ความคิดเห็นที่ 1 +++จะหลากแนวหรือหลายสไตล์... ขอเพียงให้สะท้อนแง่มุมชีวิต “ก็ใช่เลย” +++ ผู้แทนจาก บ.SMG (Shanghai Media Group) ธุรกิจบันเทิงชั้นนำของเซี่ยงไฮ้ให้ข้อมูลว่า ผู้ชมละครชาวจีนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มแม่บ้าน (แต่งงานแล้ว) อายุ 30 ขึ้นไป ซึ่งจะดูละครหลังจากเสร็จหน้าที่การงานภายในบ้านแล้ว โดยผู้ชมชาวจีนส่วนใหญ่จะชอบละครย้อนยุค ละครสะท้อนสังคม ละครความรัก และละครแนวสู้รบ จากสถิติในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 สะท้อนให้เห็นว่า ละครที่คนจีนให้ความนิยมมาก คือ ละครที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตซึ่งสะท้อนออกถึงแง่มุมต่างๆ ในวิถีชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ละครที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 คือเรื่อง “จินไท่หลางเตอะซิ่งฝูเซิงหัว (金太郎的幸福生活)” ซึ่งเล่าเรื่องถึงสตรีที่เอาชนะอุปสรรคจนประสบความสำเร็จในชีวิต อันดับ 2 คือเรื่อง “อู่เฮ่าเท่อกงจู่ (五号特工组)” ซึ่งเป็นเรื่องราวของตำรวจพิเศษสายลับสืบสวนคดี และอันดับ 3 คือเรื่อง “เจินหวนจ้วน(甄嬛传)” ซึ่งกล่าวถึงสตรีชั้นสูงในวังที่เผชิญเรื่องราวความรักในชีวิตตั้งแต่เข้าวังจนถึงบั้นปลาย ทั้งนี้ แม้ว่าทั้ง 3 เรื่องจะเป็นละครต่างแนวกัน แต่ก็ล้วนสะท้อนถึงแง่มุมชีวิตและความรู้สึกของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องหนังนั้น ผู้ชมหนังชาวจีนส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุที่ 17 – 30 ปี ซึ่งก็มีความชื่นชอบหนังหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นหนังแนววิยาศาสตร์ หนังแนวภัยพิบัติ หนังความรัก หรือหนังแอคชั่น ซึ่งหนังไทยอย่าง “องค์บาก” “ต้มยำกุ้ง” หรือหนังแนวสยองขวัญของไทยก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย ทั้งนี้ ในปัจจุบันคอหนังชาวจีนค่อนข้างให้ความสนใจอย่างมากกับหนัง 3 มิติ (หนังแนวแอคชั่นเหมาะกับการทำเป็นแบบ 3 มิติ) จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 S เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 22:58:49

ความคิดเห็นที่ 2 +++ละคร/หนังต่างชาติมาแรง... โดน “กำแพงเมืองจีน” สกัดดาวรุ่ง+++ เป็นที่ทราบกันดีว่า กระแสละคร/หนังต่างชาติ (นับรวมของไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊าด้วย) ในปัจจุบันได้รับการตอบรับจากผู้ชมชาวจีนไม่น้อย และหากว่าละคร/หนังต่างชาติมาแรงจนเกินไป แล้วละคร/หนังของจีนเองจะไปอยู่ที่ไหน? นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจีนต้องตั้ง “กำแพงเมืองจีน” มาสกัดละคร/หนังต่างชาติเหล่านี้ ปัจจุบันจีนได้ตั้ง “กำแพง” หรือที่เรียกกันว่า “โควต้า” สำหรับละคร/หนังต่างชาติที่จะเข้ามาฉายในจีนแต่ละปี โดยละครถูกจำกัดให้ฉายได้ไม่เกินปีละ 1,800 ตอน และหนังต่างชาติที่ถูกจำกัดให้ฉายในโรงได้แค่ 40 เรื่องต่อปี (รวมของทุกประเทศ) ซึ่งเหตุผลของการกำหนดโควต้าก็คือ การปกป้องสิทธิและประโยชน์ของบริษัทผู้ผลิตละคร/หนังชาวจีนเป็นสำคัญ นอกจากโควต้าแล้ว ยังมีกำแพงอีกชั้น คือ “เซ็นเซอร์” ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อละคร/หนังต่างชาติ โดยจีนมีข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น ละครต่างชาติที่จะเข้ามาฉายในจีนต้องมีความยาวไม่เกิน 50 ตอนต่อเรื่อง และจะต้องฉายในช่วงหลัง 22:00 น. เป็นต้นไป (พ้นช่วงเวลาทอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฉายละครของจีนไปแล้ว) หรือหนังที่ต้องไม่มีเนื้อหาหรือประเด็นรุนแรงหรือมีอิทธิพลต่อเสถียรภาพทางสังคมของจีน เรื่องราวต้องไม่เกี่ยวข้องกับเพศที่สาม ไม่มอมเมาหรือชี้นำแนวคิดของประชาชนจีน เป็นต้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าจีนจะมีทั้งโควต้าหรือเซ็นเซอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าละคร/หนังต่างชาติจะเข้ามาจีนจะต้อง “คอพับกลับบ้าน” ฉายเฉพาะในประเทศของตนเอง ตัวอย่างเช่น หนังไทยเรื่อง “อินทรีย์แดง” และเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” ก็ยังกระโดดข้ามกำแพงโควต้า (40 เรื่อง) และเซ็นเซอร์เข้ามาฉายในโรงทั่วทั้งจีนอย่างประสบความสำเร็จดียิ่ง ขณะที่ละครไทยก็ไม่น้อยหน้า สถานีโทรทัศน์อานฮุย/หูหนานก็ยังเอาละครไทยหลายเรื่องมาฉายผ่านจอแก้วอย่างต่อเนื่องด้วยเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 55 23:00:53 จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 S เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 23:00:22

