PANTIP.COM : A12503471 คุณแม่กาญจนา กับลูกมิน พีชญา ให้สัมภาษณ์ น่ารักมาก [ดารา-นักแสดง]

ความคิดเห็นที่ 1

*** ช่วยลงค่ะ น่ารักมากค่ะคุณแม่คุณลูก ****

วันแม่ 12 สิงหาคม เป็นวันที่ลูกๆ ได้รำลึกถึงพระคุณของแม่เป็นกรณีพิเศษ แต่ในทุกๆ วัน แม่จะเปรียบเหมือนผู้มีพระคุณที่อยู่ทุกลมหายใจของลูกๆ อยู่เสมอ ''มิน'' พีชญา วัฒนามนตรี นางเอกสาวฮอตของช่อง 7 ที่หลังจากละคร ปิ่นอนงค์ ได้รับการตอบรับเรตติ้งดี กระแสแรง จนกลายเป็นละครฮอตฮิตของช่อง 7 อีกเรื่องหนึ่ง ส่งชื่อให้นางเอกสาว ''มิน-พีชญา'' กลับมาโลดแล่นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง

และวันแม่ปีนี้ ''มิน-พีชญา'' ชวนคุณแม่ กาญจนา วัฒนามนตรี ไปทานข้าว และพาคุณแม่ไปตัดชุดสวยๆ เพื่อเตรียมใส่ในวันแต่งงานลูกชาย ซึ่งจะมีขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ สยามดารา จึงจองตัวขอคิวพิเศษน้องมิน เพื่อเก็บเรื่องราวความรัก ความผูกพัน ความประทับ ของสองแม่ลูกมาถ่ายทอด ต้อนรับวันแม่ ถึงเวลานัด ''น้องมิน'' โปรยยิ้มมาแต่ไกล มาพร้อมกับคุณแม่ และคุณพ่อ ก่อนจะยกมือไหว้ทักทายลงนั่ง พร้อมสั่งอาหารเน้นประเภทผัก เมนูสุขภาพให้คุณแม่ทาน พลางตักอาหารให้แม่อย่างน่ารักน่าชัง

จากนั้นไม่นานการสนทนาอย่างเป็นกันเองจึงเริ่มขึ้น คุณแม่กาญจนา เล่าให้ฟังถึงการเลี้ยงดูประคบประหงมน้องมิน กว่าจะกลายเป็นนางเอกคนดังของช่อง 7 อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

สยามดารา : ''คุณแม่เลี้ยงมิน ตอนเด็กๆ ซนหรือดื้อไหมคะ''

แม่ : ''ตอนเด็ก มินจะเป็นเด็กเรียบร้อยมากเป็นผ้าพับไว้ จับนั่งตรงไหนก็ได้''

สยามดารา : ''แสดงว่าเลี้ยงน้องมินไม่ยากเลย''

แม่ : ''น้องมินนี่ตอน 3 เดือนแรก เขาสมองกระโหลกร้าว ต้องเข้าโรงพยาบาล ต้องนอนอยู่ประมาณ 3 เดือน คือตอนเริ่มท้อง 7 เดือนกว่า แม่ก็เริ่มอึดอัด แบบแม่รู้สึกพร้อมแล้วอยากคลอดลูก''

มิน : ''แม่บอกแม่อุ้มท้องไม่ไหวแล้ว ร้อน อึดอัด รีบช่วยเอาออกไปทีเด็กคนนี้'' (หัวเราะ)

แม่ : ''แม่เลยบอกหมอว่า ให้เอามินออกเลยได้ไหม เพราะน้ำหนักลูกเยอะแล้ว ก็ร้อน อึดอัด อยากคลอดเดือน เม.ย.ด้วย '' (แม่ยิ้มหัวเราะ)

มิน : ''แม่ไปฉีดยาเร่งเอาออกดูสิ'' (มินแซวแม่)

แม่ : ''ไม่..ก็ลูกแม่สมบูรณ์มากไงคะ ซึ่งหมอก็บอกว่าทำได้มาเลยครับ ครรภ์สมบูรณ์''

