ความคิดเห็นที่ 1 ผ่านมาเป็นเวลาเจ็ดปีแล้วที่ Batman Begins ได้ออกมาสู่สายตาพวกเรา ได้พูดถึงต้นกำเนิดใหม่ของ Batman ให้เราได้รู้จัก บรูซ เวย์น(คริสเตียน เบล) ในแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 23:50:28

ความคิดเห็นที่ 2 การเดินทางของบรูซ เวย์น มาต่อใน The Dark Knight ภาพยนตร์ในตำนานพร้อมกับการแสดงที่สะกดทุกสายตาของ ฮีท เลดเจอร์ ครั้งนี่พระเอกของเราต้องถูกทดสอบทางด้านจิตใจ ว่าเขาจะยังเป็นคนยึดหลักอยู่ในอุดมการณ์หรือไม่ หนังยังได้ให้ข้อคิดศีลธรรมกับเราหลายอย่าง พร้อมกับฉากจบที่ Batman ยอมเป็นได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งคนเลวในสายตาของประชาชนเมือง จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 23:52:58

ความคิดเห็นที่ 3 และในปีนี้การเดินทางของบรูซ เวย์น มาถึงจุดสุดท้าย ตอนจบของไตรภาค The Dark Knight Rises จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 23:56:59

ความคิดเห็นที่ 4 วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2555 มีการจัดรอบสื่อมวลชนในหลายๆที่ของกรุงเทพครับ ผมได้ไปดูรอบของโนเกียที่จัดขึ้นบนโรงหนัง พารากอน ซีนีเพล็ก ไปกับกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ และพี่ Doc Holliday จาก comics66 พอเข้ามาในโรงก็เอาล่ะเราจะได้ดูหนังฮีโร่ในดวงใจ รอคอยมาตั้ง 4 ปี พอเรื่องเปิดขึ้นมาก็เป็นฉากเปิดตัวเบน 6 นาทีที่เคยฉากแปะหน้า Mission Impossible ยังคงได้รับความประทับใจและเร้าใจเช่นเคย แต่เมื่อตัดมาฉากอื่นนี่สิผมรู้สึกว่าหนังมีปัญหาในการเล่าเรื่องเหมือนเร่งจังหวะเกินไป จนเรายังไม่ทันจับใจความหรือซึมฉากพวกนั้นได้ดีพอ จนรู้สึกว่ามันโดดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เครื่องปฏิกิริยา ฟิวชั่น เรื่องการเมืองในบริษัทเวย์น เรื่องของเซลีน่า ไคล์(แอน์น ฮาธาเวย์) รวมถึงฉากแอคชั่นที่บุกเข้าไปติดกับของเบน ภาคนี้การอธิบายที่มาที่ไปดูจะไม่ค่อยดีอย่างเช่นการที่ จอห์น เบลค (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิท)  รู้ตัวแบทแมนโดยการมองหน้า บรูซ เวย์น นี้ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีเหตุผลที่ดีเท่าไร แถมยังพกความมั่นใจไปหาแบบไม่กลัวจะหน้าแหกคาบ้านเขาด้วยนะ ชุดของนางแมวป่ามาจากไหนและแว่นบนตาทำอะไรได้บ้างก็ไม่ได้บอก  จนผมกลัวแล้วว่าหนังจะออกมาไม่ดี ใน 30 นาทีแรกคนที่โดดเด่นกว่าใครคือ แอนน์ ฮาทาเวย์ ที่เล่นบท นางแมวป่า หรือ เซลีน่า ไคลย์ ตีบทแตกมากทั้งหน้าตาและท่าทาง ที่ดูเป็นแมวขโมยที่พร้อมใช้มารยาหญิงหลอกผู้คนได้ตลอด จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:02:05

ความคิดเห็นที่ 5 “คุณกลัวอะไร คุณเวย์น” – เฮนรี่ ดูคาร์ด จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:03:06

ความคิดเห็นที่ 6 โทนครึ่งแรกของหนังเน้นไปที่ความกลัวของตัวละคร ทุกคนต่างกลัวความจริงที่ปิดบังเอาไว้ กอร์ดอน กลัวความจริงเรื่อง ฮารวีย์ เดนท์ จะทำลายความสงบสุขเมือง จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:03:51

ความคิดเห็นที่ 7 อัลเฟรด กลัวจะบอกเรื่องจดหมายเรเชล จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:04:30

ความคิดเห็นที่ 8 บรูซ เวย์น กลัวการใช้ชีวิตใหม่ที่ไร้เรเชลเพราะยังยึดมั่นว่าเขาคือคนที่เธอเลือก จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:04:57

ความคิดเห็นที่ 9 เซลีน่า ไคลย์ กลัวการกระทำเก่าๆจะย้อนมาเล่นงานเธอและต้องการลบมันทิ้งเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:05:31

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกอย่างดูจะหยุดอยู่กับที่ แต่อย่างที่โจ๊กเกอร์ว่าไว้ ความบ้าคลั่งเหมือนกับแรงโน้มถ่วงแค่สะกิดเบาๆมันก็หล่นใส่ใครก็ได้ ความกลัวก็เช่นกันหากมันได้ถูกผลักไปนิดเดียวความกลัวทั้งหมดมันจะหายไป และแรงผลักดันในนี้คือ นายตำรวจหนุ่มไฟแรง จอห์น เบลค จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:08:31

ความคิดเห็นที่ 11 “คุณยังไม่หมดศรัทธากับผมอีกเหรอ” – บรูซ เวย์น “ไม่มีวัน” – อัลเฟรด หาก อัลเฟรด(ไมเคิล เคน) คือคนที่ไม่หมดศรัทธากับ บรูซ เวย์น จอห์น เบลค คงเป็นคนที่ไม่หมดศรัทธากับ แบทแมน ตัวละครจอห์น เบลค คือตัวขับเคลื่อนสำคัญทำให้ทุกอย่างก้าวไป การกระทำของเขาจุดให้เป็นลูกโซ่ จนกลไกของ แบทแมน ทำงาน ส่วน อัลเฟรด ภาคนี้ออกมาน้อยกว่าทุกภาค แต่ทุกฉากที่เขาได้ออกมา สะกดคนดูได้อยู่มัด กับคำพูดของพ่อบ้านแสนดี คนที่เปรียบเหมือนเป็นพ่อคนที่สองของบรูซ ต้องพูดความจริงเรื่องเรเชล ในใจรู้ดีว่าหากพูดไปคนที่ดูแลมาทั้งชีวิตต้องเกลียดเขา ทำผมถึงกับน้ำตาคลอเลย จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:15:45

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อตัวหนังผ่านมาครึ่งเรื่อง โนแลน ก็ไม่ทำให้ผิดหวังความต่อเนื่องการเล่าเรื่องแบบน่าติดตามฉบับของเขาก็กลับมา ทั้งการต่อสู้ของ แบทแมน กับ เบน ที่ดูครั้งแรกให้ความรู้สึกขนลุกและต้องร้องเห้ย! แบทแมน โดน หักหลังแบบในการ์ตูน ในตอนแรกผมคิดว่าเขาคงอัดกันหน้ากากเละอย่างเดียวไม่คิดจะมีฉากนี้เข้ามา ทอม ฮาร์ดี้ มีฉากโชว์พลังการแสดงถึงสองฉาก หนึ่งคือฉากประกาศตนต่อชาวก็อธแธม ที่สนาม Gotham Rogue ที่ดูจะธรรมดาไปหน่อย สองฉากประกาศความจริงเรื่อง ฮาร์วี่ย เดนท์ ตรงนี้ทำได้ดีขึ้นมานิดมีการแสดงผ่านแววตาได้ดีครับ แต่ก็ยังรู้สึกไม่ประทับใจอยู่ดีแหละนะ ตัวละครเบน เรื่องนี้ผมรู้สึกว่ามันเล่นยากคือนอกจากต้องใส่หน้ากากแล้ว การจะเล่นให้ดีกว่า โจ๊กเกอร์ จากภาคก่อนที่ทำมาตราฐานไว้สูงยิงเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก รวมทั้งภาคนี้ตัวละครเบนไม่ค่อยมีฉากให้โชว์ของมากๆแบบ โจ๊กเกอร์ ด้วย ไม่แน่ใจว่าเป็นที่บทหรือคนเล่นที่ทำให้ตอนหลังของ เบน ดูแผ่วลงมาก จนทำให้ผมนึกถึงบทบาท ราซ อัล กูล ตัวปลอมที่ เคน วาตานาเบ้ เล่นไว้ใน Batman Begins จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:18:16

ความคิดเห็นที่ 13 “ทำไมเราถึงล้ม บรูซ” – โทมัส เวย์น ช่วงที่หนังดูมีพลังสุดคือตอนที่ บรูซ เวย์น ติดอยู่ในคุกหลุม และพยายามรักษาตัวเอง พร้อมกับปีนขึ้นมาจากหลุมถึงเขาล้มเหลวถึง 2 ครั้งแต่นั้นไม่ทำให้ บรูซ ยอมแพ้ เพราะคำสอนของพ่อเขาเอง “ทำไมเราถึงล้ม บรูซ เพื่อจะได้รู้จักว่าจะลุกขึ้นมาได้ยังไง”  หากตัวไม่ตายจากเขาจะไม่ยอมแพ้ ครั้งที่ 3 ในการปีนเป็นฉากที่ดูทรงพลังพร้อมกับเพลงประกอบของ ฮานส ซิมเมอร์ ทำให้อินและฟินในหนังได้อย่างดี เมื่อปีนสำเร็จทุกคนที่ส่งเสียงต่างร้องเฮ ในใจผมอยากจะลุกขึ้นมาเฮด้วย แต่ก็เกรงใจนะ 5555 จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:21:58

ความคิดเห็นที่ 14 “มรดกตระกูลเวย์น ไม่ได้เป็นแค่อิฐกับปูน” – อัลเฟรด มาถึงช่วงท้ายของหนังเรียกว่า โนแลน ใส่มาไม่ยั้งแต่ละฉากที่ทำมาน่าตื่นเต้นขนลุก ทั้งการเปิดตัวการกลับมาด้วยไฟค้างคาวที่คงจะล้อไปยังคำพูดในตอนต้น ที่สมุนของเบนถามว่า ”ไฟจุดติดรึยัง” “แน่นอน ไฟติดแล้ว” เหมือนเป็นการพูดนามธรรมเฉยๆ แต่ฉากนี่ แบทแมน จุดให้ดูจริงๆเป็นสัญญาณว่าฝ่ายธรรมะจะกลับมา “ผงาด” คำพูดกินใจหลายๆอ่านได้โผล่เข้ามาอย่างเช่น “คุณไม่ติดค้างคนพวกนี้อีกแล้ว คุณได้ให้ทุกอย่างแก่พวกเขาไปหมด” – นางแมว “ไม่ทุกอย่าง ไม่หมด” – แบทแมน เซลีน่าพยายามชวนให้เขาหนีออกมาแต่ บรูซ ไม่ยอม เพราะต้องการปกป้องเมืองนี้ เมืองที่พ่อแม่เขาร่วมกันสร้างขึ้นมา และมันกำลังเป็นเถ้าถ่านหากเขาไม่หยุด เบน จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:24:15

ความคิดเห็นที่ 15 “คุณได้เรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่จำเป็นหรือยัง” – ราซ อัล กูล ช่วง 30 นาทีสุดท้ายบทเพลงของ ฮานส ซิมเมอร์ พร้อมกับการเล่าเรื่องของ คริส โนแลน ทำให้เราลุ้นเรียกว่าเหนื่อยมากๆ ทั้งความอลังการกับฉากสงครามปฏิวัติเมือง ก็อธแธม , ฉากไล่ล่าบนท้องถนนของ The Bat และ Tumbler  ฉากซึ้งๆระหว่าง แบทแมน และ กอร์ดอน ทำเอาหยุดหายใจเลยทีเดียว  ในตอนท้ายของหนังได้ตอบคำถามที่ ราซ อัล กูล ได้มอบหมายไว้ให้แก่เขาใน Batman Begins “ถ้าคุณทำตัวให้เหนือมนุษย์  ถ้าคุณทุ่มเทตัวเองให้กับอุดมการณ์ และถ้าพวกเขาหยุดคุณไม่ได้ คุณจะกลายเป็นอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง” คำตอบนั้นก็คือ แบทแมนได้กลายเป็นตำนานของก็อธแธม แบทแมน ได้สละชีวิตนำระเบิดนิวเคลียร์ไปทิ้งทะเล ท่ามกลางความดีใจของประชาชนในเมือง แต่จอห์น เบลค ผู้มองเห็นเหตุการณ์ หมดศรัทธา กับระบบความยุติธรรมที่เขาเชื่อทั้งคำโกหกของ กอร์ดอน และ การฟังคำสั่งโดยไม่มองถึงชีวิตผู้คน มีการจัดงานศพบรูซ เวย์น อย่างลับๆ อัลเฟรด ขโมยซีนอีกครั้งน้ำตาผมคลออีกแล้ว เมืองก็อธแธมมีการสร้างรูปปั้นถึงวีระกรรมกล้าหาญผู้ช่วยเมืองไว้ จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:27:28

ความคิดเห็นที่ 16 “คุณไม่ได้รับข้อความเหรอ” – วิลเลี่ยม เอิร์ล ตลอดทั้งเรื่องมีการย้ำเรื่องระบบควบคุมยานอัตโนมัติถึง 3 ครั้ง ว่ายานไม่สามารถใช้ระบบนี้ได้ จนมาหักมุมตอนจบว่าระบบถูกซ่อมเสร็จไปแล้วเมื่อ หกเดือน  ก่อนแบทแมนนำยานไปทิ้งระเบิด ลูเซียส ฟ็อก ได้ยินแล้วยิ้ม “ผมได้รับข้อความคุณแล้วคุณเวย์น” จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:28:43

