ความคิดเห็นที่ 1 เปิดตัวเข้ามาใน อันดับ 10 กับหนังใหม่ แอนิเมชั่นที่ไม่ค่อยจะสดใสซักเท่าไหร่ อย่าง The Prodigies แอนิเมชั่นไซไฟจากแดนน้ำหอม (และร่วมทุนอีกจากหลายๆ ชาติ) ดัดแปลงจากนิยายาวิทยาศาสตร์ เรื่องราวของก๊วนเด็กพลังพิเศษ ผู้ผ่านการทดสอบจนได้มารวมกลุ่มกัน แต่ด้วยความแค้นที่มีต่อมนุษย์สะสมอยู่ ทั้งหมดจึงรวมพลังที่จะ “เอาคืน” กับพวกมนุษย์บ้าง โดยมีพระเอกของเราที่จะต้องมาหยุดหายนะในครั้งนี้ แม้หนังจะมีดีกรีนิดหน่อย ตรงที่ได้ไปฉายในเมืองคานส์ แต่ตัวหนังเองก็ได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย จากคนดูทั้งในบ้านเกิดเอง และประเทศอื่นๆ ไม่ต่างกับบ้านเรา ที่ส่วนใหญ่แทบไม่รู้ถึงการมาของหนังเรื่องนี้เช่นกัน ทำให้สุดสัปดาห์แรก หนังเปิดตัวไปแบบน้อยนิด เพียง  1 แสนบาท เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อยระดับเงียบเหงาเลยก็ว่าได้ แม้หนังจะฉายแบบจำกัดเครือ(เฉพาะเมเจอร์) แต่โรงฉายที่ได้ก็ไม่ค่อยน้อยซักเท่าไหร่ (เกือบ 20 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมาไม่ถึงหมื่น!!! แต่รอบฉายแต่ละโรงก็อยู่ราวๆ สองรอบเท่านั้น) ซึ่งก็คงเป็นไปตามคาดสำหรับค่าย (แต่ก็คงไม่อยากให้เป็นหรอก!) สำหรับแอนิเมชั่นที่ไม่ค่อยมีชื่อเช่นนี้ การจะให้ไปเทียบกับบรรดาฮอลลิวู้ดขาใหญ่ก็คงจะเป็นการใจร้ายเกินไป แต่ก็อีกนั่นแหละ บรรดาแอนิเมชั่นจำกัดโรงในบ้านเราหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ได้ไก่กากันซะหน่อย! ดูอย่างเรื่องก่อนหน้าก็คือแอนิเมชั่นจากค่ายขวัญใจคอเมะ อย่าง From Corn Poppy Hill ที่แม้ว่าจะไม่แฟนตาซีเหมือนเรื่องก่อนๆ แต่ก็เรียกแฟนๆ ได้ไม่น้อย จากโรงเดียวไปถึง 2 แสนบาท หรืออีกเรื่องก็ยังคงเป็นเมะจากฝั่งยุ่น(ที่กำลังเครื่องร้อนทั้งคู่) อย่าง Toriko 3D & One Piece 3D แม้จะได้โรงมากกว่าอีกนิด(3 โรง) ก็ยังคงเก็บเงินไปได้ค่อนข้างดี ที่ 3 แสนบาท ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น แอนิเมชั่นสามมิติจากจีน อย่าง Legend of a Rabbit ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้รับอิทธิพล, ทีมงานมาจากหนังเรื่องไหน! เอาเป็นว่าได้เข้าฉายเพียงโรงเดียว แต่ด้วยกระแสเงียบเชียบสุดๆ เลยทำเงินไปแบบหดหู่เพียง 1 หมื่นบาท! โปรโมตน้อย, แนวหนังหม่นเกินไปสำหรับกลุ่มเป้าหมาย แถมยังต้องมาชนกับยักษ์แนวเดียวกัน.......งานนี้ ก็เลยต้องจ๋อยไปตามระเบียบล่ะครับ!! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:30:04

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับ 9 ยังคงเป็นหนังใหม่อีกเช่นกัน แต่คราวนี้ เปลี่ยนแนวมาเป็นหนังคนแสดงกันบ้าง กับดาร์กคอมเมดี้ ชื่อสั้นๆ ว่า Seeking a Friend for the End of the World (ประชด!) ผลงานการกำกับของผู้กำกับสาวหน้าใหม่ ที่ได้ดารา “ตัวพ่อ”ตลกหน้าตาย และ “ตัวแม่”หนังย้อนยุค อย่างสตีฟ คาร์เรล และ คีร์ร่า ไนท์ลีย์ มาควงคู่เดินทางกันไปทำภารกิจของตน ในวันที่โลกกำลังจะแตก!! งานนี้ก็คงเต็มไปด้วยสถานการณ์ขบขัน(??) อบอวลไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก ดึงดูดคอหนังที่กำลังเซ็งๆ หนังฟอร์มใหญ่ได้เป็นอย่างดี สัปดาห์แรก หนังจึงเก็บไปแบบสบายๆ ที่ 1 แสนบาท ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร แต่สถานการณ์ต่างจากอันดับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เพราะหนังเข้าฉายเพียง 2 โรงเท่านั้น! (เฉลี่ยต่อโรงอยู่ที่ 5 หมื่นบาท ก็ถือว่าโอเคอยู่) จะเทียบกับหนังแนวคล้ายๆ กัน(แบบจำกัดโรงหน่อย)ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน ทั้งหนังก่อนวันโลกแตก แต่จิตตก ของผู้กำกับป่วนคานส์! อย่าง Melancholia แม้จะมี(อดีต)หวานใจแมงมุม อย่างเคิร์สเทน ดันสท์ มาช่วยเรียกคนดู (แบบขายฝีมือ) แต่แนวหนังก็ไม่อำนวยต่อคนดูวงกว้างซักเท่าไหร่ เปิดตัว 3 โรงไปที่ 2 แสนบาท ในสัปดาห์เดียวกับเรื่องข้างบนก็มีหนังตลกร้ายขวัญใจหลายๆ คนเปิดตัว อย่าง 50/50 ที่เล่นเรื่องของคนในช่วงก่อนจะตายเช่นกัน(แต่เป็นมะเร็ง) แม้จะได้โรงน้อยกว่าเรื่องบน (2 โรง) แต่กลับเปิดตัวไปได้ไม่เลวทีเดียว ที่ 4 แสนบาท มาดูในส่วนของเครดิตของคู่พระนางกันบ้าง เริ่มจากตลกหน้าตาย เฮียสตีฟ คาร์เรล ที่ยังไม่มีหนังฮิตในบ้านเราซักเท่าไหร่(ในเครดิตนำเดี่ยวอ่ะนะ!) เรื่องก่อนหน้าก็คือหนังตลกรีเมค อย่าง Dinner for Schmucks ที่กระแสตอบรับในอเมริกาก็ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ในบ้านเราก็มาแบบแผ่วๆ ฉายไปแปดโรง ก็เปิดตัวไปแบบอ่อยๆ ที่ 4 แสนบาท เถิบไปอีกหน่อยก็คือหนังสุดเปรี้ยงในบ้านเกิด แต่มาแต่เสียงนะ! ใน Despicable Me ก็เปิดตัวไปตามประสาแอนิเมชั่นค่ายยังไม่ค่อยดังในตอนนั้น ที่ 5.2 ล้านบาท หรือดีที่สุดในเครดิตบทนำของเฮียแกก็คือ Get Smart ที่กะว่าจะมัดใจคนดูในบ้านเราแบบ Johhny English แต่ก็ไปไม่สวยเท่าไหร่ เพราะคนดูเข้าโรงไปแบบ้นอย(ไม่)นิด ที่ 7.2 ล้านบาท ฝั่งสาวสวยอย่าง คีร์ร่า ไนท์ลีย์ หลังจากหันหลังให้กับชุดโจรสลัด ก็ห่างหายไปจากหนังฟอร์มใหญ่เลยก็ว่าได้ แต่คนดูบ้านเราก็เพิ่งจะเจอเธอไปไม่นาน(เมื่อต้นปี) ประกบสองหนุ่มมากฝีมือ ใน A Dangerous Method ก็ทำเงินไปค่อนข้างดี เข้าฉายสามโรง เปิดตัวไปที่ 2 แสนบาท หรือถัดไปอีกหน่อยก็คือหนังรักประกบหนุ่มลูกครึ่งเทพ แซม เวิร์ธธิงตัน ใน Last Night เข้าฉายเพียงสองโรง ก็ดึงคนดูมาเข้าโรงแบบสบายๆ ที่ 1 แสนบาท ส่วนเรื่องที่ฮิตที่สุดก็คงไม่ต้องพูดถึง ก็คือไตรภาคแรกของโจรสลัดมาดกวน “แจ็ค สแปร์โรว์” ที่ช่วยแจ้งเกิดให้เธอแบบเต็มๆ นี่เอง ใน Pirates of the Caribbean โดยมีภาค 3 เป็นภาคที่เปิดตัวสูงที่สุด ที่ 58.9 ล้านบาท เลยทีเดียว!!! แม้กระแสในบ้านเกิดจะเงียบงัน ทั้งรายได้และคำวิจารณ์ แต่ใครที่ต้องการหาทางเลือกที่แปลกใหม่ในช่วงนี้ กลั้วคอก่อนการมาของกองทัพหนังยักษ์ชุดใหม่ ก็คงเป็นทางเลือกที่ไม่เลว(แต่น้อยโรง)ล่ะครับ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:30:27

