Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องย่อจบบริบูรณ์ คาแรกเตอร์ตัวละคร "มณีแดนสรวง" ติดต่อทีมงาน

“มณีแดนสรวง”
       
       บทประพันธ์ : พงศกร
       บทโทรทัศน์ : ณัชภีม
       กำกับการแสดง : คมกฤษ ตรีวิมล
       ผลิต : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
       แนวละคร : โรแมนติก - แฟนตาซี
       ออกอากาศ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.30 น. - 20.00 น. ทางช่อง 3
       ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม -
       จำนวนตอนออกอากาศ : - 20+ ตอน
       
       รัศมิชโลธร หรือ ชิโล(ซาร่า เล็กจ์) เป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เธอเป็นนางฟ้ารุ่นเด็กที่ยังต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในโลกมนุษย์และสวรรค์อีกมาก แม้จะเป็นธิดาหัวแก้วหัวแหวนของเทพบิดา(ทูน หิรัญทรัพย์) หนึ่งในสามสิบสองเทพผู้เป็นใหญ่แห่งดาวดึงส์ แต่รัศมิชโลธรก็ต้องไปเรียนหนังสือเหมือนกับเทพบุตรและเทพนารีองค์อื่นๆ เธอมีเพื่อนสนิทเป็นเทพบุตรหนุ่มรูปงามชื่อว่า อุ้มสม(บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ)

       ทั้งคู่ชอบชวนกันเล่นสนุก แกล้งเทพนารี เทพบุตรองค์อื่นๆ อยู่เป็นอาจิณ จนพระอาจารย์ต่างพากันเบื่อหน่าย แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรรัศมิชโลธร เพราะพ่อของเธอเป็นเทพที่มีอำนาจสูง วันหนึ่งหลังจากเรียนวิชาพรหมลิขิตเสร็จเรียบร้อย รัศมิชโลธรนึกสนุก ชวนอุ้มสม-เทพบุตรผู้เป็นเพื่อนสนิท แอบเข้าไปในห้องของพระอาจารย์เพื่อดูสมุดพรหมลิขิต แอบดูเนื้อคู่ของพวกมนุษย์ด้วยความซุกซน
       “อยากรู้นักว่าทำไมอาจารย์ถึงรู้ ว่าใครเป็นคู่กับใคร” รัศมิชโลธรบอกเพื่อน “ต้องมีบอกไว้ในสมุดปกหนังเล่มนั้นแน่ๆ”
       สมุดเล่มนั้นวางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง รัศมิชโลธรและอุ้มสมเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเห็น จากนั้นเทพทั้งสองก็ไปเปิดสมุดดูด้วยความตื่นเต้น ในสมุดเล่มนั้นจารึกชื่อผู้คนไว้มากมาย หลายๆ ชื่อมีเส้นใยบางๆ โยงเข้าหากัน นั่นคือสมุดที่บอกให้รู้ว่าใครเป็นคู่แท้กับใครนั่นเอง รัศมิชโลธรพบด้วยความบังเอิญว่า มีหญิงชายคู่หนึ่งกำลังจะแต่งงานกัน โดยที่จริงแล้วเขาทั้งสองไม่ใช่คู่แท้กัน นางฟ้าจอมซนเลยคิดว่าไม่ควรปล่อยให้คนทั้งสองได้แต่งงานกันไป เพราะอีกไม่นานก็จะต้องหย่ากันอยู่ดี
       ดังนั้นเธอเลยชวนอุ้มสมให้ลงไปล่มงานวิวาห์ของชายหญิงคู่นี้ด้วยกัน โดยรัศมิชโลธรจำแลงกายเป็นหญิงสาวสวย เข้าไปตะโกนในงานวิวาห์คัดค้านการแต่งงานระหว่างของ ร.ต.อ. ดรัณ(รณเดช วงศาโรจน์) และ สิริสุดา(ภัทราดา ยอดประสิทธิ์) จนทำให้งานล่มไปในที่สุด
       “แต่งไม่ได้ ฉันขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้” รัศมิชโลธรในร่างจำแลงตะโกนกลางโบสถ์ ท่ามกลางความตกตะลึงของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน “เพราะฉันกับเจ้าบ่าวเป็นกิ๊กกัน”