ความคิดเห็นที่ 17 “ดูสัญญาณผมไว้” – แบทแมน เมื่อกอร์ดอนมาถึงสถานีตรวจตราข้อมูลอาชญากรรมบนตึกตามปกติ แต่ต้องตกใจเมื่อสัญญาณค้างคาวถูกซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ เขาเอามือมาสัมผัสมันด้วยความดีใจ แบทแมน ยังไม่ไปไหนเขาคงอยู่แถวๆนี้ กำลังยุ่งอยู่ จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:29:34

ความคิดเห็นที่ 18 “ผู้ชายที่ฉันรัก คนที่หายไป เขาไม่เคยกลับมาเลย บางทีเมื่อก็อธแธมไม่ต้องการแบทแมน เขาอาจจะกลับมา” – เรเชล  บรูซ เวย์น แบ่งมรดก ยกคฤหาส์น เวย์น ให้กับสถานเด็กกำพร้า และนำทรัพย์สินที่ขายไม่ได้ยกให้แก่ อัลเฟรด แต่มีของอยู่ชิ้นนึงที่หายไป “สร้อยไข่มุกของมาร์ธา เวย์น”  อัลเฟรด เดินทางไปที่ฟลอเรนซ์  (อาจเพราะตามรอย GPS ที่อยู่กับสร้อย) นั่งอยู่โต๊ะประจำของตน และเมื่อมองไปยังตรงข้างหน้าเขาได้เห็น บรูซ เวย์น ยังมีชีวิตและมีความสุข เขาทิ้งความเป็น บรูซ และ แบทแมน ไว้เบื้องหลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับคนรัก เซลีน่า ไคลย์ จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:31:35

ความคิดเห็นที่ 19 “การฝึกไม่สำคัญ ความตั้งใจคือทุกสิ่ง” – ราซ อัล กูล จอห์น เบลค ไปฟังการประกาศพินัยกรรมของ บรูซ เวย์น และเมื่อกลับมารับกระเป๋ากลับพบของที่ฝากไว้ให้เขาโดยใช้ชื่อจริง “โรบิ้น เบลค” เบลค เปิดกระเป๋าพบตัวเลขตำแหน่ง พร้อมอุปกรณ์ต่างๆในนั้น เบลค ตามรอยตำแหน่งไปพบกับเหวลึก ที่เบื้องหน้ามีถ้ำน้ำตกขนาดใหญ่รออยู่ เขาใช้อุปกรณ์ที่ได้มาโรยตัวเข้าไปยังถ้ำ มันมืดและอับชื้น มองไม่เห็นทาง เบลค นำไฟฉายส่องไปเบื้องหน้ามีฝูงค้างคาวขนาดใหญ่บินรายรอบตัว จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:33:14

ความคิดเห็นที่ 20 เบลค ก้าวไปเรื่อยๆด้านในห้องโถงขนาดใหญ่ แล้วพื้นที่อยู่ใต้น้ำยกตัวเขาขึ้น เพื่อบอกว่า อัศวินรัติกาลคนใหม่ได้ลุกขึ้นมาแล้ว ตำนานของ บรูซ เวย์น จบลงแต่การเดินทางของ จอห์น เบลค เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แล้วหนังก็จบ ถึงตรงนี้ผมลุกขึ้นมาปรบมือเลย มันซึ้งกินใจมาก อัลเฟรด ได้เห็นคนที่เหมือนเป็นลูกมีความสุข บรูซ เวย์น ได้ใช้ชีวิตก้าวต่อไปพร้อมกับ เซลีน่า คอยเดินข้างๆ  ก็อธแธม ไม่ต้องการ แบทแมน อีกแล้วเพราะมันกลายเป็นสัญลักษณ์ให้กับชาวเมืองให้ลุกขึ้นสู้ แต่ถึงวันใดที่เมืองนี้ต้องการ แบทแมน เขาจะกลับมาคงต้องขึ้นกับ จอห์น เบลค แล้วล่ะครับว่าจะตัดสินใจสวมชุดออกไป หรือแค่ใช้อุปกรณ์ที่ บรูซ ทิ้งไว้ให้เฉยๆ ออกสู้กับเหล่าร้าย จอห์น เบลค ผมมองว่าเขาไม่ใช่ โรบิ้น ใครคนใดคนนึงแต่เป็นตัวแทนโรบิ้น ทั้งสาม กำพร้าพ่อแม่และเป็นตำรวจแบบ ดิ๊ก เกรย์สัน สืบหาตัวจริงแบทแมนตัวเองได้แบบ ทิม เดร็ก ไฟแรงหัวรั้นไม่ฟังใครแบบ เจสัน ท็อต จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:37:18

ความคิดเห็นที่ 21 สรุปแล้วนี่เป็นการปิดไตรภาค แบทแมน ได้สมบูรณ์ และทรงพลังมากครับ ส่วนที่ผิดพลาดและสะดุดในช่วงแรกทำให้ลืมไปเลย กลับบ้านมาได้แต่อมยิ้ม มีความสุขมาก กับบทสรุปของไตรภาคนี้ ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคนจริงๆ ที่ทำให้ ค้างคาว ได้สยายปีกแบบที่ควรจะเป็น ขอบคุณจริงๆ “ผมยังไม่ได้ขอบคุณ” – เจมส์ กอร์ดอน “แล้วก็ไม่ต้องด้วย” – แบทแมน จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:38:35

ความคิดเห็นที่ 22 จบแล้วครับผม ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ในส่วนฉากจบเป็นแค่ความคิดจากผู้เขียนไม่ใช่บทสรุปที่แท้จริงนะครับ หลายท่านอาจจะมองไม่เหมือนผมคงอยู่ที่ใครจะตีความยังไงแล้วแหละ บทความเก่า แฟ้มคดีฆาตกรรมตระกูล Wayne http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12361112/A12361112.html บันทึกการฝึกจากภูฏาน http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12366383/A12366383.html เธอชื่อ....เซลีน่า ไคล์ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12370822/A12370822.html บันทึก..การพัฒนาฐานที่มั่นถ้ำค้างคาว http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12398965/A12398965.html ติดตามข่าว comics ได้ที่ http://www.comics66.com ปล. แถมอันนี้เป็นคลิปที่คนแข่งแฟนพันธุ์แท้ Batman ไปออกรายการช่างคุยครับ ถกกันเรื่อง Batman ความยาวสองชั่วโมงอาจจะนานไปหน่อยพอฟังได้เพลินๆครับ :D จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 00:48:37

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบมากเช่นกันค่ะ ตลอดปีที่ดูหนังฮีโร่มา ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย ชนิดที่ว่า ดูเสร็จตอนเที่ยงคืน ตอนนี้ต้องมาหากระทู้อ่านต่อ ไม่หลับไม่นอน 555 เพราะมันยังอินอยู่ ชอบการดำเนินเรื่อง เนื้อหา และการจบแบบสมบูรณ์แบบที่สุดจริงๆ อ้อ ชอบนางแมวภาคนี้ด้วย อิอิ ตอนสุดท้ายลุ้นว่าคนที่นั่งคู่กับพระเอกจะเป็นเซลีน่าไหมน้า แล้วก็ใช่จริงๆด้วย แค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ 5555 จากคุณ : kurapik เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:43:06

ความคิดเห็นที่ 24 . ดูเหมือนภาคแรก จะมีบทสนทนาคมๆ สวยๆ ให้ขบคิดเยอะเลย โหวตจ้า . แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 01:58:06 จากคุณ : last_february เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:52:59

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านรีวิวนี้แล้ว.....ได้ยินเสียงของคำพูดต่างๆที่ยกมาแว่วมาเลยทีเดียว เยี่ยมมากค่ะ ^^ เราก็เหมือนกันนะ พอ TDKR จบอยากจะกราบขอบคุณ Nolan งามๆ ตอนดูนี่มันลุ้นมาก เพราะผู้กำกับคนนี้อาจฆ่าพระเอกเพื่อปิดตำนานได้ทุกเมื่อ แต่เค้าไม่ทำ เค้าเลือกจะจบอย่างสวยงาม ชัดเจน สมบูรณ์แบบ เปี่ยมไปด้วยความหวัง และอนาคตที่เราทุกคนร่วมกันสร้างได้ ปล. ขอแนะนำกระทู้วิเคราะห์ Batman ที่ยอดเยี่ยมอีกกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12428437/A12428437.html จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 06:34:25

ความคิดเห็นที่ 26 ดู the dark knight rise จบ  ต้องกลับไปหาสองภาคแรกมาดูซ้ำ แล้วก็พบว่า แบทแมนไม่ได้เป็นแบทแมนเพราะถูกค้างคาวกัดเหมือนที่เข้าใจมาตลอด  555 จากคุณ : acidgalz เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 07:51:31

ความคิดเห็นที่ 27 ไมเคิล เคน ลุงแกฮามาก มีคนอินจัดทวีตไปด่าแก ว่าเกลียดลุงแกเพราะลุงแกอยากให้บรูซเลิกเป็นแบทแมน ลุงแกจับทวีตอันนั้น เป็น favorite ของแกเลย จากคุณ : The_Death_oF_Superman เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 08:45:21

ความคิดเห็นที่ 28 สิ่งที่บรรจบกันระหว่างภาคแรกกะภาคสุดท้ายยังมีอีกคับ  เช่น - ละครมารยาและการตบตาเป็นอาวุธที่ทรงพลัง   กลับมาอีกแล้ว   และแนบเนียน   ของตัวลูก - ภาคแรกถูกสแคโครว์เผา   ภาคนี้เจอเบนอัดเละ   - เรเชล :  เดี๋ยว  คุณอาจตาย  บอกชื่อคุณมาก่อน แบทแมน :  ไม่สำคัญว่าภายนจะเป็นใคร  การกระทำ จะบ่งบอก  เรเชล :   บรู๊ซ ภาคนี้  แบทแมน : ฮีโรจะเป็นใครก็ได้ แค่คนธรรมดาที่ทำเรื่องง่ายๆด้วยการคลุมเสื้อให้เด็กคนหนึ่งและปลอบเค้าว่าโลกยังไม่แตก   กอร์ดอน : บรูซ เวย์น จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 08:48:26

ความคิดเห็นที่ 29 แต่ผมเห็นต่างกับเจ้าของกระทู้นะคับเรื่องเบน   ยิ่งฉากที่อัดแบทแมน  ผมว่ามันโคตรเท่  ถ้าผมเป็นลูกน้องเบน ผมคงรู้สึกแบบว่า   ลูกพี่ตูแมร่งเจ๋งว่ะ   ชนะแบทแมนด้วยมือเปล่า    ชนะแบบขาวสะอาด  ขาดลอย   แบทแมนที่ใครๆก็เกรงกลัว   แต่สู้ลูกพี่ตูไม่ไ่ด้เลย   บู๊เก่ง บุ๋นก็เก่ง   แต่เสียดายอย่างเดียวคือการลักไก่ให้เบนเป็นพันธมิตรแห่งเงา    มันอาจจะสร้างความน่าเชื่อถือในแง่ของฝีมือ   แต่อยากให้เบนสืบหาจนรู้ว่าใครเป็นแบทแมนมากกว่า  ตรงนี้จะทำให้รู้สึกว่าตัวร้ายตัวนี้เจ๋งกว่าโจ๊กเกอร์ในทุกๆด้านจริงๆ     นอกจากกการแสดงขั้นเทพของฮีธ   ผมว่าบทมันไม่ส่งเบนด้วยแหละ   เพราะภาคนี้เป็นภาคจบ  เบนต้องแพ้ในที่สุด    ในขณะที่โจ๊กเกอร์มันไม่มีอะไรจะเสีย มองเหมือนจะแพ้แต่จิงๆชนะ   ต้องเรียกว่าบทมันส่งจริงๆ  ผมว่าการแสดงของทอม ฮาร์ดี้  โดยเฉพาะสายตา  ไม่ได้ด้อยไปกว่าฮีธเลย   ส่วนประเด็นของจอห์น เบล๊ค  ที่รู้เรื่องตัวจริงของแบทแมน   ผมว่าบทตำรวจของเบล๊ค   มันสร้างความน่าเชื่อถือในแง่ของการสืบสวนด้วย    และที่สำคัญที่เบล๊คมั่นใจเรื่องตัวตนของแบทแมนก็คือ  การสร้างภาพเศรษฐีเพลย์บอย   เด็กกำพร้าด้วยกันคงเข้าใจดี   ตั้งแต่แบทแมนถือกำเนิดขึ้นมา  ผมว่าเบล๊คคงติดตามเรื่องนี้อยู่นานพอสมควร แต่เรื่องคุกผมว่าเป็นทั้งจุดที่ดีของหนังและก็จุดอ่อนของหนัง   เพราะคำถามมันจะตามมามากมายว่า   คนในคุกเอาอาหารมาจากไหน  ถ้าบอกว่า  มีคนคุมจากด้านบนลงมาให้   แล้วตอนมีคนปีนขึ้นไปได้  ไม่เจอผู้คุมเหรอ ใครอยากจะหนีก็หนี   คุกอยู่หลังปราสาท  ไม่มีใครรู้เหรอว่าในหลุมนี้คืออะไร? จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 09:04:36

ความคิดเห็นที่ 30 ไปดูมาแล้ว เมื่อวาน รีบหากระทู้TDKRแต่เช้าเ้ลย  ่หลายคนบอกว่าชอบภาค2TDKมากกว่าภาคนี้แต่สำหรับเราๆชอบภาคนี้มากมันเป็นฉากปิดไตรภาคที่สมบูรณ์มาก เหตุผลที่ชอบภาคนี้มากกว่า 1.แน่นอนมันเป็นตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทุกคนสมหวังและฮีโร่ก็มีผู้สืบทอด 2.หลายคนชอบตัวร้ายอย่างโจ๊กเกอร์อาจเพราะโจ๊กเกอร์เป็นตัวร้ายที่คาดเดาได้ยากและชอบเล่นสงครามจิตวิทยาที่สำคัญเปลี่ยนคนดีที่สุดให้เป็นทูเฟส แต่เรากลับชอบเบนแฮะชอบความรักของเบนมันยิ่งใหญ่มาก และที่สำคัญที่สุดเราชอบทอมฮาร์ดี้แม้ว่าถ้าไม่บอกนี่จะไม่รู้เลยว่าเป็นทอม5555 3.เราว่าภาคนี้เหตุการณ์มันร้ายแรงและกดดันกว่าภาคที่แล้วอ่ะ ตัวร้ายอย่างเบนก็เก่งสูสีกว่าโจ๊กเกอร์(อันนี้หมายถึงฝีมือนะ) 4.เราชอบนางแมวอ่ะสวยฉลาดและแสบดีเหมาะกับบรู๊ซ เวนย์ที่สุดแล้วเหมือนเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน จากคุณ : หนูวาลี เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 09:37:15

