 |
(กระทู้วิจารณ์) The Dark Knight Rises "And He Becomes Legend"
|
 |
คำเตือน กระทู้นี้มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญของ Batman Begins , The Dark Knight และ The Dark Knight Rises ผู้ที่ยังดูไม่ครบทั้งสามภาคไม่แนะนำให้อ่าน
The Dark Knight rises บทปิดฉากไตรภาคแบทแมนเวอร์ชั่นของคริสโตเฟอร์ โนแลนซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่หลายๆท่าน (รวมทั้งผม) เผ้ารอคอยมากที่สุดในปีนี้ ก่อนอื่นผมจะขอแนะนำวิธีการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ได้อรรถรสอย่างเต็มที่ก่อนนะครับ 1. คุณควรดู Batman Begins และ The Dark Knight มาก่อน เพราะเรื่องราวในภาคนี้มีการอ้างอิงสองภาคแรกเยอะมาก 2. จากข้อแรก "อย่าตีกรอบตัวเอง" ว่ามันจะต้องเหมือนสองภาคแรก เพราะถ้าคุณสังเกตดูดีๆก็จะพบว่าทั้ง Batman Begins และ The Dark Knight นั้นแม้ว่าจะมีการเล่นประเด็นเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์เป็นหลักทั้งสองภาค แต่รูปแบบการเล่าและดำเนินเรื่องนั้นเรียกว่าไม่เหมือนกันเลย ซึ่้ง The Dark Knight Rises ก็เช่นกัน มันเล่นกับจิตใจมนุษย์ (โดยเฉพาะบรูซ เวย์น) เต็มที่ แต่นำเสนอด้วยรูปแบบที่ต่างไปจากสองภาคก่อน ดังนั้นอย่ายึดติดกับภาพเก่าๆของ The Dark Knight แล้วคุณก็จะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างที่มันเป็นจริงๆ 3. ถ้าเป็นไปได้ ดู IMAX พารากอนครับ มันสุดยอดจริงๆนะเออ
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปย่อๆของภาพยนตร์แบทแมนไตรภาคโนแลนนี้ ผมขอบอกว่า "มันเริ่มด้วยความกลัว กลายเป็นความกลัว เผชิญความโกลาหล ตกสู่ก้นเหว แบกรับความเจ็บปวด และปิดฉากอย่างฮีโร่"
The Dark Knight Rises เป็นภาพยนตร์ปิดฉากไตรภาคที่สมบูรณ์แบบและดูลงตัวมากๆเรื่องหนึ่งเท่าที่ผมเคยดูมาเลยทีเดียวครับ สำหรับภาคนี้นั้นน่าจะเป็นภาคที่เหมาะกับแฟนพันธุ์แท้แบทแมนมากกว่าแฟนพันธุ์แท้โนแลน เพราะเนื้อเรื่องนำเสนอได้ค่อนข้างเข้าใจง่ายกว่าสองภาคที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แปลว่าบทไม่ดีนะครับ บทมันดีครับ ดีมากด้วย และผมต้องชื่นชมจริงๆว่าสามารถเขียนบทที่ธรรมดาๆ เข้าใจได้ง่ายๆ แต่ลึกซึ้งและสมบูรณ์แบบในตัวของมันได้ สำหรับคนที่ชอบบทงงๆ คิดมากๆแบบ Inception อาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบนี้ครับ เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ผมว่าดูดีกว่าเขียนบทยุ่งๆงงๆให้คนดูต้องมาคิดหัวแตกและเขียนยากกว่าด้วย (ถ้าบทเหมือนกัน เขียนให้งงมันไม่ยากเท่าเขียนให้เข้าใจง่ายนะครับ)
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเรื่องราวในภาคนี้มีการต่อยอดจากสองภาคแรกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตายของฮาร์วี่ เดนท์ที่ทำให้แบทแมนต้องยอมเป็นคนรับบาปเพื่อไม่ให้ชาวเมืองรู้ความจริงว่าฮีโร่ที่พวกเขานับถือนั้นได้กลายเป็นอาชญากร หรือเรื่องของกลุ่มพันธมิตรแห่งเงาของราซ อัล กูล ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในแผลใจของบรูซ เวย์น เพราะถึงแม้ ราซ อัล กูล จะเป็นคนชั่ว แต่เขาก็เป็นอาจารย์ของบรูซ เวย์น