายังเป็นตำนานเลยครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:04:07

ความคิดเห็นที่ 32 ขนาด Hugo ยังมีคนว่าห่วยแตก  Back to the Future จะห่วยมั่งก็ไม่น่าแปลกใจ เคยเห็นกระทู้นึงคุยกันว่า timeline มันผิดจริงๆ จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่หนังสมัยก่อนอาจไม่พิถีพิถันเรื่องรายละเอียดเท่าสมัยนี้นะ โดยเฉพาะในทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:12:19 จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:11:47

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าผมบอกว่า theme หลักของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องข้ามเวลาล่ะครับ แต่ theme หลักที่แท้จริงของเรื่องนี้คือ "ครอบครัว" ครับ ส่วนอันนี้แถม wiki อธิบาย timeline ในหนัง Back to The Future ทั้งสามภาค http://backtothefuture.wikia.com/wiki/Back_to_the_Future_timeline http://visual.ly/back-future-timelines แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:16:34 จากคุณ : I'AM เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:15:50

ความคิดเห็นที่ 34 ก็นั่นแหละครับ ถึงจะย้อนเวลาเหมือนกัน แต่หนังมันคนละแนว(Genre) กัน เปรียบแล้ว Back to the future ก็เหมือนการ์ตูนชุดที่มีคนแสดงนั่นแหละครับ จะโม้ จะอ้างอิงอะไรก็ได้ครับ ภาคหนึ่งโม้ไว้ยังไง พอภาคสองจะโม้อีกทาง ก็ต้องหาเหตุผลอีกเหตุผลหนึ่งมาโม้แก้เหตุผลภาคหนึ่ง พบเห็นกันได้ทั่วไปครับ เพราะคนดูทำใจยอมรับตั้งแต่แรกแล้วว่ามันโม้ แต่ก็พร้อมจะสนุกไปกับมัน ปล.ที่ว่าโม้นี่ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะครับ หนังสนุกตามแนวทางของมันนั่นแหละครับ จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:16:42

ความคิดเห็นที่ 35 เราดูจบสามภาคไปนานแล้ว ก็ไม่รู้สึกสะดุด timeline อะไรนะ เพราะเข้าใจสมมติฐานของการย้อนเวลาและแก้ไขอดีตอย่างที่หนังต้องการจะให้เราเข้าใจ ก็มันเป็นหนังน่ะ อย่าเพิ่งเอาพาราด็อกซ์ "ฆ่าคุณปู่" มาเทียบกับหนังฮอลลีวู้ด ยกตัวอย่างอีกเรื่องคือ Frequency ที่พระเอกร่วมมือกับพ่อตอนหนุ่มๆ เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต พอแก้ไขได้เปลาะนึง อนาคตก็เปลี่ยนไปแบบที่คนอื่นเปลี่ยนไปหมดแม้แต่ความจำในเหตุการณ์เดิมก็ไม่เหลือ แต่พระเอกคนเดียวที่จำเรื่องทั้งหมดได้ ทั้งเรื่องเดิมและเรื่องใหม่ที่เป็นผลจากแก้ไขเหตุการณ์แล้ว ดูแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกสะดุดบทหนังแต่อย่างใด เพราะมันเป็นสมมติฐานที่หนังวางเอาไว้น่ะ ไม่ใช่เรื่องจริง (จะว่าไปแล้วเรื่องจริงๆ จะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้อีกนั่นแหละ เพราะยังไม่มีใครย้อนเวลาได้ จริงมะ? ) สรุปว่า Back To The Future I นั้นมีเสน่ห์ มันส์ และคลาสสิคมากกกกก ในความเห็นของเรา ส่วนภาคสองและสาม ยังไม่ประทับใจเท่ากับภาคแรก ว่าแล้วก็ถือโอกาสโปรโมตคลิปอันเลิศเลอซะ พิสูจน์จักรวาลกับ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง - เดินทางข้ามเวลา http://dai.ly/xTCpky จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:31:00

ความคิดเห็นที่ 36 ก็เพราะจขกท บอกว่ามันห่วยไง คือมันไม่ผิดหรอกที่คนเราจะชอบหนังไม่เหมือนกัน เพราะนิสัยต่างคนต่างใจ แต่ดีกับห่วยผมว่ายังไงก็แยกออก ถึงได้บอกไงครับว่าอยากดูหนังที่จขกท กำกับ อยากรู้ว่าหนังดีเป็นยังไง เพราะ เรื่องนี้ ก็แค่ IMDB ให้ 8.5 ได้ออสการ์ เข้าชิงอีกเพียบ ยอดคนดูถล่มทลาย ก็แค่นั้น ตัวเองชอบกินส้มตำไทย ดันไปกินตำลาวใส่ปลาร้า คนชอบทั้งบ้านทั้งเมือง ตัวเองกินปลาร้าไม่เป็น บอกตำห่วย ตรรกะป่วยมั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:34:55 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:32:45

ความคิดเห็นที่ 37 หนังเรื่องนี้เค้าก็ไม่เน้นความสมจริงด้านการย้อนเวลาตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ เพราะดั้งเดิมจริงๆ เค้าจะใช้ไทม์แมชชีนเป็นตู้เย็นด้วยซ้ำไป ปล.อย่างงี้ก็เท่ากับว่าโดราเอมอนเป็นการ์ตูนที่ไม่ดีสิครับ เพราะการย้อนอดีตของโดราเอมอนไม่ได้มีความสมจริงเลย จากคุณ : sneaker_p เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:34:57

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ Edna Mode สปอยล์ Frequency ใช่ครับ ผมก็พึ่งดู Frequency แต่เรื่องนี้ในทีวีต้นเรื่องตอนอธิบายเรื่องออโรร่า เขาพูดถึงว่าโลกเราอาจจะมี 10 - 11 มิติเลย ก็คือเข้าใจเรียบร้อยแล้วว่า หนังจะเล่นประเด็นหลายมิติ (แถมตอนโต๊ะค่อย ๆ มีรอยเขียนนี่ชัดเจนเลย) แล้วก็ Frequency เขียน timeline โอเคเลย (ถึงจะขัดใจว่า ในเมื่อเป็นอีกมิติ บางอย่างเปลี่ยน เช่นภรรยาสารวัตรตาย แต่ผลเบสบอลดันเหมือนเดิมก็เถอะ) จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:37:13

ความคิดเห็นที่ 39 ดูซ้ำมากที่สุดในชีวิตทั้ง 3 ภาค มีลูกก็จะให้มันดู สนุกมาก ดูแล้วอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ดูแล้วเริ่มอยากอ่านหนังสือ อยากรู้เรื่องข้ามกาลเวลา เป็นหนังที่เหมือน เพื่อน พี่ พ่อ แฟน ครอบครัว มั่วไปหมด ชอบมาก รักโคตรๆ จากคุณ : วิวเฟรโด้โกเมส ซานวาดอซานเชส เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:38:36

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่า จขกท. ไม่ควรตั้งกระทู้บอกว่าหนังห่วยนะ แต่ควรตั้งกระทู้ว่า สงสัยเกี่ยวกับTimeline ในหนังช่วงก่อนพระเอกย้อนเวลาตอนที่แม่เล่าว่า ตั้งชื่อพระเอกจากคนที่แม่หลงรักครั้งแรก ซึ่งหมายความว่า พระเอกน่าจะเคยย้อนเวลากลับไปเจอกับแม่ตัวเองแล้ว ทำไมโลกปัจจุบันกลับไม่เห็นเปลี่ยน แต่กับช่วงตอนที่พระเอกได้ย้อนไปแก้ไขอดีตร แล้วกลับมาเจอปัจจุบันที่เปลี่ยนไป อาจจะได้การตอบสนองในด้านบวก มากกว่านี้ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 20:40:34 จากคุณ : BREAKDOWN เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:39:50