ความคิดเห็นที่ 31 ฉากในคุกนี่ผมว่าเป็นจุดด้อยของหนังมากกว่า ขาดเหตุผลทั้งการกินอยู่ และ การรักษา และ การเดินทางกลับ และการควบคุมคนสถานที่ จากคุณ : Post-er เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 09:58:34

ความคิดเห็นที่ 32 “ผู้ชายที่ฉันรัก คนที่หายไป เขาไม่เคยกลับมาเลย บางทีเมื่อก็อธแธมไม่ต้องการแบทแมน เขาอาจจะกลับมา” – เรเชล บรูซ เวย์น แบ่งมรดก ยกคฤหาส์น เวย์น ให้กับสถานเด็กกำพร้า และนำทรัพย์สินที่ขายไม่ได้ยกให้แก่ อัลเฟรด แต่มีของอยู่ชิ้นนึงที่หายไป “สร้อยไข่มุกของมาร์ธา เวย์น”  อัลเฟรด เดินทางไปที่ฟลอเรนซ์  (อาจเพราะตามรอย GPS ที่อยู่กับสร้อย) นั่งอยู่โต๊ะประจำของตน และเมื่อมองไปยังตรงข้างหน้าเขาได้เห็น บรูซ เวย์น ยังมีชีวิตและมีความสุข เขาทิ้งความเป็น บรูซ และ แบทแมน ไว้เบื้องหลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับคนรัก เซลีน่า ไคลย์ --- ตรงนี้ ผมคิดว่า น่าจะเป็น บรูช เวย์น มากกว่าที่ตั้งไป ใจที่ฟลอเรนซ์ เพื่อให้ อัลเฟรด เจอ เพราะช่วงกลาง ๆ เรื่อง จะมีตอนที่ อัลเฟรด บอกกับ เวย์น ถึง ความฝัน ของเค้า ประมาณว่า ทุก ๆ พักร้อน เค้าจะไปที่ฟลอเรนซ์ และ หวังว่า สักวันจะไป แล้วเจอ เวย์น อยู่ที่นั่น ในโต๊ะ ตรงข้าม พร้อม กับครอบครัว ใหม่ แล้วก็ ต่าง คนต่างรู้ กันโดยที่ไม่ต้องพูดจา กันอะไรประมาณเนี้ยอ่ะคับ จากคุณ : beruts (beruts) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:00:54

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:05:15

ความคิดเห็นที่ 34 มีใครฮาแอ๊คติ้งพี่หัวหน้าCIA ฉากเเรกบนเครื่องบินมั่งคับ     ผมฮ๊าฮา จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:05:21

ความคิดเห็นที่ 35 เราว่าเบนออกจะเท่.. แม้จะพีคสุดๆเพี้ยนสุดๆสู้โจ๊กไม่ได้ แต่ก็ทำให้แอบปลื้มได้อ่ะ >_< จากคุณ : bunnygirl เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:14:05

ความคิดเห็นที่ 36 #32 บรูซ น่าจะตั้งใจให้ไปอยู่แล้วครับ แต่ผมคิดในมุมที่ว่า อัลเฟรด รู้ไดัยังไงว่าควรไปที่ ฟลอเรนซ์ ตอนนั้น อาจจะแค่อยากตามรอยจากเครื่อง GPS ว่าใครเอาสร้อยไป พอเห็นบรูซ ก็รู้ว่าคนที่ถือสร้อยอยู่คือบรูซเอง จากนั้นเขาก็ลุกออกจากโต๊ะไปเลย จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:17:21

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบบทสรุปตอนจบครับ สมบูรณ์มาก จากคุณ : RadiorA เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:18:00

ความคิดเห็นที่ 38 give หมด โหวตแทนค่ะ ชอบมากกกทั้งภาคที่มีโจ๊กเกอร์และภาคนี้ หนังสร้างความกดดันให้คนดูอย่างเรามาก ช่วงที่แบทแมนเจ็บหนักจะกลับมาช่วยทันเหรอ ดูท่าทางยังกะคนพิการ (อันนี้เชื่อคำพูดอัลเฟรดที่บิ้วคนดู ด้วยคำพูดว่า แบทแมนไม่เหมาะที่จะเล่นเกมลุยๆแบบนี้แ้ล้ว แก่เกินแกงอะไรประมาณนั้น) แถมติดอยู่ในคุกที่ไม่เคยมีใครออกมาได้อีก ตำรวจทั้งเมืองก็ติดกับอุบายของเบนติดแหงกอยู่ใต้สะพาน ในเมืองมีแต่คนแย่ๆ ที่กำลังกำจัดคนดีๆที่หลงเหลืออยู่ไปทีละคนๆ.....ตึงเครียดมากๆ หนังทำให้เราหดหู่ จับใจ หรือหนังจะจบแบบไม่ happy นะ...ณ ตอนนั้นคิดแบบนี้จริงๆ เพราะแบทแมนไม่ใช่หนังแค่ มาถึง สู้ๆ ล้างแค้นๆ แล้วจบ มันมีอะไรมากกว่านั้น ปล ตอนที่บรูซ พยายามกระโดดออกจากปากบ่อที่เรียกว่าคุก เราคิดว่าเหมือนจุดใต้ตำตอมาก คือผูกเชือกที่เอว กระโดดยังไงก็ไม่ผ่าน พอไม่ผูก ผ่าน !! เด็กที่กระโดดผ่านก็ไม่ผูก ช่วงตัวสั้นกว่าผู้หใญ่ ไหงกระโดดทีเดียวผ่าน ! เอ้อ รู้งี้ไม่ผูกเชือกแต่ทีแรกดีกว่า เพราะเชือกมันรั้ง มันกระตุก ตามหลักฟิสิกส์หรืออะไรก็ไม่รู้นะ   เราชอบตอนที่เฉลยว่า เบน ไม่ใช่เด็กคนนั้นด้วย เกินความคาดหมายมาก แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 10:47:52 จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:45:09

ความคิดเห็นที่ 39 #23 เหมือนกันครับ ต้องตื่น6โมง แต่ไล่ดูรูปดูกระทู้จนตีสี่ เรียกได้ว่า อารมณ์ค้าง จากคุณ : HideX1986 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:53:43

ความคิดเห็นที่ 40 เสียอย่างเดียว ภาคที่แล้ว ทำดีเกินไป โจ๊กเกอร์บทบาท และการแสดงดีเกินไป ทำให้ภาคนี้ดูแล้ว ก็สนุก แต่ก็ยังคิดถึงโจ๊กเกอร์อยู่ดี จากคุณ : ไปมันทุกห้อง เพราะเราเป็น... (คนทุกห้อง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:08:24

ความคิดเห็นที่ 41 # 39 วันนี้ก็มาทำงานแบบสลึมสลือสโลสเล 5555 แต่มาอ่านกระทู้ต่อก็ตื่นเต้นอีกแล้ว อิอิ จากคุณ : kurapik เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:15:45

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณค่ะ และ TDKR สนุกมากกก จากคุณ : imartuun เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:17:32

ความคิดเห็นที่ 43 ****ยกมือ อีกคนนุงค่ะ....ชอบภาค3 มากกว่า แต่ตัวร้าย ชอบภาค2 โจ๊กเกอร์ มากกว่านะค่ะ เบนโหดจริง แต่ไม่เท่า โจ๊กเกอร์ค่ะ******สำหรับเรา มันเป็นภาคจบที่ดีมากๆเลยอ่ะ พอๆกับ The Lord of The Ring เลยอ่ะค่ะ จากคุณ : fedinan09 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:17:52

ความคิดเห็นที่ 44 ใช่ๆ สำหรับผมภาคนี้ดีที่สุด ดูแล้วมันอิ่มกว่า จากคุณ : KapampaBlue เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:26:58

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นภาคจบที่ทรงพลังจริง ตอนเริ่มหนัง แรกๆก็งงเพราะจำภาคสองไม่ค่อยได้ แต่ดูๆไปนี่มันส์มาก ช๊อคมากตอนที่รู้ว่าเบนไม่ใช่เด็กนั่นเหมือนกัน จากคุณ : Tarsier เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:41:13

ความคิดเห็นที่ 46 ในด้านอารมณ์ผมว่า Dark Night ได้เต็มอารมณ์มากๆจากป๋าฮีท แต่ภาคนี้ก็ไม่ผิดหวังครับ ถึงบางอย่างจะดูขาดๆไปบ้างก็เถอะ ดูจบแล้วต้องกลับมาเช่า Inception ดูต่อเลยทีเดียว อินกับนักเเสดงทีมนี้ 555 จากคุณ : ปลาวัวตัวอวบอัด เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:44:07

ความคิดเห็นที่ 47 สำหรับผมถ้าเทียบกันสามภาคผมก็ชอบหมดทั้งสามภาคในคนละแบบ Batman Begins ผมชอบตรงที่หนังยกประเด่นคำสอนของครอบครัว การรักษามรดกของตระกูลไว้ มีคำพูดซึ้งๆกินใจหลายอัน ทำให้ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ The Dark Knight ผมชอบตรงหนังตั้งคำถามกับคนดูเรื่องศีลธรรม การแสดงที่เยี่ยมยอดของฮีธ จนเราเชื่อว่านี่ไม่ใช่นักแสดงที่ทาหน้าตัวตลก แต่เป็นโจ๊กเกอร์จริงๆ ฮีโร่มีการล้ม สามารถเป็นได้ทุกอย่าง เพื่ออุดมการณ์ตัวเอง ตอนแรกดูจบออกจากโรงมึนๆ ต้องตีตั๋วไปดูรอบเย็นอีกที ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ The Dark Knight Rises ผมชอบตรงการดึงอารมณ์คนแบบที่สองเรื่องบนไม่มี และฉากจบที่ทำให้ยิ้มทั้งน้ำตา พอรวมกันเป็นหนังเรื่องเดียวนี้มันจึงเป็นไตรภาคที่ได้ทุกอารมณ์ และชอบมากๆ ถึงจะไม่อลังการณ์เท่า Lord of the Ring แต่มันก็ได้ใจผมไปเต็ม :D แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 12:57:33 จากคุณ : เราจะไขความลับแห่งดาวให้คุณรู้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 12:57:12

ความคิดเห็นที่ 48 รู้แค่ว่าผู้คุมในคุกอะไรไม่รู้ที่ Kyle เข้าไปเป็นผู้คุมคนเดียวกับในคุก Fox River ใน Prison Break ครับ ไม่เหมือนกับอีกคนที่โผล่มาตอนต้นของ Dark Knight ที่โดนระเบิดควันยัดปาก อันนั้นมีบทเป็นตัวประกอบที่ชัดเจนมาก สีหน้าแววตาโดนตอนระเบิดยัดปากนี่ใช่เลย เกือบเป็นคนที่ตายได้อนาถสุดในภาคนั้นแล้ว จากคุณ : สสารนิยม เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:00:48

ความคิดเห็นที่ 49 หลังจากพึ่งได้ดูมาเลยเข้าเกือบทุกกระทู้ที่เกี่ยวกับ TDKR เป็นหนังไตรภาคที่จบแบบอิ่มในความรู้สึกของคนดูอย่างเราจริงๆ ถึงแม้อาจมีบางส่วนที่ดูอ่อนไปบ้าง (ซึ่งน้อยนะ) แต่ทุกอย่างมีที่มาที่ไปอธิบายได้เกือบหมด จบแบบที่ทุกคนมีทางของตัวเอง (รวมถึงผู้กำกับด้วย) เห็นด้วยกับคุณปลาวัวตัวอวบอัด เหมือนกับเห็นทีมนักแสดงจาก Inception มาหลายคน และหวังว่าจะได้เห็น Joseph gordon-levitt ในหนังของ Nolan ต่อไปเรื่อยๆ นะ เพราะเราชอบ แก้ไข ... คำที่สะกดผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 13:54:37 จากคุณ : แอปเปิ้ลน้อยสีชมพู เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:06:51

ความคิดเห็นที่ 50 ให้เลือกภาคไหนดีที่สุด สำหรับเราเราเลือกไม่ได้นะ เหมือนทั้งสามภาคก็เติมเต็มให้หนังมันสมบูรณ์ ยังไงดูภาคนี้แล้วก็ฟินอยู่ดี  ฟินตอนนางแมวจูบบรูซ 555 ฟินตอนท้าย อัลเฟรดเห็นบรูซนั่งกับคนรักอย่างมีความรัก ดูแล้วมันปลื้มปริ่มเหมือนเราเป็นอัลเฟรดเองเลยก็ว่าได้ แล้วก็ตอนเบลคเข้าไปในถ้ำค้างคาว มันรู้สึกแบบตื่นเต้น อิ่มเอมมาก บอกไม่ถูก อ่านกระทู้นี้แล้วอยากไปดูอีกรอบจัง จากคุณ : ปุริมาน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:12:06

ความคิดเห็นที่ 51 แบทแมนของโนแลน ยังคงเป็นหนังในดวงใจของเราตลอดไป จากคุณ : การ์ตูนจ๋าจ๊ะ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:15:52