ความคิดเห็นที่ 3 ใส่เกียร์ถอยลงมาสองช่วงตึก ลงมาอยู่ใน อันดับ 8 สำหรับเทพบุตร กลางเมืองคลั่ง อย่าง Cosmopolis ที่ไม่รู้ว่าตัวหนังสร้างความ “เหวอ” ให้แก่คนดูที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากเกินไปรึเปล่า เลยทำให้เทพบุตรของเราแอบออกอาการ “เป๋” ไปนิดหน่อย ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะมีใครมาชนด้วยจังๆ ถึงอย่างไร ก็ทำให้ลีมูซีนคันงามของเรา น้ำมันหมดไปกว่า 60% เหลือเพียง 3 แสนบาท ขับตระเวนเมืองมาสองสัปดาห์ พาคนดูมึนงงกันไปแล้ว 1.5 ล้านบาท   ก็โอเคแล้ว สำหรับหนังขายสไตล์ผู้กำกับ ที่ก็ไม่ได้เจาะตลาดใหญ่อะไรมากนัก แม้จะเทียบกับจำนวนโรงแล้ว อาจจะไม่ดูไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ เทียบกับหนังขายสไตล์เช่นกัน ที่ฉายในช่วงใกล้ๆ กัน อย่าง Moonrise Kingdom ยืนฉายโรงเดียวมาโดยตลอด ล่าสุด ก็ทำเงินไปกว่า 6 แสนบาทแล้ว ว่ากันถึงผลงานของผู้กำกับโครเนนเบิร์ก ด้วยความที่หนังส่วนใหญ่ที่เข้ามาได้ฉายน้อยโรง รายได้ก็เลยไม่หนีไปจากหลักล้านต้นๆ ซักเท่าไหร่ ผลงานเรื่องก่อนหน้า อย่าง A Dangerous Method ที่ร่วมงานกับสาวอันดับข้างบน ก็เก็บเงินตลอดการฉายไม่ถึง 5 โรง ที่ 5 แสนบาท หรือถัดไปอีกสี่ปีก่อนหน้า อย่าง Eastern Promises เหมือนจะดีกว่าหน่อย ตรงที่โรงฉายมากกว่านิดนึง แต่สุดท้ายก็ปิดรายได้ไม่หนีกันมากเท่าไหร่ ที่ 1 ล้านบาทปริ่มๆ หรือลองย้อนกลับไปร่วม 26 ปีก่อน!!! กับหนังที่สร้างชื่อให้กับผู้กำกับเป็นอย่างมาก อย่าง The Fly ก็ทำเงินได้ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ เท่าไหร่ ที่ 1.6 ล้านบาท (แต่ตอนนั้นก็ถือว่าเยอะแล้วล่ะ!) ฟากเทพบุตร แพททินสัน นั้น ก็อย่างที่บอกไปว่ามีหนังมาให้เราได้ดูกันเรื่อยๆทุกปีก็ว่าได้ ถ้าว่ากันเฉพาะหนังจำกัดโรง ช่วงต้นปีก็เพิ่งมีหนังโชว์หล่อ(ย้อนยุค) อย่าง Bel Ami ที่เข้าฉายเพียงน้อยโรงไปอย่างที่บอก เลยเก็บเกี่ยวไปได้แบบน้อยๆ ที่ 5 แสนบาท หรือหนังจำกัดโรงเมื่อปีก่อน อย่าง Water for Elephants ต้องมาเบียดสู้กับหนังใหญ่ เลยไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ที่ 6 แสนบาท จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:30:55

