เป็นอันว่าคนไทยเราปิดจ็อบเทศกาลลอนดอนโอลิมปิก 2012 ไปเรียบร้อย ก็ขอเฉลิมฉลองแสดงความยินดีกับคณะนักกีฬาไทยที่นำเอา 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงมาให้เราได้ชื่นใจกัน หรือแม้แต่ทัพนักกีฬาที่พลาดเหรียญ อ้อมก็ต้องขอขอบคุณเหมือนกัน เพราะคุณทำให้คนไทยที่ลุ้นอยู่หน้าทีวีมีความสุข
นอกจากอุทิศแรงกายแรงใจไปแข่ง อ้อมเชื่อว่า นักกีฬาทุกท่านได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนไทยไม่ใช่น้อย ดูง่ายๆ พอน้องเมย์-นักกีฬาแบดมินตันได้ตีโต้กับมือวางอันดับ 2 ของโลก ช่วงนั้นมีข่าวว่าสนามแบดเต็มกันเลย แล้วก็มีเด็กๆ ที่อยากตีแบดให้เก่งๆ เหมือนพี่เมย์ หรือพอน้องมายด์ได้ที่ 4 จากการยกน้ำหนักเราก็ได้เห็นว่าคนไทยก็ยังให้ความสำคัญกับเธอ ไม่ใช่ว่าพอไม่ได้เหรียญก็ไม่แคร์กัน
มาลองคิดดู เกิดเป็นน้องมายด์เนี่ยมันกดดันนะคะ ถ้าที่ 1-2 แทบจะมีคนปักหลักจองอยู่แล้ว กว่าจะถึงเราเหลือแค่ที่เดียว ถ้าทำไม่ได้เดี๋ยวคนทั้งประเทศจะผิดหวัง ไอ้กีฬายกน้ำหนักเนี่ยแบกน้ำหนักเยอะเท่าไรถึงจะมีโอกาสได้เหรียญมากเท่า นั้นใช่ไหมคะ แต่ลองเปลี่ยนมาวัดน้ำหนักที่นักกีฬาแบกอยู่ในใจดูไหมล่ะอ้อมว่าได้เหรียญ ทองกันแทบทุกคน
เชื่อว่าระยะนี้คงมีการเดินสายโชว์ตัวของนักกีฬาโอลิมปิกไป อีกสักพัก บรรดานักกีฬาจะกลายเป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจขึ้นมากะทันหัน เรียกว่าเป็นกระแสอย่างหนึ่งก็คงได้ พอพูดเรื่องการอยู่ในความสนใจ ทำให้นึกถึง “เซน สื่อรักสื่อวิญญาณ” ขึ้นมาได้ วันที่อ้อมดูเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยมีใครสนเธอเลย แต่วันหนึ่งไปหาหมอแล้วพบว่าอีก 2 เดือนตัวเองต้องตาย พอไปบอกที่ออฟฟิศทุกคนกลับให้การต้อนรับ คนที่ไม่เคยสนใจกันยังมาขอถ่ายรูปด้วย
แต่แล้วคดีพลิก เพราะอยู่ๆ หมอมาบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้เป็นอะไร ผลตรวจเป็นของคนชื่อซ้ำ นามสกุลคล้าย มันคงเป็นตลกร้าย ถ้าใครต้องเจอแบบนี้ ลองเอาตัวไปนั่งตรงที่เธอคนนั้น หลายอย่างมันสอนเราว่า ความตายมันแน่นอน แต่ขณะเดียวกันมันก็ไม่แน่นอนตรงที่ระบุไม่ได้นี่แหละ