มิน : ''คือคุณแม่เขามีลูกคนที่สองแล้วไงคะ ก็เลยพอรู้ มีประสบการณ์ว่าเอาออกก่อนได้ไหม ปลอดภัยไหม จริงๆ มินเข้าใจแม่นะ คือประเด็นคือแม่อยากให้ออกมาเดือนเมษา เพราะว่าแม่เกิดเดือน เมษายน มินเลยเป็นเด็กที่เกิดวันเดียวกับพ่อ เดือนเดียวกับแม่ค่ะ''

แม่ : ''ใช่ มินเกิดวันที่ 28 วันเดียวกับพ่อ เดือนเมษายน เดือนเดียวกับแม่ค่ะ''
มิน : ''เหมือนมินเป็นคนที่เกิดโดยรวบรวมทุกอย่างเอาไว้ เหมือนล็อกไว้อยู่แล้ว พี่ชายมิน พี่แม็คก็เหมือนกันค่ะ เหมือนแม่เขาล็อกไว้หมดแล้วค่ะ''

สยามดารา : ''ทำไมถึงถึงล็อกไว้คะ เชื่อเรื่องตัวเลขหรือดวงชะตาหรือเปล่า

แม่ : ''คือแม่ชอบเลขสวย จริงๆ ก็ไม่ได้ล็อกนะคะ แต่มันบังเอิญ''

สยามดารา : ''หลังคลอดน้องมิน ใครเป็นคนดูแลเลี้ยงใกล้ชิด''

แม่ : ''ตอนนั้นแม่ยังทำงานที่การไฟฟ้าอยู่ กลางวันก็มีพี่เลี้ยงแล้วมีคุณย่าดูแลค่ะ แต่กลางคืนตกเย็นมาแม่ก็ดูแลเองหมด จะเป็นอย่างนี้ ทั้งพี่แม็คและน้องมิน แต่น้องมินเลี้ยงง่ายนะ ตอนเด็กๆให้นั่งอยู่ตรงไหนก็นั่ง ไม่ซน เรียบร้อย น่ารัก ยิ้มเก่งตลอด''

สยามดารา : ''ได้ยินมาว่า มินเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก''

แม่ : ''ใช่ค่ะ เป็นเด็กขี้อายมาก ป๊ะให้ไปร้องเพลง ก็ร้องไห้ใหญ่เลย เพื่อนๆ มาให้ร้องเพลง ป๊ะบังคับน้องมินก็ร้องไห้อย่างเดียว แต่พอเขาโตมาก็เริ่มหัดเล่นเปียโน เริ่มกล้าแสดงออก''

มิน : ''แต่มินจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ตอนเด็กที่เกิดมาตัวเล็ก กินได้น้อย กินนมแม่นิดหนึ่งก็อ้วก อ้วกจนแม่ร้องไห้ ก็พาไปหาหมอว่าทำไมมินกินได้น้อยจัง หมอก็บอกว่ามินกระเพาะเล็กเลยกินได้น้อย ก็ให้ค่อยๆ ฝึกกินไป''

แม่ : ''แต่เหตุการณ์ที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือตอนที่มินได้ 3 เดือน แม่ไปรับเสด็จฯ ทางบ้านโทร.มาบอกว่าน้องมินตกพื้น เพราะพี่เลี้ยงอุ้มเล่น ตอนอาบน้ำ แล้วโยนเล่น มินก็หล่นตุ้บกับพื้น ก็รีบส่งไปหาหมอ ทางคุณหมอก็บอกว่าให้รอดูอาการน้องมิน 3 วันว่าสมองกระทบกระเทือนหรือเปล่า ถ้าพ้น 3 วัน หมอบอกว่าถ้าไม่ปัญญาอ่อนก็จะฉลาดไปเลย''

มิน : ''ตอนนี้มินก็เลยเป็นออทิสติกนิดๆ'' (หัวเราะ)

แม่ : ''ไม่ใช่'' (หัวเราะ) กลายเป็นเด็กไบร์ทความจำดี น้องมินเรียนเก่ง ได้เกรด 4 เกรด 3 ตลอด''