ความคิดเห็นที่ 41 คุณเข้าใจผิดนะ เรื่องนี้มันเป็นเส้นเดียวกันนิ พระเอกไปเปลี่ยนอดีตโดยบังเอิญ ทำให้อนาคตเปลี่ยนไปด้วย ก็ที่รูปมันหายไปไง จึงต้องหาทางแก้ไขอดีตใหม่ ซึ่งไอที่แก้ไขมันดีกว่าเดิมทุกอย่าง เลยจบแบบแฮปปี้ ผมไม่ได้ดูนานแล้วแต่ประมาณว่า ที่เปลี่ยนคือ 1. พระเอกทำให้พ่อกล้าขึ้น พ่อกับแม่จึงรักกันโดยไม่ได้มาจากความสงสาร 2. นักเลงกลายเป็นลูกกระจ๊อก 3. เพื่อนข้างบ้านซื้อหุ้น yahoo จนรวย ดังนั้นเมื่อกลับไปอดีต แล้วมาปัจจุบันจึงเป็นปัจจุบันใหม่ ไม่ใช่ A+1 ปล. จขกท. เขียนได้เข้าใจยากมากก จากคุณ : เขียนบน iPhone (ความจำสั้นสันหลังยาว) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:50:13

ความคิดเห็นที่ 42 หลง..ตัวเอง.. จากคุณ : เขียนบน iPhone (apidol) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:52:20

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ 3. เพื่อนข้างบ้านซื้อหุ้น yahoo จนรวย อันนี้มันเรื่อง Frequency นี่ครับ อิอิ จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:54:32

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าจะถกกันทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องบอกว่ายังไม่มีข้อสรุปนะครับ และยังไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าถ้าย้อนเวลาได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น มันมี 2 แนวคิดหลักๆ คือ 1. ถ้าย้อนเวลาไปแล้วกระทำอะไรไปในอดีตก็จะมีผลถึงปัจจุบันด้วย อย่างเช่น ถ้ามีคนย้อนเวลาไปแล้วฆ่าพ่อของนาย A ก่อนที่นาย A จะเกิด ดังนั้นตัวนาย A ในปัจจุบันก็จะไม่มีตัวตนอีกต่อไป ตัวอย่างหนังที่ยึดหลักคิดนี้ก็เช่น Back to the Future, Terminator 2. ถ้าย้อนเวลาไปแล้วกระทำอะไรไปในอดีตก็มีผลเฉพาะอดีตเท่านั้น ไม่มีผลต่อปัจจุบันแต่อย่างใด ส่วนมากหนังจะเล่นกับแนวคิดแรกมากกว่า เพราะมันน่าสนใจกว่าและเปิดทางให้เล่นกับบทได้หลากหลาย จุดเด่นจริงๆ ของ Back to the Future จริงๆ น่าจะอยู่ที่การนำเอาเรื่องการเดินทางข้ามเวลามาดูเป็นเรื่องยาก มาอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น จากคุณ : udom_su เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 20:55:11

ความคิดเห็นที่ 45 จขกท.ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ออกแนวComedy  ไม่ใช่หนังdramaหรือหนังที่ต้องการความสมจริงสูง ที่ทุกอย่างต้องเป๊ะ หนังเรื่องนี้ต้องดูแบบสบายๆ สนุกไปกับเรื่อง มีอารมณ์ขัน คอยลุ้นไปกับตัวแสดง มันจะได้ความสนุกมากๆ และจะรู้สึกว่าหนังมันดี เหมือนที่คนส่วนใหญ่ที่ได้ดูเขารู้สึกกัน แล้วอีกอย่างการข้ามเวลามันก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง ไม่มีใครรู้แน่ๆว่าการข้ามเวลาจะส่งผลยังไง แต่ละคนก็จินตนาการกันไปเองทั้งนั้น ไม่แน่การข้ามเวลาที่แท้จริง อาจเหมือนหนังเรื่องนี้ก็ได้ จากคุณ : Salted Egg เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:00:16

ความคิดเห็นที่ 46 รายละเอียดลืมไปแล้ว เอาเป็นว่าหนังมันสนุกละกันครับและคนดูหนังทั่วโลกเขาก็คิดแบบนั้น ไม่งั้นรายได้มันจะถล่มทลายเหรอ คุณดูแล้วคิดว่ามันห่วยก็ช่างคุณเหอะ จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:08:08

ความคิดเห็นที่ 47 จขกท ไม่ชอบ ไม่สนุก แต่ผมคิดว่า ชอบ และสนุกครับ จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:09:10

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ  udom_su แบบแรกก็คือตามที่คุณว่า อาจนับเรื่อง Dejavu อีกเรื่อง แต่เรื่องนี้ผมว่า timeline แย่มาก เหมือนหนังจะสับสนในตัวเองด้วยซ้ำ ว่าจะอยู่มิติเดิมหรือเปิดมิติใหม่ แบบที่ 2 ส่วนมากคือ ย้อนไปอดีต ส่งผลถึงปัจจุบันและอนาคต แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงครับ เช่น 12 Monkeys, Time Traveler's wife จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:09:49

ความคิดเห็นที่ 49 #43 เออ ใช่ๆ 55 ตีกันมั่วไปหมด จากคุณ : เขียนบน iPhone (ความจำสั้นสันหลังยาว) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:11:39

ความคิดเห็นที่ 50 เคยดูโดราเอมอนปละหละครับ ถ้าไม่เคยดูก็คุยกันไม่รู้เรื่อง !!! จากคุณ : ZxCoy เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:16:52

ความคิดเห็นที่ 51 จขกท ควรจะระบุให้ชัดเจนครับ ว่าหนังดีสำหรับ จขกท ต้องมีคุณสมบัติยังไง ที่อ่านๆดู มันก็แค่โพสแสดงความเห็นส่วนตัวว่า หนังมันห่วยเพราะอธิบายเรื่อง timeline ในภาคแรกได้ไม่ตรงตามที่ จขกท ต้องการแค่นั้นเอง ส่วนคำถามที่ จขกท ถาม หนังเรื่องนี้ดียังไง คำตอบของผมก็คื ดูแล้วสนุกครับ เรื่อง time paradox อะไรนั่น ทำให้หนังมันดีด้วยซ้ำ เพราะทำให้ดูแล้วสนุก จากคุณ : nemoatlantis (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:18:25

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาลงชื่อในกระทู้หนังที่ชอบที่สุดเรื่องนึงของความทรงจำในวัยเด็ก รายละเอียดจำไม่ได้ จำได้แต่ความสุข ความสนุกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะภาคแรก จากคุณ : ฟ้าใส ในเงาจันทร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:27:35

ความคิดเห็นที่ 53 หนังสนุกมากทั้ง 3 ภาค เรื่องมันไม่ซ้ำกันเลย จากคุณ : padivarutda เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:30:09

ความคิดเห็นที่ 54 หนังเรื่องนี้สนุกมาก จากคุณ : Real Eminem เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:47:39

ความคิดเห็นที่ 55 ชอบเรื่องนี้มากครับ ดูในโรงภาพยนต์ โชคดีครับที่ผมไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมมากนัก เลยสนุกสนานคุ้มค่าราคาตั๋ว(น่าจะ50บาท....ในสมัยนั้น) ทุกวันนี้จับกีตาร์ขึ้นมายังเล่นIntro Johnny B.Goode ของ Chuck Berryอยู่เสมอๆครับ อยากทราบชื่อหนังดีในดวงใจของจขกท.จังครับผม......ผมว่าต้องเป็นหนังสารคดีแน่ๆ จากคุณ : miumi เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:56:40

ความคิดเห็นที่ 56 แอบเห็นแบทโมบิลภาค 1 ของคุณ ยัยกำปุ๊ ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังพอหาซื้อได้ไหม แบบว่าตามหามานานๆๆ มาก เน้นนะครับ ต้องของภาค 1 เท่านั้น (แบทแมน เวอร์ชั่นไมเคิลคีตัน) จากคุณ : Tetsu84 เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 21:59:20