       อันที่จริงดรัณและสิริสุดาไม่ควรจะได้แต่งงานกันแต่แรกแล้ว เพราะดรัณเป็นนายตำรวจแห่งกองปราบปรามคดีพิเศษ ส่วนสิริสุดานอกจากเป็นนางแบบชื่อดังแล้ว เธอยังเป็นลูกสาวของ เจ้าพ่อทองทิว(ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) อีกด้วย พ่อของสิริสุดาเป็นเศรษฐีใหญ่ มีธุรกิจบ้านจัดสรรบังหน้า แต่เบื้องหลังมีธุรกิจที่ผิดกฎหมายมากมาย
       การที่ดรัณและสิริสุดาได้มาพบกัน เป็นเพราะ ผู้การดำเกิง(ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม) หัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษของกรมตำรวจ ต้องการล้วงความลับของนายทองทิว เพราะมีข่าวว่าเขากำลังจะส่งหญิงสาวจำนวนมากไปขายให้กับเศรษฐีทางตะวันออกกลาง ผู้การดำเกิงเลยส่งให้ชายหนุ่มมาตีสนิทกับสิริสุดา เพื่อสืบความเคลื่อนไหวของเจ้าพ่อทองทิว สืบไปสืบมากลายเป็นว่าดรัณเกิดหลงรักสิริสุดาขึ้นมาจริงๆ ถึงขั้นขอแต่งงาน
       หลังจากทดสอบดรัณอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่า ดรัณไม่ได้เปลี่ยนใจไปเข้าข้างกับนายทองทิว ผู้การดำเกิงจึงอนุญาตให้เขาแต่งงานได้ เพราะมั่นใจว่าดรัณเป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ ส่วนเจ้าพ่อทองทิวอนุญาตให้สิริสุดาแต่งงานกับตำรวจ ทั้งๆ ที่ไม่ชอบเลยสักนิด เป็นเพราะเขาอยากให้ทุกอย่างดูแนบเนียน เขาคิดว่าถ้ามีลูกเขยเป็นตำรวจ เรื่องที่สังคมครหานินทาเรื่องผิดกฎหมายของเขาคงจะหมดไปเสียที เพราะถ้าเขาทำธุรกิจผิดกฎหมายจริงๆ ล่ะก็ คงไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวแต่งงานกับตำรวจแน่ๆ
       เป็นอันว่างานวิวาห์ของดรัณและสิริสุดาก็ล่มไปตามแผนของรัศมิชโลธร ท่ามกลางความสงสัยของ ร.ต.อ. สการ หรือแซมมี่(พศุตม์ บานแย้ม) เพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว และ เอิงเอย เพื่อนเจ้าสาว ในวันงานหลังจากรัศมิชโลธรตะโกนคำว่า “แต่งไม่ได้” เสร็จ ก็วิ่งหนีออกจากโบสถ์ไป โดยมีสการวิ่งไล่ตามไปติดๆ แต่แล้วเธอก็กลับหายตัววับไปต่อหน้าต่อตาของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไร้ร่องรอย สร้างความประหลาดใจให้กับสการยิ่งนัก
       สการเป็นนายตำรวจหนุ่มหล่อ ปีที่ผ่านมาเขาเคยช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงจับไปขาย ปกป้องจนหญิงสาวผู้นั้นปลอดภัย เขาจึงได้รับการโหวตจากสภาสตรีให้เป็นแมนออฟเดอะเยียร์ ตอกย้ำความฮ็อตของเขาให้มากขึ้นไปอีก สการมีแฟนเป็นนักข่าวสาวชื่อ มัดหมี่(สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย) มัดหมี่เป็นคนจุ้นจ้าน ขี้หึง ชอบเข้ามาวุ่นวายกับสการบ่อยๆ จนทำให้หลายครั้งสการเสียงานเพราะความวุ่นวายของมัดหมี่ เมื่อเกิดเหตุการณ์กิ๊กมาถล่มงานวิวาห์ของดรัณ สามสาวคือสิริสุดา เอิงเอย(มณีรัตน์ คำอ้วน) และมัดหมี่ จึงรวมตัวกันเพื่อสืบหาหญิงสาวลึกลับคนนั้นให้จงได้
       สการกับดรัณเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เขารู้ว่าก่อนมาคบกับสิริสุดา ดรัณเป็นหนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้ มีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยมากมาย แต่สการไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เลยสงสัยว่าเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เมื่อไปดูภาพในกล้องวงจรปิด ก็พบว่าภาพงานวิวาห์ปกติมาตลอดจนกระทั่งรัศมิชโลธรมาปรากฏตัว กล้องก็สว่างวาบจนจับภาพอะไรไม่ได้ ภาพที่บรรดาแขกเหรื่อถ่ายเอาไว้ก็ไม่มีใครจับภาพของรัศมิชโลธรได้สักคนเดียว