ความคิดเห็นที่ 52 ผมชอบสถานการณ์กดดันที่ภาคนี้สร้างนะคับ มันสุดๆ ดี ทั้งแบทแมนแก่เดินยังจะไม่ไหว แถมโดนจับไปโยนคุก, ทั้งบริษัทเวย์นโดนเทคทั้งบริษัท, อุปกรณ์โรงเก็บอาวุธแบทแมนโดนฮุปไปหมด, เมืองกอธแฮมโดนยึดทั้งเมือง ตำรวจทั้งเมืองโดนขัง, มันแบบว่า สุดๆ จริงๆ คือมันจะกลับมาชนะได้ไงฟระเนี่ย ไม่มีทางอย่างแรง - -' จริงๆ บางจุดที่พลิกกลับมาชนะบางจุดก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถืออยู่บ้างนะคับ อย่าง the bat จอดทิ้งไว้บนตึกตลอดครึ่งปีีนี่จะไม่มีใครมาเจอเลยเหรอ หรือที่หลายๆ คนชอบเม้นต์กันว่า ตำรวจโดนขังนานขนาดนั้นมาถึงก็บู้ลุยได้เฉย อันนี้ก็นิดนึงเหมือนกัน แต่รวมๆ ผมว่าก็ไม่น่าเกลียดอยู่ดีครับ จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:22:58

ความคิดเห็นที่ 53 Alfred ไป Florence ทำไม? ก็เขาไปพักร้อนทุกปีอยู่แล้ว แต่สงสัยว่าทำไมดันฝันว่าจะไปเจอเจ้านายที่นั่นมากกว่า แต่เพราะรู้ว่าไปทุกปี ทำไม Bruce จะไปดักเจอไม่ได้ล่ะ ไม่ต้องไปติดตามจาก GPS หรอก เบน เป็น พันธมิตรแห่งเงา ถ้าไม่เป็นก็จะไม่ผูกกับคำพูดของ ลาซ อังกูล ที่ว่า เขาเป็นอำมตะ (ซึ่ง อำมำตะ มันอธิบายได้หลายความหมาย ซึ่งในที่นี้น่าจะหมาถึงปณิธานที่จะทำลาย ก๊อตแธมตามเป้าหมายแรก) จากคุณ : ascertain เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 13:34:03

ความคิดเห็นที่ 54 สิ่งที่ผมชอบใน Dark Knight Trilogy คือ มันไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป มันเกือบจะไม่ใช่แม้กระทั่งเรื่องของ "ซูเปอร์ฮีโร่สวมหน้ากากที่ชื่อแบทแมน" ด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันคือ เรื่องราว "การเดินทางของบรูซ เวย์น ชายผู้พบโศกนาฏกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และ "สัญลักษณ์ที่เรียกว่า "แบทแมน" ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในคอมมิคบุค แต่ไม่มีผู้กำกับเวอร์ชั่นไหนเลย นอกจากโนแลน ดึงเอามาใช้ แบทแมนไม่ใช่แค่ชุดที่ใครๆก็เอามาสวมได้ มันแฝงไว้ด้วยอุดมการณ์ ความยุติธรรม ความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้น โดยไม่ลืม "กฏ" ที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องกลายมาเป็นแบบเดียวกับพวกโจร เป็นสัญลักษณ์ที่ให้แรงบันดาลใจ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่ว่า แต่ยังดึงเอาวัตถุดิบที่สร้าง Batman Year One, Long Halloween, The Dark Knight Returns เป็นคอมมิคที่ยอดเยี่ยม นั่นคือวัตถุดิบที่เป็นหนังฟิลม์นัวร์, หนังอาชญากรรมเช่น Godfather, สังคมอเมริกาในแต่ละยุค, วรรณกรรมคลาสสิคแบบที่โนแลนดึงมาใช้ใน TDKR สิ่งเหล่านี้ทำให้ Dark Knight Trilogy มีความลึกที่โดดเด่นกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ (ยกเว้น X-men, X2 และ First Class) ผมไม่ได้บอกว่า Trilogy นี้สมบูรณ์สุด เพราะ Batman Begins (ที่มีคนบอกว่าบทพูดคมๆมากมาย แต่ผมว่าบทพูดมัน "เชย" เพราะเดวิด โกเยอร์) ผมคิดว่าองก์ที่ 3 เป็นปัญหาของหนัง และ The Dark Knight Rises ก็ไม่ได้สมบูรณ์อย่างที่คาดหวังไว้ แต่ในฐานะแฟนคอมมิคแบทแมน นี่คือจุดสุดยอดของความเป็นแฟนแบทแมน และแฟนคอมมิคซูเปอร์ฮีโร่เลยล่ะครับ ปล. The Avengers ผมก็คิดว่าเป็นหนัง "ซูเปอร์ฮีโร่" ที่ดีนะครับ มันมีทุกอย่างที่หนังซูเปอร์ฮีโร่บล็อกบัสเตอร์เรื่องหนึ่งควรจะมี และถือว่าโดดเด่นมากๆด้วย แต่ TDKR ได้ให้ความหมายอะไรมากกว่า แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 14:47:44 จากคุณ : หมาหัวโจก เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 14:43:47

ความคิดเห็นที่ 55 #48 เบลลิค กับ มาโฮน ครับ จากคุณ : TohKung121 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:09:06

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณค่ะ ดูมาสองรอบแล้ว  โดยอ่านกระทู้ไปก่อนแบบบ้าคลั่ง  จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ารู้แก๊กต่างๆ เกือบหมด แต่ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจมากค่ะ  สปอยล์ทั้งหลายทำอะไรเราไม่ได้ สามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ภาคนี้เดินออกจากโรงโดยหัวใจมันอุ่นๆ  ดีใจที่คนดีได้ผลตอบแทนที่ดีในที่สุด  ไม่เหมือนภาคสองที่หัวใจแฟบกับชัยชนะของโจคเกอร์และมลทินของแบทแมน โดยเฉพาะ.....ปลื้มบรูซเวย์นมากๆๆๆๆๆๆๆๆ   สารภาพว่าเป็นแฟนคลับบรูซเวย์นเวอร์ชั่นคริสเตียนเบลค่ะ  ผู้ดี๊ผู้ดี เศรษฐี๊เศรษฐี จากคุณ : fly-girl เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:51:41

ความคิดเห็นที่ 57 ภาคนี้ทำให้เรา'อิ่ม'ค่ะ รู้สึกเหมือน ใช่แล้วล่ะ นี่คือตอนจบอย่างที่ต้องการ ไม่ต้องดึงให้พีคจัด ไม่ต้องทิ้งปมหนักๆจนอยากติดตามตอนต่อไป แต่ทำให้มันจบสมบูรณ์ในตัว ให้ทุกตัวละครได้พบกับสิ่งที่ปราถนาจริงๆ ขอบคุณจขกทมากค่ะ สำหรับกระทู้นี้ จากคุณ : น้ำเหนือ ณ หน้าหนาว เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 18:37:29

ความคิดเห็นที่ 58 มีแค่เรากับแฟนหรือเปล่าเนี่ย ที่อยากได้ค่าตั๋วคืน -_-" สิ่งไม่สมเหตุสมผลเยอะเกิน ดูจบหันมามองหน้ากันแบบง่วงเต็มที่ ความรู้สึกเดียวกันเป๊ะ all these drama over a turkey burger? จากคุณ : ดอกไม้ในป่าปูน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 19:13:43

ความคิดเห็นที่ 59 . . เป็นฉากจบในหนังไม่กี่เรื่อง ที่ผมชอบมากๆ . . จากคุณ : Porepor เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 19:44:18

ความคิดเห็นที่ 60 จริงที่ภาคนี้ยังขาดๆเกินไปบ้าง    แต่มีที่ผมชอบจากภาค Rises  มากๆส่วนหนึ่ง   คือที่สามารถตอบโจทย์ในปรัชญาของการเป็นแบทแมนอย่างที่เริ่มไว้ใน Begins ได้ "ผมอยากจะแสดงให้ชาวเมืองเห็นว่าเมืองนี้ไม่ใช่ของอาชญากรและโจร   และผมคงทำไม่ได้ในนามบรู๊ซเวนย์     ถ้าเป็นคนที่มีเลือด  ผมจะถูกลืมหรือถูกฆ่า    แต่ถ้าด้วยสัญลักษณ์...มันจะไม่มีวันเสื่อมสลาย     จะเป็นอมตะ" บรู๊ซ เวย์น นั้นเป็นบุคคล   ที่สามารถเกิดได้  เจ็บได้  เสื่อมถอยได้  .....ตายได้  ถ้าเขาคิดจะเป็นแบทแมนไปตลอดชีวิต (ใน Rises - บรู๊ซต้องการเป็นแบทแมนเพื่อทดแทนความหมดอาลัยตายอยากที่เขาไม่มีเสาหลักยึด ชีวิตที่ชื่อเรเชลไว้หลังจากที่ก็อธแธมไม่ต้องการแบทแมน  แทนที่จะทำเพื่อความถูกต้อง) ย่อมหมายถึงเขาได้ผูกโยงสัญลักษณ์แบทแมนเข้ากับตัวบุคคล ซึ่งทำให้ถูกทำลายได้    ดังนั้นวิถีที่จะทำให้สัญลักษณ์นั้นคงอยู่สืบไป  ไม่เสื่อมสลาย  เป็นอมตะ  นั้นคือ...... ...การสืบทอด เพราะแบทแมนเป็นสัญลักษณ์  ไม่จำเป็นว่าใครจะต้องอยู่ใต้หน้ากาก   การกระทำเท่านั้นที่จะบ่งบอกคุณค่า ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ผมประทับใจกับฉากจบของRises มากกกกกๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 21:00:19 จากคุณ : mad_savior เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:58:36

ความคิดเห็นที่ 61 เพลงประกอบภาคที่แล้วกดดันดีมาก เพลงประกอบภาคนี้ก็สุดฮึกเหิมทำให้ขนแขน Rise ได้ ทำเอา Amazing Spiderman ง่อยไปเลยสำหรับผม จากคุณ : TAKUMI69 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 21:11:41

ความคิดเห็นที่ 62 ชอบมากกว่า dark kight แม้ไม่ ดราม่าเท่า จากคุณ : บทเพลงแห่งรัตติกาล เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 22:22:50

ความคิดเห็นที่ 63 กำลังคิดอยู่ว่าจะตั้งกระทู้เล่าถึงความโคดจะหลังเขาของตัวเองดีรึเปล่า คือเราเข้าใจมาตลอดเลยว่าแบทแมนมีแค่ 2 ภาค คือ Begin กับภาคใหม่ Dark Knight Rises และที่เขาพูดๆ กันในบอร์ดว่า The Dark Knight เป็นหนังดีเยี่ยมอย่างงั้นอย่างงี้นั้น เราคิดว่า The Dark Knight เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของแบทแมนฉบับโนแลน และภาคที่เหล่าโนแลนเนี่ยนเชิดชูว่ายอดเยี่ยมก็คือภาค Begin ถึงจะเอะใจอยู่บ้างว่าไอ้เนื้อเรื่องลูกเศรษฐีจิตตกไปฝึกวิชาที่ธิเบตนี่มันเป็นอะไรที่เยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ? รึว่าเซ้นส์เรามันไม่ถึง? จนได้ไปดูภาคล่าสุดในโรงนั้นแหละถึงรู้ว่าจริงๆ แล้วมันมันมีทั้งหมดสามภาค แล้ว The Dark Knight ก็เป็นภาคที่อยู่ระหว่าง Begin และ The Dark Knight Rises เลยลองหามาดู มันเป็นหนังที่สุดยอกและเพอร์เฟคอย่างที่คนเขาร่ำลือกันจริงๆ ความมีมิติของโจ๊กเกอร์ การหันหลังให้ความดีของฮาร์วีย์ เดนท์ การยอมรับผิดแทนเดนท์ของแบทแมน การที่นักโทษโยนรีโมทกดระเบิดทิ้ง คือทุกๆ อย่างใน Dark Knight มันดีเยี่ยมหมดเลยจริงๆ ขอนับถือเลย สมแล้วที่มีโนแลนเนี่ยนเป็นจำนวนมากขนาดนี้ จากคุณ : Red Quartz เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 22:45:20

ความคิดเห็นที่ 64 ได้อะไรหลายๆ อย่างกับกระทู้นี้ ภาคแรกผมไม่ได้ดู เพิ่งมาดูภาค 2 อาทิตย์ก่อนเข้าโรงไปดูภาค 3 ก็ประทับใจมากครับ ชอบทุกความเห็นนะ เห็นอะไรหลายๆ มุมมองดีครับ จากคุณ : โคอีสีอิฐ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 23:09:17

