************บทความนี้เปิดเผยส่วนสำคัญของหนัง หากใครยังไม่ได้ชมกรุณาข้ามไปก่อนนะครับ****************
ตั้งแต่ผมได้ดู The Dark Knight (ภาค2)มาผมรู้สึกว่านี่คือหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดเลยครับ โนแลนได้สร้างธีทหม่นๆดาร์คๆให้กับเรื่องจนเป็นเอกลักษณ์ของแบทแมน อัศวินแห่งรัติกาลที่ต่อสู้เพื่อเมืองก็อตแธมอยู่ในมุมมืด
ด้วยตัวร้ายโจ๊กเกอร์ที่มาในคราบ Saw! ต่อสู้โดยงัดเอาด้านมืดของปุถุชนขึ้นมาเป็นเครื่องมือ ทำให้เหล่าฮีโร่เอย ตำรวจเอย แทบเขวกันไปตามๆกันเลยทีเดียว ฉากยอดเยี่ยมมีมากมายไม่ว่าจะเป็นเรือ2ลำที่ถูกบังคับให้กดระเบิดกันเอง ฉากไปช่วยใครระหว่างนางเอกหรือฮาร์วี่ เด๊นท์ ฉากเล่นกับจิตวิทยาคนดูอีกนับไม่ถ้วน แม้กระทั้งฉากบู๊แทบจะทุกฉาก(จขกทชอบมากเป็นพิเศษกับฉากขับรถไล่ล่าจากในอุโมงค์) รวมไปถึงการแสดงอันน่าทึ่งของทุกตัวละคร และบทหนังที่กระชับรวดเร็วแต่ระทึกอย่างที่สุด ทำให้ภาค2ของ Trilogy นี้สมบูรณ์แบบ ยากที่จะหาใครมาเทียบเทียมได้
แน่นอนพอภาค3กำลังจะเข้าโรง แฟนๆย่อมแบกเอาความคาดหวังที่เต็มเปี่ยมเข้าไปดูด้วยอย่างแน่นอน จะว่าไม่คาดหวังก็คงไม่ได้ เพราะนี่มันคือบทสรุปของtrilogy นะ มันต้องสุดยอดที่สุดสิ!
แต่กลับกลายเป็นว่าภาค The Dark Knight Risesนี้กลับมีจุดอ่อนอยู่หลายจุด
(เนื้อหาต่อไปนี้สปอยล์เต็มๆ)
***************************************************************
1.แบทแมนอ่อนแอและร้างลาจากศึกนานเกินไป
หลังจากเค้าเสียคนรักไปในภาค2 บรูซ เวยน์ ก็เก็บตัวเงียบ ไม่พบปะใครทั้งสิ้น เค้าปล่อยตัวให้อ่อนแรง ข้อเข่าก็เสื่อม ไปนานถึง7-8 ปี โดยที่กว่าหนังจะพาบรูซกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปเกือบค่อนครึ่งเรื่อง (ยังไม่รวมฉากในคุกนรกใต้ดินอีกครึ่งเรื่อง) และแรงจูงใจที่จะทำให้แบทแมนนั้นกลับมาปกป้องเมืองอีกครั้งนั้นยังไม่หนักแน่นพอ คนดูอาจจะงงได้ว่าหายไปเป็นชาติแล้วทำไมจู่ๆแบทแมนถึงกลับมาตอนนี้
2.ฉากไคลแมกซ์ไปอยู่ในหนังตัวอย่างหมดแล้ว
ข้อนี้จริงแท้แน่นอน ฉากระเบิดสนามกีฬา สะพานถล่ม หรือแม้แต่ขับเครื่องบินยิงกัน หากเรารู้ก่อนหน้านี่จากตัวอย่างหนังมาแล้ว พอเข้ามาดูในโรงจริงมันแทบจะลดความตื่นเต้นไปจนเสียเกือบหมด มันพอจะเดาได้ว่าต่อไปสนามกีฬาจะพังแน่นอน ต่อไปต้องขึ้นเครื่องบินหลบกระสุนกันอย่างเมามันแน่ๆ ทำให้ขาดอารมณ์พอควร
3.ตัวร้ายของเรื่องขาดเหตุจูงใจในการกระทำ