       เจ้าพ่อทองทิวโกรธมากที่ลูกสาวถูกหักหน้า จึงใช้สมุนไปจับดรัณมาซ้อมอย่างเหี้ยมโหด สิริสุดาใจแข็งไม่ยอมไปเยี่ยม เพราะเธอยังไม่หายโกรธเขาที่ฉีกหน้าหล่อนกลางงานวิวาห์
       รัศมิชโลธรและอุ้มสมกลับไปยังดาวดึงส์ด้วยความรื่นเริง เพราะทำสำเร็จตามแผนการ แต่สิ่งที่เธอทำลงไปนั้นผิดกฎสวรรค์อย่างร้ายแรง เทพบิดาโกรธมากที่ลูกสาวใช้อำนาจทิพย์ไปเปลี่ยนชะตากรรมของมนุษย์ รัศมิชโลธรจึงถูกเทพบิดาลงโทษด้วยการส่งตัวลงมาเป็นมนุษย์เดินดินที่ไม่มีอำนาจวิเศษใดๆ ส่วนอุ้มสมถูกสาปลงมาเป็นนกแก้วพูดได้
       เทพบิดาจะคืนความเป็นทิพย์ให้รัศมิชโลธรและอุ้มสมก็ต่อเมื่อ เทพบุตรและเทพธิดาทั้งสองหาทางทำให้ดรัณและสิริสุดากลับมาแต่งงานกันได้เหมือนเดิม จึงจะได้รับอภัยและสามารถกลับไปอยู่สวรรค์ได้อีกครั้งหนึ่ง
       เทพมารดา และ รัศมิพรรณราย(ศิรประภา สุขดำรงค์) สงสารน้องสาวมาก จึงพยายามอ้อนวอนเทพบิดาให้ยกโทษให้รัศมิชโลธร แต่เทพบิดาไม่ตกลง เพราะสิ่งที่รัศมิชโลธรทำลงไปในครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าจะให้อภัยได้ เธอต้องถูกลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่เทพนารีและเทพบุตรองค์อื่นๆ แต่ด้วยความที่เป็นลูกรัก ไม่เคยถูกลงโทษสถานหนักเช่นนี้มาก่อน เทพบิดาเลยใจอ่อน ยอมมอบพรวิเศษสามประการให้รัศมิชโลธรสำหรับไว้ใช้ในยามคับขัน แต่มีข้อจำกัดว่าพรทั้งสามข้อ ห้ามใช้เพื่อทำให้ดรัณกลับมาคืนดีกับสิริสุดา ชายหญิงสองคนนั้นต้องกลับมาคืนดีกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของตัวเองเท่านั้น
       รัศมิชโลธรและอุ้มสมถูกส่งมายังโลกมนุษย์พร้อมกับดาวหาง ทุกอย่างอยู่ในสายตาของ อสุเรศ(ธนานน ตั้งไพบูลย์) อสูรร้าย พร้อมด้วย อัคราสูร(กรกฏ ธนภัทร) และ จิตราสูร(เฉลิมพร ฑิฆัมพร ธีรวงศ์) ผู้เป็นบริวาร
       อสุเรศกับรัศมิชโลธรเคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อน สมัยที่รัศมิชโลธรเป็นนางฟ้า เธอเคยแอบจำแลงกายเป็นมนุษย์ลงมาเที่ยวเล่นในโลก และถูกอสุเรศซึ่งแปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นมาเที่ยวเล่นบนโลกลวนลามเอา เธอโกรธอสูรร้ายมากที่ไม่เจียมตัว บังอาจมายุ่งวุ่นวายกับเทพนารีไฮโซอย่างเธอ ก็เลยสำแดงอิทธิฤทธิ์กล้อนผมอสุเรศเสียจนศีรษะล้าน เป็นที่อับอายแก่อสูรทั้งหลาย อสุเรศจึงผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้นมา เขาตั้งใจว่าจะหาโอกาสแก้แค้นรัศมิชโลธรให้ได้ในวันหนึ่ง
       โอกาสนั้นมาถึงอสุเรศเร็วเกินคาด อสูรหนุ่มเห็นรัศมิชโลธรถูกสาปเป็นมนุษย์ หมดสิ้นสภาพความเป็นทิพย์ จึงวางแผนกับลูกสมุนจะจับตัวเธอไปเป็นเมียและกักขังไว้ที่พิภพอสูรให้จงได้ อสุเรศเป็นลูกชายของจอมอสูร มีนางอสูรสาวๆ เป็นเมียมากมายอยู่แล้ว เมียเอกของอสุเรศก็คือ นางราคะ(มินทิรา งามทรัพย์มณี) นางโทสะ(มนัสวี กฤตานุกูลย์) และ นางโมหะ(ลิลลี่ แม๊คกร๊าธ) สามพี่น้องผู้ร้ายกาจ