มิน : ''ยังไม่หมดนะ ตอนมิน 6 เดือนมีอีก พี่เลี้ยงพาไปนั่งป้อนข้าว มอเตอร์ไซค์เมามาจากไหนไม่รู้ มาชนพี่เลี้ยงตกใจ ถูกชนล้มกลิ้งก็อุ้มมินไว้อ้อมกอด แบบป้องกันเต็มที่ มินก็รอดมาได้ แต่พี่เลี้ยงเจ็บ ถ้ามินน็อกอีกรอบมินคงอาจจะเพี้ยนกว่านี้'' (หัวเราะ)

สยามดารา : ''แล้วมินมาเริ่มหัดเล่นกีฬาตอนไหน''

แม่ : ''มินจะเป็นเด็กที่ตามพี่แม็ค พี่ชาย คือพี่ทำอะไร น้องก็จะทำตามตลอด พี่ชายเขาเล่นกีฬาเก่ง มีหลานลูกน้องสาวก็เป็นผู้ชายหมดเลย ด้วยความที่เป็นครอบครัวคนจีน เด็กผู้ชายเลยเยอะมาก มินเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกของตระกูลเลยก็ว่าได้ โตมากับเด็กผู้ชายเยอะมาก เล่นแต่กับเด็กผู้ชาย คือเขาจะเล่นแบบออกกำลังเล่นกีฬาเก่ง มินก็เลนไปกับเขาสารพัดอย่าง พี่แมคเล่นกีฬาเก่ง''

มิน : ''ใช่ๆ มินจะมองพี่แมคเป็นไอดอลของตัวเอง พี่แมคทำอะไรมินก็จะทำตามหมด เดินตามต้อยๆ แต่มีช่วงหนึ่งที่พี่แมคไปอยู่โรงเรียนประจำ มินก็จะเหงา แต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง เริ่มโตขึ้น''

สยามดารา : ''สมัยเด็กมินเล่นกีฬาอะไรบ้าง''

มิน : ''เล่นทุกอย่าง ทั้งแบดมินตัน, ปิงปอง, ปั่นจักรยาน ตอนป.1 ก็เป็นนักกีฬาแชร์บอลของโรงเรียน เล่นตามกีฬาสี เหมือนมินชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว วิชาโปรดของมินเลย พอถึงชั่วโมงพละเมื่อไหร่ มินเป็นหัวหน้าแก๊ง บ้ากีฬาแอ็กทีฟมาก คาบต่อไปพละ มินเปลี่ยนเสื้อผ้ารอเพื่อนเลย''

แม่ : ''แต่มินก็มี ได้เลือกเป็นตัวแทนถือพานไหว้ครูเกือบทุกปีนะ''

มิน : ''มินไม่ยอมถือ แบบเล่นตัว (หัวเราะ) จริงๆ ยังติดเรื่องขี้อายอยู่ ไม่ยอมถือ''

สยามดารา : ''เริ่มเป็นนักกีฬาของโรงเรียนเมื่อไหร่''

มิน : ''ตอน ม.1 เป็นนักกีฬาซอฟบอล แต่ตัวดำมาก ตากแดด ก็เลยเลิกเล่น มินมาเล่นบาสฯ แทน มินจะเล่นกีฬาควบทุกอย่าง แต่เวลาเรียนมินก็จะเรียนนะ เรียนตามปกติรับผิดชอบงานส่งงาน พรีเซนต์ทุกอย่าง แต่ตอนเช้าจะไปโรงเรียนก่อนไปตีแบดก่อน แล้วเข้าหน้าเสาธง พอเที่ยงก็ไปเล่นบาสฯ ตอนเย็นก็ตีปิงปอง คือจะเล่นกีฬาหนักมาก เลยพลังเยอะ พ่อบอกว่าเวลามินกลับบ้าน อุ้มลูกบาสลูกใหญ่กว่าตัวอีก แต่ตอนเด็กๆ มินก็ชอบวาดรูปนะ''

แม่ : ''ใช่ มินมีหัวศิลปะนะ วาดรูปเต็มไปหมด เป็นแกลเลอรีเต็มไปหมด เหมือนมินเป็นคนมีจินตนาการตั้งแต่เด็ก''

สยามดารา : ''น้องมินมีแววจะเข้าวงการเป็นดาราไหมคะ''