ความคิดเห็นที่ 65 ทำไมผมรู้สึกเฉยๆไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ชอบนะเป็นหนังที่ดี.... โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าโนแลนมีความสามารถพิเศษอย่างนึง คือสามารถเล่าเรื่องยากๆให้มันง่าย เข้าใจได้ดี ซึ่งมันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับ TDKR เพราะการที่เขาเลือกเบนเป็นตัวร้ายในภาคนี้.... สิ่งที่เบนมีคือพละกำลัง แต่สมอง ฉากเปิดตัวทำได้ดีครับ แต่กับเบน ซึ่ง(เขาเล่าว่า)เป็นตัวละครที่ฉลาด ผมกลับไม่รู้สึกถึงความฉลาดเลย... ฉากต้นเรื่องแสดงให้เห็นว่ากลุ่มของเบนนั้นซ้อมและนัดแนะกันมาดีมากกว่าเบนดูฉลาด และช่วงต้นเรื่อง โนแลนทำพลาดอย่างนึง เรารู้ถึงความเก่งกาจพละกำลังของเบนผ่านทางการเล่าจากปากไปปาก..... กอดอนเล่าบรูซว่าเจอกองทัพใต้ดิน เข้าทรงพลัง อัลเฟรดเล่าให้บรูซฟังว่าเขาเก่งอย่างนี้อย่างนั้น แต่ผมไม่ซึมซับไม่อินไปกับหนังเลยว่า "เบนมันเก่งยังไงทรงพลังอย่างไร" รู้เพียงเค้าลือเค้าเล่า ซึ่งเป้นวิธีที่โนแลนถนัด คือเล่า.... ซึ่งวิธีการแบบนี้มันส่งกับบทของโจ๊กเกอร์มากกว่า เพราะความบ้าคลั่งมันเป็นนามธรรม ส่วนความแข็งแรงแข็งแกร่งมันเป็นรูปธรรม ช่วงกลางเรื่อง ที่แบทแมนซัดกับเบน เบนก็โชว์ศักยภาพโดยการปล่อยให้แบทแมนชกหน้า.... ผมเข้าใจว่าการที่คู่ต่อสุ้โดนชกหน้าแต่ตัวเองไม่เป็นอะไรนั้น มันทำให้คนชกรุ้สึกเฟลอย่างแรง แต่ไม่ใช่กับเบน ซึ่งถ้าได้ดูตอนท้ายเรื่อง เบนโดนชกจนหลอดที่ปากหลุดไปแค่อันสองอัน ถึงกับนิ่งเลย จุดอ่อนที่สำคัญอย่างนั้นยอมใก้โดนต่อยง่ายๆเลยเหรอ? ถ้าพลาด สมมุติแบทแมนเอาสนับมือติดไปด้วย ต่อยตูมปากหลุดทำยังไง แผนการที่ลูกของราชอัลกูลวางไว้ไม่พังหรือ.... ผมมองว่า ถ้าจะใช้เบนเป็นตัวร้ายหลัก ควรให้เบนโชว์ความสามาถมากกว่านี้ครับ ออกแอคชั่นมากกว่านี้(ทั้งการแสดงและการต่อสู้) เพราะในเรื่องนี้ภาพที่ผมเห็นเบนคือ นักกล้ามเทอะทะ ไม่ได้รู้สึกทรงพลังเลย (ผมว่าบรูซยังดูทรงพลังกว่าซะอีก จากฉากที่เตะเสาจนเสาบิ่น) ส่วนเรื่องของแอน แฮทอเวย์ดีครับ แสดงดีแต่ติดอย่าอย่างเดียว คือฉากชกต่อยครับ ผมดูแล้วรู้สึกเก้งก้างอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นมุมกล้องด้วยมั้ง เพราะจุดเด่นของผู้หญิงใส่ชุดรัดรูปคือ เอวและขา แต่ทุกครั้งที่เตะ ผมเห็นท่าวาดขาไม่ชัด บางทีบางมุมก้เห็นแค่ต้นขาและเท้าเลย ช่วงเข้าไปถึงแข้งหลุดเฟรมไป มันเลยดูเก้ๆกังๆ โดยส่วนตัวนะครับ ผมว่ามันจะดีมากๆ หากหนังเรื่องนี้จะสัก3ชม. อยากดูDirector Cut ผมคิดว่าน่าจะลงตัวกว่านี้ แต่ต้องยอมรับ สกอร์ของหนังมันเยี่ยมจริงๆ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 03:52:44 จากคุณ : HeavyToon เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 03:50:31

ความคิดเห็นที่ 66 ทำไมต้องใส่หน้ากาก ? .... ... หน้ากากไม่ใช่ของคุณ แต่เพื่อคนที่คุณแคร์ ...   ชอบประโยคนี้อ่ะ ตอนที่พูดกะ โรบิน ใครรู้มั่งว่า เพลงประกอบที่เปิดตอน พระเอกปีนมือเปล่าขึ้นมาจากหลุม (Rises) คือเพลงอะไร จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 08:15:02

ความคิดเห็นที่ 67 #65 ภาคนี้เน้นไปที่แบทแมนครับ ไม่ใช่เบน และที่ท่อหลุด ไม่ใช่เพราะโดนต่อย แต่โดนใบมีดที่ปลอกแขนครับ จากคุณ : HideX1986 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 08:32:13

ความคิดเห็นที่ 68 #67 ถามต่อครับ พี่แบทตั้งใจหรือฟลุ้คครับจังหวะนั้น? จากคุณ : หรรษาแมน เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 09:40:12

ความคิดเห็นที่ 69 ส่วนตัวคิดว่าฟลุ๊คครับ แต่พรุ่งนี้จะไปดูอีกรอบ แล้วจะมาตอบอีกทีครับ จากคุณ : HideX1986 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 11:07:48

ความคิดเห็นที่ 70 กระทู้นี้ยอดเยี่ยมมากครับ  แต่ผมแอบชอบฉากประทับใจภาค 2 ตอนบนเรือมากครับ ถ้าคุณไม่กล้าทำ ส่งมาให้ผม คุณสามารถบอกคนอื่นๆไำด้ว่าถูกผมใช้กำลังแย่งไป... /รับรีโมทระเบิดไป...โยน จ๋อม...กลับไปนั่ง   เท่ห์มากกกกก ป.ล. เมื่อวานดู inception พึ่งเห็นว่าลุงอัลเฟรดก็เล่นด้วย lol จากคุณ : flamefox เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 14:35:51

ความคิดเห็นที่ 71 สำหรับ เรื่องนี้สุดยอดมาก แต่สอบตกเรื่องฉากบู๊ - -" -ยกเว้นฉากบู๊ครับ เหมือนนักเลงขี้เมาต่อยกัน!! -ตำรวจลงไปใต้เมืองทำไม 3000 พันคน!!?? -ฉากตำรวจดีเลววิ่งเข้าหากันอีก เวอร์อ่ะ  แล้วต่อยกันประกอบฉากให้แบทกับเบทต่อยกัน ก็ต่อยกันเหาะแย่ะ - -" จากคุณ : siwarut เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 15:15:11

ความคิดเห็นที่ 72 ดูแล้วจะหลับเอาฮะ ภาคนี้ จากคุณ : sykcop08 เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 17:06:16

ความคิดเห็นที่ 73 ขัดใจตรงตอนทาเลียโผล่ เบนบทบาทหายไปเลย โดนยิงตู้มเดียวตาย ทั้งๆที่ตอนเบนออกมาแต่ละฉากนี่พีคมาก รู้สึกได้เลยว่ายังไงพี่แบทก็ไม่ชนะแน่ๆ ตอนเราดูก็แอบลุ้นว่าอย่าไปเจอกันนะๆ ดูเสร็จมานั่งไล่ดูภาค 1-2 อีกรอบ เราว่าภาค 3 ทำได้ดีพอกับ 2 เลยนะคะ จากคุณ : ด๋อยด๋อย เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 17:56:06

ความคิดเห็นที่ 74 #65   หน้ากากของเบนมียาระงับความเจ็บปวดปวดคือมอร์ฟีน  และร่างกายที่แข็งแรงของเบนด้วย    ทำให้เบนโดยต่อยแล้วไม่ค่อยรู้สึกเจ็บคับ  (หรือป่าวไม่รู้นะในทางวิทยาศาสตร์ แต่ในหนังมันทำให้ผมเชื่ออย่างนั้น  เหมือนเรื่องพิษของดอกไม้สีน้ำเงินในภาคแรก  ผมก็ไม่รู้ว่าดอกไม้นี้มีจริงหรือป่าว ) พอเจอกันตอนท้ายเรื่อง  ผมไม่แน่ใจว่าจังหวะนั้นฟลุ๊คหรือจงใจ  แต่คิดว่าพระเอกรู้จุดอ่อนตรงนั้นจากคำบอกเล่าของคนในคุกเรื่องมอร์ฟีนรักษาความเจ็บปวดของเบน   ตอนท่อหลุด  ความเจ็บปวดกลับมามันต้องนิ่งเป็นธรรมดาคับ  ไม่ต้องโดนต่อยก็ทรมาน  แต่ตอนเจอกันครั้งแรกพระเอกสู้แบบทุ่มสุดตัวแบบที่เบนบอก สู้แบบโง่ๆ  ดูไม่สุขุมเหมือนเดิม  อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกหม้อพันธมิตรแห่งเงาด้วย   เลยรู้ทางพระเอก  แถมเบนน่าจะคิดว่าพระเอกยังไม่รู้จุดอ่อนตัวเองแน่ๆ ส่วนเรื่องเบนเป็นแค่ไอ้กล้ามโตธรรมดานี่โคตรจะไม่เห็นด้วยเลย    นอกฉากเบนอัดพระเอกในตอนต้นที่ผมบอกไปใน#29  ฉากที่คุยกะพระเอกในคุก  ผมว่ามันมีพลังมากๆ  บุคลิกท่าทางบ่งบอกถึงความเหนือกว่า  ทั้งความสามาถและประสบการณ์ ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของเบน    ผมก็ไม่รู้จังหวะนั้นคุณหลับหรือลืมอ่ะคับ  ถึงได้ไม่เห็น   ฉากนั้นอัลเฟรดชี้ใหู้ดูในคลิปตอนเบนบุกเข้าไปปล้นตลาดหุ้น  แล้วบอก ว่าเบนมีความแข็งแกร่งทั้งร่างกาย วิชาการต่อสู้  พละกำลัง   เห็นแค่นั้นก็ขนลุกแล้ว  ที่สำคัญ  ยังเป็นคนที่ฝึกมาจากร๊าซ อัล กูล  อีก  แค่นี้ก็พอเชื่อถือได้แล้วคับว่าเบนน่ากลัวแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 19:39:40 จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 18:44:46

ความคิดเห็นที่ 75 #74 ใช่ึครับ หน้ากากมีมอรืฟีน ระงับความปวด มันจึงเป็นจุดอ่อน.... แต่ไอ้การยืนให้แบทแมนต่อยโดนหน้า แล้วค่อยมาเอาคืนตอนแบทแมนเหนื่อย...... ผมว่ามันไม่ใช่นะครับ ถ้าพูดกันตรงๆ เบนต้องรู้ใช่ไหมครับ ว่าถ้าไม่มีหน้ากาก มันจะเจ็บปวดแค่ไหน เพราะฉนั้น หน้ากากมันจึงสำคัญถึงขนาดแตะต้องกันสุ่มสี่สุ่มห้ากันไม่ได้.... แต่ยืนให้ต่อยซะงั้น ส่วนท้ายเรื่อง จะต่อยหลุด หรือโดนแง่งที่แขนหลุด ก็ช่างครับ ยังไงก็หลุด เหมือนเป็นการบอกว่า หลุดแล้วเจ็บปวด (ผมว่าถ้าโนแลนแทรกฉากเบนเปลี่ยนหลอดยาแล้วเจ็บปวด ผมว่าน่าจะดีกว่านี้) ส่วนเบน ยังไงผมก็มองว่าเป็นไอ้กล้ามโตเทอะทะครับ ใช่ครับฉากต่อยกับแบทแมน เค้าดูทรงพลังกว่ามาก แต่มันก็แค่ต่อยชนะ มองลูกเล่นแบทแมนออก ถ้าแทรกฉากที่โชว์พลังใส่ตำรวจหรือลูกน้อง หรือจับคอแบทแมนยกมือเดียวแล้วคุยก่อนจะหักหลัง น่าจะดูดี ฉากที่ผมเห้นว่าแข็งแรงทรงพลัง ก็ตอนจับหมัดแบทแมน กะทุบหน้ากาก ส่วนฉากที่อัลเฟรดชี้ให้ดูในคลิบ อย่างที่บอกครับ มันก็แค่เ็ป็นการเล่าปากต่อปาก เหมือนคุณเอากล้องวงจรปิดบัวขาวต่อยแป๊บๆ แล้วคุณก็บอกว่าบัวขาวเก่งมาก ดูพละกำลังซิ..... สำหรับคนที่ไม่รู้จักบัวขาว เค้าก็ไม่ได้เก็ตมากกว่า เดินไปแอบเจอบัวขาวกะลังต่อยคนโชว์มวยไทย ส่วนที่เบนพูดกะบรูซในคุก ดีครับ อย่างที่บอกครับ ถ้าหนังเรื่องนี้สัก 3.ชมกว่าๆ น่าจะลงตัวยิ่งกว่านี้ครับ หลายฉากที่มันรวบรัดเกินไป เช่นผมอยากเห็นเบนเปลี่ยนหลอดยา(หรือถ้าเป็นไปได้ เบนกินอาหาร), ฉากที่บอกที่มาของชุดนางแมวป่า(แว่นก๊อกเกิ้ล, รองเท้าส้นสูงเหล็ก เป็นต้น), ฉากเดินทางจากคุกมาก๊อทแทม อย่าลืมว่าบรูซถังแตกแล้ว อย่างน้อยบอกสักนิด มายังไงเพราะมันไกล ส่วนมาปรากฎกายในเมืองอย่างไรคงไม่ต้องเพราะทุกคนรู้ว่าบรูซเรียนวิชาอำพรางกายมา ไม่ใช่หนังไม่ดีนะครับ หนังดีครับ แต่อาจจะเป็นที่ผมหวังมากไป+ภาคที่แล้วทำมาตรฐานสูงมากไป ผมเลยรู้สึกว่า ไตรภาค ผมยกให้ภาค3เป็นภาคที่ชอบน้อยสุดครับ จากคุณ : HeavyToon เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 20:17:28