       รัศมิชโลธรได้มาอยู่คอนโดหรูที่เทพบิดาเตรียมไว้ให้ เธอต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ ต้องทำกับข้าว ซักผ้า หุงหาอาหารด้วยตนเอง ไม่มีภาวะอิ่มทิพย์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป อุ้มสมเองก็ต้องเรียนรู้การเป็นนกแก้วพูดได้ พร้อมกันนั้นทั้งสองก็ต้องช่วยกันหาวิธีการให้ดรัณและสิริสุดากลับมาคืนดีกันให้ได้ ช่างบังเอิญอย่างมากมาย ที่ห้องพักของรัศมิชโลธรอยู่ชั้นเดียวกับห้องพักของสการโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยรู้มาก่อน
       ชโลธร หรือรัศมิชโลธร เริ่มสนิทกับ คุณนารี(อุทุมพร ศิลาพันธ์) มารดาของสการ เพราะมีห้องอยู่ตรงข้ามกัน คุณนารีอยากมีลูกสาว พอเห็นรัศมิชโลธรก็ชอบใจ เพราะหน้าตาเหมือนกับ หนูสโรชา ลูกสาวคนแรกของเธอที่เสียขีวิตไปเพราะจมน้ำตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ
       วันหนึ่งรัศมิชโลธรและคุณนารีไปเดินซื้อของด้วยกันที่ซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน จิตราสูรซึ่งเฝ้าแอบมองรัศมิชโลธรอยู่ตลอดเวลา สบโอกาสเหมาะจึงแปลงร่างเป็นคนมาฉุดตัวรัศมิชโลธร เพื่อพาเธอไปให้เจ้านาย แต่เรื่องราวกลับโกลาหลเพราะสิริสุดาและเอิงเอยบังเอิญผ่านมาพอดี เธอจำได้ว่ารัศมิชโลธรก็คือผู้หญิงที่บุกไปล่มงานวิวาห์ของเธอ สิริสุดาและเอิงเอยจึงพยายามจะเข้าไปพูดกับรัศมิชโลธรให้รู้เรื่องว่าเธอคือใคร เป็นกิ๊กกับดรัณตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาล่มงานวิวาห์ของสิริสุดาทำไม
       จิตราสูรกำลังกระชากแขนรัศมิชโลธร พยายามจะพาตัวไปก็พอดีกับที่สิริสุดาและเอิงเอยวิ่งเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดยืนยื้อยุดฉุดกระชากกันที่กลางถนนนั่นเอง คุณนารีเห็นเหตุการณ์ไม่เข้าที ก็พยายามจะเข้ามาช่วยรัศมิชโลธร คุณนารีถูกจิตราสูรผลักจนเสียหลักล้มลงไปบนถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งมาด้วยความเร็ว แต่แล้วก่อนที่รถบรรทุกจะวิ่งมาทับร่างของคุณนารีจนแหลกเหลวนั้น รัศมิชโลธรตัดสินใจใช้พรข้อแรกช่วยเหลือคุณนารีจนปลอดภัย
       จิตราสูรบาดเจ็บกลับไปพิภพอสูร ทำให้อสุเรศแค้นรัศมิชโลธรกว่าเก่า เขาสั่งให้สมุนทุกคนลงมือด้วยความรอบคอบ เพราะรัศมิชโลธรยังมีของดีคุ้มครองกายอยู่ ส่วนสิริสุดาและเอิงเอยกลับไปด้วยความงงๆ เพราะอำนาจของเวทมนตร์ทำให้สองสาวลืมว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเธอมายืนอยู่กลางถนนได้อย่างไร
       รัศมิพรรณรายรู้เรื่องที่อสูรร้ายจะมาจับตัวน้องสาวก็เลยร้อนใจ แอบเทพบิดาลงมาหาน้องที่คอนโด เธอนำสร้อยที่ทำมาจากแก้วสัตตพิธรัตนะจากดาวดึงส์ลงมาให้รัศมิชโลธรสวมติดกายเอาไว้ อำนาจของแก้วมณีจะทำให้อสูรร้ายไม่กล้าเข้าใกล้รัศมิชโลธร ก่อนจะกลับสวรรค์รัศมิพรรณรายยังขีดเส้นทิพย์ล้อมรอบห้องพักของน้องสาวเอาไว้ เส้นทิพย์นี้มีอำนาจสูง อสูรร้ายไม่สามารถก้าวข้ามเข้ามาได้ ตราบใดที่รัศมิชโลธรอยู่ภายในห้อง อสูรร้ายจะไม่สามารถทำอันตรายเธอได้เลย