ความคิดเห็นที่ 57 #56 Batmobile 1989 ขนาด 1:18 ของ Hot Wheels ตอนนั้นซื้อมา 1500 ครับ ตอนนี้ไม่มีขายแล้ว แต่ในอีเบย์น่าจะยังมีให้ประมูลหรือขายขาดอยู่ Hot Toys กำลังทำตัวใหม่ออกมาขาย ขนาด 1:6 ใหญ่กว่า ราคาก็ใหญ่ตาม ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นชัวร์ >< แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 22:09:41 จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:08:20

ความคิดเห็นที่ 58 #คห.7 "....ในภาคแรกไม่ได้พูดเรื่องมิติคู่ขนานเลยครับ เอาง่าย ๆ timeline A ปี 1985 แล้วมาร์ตี้ย้อนไปเจอพ่อแม่ปี 1955 เท่ากับว่าพ่อแม่ปี 1955 พอผ่านไป 30 ปีก็จะวนกลับมา timeline A ปี 1985 แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอีกแบบนึงในคืนเดียวแบบตอนจบได้อย่างไร นี่คือที่ผมถามครับ " ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราดูเมื่อซักสิบกว่าปีก่อนเราก็คิดว่ามันคือ Alternate timeline อยู่แล้วนะ ไม่ใช่ timeline เดิมน่ะ ถ้าจะเอารายละเอียดจริงๆ เราว่าเจอทฤษฎี Butterfly Effect แย้งเข้าไปอันเดียวหนังย้อนอดีตทุกเรื่องก็เน่าหมดแล้ว เหอๆ แค่ไม่เข้าใจวิธีตีความการข้ามเวลาและ timeline ของเรื่องก็มองว่าหนัง"ห่วย"แล้วเหรอเนี่ย หนังเขามาเป็นแพ็ค 3 ภาค สุดท้ายก็ได้อธิบายในภาคต่อๆมาไม่ใช่เหรอ ทำไมอธิบายช้าหน่อยก็ว่าห่วยซะแล้ว ใจร้ายจัง จากคุณ : pessimistic freak เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:12:29

ความคิดเห็นที่ 59 ผมว่าเรื่องนี้ปิดทุกจุดได้หมดแล้ว จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:18:47

ความคิดเห็นที่ 60 " มีใครดู Back to the Future แล้วรู้สึกว่าหนังมันห่วยแบบผมบ้างครับ" เท่าที่อ่านดูมาเกือบทุกความเห็นยังไม่มีใครเห็นด้วยกับจขกท.เลยครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคน ที่โตมาในยุค 80-90 รวมทั้งผมด้วย ยุคเราโตมากับอะไรแบบนี้แหละครับ ทั้งอี.ที. สตาร์วอร์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า เจมส์บอนด์ คนเหล็ก เจาะเวลาหาอดีต เรามีความสุขกับจินตนาการบริสุทธิ์แบบนี้แหละครับ จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:29:12

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ miumi นี่ครับ หนังในดวงใจ ไม่รู้ว่ามีสารคดีกี่เรื่อง http://www.imdb.com/list/DqGux4qey34/ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:29:50

ความคิดเห็นที่ 62 ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคนแหละครับ บางเรื่องในTOP100ของคุณ ผมยังดูไม่สนุกเลย แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 22:43:00 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 22:41:00 จากคุณ : sneaker_p เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:38:44

ความคิดเห็นที่ 63 จขกท พลาดแล้วครับ!!!!! ดันมาว่าหนังในดวงใจของคนหลายๆคน ผมว่าน้อยคนนะที่ดูหนังเรื่องนี้สมัยก่อนแล้วไม่ชอบ จากคุณ : flukekawa omega เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:49:37

ความคิดเห็นที่ 64 สรุป ไม่มีใครคิดแบบ จขกท เลย ง่ะ จากคุณ : ฉลาดหน้าตาดีมีเงินใช้ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 22:52:47

ความคิดเห็นที่ 65 ถึงหลักการไม่ตรงเป๊ะ มีข้อบกพร่องไปบ้าง แต่ หนังเรื่องนี้สนุกได้ใจเรามาก ดูแล้วอยากเป็น นักฟิสิกส์เลย เทียบจาก production ในยุคนั้น + theme หนัง cast และการแสดง ไม่น่าจะ โดนว่า ๆ ห่วยนะคะ จขทก แรงไปมั้ย จากคุณ : chinchang&jaejung เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:04:53

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นหนังที่เปิดโลกทัศน์ เรื่องการย้อนเวลาที่เราชอบมากสุด ตอนดูสนุกมากอ่ะคะ ไม่ได้สะดูดอะไร แต่ดูนานจนจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว จากคุณ : กะติ๊ด เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:06:38

ความคิดเห็นที่ 67 ฮ่ะๆๆๆ ใครที่บอกว่า เรื่องนี้คือหนังในดวงใจ โดยเฉพาะภาคแรก เดาได้เลยว่า เป็นชายหนุ่มจากปลายยุคโชวะกันทั้งนั้น (ยุคโชวะคือ1926-1989 คำนวนอายุกันเอง) ผมก็ชายหนุ่มจากปลายยุคโชวะเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 55 23:10:32 จากคุณ : chanwitpop เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:09:57

ความคิดเห็นที่ 68 1 ในหนังในดวงใจตลอดกาลของผมเลยครับ ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ จากคุณ : Sea Salt Ice-Cream เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:13:47

ความคิดเห็นที่ 70 #19 หนังย้อนเวลาไม่ใช่ว่าจะซับซ้อนหรือมั่วทุกเรื่องนะครับ ผมว่าใช้คำว่า หนังเกี่ยวกับ time travel ใช้กฏแตกต่างกันจะดูดีกว่า เพราะมนุษย์เราจะอธิบายสิ่งต่างๆ ด้วย fact/science ในเมื่อปัจจุบัน science ยังพัฒนาไปไม่ถึงการ time travel ดังนั้นส่วนใหญ่จึงอ้างอิงหลักวิชาการต่างๆ ตามที่ science ไปถึงแล้วเท่านั้น ซึ่งก็มีหลายทฤษฏี ไม่ว่าจะ wormhole, multiverse,branched timeline solution,FTL,etc อีกล้านแปด http://en.wikipedia.org/wiki/Time_travel http://en.wikipedia.org/wiki/Many-worlds_interpretation http://www.mjyoung.net/time/theory.html ผมขอสรุปใหญ่ๆ แล้วกันว่าหนังส่วนใหญ่มันเล่น 2 แนวแค่นั้น Theory/Question 1. If you could go back in time and try to alter an event, could it turn out that you can't change it and are actually only helping history along it's course? Theory/Question 2. Or could you go back in time and actually change the event, effectively creating a parallel universe, an alternate reality where events will now play out differently? หนัง time travel ไม่มั่วหรอกครับ เพียงแต่หนังอิงทฤษฏีไหนแค่นั้นเอง ตัวอย่าง back to the future อิง อัน 2 timecrime (หนังปี 2007) อิง อัน 1 จากคุณ : Tomorrow she must be my girl. เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 23:18:29

ความคิดเห็นที่ 71 เราว่ามันสนุกทั้ง3ภาคนะ ดูทั้งวีดีโอ แล้วก็  HBO ด้วย ไม่เบื่อนะ จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 00:00:01

ความคิดเห็นที่ 72 71 rep คนตอบราวๆ 60 คน เห็นด้วยกับจขกท "ศูนย์" เป็นอะไรที่น่าคิดครับว่าหนังมันห่วยอย่างที่คิดหรือไม่ แต่ก็ขอบคุณครับ เพราะมันทำให้ผมอยากกลับไปดูเรื่องนี้อีกรอบ หลังจากไม่ได้ดูมาเกือบยี่สิบปี แต่ link mthai พังซะแล้ว คงต้องหาโหลดเอาแฮะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 00:06:28 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 00:04:03