ความคิดเห็นที่ 4 ยังคงเป็นคิวของหนังใหม่อีกเรื่อง เปิดเข้ามาใน อันดับ 7 กับหนังสยองขวัญเรียลลิตี้ Apartment 143 หนังสยองขวัญของผู้กำกับหน้าใหม่แดนกระทิงดุ เล่าเรื่องราวผ่านกล้อง 16 ตัว ในอพาร์ทเม้นท์ห้องหนึ่ง ที่เจ้าของห้อง ถูกคุกคามจากบางสิ่ง!! แน่นอนว่าคอหนังสยองในบ้านเราก็ไม่น่าพลาดกับหนังแนวลี้ลับสมจริงเช่นนี้อยู่แล้ว แม้ว่าตัวหนังจะได้ฉายในบ้านเกิดเพียงตามเทศกาลหนังเท่านั้น รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่เข้าฉายเพียงจำกัดโรง แต่ท้ายที่สุด หนังก็เปิดตัวในบ้านเราไปที่ 9 แสนบาท อาจจะดูเป็นตัวเลขที่ไม่ขี้เหร่อะไร(ปริ่มๆ ล้าน) แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะโรงฉายที่หนังได้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว (20 กว่าโรง เฉลี่ยต่อโรงออกมาไม่ถึงห้าหมื่น!) ยิ่งเมื่อเทียบกับบรรดาเรียลลิตี้สยองขวัญที่ออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ดูจะต่ำกว่ามาตรฐานพอสมควร เรียลลิตี้สยองขวัญเรื่องก่อนหน้าก็คือสยองขวัญในเมืองร้าง อย่าง Chernobyl Diaries ที่ออกมาในช่วงเงียบเหงา(+น่าดูอยู่บ้าง) เลยเปิดตัวได้ไม่เลว (และสูงสุดของกลุ่มสยองปีนี้) ที่ 5.1 ล้านบาท ถัดไปอีกไกล ก็คือเรียลลิตี้ผีสิง อย่าง The Devil Inside ที่เปิดตัวได้เกินคาดในบ้านเกิด แต่ในบ้านเราอาจจะธรรมดา อยู่ในมาตรฐานของกลุ่มนี้ ที่ 2.4 ล้านบาท แต่จะว่าไปถ้าพูดถึงบรรดาเรียลลิจี้สยองขวัญที่ไม่ได้มาจากฝั่งฮอลลิวู้ด ก็เรียกได้ว่า อาการไม่ต่างกันเท่าไหร่ (ออกจะอาการหนักกว่าด้วยซ้ำ) อย่างเมื่อปีก่อนก็มีล่า ท้า ผี Grave Encounters ที่ร่วมทุนระหว่างแคนาดา-อเมริกา ก็มาแบบเงียบๆ ในช่วงที่น้ำท่วมบ้านเรา ที่ 3 แสนบาท หรือเรียลลิตี้ตามกระแส อย่าง Paranormal Activity 2: Tokyo Night ที่เข้าฉายชนกับต้นตำรับอย่าง Paranormal Activity 3 แบบจังเบอร์! (หวังเกาะกระแส??) ก็เกาะได้ไม่สนิทเท่าไหร่ เปิดตัวไปห่างจากขาใหญ่เกือบ 5 เท่า! ที่ 4 แสนบาท (ไหนๆ ก็พูดถึง Paranormal Activity ก็ขอยกตัวเลขมาให้ดูกันนิดหน่อยเลยดีกว่า ทั้งสามภาคเปิดตัวไปที่ 1.4, 1.5 และ 2 ล้านบาท ตามลำดับภาค) แม้ว่าปีนี้ เรียลลิตี้หลายๆ เรื่องจะสามารถทำเงินได้ค่อนข้างดี จนสร้างกลุ่มคนดูของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าเรียลลิตี้ทุกเรื่องจะทำเงินได้ดีเสมอไป หากตัวหนังเองขาดการโปรโมต หรือทำออกมาไม่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ ซะก่อนล่ะ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:31:12

ความคิดเห็นที่ 5 ไหลลงมาค่อนข้างแรง หลุดจาก Top 3 มาอยู่กลางตาราง อันดับ 6 ซะ สำหรับหนังพลังล่ำ ดูดเงินสาวๆ Magic Mike ที่กระแสอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างแบบในบ้านเกิด แต่ไม่รู้เพราะความที่ตัวหนังค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ในตลาดไปหรือเปล่า จึงทำให้หนังสามารถประคองตัวได้เกินคาด เนื่องจากสัปดาห์นี้ หนุ่มๆ พลังลดลงไปไม่ถึงครึ่ง! เก็บไปอีก 1.2 ล้านบาท โชว์ลีลามาสองสัปดาห์ เรียกทิปจากสาวๆ ไปได้แล้ว 4.4 ล้านบาท แน่นอนว่าการที่รายได้ลดลงไม่ถึงครึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร รวมถึงการเทียบเคียงกับหนังที่สไตล์คล้ายๆ กันหน่อย ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่เด่นขึ้นมามากนัก อย่างเมื่อเทียบหนังเต้นๆ ในปีนี้ อย่าง StreetDance 2 ที่แม้จะทำเงินลดลงฮวบฮาบถึง 70%! (เก็บไปอีกเท่ากันที่ 1.2 ล้าน) แต่รายได้รวมก็ห่างอยู่ดี ที่ 6.6 ล้านบาท หรือหนังเพลงของสองเจ้าแม่โชวส์ลูกคอ Burlesque ที่อาจจะแผ่วๆ ตอนเริ่ม แต่กระแสปากต่อปากกลับดีเกินคาด รายได้หนังจึงลดลงน้อยสุดๆ (ไม่ถึง 30%!!) เก็บเงินรวมไปแล้ว 8.6 ล้านบาท ข้ามเวทีมาดูฝั่งหนุ่มๆ ขาแด๊นซ์กันบ้าง เริ่มจากหนุ่มตาตัม สุดฮ็อตประจำปีนี้ ผลงานเรื่องก่อนหน้าก็คือหนังรักร้อนแรง(ในบ้านเกิด) อย่าง The Vow หลังจากที่เปิดตัวค่อนข้างแรงในสัปดาห์แรก(เฉลี่ยต่อโรงนะ) แต่พอโรงหายไปหนึ่งโรง ก็ทำเอาเป๋เกินคาดเช่นกัน (ลดลงไป 45%!) แต่ก็ยังดีอยู่ ที่ 3 แสนบาท หรือที่อาการหนักหน่อย อย่าง Haywire ที่ร่วมงานกับผู้กำกับโซเดอร์เบิร์กเรื่องก่อนหน้า ที่เปิดตัวได้หงอยๆ อยู่แล้ว มาเจอแก๊งค์ฮีโร่เกรียน เลยหมอบหนักเข้าไปใหญ่ ทำเงินลดลงไปถึง 74%!!! เหลือเพียง 8 แสนบาท (แต่รายได้รวมมากกว่านิดหน่อย ที่ 5 ล้านบาท) ฝั่งซิกซ์แพ็คหน้าใหม่ อย่าง อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ หนังเรื่องก่อนๆ หน้าทั้งหลายก็เรียกว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน อย่างไซไฟ In Time ประชันกับเฮียจัสติน ทิมเบอร์เลค อาจจะเจอของแข็งหน่อยอย่างสาวโสด 30 (กำลังแจ๋ว) ก็เลยลดลงเกินครึ่งไปเล็กน้อย (55%) แต่เก็บเงินรวมไปสบายๆ แล้ว ที่ 24 ล้านบาท หรือเขยิบไปอีก กับเจ้าชายอสูร ยุคมิลเลนเนียม Beastly ที่ไม่มีหนังยักษ์มาชน เลยประคองตัวได้ค่อนข้างดี (ลดลง 51%) แต่รายได้รวมน้อยกว่าเรื่องข้างบนพอสมควร ที่ 10 ล้านบาท หรือไซไฟที่หวังดันให้เกิดเต็มที่ อย่าง I Am Number Four ก็ได้กระแสปากต่อปากมาช่วยไม่เลว รายได้จึงลดไม่ถึงครึ่งไปนิดหน่อย (47%) ทำเงินรวมไปพอสมควรที่ 36.6 ล้านบาท อีกหนึ่งคนที่โดดเด้ง อย่างหนุ่มแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ งานบนจอใหญ่อาจจะไม่ชุกเท่าหนุ่มๆ สองคนข้างบน แต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปซะทีเดียว ปีก่อนก็เพิ่งรับบททนายเหลี่ยมจัด ในหนังสนุกเกินคาด อย่าง The Lincoln Lawyer แจ่การที่กระแสเดิมของหนังก็เงียบอยู่แล้ว การที่ต้องชนกับทัพโจรสลัด ก็เลยดับกันง่ายๆ (ทำเงินลดลงไปถึง 62% ทำเงินรวมไป 2.9 ล้านบาท) หรือย้อนกลับไปในช่วงที่ยังพอเฟี้ยวได้อยู่ ใน Fool's Gold เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ต้องมาชนกับคู่แข่งมากมายในตอนนั้น (นำทีมโดย ลองของ 2) เลยทำเงินลดลงไปมากมายถึง 69%!! เก็บเงินรวมไปที่ 7.9 ล้านบาท ฝั่งผู้กำกับโซเดอร์เบิร์ก เรื่องก่อนหน้าก็คือ Haywire ที่ร่วมงานกับหนุ่มตาตัมอย่างที่บอกไปแล้ว ลองมองถัดไปอีกหน่อยเมื่อปีก่อน ก็คือหนังหายนะรวมทีมดารา Contagion แม้จะเปิดตัวแบบเงียบเหงา แต่ด้วยสัปดาห์ที่ไร้คู่แข่งใหญ่ๆ ก็ช่วยให้หนังทำเงินลดลงน้อยเกินคาด (37%!) เก็บเงินรวมไปแล้ว 6.8 ล้านบาท นานๆ ทีจะมีหนังเอาใจสาวๆ ออกมาเช่นนี้ หลายๆ คนก็คงไม่อยากจะพลาด เว้นเสียแต่ว่าจะมัวแต่เขิน(??)จนไปกล้าซื้อตั๋วไปซะก่อนล่ะนะ!! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:31:33

