ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 16 อวสาน อาทิจนั่งตรวจดูบัญชีที่มุมพักผ่อน แล้วเหลือบมองดรุณีโดยบังเอิญ หญิงสาวซึ่งนั่งถักเสื้อหนาวเกือบเสร็จ เงยหน้าขึ้นมามอง อาทิจรีบเอาสมุดบัญชีเล่มใหญ่ขึ้นปิดหน้า แก้วซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ แอบเหล่ทั้งคู่ไปด้วย ดรุณีเห็นอาทิจกำลังดูบัญชีง่วนเลยก้มหน้าก้มตาถักเสื้อต่อ อาทิจค่อยๆเลื่อนสมุดบัญชีลง ตาดวงโตใสปิ๊งของชายหนุ่มมองไปที่ดรุณีอย่างเคลิบเคลิ้ม หวานเยิ้มหยดย้อย ชายหนุ่มแอบมองหญิงสาวอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง.. ดรุณีหันมามองอาทิจอีกครั้ง และครั้งนี้อาทิจหลบไม่ทัน กลบเกลื่อนทำเป็นถามเรื่องเวทางค์ “เรื่องคุณเว...ขอโทษนะ พี่ขอถามในฐานะผู้ปกครอง ไม่ทราบว่ากำหนดวันแต่งงานรึยังครับ” ดรุณีไม่รู้ว่าอาทิจรู้ความจริงแล้วเลยพูดเป็นตุเป็นตะ “ยังค่ะ แต่ว่า..เราแต่งกันแน่” อาทิจยิ้มกรึ่ม “น้องณีอยากจัดงานแต่งแบบไหนล่ะ” “เอาแบบในความฝันหรือในความจริงคะ ถ้าในความจริงณีก็อยากจัดกลางสวนส้มคุณย่า เพราะณีเกิดและโตที่นี่” “แล้วถ้าในฝันล่ะ” ดรุณีวาดภาพตาเป็นประกาย “ณีอยากแต่งที่ทะเลค่ะ พี่อาทิจเชื่อมั้ยคะว่าตั้งแต่เกิดมา ณียังไม่เคยไปเที่ยวทะเลกับเขาสักครั้ง ตอนเรียนก็เรียนอย่างเดียว เพื่อนๆเคยชวนไปเหมือนกัน แต่ก็พลาดตลอด” “พี่เคยไปช่วยอาจารย์ปลูกปะการัง แต่แค่ครั้งเดียว” “ณีชอบสีน้ำทะเลที่ไล่เฉดฟ้าอ่อนฟ้าแก่เขียวอ่อนเขียวเข้ม ตัดกับพื้นทรายสีขาวละเอียดยิบ ถ้าเราได้จับมือเดินคุยกับใครสักคน คงจะมีความสุขมาก” “ใครคนนั้น..คือใคร” ดรุณีชะงักกึก แล้วฝืนประดิษฐ์ยิ้ม “ก็..พี่เวไงคะ ณีไม่ได้เนื้อหอมเหมือนยายตุ่นของพี่อาทิจนี่ จะได้ชี้นิ้วเลือกใครก็ได้ เสื้อเกือบเสร็จแล้วค่ะ พี่อาทิจลองนิดนะคะว่าใส่พอดีรึเปล่า” ดรุณีเอาเสื้อหนาวมาสวมให้อาทิจ เนื้อตัวและจมูกอยู่ใกล้จนลมหายใจรดกัน อาทิจกระซิบเบาๆ “ใครบอก ว่าน้องณีเนื้อไม่หอม” เสียงแผ่วเบาของอาทิจมันช่างดังสะท้านใจดรุณี จนหญิงสาวอดสะเทิ้นวูบวาบหวั่นไหวไม่ได้ แก้วแอบมองทั้งคู่เพลิน “ใส่ได้พอดีเลย” “หล่อมั้ย” “ก็..หล่อสมกับความสวยของยายตุ่นค่ะ พี่อาทิจถอดออกก่อนนะคะ เดี๋ยวณีถักตรงชายให้อีกนิดเดียวก็เสร็จ รับรองว่าทันใส่ไปหายายตุ่นแน่ๆค่ะ” อาทิจยังมองดรุณีกรึ่มไม่วางตา หญิงสาวหลบตาวูบ “นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้พี่อาทิจต้องไปหายายตุ่นไม่ใช่หรือคะ รีบไปนอนเถอะค่ะ” อาทิจรีรอ ไม่อยากไป แต่สุดท้ายก็จำต้องเดินออกมา แก้วนึกขึ้นได้รีบวิ่งไปกางมือกางแขนและขาดักหน้าอาทิจ “หยุดค่ะ คุณอาทิจยังไปไม่ได้ เพราะ..