ความคิดเห็นที่ 73 ดูนานแล้ว จำได้ว่าสนุกมากกกกกก เจ้าของกระทู้คงรสนิยมแปลก จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 00:24:27

ความคิดเห็นที่ 74 หนังดูสนุกทั้งสามภาคครับ แต่ถ้าพูดเรื่อง timeline. ภาคสองมันอธิบายแบบแถๆไปนิดนึง ในขณะที่ภาค 1 กับ 3 อธิบายชัดเจนแล้ว ปัญหาภาค 2 คือหนังมันเดินเรื่องตามตัวเอกคือมาร์ตี้กับด็อกครับ เลยทำให้ตั้งแต่ฉากกลับมาปัจจุบันมันมั่วนิดนึง ซึ่งหนังก็อธิบายว่าบีฟทำไม่สำเร็จ เพราะมาร์ตี้ย้อนกลับไปป้องกันแก้ไขทัน อ้าว ถ้างั้นเมืองปัจจุบันที่อยู่สภาพเสื่อมโทรมมาจากไหน และมาร์ตี้เจอเมืองนี้ก่อนย้อยไปอดีตได้ยังไง (ถ้าคิดตามตรรกะที่ภาค1 วางไว้ เป็นไปไม่ได้เลย แต่หนังสร้างทฤษฏีใหม่ในภาคสองเพื่ออธิบาย แต่ถ้าเอาจริงๆแล้วคือแถครับ) ลองมองในมุมของบีฟภาคสอง โดยใช้ตรรกะเดียวกับมุมมองมาร์ตี้ในภาค1 นะครับ บีฟเป็นตาแก่ซอมซ่อ ย้อนอดีตกลับไปได้ 60 ปี เปลี่ยนแปลงอดีต แล้วกลับมาปัจจุบันของบีฟ ซึ่งมันจะต้องเป็นปัจจุบันที่เปลี่ยนไปแล้ว (ต่อยอดจากบ้านป่าเมืองเถือนที่มาร์ตี้กลับไปเจอ) เพราะทีมาร์ตี้ ภาคแรกกลับไปรบกวนอดีต กลับมาปัจจุบันโลกปัจจุบันเขายังเปลี่ยนไปเลย แต่หนังกลับให้บีฟกลับมาโลกปัจจุบันของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยจากตอนย้อนกลับไป ทำไมเหรอ เพราะหนังไม่ได้เล่าในมุมมองบีฟ แต่เล่ามุมมองของมาร์ตี้ที่ไม่รู้แม้กระทั่งรถตัวเองโดนขโมยไปใช้นั่นเอง จากคุณ : I'm wu เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 01:09:46

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำวัยเด็กเลยครับเรื่องนี้ จากคุณ : kickingbird เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 01:12:20

ความคิดเห็นที่ 76 คุณจขกท. แยกแยะระหว่าง Hard Sci-Fiction กับ Soft Sci-Fiction ออกไหม Hard Sci-Fiction คือ นิยายหรือหนังที่เน้นเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นความสมจริง มีทฤษฏีอ้างอิง  มีการแสดงผลกระทบของวิทยาศาสตร์ต่อประเด็นต่าง ๆ ในเรื่อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ 2001 Space Odyssey หรือ Contact ในขณะที่ Soft Sci-Fiction จะจับที่ประเด็นของวิทยาศาสตร์เพียงผิวเผิน บางครั้งมีการอ้างอิงทฤษฏีบ้างแต่ไม่ลงลึกในรายละเอียด บางครั้งก็เพียงแต่อ้างว่าถ้าสร้างเครื่อง A ขึ้นมาได้จะเป็นยังไง แต่ไม่มีการให้รายละเอียดเชิงลึก ว่าเครื่อง A ทำงานยังไง ตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ และจัดในกลุ่มหนังขึ้นหิ้งคือ The Time Machine, Star trek หรือ  Back to the future เป็นต้น อย่างที่บอกไปแล้วว่า Soft Sci-Fiction นั้นไม่ได้เน้นความสมจริงแต่ไปเน้นที่ผลกระทบว่าถ้าถ้าเกิด เหตุการณ์ A แล้ว B จะเป็นอย่างไร ดังนั้นการอ้างอิงทฤษฏีของแต่ละเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องยึดโยงให้ถูกต้องตรงกัน โดยเฉพาะ Back to the future นั้นจัดอยู่ในหมวด Action Sci-Fi Comedy จุดสำคัญของเรื่องจึงไม่ได้อยู่ที่ Time Line ของการย้อนเวลา แต่มันไปอยู่ที่ประเด็นที่ว่า จะเป็นอย่างไร ถ้าลูกชายย้อนอดีตกลับไปเจอกับพ่อแม่ก่อนที่พวกเขาจะรักกัน ทีนี้ในการวิจารณ์งานต่าง ๆ การที่คุณไม่เข้าใจในตัวสารที่หนังต้องการสื่อ(ในขณะที่คนส่วนใหญ่มาก ๆ ๆๆๆๆ เขาเข้าใจ) แล้วมาวิจารณ์ด้วยการบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ ห่วย เพียงเพราะคุณดูเนื้อหาแล้วไม่เข้าใจ จึงทำให้คนอื่น ๆ ที่เขาดูหนังเรื่องเดียวกับคุณแล้วไม่เห็นด้วยจึงได้เข้ามาแสดงความเห็นค้านกันอย่างเนืองแน่น จริงอยู่ที่ Back to the future อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะมองด้วยแง่มุมไหน ๆ หากไม่มีอคติจนเกินไปนักแล้วหละก็ Back to the future นั้นห่างไกลจากความเป็น "หนังห่วย" อยู่อีกหลายล้านปีแสง ----------------------------------------------------------- จขกท. อาจจะไม่ทราบว่า เรื่องนี้ สปีลเบิร์ก ประกาศว่าจะสร้างเป็น 3 ภาคมาตั้งแต่เริ่ม แล้วก็มีหนังอีกหลายร้อยเรื่องที่ไม่เฉลยเนื้อหาทั้งหมดในภาคแรก แต่ไปเฉลยหรืออธิบายขยายความในภาคหลัง จขกท. อาจจะแปลคำว่า To Be Continued....ไม่ออกก็เป็นได้ ถึงได้บอกว่า หนังเพิ่งไปเขียนบทให้อธิบายขยายความในภาคหลัง จขกท. อาจไม่ทราบว่า หนังเรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1985 หรือเมื่อ 27 ปีที่แล้วในยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ PC ให้ใช้ตามบ้าน ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักคำว่า Computer Graphic ภาพยนตร์เรื่องนี้คือแรงบันดาลใจของผู้คนในยุคสมัยนั้นอย่างเต็มเปี่ยม การลีดกีตาร์ของมาร์ตี้ สร้างนักดนตรีฝีมือดีขึ้นมากมาย บุคลิกนักวิทยาศาสตร์รั่ว ๆ ของเอมเมต บรานด์ คือต้นแบบของภาพนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องในหนังอีกหลายร้อยเรื่องในเวลาต่อมา ในยุคนั้นกีฬาสเก็ตบอร์ดเป็นอะไรที่เท่มาก ๆ จนเป็นแฟชั่นนักเรียนมัธยมใส่เสื้อแจ็กเก็ตมีฮู๊ดสะพายเป้ และถือกระดานสเก็ตบอร์ด รถบินได้ แผ่นกระดานโฮเวอร์บอร์ด ภาพรถวิ่งหายไปในถนนทิ้งไว้แต่รอยยางรถยนต์ที่มีไฟลุกเป็นทาง คือภาพติดตาที่ยังไม่เคยมีใครทำได้อย่างสมจริงขนาดนั้นมาก่อน ดังนั้นไม่ว่าหนังจะไม่ถูกจริตของ จขกท. แค่ไหน มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าหนัง ห่วย มากมายมหาศาลอยู่ดี ผมกลัวเหลือเกินครับว่าถ้าเกิดจขกท.ไปดูหนังอย่าง 2001 Space Odyssey หรือ Contact ขึ้นมา จขกท. จะบอกว่าเป็นหนังโคตะระบรมห่วยหรือไม่ ทั้งที่เรื่องเหล่านั้นต่างก็ได้รับเสียงเอกฉันท์ว่าเป็นภาพยนตร์ Sci-Fi ที่ดีที่สุดนับแต่มนุษยชาติได้สร้างมา จากคุณ : เหนื่อยนักก็พักก่อน เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 01:27:54