ตัวร้ายของเรื่องต้องการอะไรกันแน่ ฉากในสนามบอลที่ป่าวประกาศคืนอำนาจให้กับประชาชน ให้เวลาประชานชนกดระเบิด มีที่จุดระเบิดอยู่ในหมู่พวกท่าน ต้องการสื่ออะไรกันแน่ ต้องการให้เกิดความโกลาหน?แต่ตนเองและพวกก็วางแผนจะระเบิดเมืองทั้งเมืองทิ้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วจะกดดันคนเผื่ออะไร บีบให้คนคุกและคนจนออกมาจัดการคนรวยมีตังค์ทำไมกันในเมื่อสุดท้ายเมืองทั้งเมืองก็ต้องระเบิดหายวับไปอยู่ดี ในแง่ความแค้นที่มีต่อมนุษย์และต่อแบทแมนเช่นโตมาในหลุมนรกแห่งความมืดนั้น หรือล้างแค้นให้พ่อนั้นยังพอเข้าใจได้เพียงแต่การกระทำยังไม่ไปด้วยกันเท่านั้นเอง นอกจากนี้จขกทคิดว่าตัวร้ายยังร้ายไม่พอและเก่งไม่พอ ที่สำคัญยังน่ากลัวไม่พออีกด้วย
4.ฉากแอคชั่นที่ไม่สุด และดูเหมือนจะน้อยเกินไป
ฉากเครื่องบินต้นเรื่องเกือบจะสนุก แต่ด้วยการตัดต่อหรืออะไรไม่ทราบทำให้ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ทั้งๆที่เป็นฉากเปิดเรื่องน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ต่อมาฉากปล้นตึกหุ้นแล้วขับมอเตอร์ไซด์ออกมา ฉากนี้เป็นครั้งแรกเลยที่แบตแมนออกโรงในรอบ7ปี แต่ขาดความมันส์อย่างที่ภาคสองทำไว้มาก มีเพียงแค่ขับตามๆกันไปพอเจอตำรวจก็ขับเครื่องบินหนี คนดูยังไม่ทันได้ลิ้มรสความแอคชั่นเลย ต่อมาที่ฉากต่อสู้ตัวต่อตัวของแบทแมนและเบน มันคือการเตะต่อยดีๆนี่เอง ขาดซึ่งกระบวนท่าไหวพริบชั้นเชิงใดๆแค่โดนอัดๆๆแล้วจบ ฉากสุดท้ายไล่ล่าเอาระเบิดนิวเคลียร์ซึ่งเป็นฉากจบแทนที่จะทำให้คนดูฟินนนนนน แต่มันไม่สุด มันไม่ลุ้น มันเดาได้ มันไม่กดดัน ไม่หวาดเสียว ไม่บู๊ล้างผลาญพอ ไม่มีดราม่าเคล้าน้ำตา และไม่ถึงจุดไคลแมกซ์
5.ความไม่เป็นเหตุเป็นผลกันในหลายจุด
ข้อแรก แบทแมนอยู่ในคุกนรกแล้วอยากกลับมาช่วยเมืองเพราะอะไรในเมื่อเมืองเละเทะขนาดนั้นแล้ว แบทแมนจะกลับมาช่วยกู้สถานการณ์ตรงไหนได้กันแน่ ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆแล้วสิ่งที่แบทแมนทำก็คือเพียงเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปทิ้งด้วยความคิดแวปสุดท้าย ซึ่งตรงนี้หากคนอื่นคิดได้ก่อนหน้านี้ เครื่องบินทหารก็เอาไปทิ้งได้เช่นกัน ไม่ต้องรอแบทแมนหรอก
ข้อสอง ตอนแรกชาวเมืองโกรธและเกลียดแบทแมนมากว่าเค้าคือคนร้ายตัวจริง คือคนที่ทำให้เด้นท์ตาย แต่จู่ๆฉากถัดมา แบทแมนก็กลับมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตำรวจแล้ว หนังยังไม่ทันได้อธิบายว่ามีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้แบทแมนกลับมาเป็นฮีโร่อีกครั้งนึง ยังขาดจุดที่ทำให้คนในเมืองกลับมาเลิกเกลียดแบทแมน
