จากนักแปลสู่งานครีเอทีฟ
ด้วยเพราะจบคณะอักษรศาสตร์ เอกบาลี-สันสกฤต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ป๋อมแป๋มจึงเริ่มทำงานในสายงานนักแปล ทำตำแหน่งนักบัญญัติศัพท์ของบริษัทพัฒนาโปรแกรมแปลอัตโนมัติมาก่อน คลิก กับงานครีเอทีฟ
ทำงานแปลตั้งแต่ก่อนเรียนจบ พอจบแล้วก็ทำอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนมาทำงานอีเว้นท์ในตำแหน่งประสานงานแต่เราก็ยังรู้สึกไม่ชอบ ช่วงนั้นแกรมมี่เขาต้องการครีเอทีฟหน้าใหม่มาทำรายการ Five Live พอดี เราก็เข้ามาคุยกับเจ้านายตอนนั้น เขาก็ให้งานกลับมาทำ 3 ชิ้น คือ ให้เขียนสปอตโฆษณา 1 ชิ้น สร้างสรรค์รายการ 1 รายการ และให้เขียนสคริปต์ 1 รายการ เขาก็คงเห็นว่าน่าจะไปกันได้ก็เริ่มทำงานเดือนกันยายน ปี 45 ช่วงที่รอเริ่มรายการ Five Live เราก็ไปช่วยน้าเน็กทำรายการเกมฮอตเพลงฮิตก่อน เทปแรกที่ทำคือเขียนสคริปต์ให้ใหม่ เจริญปุระ ผลตอบรับคือมันตลกและสนุกมาก
การเป็นเด็กอักษรอาจจะเป็นอุปสรรคบ้างกับงานโทรทัศน์ แต่การลองผิดลองถูกเรียนรู้จากประสบการณ์ ความขยัน ประกอบกับทัศนคติในการทำงานที่ตรงกับองค์กร ทำให้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวค่อยๆ ถูกปล่อยออกมา
ช่วงแรกๆ เรามีปัญหากับเทคนิคเพราะเราไม่ได้เรียนนิเทศศาสตร์มา อย่างเวลาไปนั่งคุมตัดต่อ เราช้ากว่าเขามาก อักษรศาสตร์จะเรียนเล่าเรื่องผ่านข้อความ แต่นิเทศศาสตร์โดยเฉพาะทีวีเป็นการเล่าเรื่องผ่านภาพซึ่งเป็นรหัสที่เราไม่คุ้นเคยกับมันเลย แรกๆ ก็จะมีการทำงานแบบเด็กอักษรคือใช้สคริปต์นำ เรื่องราวที่จะเล่าจะผ่านปาก ไม่ได้ผ่านภาพ ถ้าคนเรียนนิเทศฯมาจะเรียนรู้ได้เร็ว และคุ้นเคยกับการทำงานผ่านสื่อโทรทัศน์ ซึ่งเราค่อนข้างใช้เวลา
แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่ป๋อมแป๋มเป็นคนชอบดูทีวีตั้งแต่เด็ก เลยคิดว่าว่าคนดูอยากดูอะไร คิดแทนคนดู เอาตัวเองไปอยู่นอกทีวี แล้วเราเสนอไอเดียอะไรไปมันค่อนข้างตรงกับแนวทางของคนที่นี่ก็เลยค่อนข้างไปได้เร็ว พอทำงานไปแล้วผลงานออกมาได้รับคำชม มีผลตอบรับในทางที่ดี เราก็เกิดความฟูในใจขึ้นมานิดหนึ่งว่าเราก็ทำได้นี่นา แล้วก็โดยอัตโนมัติว่าอยากทำให้ดีขึ้นไปอีก เหมือนกับเราเพิ่งพบศักยภาพของเราว่าเราทำได้ ก็จะทำต่อและอยากทำให้ดีขึ้นไปอีก
จากคุณ |
:
^yodelly^
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ค. 55 07:35:55
|
|
|
|