ความคิดเห็นที่ 77 หนังในดวงใจเรื่องนึงเหมือนกัน ไม่ได้ดูในโรงดูตอนช่อง3เอามาฉายตอนดึก ง่วงแค่ไหนตอนนั้นก็ถ่างตาดู จากคุณ : winpa เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 01:28:44

ความคิดเห็นที่ 78 เอาง่าย ๆ ผมไม่เชื่อเรื่องมิติคู่ขนาน หรือการย้อนเวลาแล้วไปทำอะไรบางอย่างแล้วจะส่งผลถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวในอนาคต ดังนั้นหนังเรื่องไหนเป็นแนวนี้ผมไม่ชอบหมด ถ้าเป็นหนังแนว Time Travel สำหรับผมคือการย้อนเวลาไปทำอะไรก็ตามจะส่งผลถึงอนาคต แต่ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงอนาคต ส่วนหนัง Sci-fi ที่ดีที่สุด คุณยก 2001 Space Odyssey กับ Contact ผมยังไม่ได้ดู แต่คิดว่าถ้าไม่เกี่ยวกับ Time Travel มันคงไม่ห่วยสำหรับผมหรอก จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:00:37

ความคิดเห็นที่ 79 ตกลงว่าคุณไม่เชื่อในแนวคิดหลักของหนังเรื่องนี้ คุณถึงได้มองหาจุดผิดพลาดของมันสินะ..อย่าลืมว่านี่คือหนังที่ฉายเพื่อความบันเทิง ไม่ใช่สารคดี มันไม่ได้เอามาจากข้อเท็จจริงทั้งหมด ..นี่คือจินตนาการของผู้่สร้างค่ะ จึงไม่แปลกที่จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ เชื่อและไม่เชื่อ ก็อาจจะถูกของคุณ (เราไม่ได้คิดตามหรอกนะ อ่านแล้วเวียนหัว) ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่เนียนหรือไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับไทม์ไลน์อะไรนั่น ..แต่คุณยอมรับใช่ไหมคะว่าหนังเรื่องนี้ก็ระดับตำนานเหมือนกัน ไม่งั้นคุณคงไม่ลุกขึ้นมาดูแล้วก็ฟุ้งได้ขนาดนี้หรอก จริงมั๊ย ดูหนังดูละครก็เพื่อความบันเทิง คิดมากไปปวดหัวได้เหมือนกัน.. จากคุณ : Neuschwanstein เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:24:30

ความคิดเห็นที่ 80 มันก็เป็นตำนานในช่วงยุค 80 90 แบบที่ความเห็น 76 อธิบาย แต่สำหรับผมมันไม่ใช่หนังคลาสสิกแบบ Godfather, 12 Angry Men หรือ Rear Window ที่ดูเมื่อไรก็ยังรู้สึกว่าเจ๋ง จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:29:54

ความคิดเห็นที่ 81 พอเหอะ! จบ ปิดกระทู้ ผมว่าตอนแรกๆ คุณ ก็ยังมีเหตุผลดีๆมาอธิบายอยู่นะ แต่พอคุณตอบไป ตอบมามันชักเลอะ จะกลายเป็นการเถียงเพื่อเอาชนะให้ได้ คุณต้องยอมรับความคิดต่างให้ได้ ไปๆมาๆ ไปโยงว่าหนังเรื่องนี้เป็นตำนาน อีกเรื่องไม่เป็นตำนาน มันผิดประเด็นที่คุณตั้งไว้ตอนต้นนะ ผมว่า เลอะเทอะมากครับ จากคุณ : porrunka เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:46:23

ความคิดเห็นที่ 82 "เอาง่าย ๆ ผมไม่เชื่อเรื่องมิติคู่ขนาน หรือการย้อนเวลาแล้วไปทำอะไรบางอย่างแล้วจะส่งผลถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวในอนาคต ดังนั้นหนังเรื่องไหนเป็นแนวนี้ผมไม่ชอบหมด" หลังจากใส่ จขกทไปเมื่อหัวค่ำ นึกไปนึกมาผมอคติไปรึปล่าวเนื่องจากเวลาที่ผมดู กับอายุจขกท ซึ่งไม่น่าเกิดทันยุคนั้น ความประทับใจมันไม่เหมือนกัน ผมเลยกลับไปนั่งดู back to จนจบเมื่อกี้สดๆร้อนๆ คิดว่าจะกลับมาอธิบายจขกท เผื่อมีตรงไหนไม่เคลียร์ พอเห็นประโยคนี้ จบเลย ไม่ต้องอธิบายแระ เอาง่ายๆแบบนี้ดีกว่าครับ พี่ชอบแบบไหนก็ว่าตามพี่เหอะครับ พี่เล่นตั้งธงไว้อย่างนั้นแล้ว ต่อปู่ของสปีลเบิร์ก  พ่อของจอร์จลูคัส หรือแม่ยายของทิมเบอร์ตัน มากำกับ ต่อให้บทโคตร พ่อ โคตร แม่ เทพยังไง คนอื่นจะประทับใจแค่ไหน  ลงว่ามันไม่ตรงตามพี่ตั้งธงไว้ หนังก็ห่วยหมดทั้งน้ัน  งั้นผมว่าที่ห่วยน่ะไม่ใช่หนังแล้วหล่ะ ส่วนตัวพี่ พี่พิจารณาตัวพี่เองแล้วกันครับ หนังหนงเรื่องไหนพี่ไม่ต้องไปดูหรอกครับ วนดูกับไอ้ ลิง12ตัว กับเมียนักเดินทางพี่ซ้ำไปซ้ำมาแล้วกัน เพราะถ้ามีหนังใหม่แนวนี้ออกมา แล้วไม่ตรงใจพี่ เดี๋ยวพี่ก็ออกมาบ่นว่ามันห่วยอีก แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 02:55:50 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:50:31

ความคิดเห็นที่ 83 อ้าว ก็เขาถามผมว่ายอมรับไหมว่าหนังเรื่องนี้เป็นตำนานหรือเปล่า ผมก็ตอบตามความเห็นผม ผิดยังไงล่ะครับ? ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:56:28

ความคิดเห็นที่ 84 Source Code ก็เป็นเรื่องอีกมิติหนึ่งนะครับ แต่ผมก็ชอบ Source Code มาก ไม่ใช่ว่าผมจะตั้งแง่กับหนังที่ย้อนเวลาแล้วไปเปลี่ยนแปลงอดีตซะหมด อาจจะเพราะ Source Code มันคือการย้อนเวลาไปแต่ไม่มาสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้ ย้อนเพื่อไปหาว่าใครคือผู้ก่อการร้ายเฉย ๆ แล้วมาถึงช่วงประเด็นที่พระเอกสงสัยทฤษฎีในใจ รูปจากทวิตเตอร์ Duncan Jone ผู้กำกับ Source Code ในทวิตเตอร์มีคนในนี้แปลไว้ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 02:59:20

