วิเคราะห์ The Amazing Spider-Man (2012)
|
 |
“สมการอันไร้ความสมบูรณ์” ของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์
เกริ่นนำด้วยประโยคซ้ำซากที่ต่างใช้กันในทุกบทความ นั่นคือ การรื้อเครื่องรีบู๊ตสไปเดอร์ใหม่ของ โคลัมเบีย พิคเจอร์ ในครั้งนี้ต่างถูกเคลือบแคลงสงสัยว่าเพราะเหตุใด ? ที่กล่าวเช่นนี้เพราะหากนับเวลาของการรีบู๊ตใหม่จากภาคเก่าจวบถึงภาคปัจจุบันมีระยะห่างกันเพียง 10 ปีเท่านั้น และเหลือเพียง 5 ปีหากนับจากการออกฉาย Spider-Man 3 ภาคล่าสุด ในปี 2007 ข้อครหาสำคัญคือ แซม ไรมี่ หมดมุขแล้วใช่ไหมกับการสร้างจักรวาลของสไปเดอร์แมนให้ยืดยาวต่อไปในภาค 4 อย่างที่ควรเป็น เป็นเหตุที่ทำให้ทางสตูดิโอต้องหาหนทางที่จะทำให้ Spider-Man ยังคงปล่อยใยออกมาดูดทรัพย์เหมือน 3 ภาคก่อนหน้านี้ที่กวาดรายรับทั่วโลกไปเกือบ 2500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขที่มากล้นขนาดนี้ ผู้บริหารหน้าอิฐหน้าพรหมที่ไหน คงไม่กล้าปล่อยโปรเจคโกยรายได้ในครั้งนี้หลุดมือออกไปเป็นแน่ นี่จึงเป็นที่มาของการรีบู๊ตใหม่อย่างรวดเร็วของภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางรายได้ครั้งต้นๆของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลยทีเดียว
หลายสิ่งเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจนสุดท้ายหวยมาตกที่ผู้กำกับ มาร์ค เว็บบ์ ที่เคยฝากผลงานโรแมนติกคอเมดี้ (500) Days of Summer ไว้ในปี 2009 ผู้ที่จะมาสร้างจักรวาลของสไปเดอร์แมนขึ้นมาใหม่ ให้แตกต่างและคู่ขนานไปกับโลกใบเก่า โดยเน้นที่ตัวตนของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (แอนดรูว์ การ์ฟิล์ด) ในสมัยไฮสคูลเป็นแกนหลักของการยกเครื่องใหม่ในครั้งนี้
เป็นสิ่งแน่นอนที่มีหลายฝ่ายออกมากล่าวต่อต้านอย่างมีอคติในการรีบ-รีบู๊ตสไปเดอร์แมนภาคนี้ เพราะทุกคนเล็งเห็นแล้วว่าการสร้างเป็นดังเกมธุรกิจของผู้บริหารที่หวังต่อยอดกำไรของเก่ามาทำใหม่เพื่อหวังโกยทรัพย์ได้อย่างมหาศาล และหลายคนยังเชื่อว่าตัวหนังคงไม่มีทางไปไกลกว่าของ แซม ไรมี่ อย่างแน่นอน
จนกระทั่งเมื่อภาพยนตร์ได้เข้าฉาย สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกหนีไม่ได้คือการเปรียบเทียบกันระหว่างของเก่าและใหม่ แต่ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ชัดว่าภาคไหนที่เด็ดกว่ากัน เพราะผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างเสียงแตกออกจากกันอย่างสูสี แต่ถึงอย่างไร ความดั้งเดิมก็น่าจะเป็นอะไรที่จดจำได้มากกว่า มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีการเกิดขึ้นของภาคใหม่เป็นแน่
สำหรับผู้เขียนนั้นไม่สามารถหาเครื่องมือวัดใด ที่จะมาสรุปว่าภาคไหนชนะใครอย่างถ่องแท้ หากดึงดันที่จะกล่าวว่าภาคไหนเหนือกว่าใคร คงเป็นเพียงความรู้สึกเฉพาะตัวเพียงเท่านั้น มิได้เป็นมาตรฐานแกนกลางแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ปรากฏชัดระหว่างทั้งสองภาคมีจุดเด่นและเสน่ห์แตกต่างกันออกไป จึงอาจเรียกได้ว่า จักรวาลของสไปเดอร์แมนทั้งสองภาคนั้น เป็นจักรวาลคู่ขนานที่ไม่มีทางบรรจบกันได้ ไม่ว่าจะมีใครพยายามเทียบเคียงให้มันกลายเป็นโลกใบเดียวกันก็ตาม
--มีต่อ--
จากคุณ |
:
A-Bellamy
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 55 22:27:19
|
|
|
|