ความคิดเห็นที่ 76 ^ ^ นักมวยสากลสมัครเล่น   เวลาต่อยเค้าไม่เล็งหน้ากากกันหรอกคับ   เค้าเล็งจุดที่ไม่มีจุดป้องกันเพื่อหวังผลในการทำลายมากกว่า   ถ้าผมจะต่อยเบน  แน่นอนว่าผมคงไม่เล็งที่หน้ากากหรอกคับ  เจ็บมือป่าวๆ   และอีกอย่าง  มันแสดงห้เห็นถึงกึ๋นและความโชกโชนในการต่อสู้ของเบนที่ไม่แสดงอาการให้รู้ว่าหน้ากากนี้คือขุดอ่อนของตัวเอง     ตอนนั้นพระเอกก็คงยังไม่รู้ว่าเบนมีจุดอ่อนตรงหน้ากาก เรื่องความแข็งแกร่งของเบน   อย่างที่บอกอ่ะคับว่า  นอกจากเห็นหุ่น   เห็นการต่อสู้   พลังกายทำลาย     ในคลิป    การเป็นพันธมิตรแห่งเงานี่แหละคับที่มันเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือว่า  เบน  ต้องไม่ธรรมดา     แต่ผมว่าไม่แปลกคับที่คุณจะไม่อิน   ขนาดพระเอกของเรายังไม่เชื่อเลยคับ   จนกระทั่งโดนอัด ฉากโชว์พลังใส่ตำรวจนี่ก็มีแล้วนี่คับ  ตอนหักคอผู้กองสายลับ  หรือฉากยกพระเอกมือเดียวแล้วคุยก่อนหักหลังก็มีแล้วนี่ ส่วนชุดของนางแมวป่า  ผมว่ามันไม่ไ่ด้เล่าให้เข้าใจ แต่ให้เราเห็นและคิดเองอ่ะคับ   อย่างฉากที่พระเอกกลับมาเปนแบทแมนแล้วนางแมวก็กะลังขโมยของอยู่  ก็พอจะรู้แล้วว่าแว่นไว้ใช้ทำอะไร   รองเท้าส้นสูงก็ใช้ตอนโดดลงมาจากลิฟท์หลังตึกตอนจับอีตาที่หลอกเรื่องโปรแกรมลบประวัติ   ส่วนละเอียดยิบย่อยหลายๆอย่างผมว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องไปรู้มันหรอกคับ เพราะมันคือหนัง   อย่างภาคที่แล้วตอนทูเฟซยิงคนขับรถของมาโรนี่  ทูเฟซรอดมาได้ไง     หรือขึ้นรถโดยที่ไม่มีใครเห็นได้ไง  อยุ่ๆเที่ยวฆ่าคนแบบมืออาชีพได้ขนาดนั้น  ผมว่าบรูซ เวย์น เก่งขนาดแก้ระบบออโต้ไพล๊อต หรือสร้างระบบโซน่าร์ ได้  ผมว่าการเดินทางกลับไม่ใช่เรื่องยากเลยคับ   ถังแตกแต่ไมไ่ด้โง่   ถ้าจะสงสัย   สงสัยว่าเด็กนั่นหนีจากคุกไปเจอพ่อได้นี่ยังน่าสงสัยมากกว่าอีก   แต่นั่นผมว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาติดใจกันอ่ะคับ   เท่าที่สังเกต   คนที่ชอบภาคบีกินจะชอบภาคนี้นะ  ส่วนที่ชอบภาคที่แล้วอาจจะผิดหวังกะภาคนี้   ต่างความคิดไม่ถูกไม่ผิดหรอกคับ   แลกเปลี่ยนความเห็นแบบนี้สนุกดี ^_^ จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 21:54:09

ความคิดเห็นที่ 77 ไปดูมาแล้วสนุกมากเลย เข้ามาอ่านการวิเคราะห์ในนี้ ก็ทำให้เข้าใจหลายๆ มุมมากขึ้น ฉากที่เมืองถูกปิด สะพานถูกระเบิด ตอนถ่ายภาพมุมกว้าง เราแอบคิดถึงนิวยอร์กล่ะ ขอบคุณ แบทแมน ในมุมโนแลนนะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 22:10:50 จากคุณ : teaspoonful เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 21:56:28

ความคิดเห็นที่ 78 ผมว่าภาคนี้ด้อยกว่าภาค 2 หรือ 1 ในความรู้สึกหลายๆคนตรงที่แรงจูงใจของตัวร้ายในเรื่องมันอ่อนไป เพราะพอเฉลยว่าทาเลียเป็นลูก ทำไปทั้งหมดเพื่อแก้แค้นล้วนๆ ไอ้คำพูดหรือแนวคิดเชิงชนชั้นที่เบนพูดๆมามันเลยดูเหมือนว่าไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะยังไงเบนก็เป็นแค่ผู้ช่วยทาเลีย และช่วยด้วยสเน่หาอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเบนเป็นแค่ตัวละครบอสรองธรรมดาๆมากๆเลยน่ะ แล้วทาเลียที่พอไม่มีเบนช่วยแล้ว ก็ไม่ได้เก่ง ไม่มีความน่ากลัวอะไรให้ลุ้นเลยด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่อีก มันต่างจากโจ๊กเกอร์ หรือฮาวี่เดนท์ หรือตัวราชอังกูลเองที่มันมี Motive ที่ชัดเจนและเป็นแนวคิดที่รุนแรงจนดูน่ากลัว เช่น การล้างบางสิ่งที่เลวร้ายด้วยการทำลายทิ้งแล้วสร้างใหม่ หรือ การพิสูจน์ว่าทุกคนมีแต่จิตใจด้านมืด หรือการทำลายล้างเป็นแค่ความบันเทิง ฯลฯ โดยรวมแล้วผมว่าภาคนี้เป็นภาคจบที่จบได้ดี ไม่มีอะไรติดค้างใจ พลอตของเรื่องก็ทำออกมาดี การสร้างสถานการณ์กดดันต่างๆก็ดี ตัวร้ายอย่างเบนก็ดูทรงพลัง ดุดัน มีสเน่ห์ต่างจากตัวร้ายในภาคก่อนๆใช้ได้ แต่เีทียบสเกลกันแล้วเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับแรงจูงใจของตัวร้ายในภาคก่อนๆ ซึ่งผมว่าเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกว่าภาคนี้มันดูไม่แรงเท่าไหร่ รวมไปถึงจุดที่ว่าหนังไม่ได้ตอบคำถามยิบย่ิอยมากมายที่จะเกิดขึ้นแน่ถ้าในสถานการณ์ในหนังเกิดขึ้นจริง ซึ่งอาจจะทำใ้ห้ตะขิดตะขวงใจเป็นระยะๆได้อย่างที่บนๆว่าไป ยังไงก็ตาม ผมว่ามันก็ยังเป็นหนังที่ดีและสนุกที่ได้ดูอยู่นะ สิ่งที่ดีๆก็มีเยอะ โดยเฉพาะถ้ามองว่ามันเป็นภาคจบก็เป็นภาคจบที่ชัดเจน ไม่มีอะไรค้างคาใจดี อีกอย่างในแง่การนำตัวละครแบบการ์ตูนๆมาตีความใหม่ให้เหมือนคนธรรมดาที่จับต้องได้มากขึ้น ก็ยังทำออกมาได้ดี ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในจุดที่ผมชอบเกี่ยวกับหนังชุดนี้นะ และในแง่ที่คนชอบภาค 2 มากกว่าผมก็ไม่แปลกใจ เพราะหลายๆอย่างในภาคนั้นมันทำได้แรงและหักมุมแบบพลิกล็อคจนทำให้ช็อคมากจริงๆ(เอาง่ายๆก็อย่างการโดนซ้อนแผนในการช่วยฮาวี่เดนท์กับเรเชล) หรือตอนจบหรือไลคแมกซ์ที่หักแย้งทางความคิด กระตุ้นจริยธรรมแบบปลายเปิด ซึ่งทำให้พอดูจบแล้วมันก็มีอะไรไปเป็นประเด็นต่ออีกเยอะ ซึ่งถ้ามันจะทำแบบนั้นอีกในภาค 3 ยังไงผมว่ามันก็คงทำมากไม่ได้ เพราะมันเป็นภาคจบ ถ้าเหมือนคนก็เหมือนคนวัยกลางคนค่อนไปทางเริ่มแก่ ดูเรื่อยๆ หนักบ้างอะไรบ้าง มองเรื่องลงหลักปักฐาน จะไปทำตัวฉูดฉาดหรือเต็มเหนี่ยวแบบวัยรุ่นก็คงยาก ก็คงต้องเข้าใจหนังในจุดนี้ส่วนนึงด้วยล่ะนะ และโดยรวมๆผมว่าภาคนี้ สนุกกว่าภาค 1 หลายช่วงตัวนะ เพราะก่อนจะดูภาค 3 เอาภาค 1 กับ 2 มาย้อนดูแล้วผมว่า ภาค 1 ดูแล้วรู้เลยว่ายังต้องทำหนังแบบแบ่งรับแบ่งสู้คนดูหนังในวงกว้างเยอะมาก ในขณะที่ภาค 2 กับ 3 เหมือนผู้กำกับได้ปล่อยของจริงๆมากกว่า ถ้าให้เรียงลำดับความชอบก็คงเป็น 2 --> 3 --> 1 ครับ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 22:12:08 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 22:02:27

ความคิดเห็นที่ 79 ^ ^ ผกก. คงอยากให้หนังมันเป็นเอกภาพด้วยมั้ง   เลยทำให้ภาคสามต้องวกกลับมาที่พันธมิตรแห่งเงา   ถ้าเอาจิงๆตามคอมมิคทาเลียก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่   ยกเว้นการรักและมีลูกกะเเบทแมน  จึงต้องเพิ่มเบนเข้ามา   ซึ่งทำให้บทต้องต่างจากคอมมิค จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 22:26:11

ความคิดเห็นที่ 80 จริงๆผมก็เข้าใจในจุดนั้นเหมือนกันนะ แต่ก็แอบคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าจะทำเรื่องของเบนแบบเพียวๆไปเลย เพราะแนวคิดเรื่องชนชั้น การแก้แค้นของผู้ด้อยโอกาส การสร้างโลกแห่งความเท่าเทียมของเบนที่นำเสนอมาเกือบค่อนเรื่องเนี่ย เอาจริงๆมันไม่ได้ซ้ำกับในภาคก่อนๆเลย แล้วก็แรงไม่แพ้กับราช โจ๊กเกอร์ หรือฮาวี่เดนท์แม้แต่น้อยเลยด้วย ซึ่งผมยอมรับในความฉลาดของผู้กำกับนะ ที่ยังสามารถเลือกแง่มุมใหม่ๆมาขยี้ให้คนดูดูได้อีก แม้ว่าจะนำเสนอไปเยอะแล้วในภาคก่อนๆ แล้วยิ่งสามารถนำเสนอผ่านประสบการณ์ของตัวละครชาวกอตแฮมที่โดนยึดครองเมืองแล้วกลายเป็นเมืองแบบใหม่ที่สะท้อนความต้องการของเบนเนี่ย ผมว่ามันโอเคเลยมากๆ คือดูแล้วจะรู้สึกตามไปด้วยว่า เออ ไอ้ความเสมอภาคๆเนี่ย เอาจริงๆแล้วมันดีรึเปล่า ซึ่งผมว่าประเด็นนี้นำเสนอมาได้ดีนะ แต่พอมาเฉลยว่าจริงๆแล้ว เบนยอมลงมือ รับหน้าตั้งกลุ่มก้อนอะไรต่อมิอะไรมาตลอด เพื่อช่วยทาเลียด้วยความรักเนี่ย ไม่รู้สิครับ ผมว่ามันเหมือนประเด็นก่อนหน้านี้กลายเป็นไม่สำคัญไปเลย กลายเป็นว่า ทั้งหมดก็คือการล้างแค้นเท่านั้น ซึ่งมันทำให้หนังดูอ่อนพลังลงไปเยอะ ในแง่ของความรู้สึกน่ะนะครับ อย่างที่ได้กล่าวไปในรีก่อนหน้านี้ ผมว่าถ้าทำภาคนี้โดนเน้นที่เบนจริงๆไปเลย โดยมีเรื่องของพันธมิตรความมืดโยงมาให้เกี่ยวแบบเบาๆ ว่าเบนมาจากสำนักนี้ แต่แตกความคิดไปคนละแบบกันอย่างที่หนังนำเสนอในตอนต้น มันน่าจะดีกว่า เพราะทาเลียเป็นตัวละครที่เบาไปน่ะครับ ถ้าเทียบกับตัวร้ายอื่นๆ และอีกอย่าง ผมว่าการวกกลับเข้าพันธมิตรแห่งเงามากไป จะทำให้เรื่องในภาค 2 ก็ดูโดดๆไปอีกน่ะนะ แต่ถึงยังงั้นผมก็ยังชอบการหักมุมเรื่องทาเลียตอนเด็กนะ ในแง่การพรีเซนต์ความคิด แรงจูงใจตัวละครทาเลียในหนังก็ยังทำออกมาได้ดี ตัวละครอย่างเบนผมว่าก็ดูดุเดือดดี เป็นอารมณ์ตัวร้ายแบบ ลุยแหลก เชื่อมั่นในพลังตัวเอง ไม่หนีไม่ซ่อน ไม่เน้นการวางแผนแบบซ้บซ้อนจนเดาไม่ได้(แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นนักกล้ามสมองนิ่มอย่างที่บางคงติงหรอกนะ ผมว่านั่นก็เกินไป) แล้วคิดว่าถึงหนังจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ยังดูสนุกและลุ้นตามไปด้วยอยู่ดีน่ะครับ ก็เหมือนอย่างกับหลายๆจุดในหนังที่ดูมีรูโหว่อยู่มาก เช่นแบบ อาหารของตำรวจใต้ดิน เอาไปให้ยังไง พระเอกเดินทางเข้ามาในก็อตแฮมทั้งๆที่เกาะถูกตัดขาดมีแต่แม่น้ำน้ำแข็งล้อมรอบยังไง ซ่อนแบทไพลอต(ชื่อนี้เปล่า) บนตึกยังไง บลาๆๆๆ ซึ่งอาจจะมีที่ตะิิขิดตะขวงใจบ้าง แต่จุดดีของหนังก็ยังมีมากกว่าจนพอมองข้ามหรือไม่ถึงกับเก็บมาเป็นอารมณ์ได้่น่ะครับ รวมไปถึงโทนหนังภาคจบอย่างที่เขียนไว้แล้ว(แต่ก็เข้าใจคนที่ไม่ชอบหรือรู้สึกว่าหนังธรรมดาประมาณนึงนะ) เขียนไปเขียนมาชักจะยาว เอาแค่นี้ดีกว่า ขอบคุณที่ช่วยแชร์แนวความคิดก็แล้วกันครับ ป.ล. อยากจะบอกความจริงอีกหน่อยว่าตอนแรกผมเดาได้ว่าทาเลียน่าจะเป็นตัวร้ายอีกตัวในเรื่องนะ แต่ไม่ใช่บททาเลีย เป็นพอยซั่นไอวี่แบบเฉลยตอนท้ายๆอย่างฮาวี่เดนท์--->โจ๊กเกอร์ หรือ จอห์น เบลค ---> โรบิน อะไรแบบนี้น่ะ เพราะตอนแรกๆเหมือนเธอจะชอบพูดเรื่องรักโลก ช่วยลดพลังงานอะไรแบบนี้เยอะๆ เลยแอบเดาในใจเบาๆ เพราะว่าถ้าโนแลนสร้างเธอมาเป็นตัวละครพอยซั่น ไอวี่ฉบับตีความใหม่ให้สมจริงขึ้นก็ดูเหมาะมากเลยนะ แบบใช้ความรัก จุมพิต ร่างกายเป็นตัวล่อ ใช้ความเป็นผู้หญิงเป็นกลลวงเข้ากับดัก อะไรแนวๆนี้ ถ้าเพิ่มฉากให้มีการใช้อาวุธแนวๆยาพิษหรือสมุนไพรแบบให้ดูสมจริงหน่อยๆนี่ โห ใช่เลยจริงๆนะ ฮ่าๆๆ แถมในเวอร์ชั่นหนังอันก่อน เบนก็เป็นผู้ช่วยพอยซั่นไอวี่อีก เลยคิดว่าน่าจะมีเป็นเหมือนกิมมิคล้อเลียนเบาๆอะไรแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 23:08:13 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:03:29