ความคิดเห็นที่ 6 อีกหนึ่งหนังเข้าใหม่ แต่ครั้งนี้เป็นคิวของหนังไทยสยองขวัญ อย่าง วงจรปิด เปิดตัวเข้า Top 5 ใน อันดับ 5 ผลงานเรื่องใหม่จากค่ายอารมณ์ดี(แต่เริ่มจะขำไม่ค่อยออก!) อย่างพระนครฟิลม์ ได้สองผู้กำกับคุ้นชื่อ(แต่แอบแผ่ว)ของค่าย อย่างเฮียต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค และ เฮียทิวา เมยไธสง ควงกันมากำกับสามตอนย่อย กับเรื่องราวสุดสยอง ที่ต่างก็มองผ่านกล้อง “วงจรปิด” ถือเป็นแนวทางแปลกใหม่สำหรับหนังผีไทยในช่วงหลังๆ ก็ว่าได้ (แม้ผีฝรั่งจะเรียลลิตี้กันเกร่อแล้วก็ตาม!) ยิ่งปีนี้ หนังผีไทยฟอร์มดีๆ ยิ่งหาได้ยากด้วยแล้ว หนังจึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดคอหนังสยองได้ไม่ยาก .......เว้นแต่ว่าหนังจะสามารถโปรโมตได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอ่ะนะ! สัปดาห์แรก หนังเปิดตัวแบบเบาะๆ ไปที่ 4.8 ล้านบาท   ถือเป็นตัวเลขที่ไม่ได้ดูดีอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว เมื่อเทียบกับฟอร์มหนัง และพลังดาราดังที่มีน้อยมาก แต่เมื่อลองเทียบกับมาตรฐานเปิดตัวของค่ายพระนคร ในรอบปีกว่า กลับกลายเป็นว่าดูดีขึ้นมาทีเดียว! เอาเป็นว่าเราลองมาดูในกลุ่มหนังผีไทยด้วยกันก่อน อย่างที่บอกไปว่าปีนี้ หนังผีไทยออกมาในตลาดซะค่อนข้างน้อย (นับวงจรปิดเข้าไปก็เพิ่งจะเป็นหนังผีไทยเรื่องที่ 4 เท่านั้น!!) เรื่องก่อนหน้าก็คือหนังผีฟอร์มเต็ง อย่าง I MISS U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน ที่ได้รับความคาดหวังจากทางค่ายพอสมควร แต่ก็สู้สาวสโนว์ไม่ไหว ที่ 15.5 ล้านบาท หรืออีกหนึ่งฟอร์มเต็ง แต่เต็งเพราะความที่เป็นสามมิติไทย(นี่แหละ!) อย่าง 407 เที่ยวบินผี เปิดตัวชนกับอีสาวธนูเดือดแบบไม่กลัวเกรง ก็ทำได้ค่อนข้างโอเค ที่ 15 ล้านบาท ขณะที่พูดถึงหนังจากค่ายพระนครฟิลม์ในปีนี้ หนังก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ 4 เช่นกัน เรื่องก่อนหน้าคือหนังความหวังสูงสุด(??)ของค่าย อย่าง ปล้นนะยะ 2 อั๊ยยยย่ะ แม้จะได้ทั้งกองทัพดารา และชื่อผู้กำกับ(!!) มาเป็นจุดขาย แต่ก็เปิดตัวได้น้อย(ตามคาด) ที่ 7 ล้านบาท (แต่ก็ยังสูงสุดของค่ายในปีนี้แล้ว!) หรือย้อนกลับไปอีกหน่อยก็คือหนังผี แต่เน้นฮา อย่าง แก๊งค์ตบผี ที่ได้ผู้กำกับ กลับมาสานต่อผลงานสร้างชื่อในอดีต แต่ตัวหนังก็ไม่ได้น่าดึงดูดเท่าไหร่ เปิดตัวจุ๋มจิ๋มเพียง 1.4 ล้านบาท หรือถ้าลองมองย้อนกลับไปปีก่อน ค่ายนี้ก็มีหนังผีสยอง(เป็นหลัก)ออกมาเพียงเรื่องเดียว ก็คือ หนังผีเกาะกระแสข่าวดัง อย่าง ศพเด็ก 2002 ของเจ๊พจน์(เจ้าเก่า!) แม้จะสร้างไล่หลังข่าวมาอย่างว่องไวแค่ไหน ก็ไม่สามารถเรียกคนดูได้มากอย่างที่หวัง ที่ 5.6 ล้านบาท ข้ามมาดูเครดิตของผู้กำกับทั้งสองกันบ้าง เริ่มจากผู้กำกับจอมจิกกัด เฮียต้อม ยุทธเลิศ ที่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับเฮียแกก็ว่าได้ ในฐานะผู้กำกับหนังสยองขวัญเพียวๆ ซึ่งก็น่าจะเรียกแฟนๆ ของเฮียแกที่รอคอยหนังแนวนี้มาค่อนข้างนาน (ถ้าเป็นยุคที่แกรุ่งๆ อยู่ล่ะนะ!) ผลงานเรื่องก่อนหน้าคือหนังตระกูลดัง แต่เน้นขายพลังดราม่าและการพลิกบทบาทของดารานำ อย่างป๋าเทพ ใน หมาแก่อันตราย ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เปลี่ยนชื่อแล้วเปลี่ยนชื่ออีก ซะจนคนดูลืมเลือน เปิดตัวไปแบบหน้าน้อยใจ ที่ 1.7 ล้านบาท หรือก่อนหน้าไปเพียงเดือนหน่อย ก็คือหนังรวมหนุ่มๆ อย่าง บางกอกกังฟู ที่เคยต้องมีปัญหาเพราะดารานำ ก็ไปได้ไม่ไกลอย่างที่หวังอีกเรื่อง ที่ 6.5 ล้านบาท ฟากเฮียจิ๊บ ทิวา เมยไธสง ถือว่าคลุกคลีอยู่กับหนังผีและหนังสยองมาค่อนข้างนาน แต่หนังเรื่องก่อนหน้ากลับเป็นหนังอารมณ์ดีขายบรรยากาศน้ำท่วมใหญ่ในบ้านเรา อย่าง รักเอาอยู่ แม้จะได้หนุ่มฟิล์มที่หวังจะคืนวงการแสดงนำ ก็ไม่สามารถเรียกแฟนๆ ได้มากเท่าไหร่ ที่ 1.9 ล้านบาท หรือถัดไปอีกหน่อยก็คือหนังหลอน ที่ชื่อเคยมีปัญหาโดนแบน อย่าง เชือดก่อนชิม ได้คุณใหม่ มาสวมบทโหดอีกรอบ ก็ยังได้รับความสนใจไม่มากอยู่ดี ที่ 6.7 ล้านบาท การที่หนังเข้าฉายในช่วงที่เต็มไปด้วยหนังฟอร์มยักษ์ๆ อาจจะไม่เป็นผลดีซักเท่าไหร่ นอกจากทางค่ายมั่นใจว่าตัวหนังจะได้กระแสบวกจากคนดูเต็มที่ ซึ่งดูในตอนนี้แล้ว กระแสก็ออกมาไม่ได้แย่ซักเท่าไหร่ แม้จะเงียบงันไปซักหน่อยก็ตามที! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:32:03

