 |
#1
เทรดสโสตน - เป็นโครงการสร้าง agent แบบต่อยอดฮะ ("Jason Bourne's just a tip of the ice-burg") แบล็คไบรอาร์ - เป็นชื่อ ปฏิบัติการภาคสนาม เอาท์คัม - เป็นชื่อโครงการต้นแบบการสร้าง agent ที่ยังต้องพึ่งการใช้ยา และผลิตบุคลากรเพื่อตอบสนองแต่ละองค์กรที่เรียกร้องพวก super agent ...
...
หนังเรื่องนี้ คนเขียนบทแค่พยายามหาวัตถุดิบจากนิยายต้นฉบับ 3 ภาคแรกของลัดลัม มาพยายามต่อยอดตามใบสั่งของค่ายหนังที่ต้องการหากินต่อ มันเลยพยายามจะมีโคงการยุบยับบ้าบอคอแตกจนสับสนเยอะแยะเต็มเรื่องไปหมด ...อย่างน้อยๆ มีการอ้าง 3-4 โครงการนอกเหนือจากไตรภาคแรกอย่างโฉ่งฉ่างในภาคนี้ ...
หลักๆ เอาท์คัม ที่เป็นโครงการเส้นเรื่องหลักในภาคนี้ เป็นโครงการต้นแบบหรืออาจจะเบื้องต้นที่ผลิตบุคลากรกึ่งสายลับกึ่งนักฆ่า (สายลับกับนักฆ่า ไม่ใช่หน้าที่เดียวกัน สายลับเป็นงานโจรกรรมการข่าว ส่วนนักฆ่า เป็นปฏิบัติการทางลับเฉพาะบุคคล) ที่น่าจะเริ่มต้นด้วยแนวคิดใช้การทำจีโนมแบบฉับพลัน (ปกติการทำจีโจมจะทำก่อนที่จะเป็นเกิดการปฏิสนธิ้เป็นตัวอ่อน แต่เรื่องนี้เล่นแหวกแนวด้วยทฤษฎีไวรัสนำพารหัสทางพันธุกรรมไปเปลี่ยนแปลงในส่วนของการสร้างผ่านการปลูกถ่ายทางไขสันหลัง ...โม้การแพทย์ตัวพ่อเลย) ...ซึ่งจุดอ่อนน่าจะอยู่ที่มันต้องพึ่งยา และ agent ยังไม่มีสภาพจิตใจที่โดนล้างแบบหมดจดเหมือนกับโครงการต่อยอดของหมอเฮิร์ช (เทรดสโตน) ซึ่งเค้าเอาไปปรับปรุงวิธีการแบบต่อยอดด้วยการบิดเบือนตรรกะในจิตใจหรือที่เรารู้ในภาค 1-2 ว่าเป็นการทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแบบถาวร ...(อาจจะมีใช้ยาชั่วคราว ทรมาน สะกดจิต โน้มน้าว ทำลายตรรกะเดิมเพื่อปรับให้เข้ากับเป้าหมายขององค์กร) ...ซึ่งแทบจะไร้จุดอ่อน จนมาเกิด case อยากปลดแอกตัวเองแบบ Jason Bourne ที่นิยายพยายามจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งเดียวที่เป็นจุดอ่อนของโครงการนี้คือ การที่มนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานทางศีลธรรมติดตัว ...ในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าลัดลัมอาจจะได้แนวคิดการแต่งจากแนวคิดปรัชญาของ Immanuel Kant (http://th.wikipedia.org/wiki/อิมมานูเอล_คานต์ , http://www.baanjomyut.com/library_2/philosopher/09.html) ด้วย ...นี่เป็นความต่างของผู้แต่งนิยาย กับคนเขียนบทภาพยนต์ซึ่งสะท้อนความนิยมในผลงานได้ ---------------------------------------------------------------------- เพิ่มเติม ...
สำหรับแบล็คไบรอาร์ เป็นชื่อปฏิบัติการภาคสนามของ CIA ที่ใช้บริการ agent ของโครงการเทรดสโตน ที่อาจจะก่อร้างสร้างแนวคิดมาพร้อมๆ กับการพัฒนาโครงการสร้าง agent ของโครงการเทรดสโตน (เจสันเป็นหนูทดลองคนแรก) ...ส่วนตัวมองว่าโครงการเทรดสโตนเป็นพัฒนาการโครงการที่ต่อเนื่องมาจากลาร์สอีกที ...เราสามารถสังเกตจุดอ่อนของเอ้าท์คัมอีกอย่างได้ว่า โครงการการนี้ บุคลากรยังมีความสามารถในการพูดคุยคำถามเชิงตรรกะส่วนตัวได้อยู่ (สามารถรับรู้ สงสัย ในภาระกิจได้บ้าง ผ่านคำถามที่เห็นในตัวละครที่ว่า "คุณอยากรู้มั้ยว่าพวกเราทำอะไรข้างนอกนั่น" ในขณะที่เทรดสโตน แก้ทั้งเรื่องการมีตรรกะเป็นของตัวเองและเรื่องต้องพึ่งยาได้เสร็จสมบูรณ์) ...ตรงจุดนี้เอง ที่ส่วนตัวมองว่าผู้กำกับภาคนี้ตีประเด็นนิยายเดิมไม่แตก หรืออาจจะหลงทิศทาง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความนิยมต่อการพยายามสานต่อหนังที่อ้างอิงชื่อ Jason Bourne ต่อๆ ไปได้ ...หนังเลือกทำลาแก่นสำคัญที่เป็นคำถามปลายเปิดของซี่รี่ส์เดิมนี้ลงอย่างจงใจแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยด้วยการให้คำถามเรื่องความถูกผิดของแนวคิดโครงการเทรดสโตนกับปฏิบัติการแบล็คไบรอาร์กลายเป็นบทสรุปปลายปิดด้วยวิธีทำให้เกิดการยัดข้อหา "กลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด" กับแพมไปแล้ว....
อาจจะส่งผลให้สเน่ห์ "กูต้องการรอด" ถูกกระทึบไปกับตรรกะ "ทำเพื่อชาติ" แบบไม่มีทางออกทางความคิดไปเลย (ทำให้ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ในนิยายมาถึงทางตัน) หนังจะเหลือแค่ประเด็น action โชว์ความเหนืออย่างเดียว หรือาจจะทำให้เกิดการพยายามแก้ทางออกความคิดขัดแย้งแบบนี้ด้วยวิธี "เหนือจริง" แบบเรื่อง Shooter แทน (ส่วนตัวทำให้มองว่าเป็นส่วนที่ส่งให้เรื่อง Shooter กลายเป็นหนัง action ธรรมดาดูเอามันส์แล้วจบกันไป)
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 55 05:47:54
จากคุณ |
:
_K_F_C_
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 55 05:31:57
|
|
|
|
 |