ความคิดเห็นที่ 81 ขอออกตัวว่าไม่ได้เป็นแฟนแบทแมนมาแต่ต้น (ซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจคือ สไปเดอร์แมนค่ายคู่แข่งค่ะ) แต่ดูเกาะกระแสกับเขาทีหลัง ขอแสดงความเห็นบ้าง Batman Begins อันนี้แย่หนัก ไม่ได้ดูในโรง เช่าแผ่นมาดู ดูไปหลับไป จำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก หุ่นไล่กา (ฮ่าๆ ของเขาแรงจริงๆ กระทั่งคนหลับก็ยังแทรกซึมเข้าไปในฝันจนได้) และไม่รู้จักกระทั่งราซ อัลกูร มาดู TDKR เลยงงนิดหน่อย มากลับมาดูใหม่หลังดู TDKR จบ เลยเพิ่งรู้สึกว่ามัน begin สมชื่อจริงๆ คือ เรารู้สึกขัดกับมาดของ Christian Bale นิดหน่อย เพราะรู้สึกว่าดูยังไงก็ไม่ใช่คุณหนูลูกเศรษฐ๊และเพลย์บอย จริงๆอาจจะเพราะบรู๊ซไปหัวหกก้นขวิดในซ่องโจรและคุกพักใหญ่ กลับมาอยู่คฤหาสน์เลยทำตัวไม่ถูก ภาคแรกดูเพลินๆ ไม่ประทับใจอะไรเท่าไหร่ The Dark Knight อันนี้ดูในโรง ฉากที่ประทับใจที่สุดคือ ฉากที่บรู๊ซขี่ Lumbogini สีดำสุดเท่เข้ากันรถขนส่งนักบัญชีที่หักหลังเขา ไม่ได้ซาบซึ้งความดีอะไร แต่ Lumbogini โคตรสวยอ่ะ (เอ่อ ขออภัยเรามัน concrete ไปหน่อย จำได้แต่ละอย่าง) หลังจากนั้นเราก็คลั่ง Lumbogini ไปเลย (โฆษณาแฝงในภาพยนตร์มันมีอิทธิพลยังงี้เอง) นอกจากเรื่องรถแล้วตัวบรู๊ซก็ดูราศีเศรษฐีเพลบอยจับมากขึ้น โจ๊กเกอร์เล่นดีมากอย่างที่หลายๆคนว่า และการเล่าเรื่องก็ทำได้ดีสุดๆจนไม่มีอะไรจะติ แต่ไม่น่าเชื่อว่าดีขนาดนี้ก็ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นแฟนแบทแมนแต่อย่างใด The Dark Knight Rises เพิ่งไปดูมาสัปดาห์ก่อน และถึงแม้จะรู้สึกถึงช่องโหว่บางอย่างของบท แต่อยากจะบอกว่า เป็นภาคที่ทำให้เรากลายเป็นแฟนแบทแมนไปเลย อาจจะเพราะ ซาบซึ้งกับอุดมการณ์ของแบทแมน และ ในที่สุด Bale ก็ทำให้เรายอมรับเขาเป็นบรู๊ซ เวย์นจนได้ เพราะภาคนี้ราศีผู้ดีจับสุดๆ หนังสนุกดี จนไม่รู้สึกเลยว่าเกือบสามชั่วโมง สิ่งที่ประทับใจในภาคนี้คือ การที่เบนสามารถกวนเมืองไปเป็นหลายเดือน กว่าพระเอกจะฟื้นตัวกลับมาตามกู้ชาติได้ มันแปลกสำหรับเรา เพราะปกติฉากการต่อสู้ทั้งหลายในหนังฮีโร่มันจะไม่ค่อยกินเวลานานขนาดนั้น สำหรับตัวร้าย เราเฉยๆนะ รู้สึกว่าโจ๊กเกอร์เด็ดกว่า ส่วนอีกคนที่ชอบคือ กอร์ดอน เก๋าเกมส์มากๆ โดยสรุปแล้ว เราว่าภาคสองดีสุดนะ แต่ะชอบภาคสามสุด จากคุณ : ผึ้งน้อยทำรังแต่พอตัว (ผึ้งน้อยทำรังแต่พอตัว) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:14:57

ความคิดเห็นที่ 82 #80 ผมคิดว่ามิแลนด้าน่าจะเป็นธาเลีย  ก็ตอนพูดเรื่องรักษ์โลกเหมือนกันคับ    ฟังประโยคนี้หน้าร๊าซ อัล กูล  ลอยมาเลย  ตอนที่เค้าบอกพระเอกว่าพระเอกควรจะเป็นคนที่อยู่ข้างตัวเอง  คอยปกป้องโลก   ผมว่าบทของเบนมันเหมือนเป็นการล้อกับบทของเคน วาตานาเบ้ที่เป็นร๊าซ  ตัวปลอมน่ะคับ   เพื่อกลับมาเล่นกับปรัชญาของร๊าซในภาคแรกคือ   ละครมารยาและการตบตาเป็นอาวุธที่ทรงพลัง   และเพื่อหลอกคนดูและพวกพระเอกเรื่องระเบิด    พอดีว่าตัวละครเป็นหญิงชาย  จึงไม่พ้นต้องพูดเรื่องความรัก  เพื่อเสริมแรงจูงใจให้เบนสู้ตาย   ต่อให้ไม่รักธาเลีย แต่ถ้าเป็นคนในสำนักเดียวกัน  ก็ต้องมีอุดมการณ์เดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา  ถ้าจำกันได้   ตอนสู้กะเบนครั้งแรก  พระเอกถามเบนว่า   ตอนนี้ใครเป็นเจ้าสำนัก   แสดงว่ายังมีบอสใหญ่อยู่อีกตัวแน่ๆ  ส่วนเป้าหมายของธาเลียก็ชัดเจนอยู่แล้วคือ   สานต่องานของพ่อ   ทำลายก๊อธแธม   ตอนจะเริ่มถ่ายแรกๆที่รู้พล๊อตว่าจะเปนเรื่องพันธมิตรแห่งเงาผมก็กลัวภาคสองมันจะหลุดธีม  และมิติของหนังมันดูแคบนะ   แต่ผกก.เชื่อมต่อภาคสองโดยการเอากฎหมายของฮาวี่ มาเสนอในภาคสามเพื่อปูทางถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น   ผมว่าเผลอๆผกก. แกคงเอาแรงบันดาลใจมาจากการเมืองบ้านเราแน่ๆ   ที่กำลังมีความขัดแย้งเรื่องชนชั้น    ที่สำคัญในหนัง    พ่อตาย  ลูกสาวมาสานต่อ   บ้านเรา  พี่หนี   น้องสาวมาสานต่อ  มันบังเอิญไปป่าว แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 23:55:21 แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 23:54:21 แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 23:44:10 แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 55 23:36:05 จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 55 23:33:47

ความคิดเห็นที่ 83 ชอบมองสะโพก Cat Women โดยเฉพาะตอนขี่แมงกาไซค์ จากคุณ : gamete เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 00:44:43

ความคิดเห็นที่ 84 เป็นหนังที่ตอนออกจากโรงแล้วรู้สึกฟินนะ อิ่มนะ แต่พอมาตกผลึกความคิด ในเรื่องความสมเหตุของผล หรือตรรกะและแนวคิดของตัวละครในเรื่อง กลายเป็นคะแนนหายไปเยอะเลยแฮะ คุณBerserk Rabbit #78 "เพราะพอเฉลยว่าทาเลียเป็นลูก ทำไปทั้งหมดเพื่อแก้แค้นล้วนๆ ไอ้คำพูดหรือแนวคิดเชิงชนชั้นที่เบนพูดๆมามันเลยดูเหมือนว่าไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะยังไงเบนก็เป็นแค่ผู้ช่วยทาเลีย และช่วยด้วยสเน่หาอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเบนเป็นแค่ตัวละครบอสรองธรรมดาๆมากๆเลยน่ะ แล้วทาเลียที่พอไม่มีเบนช่วยแล้ว ก็ไม่ได้เก่ง ไม่มีความน่ากลัวอะไรให้ลุ้นเลยด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่อีก" คิดตรงกันเลยค่ะ เป็นจุดด้อยของภาคนี้ ที่ทำให้เราตัดคะแนนไปเยอะเลย  คือสำหรับเรา สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆในหนังแนวนี้คือตัวร้ายค่ะ เพราะหนังแนวฮีโร่ ส่วนใหญ่ตัวร้ายจะเป็นคนสร้างพล๊อท พูดง่ายๆคือสร้างเรื่องมาให้ตัวฮีโร่แก้ปัญหา  เพราะงั้นเรื่องจะดี มั้ย มันอยู่ที่ว่าตัวโกงตัวนั้นจะมีพ๊อยส์อะไรให้เรา(และฮีโร่)ติดตามไปจนจบหรือเปล่า   แต่หลังจากที่เปิดเผยความจริง ตัวแคแรกเตอร์ของเบนมันแป๋แป๊กไปเลย ทั้งๆที่เราว่าเบนเริ่มมาดี ในแง่ของทั้งแนวคิด แล้วการกระทำ ที่ตอนแรกๆแสดงออกมาแบบ หนัก เถื่อน แรง แต่แฝงตัวความคิดต่อต้านสังคมแบบที่มีมา และความเป็นกบฎอย่างมีนัยยะ คือเบนในครึ่งแรก สามารถนำพาเรื่องราวของTDKRมาแบบหนักเน้นและเข้มข้น เป็นผู้นำที่ดิบและน่าเกรงขาม แต่ก็น่าเชื่อถือในสายตาลูกน้อง แบบที่ลูกน้องยอมตายแทนได้ ด้วยสายตาปิติ(ในเครื่องบิน) นอกจากนี้ เรื่องบทปฎิวัตินั้น จะมองว่าเป็นทางออกอีกรูปแบบกับประเด็นของราซ อัลกูรในภาคแรก เรื่องของไวรัสในสังคมก็ได้(ถ้าจะอยากเอาเรื่องพันธมิตรแห่งเงามาใส่ด้วยจริงๆ หรือถ้าไม่อยากจะโยง บทของเบนในตอนแรกก็เป็นได้ทั้งนั้น) จนกระทำทาเลียออกมานี้แหล่ะ =_='' ทุกอย่างที่เบนพูดมาคืออะไร? บวกกับเรื่องระเบิดตอนจบเรายิ่งแบบ...แล้วสรุปจะมาพูดเรื่องปฎิวัติทำเพื่อ??  ในเมื่อเจตนาก็แค่จะบอมม์เมืองแก้แค้นในราซนี่นา  เราจะช่วยหาช่องให้ก็ได้ว่า เบนฉลาดจริงๆ ที่รู้จักการใช้วาถะศิลป์ ในการปลุกระดมคนชั้นล่างของเมืองมาเพื่อการปฎิวัติครั้งนี้    คือก็อดตะงิดไม่ได้ เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากนะใช่ แต่ยังไงเจตนามันแค่การแก้แค้นดาดๆอ่ะ คือกลายเป็นคำพูดสวยงาม ดูมีสาระ แต่ยังไงก็ซื้อใจเราไม่ได้อ่ะ ไม่อินเลย แถมทาเลียนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เราว่าบทของนางเฟลมากๆ ทั้งน้อยนิดและไม่เกิดผลบวกอะไรต่อเรื่องเลย(ยกเว้นการหักมุม หรือเรื่องระเบิดที่แบบ...ไม่ต้องเป็นเธอก็ได้อ่ะ)   คือนอกจากนั้นบทและป่มของเธอยังลากเอาแคแรกเตอร์ของเบนลงหลุมไปด้วยอีกอ่ะ =_=' แต่เราก็ถือว่าอิ่มเอมก็ TDKRค่ะ  เพราะภาพรวมและบรู๊ซเวนย์ ที่ปิดฉากลงอย่างสวยงามจริงๆ ปล. มีคนพูดเรื่องความสมจริงของคุก, เรื่องบรู๊ซกลับเมืองได้ยังไง หรือตำรวจที่ติดแหงกใต้ดินไปอยู่ยังไง ไม่ซ้ำแล้วล่ะกัน ^^; คือถ้าเป็นหนังฮีโร่เรื่องอื่น เราอาจจะไม่คิดมาก ในเรื่องความไม่สมจริง แต่พอซีรีย์เน้นมาที่ความเรียล ต้องการให้คนดูใช้ความคิด (มาก)แบบนี้ เราก็จะคิดมากค่ะ เอิ๊ก จากคุณ : ปืนติดพิษ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 01:13:54

ความคิดเห็นที่ 85 PASTA PASTA FISH FISH! PASTA PASTA FISH FISH! จากคุณ : southbluejazz เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 01:19:39