เอ่อ..เพราะยังไม่ได้ชิมน้ำส้มคั้นของน้าแก้วเลย เดี๋ยวน้าแก้วไปเอามาให้นะคะ คุณณีด้วย รอแป๊บนะคะ น้าแก้วเตรียมไว้แล้ว แค่หยดน้ำมนต์..เอ๊ย..เหยาะเกลือจี๊ดเดียวค่ะ เดี๋ยวมานะคะ” น้าแก้ววิ่งออกไปแล้วกลับมาอีก “สัญญานะคะว่าจะไม่หนีไปไหน” อาทิจและดรุณีหันมามองหน้ากัน แค่น้ำส้มคนละแก้ว..ทำไมน้าแก้วต้องวุ่นวายขนาดนี้ ในครัว...ลุงเกร็งหยิบขวดใส่น้ำสีเขียวเข้มขวดเล็กๆจากย่าม ขึ้นมาจ่อที่หน้าแก้ว “หยดน้ำสมุนไพรนี่ลงไปแก้วละหยด..รับรอง..เอาอยู่” น้าแก้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถ้า เอาไม่อยู่ ล่ะก็ตาเกร็ง..แก ตาย!” แก้วหยดน้ำสีเขียวใส่แก้วน้ำส้มแก้วละหยด แก้วยื่นน้ำส้มให้อาทิจและดรุณี แล้วคั้นคะยั้นคะยอให้ทั้งคู่ดื่ม “มาแล้วค่า น้ำส้มคั้นสดๆจากสวนเราเองค่ะ” อาทิจ ดรุณียกน้ำส้มขึ้นจิบ แล้วยกดื่ม แก้วยิ้มแล้วลุ้นต่อจนตัวโก่ง ทั้งคู่ดื่มไปได้ครึ่งแก้วก็ทำท่าจะวาง “อย่าเพิ่งวางค่า! ดื่มให้หมดแก้วเลยนะคะ น้าแก้วอุตส่าห์คั้นกับมือ ถ้าดื่มไม่หมด น้าแก้วก็เสียใจแย่สิคะ นะคะ..คนดี..ดื่มให้หมดเลย ทั้งคู่เลยค่ะ” อาทิจกับดรุณีสบตากัน แล้วยกน้ำส้มที่เหลือดื่มจนหมด แก้วแอบยิ้ม “ขอบคุณมากค่า ดื่มกันเกลี้ยงเลย ง่วงนอนแล้วน้าแก้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” แก้วเก็บแก้วใส่ถาดก่อนจะเดินไปอย่างเริงร่า แต่แล้วก็วกกลับมาแอบดูอีก อาทิจ ดรุณีหันมาสบตาเปรี้ยงงงกลางอากาศ “พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกี่โมงดีคะ” “ตามใจน้องณีสิจ๊ะ” ดรุณีเย้า “อะไรๆก็ตามใจณีเรื่อย ถ้าณีจะให้ไปเดี๋ยวนี้ล่ะคะ” อาทิจมองดรุณีไม่วางตา “ก็ไปได้” ดรุณีโปรยตาให้อาทิจ “งั้นไปเดี๋ยวนี้” ดรุณีหยิบผ้ามาคลุมไหล่ ก่อนจะเดินนำอาทิจที่ใจเต้นโครมครามตามหลังออกไป ลุงเกร็งเดินเข้ามาจากทางครัวหลังบ้าน “เป็นไงบ้างแม่แก้ว” “ลงไปเดินในสวนส้มนู่นแล้ว ไม่รู้จะโดนงูงาบก่อนรึเปล่า” ”งูงาบไม่เป็นไร ฉันรักษาให้ได้ ว่าแต่แม่แก้วจะไม่ลองชิมยานั่นสักหยดเหรอ จะได้ชวนฉันลงไปเดินเล่นในสวนบ้าง” แก้วถองศอกใส่ลุงเกร็ง “ทะลึ่ง บ้า!ตาเกร็งนี่..