ความคิดเห็นที่ 7 อีกเรื่องที่ร่วงค่อนข้างเยอะ หล่นจากรองแชมป์ มาอยู่ตำแหน่งกลางๆ ที่  อันดับ 4 กับหนังประธานาธิบดีนักบู๊ Abraham Lincoln: Vampire Hunter แม้ว่าจะเป็นโปรแกรมหลักเรื่องหนึ่งของช่วงนี้ แต่ด้วยกระแสที่ออกมาก้ำกึ่ง ก็ทำเอาหนังโดนเบียดจากบรรดาหน้าไปไปแบบง่ายๆ อย่างที่เห็น สัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีของเราถูกสูบเลือดไปเกินครึ่งนิดหน่อย เก็บไปอีก 6.6 ล้านบาท ออกไล่ล่ามาสองสัปดาห์ เด็ดหัวผีดิบไปได้แล้ว 27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับฟอร์มหนังแล้วก็ถือว่าไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ยิ่งรายได้ที่หล่นเกินครึ่งด้วยแล้ว ก็ยังถือว่าด้อยกว่าอีกหนึ่งหนังแวมไพร์ย้อนยุค(แต่เน้นฮา) อย่าง Dark Shadows ที่พลังดารา+ผู้กำกับก็มิอาจช่วยได้มากนัก แต่ก็หล่นลงมาครึ่งนึงพอดี เก็บไปอีกมากกว่าที่ 7.5 ล้านบาท หรือแวมไพร์สาว สาดกระสุน Underworld Awakening ที่นอกจากจะเปิดตัวได้มากกว่า ยังทำเงินลดลงไม่ถึงครึ่งอีก (46%) เป็นเงิน 12.5 ล้านบาท ข้ามมาดูกลุ่มหนังนักล่าผีดิบแวมไพร์เป็นตัวเอกทั้งหลายกันบ้าง ที่แต่ละเรื่อง พากันร่วงแรงเกินครึ่งไม่ต่างกัน เรื่องก่อนหน้าเมื่อปีก่อนก็คือ นักบวชผู้ถูกลืม Priest ต้องมาชนกับโจรสลัดสามมิติอย่างจัง เลยทำเงินรูดลงมหาศาล(ตามระเบียบ)ไปถึง 80%!!! เก็บเงินไปอีกเพียง 2.8 ล้านบาท หรือไปอีกไกลหน่อยก็คือนักล่าผิวสีสุดเท่ห์ อย่าง Blade ที่ภาคล่าสุด อย่างภาค 3 กระแสออกจะไม่ค่อยสู้ดีนัก รายได้เลยลดลงไป 63% เหลืออยู่ที่ 7.7 ล้านบาท ไม่ต่างจากอีกหนึ่งนักล่าชื่อดัง Van Helsing ก็ร่วงไม่ต่างจากเรื่องข้างบน ที่ 63% แต่เปิดตัวมากกว่า เลยเหลือเงินมากกว่า ที่ 10.7 ล้านบาท ฝั่งเครดิตของผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ ในบ้านเรานั้น เรื่องก่อนหน้าก็มีเพียง Wanted เรื่องเดียวเท่านั้นที่เข้าฉาย ต้องมาชนกับป๋าวิลล์ฮีโร่ในสัปดาห์ถัดมา รายได้เลยร่วงกรูดหนักลงไปถึง 68%!! แต่ยังเป็นเงินมากพอควรอยู่ดี ที่ 11.3 ล้านบาท ก็ถือว่าโชคดีสำหรับหนังอยู่หน่อย ที่สัปดาห์นี้ไม่มีคู่แข่งหินๆ แนวเดียวกันมาขัดขา แต่สัปดาห์หน้านี่สิ ของจริง! ไม่รู้ว่าต้องมาเจอขาใหญ่จัดหนักด้วยแล้ว ท่านประธานาธิบดีของเราจะร่อแร่ขนาดไหน???!!!! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:32:29