ความคิดเห็นที่ 86 ไม่รู้ว่าผมคาดหวังไว้สูง หรือเพราะอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบภาคนี้เลย -*- คหสต. จากคุณ : gazeclub เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 08:52:23

ความคิดเห็นที่ 87 ทาเลียพูดไว้ในหนังว่า "I honor my father by finishing his work, revenge for killing the man who killed him is just a reward." อย่าลืมว่า ทั้งทาเลียและเบนต่างก็เป็นสมาชิกของพันธมิตรแห่งเงา ย่อมมีอุดมการณ์ขององค์กรนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าทาเลียนี้เป็นระดับหัวหน้าเลย จึงสามารถบัญชาการรบได้ ส่วนเบน ทาเลียยังบอกว่า ความผิดของเขามีอย่างเดียวคือ เขารักฉัน แปลว่า ถ้าไม่ติดเรื่องนี้ เบนนี่แหละจะได้เป็นผู้นำพันธมิตรแห่งเงาคนต่อไป เคียงข้างทาเลีย ดังนั้น การที่พันธมิตรแห่งเงากลับมายังก็อตแธม ไม่ได้เป็นเพราะ Batman ดึงดูดพวกเขาเข้ามา แต่เป็นเพราะ Gotham เองที่ในสายตาขององค์กรนี้ ยังเห็นว่าควรทำลายทิ้งแล้วเริ่มใหม่ เหมือนที่ทาเลียบอกบรูซว่า เรียกชาวก็อตแธมว่า "ผู้บริสุทธิ" เป็นคำที่เกินความจริงไปมาก ดังนั้นภาคนี้หลักๆไม่ได้เกี่ยวกบการแก้แค้น แต่เป็นการสานต่องานของพ่อให้เสร็จลุล่วง มันก็อุดมการณ์เดิมนั่นแหละ เบนก็ไม่ได้ทำเพื่อคนรักเป็นหลัก แต่ทำเพื่ออุดมการณ์เช่นกัน เขาเกลียดความชั่ว คนชั่ว เหมือนที่ราช อัลกูลเกลียด เขาจึงสามารถเรียกศรัทธาจากสมาชิกแห่งเงา และชาวก็อตแธมใต้ดินได้ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 09:52:26

ความคิดเห็นที่ 88 มีคนบอกว่าเบนโหดสู้โจ๊กเกอร์ไม่ได้...ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะ เบนมีความรักทำเพื่อคนที่ตัวเองรัก แต่โจ๊กเกอร์ไม่มีและเราไม่สามารถเดาความคิดของโจ๊กเกอร์ได้เลย...ซึ่งโจ๊กเกอร์ทำทุกอย่างเพื่อความหายนะ และความสะใจของตนเองเท่านั้นครับ... สิ่งนี้แหละที่ทำให้โจ๊กเกอร์เหนือกว่าเบน จากคุณ : นาย 17 อดีตเด็กหลังห้อง เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 10:41:39

ความคิดเห็นที่ 89 ^ ^ เหนือกว่าเบน  แค่ในมุมของแบทแมนคับ    ลองแบทแมนฆ่าคนเหมือนอินทรีแดง     โจ๊กเกอร์จะเป้นอะไรที่กระจอกมากคับ จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 10:51:04

ความคิดเห็นที่ 90 ภาค 3 ผมดูจบ สงสัยอยู่เรื่องเดียวครับ ตอนแสดงในเรื่อง เบนต้องพูดผ่านหน้ากากออกมาจริงๆไหม?? จากคุณ : whutzy เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 11:39:48

ความคิดเห็นที่ 91 ^ ^ น่าจะจริงนะ ได้ยินเสียงฟู่วๆออกมาด้วย จากคุณ : หนูวาลี เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 11:53:07

ความคิดเห็นที่ 92 ฉากที่เบน ประกาศตัวที่สนามกีฬาก๊อตแทม นึกถึงมวยปล้ำใน WWF ขึ้นมาทันที ถ้ามีน้าติงพากษ์ คงฮาน่าดู จากคุณ : antonio_o เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 12:15:03

ความคิดเห็นที่ 93 เรื่องนี้ชอบนางแมวอะ   ดูหนังคิดมากเกินไปก็ไม่สนุก  คิดดู  ตำรวจตั้งเยอะใครส่งของลงไปให้กินเป็นเดือน  เพราะพวกผู้ร้ายเห็นก็คงโดนยิงทันที จากคุณ : gumk1 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 13:18:37

ความคิดเห็นที่ 94 ส่วนตัวเราเห็นว่าเพราะว่าภาคที่แล้วมันดีมาก ภาคนี้เลยกลายเป็นว่าทุกคนโดยเฉพาะ FC ตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่เราไปดูกับเพื่อนๆคนอื่น ที่เขาไม่เคยตามแบทแมนมาเลย ภาคสองก็ลืมๆไปแล้ว บางคนไม่เคยดูเลย ไม่รู้ว่าฮาร์วี่ เดนท์คือใคร แต่ทำไม พวกเขากลับบอกว่าสนุกมาก น้ำตาไหล และตกใจตอนเฉลยปมต่างๆ เราว่าบางที การที่มันมีเนื้อหามีข้อมูล อย่างนั้นอย่างนี้ในหัวเราอยู่ก่อนแล้ว มันอาจจะทำให้เราดูหนังไม่สนุกก็ได้ อย่างเรื่อง inception เราเองไม่เคยดูตัวอย่างหนังมาก่อนเลย ไปดูเพราะคำพูดที่ว่า "ลองไปดูสิ ทั้งเรื่องอ่ะ ฝันไปทั้งนั้น"จากเพื่อนเรา เราก็เข้าโรงแบบไม่รู้เรื่องอะไร หัวว่างเปล่า พอได้ดูก็บอกได้ว่า สนุกมาก กับเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เราชอบ batman เวอร์ชั่นนี้มาก แต่ไม่ตามอ่านว่าจะมีอะไรโผล่ออกมา หรือใครเป็นอะไร ก่อนเข้าโรงรู้แค่ว่า อยากดูคริสเตียน เบล แอนเป็นนางแมว ตัวร้ายชื่อเบนนะ มีฉากระเบิดซุปเปอร์โบล์ว(ตอนแรกนึกว่างั้น) รู้แค่นี้ พอออกมา รู้สึกว่าหนังสนุกมากกจริงๆ สมกับการรอคอย ทุกอย่างมันรวบยอดในตอนนี้จริงๆ นี่คือความรู้สึก+ความคิด+การวิเคราะห์ของเราสำหรับหนังไตรภาคเรื่องนี้ -------------------------------------------- การพัฒนาของ batman ภาคแรกถึงภาคสาม ตอกย้ำความจริงที่ว่าหน้ากากของชายที่ชื่อ บรูซ เวนย์ กลับเป็นภาพของมหาเศรษฐีที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช่หน้ากากแบทแมนแต่อย่างใด แบทแมนต่างหากคือตัวตนที่แท้จริงของเขา ภาคแรก เขาเปลี่ยนความโกรธเป็นพลัง ใช้ความกลัวเป็นแรงผลักดัน เป้าหมายคืออยากจะเป็นแรงบรรดาลใจให้คนดีที่ไม่กล้ายืนหยัดต่อความถูกต้อง ภาคที่สอง ทั้งๆที่ชีวิตเขาสูญเสียมาแล้วมากกว่าใคร แต่ก็จำเป็นต้องเสียสละอีกครั้ง แบกรับความผิดที่ตนไม่ได้ก่อแล้วหลบหนีไป ภาคที่สาม หลังจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น เขากลายเป็นคนที่อยู่โดยไม่มีแรงผลักดัน กลายเป็นบรูซ เวย์นที่เก็บตัวไม่ออกไปไหน จนกระทั่งถูกเซริน่า ไคลย์ มาปล้นสร้อยไป จุดเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ทำให้เขาต้องกลับมาสืบสวนอีกครั้ง กลับมาทำงานที่เขาเคยชิน เหมือนเป็นประกายไฟที่ทำให้เขาจะได้กลับเป็นตัวของเขาเองอีกครั้ง กลับไปเป็นแบทแมน แต่แบทแมนที่เขากลับไปเป็นนั้น ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาอยากตายในฐานะแบทแมน ไม่ใช่ บรูซ เวนย์ เขาไม่กลัวความตาย เขาหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ จนกระทั้งได้รู้ว่าเรเชลไม่ได้ต้องการอยู่กับเขา สิ่งที่เขาเคยเชื่อมั่น เคยเจ็บปวดกับมันมากลับสลายไป กลายเป็นความจริงที่เจ็บปวดที่สุด เขาล้ม จนสุดท้าย เมื่อเมืองทั้งเมืองต่างเรียกร้องให้เขากลับมา เมืองที่เขาเคยต่อสู้เพื่อปกป้องมันกำลังจะหายไป เขายืนหยัดขึ้นอีกครั้ง กลับมาอีกครั้ง กลับมาช่วยเมืองที่เขารักอีกครั้ง เขาทำสำเร็จ และแม้เขาจะทิ้งชื่อบรูซ เวย์น จะไม่กลับมาอยู่ใต้หน้ากาก กลายเป็นเพียงคนธรรมดา แต่อุดมการณ์และ 'แบทแมน' สัญลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้น จะมีอยู่ตลอดไป เขาทำสำเร็จ จากคุณ : PakToon เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 17:04:50

ความคิดเห็นที่ 95 คนส่งอาหารคือฝั่งเบนนะถ้าจำไม่ผิด เพื่อรอเวลาไปตัดสินว่าจะตายหรือเนรเทศ    ส่วนเบล๊ค แค่ลอบส่งข่าวให้เพื่อนผ่านช่องเล็กๆ จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 17:05:58

ความคิดเห็นที่ 96 เหตุที่คนชอบ โจ๊กเกอร์ มากกว่า เบน เพราะ โนแลน ตั้งใจสร้าง โจ๊กเกอร์ มากกว่าครับ ผมเชื่อว่า ถ้า ฮีท ไม่ตาย ภาค 3 ก็ยังมี โจ๊กเกอรอยู่ โนแลน ต้องการทำ ไตรภาค โจ๊กเกอร์ มากกว่า ครับ ในความรู้สึกผม ภาคแรก ราชอัลกูล ตาย ภาคสอง โจ๊กเกอร์ ไม่ตาย ภาคสาม เบน ตาย จุดกำเนิด จุดมุ่งหมาย ของตัวร้ายก็แตกต่างกัน เบนและราชอัลกูล เป็นแค่คนธรรมดา ราชอัลกูล มีอุดมคติ เบน มีความรัก แต่สำหรับ โนแลน ผมเชื่อว่า เขาต้องการให้ โจ๊กเกอร์ ไม่ใช่คน ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผล พูดกับใครแต่ละครั้ง ก็ใช้คำพูดคนละแบบ แถมสุดท้าย ที่ห้อยหัว กล้องก็ค่อยๆ หมุนย้อนกลับมา จนเหมือน โจ๊กเกอร์ลอยได้ สิ่งที่เหมือนมนุษย์แต่ลอยได้ นั้นคืออะไร? โนแลนต์ ต้องการทำให้ โจ๊กเกอร์ เปรียบเสมือนพระเจ้าจุติมาลงโทษมนุษย์ที่ชั่วร้าย ด้วยความลึกลับแบบ โจ๊กเกอร์ ส่งผลให้ เบน ซึ่งดูเป็นคนธรรมดา ดูไม่น่ากลัวไปเลย เป็นแค่ผู้ชายตัวใหญ่ และทำงานตามแผนของผู้หญิงที่ตัวเองหลงรัก ผมเชื่อว่า โนแลน วางเนื้อเรื่องภาคนี้ไว้ก่อน ฮีท จะเสียชีวิต พอ ฮีท เสียชีวิตไป ก็ต้องปรับอะไรหลายๆ อย่าง จนบางอย่างดูไม่สมเหตุสมผลเลย คนอย่าง โนแลน ถนัดในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ในแบบตนเอง แต่ถ้าต้องทำงานแบบ ปรับโน่นให้ตรงกับวัตถุที่มีแบบ ในภาค 3 ต่อให้เป็น โนแลน ก็มีพลาดได้ครับ จากคุณ : เจ้าชายใจเย็น เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 17:08:41

ความคิดเห็นที่ 97 #66  Why do we fall. ครับ  Blind Prisoner: How can you move faster than possible, fight longer than possible without the most powerful impulse of the spirit: the fear of death. Bruce Wayne: I do fear death. I fear dying in here, while my city burns, and there's no one there to save it. Blind Prisoner: Then make the climb. Bruce Wayne: How? Blind Prisoner: As the child did. Without the rope. แทบจะตะโกน Deshi Bhasara Bhasara เชียร์ไปด้วย  ที่ 1:28 เป็นตอน bruce wayne กระโดดครับ จากคุณ : ถามมาเรารู้เราตอบครับ เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 17:25:15

ความคิดเห็นที่ 98 คนส่งอาหารน่าจะเป็นรัฐบาลกลางรึเปล่าคะ ได้ยินประมาณว่า สะพานอันเดียวที่เหลือห้ามใครเข้าออกนอกจากส่งสะเบียง อาจเป็นว่า เบนเอาตำรวจใต้ดินเป็นตัวประกันด้วย คือ ถ้าตำรวจจำนวนมากทำท่าว่าจะอดข้าวอดน้ำตายในเวลาอันใกล้ รัฐบาลกลางอาจใช้วิธีรุนแรง (เช่นส่งเจมส์ บอนด์ เข้ามา ) เลยเกิดการต่อรองกัน เพื่อลดความตึงเครียด อันนี้เดา รอไปดูอีกรอบแล้วจะมาบอก จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 19:57:18

ความคิดเห็นที่ 99 ดูจบ เราหันไปถามเพื่อน ถามคำถามเดียว "เบน(มัน)กินข้าวยังไง(วะ)" จากคุณ : ธราธาร เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 55 21:00:03