การที่คนดียอมเสียสละเพื่อคนอื่นอย่างบรูซต้องมาเป็นศิษย์ล้างครูเสียเองนั้นคงเป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย ดังจะเห็นได้จากตอนที่บรูซมองเห็นภาพหลอนของราซ อัล กูล ซึ่งสีหน้าของบรูซในตอนนั้นแสดงถึงความเจ็บปวดในใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงเหล่าคำคมต่างๆที่ติดหูมาจากสองภาคแรกอย่าง "คนเราล้มเพราะจะได้รู้จักกลุกขึ้นยืนหยัด" ของพ่อของบรูซ หรือ "คุณจะตายอย่างฮีโร่ หรือจะอยู่จนกลายเป็นคนชั่ว" ของฮาร์วีย์ เดนท์ ก็จะได้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในภาคสุดท้ายนี้ด้วย ถ้าฮาร์วีย์ เดนท์คือตัวอย่างของคนที่ "มีชีวิตอยู่จนกลายเป็นคนชั่ว" (รอดตายจากแรงระเบินกลายเป็นทูเฟส) แบทแมนก็คือตัวอย่างของคนที่ "จากไปอย่างฮีโร่"
ธีมหลักของภาคนี้นั้นคือเรื่อง "ความเจ็บปวด" อย่างที่โนแลนเคยพูดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหลักในการเผชิญกับความเจ็บปวดก็หนีไม่พ้นบรูซ เวย์นนั่นเอง (จนผมคิดว่าภาคนี้มันน่าจะมีชื่อเล่นว่า "ภาครังแกแบทแมน" เลยทีเดียว เพราะโดนมันทุกอย่างตั้งแต่โดนตราหน้าเป็นอาชญากร โดนเบนหักกระดูกสันหลัง โดนพวกพันธมิตรแห่งเงาปู้ย่ำปู้ยีเมืองสุดที่รักของตนตามอำเภอใจ ไปจนถึงโดนคนที่ตัวเองเคยเชื่อใจทรยศ)
การนำเสนอเรื่องราวของ Batman Begins จะเป็นรูปแบบของดาร์คฮีโร่นอกกฎหมายที่มีทึมหม่นๆหมองๆมืดมนทั้งเรื่อง ส่วน The Dark Knight จะออกไปทางหนังดราม่าอาชญากรรมมากว่าหนังฮีโร่ และ The Dark Knight Rises ช่วงแรกๆถึงกลางๆจะเป็นหนังสงคราม ก่อการร้าย และช่วงสุดท้ายจะกลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ จะเห็นได้ว่าโนแลนไม่เคยใช้รุปแบบการนำเสนอเรื่องราวซ้ำกันเลย เขาเลือกรูปแบบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดกับหนังแต่ละภาค ดังนั้นคนที่เคยชอบรูปแบบการนำเสนอของ The Dark Knight อาจจะไม่ค่อยชอบภาคนี้เท่าไหร่ แต่คนที่ไม่ชอบสองภาคแรกอาจจะมาชอบภาคนี้ก็ได้ เพราะฉากแอ็คชั่นภาคนี้เรียกได้ว่า "จัดเต็ม" จริงๆครับ น่าจะถูกใจคนไทยไม่น้อยทีเดียว (ส่วนตัวผมชอบทุกภาคครับ เรียงลำดับได้เป็น 3>1=2) แต่เอาจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ว่าหนังจะทำดีแค่ฉากแอ็คชั่น เพราะแม้แต่ฉากพูดคุยธรรมดาอย่างตอนที่ เบลก คุยกับเด็กที่เขียนหิมะว่า "คุณคิดว่าเขาจะกลับมาไหม" ก็เป็นฉากที่ทำออกมาได้ดีและดึความสนใจได้เช่นกัน
ในส่วนของตัวร้ายนั้น หลายๆคนอาจไม่ค่อยชอบที่ตัวร้ายปิดฉากไตรภาคไม่ใช่โจ๊กเกอร์ แต่ผมกลับคิดว่าเบนและเหล่าผองเพื่อนพันธมิตรแห่งเงานั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแล้ว เพราะเรื่องทุกอย่างเริ่มต้นจากพวกนี้ บรูซ เวย์น ไปเรียนวิชาจากพวกนี้ และกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ฝังใจเขา ดังนั้นถ้ามันจะเป็นภาคสุดท้าย ศัตรูที่สามารถทำให้บรูซ เวย์น รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้มากที่สุดก็คือพวกนี้ จริงอยู่ว่าโจ๊กเกอร์ก็เคยทำให้บรูซเจ็บปวดมากด้วยการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป แต่ถ้าพูดถึง "ศัตรูที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของบรูซ เวย์นมากที่สุด" (อย่างน้อยก็ในเวอร์ชั่นโนแลน) ผมว่าพันธมิตรแห่งเงาเหมาะสมที่สุดแล้วครับ
