หน้า 3/3
ไมค์ค่อนข้างมีระยะห่างและระมัดระวังในการวางตัวกับคนอื่น ๆ
ไมค์จะวางตัวให้ดี เพราะแฟนคลับก็เป็นอะไรที่เราขาดไม่ได้ เขาเป็นกำลังใจและสนับสนุนเรา การวางตัวก็ไม่ยาก แค่ขอให้เราอย่ามีเรื่องคิดลบๆต่อกันก็พอ เราต้องคิดบวกในทุกๆเรื่อง แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง แต่คนเราคิดต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ซึ่งเราต้องรับมือกับสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ให้ได้ ถามว่าเหนื่อยมั้ย? ก็เหนื่อยกับการใช้ชีวิต...
ลำบากที่สุดคืออย่าง เวลาไมค์โดนเขาเอาเรื่องไปเขียน เขามีปากกาเขาก็เขียนได้ทุกเรื่อง เขียนได้ตามใจเขา อย่างไมค์ได้รางวัลไม่เขียน เขียนว่าไมค์ทำแฟนคลับท้อง บางเรื่องมันไม่ได้เกี่ยวกับไมค์เลยนะ แต่เอาชื่อไมค์ไปใส่ มันเอฟเฟกต์ทุกอย่างกับชีวิตไมค์เลยนะ ไมค์ก็ไม่ทราบว่ามาเกี่ยวกับไมค์ได้ยังไง?
มันคงมาจากลุคของไมค์มั้งว่าดูแบดบอย เอาชื่อไมค์ล่ะกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับไมค์คือพรีเซ็นเตอร์หายไปสองตัว เงินเป็นล้านๆนะครับ แล้วก็ความเสี่ยงในการที่จะไม่ได้เข้ามหาลัยอีก เพราะพอเรามีเรื่องแบบนี้เข้ามา มหาลัยก็คิดหนักแล้วว่าจะรับเราดีมั้ย?
และคนรอบข้างก็ไม่ถามเรา และไม่คิดที่จะเชื่อเรา คนส่วนใหญ่ก็เชื่อข่าวกัน ไมค์ก็มานั่งถามตัวเองว่าทำไมคนถึงเชื่อ อาจจะเป็นที่ไมค์เคยทำตัวเองในอดีตที่ปล่อยปละละเลยตัวเองมากเกินไปจนเป็นข่าวบ่อยๆ จนลุคกลายเป็นแบบนี้ คนเลยคิดว่าไมค์เป็นแบบนั้นแบบนี้
แต่จากที่ฟังมาไมค์ก็มี่ระยะห่างกับแฟนคลับพอสมควรอยู่นี่นา
ไม่ใช่แค่แฟนคลับ แต่หมายถึงคนรอบข้างของไมค์ด้วย กับทุกๆคน ไมค์ก็จะมีระยะห่าง แต่คนอื่นไม่ได้มาอยู่กับไมค์ 24 ชั่วโมง เขาจะไม่มีทางรู้ว่าไมค์เป็นคนยังไง จะตอบแรงๆก็ไม่ได้ มันจะยิ่งทำให้ลุคเราดูแรงไปอีก มันอึดอัดตรงที่จะตอบก็ตอบไม่ได้ มันเลยทำให้เรากลายเป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อนั้น มันน่าโมโหนะ ที่มันเอฟเฟกต์ในชีวิตเรากับการแค่ที่เขาแรนดอมชื่อไมค์ใส่ลงไป
คือตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้กลัวอะไร เพราะเราไม่ได้ทำ แต่มันมีเอฟเฟกต์กับงาน ทำให้ชื่อเสียงครอบครัวดูแย่ ไมค์เป็นคนรักครอบครัวแล้วก็ตั้งใจทำงาน พอมาโดนแบบนี้มันก็รู้สึกท้อ ขอโทษนะ ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะ ผมทำเพื่อประเทศนี้นะ ผมเอาความเป็นไทยไปสู่ต่างประเทศ มันไม่สำคัญว่าผมจะร้องเพลงอะไร แค่ผมบอกว่าผมเป็นคนไทยแค่นี้เขาก็ต้องรู้แล้วว่าประเทศไทยเจ๋งว่ะ แทนที่จะเป็นการสนับสนุน นี่กลายเป็นทำลายกัน