ความคิดเห็นที่ 85 ว่าจะเข้ามายืนข้าง จขกท. ซะหน่อยว่า เห็นต่างก็ไม่เห็นต้องด่ากันก็ได้ อย่างบางคห.มาด่า จขกท. ว่า ไปกำกับเอง ไปเขียนบทเอง หรือ บอกว่า มีให้ดูก็ดูไปเหอะ อันนี้เป็นการแสดงความเห็นที่ไม่สร้างสรรค์เหมือนกันนะคะ ทุกคนก็มีสิทธิแสดงความเห็น และเห็นต่างได้ ถ้ามองเห็นช่องโหว่วของหนังหรือเพลง ก็มีสิทธิเอามาแชร์กันค่ะ ไม่ใช่บอกว่า มีให้ดูก็ดูไม่ก็ไปด่าเค้าว่า แน่จริงเขียนบทให้ได้ แน่จริงกำกับให้ได้ คห.พวกนี้ คงจะทำให้ จขกท. หงุดหงิดใจไม่น้อย... แต่พอเราอ่านมาถึงตรงที่คุณเริ่มบอกว่า ไม่เชื่อเรื่องมิติคู่ขนานเพราะงั้น หนังแนวนี้ = ห่วย งี้จขกท.ก็เหมารวมเหมือนกัน = ='' เพราะคุณตั้งธงแล้วว่าไม่เชื่อเรื่องนี้ ไม่ชอบแนวนี้ ตรรกะนี้ไม่มีจริง คุณจะดูสนุกได้ไง ต่อให้เขาเขียนไทม์ไลน์มาเพอร์เฟกต์ คุณก็คงไม่ชอบอยู่ดี เหมือนกับบอกว่า "ไม่เชื่อเรื่องผี เพราะงั้นหนังผีทุกเรื่องที่สร้างมามันห่วยหมด ไม่ชอบ ไม่เชื่อ" ซึ่งเราว่า มันวิบัติพอๆกับคนที่คอมเม้นคุณเลยอะค่ะ จขกท.​= ='' เราไม่เชื่อเรื่องผี แต่เราชอบหนังสยองขวัญนะคะ บริหารหัวใจดี เราไม่เชื่อเรื่องกรรม แต่เราชอบหนังที่สุดท้ายคนชั่วพ่ายแพ้เพราะมันทำให้เกิดกำลังใจในการใช้ชีวิต เราไม่เชื่อเรื่องทะลุมิติ แต่เราชอบหนังแนวทะลุมิติ วาร์ปข้ามโลก โลกคู่ขนาน เพราะมันเปิดไอเดียใหม่ๆดีค่ะ ถึงเราจะไม่คิดว่ามันจะทำได้จริง(อย่างน้อยก็ในยุคนี้) ก็ตาม ...สรุปตรูเข้ามาตอบยืดยาวทำไมฟร้า T_T จากคุณ : SICKHEART เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 03:02:32

ความคิดเห็นที่ 86 ผมเป็นคนตอบจขกทเองแหละครับว่าเรื่องให้ไปกำกับเอง แล้วก็มานั่งนึกว่าเออ เราพูดแรงไปหน่อย ไม่น่าทำอย่างนั้น เลย กลับไปนั่งดูหนังมาใหม่ กะว่าจะมาอธิบายดีๆ เจอ ข้อความพี่แก จบเลย ไม่ต้องอธิบายต่อ เงิบกันเป็นแถบ โธ่ตรู ไม่น่าเสียเวลาเข้ากระทู้นี้เลย จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 03:06:58

ความคิดเห็นที่ 87 จริง ๆ เป็นความผิดผมเองที่ใช้คำว่า "ห่วย" เพราะผมคิดว่าคงมีหลายคนเชื่อในเรื่องมิติคู่ขนาน รวมถึงหนังมันเป็นเรื่องของรสนิยมและประสบการณ์ ถ้าตัดเรื่อง Time Travel ในตัวหนังออกไป ผมไม่ได้ตำหนิความเป็น comedy ของหนังเลยนะครับ ผมพูดถึงแค่ประเด็น Time Travel กับ Timeline ในหนัง เพราะในช่วงปี 1955 ที่ไปเจอพ่อแม่ตอนวัยรุ่นผมก็ดูก็สนุกดี เพียงแต่สิ่งที่มันขัดแย้งอยู่ในใจผมเรื่องเดียวก็คือเรื่อง timeline และการเปลี่ยนแปลงอนาคตก็เท่านั้นเอง จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 03:09:07

ความคิดเห็นที่ 88 ที่ผมบอกว่า "เอาง่าย ๆ ผมไม่เชื่อเรื่องมิติคู่ขนาน หรือการย้อนเวลาแล้วไปทำอะไรบางอย่างแล้วจะส่งผลถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวในอนาคต ดังนั้นหนังเรื่องไหนเป็นแนวนี้ผมไม่ชอบหมด" มันจะได้ปิดกระทู้ไปเลยครับ เพราะผมเข้าใจหมดแล้วว่ามันไปอธิบายเรื่อง timeline ในภาค 2 และหนังหลายเรื่องอิงทฤษฎีมิติคู่ขนาน ผมก็เข้าใจแล้วว่าการผลักจอร์จไม่ให้โดนรถชนเท่ากับ timeline A ของมาร์ตี้หายไปจากชีวิตมาร์ตี้เกิดเป็นมิติที่ 2 และการกลับไปปี 1985 ก็คืออยู่ในมิติที่ 2 ตามทฤษฎีที่ว่าผมเข้าใจถูกแล้วใช่ไหมครับ? ส่วนประเด็นยิบย่อยเช่นการมีสองคนในช่วงเวลาเดียวกันตอนกลับไปปี 1985 ผมช่างมันละ จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 03:12:52

ความคิดเห็นที่ 89 หึหึ เจ้าของกระทู้เป็นคนที่ผมตามอยู่ในทวิตเตอร์แน่ๆ ดูจากอายุแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจ แล้วเพิ่งมาดูหนังเรื่องนี้ในตอนนี้แล้วด้วยไม่แปลกที่จะเอาบรรทัดฐานของหนังในยุคปัจจุบันไปเปรียบเทียบเชื่อว่าน้องคงพึ่งเริ่มดูหนังแบบจริงจังมาไม่น่าเกิน5-6ปี มาเริ่มในยุคของโนแลน ของวอน ของมานน์ ไม่แปลกที่จะได้อิทธิพลทางความคิดของหนังในยุคนี้ที่มักจะเน้นไปที่ตรรกะ ความหนักแน่นในเนื้อหาความสมจริงต่างๆ จนน้องอาจจะลืมประเด็นที่หนังต้องการนําเสนอจริงๆไป หนังเรื่องนี้อยู่ในยุคของสปิลเบิกส์ ของลูคัส ที่จะเน้นไปที่การสร้างจินตนาการและแรงบันดารใจให้แก่คนดู  เชื่อว่าถ้าน้องได้ดูหนังเรื่องนี้เร็วกว่านี้ซัก8-9ปีน้องจะรักหนังเรื่องนี้แน่ๆ จากคุณ : via iPhone (tarart) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 03:47:06

ความคิดเห็นที่ 90 ใช่ครับ พึ่งเริ่มดูหนังจริงจัง 4 ปีครับ Nolan Haggis Vaughn Mann Reitman ถ้าสปีลเบิร์กผมชอบแบบ Munich หรือ Minority Report มากกว่า ส่วนพวกจูลาสิก ปาร์คดูตอนเด็กก็ชอบ แต่ก็ลืมหมดแล้ว จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 04:27:48

ความคิดเห็นที่ 91 ชอบมาก ดูได้ไม่เบื่อ ในยุคนั้นมีหนังปีะมาณนี้มาโชว์Gadgetsก็โอมากแล้ว พัฒนาการหนังมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากคุณ : ตามนั้น (WhiteVinegar) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 04:32:33

ความคิดเห็นที่ 92 ในเมื่อไม่ชอบหนัง ก็ไม่เห็นต้องหาพวกเลยว่ามีใครไม่ชอบด้วยหรือเปล่า จากคุณ : AnnTenn เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 06:56:58

ความคิดเห็นที่ 93 ผมก็ไม่เชื่อเรื่องย้อนเวลามิติคู่ขนาน แต่ชอบดูหนังแนวนี้ และผมดู back to the future ฉายก่อนผมเกิดสองปี และมาดูตอนโตก็ไม่รู้สึกว่ามนัจะล้าสมัยตรงไหนเลย กลับรู้สึกหลงรักและหาซื้อ bluray มาครอบครองไว้ ปกติจะซื้อเฉพาะหนังใหม่ๆ และผมว่าทฤษฎีต่างๆในเรื่องนี้ก็แน่นพอสมควรคือ ดูเอาขำได้และจริงจังก็ได้ จากคุณ : popping เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 07:50:04