ความคิดเห็นที่ 8 ยังคงซ่าส์อยู่ต่อไป! เพราะเป็นเรื่องเดียวในตารางที่กระโดดขึ้นมา เข้าสู่ Top 3 อันดับ 3 จนได้! กับหนังล้อเลียนเสียดสี แสบๆ คันๆ The Dictator หนังเรื่องล่าสุดของดารานักเรียกเสียงฮาจอมสวมบทบาท ซาช่า บารอน โคเฮน ที่ครั้งนี้ สวมวิญญาณแสดงนำในมาดของจอมเผด็จการจากประเทศในตะวันออกกลาง ที่ทำเก๋ด้วยการดัดแปลงจากนิยายซึ่งเขียนโดยจอมเผด็จการคนดัง ซัดดัม ฮุสเซน ด้วยนะเออ! แต่ก็อย่างที่รู้กัน หนังโชว์เทพด้วยการออกฉายรอบพิเศษชนกับไอ้แมงมุมมาแล้ว (แถมรอดด้วยนี่สิ!!) ดังนั้นหลังจากฉายแบบพิเศษๆ มาสองสัปดาห์ ก็ถือเวลารอรับการต้อนรับจากคนดูเต็มๆ เสียที!! แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสัปดาห์แรก หนังเปิดตัวไปที่ 7 ล้านบาท   รวมรายได้จากการฉายรอบพิเศษสองสัปดาห์ เก็บเงินเข้าคลังแบบสบายๆ ไปแล้ว 11 ล้านบาท   เป็นรายได้ที่เรียกได้ว่า ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับหนังตลกต่างแดนในบ้านเรา โดยเฉพาะหลังการฉายแบบจำกัดโรงมาสองสัปดาห์ด้วยแล้ว ทำให้นึกถึงอีกหนึ่งหนังที่ฉายคล้ายๆ กัน(แต่ต่างแนวสุดๆ) อย่าง The Cabin in the Woods ที่ก็เข้าฉายรอบพิเศษก่อนสองสัปดาห์ ก่อนจะเปิดตัวด้วยรายได้ที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่เลย ที่ 7.3 ล้านบาท (แต่รายได้รวมมากกว่าไปล้านนึงเอง!) หรือถ้าพูดถึงในกลุ่มหนังตลกฝรั่งด้วยกัน หนังก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มหนังตลกเรต R ที่ปีนี้ยังแผ่วๆ ผิดกับปีที่แล้วค่อนข้างมาก โดยอดีตแชมป์กลุ่มปีนี้เป็นของหนังตลกภาคต่อ ย้อนวันวาน อย่าง American Reunion ที่ทำได้น้อยกว่าภาคอื่นๆ พอสมควร แต่กลายเป็นว่า แพ้ไปแบบฉิวเฉียดแบบไม่ถึงล้าน! ที่ 6.6 ล้านบาท หรือแวะเวียนไปดูกลุ่มหัวแถวเมื่อปีก่อน อย่างครูแสบ Bad Teacher ที่เปิดตัวชนยักษ์แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ก็ทำเงินไปได้สุขสม ที่ 5.1 ล้านบาท ถ้าพูดถึงหนังตลกที่ล้อเลียนตะวันออกกลาง(แบบติดเรต R ด้วย!) เรื่องที่ผมพอจะนึกย้อนไปได้ก็คงหนีไม่พ้นหนังสุดห่าม อย่าง You Don't Mess with the Zohan ที่อาจจะมีกลิ่นแอ็กชั่นเจืออยู่บ้าง เลยเปิดตัวไปได้มากกว่าเกือบเท่าตัว ที่ 12.7 ล้านบาท มาดูในเครดิตของเฮียซาช่ากันบ้าง แม้ในบ้านเกิด เผด็จการของเราจะแผ่วกว่าเรื่องอื่นๆ แต่มาในบ้านเรา กลับกลายเป็นว่า หนังเปิดตัวได้สูงสุดของเฮียแกไปซะงั้น!! (เฉพาะหนังคนแสดงนะ!) หนังที่ร่วมแสดงเรื่องก่อนหน้าก็เพิ่งจะได้ฉายไปเมื่อต้นปีนี่เอง กับหนังเต็งรางวัล Hugo แม้จะเข้าฉายเพียงสามโรง แต่กลับเปิดตัวไปได้โหดน่าดู ที่ 1 ล้านบาท (เฉลี่ยต่อโรง 3 แสนบาท!!) หรือถัดไปอีกหน่อยกับแนว “สวมวิญญาณ” คล้ายๆ กัน อย่าง Bruno อีกหนึ่งคาเรคเตอร์สร้างชื่อสมัยจอแก้ว ที่กะตามรอยความสำเร็จจาก Borat (ที่ไม่ได้เข้าฉายในบ้านเรา) แบบไม่อิงแอบ เข้าฉายไปเพียงสี่โรง แต่แฟนๆ เฮียแกก็แห่แหนมาไม่น้อย ทำเงินไปร่วม 7 แสนบาท! แต่เอาเข้าจริง หนังที่เปิดตัวได้สูงที่สุดของเฮียแก กลับไม่ใช่หนังคนแสดงทั้งมวล แต่เป็นหนังที่เฮียให้แต่เสียงซะนี่!! แถมเพิ่งเปิดตัวก่อนหน้าไปไม่นาน นั่นคือซีรี่ย์สุดฮา Madagascar นี่เอง! โดยทั้งสามภาคสามารถเกาะหัวตารางในฐานะ Top 3 แบบสบายๆ เลยทีเดียว (เปิดตัวที่ 14.2, 8 และ 14 ล้านบาท ตามลำดับภาค) เห็นอย่างนี้แล้วหลายๆ คนในบ้านเราคงไม่ค่อยแปลใจซักเท่าไหร่ ในเมื่อหนังตลกปีนี้จากฟากหนังไทย ก็เรียกได้ว่า ออกมากันน้อยซะจนขาดแคลนกันเลยทีเดียว (ล่าสุดก็เห็นจะเป็น ปล้นนะยะ 2 อั๊ยยยย่ะ ที่เปิดตัวได้ 7 ล้านบาทเท่ากัน) คนดูที่กระหายหนังฮาเลยพากันหาทางเลือกทดแทนที่คิดว่าคุ้มค่าที่สุด ยิ่งกระแสของหนังออกมาเป็นบวกไม่เลวเช่นนี้ โอกาสที่จะยืนโต้ลม ท้ายักษ์แบบไม่สะทกก็มีไม่น้อยทีเดียว!! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:32:56

ความคิดเห็นที่ 9 เกาะบัลลังก์อยู่สองสัปดาห์ ก็ได้เวลา ลงมาอยู่ อันดับ 2 แบบงงๆ สำหรับซูเปอร์ฮีโร่นักโยงใย The Amazing Spider-Man ที่แม้ว่าครั้งนี้ เต็งหน้าใหม่จะกลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มพอสมควร (แม้พี่แมงมุมจะมีเด็กมาดูเยอะก็เถอะ!) แต่กระแสของหนังก็ไม่ได้ดีเด่นถึงขนาดจะช่วยให้ประคองตัวได้ดี ท้ายที่สุดก็เลยกลายเป็นแพ้ภัยตัวเองไป! เพราะสัปดาห์นี้ ไอ้แมงมุมของเราตกจากใยลงมาถึง 60%!! ลงมาอยู่ที่  12 ล้านบาท ปล่อยใยมาสามสัปดาห์ ดักเงินจากคนดูไปแล้ว 129 ล้านบาท   รายได้สัปดาห์ที่สามก็ถือว่าไม่เลวนัก แม้จะหล่นลงมาอยู่ในอันดับ 4 ของปีนี้แล้วก็ตาม (และเป็นเรื่องที่ 4 ของปีนี้เช่นกัน ที่รายได้สัปดาห์ที่สามเกิน 10 ล้าน ตามหลัง The Avengers ที่ 12 ล้านบาท) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:33:23