ซึ่งลองคิดดูว่าบ้านเราทีนไอดอลต้องใช้เวลาเป็น10 ปี แล้วคิดดูถ้าไมค์พังหรือออกจากวงการไป ต้องใช้เวลาสร้างอีกกี่ปี กว่าจะส่งไปโกอินเตอร์หรือให้มีชื่อเสียงในต่างประเทศต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ ต่างประเทศเขาไปนู่นกันแล้วแต่เรายังอยู่จุดนี้กันอยู่เลย
แล้วหลังๆไมค์ไม่ค่อยเห็นเรื่องผลงานอะไรพวกนี้เลย มีแต่ชีวิตส่วนตัวทั้งนั้นเลย ไมค์ก็สงสัยว่าแล้วเราจะโปรโมตงานเราได้ยังไง? หรือต้องเป็นข่าวถึงจะดัง เดี๋ยวนี้เริ่มรู้สึกว่าทำผลงานดีๆไปก็ไม่ดังหรอก หรือเราทำให้เป็นข่าว จะได้มีข่าว ถ้าไมค์คิดแบบนี้ตั้งแต่แรกไมค์ก็จบไปแล้ว แต่ไมค์ไม่ยอมแพ้ ไมค์ไปต่อเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะไมค์รักดนตรี รักการเต้น รักงานตรงนี้ ไมค์ก็คงออกจากวงการ แล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอก เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไมค์เกือบจะทำเมื่อปีที่แล้ว
อายุเท่านี้แล้วต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ รู้สึกท้อมั้ย
มันเหนื่อย ไมค์อายุเพิ่ง 21 ไมค์ไม่ควรที่จะมารับเรื่องพวกนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้ มันยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายหลายอย่างที่ไมค์ต้องรับไว้ ซึ่งมันเป็นชีวิตของคนที่อายุ 30 อัพไปแล้ว
เวลาเจอเรื่องแย่ ๆ ได้กำลังใจจากไหน
แฟนคลับก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ตัวเองเป็นคนที่ทำให้เราลงได้ตลอด เราต้องขัดเกลาตัวเองให้แข็งแรง เราต้องให้กำลังใจตัวเอง มันไม่มีใครมาให้กำลังใจเราได้ กรณีนี้แฟนคลับทุกคนเชื่อครับว่าไมค์ไม่ได้ทำแน่นอน
แล้วการวางตัวกับแฟนคลับยากขึ้นกว่าเดิมมั้ย เมื่อมันมีข่าวแบบนี้ออกมา
ไมค์ก็วางตัวเหมือนเดิม ไมค์ก็เป็นคนนิ่งๆ ตลกๆ บ้านไมค์จะสอนให้ดูแลตัวเอง โตด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง อะไรผิด อะไรถูก เขาแค่บอกว่าอะไรผิดอะไรถูก เขาจะบอกเรา
นี่เป็นอีกเหตุผลรึเปล่าที่ทำให้ไมค์ไปทำงานที่ต่างประเทศ
มากกว่าที่จะอยู่แค่บ้านเราเท่านั้น
ก็ด้วย แต่จริงๆไมค์ชอบการทำงานที่ต่างประเทศ เพราะหนึ่งเรารู้สึกสบายใจที่ทำ อย่างตอนที่ทำงานที่ญี่ปุ่น ไมค์ออกไปเดินเล่นตอนตี2 ตี3 พอตี4 ไมค์ก็เดินกลับ เพราะมันรู้สึกว่าเราไม่ได้กดดันตัวเอง มันคือคำว่าอิสระ เพราะตอนที่เราอยู่ที่บ้านเรามันไม่มี ต่อหน้าผู้คนเราต้องเกร็ง แข็ง นิ่ง แต่อยู่ที่นู่นนี่ เราลัลล้า มันชิลล์ สบาย ปลดปล่อย