ความคิดเห็นที่ 94 ครับ มุมมองของเราต่อการดูหนังมันต่างกัน การเลือกเสพหนังสักเรื่องจุดมุ่งหมายในการตีความ ในการรับชมมันต่างกัน เคารพความเห็นเจ้าของกระทู้ แต่การจะประกาศว่าหนังเรื่องไหน ห่วย สักเรื่องนึง มันคงไม่ได้ห่วยหรอกครับ เพียงแต่อาจจะไม่ถูกจริตเรามากกว่า ... จากคุณ : filmzlap (Filmzlap) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 07:51:59

ความคิดเห็นที่ 95 หนังในดวงใจเลยนั่นน่ะ  -*- จากคุณ : อัตสึฮิเมะ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 07:56:41

ความคิดเห็นที่ 96 คนอยากจะมีชื่อเสียงมีสองด้าน ทำเองสร้างเอง กับ จับผิดคนอื่นสร้างตนเองให้ดัง บอกได้แค่นี้ จากคุณ : Himitsusentai เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:17:54

ความคิดเห็นที่ 97 #84 ภาพแปล Timeline ภาษาไทยเรื่อง Source Code ภาพนั้นผมทำเองแหละครับ อิอิ จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:00:08

ความคิดเห็นที่ 98 หนังไม่ห่วย แต่วัยรุ่นปัจจุบันซึ่งผ่านการดูหนังไซไฟมาเยอะๆอาจจะรู้สึกว่าหนังสมัย30ปีที่แล้วสร้างได้ห่วยจัง ทั้งๆที่มันก็เป็นไปตามเทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้ัน เหมือนที่เพิ่งดูอินเดียน่าโจนส์ที่ช่อง7เอามาฉายใหม่ ดูแล้วไม่ค่อยสนุก คงเป็นเพราะเราดูหนังผจญภัยกันมาเยอะมาก จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:16:34

ความคิดเห็นที่ 99 ๑. หนัง ๒. ทฤษฎี ทางวิทยาศาสตร์ จาก ต้นเรื่องของ จขกท. ประเด็นน่าจะเป็นเรื่อง ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามองทฤษฎีนี้ มีอยู่สองแนวทาง ๑. อดีตไม่สามารถแก้ไขได้ (time machine, terminator 1(เอาเฉพาะภาคแรกเท่านั้นนะครับ)) แนวคิดสนับสนุนคือ paradox (คุณเดินทาง้อนอดีต กลับไปฆ่าตัวคุณเองตอนเด็กได้หรือไม่ ถ้าทำได้ คุณตายไปแล้วตอนเด็ก แล้วใครมาเดินทางย้อนอดีต ... 5555 งงไหม) ๒. เกิด time line ใหม่(โดยส่วนตัวผมเรียก parallel universe เพราะผมเชื่อว่า time line เก่าก็ยังคงเดินต่อไป) คำอธิบายแนวคิดนี้ อยู่ในภาค2 ของ back to the future ซึ่งทั้งสองอัน ยังคงเป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่มีความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฎี ทั้งคู่ ผมว่า นิยาย และ แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ มันสนุกตรงนี้ล่ะครับ เพราะโดยแท้จริงแล้วมันเปิดกว้างหมด แม้แต่ผี หรือ วิญญาณ วิทยาศาสตร์ไม่เคยบอกว่าไม่มีนะครับ บอกแต่ว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ :D จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:38:56

ความคิดเห็นที่ 100 เข้ามาบอกว่า มันเป็นเรื่องโปรดของผม เป็นหนังที่ผมดูซ้ำบ่อยที่สุด ทั้ง 3 ภาคเลย (ไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง) เวลาดูหนังอยากให้มองเป็น หนังที่อธิบายแล้วง่ายต่อความเข้าใจ เป็นแฟนตาซี ครับ ไม่ใช่อธิบายเป็น Sci-fi จ๋า สรุปแล้วใครจะว่ายังไงก็ตาม เรื่องนี้ผมชอบมากครับ จากคุณ : nap62 เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:41:25

ความคิดเห็นที่ 101 เป็นหนังที่เราชอบมาก แต่เชื่อไหมว่า เราไม่เคยได้ดูภาค 3 เลย ขนาดทุยเอามาฉายกี่รอบต่อกี่รอบก็ไม่เคยได้ดูเลย ได้ดูแต่ 1 กับ 2 ทุกที T_T จากคุณ : kannasan เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:07:06

ความคิดเห็นที่ 102 เคยดูตอนช่อง3เอามาฉายหนังตอน4ทุ่มวันศุกร์ตอนเด็กๆ จำได้ว่าสนุกโคตรๆๆๆๆๆๆ เป็นหนังในดวงใจเลย จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อมาดูอีกเลย เพราะอยากเก็บความประทับใจสมัยเด็กไว้ตลอดไป ส่วนกระทู้นี้ก็...เข้าใจว่าใช้คำพูดผิดในหัวกระทู้นะ แต่อ่านไปอ่านมา ตรรกะจขกท.เริ่มแปลกๆครับ จากคุณ : รักเธออยู่แต่ก็รู้ว่าไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:13:59

ความคิดเห็นที่ 103 รู้ว่าหนังไม่ห่วยค่ะ ถ้าดูแบบไม่คิดเรื่องมิติคู่ขนานนะคะ ในภาค 1 เป็นเหมือนการแก้ไขอดีตพอกลับไปปัจจุบันทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในแนวโน้มที่ดีขึ้น จะจำได้ว่าอดีตส่งผลต่อปัจจุบันเสมอ ในตอนที่มาร์ตี้ลุ้นให้มีจูบแรกในงานพรอม เพราะถ้าพ่อกับแม่ไม่จูบกัน ตามคำเล่าที่แม่บอก ลูกๆ ทั้งสามคนก็จะไม่มีตัวตนเพราะพ่อแม่ไม่ได้รักกัน ตอนแรกพี่คนโตกับคนรองเริ่มเลือนหายไปจากรูป และมาร์ตี้ก็กำลังสูญสลายไป แต่พอพ่อแม่จูบกัน รูปก็กลับมาเหมือนเดิมน่ะค่ะ แล้วชีวิตต่างๆ ของครอบครัวนี้ก็ดีขึ้นเพราะพ่อมีความมั่นใจในตัวเองและบิฟ ก็ไม่กล้าหือกับพ่อพระเอกอีกต่อไปเหมือนแพ้ทางเสียความมั่นใจไปเลย และมันก็คล้ายๆ บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟคต์ในภาคต่อๆไปในแง่อื่นๆ อีก แต่เนื่องจากพระเอกเป็นพระเอกอ่ะน่ะ สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยว่าสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ไม่ใช่ยิ่งแก้ยิ่งเลวร้ายเหมือนในบัตเตอร์ฟลายเอฟฟเฟคต์ จนในที่สุดต้องแก้ไขคือย้อนไปตั้งแต่ต้นเป็นไม่รู้จักกันไปเลยจะดีที่สุด แต่เรื่องนี้สนุกค่ะ จำได้ว่าเอามาฉายกี่ครั้งก็มักจะนั่งดูไปเรื่อยๆค่ะ จากคุณ : prettynarak เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 11:16:09

ความคิดเห็นที่ 104 30 ปีที่แล้ว ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ต่างจากสมัยนี้ลิบลับ ความเข้าใจที่ยังไม่ถูกต้องนักก็ยังมีอยู่เยอะ  คิดได้แค่นี้ก็เจ๋งโฮก..กกกแล้ว   จากคุณ : Jaruad เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:00:36