ตัดกลับไปพอรู้ความจริงๆ ดันโกรธหมอ เพราะติดที่ตัวเองบอกทุกคนในบริษัทไปแล้ว ถ้าขืนบอกความจริง กลัวคนจะเลิกสนใจตัวเองเลยมานั่งเครียดว่าจะเอายังไง เวรกรรม! ถ้าบอกเพื่อนไปตามความจริง เพื่อนคงกรี๊ดกร๊าดดีใจ แล้วก็คงมีเรื่องดีๆ คุยกัน แต่เรื่องแบบเซนให้จบธรรมดาคงไม่ได้ ระหว่างเธอลังเลว่าจะบอกความจริงกับเพื่อนดีไหม ก็มีวิญญาณมาช่วยจัดการให้เสร็จ ทีนี้ได้เป็นสมใจจริง หมอตรวจฟิล์มเจอมะเร็งเต็มๆ เฮ้ย! คุ้มมั้ยเนี่ยกับความสนใจ
เรื่องจะจบอย่างไร ขอไม่เล่าแล้วกัน แต่อ้อมได้ข้อคิดมาอย่างหนึ่งว่า คนเราถ้าต้องการความรักความสนใจแต่ได้มาโดยผิดวิธี อย่างในเรื่องนี้ที่ยกให้ “มะเร็ง= ความสนใจ” อ้อมว่าตรรกนี้ไม่น่าจะดี บางทีการอยู่กับความจริงที่แม้จะเจ็บปวด แต่เราได้เรียนรู้สัจธรรมของชีวิต มันอาจจะทำให้เราแข็งแรงกว่าในระยะยาวนะคะ
อีกเรื่องที่สังเกตได้จากทีวีช่วงนี้ คือ เทรนด์คำคมในละคร ค่ะ
“คม” ในที่นี้บางทีเขาหยิบเอาธรรมะมาเป็นดุ้นๆ โดยไม่ทันคิดว่าคนที่ต้องรับบทในการสื่อสารออกไปยังคนดูจะเข้าใจมันมั้ย อ้อมว่าบางทีธรรมะไม่ต้องมาแบบตรงๆ เต็มๆ ขนาดนั้น แต่สามารถผสมกลมกลืนกับบทสนทนาทั่วๆ ไปก็ได้นะ
ตัวอย่างเช่น “รักเกิดในตลาดสด” ไอ้ต๋อง-น้องมาริโอ้ ไม่เห็นต้องพูดจาธรรมะอะไรเลย แค่ทำหน้าที่คนขายผักที่ดีก็เห็นว่ามีธรรมะในการประกอบสัมมาอาชีพแล้ว รู้จักคัดแยกผัก เอาผักเน่าออก ไม่ขายของไม่ดีให้ลูกค้าก็อยู่ในข่ายซื่อสัตย์ หรือตัวเองโดนไล่ออกจากแผงก็มีสติคิดเป็น เอาผักมาใส่รถเข็นขาย ไม่งอมืองอเท้านั่งเศร้า
อ้อมว่าหลักธรรมะอยู่ในธรรมชาติชีวิตเราทุกคน ถ้าเราทำละครด้วยความคิดพื้นฐานแบบนี้ ธรรมะก็จะไม่ใช่เรื่องไกลตัว เข้าใจยาก หรือน่าเบื่ออีกต่อไป
เดาว่ามันคงเป็นเทรนด์ที่ในละครช่วงนี้จะต้องมีหลักธรรมแทรกเข้ามาแต่บาง ครั้งถ้าตัวละครทำอย่างกับจำเขามาพูด บางทีนอกจากไม่ช่วยให้คนดูเข้าใจ เผลอๆ ทำพังกว่าเดิม เพราะคนที่เคยได้ยินมาบ้างก่อนหน้าจะดูละคร จากที่ไม่กระจ่างอาจเบลอไปเลย เพราะนอกจากบทไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนั้น คนพูดก็ดูประดิษฐ์ซะปวดใจ
เฮ้อ !เข้าใจหรือยังก็ไม่รู้ที่พูดน่ะ
.......................................
(หมายเหตุ ทีวีมีเทรนด์ : คอลัมน์ ทีวีสีรุ้ง โดย... อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์)
*จาก คมชัดลึก.เน็ท
ปล. ชอบตรงวรรคที่ทำตัวหนา ^^