ความคิดเห็นที่ 3 “กำแพง” หนาแค่ไหนก็ไม่กลัว!! เพิ่มโอกาสชัวร์ด้วยการ “รวมร่าง” กับจีน หลายคนมองว่า การที่ละคร/หนังต่างชาติจะบุกเข้ามา “เดี่ยวไมโครโฟน” ในตลาดบันเทิงจีนต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาจับมือ“รวมร่าง” กับฝ่ายจีนให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย จริงๆ แล้วการร่วมมือผลิตกับจีน (co-production) ก็มีข้อดี คือ จะไม่ติดข้อโควต้าของละคร/หนังต่างชาติ เพราะถือว่าเป็นละครสัญชาติจีน แต่ก็มีเงื่อนไขบางอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมรับซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ “กฎ 1 ใน 3” ได้แก่ ต้องมีทีมงานผู้สร้างต้องเป็นชาวจีนในสัดส่วน 1 ใน 3 และต้องมีงบลงทุนสร้างของจีนอย่างน้อยในสัดส่วน 1 ใน 3 อีกทั้งเนื้อหาของเรื่องจะต้องได้ผ่านการคัดกรองและได้รับอนุญาตจากทางการจีนก่อน ตลอดจนควรมีเนื้อหาเกี่ยวข้องหรือผสมผสานความเป็นจีนลงไปด้วย ทั้งนี้ การสร้างละคร/หนังร่วมกันระหว่างจีนกับต่างชาติอาจจะพบอุปสรรคในเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ผลิตหรือกลุ่มผู้ชมไม่สามารถยอมรับในเนื้อหาของเรื่องได้ และจำเป็นจะต้องปรับแก้อยู่หลายครั้ง ดังเช่นหนังที่จีนร่วมกับสร้างกับอิตาลีแล้วต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาถึง 4 ปี เนื่องจากความแตกต่างของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก อย่างไรก็ดี หากสามารถตกลงร่วมกันสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัวก็จะสามารถประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ดังเช่นละครเรื่อง“แดจังกึม” ที่เกาหลีร่วมมือกับจีน จนมีเพลงประกอบละครฉบับภาษาจีนขึ้นมาโดยเฉพาะ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 S เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 23:01:43

ความคิดเห็นที่ 4 +++อย่าพลาด!! แฟร์เซี่ยงไฮ้.. เวทีแห่งการจุดประกายไฟ “ไทยฟีเวอร์”+++ เมื่อพูดถึงกระแส “ไทยฟีเวอร์ (ความนิยมละคร/หนังไทย)” ในจีนนั้น จริงๆ แล้วมีจุดเริ่มต้นจากการที่ผู้ชมชาวจีนสนใจติดตามชมละคร/หนังไทยผ่านช่องโทรทัศน์จีนหรืออินเทอร์เน็ต โดยกระแสความนิยมมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากการที่ไทยเข้าร่วมงานเทศกาลโทรทัศน์และภาพยนตร์นานาชาติของเซี่ยงไฮ้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง!! ในช่วงงานเทศกาลฯ ได้มีการนำภาพยนตร์ไทยมาฉายในโรงหนังในเซี่ยงไฮ้ด้วย ซึ่งเวทีดังกล่าวได้นำไปสู่การตัดสินใจของ บ.SMG (Shanghai Media Group) ในการซื้อลิขสิทธิ์หนังไทยเรื่อง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" เพื่อเข้าฉายในโรงหนังกว่า 6,000 แห่งทั่วจีน เนื่องจากได้เห็นถึงกระแสความนิยมในนักแสดงนำ (มาริโอ้) และเนื้อหาความรักใสๆ ของหนังเรื่องดังกล่าว ที่ได้เข้าร่วม/เข้าฉายในงานเทศกาลฯ เมื่อปี 2554 ภายในงานเทศกาลฯ ยังมีการมอบรางวัลให้ดาราและผู้กำกับต่างชาติ ซึ่งไทยก็เคยได้รับเช่นกัน โดยดาราไทยที่เข้าร่วมงาน เช่น ป้อง บี้ มาริโอ้ สน แอฟ ต่างเป็นที่รู้จักและได้รับการตอบเสียงกรี๊ดอย่างมากจากแฟนคลับและสื่อจีน ทั้งนี้ งานเทศกาลฯ ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับต่างประเทศ และเป็นเครื่องสะท้อนถึงความนิยมในละคร/หนังต่างชาติของชาวจีนได้เป็นอย่างดี ธุรกิจบันเทิงไทยก็อาจจะอาศัยเวทีดังกล่าวในการโปรโมทและตอกย้ำกระแส “ไทยฟีเวอร์” อย่างต่อเนื่องได้ด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 S เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 23:02:22