ข้อสาม เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเบนทำให้คนจนหรือคนในคุกแค่พันกว่าคนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านคนรวยกันหมด หนังยังเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่าไหร่กับจุดตรงนี้ ยังขาดแรงกดดันแรงจูงใจ ที่มาที่ไปของสงครามกลางเมือง
ข้อสี่ จู่ๆแบทแมนจะรักสาวสวย(ซึ่งเป็นคนร้าย)ก็รัก จู่ๆจะรักแคทวูแมนก็รัก หนังยังไม่มีเหตุการ์มากพอที่ทำให้เกิดความรักครั้งใหม่ของบรูซได้เลย (ขนาดรักเก่าจะเศร้ามาถึง7-8ปี)
ข้อห้าทำไมต้องเลือกผู้หญิงผู้รักษ์โลกคนนี้เป็นผู้ทราบรหัสเปิดปิดระเบิดนิวเครียล์ล่ะ จะว่าเป็นแผนการณ์ของคนร้ายก็ไม่ใช่นะ เพราะพวกพระเอกเป็นคนเลือกเอง
ข้อหก ตำรวจทั้งเมืองจะลุยลงไปในอุโมงค์แล้วไปโดนขังอยู่ในนั้นเพื่ออะไรกัน มันช่างไร้เหตุผลเกินไปหน่อยไหม
ข้อเจ็ด ตำรวจหนุ่ม อยู่ๆก็รู้ทุกเรื่องได้อย่างรวดเร็ว รู้กระทั้งแบทแมนเป็นใครและยังล่วงรู้แผนการของคนร้ายรู้สถานที่จุดระเบิด โดยที่หัวหน้าตำรวจหรือคนอื่นๆแทบไม่รู้เรื่องเลยเป็นไปได้เหรอ เข้าใจว่าพยายามสร้างบทพระรองให้กับตำรวจหนุ่ม(ที่ต่อไปจะกลายเป็นโรบิน) แต่หลายๆเหตุการณ์คนดูยังไม่เชื่อมากพอ
6.ความขัดแย้งของเรื่องราวสู้ภาคเก่าไม่ได้
ภาคที่แล้วคือความกดดันอย่างที่สุดเมื่อต่อกรกับโจ๊กเกอร์ ไม่ว่าจะเล่นในแง่จิตใจที่ชั่วร้ายของคนยามคับขันที่จะต้องเอาตัวเอง"รอด"ก่อนคนอื่น เล่นในแง่ภาพพจน์ดี-ร้ายของแบทแมนและฮาร์วี่ คนนึงต้องอยู่ในภาพพจน์ที่ดีเป็นที่รักของประชาชนเพราะประชาชนขาดที่พึ่ง ส่วนอีกคนต้องปิดทองหลังพระกอบกู้เมืองแต่ต้องหลบอยู่ในมุมมืดไม่มีใครเห็นความดี แม้กระทั้งเรื่องราวของความรักที่ลึกซึ้งซับซ้อนและสุดท้ายแล้วนางเอกเองยังเลือกฮาร์วี่ตัวแทนภาพพจน์ของความดีนั่นเอง ยังมีแง่มุมของกอร์ดอน ตำรวจผู้รู้ความลับแต่ต้องปฏิบัติความยุติธรรมท่ามกลางการทรยศของคนรอบข้าง และตัวตนของโจ๊กเกอร์และแบทแมนเองที่มีมุมมืดที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่เลือกคนละเส้นทางเดินเท่านั้นเอง
เหล่านี้ล้วนขาดไปในภาคสามแทบทั้งสิ้น ภาคนี้ไปเน้นจุดที่ คนจนลุกฮือต่อต้านคนรวยเกิดสงความกลางเมืองย่อยๆขึ้นแค่นั้น มันยังเบาหวิวไม่หนักพอเท่าภาคสอง จริงๆก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องให้เหตุและผลมันซับซ้อนอะไรมากขนาดนั้น แต่แรงจูงใจที่เข้มข้น ความขัดแย้งในตัวคนแต่ละคนที่ชัดเจน มันจะดึงอารมณ์ร่วมของคนดูให้รู้สึกไปจนถึงจุดพีคได้ง่ายกว่าการสร้างแรงจูงใจที่ไร้น้ำหนัก
7.อารมณ์ของหนังยืดยาวและเริ่มสนุกช้าเกินไป