       หลังจากคุณนารีบาดเจ็บ สการและดรัณจึงได้รู้ความจริงว่า เพื่อนบ้านคนสวย ใจดี แสนน่ารักที่คุณนารีพูดถึงบ่อยๆ ที่จริงแล้วก็คือสาวน้อยสิบแปดมงกุฎ คนเดียวกับที่ไปล่มงานวิวาห์ของ ดรัณนั่นเอง สการคิดว่าถ้าไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎชอบหลอกเงินผู้ชาย รัศมิชโลธรก็อาจจะเป็นเพียงเด็กสาวใจแตก เป็นเมียน้อยเสี่ย ไม่อย่างงั้นเธอไม่น่ามีเงินซื้อคอนโดหรูหราอยู่ได้แน่ๆ เขาพยายามสอบถาม หากรัศมิชโลธรไม่รู้จะสารภาพว่าอย่างไร สการไปที่สำนักงานคอนโดก็พบว่าบัตรประชาชนของรัศมิชโลธรเป็นบัตรประชาชนปลอม ในบัตรประชาชนเธอใช้ชื่อว่า “น.ส. ชโลธร ณ แดนสรวง”
       “ณ แดนสรวง” สการทำหน้าเหรอหรา เพราะไม่เคยได้ยินนามสกุลนี้มาก่อน เธอให้ ตรีชฎา(ศิรินุช เพ็ชรอุไร) เลขาร่างอ้วนลองค้นหาในฐานข้อมูลประชากรก็ไม่พบชื่อและนามสกุลนี้
       “คนเถื่อนแน่ๆ” ตรีชฎาจีบปากจีบคอ
       “อาจจะเป็นเจ้ามาจากทางเหนือ พวกเชียงตุง ไทใหญ่ หนีเข้าเมืองมาก็ได้นะ นามสกุลถึงไม่มีในระบบประชากรของบ้านเรา แถมฟังดูแปลกแบบนี้” สการว่า
       “เป็นไปได้ว่ะแซมมี่” ดรัณเห็นด้วยกับเพื่อน “มิน่าล่ะ ผิวของเธอถึงขาวผ่อง สวยยังกับทองทา”
       สการพยายามคาดคั้นเอาความจริงกับรัศมิชโลธรว่าเธอคือใครกันแน่ รัศมิชโลธรจึงตัดสินใจสารภาพความจริงให้สการฟังว่า เธอไม่ใช่สิบแปดมงกุฎ ไม่ใช่เจ้าไทใหญ่หนีเข้าเมืองมา แต่เป็นนางฟ้ามาจากดาวดึงส์ต่างหาก และที่เธอลงมาล่มวิวาห์ของดรัณ เพราะเห็นจากสมุดเนื้อคู่ว่าเขากับสิริสุดาไม่ใช่เนื้อคู่กัน เธอหวังว่าสการจะยอมเชื่อแล้วยอมช่วยเธอ ทำให้ดรัณกับสิริสุดากลับมาคืนดีกัน เธอและอุ้มสมจะได้กลับสวรรค์เสียที แต่รัศมิชโลธรคิดผิด เพราะนอกจากสการไม่เชื่อแล้ว เขายังคิดว่าเธอเพี้ยนไปอีกต่างหาก ตั้งแต่นั้นมาสการและรัศมิชโลธรก็ทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด
       มีเพียงคุณนารีเท่านั้นที่เชื่อรัศมิชโลธร วันหนึ่งที่สการออกไปทำงาน เธอกับรัศมิชโลธรตัดสินใจไปหาสิริสุดา เพื่อพูดให้เธอผู้นั้นเข้าใจ รัศมิชโลธรเชื่อว่า หากสิริสุดาเข้าใจว่าเธอกับดรัณไม่มีอะไรกัน สิริสุดาก็จะยอมกลับไปแต่งงานกับดรัณ และเธอกับอุ้มสมก็จะได้กลับสวรรค์เสียที แต่แล้วเรื่องราวก็กลับยุ่งเหยิงเกินคาด เพราะอัคราสูรสมุนของอสุเรศเฝ้าสะกดรอยตามรัศมิชโลธรมาโดยตลอด มันปลอมตัวเป็นลุงคนขับแท็กซี่รับคุณนารี อุ้มสม และรัศมิชโลธรขึ้นรถไป
       แต่แทนที่จะขับตรงไปตามทางที่คุณนารีบอก มันกลับพุ่งพารัศมิชโลธรลงไปยังพิภพอสูรที่อยู่ต่ำจากโลกมนุษย์ลงไป รัศมิชโลธรเห็นผิดท่า จึงพยายามต่อสู้กับอัคราสูร อัคราสูรไม่สามารถแตะต้องตัวรัศมิชโลธรได้ เพราะเธอมีสร้อยสัตตพิธรัตนะคุ้มครองกายอยู่ มันจึงจับตัวอุ้มสมไปแทน อัคราสูรสั่งให้รัศมิชโลธรถอดสร้อย ไม่เช่นนั้นมันจะฆ่าอุ้มสมเสีย แต่อุ้มสมยอมตาย ไม่ยอมให้รัศมิชโลธรถอดสร้อย แล้วในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั่นเอง รัศมิชโลธรก็ตัดสินใจใช้พรวิเศษข้อที่สองช่วยชีวิตของอุ้มสมเอาไว้ได้ อัคราสูรบาดเจ็บกลับไปยังพิภพอสูร ขณะที่คุณนารีได้เห็นกับตาว่ารัศมิชโลธรคือเทพนารีจริงๆ
       สิริสุดากลุ้มใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะใจจริงแล้วเธอยังรักดรัณอยู่ เอิงเอยเห็นเพื่อนเป็นทุกข์ เลยพาเพื่อนไปหาเทพธิดาตาทิพย์(ปวันรัตน์ นาคสุริยะ)เพื่อดูดวง
       “แม่นมากนะยะหล่อน” เอิงเอยคอนเฟิร์ม “ยังกะตาเห็น ใครๆ เลยเรียกว่าเทพธิดาตาทิพย์ไง”