อะไรก็ไม่รู้” แก้วค้อนลุงเกร็ง แต่ก็แอบเขินไปมา ดรุณีกับอาทิจเดินกอดอกห่อตัวด้วยความหนาวมาในสวน “เราจะไปไหนกันดีคะ” อาทิจมองตาเยิ้ม “ตามใจน้องณีสิจ๊ะ น้องณีไปไหน พี่ไปด้วยทั้งนั้น” ดรุณีหลบตาแล้วเปลี่ยนเรื่อง “คิดถึงยายตุ่นจัง ยายตุ่นเขาชอบพระจันทร์ค่ะ ไม่ว่าจะข้างขึ้นข้างแรม เขาเห็นว่ามันสวยทั้งนั้น ยายตุ่นเขาน่ารักแล้วก็อารมณ์ดี ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขทุกคน” ดรุณีปรายตามองอาทิจด้วยสายตา แบบที่ชายหนุ่มห้ามแล้วห้ามอีก “พี่อาทิจว่าจริงมั้ยคะ” อาทิจเห็นดรุณีมองมาด้วยสายตานารีพิฆาตแล้วใจเต้นระรัว อยากจะเข้าไปกอดไปหอมเหลือเกิน “น้องณีว่าจริงมั้ยล่ะ” แล้วอาทิจก็อดใจไม่ไหว ก้มไปหอมดรุณี แต่เป็นจังหวะที่หญิงสาวเบือนหน้าหนีสายตาอาทิจก่อนจะเดินออกมาพอดี ปลายจมูกของอาทิจจึงได้แตะแค่ปลายผมของหญิงสาว “ณีว่าพี่เวก็แอบชอบยายตุ่นเหมือนกัน แต่ณีไม่ปล่อยโอกาสให้พี่เวทำคะแนนกับยายตุ่นหรอกค่ะ” อาทิจแอบหยอดแกมเย้า “เพราะน้องณีหวงคุณเว” ดรุณีค้อนอาทิจวงเบ้อเริ่ม “ไม่ใช่ค่ะ ณีเก็บยายตุ่นไว้ให้พี่อาทิจคนเดียวต่างหาก” หญิงสาวหันมาเอาคืนด้วยการโปรยสายตานารีพิฆาตใส่อาทิจอีกรอบ “พี่อาทิจเห็นใจณีรึยังคะ” อาทิจใจจะละลายให้ได้ “เห็นสิครับ น้องรักของพี่” ดรุณีสบสายตาอาทิจที่ส่งประกายตาระริกชนิดที่ทิ่มเข้าไปถึงกลางใจ หญิงสาวถึงกับใจสั่น เข่าอ่อนหมดเรี่ยวแรงจะเดิน อยากจะเป็นลมพับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มให้รู้แล้วรู้รอดไป ดรุณีได้แต่คิด ในที่สุดก็แข็งใจเดินออกมา อาทิจเดินตามด้วยใจเตลิดกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว “ยายตุ่นเขาทั้งรักทั้งหลงพี่อาทิจ พี่อาทิจเป็นชายในฝันของเขา” “พี่อาจเป็นผู้ชายในฝันของใครก็ได้ แต่พี่อยากเป็นผู้ชายในชีวิตจริงของผู้หญิงเพียงคนเดียว อยากรู้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” อาทิจจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหญิงสาวปานจะกลืนกิน ดรุณีรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ หญิงสาวร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ใจดีสู้เสือตะกุกตะกักตอบ “จะใครคะ ถ้าไม่ใช่ยายตุ่น” อาทิจยิ้ม ตาเป็นประกายวาว “อย่าบอกนะคะว่าพี่อาทิจแอบไปปิ๊งใครที่ไหน ณีโกรธจริงๆด้วย ยายตุ่นรักพี่อาทิจนะคะ” “แต่พี่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นรักพี่มากกว่าคุณตุ่น” “ตกลงพี่อาทิจรักใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นณีจะกัดให้จมูกแหว่ง” อาทิจทนไม่ไหว โอบกอดดรุณีเอาไว้แนบอก “ช่วยกัดพี่หน่อยเถอะ พี่อยากจมูกแหว่งจะแย่แล้ว” ดรุณียืนตัวสั่นใจสั่น เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวถูกชายหนุ่มกอดอย่างตั้งใจ..เนื้อแนบเนื้อ อาทิจค่อยๆโน้มหน้าลงมาเอาปลายจมูกไล้ตั้งแต่หน้าผากเรื่อยลงมาที่ริมฝีปาก ดรุณียืนตะลึง ใจหวิวเหมือนจะละลายอยู่ตรงนั้น “รู้แล้วใช่มั้ยว่า ผู้หญิงที่พี่รักคือใคร” อาทิจโน้มลงมาจูบ ดรุณีเบิกตาโตด้วยความไม่เคยและไร้เดียงสาในเรื่องความรัก..สักครู่หญิงสาวก็ปล่อยใจไปกับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่ระเบิดอยู่ข้างใน ร่างของทั้งคู่โน้มลงนอนบนผืนหญ้า มือที่ไต่หากันและเกาะเกี่ยวกันไว้ ด้วยความรักอันสุดซึ้งของหญิงชายคู่หนึ่งที่ระเบิดออกมา ไม่ใช่ด้วยความรุนแรงแต่เป็นความนุ่มนวลอย่างที่สุด เพราะต่างเป็นครั้งแรกของทั้งคู่...และครั้งแรกของกันและกัน ลุงเกร็งเดินสะพายย่ามกลับมาที่บ้าน ผ่าน ต๊อด อึ่ง พัน ที่นั่งกอดเข่าจับกลุ่มคุยกันรอบกองไฟอย่างเซ็งๆ ทันใดต๊อดผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางขึงขัง “ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะไปขอร้องไม่ให้นายไปอยู่กรุงเทพฯกับคุณตุ่น” อึ่งลุกขึ้นยืนด้วย “ข้าด้วย ถึงนายจะเตะ จะต่อย จะเข่า จะศอก จะถีบ ข้าก็ยอม แต่ข้าจะไม่ยอมให้นายไปเด็ดขาด” พันลุกขึ้นยืนตาม “เอ้า....ถ้างั้น เป็นไงเป็นกัน!” สามคนจะขยับเดินออกไป ลุงเกร็งรีบมาดักห้าม กลัวแผนแตก “คุณอาทิจไม่ไปหรอก เอ้า..นั่งๆๆๆ” ลุงเกร็งกดไหล่ทั้ง 3 คนให้ลงนั่ง “น้าเกร็งรู้ได้ยังไง” พันถาม “เอาน่า ข้ารู้ก็แล้วกัน” “นายบอกน้าเกร็งเหรอ” อึ่งซัก “เออ...” ลุงเกร็งยิ้มมีเลศนัย “บอกด้วยการกระทำ” ต๊อดส่ายหน้า “แต่...ของอย่างนี้มันต้องได้ยินจากปากนา ข้าว่าไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า อึ่งไป..เดิน ลัดสวนส้ม ไปแป๊บเดียว” ทั้งสามคนลุกขึ้นจะเดินออก แต่ลุงเกร็งเอาสองมือดึงเสื้ออึ่งกับพัน เอาขาเกี่ยวต๊อดไว้ “เฮ้ย..อย่าไป อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อน” อึ่งพยายามดิ้น “ไม่ได้ ตอนนี้เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องนาย จริงมั้ยวะ!” ต๊อดกับพันเสียงดัง..แข็งขัน “ จริง!” ลุงเกร็งแกล้งบ่น “อุตส่าห์ซื้อเหล้าเจ๊กจูมา 80 ดีกรี จุดไฟติดพึ่บ” ทั้ง 3 คนซึ่งกำลังเดินออกมาชะงักกึก หันกลับไปหาลุงเกร็ง แล้วตะโกนพร้อมกัน “ไหนล่ะ !” ลุงเกร็งแอบยิ้ม..โล่งใจ
จากคุณ |
:
wwstyle
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ค. 55 14:44:11
|
|
|
|