คล้ายเหตุผลข้อแรกคือแบทแมนเก่งช้าไป แต่นอกเหนือจากนี้ บทของภาคนี้ยังไม่กระชับพอ ความรู้สึกคนดูไม่ได้ถูกบิวท์ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่มันราบเรียบ ยืดยาวออกจะน่าเบื่อและทันใดนั้นก็แทรกฉากระเบิดอันยิ่งใหญ่เข้ามา ประกอบกับอารมณ์ลุ้นกดดัน และฉากแอคชั่นที่มีน้อยนั้น ทำให้ความสนุกนั้นมาช้าและมาน้อยเกินไป
***************************************************************
ข้อดี
1.ตัวละครใหม่ๆมีสเน่ห์ เช่น
แคทวูแมนมีท่าทีการต่อสู้ที่สวยงาม เธอมีลูกเล่นแพรวพราว ลึกลับน่าค้นหา แต่ในบางมุมเธอก็เป็นคนน่ารักที่แอบมีตลกร้าย และความขัดแย้งสูง อยู่ในตัว
ตำรวจหนุ่ม เป็นพระเอกแทนได้เลยทีเดียว เป็นตำรวจที่คล้ายกอร์ดอนคืออยู่ข้างความถูกต้อง ฉลาด หัวขบถ และช่วยแก้สถานการณ์ต่างๆให้ดีขึ้นมาก
2.ฉากแอคชั่นและCGที่สวยงาม ไม่ว่าจะรถ เครื่องบิน เมือง หรือฉากระเบิด ในภาคนี้ทำได้เนียนและงดงามดีแม้จะยังขาดความดิบและหม่นๆแบบภาค2
3.ฉากจบและบทสรุปที่งดงามสมบูรณ์ อัลเฟรดได้ไปนั่งจิบกาแฟและเห็นภาพที่เขาอยากเห็นมาทั้งชีวิต ตำรวจหนุ่มค้นพบรังของแบทแมน เขาลาออกจากการเป็นตำรวจและแน่นอน เขากำลังจะกลายเป็นโรบิน! แม้จะเป็นสูตรสำเร็จพอควร แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องดีของภาคนี้
****************************************************************
สรุป
จขกท.ยังไม่เคยตั้งกระทู้วิจารณ์เป็นจริงๆเป็นจังเท่านี้มาก่อน แต่ด้วยความที่รักหนังภาคสองมาก(และรักหนังของคริสโตเฟอร์ โนแลนมากกกก) จึงอยากขอเขียนรีวิวตามสไตล์ดูเองบ้าง และจขกทไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตี ว่าร้ายหรือจ้องจับผิดให้กับภาค3นี้แต่อย่างใด เพียงแต่กลับมานั่งคิดว่าหลังจากดูหนังไปแล้วเรารู้สึกขาดตรงไหนบ้าง ....ใจจริงยังอยากเชียร์ให้คนไปดูกันเยอะๆให้กำลังใจเฮียโนแลนเค้าหน่อยด้วยซ้ำนะครับ เพียงแต่จขกทยอมรับว่าตัวเองคาดหวังไว้สูงมากกับภาคนี้ และผลหลังจะที่ได้ไปดูมาก็คือความสนุกที่ครึ่งๆกลางและยังไม่อิ่มนั่นเอง
หากจะกล่าวว่าภาคThe Dark Knight Risesนี้ไม่สนุก คงจะเป็นไปไม่ได้ หนังของโนแลนฉบับนี้ยังคงทำได้ดีในตัวของมันเอง เพียงแต่หากคุณตั้งความหวังว่ามันจะต้องสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก มากที่สุดในโลก คุณอาจจะผิดหวังได้ เพราะจุดพีคของทั้งสามภาคไปอยู่ที่ภาค2หมดแล้ว แต่หากคุณไม่ได้ตั้งความหวัง หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง ครบรส และยังทำให้คนดูยิ้มได้กับบทสรุปที่ประทับใจ เพื่อนๆที่ดูแล้วคิดเห็นอย่างไรแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ ^^
(ปล.ใครดูระบบดิจิตอลจะได้ชมตัวอย่าง Man of steel กันด้วยนะคร้าบบบบ)