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ถ้าพูดถึงรายได้รวม ณ ขณะนี้ ก็ต้องถือว่าไม่ใช่ข่าวดีซักเท่าไหร่ เพราะแม้ว่ารายสัปดาห์ที่สามจะห่างจากสองอันดับบนเพียงหลักล้าน แต่พอมาดูรายได้รวม ก็ต้องยอมรับว่า เริ่มตามห่างร้อยล้ายเรื่องอื่นๆ ออกไปทุกขณะ ทั้งที่เคยใกล้เคียงที่สุด อย่าง Battleship ก็หนีห่างไปเกือบ 10 ล้านแล้ว กระทั่ง ATM เออรัก เออเร่อ ที่เคยตามอยู่ร่วม 10 ล้าน ตอนนี้ก็ยังแซงมาได้แล้วถึง 5 ล้าน! ทำให้ดูเหมือนว่า โอกาสที่หนังจะแซงสองเรื่องนี้ + ทะลุหลัก 150 ล้านอย่างที่ควร ก็มีอันต้องสลาย หายไปตามแรงลมแบบน่าเจ็บใจแทน! (แทบไม่ต้องพูดถึง The Avengers ที่พุ่งขึ้นฟ้า แซงหน้าไปเกือบช่วงตัวแล้ว!!) กระโดดข้ามมาดูฝั่งฮีโร่ตลอดกาลกันบ้าง อย่างที่บอกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าหนังสามารถทะลุหลัก 100 ล้านได้เป็นเรื่องที่ 8 ในกลุ่มฮีโร่บ้านเรา มาสัปดาห์นี้ แม้อันดับจะขยับขึ้นมาเพียงหนึ่งอันดับ แต่ก็เป็นอันดับที่ดูเหมือนจะสำคัญพอตัวทีเดียว เพราะเป็นการแซง Spider-Man ภาคแรกขึ้นมา ทำให้หนังสามารถทะลุเข้ามาสู่ Top 5 ได้สำเร็จ! (แถมไม่ต้องกลายเป็นไอ้แมงมุมภาคบ๊วยที่สุดอีกด้วย!!) แต่เอาไปเอามา อันดับที่หนังเพิ่งจะไต่ขึ้นมา มีทีท่าว่าจะเป็นอันดับสูงสุดของหนังเสียแล้ว ในเมื่ออันดับถัดขึ้นไป ถือว่าทิ้งช่วงเอาไว้ห่างทีเดียว ถึง 20 ล้านบาท!! พูดง่ายๆ ก็คือ หลังจากที่วิเคราะห์ไปแล้วข้างบนว่า หนังคงไม่มีโอกาสผ่านหลัก 150 ล้านได้ง่ายๆ แล้ว การที่หนังจะผ่านอันดับ 4 อย่าง Iron Man 2 ซึ่งปิดเอาไว้ห่างๆ ที่ 151 ล้านบาท ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่แทบไม่ต้องคิดจะทำไปซะดื้อๆ!! (รวมไปถึงอดขึ้นไปสมทบ กระทบไหล่รุ่นพี่ภาค 2, 3 ด้วยนี่สิ!) ส่วนเครดิตนักแสดงและผู้กำกับก็คงไม่มีอะไรให้บอกกันแล้ว เพราะพากันทะลุขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของแต่ละคนตั้งแต่วันแรกๆ แล้วนี่นา!! รวมไปถึงอันดับประจำปีนี้ ที่ก็คงหมดลุ้นไปแล้วไม่ต่างกัน ทำเอาแฟนๆ พี่แมงแปดขา พากันส่ายหัวด้วยความเซ็ง ที่หนังอาจจะมาได้ไม่ท็อปฟอร์มอย่างที่หวัง แต่ก็คงเซ็งได้ไม่นานนักหรอก ในเมื่อกำลังจะมีอีกหนึ่งฮีโร่หน้าเก่า(แต่ตอนใหม่)มาให้ลุ้นกันอีกเรื่องแล้วนี่นา!! (ตกกระป๋องไปเลยล่ะสิพี่ ’มุม!) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:33:44

ความคิดเห็นที่ 11 และ อันดับ 1 ของเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ยังคงไว้ลายซีรี่ย์ดังสำหรับบ้านเราอยู่ กับแอนิเมชั่นภาคต่อยุคน้ำแข็ง Ice Age: Continental Drift ที่ครั้งนี้ ดำเนินเรื่องราวมาถึงภาคที่ 4 แล้ว และยังคงพร้อมหน้าด้วยตัวละครหน้าเก่าเช่นเคย หลังจากที่เริ่มพาคนดูออกทะเล(จากโลกแห่งความจริง!!) ด้วยการไปเยือนโลกไดโนเสาร์ใต้พิภพ ในเมื่อยังทำเงิน ก็เลยขอออกทะเลอีกครั้ง! แต่คราวนี้ออกจริงๆ เพราะทุกตัวต้องหนีตายจากเปลือกโลกเคลื่อน! สมทบด้วยตัวละครหน้าใหม่มากมายหลากสายพันธุ์มาช่วยเรียกเสียงฮา ก็น่าจะดึงดูดให้คุณหนูๆ จูงมือคุณพ่อคุณแม่เข้าโรงได้ไม่ยาก (ยิ่งเป็นระบบสามมิติด้วยแล้ว!) สัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปแบบสบายๆ ที่  16 ล้านบาท ถือว่าโอเค ค่อนไปในกลุ่มสูงอยู่ สำหรับหนังแอนิเมชั่นซักเรื่อง นอกจากจะเป็นหนังเรื่อง 19 ที่สามารถเปิดตัวได้เกิน 15 ล้านบาทในบ้านเรา (แต่อันดับของปีนี้ อยู่ในอันดับที่ 14 ตามหลัง Prometheus ที่ 17 ล้านบาท) หนังยังกลายเป็นแอนิเมชั่นเปิดตัวสูงสุดประจำปีนี้อีกด้วย (แซงหน้า Madagascar 3 ที่เคยทำเอาไว้ 14ล้านบาท แบบไม่ไกลนัก) รวมไปถึงการที่หนังกลายเป็นแอนิเมชั่นเรื่องที่สองของปีนี้ที่สามารถขึ้นเป็นแชมป์ประจำสัปดาห์ได้ ก็ยิ่งช่วยทำให้สถานการณ์ความแข็งแกร่งของแอนิเมชั่นในปีนี้ มีมากกว่าปีก่อนๆ อีกด้วย (เพราะปีนี้แล้ว มีแอนิเมชั่นเพียง 2 เรื่อง คือ Kung Fu Panda 2 และ Puss In Boots โดยมี Cars 2 จากพิกซ่าร์ ที่จ่อๆ อีกเรื่อง) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:34:23