       ปกติแล้วสิริสุดาไม่ค่อยเชื่อเรื่องหมอดู แต่ก็ยอมตามเอิงเอยไป เพราะดีกว่าอยู่เปล่าๆ เทพธิดาตาทิพย์เพ่งดูสิริสุดาแล้วถึงกับอึ้งกิมกี่ เธอเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานของสิริสุดา พยายามองก็เห็นรัศมิชโลธรแว๊บๆ แต่เมื่อพยายามเพ่งมองให้ละเอียดก็กลับไม่เห็นอะไร นอกจากรัศมีกระจ่างสว่างตา
       “นังผู้หญิงคนนั้นต้องเล่นของแน่ๆ ชั้นถึงมองหน้ามันไม่เห็น หน็อยแน่ะ”
       เทพธิดาตาทิพย์คิดว่ารัศมิชโลธรมีของดีคุ้มครอง ทำให้ตาทิพย์ของเธอมองอะไรไม่เห็น และของดีที่ว่านั่นก็คือสร้อยที่รัศมิชโลธรสวมอยู่นั่นเอง เทพธิดาจึงแนะนำให้สิริสุดาทำลายสร้อยของรัศมิชโลธรทิ้งไปเสียถ้าหากว่ามีโอกาส
       “สร้อยนั่นมีเวทมนตร์ทำให้ผู้ชายลุ่มหลง จงหาโอกาสทำลายมันทิ้งไป แล้วผู้ชายของเธอก็จะกลับมาหา”
       ดรัณเริ่มสนใจว่ารัศมิชโลธรเป็นคนแปลก เขาพยายามแวะมาหาเธออีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งสการจะคอยขัดขวางเสมอ จนมัดหมี่แฟนสาวเข้าใจผิด คิดว่าสการตกหลุมรักรัศมิชโลธร เธอไม่พอใจรัศมิชโลธรมาก พยายามหาทางกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง
       ในวันลอยกระทง ผู้การดำเกิงรู้มาว่านายทองทิวกำลังจะขนย้ายผู้หญิงจำนวนมาก โดยเอาผู้หญิงขังในตู้คอนเทนเนอร์ แล้วเอาขึ้นเรือไป ผู้การต้องการส่งสายลับผู้หญิงเข้าไปเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงพวกนั้น แต่บังเอิญสายลับที่ทำงานให้กับหน่วยคดีพิเศษมานานถูกนายทองทิวจับได้และฆ่าทิ้งไป ผู้การดำเกิงจำเป็นต้องหาผู้หญิงสักหนึ่งมาทำงานนี้แทน
       “แต่เธอคนนั้นจะต้องเก่งพอจะหนีเอาตัวรอดได้” ผู้การบอกกับสการและดรัณ
       สการนึกถึงรัศมิชโลธรขึ้นมาทันที เพราะเธอคนนั้นเก่งฉกาจ สามารถหายตัวไปได้ต่อหน้าต่อตาของเขา เธอต้องเอาตัวรอดได้แน่ เขาจึงเสนอรัศมิชโลธร และผู้การดำเกิงก็ตกลงทันที
       สการกลับมาบอกรัศมิชโลธร อธิบายให้เธอฟังว่าเขาทำงานอะไรอยู่ เขามีข้อแลกเปลี่ยนว่า ถ้ารัศมิชโลธรทำงานสำเร็จ เขาจะทำบัตรประชาชนที่ถูกต้องให้กับเธอ ยอมเชื่อว่าเธอมาจากดาวดึงส์ และจะช่วยให้ดรัณและสิริสุดามาคืนดีกัน รัศมิชโลธรรู้สึกทึ่งในงานที่สการทำ เธอตัดสินใจจะช่วยเขา ไม่ใช่เพราะต้องการจะให้เขาเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า แต่เป็นเพราะเธออยากช่วยชีวิตผู้หญิงมากมายที่ถูกหลอกไปขายต่างประเทศมากกว่า
       ขณะที่ทางโลกกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ดอกแคฝอยในดินแดนอสูรก็เริ่มเบ่งบาน บอกให้รู้ว่าถึงวาระของเทวาสุรสงคราม ที่เทวดาและอสูรกำลังจะสู้รบกันอีกครั้ง อสุเรศเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะจับตัวรัศมิชโลธรในตอนนี้ เพราะเทพบิดาของเธอจะต้องไม่มีเวลามาช่วยได้แน่ๆ แต่ปัญหาใหญ่คือ สร้อยสัตตพิธรัตนะที่รัศมิชโลธรสวมอยู่ เมื่อเธอมีสร้อยนั้น อสุเรศและบรรดาอสูรจะไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย นางราคะ โทสะ และโมหะสามพี่น้องจึงอาสาช่วยอสุเรศ โดยการเข้าสิงมัดหมี่ สิริสุดา และเอิงเอย ใช้มนุษย์ทั้งสามต่อกรกับรัศมิชลธรแทนพวกตน