มาถึงเรื่องฉากแอ็คชั่น ภาคนี้ไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจของโนแลนเองหรือเพราะเสียงวิจารณ์ว่าสองภาคก่อนมีฉากแอ็คชั่นน้อยเกินไป มาภาคนี้เฮียแกเลยเล่นซะเต็มที่เลย ฉากแอ็คชั่นต่างๆ (โดยเฉพาะฉากไอแมกซ์) เรียกได้ว่าดูแล้วหายบ้ากันเลยทีเดียว ตั้งแต่ฉากธรรมดาๆแต่ถ่ายออกมาได้ดูทรงพลังอย่างตอนที่แบทแมนกับเบนอัดกัน ไปจนถึงฉากสุดอลังการอย่างการขับเดอะแบทบินหลบจรวดมิซไซล์ (แต่แบทโมบิลรุ่นผลิตจำนวนมากนี่มันเปราะไปมั้ย คันที่แบทแมนใช้ยังเจอตั้งหนักกว่าจะพัง)
พูดถึงฉากไอแมกซ์กันบ้าง ฉากหลักๆที่จะใช้ไอแมกซ์นอกจากพวกฉากสำคัญตอนพีคๆแล้วก็จะมีที่ผมชอบมากคือพวกฉากถ่ายมุมสูงต่างๆที่ให้ความรู้สึกสมจริงมาก โดยเฉพาะฉากเครื่องบินร่วงตอนแรกนี่เจ๋งโคตรๆ ดังนั้นแนะนำดูไอแมกซ์อย่างยิ่งครับสำหรับเรื่องนี้ (ดูแค่ฉากพวกนี้ผมว่ากคุ้มแล้ว)
และสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือตอนจบ ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆรอคอยจะดูกันมากที่สุดว่ามันจะจบยังไง ซึงหลังจากได้ดูแล้ว ผมก็เข้าใจทันทีว่าทำไมภาคนี้จึงได้ชื่อว่า The Dark Knight Rises และมีชื่อไทยว่า "อัศวินรัตติกาลผงาด" (ตอนแรกผมก็ไม่ชอบชื่อนี้หรอก แต่พอดูจนจบแล้วกลับคิดว่าชื่อนี้แหล่ะเหมาะที่สุดแล้ว) เพราะว่าแบทแมนไม่ใช่เป็นแค่อัศวินรัตติกาลนอกกฎหมายที่คอยกำจัดคนชั่วในเงามืดอีกต่อไป บัดนี้เขาได้ผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้าในฐานะฮีโร่ที่แท้จริง และกลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อไปในเมืองก็อธแธม เป็นฉากจบที่สมบูรณ์แบบมากๆ
สรุปว่า The Dark Knight Rises คือภาพยนตร์ปิดฉากตำนานอัศวินรัตติกาลที่ยอดเยี่ยมควรค่าแก่การรับชมอย่างแท้จริงครับ คนที่เป็นแฟนแบทแมน แฟนโนแลน และผู้ที่เคยดูสองภาคแรกมาแล้วไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สรุปคะแนน 9.5/10 สุดยอดมากๆครับ หักคะแนนนิดหน่อยตรงหนังยังมีบางอย่างไม่ค่อยสมจริงอย่างเรื่องความเร็วในการฟื้นตัวของบรูซ ซึ่งโผล่มาฉากแรกต้องถือไม้เท้าช่วนเดินเพราะเป็นเด็กเก็บตัวมานาน+ผลจากแผลเก่า แต่แค่ไม่นานเฮียแกก็กลับมาปร๋อได้ รวมทั้งตอนที่ถูกเบนซัดซะหลังหักแต่แค่ต่อกระดูกแค่นั้นก็หายแฮะ
Goodbye Batman, and welcome Bruce Wayne!!
ปล. คิดอีกทีเรื่องนี้มันน่าจะเรียกว่า "ไตรภาคบรูซ เวย์น" มากกว่า "ไตรภาคแบทแมน" แฮะ เพราะเรื่องทุกอย่างเริ่มที่บรูซ เวย์น และจบที่บรูซ เวย์น
ปล.2 นี่เป็นกระทู้วิจารณ์หนังอย่างจริงจังกระทู้แรกของผม (ของ The Amazing Spider-man นั่นเหมือนกระทู้ระบายมากกว่า) ถ้าอ่านแล้วไม่ค่อยดีหรืออะไรก็ขอโทษด้วยนะครับ
ปล.3 ผมลองจินตนาการรายได้ภาคนี้เล่นๆ รายได้ในอเมริกาอาจจะน้อยกว่า The Dark Knight แต่รายได้ต่างประเทศ (โดยเฉพาะเมืองไทย) น่าจะเยอะกว่า เพราะหนังมีฉากแอ็คชั่นระเบิดตูมตามเยอะซึ่งตรงกับความชอบของคนส่วนใหญ่
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 12:52:36
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 12:49:32
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 12:46:04
จากคุณ |
:
unholy
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ค. 55 12:42:47
|
|
|
|  |