ความคิดเห็นที่ 5 +++กระแส “ไทยฟีเวอร์” ดังจนช้างฉุดไม่อยู่!! สู่โอกาสธุรกิจบันเทิงไทยพิชิตจีน+++ จากกระแสความนิยมไทยดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการคลั่งไคล้ดาราไทย หรือสนใจชื่นชอบเนื้อหาแปลกใหม่ของละคร/หนังไทยที่แตกต่างจากจีน ได้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของธุรกิจบันเทิงของไทย (ละคร/หนัง) ที่น่าจะสามารถบุกตลาดบันเทิงของจีนได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันผู้ชมชาวจีนนิยมชมละครเรื่องราวความรักในชีวิตของคน ซึ่งปกติแล้วฝ่ายจีนก็มักจะนำละครไทยจากละครยอดฮิตสูงสุด 3 อันดับแรกจากสถานีโทรทัศน์ไทยช่องต่างๆ โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและครอบครัว ซึ่งตรงตามความชื่นชอบของผู้ชมชาวจีนอย่างมาก นอกจากนี้ ไทยและจีนยังมีโอกาสที่จะผลิตละคร/หนังร่วมกันมากกว่าจีนกับประเทศตะวันตก เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจจะสามารถผลิตละครเนื้อหาเกี่ยวกับวัยรุ่นและละครย้อนยุค หรือหนังความรักวัยรุ่นและแนวสยองขวัญได้  (ซึ่งไทยและจีนต่างก็มีความถนัด) บทความนี้คงช่วยให้ท่านผู้อ่านพอจะเข้าใจสภาพตลาดการบันเทิง กฎระเบียบ และพฤติกรรมการชมของจีนในเบื้องต้น ซึ่งหลายท่านคงจะเห็นด้วยว่า ละคร/หนังและดาราไทยเราก็เป็นที่นิยมในจีนไม่น้อยเช่นกัน โบราณว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ละคร/หนัง/ดาราไทยกำลังมาแรงในจีน ถ้าไม่รีบบุกรีบดันกันแล้ว!! ไทยเราจะปล่อยโอกาสหลุดรอยไปให้ละคร/หนังจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียคาบแซงหน้าไปเชียวหรือ? จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 S เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 23:04:31

ความคิดเห็นที่ 6 บทความน่าสนใจมาก ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : mini_me_yo เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 23:52:41

ความคิดเห็นที่ 7 กดโหวตให้ค่ะ จากคุณ : myjay เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 00:29:36

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ต้องไปตามตลาดก็ได้นะแค่ผลิตผลงานของเราให้มีคุณภาพก็พอ แค่นี้ก็เป็นใบเบิกทางแล้ว จากคุณ : tubtord เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 06:53:10

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากภาพยนตร์ และ ละครไทยแล้ว เดี๋ยวนี้มีรายการทีวีจากจีน มาถ่ายทำในไทยด้วยนะ ล่าสุดที่ดูเมื่อสักครู่นี้เองเพิ่งออกอากาศ พอดูจบ ยังมีต่ออีกสัปดาห์หน้าอีก ตามรอยศิลปินดัง เติ้ง ลี่ จิง มาถ่ายทำที่เชียงใหม่เลย จากคุณ : 108movies เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 55 22:39:09

ความคิดเห็นที่ 10 บทความหน้าสนใจมากเลยคะ อ่านเพลิน สวนตัวมีความเชื่อว่า ว่าเป็นในแบบของเรา มีคุณภาพ พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเอาใจตลาดนอก ทำในแบบที่ไทยเป็นนี่แหละ แล้วคนอื่นจะเข้ามาสนใจเราเอง เหมือนที่เป็นมา แค่เพิ่มการสนับสนุนบางส่วนก็พอ จากคุณ : mydream99_girl เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 01:53:41

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณที่เอาข่าวมาบอกค่ะ ^^ จากคุณ : ชื่อที่ไม่มีใคร เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 55 22:58:36