       ถึงวันที่นายทองทิวส่งผู้หญิงไปขาย รัศมิชโลธรไปที่ท่าเรือตามแผนของสการและดรัณ สร้างความปั่นป่วนจนกระทั่งคนร้ายเกิดความสับสน ตำรวจที่ซ่อนตัวอยู่เปิดฉากยิงต่อสู้ ขณะเดียวกันสิริสุดา เอิงเอย และมัดหมี่ก็โผล่มาพอดี ทำให้เกิดผิดแผน เรื่องราววุ่นวายหนักกว่าเก่า สิริสุดาที่ถูกนางโทสะครอบงำ โกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตบตีกับรัศมิชโลธร กระชากสร้อยสัตตพิธรัตนะขาด และโยนทิ้งไปในทะเล
       สมุนของเจ้าพ่อทองทิวต่อสู้จนแพ้สการและดรัณ พวกมันตัดสินใจจุดชนวนระเบิดเพื่อสังหารให้ทุกคนตายไปพร้อมๆ กัน เป็นจังหวะเดียวกับที่อสุเรศปรากฏตัวขึ้น และกำลังจะฉุดตัวรัศมิชโลธรไป รัศมิชโลธรเห็นสิริสุดา ดรัณ และสการตกอยู่ในอันตราย จึงตัดสินใจใช้พรวิเศษข้อสุดท้ายช่วยเหลือสการ ดรัณ และสิริสุดา แทนที่จะใช้ให้ตัวเองปลอดภัยจากอสุเรศ ผลก็คือ สการ สิริสุดา และดรัณปลอดภัย แต่รัศมิชโลธรถูกอสูรร้ายจับตัวไปในที่สุด...
       คราวนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายใดๆ อีกแล้ว เพราะทั้งสการ สิริสุดา และดรัณ ต่างเห็นอำนาจทิพย์ของรัศมิชโลธรกับตาของตนเอง พวกเขาเชื่อแล้วว่าเธอเป็นนางฟ้ามาจากแดนสรวงจริงๆ แต่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว
       เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เทวดากับอสูรกำลังจะรบกัน อสุเรศจึงไม่สามารถพารัศมิชโลธรกลับไปยังพิภพอสูรได้ เพราะจอมอสูรจะต้องโกรธมาก เพราะเขามีหน้าที่ต้องช่วยทัพอสูรรบกับเทวดา แต่กลับมามัวห่วงเรื่องผู้หญิง อสุเรศเลยตัดสินใจพารัศมิชโลธรไปซ่อนตัวอยู่ที่ป่าหิมพานต์ก่อน รอจนกว่าเทวาสุรสงครามจะสิ้นสุด จึงค่อยพารัศมิชโลธรกลับไปยังพิภพอสูรอีกครั้ง
       ในที่สุดสการก็รู้ว่ารัศมิชโลธรเป็นนางฟ้าจริงๆ เขาเสียใจและกลุ้มใจมากไม่รู้ว่าเธอหายตัวไปไหน สการ ดรัณ เอิงเอย และสิริสุดา บากหน้ากลับไปหาเทพธิดาตาทิพย์ขอให้เธอช่วย เทพธิดาใช้พลังตาทิพย์เพ่งมองจนรู้ว่ารัศมิชโลธรอยู่ที่ป่าหิมพานต์ สการไม่รู่ว่ามนุษย์จะเดินทางไปหิมพานต์ได้อย่างไร รัศมิพรรณรายรู้ข่าวน้องสาวถูกอสุเรศจับตัวไปก็ร้อนใจลงมายังโลกมนุษย์ ช่วงเกิดสงครามระหว่างเทวดาและอสูร เทพทั้งหลายไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปไหนมาไหนได้โดยอิสระ รัศมิพรรณรายจึงไม่สามารถไปช่วยน้องได้ สการอาสาขอไปช่วยรัศมิชโลธรด้วยตัวเอง รัศมิพรรณรายตกลงใจส่งสการไปที่หิมพานต์ในที่สุด
       หิมพานต์เป็นดินแดนกว้างใหญ่ สการไม่รู้เลยว่าจะตามหารัศมิชโลธรได้ที่ไหน เขาคิดว่าเขาจะใช้หัวใจรักของเขาตามหาเธอให้พบ โชคดีตอนที่สการมาถึงหิมพานต์ เขาช่วยลูกครุฑตนหนึ่งไว้โดยบังเอิญ ลูกครุฑชื่อ ตรัสวิน(ด.ช. ชินพรรธน์ กิติชัยวรางค์กูร) กำลังจะถูกนาคจับกิน เมื่อสการช่วยเหลือเอาไว้ ลูกครุฑเลยสัญญาว่าจะช่วยสการเป็นการตอบแทน เขาพาสการออกตามหารัศมิชโลธรไปยังดินแดนต่างๆ สการช่วยเหลือวิทยาธรตนหนึ่งเอาไว้โดยบังเอิญ วิทยาธรตนนั้นเลยให้อาวุธสการมาสำหรับต่อสู้ป้องกันตัว พร้อมกับบอกว่ามีแมงมุมประหลาดมาปรากฏกายอยู่ในดินแดนของพวกกินรี ขอให้สการไปช่วยหน่อย