อยู่เมืองไทยมันอึดอัดกว่า ไม่มีอิสระ จนกลายเป็นโรคขี้ระแวง พอได้ยินเสียงชัตเตอร์ เราจะหันขวับเลย หรือเวลาใครมอง ใครเรียก หรือมีคนนินทา ไมค์จะรู้สึกได้เลย มันเป็นฟีลลิ่ง หรือใครมอง เราจะรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้าเดินกับเพื่อนผู้หญิงคือเป็นแฟน ถ้าเดินกับเพื่อนผู้ชายคือเป็นตุ๊ด จริงๆไมค์เคยคิดว่าเก็บเงินให้ได้เยอะๆ แล้วสร้างเป็นวันเดอร์แลนด์ มีให้ครบทุกอย่าง แบบไม่ต้องออกไปไหนแล้ว มีคนบอกว่าการเป็นคนดังต้องแลกกับบางอย่างในชีวิต สำหรับไมค์ ไมค์ใช้อะไรแลกกับการทำงานตรงนี้
มันเหมือนเป็นการเซ็นสัญญากับซาตาน แลกชีวิตและวิญญาณ แลกทุกอย่างกับการที่จะเข้ามาอยู่ในจุดนี้ ผมพูดไม่ได้ว่ามันคุ้มรึเปล่า? เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าผมเลือกทางอีกทางนึง ผมจะเป็นยังไง แต่ผมพูดได้ว่าตอนนี้ผม OK! กับการที่ได้ทำงาน กับการที่ได้ใช้ชีวิตเร็วกว่าคนอื่น การได้เที่ยวทุกวันผมว่ามันน่าเบื่อตายเลย แต่การทำงานได้พบปะพูดคุยกับคนหลากหลาย ได้แชร์ไอเดียกัน แฮปปี้กับการทำงานหลาย ๆ แบบ
การถูกจับตามองจากทุกคน
ทำให้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถมีคนพิเศษได้
มันเหมือนเป็นคำสาปด้วยเหมือนกัน ถึงมีไปในไม่ช้าก็ต้องเลิกกัน ปัญหาอย่างไปไหนด้วยกันไม่ได้ ไม่มีเวลาให้ คนที่จะคบกันได้ต้องเป็นคนที่เข้าใจเรามาก แล้วไมค์ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด ถึงมีวันหยุดไมค์ก็อยากจะทำงานมากกว่า
ช่วงที่ผ่าน ๆ มาเคยมีแฟนมั้ยครับ
ครับ... ก็พอมีบ้าง ที่คบเป็นปีก็มี แต่ด้วยกอสซิปต่างๆ ก็มีส่วนกับความสัมพันธ์ แค่คนรอบข้างพูดแค่นี้ก็จบแล้ว อีกหน่อยเรามีอายุมากขึ้น แฟนคลับอาจจะยอมรับได้มากขี้น ถ้าพรหมลิขิตอยากให้เราเจอเดี๋ยวก็ได้เจอ
ตอนนี้ข่าวล่าสุดก็คือไมค์เป็นแฟนกับน้องวิว วรรณรท
คือกระบวนการของการทำข่าว ถ้ามีภาพที่แตกต่างกัน3ภาพหลุดออกไป ก็ถือว่าเป็นแฟนกันแล้ว เขาก็จะมาถามซ้ำๆให้มันเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาให้ได้ ถ้าไปเล่นข่าวเรื่องงานก็คงจะแฮปปี้นะ ไมค์ขี้เกียจเป็นข่าว จริงๆตอนแรกไม่ได้แคร์ข่าว หลังๆเริ่มแคร์ เพราะข่าวเป็นยังไง คนก็จะมองไมค์แบบนั้น สิ่งที่ไมค์ได้ยินมาคือเขาฟังมาจากข่าวแน่ๆ พอคนมารู้จักไมค์ เขาจะรู้สึกว่าต่างจากในทีวีมาก
ทุกวันนี้ไมค์ใช้ชีวิตยังไง