แม่ : ''ไม่นะ แล้วแม่ก็ไม่อยากให้เข้าด้วย เพราะรู้สึกว่าเราคงไม่มีเวลามาดูแลลูกแน่ เพราะวงการบันเทิงแม่ก็ได้ข่าวอยู่น่าเป็นห่วง อีกอย่างงานที่บ้านทำธุรกิจกัน 3-4 อย่างก็ยุ่งมาก แม่ก็ยุ่งมาก ถ้าลูกมาทางนี้ จะดูกันยังไง ก็ไม่ได้อยากให้ลูกเดินมาทางนี้ เพราะปกติอยู่บ้านก็รับส่งกันอยู่ตลอด ตัวจะติดกันเลย''

สยามดารา : ''แล้วทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงยอมให้เข้าสู่วงการ''

แม่ : ''ก็ตอนเริ่มแรกที่เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ปี 2006 มีทีมงานแมวมองมาเข้าไปหาน้องมิน เขาไปถามที่โรงเรียนว่ามีใครสวย เด็กๆ ก็จะบอกพี่มิน เขาก็ไปตามหาน้องมิน ไปเจอน้องมินเล่นกีฬา หน้าแดงซกมกอยู่ (หัวเราะ) ตอนแรกเขาก็ให้ไปประกวด มินก็ไม่ไป แต่พอบอกว่ารางวัลที่ 1 ได้รถมิตซูฯ แลนเซอร์สีขาวนะ''

มิน : ''พอได้ยิน ทีนี้มิน อู้ฮู ! ตาโตเลย ได้รถสีขาว อยากได้รถ''

แม่ : ''แต่ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าป๊ะจะสนับสนุนหรือเปล่า ตอนที่เขาขอตื๊อให้ไปสมัยนั้น มินก็สมัยก่อน บอกไม่แน่ใจนะ แต่เขาตื๊อให้มา ให้ส่งรูปทำอะไรตามเขา วันที่เขาไปประกาศผลที่ขอนแก่น มินก็มีสอบ เขาเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่''

มิน : ''คือ คนอื่นก็นั่งรอ มินเข้าห้องเสร็จยื่นไว้ ก็กลับไปกลับมา คือเราก็ตั้งใจนะ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเต็มที่ เพราะคิดว่าเรามีหน้าที่อ่านหนังสือสอบมากกว่า จะสอบไฟนอลต้องรีบมาอ่านหนังสือเข้าๆ ออกแล้วกลับมาฟังผล พอได้ก็โชคดี เขาก็โทร.ตามให้ไปมอบตัว ให้ถ่ายรูปไว้''
สยามดารา : ''สมัยถ่ายรูปหน้าตรงมิสทีนฯ ได้ยินว่าท่าทางมินห้าวมาก เหมือนจะต่อยช่างภาพเลย''

มิน : ''ก็ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นอะไรเลย''

สยามดารา : ''พอมินได้ตำแหน่งจากเวทีมิสทีนฯ มา แล้วทำไมแม่ถึงยอมให้มินเข้ามาเป็นดารานักแสดง''

แม่ : ''กว่าแม่จะยอมก็ 2 ปีเลยนะ อย่างที่บอก กลัวถ้าลูกเข้ามาแล้วไม่มีใครมาดูแล แม่ก็เป็นห่วง อีกอย่างแม่เป็นคนรักเรียน ก็อยากให้มินตั้งอกตั้งใจเรียนอย่างเดียวมากกว่า''

มิน : ''ใช่ แม่ให้มินเอาเรียนมาก่อน ใครจะเอามินไปทำอะไร ต้องข้ามศพแม่ไปก่อนอะไรประมาณนั้น มินต้องเรียนให้จบก่อน อย่างอื่นเอาไว้ทีหลัง''

แม่ : ''ไม่อยากให้ลูกเป็นดารา เพราะอย่างที่บอกธุรกิจเรามีเยอะเตรียมให้ลูกดูแล ตอนที่มินสอบติด ม.ข.ขอนแก่น ดีใจกันใหญ่เลย ก็แพลนไว้เสาร์-อาทิตย์ ให้ลูกไปทำที่บ้านจัดสรร ให้ทำธุรกิจของตัวเองไว้ให้ แต่น้องมินบอกไม่เด็ดขาด''