ความคิดเห็นที่ 12 ข้ามฟากไปดูฝั่งแอนิเมชั่นบ้าน Blue Sky กันบ้าง ถึงตอนนี้มีแอนิเมชั่นแล้วทั้งสิ้น 7 เรื่อง แต่ก็อย่างที่หลายๆ คนคาดเดานั่นแหละ นอกจากตระกูลยุคน้ำแข็งแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ถือว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ขณะที่ Ice Age ภาคที่ทำได้น้อยที่สุดคือภาคแรก เปิดตัวที่ 9.4 ล้านบาท แอนิเมชั่นเรื่องเดียวที่สามารถสอดแทรกภูเขาน้ำแข็งเข้ามาได้ มีเพียง Robots เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ที่สามารถเปิดตัวทะลุขึ้นได้ที่ 10 ล้านบาทพอดี ส่วนในกลุ่ม Ice Age ด้วยกัน ภาคล่าสุดถือว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แม้จะไม่ถึงกับดีที่สุดก็ตาม (น้อยกว่าภาค 2 ที่เปิดตัวในระดับ 20 ล้านเพียงเรื่องเดียว และสูงสุดของค่าย) อย่างน้อยๆ ก็กลายเป็นแอนิเมชั่น เปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 ของค่ายไปโดยปริยายได้แล้ว ข้ามฟากมาดูกลุ่มแอนิเมชั่นตลอดกาลในบ้านเรากันบ้าง น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถเปิดตัวเข้าสู่ Top 10 แอนิเมชั่นเปิดตัวสูงสุดในบ้านเราได้ โดยในกลุ่มแอนิเมชั่นต่างประเทศ หนังอยู่ในอันดับ 11 แต่ถ้าหากรวมแอนิเมชั่นไทยเข้าไปด้วยแล้ว หนังก็จะถอยร่นลงไปสองอันดับ อยู่ที่ 13 ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวอีกเช่นกัน (แม้ Ice Age 2 ที่ทำได้ดีกว่า ปัจจุบันจะยังคงอยู่ในอันดัน 5 ของแอนิเมชั่นต่างชาติ และอันดับ 6 ในกลุ่มแอนิเมชั่นทุกสัญชาติก็ตามที!) อย่างไรก็ดี หนังก็สามารถไขว่คว้าสถิติต่างๆ ในระดับที่ควรทำได้มาพอควรทีเดียวอยู่ แม้ตัวหนังน่าจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้ได้ เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงของภาคก่อนๆ และระบบสามมิติที่มาช่วยหนุนอีกแรง (เมื่อดูจากภาคเก่าๆ ที่ก็ทำได้ดีกว่าหรือพอๆ กัน) รวมไปถึงการที่หนังต้องพิสูจน์ตัวเอง จากกองทัพหนังยักษ์ ที่รออยู่ข้างหน้าอีกมาก แม้ส่วนใหญ่จะไม่ใช่แนวที่หวังมาชนด้วยตรงๆ แต่ด้วยโรงฉายที่ต้องหายไปเป็นจำนวนมาก ก็คงทำเอาแก๊งค์สัตว์ดึกดำบรรพ์ของเรา หายใจไม่ทั่วท้องเป็นแน่ แต่จะฝ่าคลื่นลมที่โหมกระหน่ำซ้ำเติมได้หรือไม่นั้น...ก็คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใจระทึกล่ะครับ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:34:43

ความคิดเห็นที่ 13 ยุคน้ำแข็งแซงทางโค้ง แต่อาจจะไม่แรงเท่าไหร่ เลยช่วยผลัก Top 10 สัปดาห์นี้ ขึ้นไปได้ไม่มาก ที่ 49 ล้านบาท อาจจะน้อยกว่า Top 10 สัปดาห์ก่อน (51.5 ล้านบาท) เพียง 5% แต่น้อยกว่า Top 10 สัปดาห์เดียวกันของปีก่อน (124.2 ล้านบาท) ไปแบบถล่มทลายถึง 71% ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ทำเงินรวมสูงที่สุดประจำปีก่อนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากได้  Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2 มาช่วยปิดตำนาน ด้วยพลังสาวกพ่อมดน้อย ที่ช่วยกันผนึกกำลังไปถึง 99 ล้านบาท! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:35:09

ความคิดเห็นที่ 14 สุดสัปดาห์หน้า ใครที่อยากจะลุ้นแชมป์ก็คงได้แต่เซ็งไปตามๆ กัน แต่ไม่รู้จะเซ็งกันไปทำไม (อ่าว!?) ในเมื่อกำลังจะมีอะไรให้น่าลุ้นกว่าเยอะ!!! ในเมื่อเต็งนอนมาประจำสัปดาห์นี้ ก็คือหนึ่งในฮีโร่ชื่อดังตลอดกาลคนหนึ่งในบ้านเรา ที่นอกจากจะมีประวัติยาวนานแล้ว เรื่องทำเงิน ก็ไม่ต้องลุ้นกันทีเดียว! แต่อาจจะต้องลุ้นกันอีกซักเฮือกหน่อย สำหรับยุคเข้มข้นสมจริงของหนัง ที่อาจจะไม่ถูกคอคนดูในบ้านเรามากที่คิด เอาเป็นว่า นี่คือภาคปิดท้ายมหากาพย์ไตรภาคที่ทุกคนรอคอยละกัน (ตัดบทกันดื้อๆ เลยแฮะ!!) กับรัตติกาลผงาด ”The Dark Knight Rises” ตามมาด้วยหนังเอเชียผู้กล้าท้าทายยักษ์ ครั้งนี้ส่งตำนานชื่อดัง อย่าง “ขุนศึกตระกูลหยาง” มาขึ้นจออีกครั้ง โดยครั้งนี้ เล่าเรื่องราวในช่วงวีรสตรี มู่กุ้ยอิง นำทัพสู่สนามรบแทนสามี ได้นักบู๊ชื่อดัง อย่าง เฉินหลง ร่วมอำนวยการสร้าง และขายชื่อ ใน ”Legendary Amazons” และหนังไทยจำกัดโรง ผลงานของผู้กำกับสุดแนว คงเดช จาตุรัตน์รัศมี ที่ห่างหายจอใหญ่ไปนาน กับเรื่องราวของคนที่แอบเข้าไปค้นดูชีวิตคนอื่น แต่กลับไม่รู้ถึงตัวตนของตนเองและคนใกล้ตัว ใน ”แต่เพียงผู้เดียว” ปิดตำนานมนุษย์ค้างคาว จะทำเอาคนดู “ว้าวแซ่บ!” ได้หรือไม่??? สัปดาห์หน้า มาลุ้นกันต่อครับ เครดิต ข้อมูลรายได้ประจำสัปดาห์ http://www.entertainweekly.in.th/file_detail.php?cid=01071&c=11 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 16:36:00 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:35:35

ความคิดเห็นที่ 15 *** กิฟต์ โหวต เก็บเข้าคลัง ให้กำลังใจ และอ่านครับ แมงมุมลายถ้าไม่มีค้างคาวมาขวางอาจจะเก็บรายได้ไปมากกว่านี้ อีกอย่างคือมันรีบู๊ตเร็วไปมั้ง แต่ตัวหนังผมว่ามันสนุกดีนะ ดูกวนๆเกรียนๆดี ผมชอบ ลุ้นวีคหน้าดีกว่าว่า ค้างคาวจะโฉบตังค์คนดูเท่าไหร่ *** จากคุณ : สมาชิกหน้าเหลือง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:19:02

ความคิดเห็นที่ 16 The Dictator ค่ะ แนะนำ ฮาดีนะ เราชอบ จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:28:39

ความคิดเห็นที่ 17 ผงาด แบบไม่ต้องสงสัย จากคุณ : lucaman เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:00:43

ความคิดเห็นที่ 18 อยากดู The Dictator  ยังไม่ได้ดูเลย โหวตเรียบร้อย   *0* จากคุณ : Brown_Label เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:42:23

ความคิดเห็นที่ 19 อยากดู ตระกูลหยาง อยากดูหนังเอเชีย ปล.ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ รอเสพข่าวจาก จขกท.ทุกอาทิตย์ อิอิ จากคุณ : ป็อกป็อกแป็กแป็ก เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:44:51

ความคิดเห็นที่ 20 The Dictator นี่ฮาจริงๆ จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 22:23:01