       ตอนแรกสการก็อิดออด เพราะเขาใจจดจ่อกับการช่วยเหลือรัศมิชโลธรเท่านั้น แต่ด้วยความที่ใจอ่อน เขาเลยตัดสินใจไปช่วยพวกกินรีจากแมงมุมปีศาจที่ชักใยอยู่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง สการต่อสู้กับแมงมุมร้ายโดยใช้พระขรรค์ที่ได้จากวิทยาธรจนเอาชนะแมงมุมร้ายได้ในที่สุด ขณะจะเดินกลับออกไป สการได้ยินเหมือนเสียงของใครร้องไห้ดังมาจากถ้ำ เมื่อเข้าไปดูก็ไม่พบอะไรนอกจากลูกหว้าขนาดใหญ่บนต้น เขามั่นใจว่าเสียงคนร้องไห้ดังมาจากในนั้น จึงปีนขึ้นไปใช้พระขรรค์ตัดลูกหว้าตกลงมา เมื่อลูกหว้าแตกออก ก็ปรากฏว่ารัศมิชโลธรถูกจับขังอยู่ในนั้นนั่นเอง และแมงมุมร้ายที่ชักใยอยู่หน้าถ้ำก็คือสมุนอสูรของอสุเรศ
       อสุเรศและบริวารอสูรถูกจอมอสูรกักบริเวณ เพราะเที่ยวไปก่อความเดือดร้อนจนเกือบจะเกิดเรื่องใหญ่ อสุเรศหมดโอกาสที่จะมารังควานรัศมิชโลธรอีกต่อไป และตรัสวินก็ช่วยให้รัศมิชโลธรและสการเดินทางกลับโลกมนุษย์ได้ในที่สุด
       ระหว่างเกิดเหตุร้ายกับเจ้าพ่อทองทิว สิริสุดาถึงกับช็อค ไม่คิดว่าเบื้องหลังของพ่อจะมีอาชีพค้ามนุษย์ เธอรู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นายทองทิวหนีออกนอกประเทศ ทิ้งให้สิริสุดาต้องตอบคำถามสื่อและหนังสือพิมพ์ สิริสุดาเฟดตัวหายไปจากวงสังคม บรรดาเพื่อนฝูงที่เคยคบหารวมทั้งมัดหมี่ต่างพากันตีตัวออกห่าง สิริสุดาได้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ ในขณะเดียวกันดรัณก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี จนทั้งสองเข้าใจกัน และกลับมาแต่งงานกันในที่สุด โดยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองคน ไม่มีใครบังคับ
       เทพบิดาทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ได้เห็นจิตใจอันงดงามของรัศมิชโลธรที่ใช้พรวิเศษไปในการช่วยเหลือผู้อื่นทุกครั้ง แทนที่จะเป็นตนเอง อีกทั้งดรัณและสิริสุดาได้กลับมาคืนดีกันเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงถอนคำสาปให้กับรัศมิชโลธร และอนุญาตให้เธอและอุ้มสมกลับสวรรค์ได้ แต่มาถึงตอนนี้เธอกลับไม่อยากกลับสวรรค์เสียแล้ว รัศมิชโลธรเพิ่งรู้ตัวว่า ที่จริงแล้วเธอรักสการ และสการก็รักเธอมาก รัศมิชโลธรตัดสินใจไม่กลับดาวดึงส์ แต่ขออนุญาตเทพบิดาใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์อยู่กับสการ ดูแลกันและกัน ต่างชวนกันทำความดีและช่วยเหลือสังคมจนสุดความสามารถ
       ตอนแรกเทพบิดาไม่เห็นด้วย หากรัศมิพรรณรายและเทพมารดาช่วยกันขอร้องจนเทพบิดาใจอ่อนและเห็นใจรัศมิชโลธรในที่สุด อุ้มสมกลับไปที่ดาวดึงส์เพียงผู้เดียว เขามีโอกาสได้เห็นสมุดพรหมลิขิตแล้วก็ต้องประหลาดใจ ที่ได้เห็นว่าสการและรัศมิชโลธรเป็นคู่แท้กันมาหลายชาติภพแล้ว
       เวลาในโลกมนุษย์ ๑๐๐ ปี เท่ากับเวลาสวรรค์ไม่กี่นาที รัศมิชโลธรหวังว่าเมื่อเธอและสการหมดอายุขัยในโลกมนุษย์แล้ว ทั้งสองก็จะได้กลับไปที่ดาวดึงส์ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

ที่มา :: http://www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000085515

 
 

จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก
เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 23:57:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com