ความคิดเห็นที่ 105 สนุกมากครับ แค่นั้น เป็นหนังไตรภาคที่เรียกว่าเป็นภาคเดียวเลยก็ได้ แค่เอามาแบ่งๆกัน ไม่งั้นดูรวดเดียวก้นชาพอดี 555 อย่าลืมว่าเรื่องนี้เป็นหนังเก่านะครับ ซึ่งสมัยนั้นความคิดในเรื่องคงล้ำมากๆ จากคุณ : โซดาสามน้ำหนึ่ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:39:27

ความคิดเห็นที่ 106 ได้ดูในสมัยนั้นนับว่าเรื่องนี้ล้ำมากเลยน่ะ :) แต่ถ้าดูในสมัยนี้มันคงให้ความรู้สึกที่ต่างกันอยู่บ้าง จากคุณ : กุบกับ1 เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:27:43

ความคิดเห็นที่ 107 สรุปว่าภาพยนตร์เรื่องใดที่ไม่ถูกกับจริตของจขกท. จขกท.จะจัดว่าอยู่ในชั้น "หนังห่วย" ไปในทันที จบข้าวครับ  เปล่าประโยชน์ที่จะถกประเด็นกัน  เพราะมีกำแพงของอคติชนิดคอนกรีตเสริมใยเหล็กอยู่ในใจ ซึ่งไปกั้นขวามถึงเหตุผล ก็แค่ตั้งธงเอาไว้ แล้วมาร้องหาพวก ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : เหนื่อยนักก็พักก่อน เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:14:26

ความคิดเห็นที่ 108 สำหรับผม ไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่จขกท.ซีเรียสอะนะ จำได้ว่า ตอนเด็กๆได้ดูภาค1 แล้วตาค้าง อ้าปากค้างเลย ยิ่งมาภาค2 ที่ไปอนาคต ปากยิ่งอ้ากว้างขึ้นไปอีก มาหุบได้ตอนภาค3 ที่ผมไม่ค่อยชอบ ไม่ถึงกับห่วยหรอกครับจขกท. สำหรับสิ่งที่คุณกล่าวมา ใช้คำว่า "ไม่สมเหตุสมผล" จะดีกว่านะ จากคุณ : Doomsday Specter เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:20:45

ความคิดเห็นที่ 109 หนังในดวงใจในวัยเด็กเลย จากคุณ : ไม่หมูนะครับ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:06:23

ความคิดเห็นที่ 110 ตกลงไม่มีใครรู้สึกว่าหนังมันห่วยเหมือนที่ จขกท.คิดเลยใช่มั้ย จากคุณ : padivarutda เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:08:29

ความคิดเห็นที่ 111 หนึ่งในหนังในดวงใจของผมครับ จากคุณ : ilovesassygirl เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:30:57

ความคิดเห็นที่ 112 หนึ่งในวิธีเรียกคนมาตอบเยอะๆ จากคุณ : ลูกผมชื่อน้ำเพชร เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:02:05

ความคิดเห็นที่ 113 อีกสิบปีข้างหน้้า วิทยาศาสตร์เปลี่ยนFACTอีก แนวหนังก็เปลี่ยนอีก คนรุ่นหลังก็จะมาบอกว่าหนังเรื่องนี้ห่วย ไม่สมจริง มันก็เป็นไปตามยุคสมัยของมันแหละนะ แต่ถ้าถามผม ไม่ชอบก็อยู่เงียบๆดีกว่า มาโพสต์สวนกระแสแบบนี้คำตอบเป็นยังไงก็รู้ๆอยู่ จากคุณ : Trisha Foster เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:54:48

ความคิดเห็นที่ 114 ยังหาซื้อ ดีวีดี ได้ไหมครับ พอดี ดูเกมแล้วสนุกมาก เลยอยากหาต้นฉบับดู จากคุณ : lucaman เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:20:18

ความคิดเห็นที่ 115 ปิดไปแล้วหรอฮ่าๆผมจะมาตอบสักหน่อย เอาเป็นว่าผมมาแถให้คนสร้างละกันนะครับดูหนังเรื่องนี้เป็น100รอบแล้วมั้ง ที่จขกท.บอกว่าการที่มาร์ตี้ผลักทำให้จอร์จไม่ได้เจอลอเลยทำให้ไปTimeline B ผมแถให้ผู้สร้างว่า กระบวนการจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญครับสำคัญเพียงแค่ ว่า จอร์จกับลอเรนได้แต่งงานกันพอครับและตอนจบลอเรนเองก็ได้บอกเองว่าถ้าไม่มีมาร์ตี้ก็คงไม่เกิดสิ่งแบบนี้ขึ้นถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเป็นTimelineใหม่แต่ผมมองว่ายังเป็นผลที่เหมือนกันดันนั้นเป็นอันเดิมครับ DOCเป็นคนบอกเองว่าปี1955คงเป็นปีที่สำคัญในเชิงการบรรจบกันของการเวลาดังนั้นถ้าอธิบายตามหนังการแต่งงานระหว่าง จอร์จกับลอเรนเป็นจุดสำคัญครับเป็นจุดสำคัญในประวัติศาสตร์อะไรประมาณนั้นเพราะถ้าจะเอาทุกจุดเป็นจุดสำคัญคงเกิดหลายTimelineการที่จอร์จต่อยบิฟได้เป็นการเปลี่ยนนิสัยของตระกูลMcflyทั้งตระกูลที่ครูใหญ่บอกว่าเป็นตระกูลขี้แพ้ดังนั้นทำให้เกิดเป็นพี่มาร์ตี้ที่ใส่สูทและพี่สาวที่ทำงานออฟฟิชแทนครับ ส่วนในภาค2 การที่บิฟแก่ย้อนไปปี1955ซึ่งผมได้กล่าวไปแล้วว่าเป็นปีสำคัญการที่ให้หนังสือกีฬาไปส่งผลให้ Timelineเปลี่ยนครับแยกออกมาเพราะหนังสือกีฬาซึ่งหนังสือกีฬานี้เองเป็น วัตถุสำคัญ ที่ทำให้เกิดดังนั้นต้องทำลายครับเพื่อให้ลบ Timeline ใหม่ออกไปออกไป เพิ่มเติมว่าหนังเรื่องนี้เป็นมากกว่าหนังSci-fiทั่วไปครับเพราะมีมีทั้งประเด็นครอบครัว นิสัยแย่ๆของคน การหลุดพ้น การพยายามเป็นคนที่ดีซึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตผมในวัยเด็กไปเลยทำให้ผมชอบจิตนาการหลายๆสังเกตุหลายๆอย่างในชีวิตที่จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนได้ ส่วนเรื่องการข้ามเวลา ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เยอะครับตามที่ คห.ก่อนๆได้พูดไปดังนั้นจึงหาสูตรตายตัวไม่ได้ หนังเรื่องนี้จึงเป็นจิตนาการอย่างนึงซึ่งไม่ควรจัดอยู่ในคำว่าห่วยครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 18:43:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 55 18:42:03 จากคุณ : A7X Rulzzz เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 18:27:03

ความคิดเห็นที่ 116 ๑. จะเข้ามาบอกว่าหนังสนุกมาก ทั้ง 3 ภาคเลยครับ ๒. ผมชอบคุณ "ยัยกำปุ๊ง" จากคุณ : sOuLSk8er เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:41:16

ความคิดเห็นที่ 117 Back To The Future เป็นหนังที่เราดูตั้งแต่เล็กๆคุณพ่อเปิดให้ดู ชอบมากเลยค่ะ เป็นหนังเก่าที่สร้างได้ดีเยี่ยม คลาสสิค และทำให้มีหนังแนวไทม์แมชชีนผุดตามมาอย่างกับดอกเห็ด เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราตามล่าหาสอยซื้อหนังเก่าๆของฮอลลีวูดมาดูประดับบ้านหลายเรื่องเลยนะคะ มันเหมือนแบบเก่าแต่ว่าเก๋าอ่ะค่ะ จากคุณ : Hollywoodgirl เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:11:49