มิน : ''แม่เลยฝันสลายค่ะ'' (ยิ้ม)
แม่ : ''คือน้องมินเขาบอกว่าไม่เด็ดขาด เขาอยู่ม.ข.มา 12 ปีแล้วนะ''
มิน : ''ก็มินจะเป็นคนเด็ดขาดไง หลังจากที่มินไปเป็นเด็กนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มินก็เลยกลายเป็นเด็กที่ค้นพบตัวเอง จากที่ขี้อาย แม่สั่งอะไรก็ค่าตลอด สั่งอะไรก็ทำ แต่หลังจากกลับมาจากอเมริกา ก็ไม่เอาไม่ทำ''

แม่ : ''คือมินเขาบอก เขารู้ทุกซอกทุกมุมแล้วในขอนแก่น โตมากับม.ข.มันไม่ไหวแล้ว โลกมันแคบนะ อยากไปหาโลกกว้าง''
มิน : ''มินรู้สึกว่า มันมีแค่นี้เหรอ เพราะเราไปเห็นที่อเมริกา ว่านอกจากในเมืองที่เราอยู่มันมีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะเลยนะ ไม่ใช่แค่ที่บ้านเรา แค่เมืองหลวงในกรุงเทพฯ เรายังไม่เคยรู้จักเลย แล้วอนาคตเราจะไปบอกคนอื่นได้ยังไง ว่าประเทศเราเป็นยังไงบ้าง มินก็เลยอยากไปเรียนกรุงเทพฯ เลยดีกว่า จะได้รู้ว่าบ้านเมืองเรามันมีอะไรบ้าง''

แม่ : ''แต่พอมินมาเรียนกรุงเทพฯ ใช่ว่าแม่จะไม่ห่วงนะ ก็ต้องมาซื้อบ้านให้เขาอยู่กรุงเทพฯ ต้องมาหาคนขับรถผู้หญิง แม่บ้านผู้หญิงให้เขา แล้วก็ผลัดกันมาดูกับป๊ะ จะเทียวมาตลอด ไม่งั้นเราก็อดเป็นห่วงไม่ได้''

สยามดารา : ''พอมินเข้ามาอยู่วงการเป็นดาราแล้ว แม่ห่วงอะไรเขาบ้าง''

แม่ : ''ถ้าเรื่องเกเรจะไม่ห่วงเลย เพราะน้องมินเขาจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลา จิตใจมั่นคงก็จะใฝ่ดี ไม่ห่วงเรื่องนั้น จะห่วงเรื่องความปลอดภัย โดนเขาแกล้งอะไรประมาณนี้ เรื่องสุขภาพเขา เพราะจะไม่ค่อยได้นอน ถ้าไม่ได้นอนร่างกายจะโทรมไปเรื่อยๆ จะห่วงตรงนี้เขามากกว่า''
สยามดารา : ''เคยเห็นมินทำงานในวงการหนักแล้วเขาเหนื่อยไม่ได้หลับได้นอน หรือเจอเหตุการณ์ร้ายแรง แม่เคยอยากให้ลูกเลิกเป็นดาราไหม''

แม่ : ''เวลาเขาเจอเหตุการณ์อะไรร้ายแรง แม่ก็จะคุยกับป๊ะให้ช่วยดูลูกหน่อยสิ ป๊ะก็จะบอก เป็นยังไงล่ะ คือแรกๆ จริงๆ ป๊ะก็ไม่อยากให้ลูกเข้ามาวงการเท่าไหร่อยู่แล้ว ตอนที่เข้าวงการแรกๆ มินก็ดูแลตัวเอง มินจะเป็นที่อยากจะทำอะไรแล้วจะมุ่งมั่นมาก ลูกคนนี้ห้ามไม่ได้เลย ถ้ามินอยากทำอะไรแล้วไม่มีใครห้ามได้เลย อย่างที่จะเข้ามาเล่นละคร พอจะทำ เขาก็มุ่งมั่นนะ พ่อกับแม่ก็เลยต้องปรับไปตามเขา ว่าทำยังไงให้เขาปลอดภัยนะ ต้องหันมาสนับสนุน ทำยังไง ให้เขาดีขึ้น แต่เรื่องพื้นฐานจิตใจนี่ แม่ไม่ห่วงว่าเขาจะเสียคน ไปติดยานี่ ไม่ห่วงเลย เพราะเขาเป็นคนใฝ่ดี''

สยามดารา : ''แล้วแม่มีห่วงที่มีลูกสาวสวย แล้วจะมีหนุ่มๆ เข้ามาชอบ มาจีบหรือเปล่าคะ''
แม่ : ''ไม่ห่วงค่ะ เพราะน้องมินเป็นคนห้าวๆ คิดว่ายังไงเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว คือน้องมินจะมีบุคลิกของการเป็นผู้นำนะ เวลาไปกับกลุ่มเพื่อน 7-8 คน มินจะเป็นแก๊งตลก แต่สุดท้ายเขาจะเป็นคนที่คอยดูแลเพื่อนตลอด''

สยามดารา : ''ถ้าน้องมินจะมีแฟน แม่จะเข้ามาสกรีนหรือห้ามอะไรยังไงไหมคะ''

แม่ : ''ไม่ห้ามเลย ให้เขาคิดตัดสินใจเองได้เลย น้องมินเป็นคนที่เราไม่ต้องห่วงเท่าไหร่ แต่เราจะห่วงเรื่องความปลอดภัยเขามากกว่า แต่เขาเป็นคนไม่เรียบร้อย''

มิน : ''ใช่ มินจะเป็นคนที่ไม่เรียบร้อย ก็จะชอบบ่นว่า จะหาแฟนได้ไหมเนี้ย ใครเขาจะเอาไปทำเป็นภรรยา (หัวเราะ) เก็บบ้านก็ไม่เรียบร้อย สกปรก ซกมก เวลาแม่เข้ามาห้องนอนจะแบบแม่ปวดใจ รกมาก จนแม่บ่น นี่มีความเป็นผู้หญิงอยู่ไหมเนี้ย (หัวเราะ) ป๊ะก็จะหัวเราะ ออกแนวภูมิใจบอกว่า เหมือนป๊ะเลย''

สยามดารา : ''แล้วคุณแม่ได้ติดตามผลงานละครของลูกทุกเรื่องหรือเปล่าคะ''
แม่ : ''ได้ดูทุกเรื่องค่ะ หนังสือดาราที่มีรูปน้องมินทุกเล่ม แม่ซื้อเก็บสะสมหมด มีนิดหนึ่งก็ซื้อเก็บหมด แล้วก็ปะเก็บให้เขา แม่สนิทกับร้านหนังสือประจำเขา ก็จะสั่งประจำ เล่มละสามสิบก็จะต้องไปซื้อจ่ายเป็นพันตลอด เก็บไปเยอะมาก แรกๆ อัดใส่กรอบ แต่ตอนนี้อัดใส่กรอบไม่ไหว มันเยอะมาก''

สยามดารา : ''เล่นละครมาหลายเรื่องก็ธรรมดา แต่ละครเรื่องปิ่นอนงค์ ต้องมีฉากจูบเลิฟซีนเยอะมาก คุณแม่ว่ายังไงบ้างคะ''
แม่ : ''แม่ก็ห่วงนะคะ แต่รู้ว่าการทำงานของเขา มินเขาก็จะบอกว่า ต้องตามผู้กำกับฯ เขาให้ทำอะไร เราเป็นนักแสดงก็ต้องทำตาม แม่ก็จะบอก มินเยอะไปนะ ขอได้ก็ขอหน่อยสิลูก แม่ก็ห่วงอยู่ แต่แม่ก็เข้าใจนะว่ามันเป็นการแสดง เขาก็จะบอกว่าเป็นการทำงาน ไม่ได้มีโรแมนติกอะไรเลย แต่คุณพ่อจะห่วงลูกสาวมากหน่อย เลยไม่ค่อยอยากดูปิ่นอนงค์''

สยามดารา : ''คุณแม่ภูมิใจตัวน้องมินอย่างไรบ้าง''

แม่ : ''แม่ภูมิใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มาถึงขนาดนี้ได้ ก็สุดยอด ดีใจภูมิใจในตัวเขานะ (ยิ้ม) เวลาไปเจอเพื่อนเขาก็จะเรียกคุณแม่ดารา แม่ซุปตาร์ไปแล้ว''

มิน ''แต่ก่อนป๊ะกับแม่ ป๊ะจะเป็นคนที่เล่นการเมืองอยู่นิดๆ จะอัธยาศัยดี กว้างขวางอยู่แล้ว ก็จะมีคนรู้จักบ้าง เวลามินไปไหน คนจะรู้จักมินว่าเป็นลูกเฮียตี๋ จะเรียกมินอย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้พ่อก็จะชอบแซวว่า เดี๋ยวนี้พ่อไปไหน เขาจะเรียก นี่ไง พ่อน้องมิน กลายคุณพ่อดาราไปแล้ว'' (หัวเราะ)

สยามดารา : ''คุณแม่มองหรือวางอนาคตน้องมินไว้อย่างไรบ้าง''
แม่ : ''ก็ให้เขาเก็บตังค์ มีเงินก็ให้ซื้อที่เก็บไว้ ทำอสังหาริมทรัพย์ เพราะว่ามินก็คงยังไม่รู้ว่าอยากจะทำธุรกิจอะไร มินได้ตังค์มาก็จะให้ป๊ะกับแม่เก็บหมด แต่อนาคตก็วางให้มินทำธุรกิจสืบต่อพ่อแม่ต่อไป''

มิน ''จ้า มินทำอยู่แล้วค่ะแม่ ไม่ต้องส่งสายตาเลย'' (มินยิ้มรับคำอ้อนแม่)
สยามดารา : ''ปกติวันแม่ มินทำอะไรให้แม่บ้าง''
แม่ : ''มินทำทุกปี แต่ตั้งแต่เข้ามาเป็นดาราไม่ทำแล้ว''

มิน : ''ไม่ใช่พอเป็นดารา มินก็จะโตขึ้น จะทำแบบเอาพวงมาลัยไหว้แม่ พอมาเรียนปี 1 ไม่ได้ทำอะไรให้แม่ แต่ก่อนจะมีการ์ด วาดรูปเขียนอะไรให้แม่ แต่พอมาเรียน มีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นก็ทำไม่ไหว แต่ก่อนพอวันแม่ทีไรก็จะคิดทำอะไรให้แม่ดีนะ เพราะมีเวลาอยู่กับตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมี ถ้าเร่ง ยิ่งคิดไม่ออก ก็ไม่ทำ แต่ก่อนจะไม่ซื้อของให้แม่ เพราะมินความเชื่อว่า ของที่จะทำให้แม่ ไม่ใช่แค่เงินที่จะซื้อมา ต้องเป็นของที่เราเอามาทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเองอะไรงี้ แล้วสร้างมันขึ้นมาด้วยใจ ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย มินทำขึ้นมาให้หมดเลยนะ แต่ก่อนที่ว่างนะ เต็มไปหมด ทั้งวาดการ์ตูนใส่กรอบรูป ทำหมดค่ะ เยอะมากเต็มบ้าน ทำให้พ่อ แม่ พี่ชาย มินรู้สึกโชคดีมากที่เกิดมาในครอบครัวอบอุ่น มีพ่อ แม่ พี่ชาย พร้อมหน้าพร้อมตา''

แม้วันนี้ น้องมินจะไม่ได้วาดรูปสวยๆ ให้คุณแม่เหมือนก่อน แต่วันแม่ปีนี้ น้องมินจึงจัดหนักจัดเต็ม พาคุณแม่มาทานข้าวกับเมนูเพื่อสุขภาพ และยังพาไปตัดชุดสวยๆ เพื่อเตรียมใส่ ไว้สำหรับงานแต่งของ ''แมค'' พี่ชายมิน ที่จะถึงในเดือน ก.ย.นี้อีกด้วย และน้องมินยังจัดหาพวงมาลัยสวยงามแบบอลังการงานสร้างถึง 3 พวง มากราบขอบพระคุณแม่เป็นกรณีพิเศษ ทำเอาคุณแม่ปลาบปลื้มกับความน่ารักตั้งอกตั้งใจของน้องมิน และภูมิอกภูมิใจกับลูกสาวคนสวยจนยิ้มแก้มปริ โดยมีคุณพ่อสุพัฒน์ วัฒนามนตรี ยืนยิ้มอย่างมีความสุขกับภาพความรักอันน่าประทับใจน้องมินกับแม่ในครั้งนี้...

จากคุณ : ปังคุง@จอมเกเร

เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 55 16:30:07