ร้อง เต้น แอ็คติ้ง อ่านหนังสือบ้าง วันว่างก็ไปสตูดิโอ ไปประชุม การได้พูดคุยคือการรีแล็กซ์ของผม แชร์ไอเดียเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดของเรา ถ้าไปช้อปปิ้ง ไมค์ช้อปปีละครั้งที่มาบุญครอง ซื้อเสื้อตัวละแค่ 100 กว่าบาท ถ้าช้อปใหญ่จริงๆ ล่าสุด D&G ไปเสียเป็นแสน ได้มาแค่ 3 ตัวเอง เวลาไมค์จะซื้อก็จะเอาไปทำงานด้วย บางอย่างในห้องไมค์ซื้อมาไม่เคยได้ใส่เลย เวลาซื้อมาคิดอย่างเดียวว่าจะใช้ถ่ายแบบหรือถ่ายเอ็มวี เวลาไมค์ซื้อจะคิดไว้เป็นเซ็ต แล้วก็ใส่อยู่แค่ในเซ็ตนั้น แต่เวลาออกงานก็ต้องมีแต่งตัวบ้าง อย่างเรื่องเสื้อผ้าจะมีสไตลิสต์คอยดูแล แต่เวลาไปข้างนอกไมค์จะแต่งแบบชิลล์ๆ กางเกงวอร์ม เสื้อซ้อมเต้น
ไมค์เป็นคนดูแลตัวเองมากน้อยแค่ไหน
แล้วแต่อารมณ์ เวลาแต่งตัวมันต้องขึ้นอยู่ว่าเราจะไปไหน ถ้าไปธนาคารเราใส่ชุดเสื้อผ้าอยู่บ้านก็ได้ ถ้าไปที่ที่ต้องเจอคนเยอะๆ จะแต่งตัวดีหน่อย ไมค์ชอบไปนวดตัวแบบสปามากกว่า เป็นคนปวดร่างกายบ่อยเพราะเต้นเยอะ
เป้าหมายในชีวิตจริงๆของไมค์คืออะไร ต้องการอะไร
สิ่งที่ต้องการก็คือมีความสุขเต็มร้อย แต่ทุกวันนี้ยังไม่ครบ สิ่งที่ขาดหายไปคือ เงิน สุขภาพ เวลา 3 อย่าง สุขภาพไมค์ไม่ค่อยดี เพราะว่านอนน้อย หายากมากช่วงที่ไมค์ไม่ป่วยเลย อาจจะเป็นเพราะทำงานหนักไป ร่างกายไมค์ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิด เป็นคนขี้โรค แต่ไม่ชอบนอนเยอะๆ เพราะถ้านอนตื่นสาย พอตื่นมาก็จะหงุดหงิดว่าเสียเวลาไปทั้งวัน โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เงิน
พวกเราจะได้เห็นไมค์เล่นละครอีกมั้ย
ก็มีละครเข้ามา แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะทำได้มั้ย? ก็ลองดูครับ น่าจะเป็นละครของค่าย เอ็กแซ็กท์ ผมไม่ใช่คนที่จะทำงานแอ็กติ้งได้ดี แต่มันเป็นอะไรที่ท้าทาย และผมก็ไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็ขอฝากเพลง AYO ไว้ด้วย เพราะไมค์ตั้งใจทำและเป็นอะไรที่ใหม่ บางกลุ่มตลาดอาจจะยังรับไม่ได้ รับไม่ทัน แต่มันก็เป็นอะไรที่ได้ลองทำเต็มที่ ได้ลองกล้าทำอะไรใหม่ๆที่เรารัก ทำให้แฟนๆได้เห็นว่าเราเปลี่ยนไปแค่ไหน นี่คือประเด็นหลักเลยว่าเราโซโล่ทำไม
ผมฝากขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะแฟนๆของไมค์ที่คอยสนับสนุน ทีมของไมค์ แล้วก็คนร่วมงานทุกคน ยังไม่ยอมแพ้ครับ จะทำเต็มที่ต่อไป ไม่ว่าอุปสรรคจะเยอะแค่ไหน ภาวนาให้ตัวผมเองผ่านพ้นไปได้จนถึงฝั่งด้วยละกัน
จบ 3/3
พิมพ์โดย : พี่แป๋ว / ตรวจคำ : โกะ / จัดหน้า : ทีเค /// แนวคิดและทุ่มเทโดย : *ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล *