ความคิดเห็นที่ 1 โรงงานผลิตหนังครอบครัวแบบชีวิตปนตลกของ  "จอห์น  ฮิวจ์"  ยังแข็งขันดีอยู่   ขณะที่  Home Alone  และ  Only The Lonely  ยังฉายอยู่   ฮิวจ์ (ในฐานะผู้อำนวยการสร้างและผู้เขียนบท)   ก็เข็น  DUTCH  ออกมาอีกเรื่อง   หนังเป็นเรื่องของการเดินทางและการประสานความขัดแย้ง   คล้ายกับ  Planes, Trains & Automobiles   แต่คู่ขัดแย้งคราวนี้เป็นคนต่างวัย   ดัทช์  (เอ็ด โอนีล  จากหนังโทรทัศน์ชุด  Married...With Children)   เป็นหนุ่มใหญ่ชนชั้นผู้ใช้แรงงานที่รับอาสาเพื่อนหญิง  (โจเบ็ธ วิลเลี่ยมส์)  ไปรับลูกชายของเธอจากโรงเรียนประจำกลับบ้าน   เพื่อร่วมฉลองเทศกาลขอบคุณพระเจ้า   โดยอวดอ้างว่าตนนั้นมีพรสวรรค์ในการเข้ากับคนอื่น   สามารถเป็นเพื่อนกับใครก็ได้   ซึ่งก็เจอดี   เพราะเจ้าหนูดอยล์  (อีแธน แรนดัลล์)   ยังไม่หายโกรธแม่ที่หย่าขาดจากพ่อ   และยังไม่อาจยอมรับเพื่อนชายคนใหม่ของแม่   ที่ในสายตาอันไม่ซ่อนเร้นของเจ้าหนู   แตกต่างจากพ่อราวดินกับฟ้า   หน้าที่ของดัทช์คือทำให้คำอวดอ้างของตัวเองเป็นจริง   ซึ่งระหว่างการเดินทางของเขาก็ร่ำ ๆ จะเลิกราเสียหลายครั้งหลายหน   เพราะประตูมิตรภาพดูเหมือนจะถูกเจ้าหนูดอยล์ปิดตายไปเสียแล้ว        DUTCH  เป็นงานกำกับชิ้นแรกของ  "ปีเตอร์ เฟแมน"  หลังจาก  Crocodile Dundee   แต่  "ความเป็นจอห์น ฮิวจ์"  ออกจะชัดเจนในหนังเรื่องนี้มาก   จนใครจะมาเป็นผู้กำกับก็ดูจะไม่สำคัญนัก จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:44:59

ความคิดเห็นที่ 2 ตัวอย่างหนังเรื่อง  DUTCH จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:46:59

ความคิดเห็นที่ 3 Bill & Ted's Exellent Adventure  เป็นหนังตลกเกี่ยวกับการเดินทางย้อนเวลาของ 2 หนุ่มปากเปราะสมองกลวงที่ทำเงินได้เหนือความคาดหมายในปี 1989   คีนู รีฟฟ์ (เท็ด)  และ  อเล็กซ์ วินเตอร์ (บิลล์)  จึงต้องกลับมารับบทเดิมกันอีกครั้ง   ในภาคที่ชื่อเหมาะกับเนื้อเรื่องอย่างยิ่งว่า  "การผจญภัยกำมะลอของบิลล์และเท็ด"        ครั้งนี้หุ่นยนต์เหมือนบิลล์และเท็ดคู่หนึ่งถูกส่งจากอนาคตมาให้ฆ่าเจ้าหนุ่มคู่หู   ก่อนที่วงดนตรีของพวกเขาที่ชื่อ  Wild Stallyns  จะชนะการประกวดในระดับท้องถิ่น   และก้าวไปสร้างปรากฏการณ์ระดับพลิกโลก   หุ่นยนต์จับบิลล์และเท็ดโยนลงหน้าผา   แต่เมื่อเทพแห่งความตายมาทำหน้าที่ก็ถูก 2 หนุ่มท้าให้มาเล่นเกมกัน  (เป็นส่วนที่ล้อเลียนการเล่นหมากรุกในหนังเรื่อง  The Seventh Seal  ของอิงมา เบิร์กแมน)   แล้วก็เอาชนะไปได้ตามฟอร์ม   เพราะเลือกเกมเอง   เทพแห่งความตายจึงต้องยอมช่วยทั้งคู่ให้กลับไปยังโลกอีกครั้ง  และต่อสู้เพื่อกำจัดเจ้าหุ่นยนต์ตัวร้ายต่อไป        หนังตลกแฟนตาซีของผู้กำกับ "ปีเตอร์ เฮวิทท์" เรื่องนี้มีช่องให้  "เล่น"  ในลักษณะการ์ตูนหรือลักษณะเหนือจริงอยู่มากมาย   จากตัวเรื่องที่ไม่ได้เป็นแม้แต่จินตนาการทางวิทยาศาสตร์   ซึ่งงานด้านการออกแบบต่าง ๆ ก็สร้างสีสันให้กับหนังได้พอสมควร   แม้ว่าหัวใจของหนังจะยังคงเป็นบิลล์และเท็ดซึ่งเสน่ห์จืดจางลงมากแล้วก็ตาม จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:48:10

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวอย่าง BILL & TED'S BOGUS JOURNEY จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:49:30

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องที่สองของหนังที่  "อีฟส์ โรเบิร์ต"  ทำจากบันทึกความทรงจำของ  "มาร์เซล ปาโญล"  นักเขียน / คนทำหนังชื่อดังของฝรั่งเศส   เจ้าของเรื่อง  Jean de Florette และ  Manon of the Spring  (เรื่องแรกคือ My Father's Glory ฉายในอเมริกาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน)   My Mother's Castle (หรือ La Chateu de Ma Mere)  ซึ่งถ่ายพร้อมกัน   มีบรรยากาศและลีลาตลอดจนคุณภาพไม่แตกต่างไปจาก  My Father's Glory   หนังไม่มีพล็อตชัดเจน   แต่เป็นลำดับความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในชนบทของฝรั่งเศสช่วงปี 1905  ที่หมดจดงดงาม   "ทุก ๆ วันคือการเริ่มต้นใหม่ที่สดชื่นของออกุสตินกับผู้ชายสามคนของเธอ"  เสียงบรรยายในหนังบอกอย่างนั้น   ออกุสติน (นาทาลี รุสเซล)  คือแม่ของมาร์เซล   ส่วนผู้ชายสามคนของเธอก็คือ   พ่อ (ฟิลลิป คอเบเร),  ตัวมาร์เซลเอง (จูเลียน เกียมาคา)  และน้องชาย (วิคตอเรียน เดลแมร์)   ออกุสตินมีความเชื่อว่า  "อากาศในเมืองใหญ่เป็นยาพิษ"   แล้วก็ถือโอกาสพาครอบครัวเดินเท้าออกไปชนบททุกสุดสัปดาห์          รายละเอียดของหนังสะท้อนถึงความรักที่โรเบิร์ตมีต่อเรืองราวของปาโญล   และความอิ่มใจที่ตัวปาโญลเองมีต่อความทรงจำในวัยเยาว์   สำหรับคนฝรั่งเศส  ทั้ง My Father's Glory  และ My Mother's Castle   เป็นหนังที่ให้อารมณ์ถวิลอดีต (nostalgia) อย่างยิ่งยวด   และหนังก็ได้รับความนิยมสูงมากทั้งคู่ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:50:50

ความคิดเห็นที่ 6 หาคลิปตัวอย่าง MY MOTHER'S CASTLE (La Chateu de Ma Mere) ยากมาก ๆ ดูฉบับทีแฟนหนังฝรั่งเศสถ่ายจากคอมแล้วไปอัพลงยูทูปอีกทีก็แล้วกัน... จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:54:38

ความคิดเห็นที่ 7 "เมื่อมันเป็นเรื่องระหว่างคนอิตาเลียน  มันก็จะลงเอยด้วยความตายของอิตาเลียนคนหนึ่ง"   คือคำเตือนที่เมเยอร์ แลนสกี้ (แพทริค เด็มป์เซย์)   มีให้ลัคกี้ ลูเซียโน่ (คริสเตียน สเลเตอร์)   เมื่อฝ่ายหลังนัดพบกับหนึ่งในมาเฟียรุ่นใหญ่    Mobsters  คือหนังที่ทำกับแนวแก๊งสเตอร์เช่นเดียวกับที่  Young Guns  ทำกับแนวคาวบอย   นั่นคือเอาดาราวัยรุ่นมาแสดงเป็นอาชญากรที่มีตัวตนจริงกลุ่มหนึ่ง  แต่ต่างกันที่ยุคสมัย   ซึ่ง Young Guns เป็นยุคบุกเบิก   แต่ Mobsters เป็นยุค 20   และสิ่งที่ถูกเน้นอย่างจงใจก็คือ  ความสัมพันธ์ระหว่างอาชญากรหนุ่มน้อยชาวยิวและอิตาเลียน  ซึ่งไม่น่าจะไปกันได้โดยเชื้อชาติ   ยิวแลนสกี้เป็นมันสมองให้อิตาเลียนลูเซียโน่ในการก้าวขึ้นเป็นใหญ่   โดยปั่นให้พวกอาชญากรรุ่นเก่าชนกันเองเสียก่อน   ทั้งนี้โดยมีอีกหนึ่งยิวหนึ่งอิตาเลียนคือบั๊กซี่ ซีเกล (ริชาร์ด กรีโค)  และ  แฟรงค์ คอสเตลโล (คอสตาส แมนดิเลอร์)  ร่วมเป็นพันธมิตรด้วย          "ไมเคิล คาร์เบลนิคอฟฟ์"  ผู้กำกับที่ก้าวมาจากการทำหนังโฆษณา   เริ่มต้นหนังเหมือนกับจะนำเสนออย่างหนักแน่นจริงจัง   แต่ผ่านไปแค่ 20 นาที  ก็ใส่ฉากแอ็คชั่นโชว์การตัดต่อลงไปเพื่อเร่งจังหวะหนังขึ้นมา   ซึ่งในที่สุดอาการขาดรายละเอียดอันน่าเชื่อถือก็กลายเป็นบุคลิกหลักของหนังไป   โทนของหนังออกฉูดฉาด  แม้กระทั่งในส่วนที่แสดงโดยดารารุ่นใหญ่ (แอนโธนี่ ควินน์,  ไมเคิล แกมบอนและเอฟ เมอร์เรย์ อับราฮัม)   ทั้งหมดนี้ผสมกันออกมาเป็นมหกรรมของเซ็กส์และความรุนแรงที่มีคุณค่าในส่วนของงานสร้าง   แต่บางเบาในสาระ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:56:02

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่าง MOBSTERS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:57:44

ความคิดเห็นที่ 9 หนังตลกราคาถูกที่ดูเหมือนว่าผู้กำกับ  "อดัม ริฟกิ้น"  จะรับเอาอิทธิพลเชิงเพี้ยนมาจากคนทำหนังอย่างจอห์น วอเตอร์และเดวิด ลินช์ไม่น้อย   "จัดด์ เนลสัน" แสดงแสดงเป็นคนเก็บขยะที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นดาราตลกยืนคุย (stand-up comedian) ที่โด่งดัง   ซึ่งลำพังความสามารถของเขากับเพื่อนคู่หู (บิลล์ แพ็กซ์ตัน)  มันยากยิ่งที่ความฝันนั้นจะเป็นความจริงขึ้นมาได้   เขาต้องอาศัยมือที่สาม   ปัญหาคือเจ้ามือที่สามนั้นดันเป็นมือ (จริง ๆ)  ที่งอกออกมาจากหลังของเขาเอง        หนังมีส่วนเสียดสีการแสวงหาประโยชน์ในวงการบันเทิง   และความพยายามที่สูญค่าในการไขว่คว้าหาความสำเร็จในแวดวงมายา   แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างแหลมคมนัก   และถึงจุดหนึ่ง  "มือที่สาม"  ของพระเอกก็กลายเป็นส่วนเกินของเรื่องไปจริง ๆ   เมื่อมันคลายความน่าสนใจในความแปลก   และไม่มีการวางเรื่องสานต่ออย่างดีพอ        เจมส์ คานและร็อบ โลว์เป็นดาราดังที่มามีบทเล็ก ๆ ด้วยในหนังเรื่องนี้   โดยเฉพาะรายหลังแสดงเป็นดาราฮอลลีวู้ดที่หน้าตาไม่มีแววหล่อเลยแม้แต่น้อย จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:59:18

ความคิดเห็นที่ 10 ตัวอย่าง THE DARK BACKWARD จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:00:44

ความคิดเห็นที่ 11 "วิลเลี่ยม เฮิร์ท"  เป็นนักแสดงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการรับบทแบบใน  The Doctor  (ซึ่งมีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับบทใน The Accidental Tourist)   ใบหน้าท่าทางปกติของเขาดูราบเรียบ   แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็ดูอ่อนโยนและมีสีสันได้   หนังเรื่องนี้สร้างจากนิยายของเอ็ด โรเซนโบม เรื่อง A Taste of My Own Medicine   พูดถึงการที่หมอผ่าตัดผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปอดและหัวใจคนหนึ่งต้องพบตัวเองอยู่ในสภาพคนไข้โรคมะเร็ง   ซึ่งสถานะใหม่นี้ทำให้เขามองเห็นความเย็นชาที่ตัวเองเคยมี  และเพื่อนร่วมอาชีพยังมีอยู่   ขณะที่คนไข้อีกคนหนึ่ง (เอลิซาเบธ เพอร์กิ้นส์)  เป็นตัวอย่างที่ทำให้เขาค่อย ๆ เลิกสงสารตัวเอง   และสามารถยอมรับความเจ็บปวดตลอดจนการรอความตายได้อย่างไม่ถดถอย   จนกล่าวได้ว่าอาการเจ็บไข้นี่เองที่ทำให้เขาได้รู้จักทั้ง  "ชีวิต"  และ  "ชีวิตชีวา"        "แรนด้า ไฮน์ส"  กำกับเฮิร์ทอีกครั้ง   หลังจาก  Children of a Lesser God  ที่ประสบความสำเร็จมาด้วยกัน   เธอยังคงรักษาลีลาที่หลีกเลี่ยงความเป็นเมโลดราม่า   บางส่วนของหนังมีลักษณะเกือบเป็นสารคดี   ซึ่งในแง่หนึ่งสไตล์นี้ก็ทำให้ตัวละครบางรายไม่มีส่วนเติมเต็มอารมณ์  ทั้ง ๆ ที่น่าจะมีได้   อย่างเช่นเมียและลูก (คริสติน ลาห์ติและชาร์ลี คอสโม)   ซึ่งน่าจะช่วยให้การเติบโตจากสภาพไร้อารมณ์ของตัวเอกมีความหนักแน่นขึ้นอีกได้ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:01:49

ความคิดเห็นที่ 12 คลิปตัวอย่าง THE DOCTOR ที่มีคนอัพโหลดไว้คุณภาพแย่...ดูคลิปหนังตั้งแต่เริ่มเรื่องแทนก็แล้วกัน จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:05:32

ความคิดเห็นที่ 13 โหวตด่วน จะอ้วกกับกระทุ้อวยละครกับกระทู้ แส่เรื่องในมุ้งดาราเต็มทน จากคุณ : หนูหงอย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:06:04

ความคิดเห็นที่ 14 ความพยายามของบริษัทดิสนี่ย์ที่จะปั้นตัวละคร "วีรสตรี'' เอาไว้เพื่อจะสานต่อ  เท่าที่ปรากฏใน  V.I. Warshawski  นี้คงยากที่จะประสบผลตามเป้าหมาย   แม้จะได้ "แคธลีน เทอร์เนอร์" (ผู้เคยเล่นเป็น "วีรสตรี" โจน ไวล์เดอร์ถึง 2 ครั้งใน  Romancing the Stone  และ  Jewel of the Nile) มาเป็นตัวชูโรงก็ตาม   แคธลีนแสดงเป็นนักสืบสาววิคกี้ (ชื่อที่เธอไม่ชอบบอกใคร) วอร์ชอว์สกี้   ตัวเอกในนิยายนักสืบของ "ซาร่า พาเรทสกี้"  ซึ่งคล่องแคล่วกลมกลืนในวิชาชีพเสียยิ่งกว่าชายอกสามศอก   เมื่อผู้ชายที่เธอชอบพอตายอย่างอนาถด้วยระเบิด   เธอก็ล่าตัวฆาตกร  โดยมีลูกสาววัยรุ่นของเขา (แอนเจล่า โกธาลส์) ป้วนเปี้ยนพยายามช่วยอยู่ด้วย   งานนี้นำไปสู่การเปิดโปงการทุจริตในท่าเรือชิคาโก  และนางเอกของเราก็ต้องผจญภัยอย่างหนักหนาสาหัส        งานกำกับของ "เจฟฟ์ คานูว์" (Revenge of the Nerds และ Tough Guys)  ยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร   และส่วนหนึ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อเสน่ห์ของหนังเลยก็คือการเน้นย้ำบุคลิกไม่ยอมใครของวอร์ชอว์สกี้อย่างพร่ำเพรื่อ   โดยเฉพาะกับการให้เธอโต้ตอบทุกครั้งที่ถูกถามหรือตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับชื่อหรือความเป็นผู้หญิง        การไม่ปล่อยวางตรงนี้ทำให้วอร์ชอว์สกี้ยังห่างจากโจน ไวล์เดอร์อยู่อักโข จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:06:26

ความคิดเห็นที่ 15 หนังตัวอย่าง V.I. WARSHAWSKI จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:07:48

ความคิดเห็นที่ 16 "เมล บรุคส์"  ราชาหนังตลกแนวล้อเลียน (parody)  ที่เคยเฟื่องฟูที่สุดในยุค 70   ดูจะอ่อนล้ามากในระยะหลัง   เขาไม่มีหนังฮิตจริง ๆ อย่าง  Blazing Saddles และ Young Frankenstein  มานานเต็มทีแล้ว   แต่ก็ยังทำงานแบบ parody อยู่   หนังเรื่องล่าสุดคือ Life Stinks   พอจะจัดได้ว่าเป็น parody ของเรื่องสลับที่ / สลับฐานะ   ที่ล้อต่อ ๆ กันมาตั้งแต่  The Prince and the Pauper จนถึง Trading Places   บรุคส์เองแสดงเป็นเศรษฐีเจ้าของโครงการใหญ่บนพื้นที่สลัมที่รับคำท้าเพื่อนเศรษฐีไปใช้ชีวิตในสลัมเดือนหนึ่ง   โดยไม่เอาเงินทองหรือเครดิตการ์ดติดตัวไปเลย   เขาได้สัมผัสความยากลำบากของการใช้ชีวิตในระดับต่ำจนมองเห็นอะไรใหม่ ๆ   และได้ผู้หญิงที่จริงใจมาเคียงข้าง (เลสลี่ย์ แอนน์ วอร์เรน)   แต่เมื่อครบเวลารับคำท้า  เขาก็พบว่าทรัพย์สินกิจการของตนถูกคู่ปรับและลูกน้องทรยศยึดไปเสียแล้ว   โดยโครงการไล่ที่ชาวสลัมจะดำเนินต่อไป   เขากับคนรักและชาวสลัมทั้งหลายจึงพยายามต่อสู้ขัดขวางอย่างถึงที่สุด        แม้ว่ามุขทำร้ายร่างกาย / ทำลายข้าวของ (slapstick)   และมุขทะลึ่งตึงตังจะยังคงเป็นมุขหลักของบรุคส์   แต่  Life Stinks  ก็เป็นหนังที่นุ่มนวลและสุภาพทีเดียวเมื่อเทียบกับงานเก่า ๆ ของเขา   ซึ่งก็หมายถึงว่าความแหลมคมของการล้อเลียนจะลดลงไปด้วย   และแฟน ๆ ของบรุคส์  และรูดี้ เดอ ลูก้า นักเขียนบทคู่ใจคงไม่สะใจกันนัก จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:09:25

ความคิดเห็นที่ 17 หนังตัวอย่าง LIFE STINKS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:10:52

ความคิดเห็นที่ 18 "จิม อับราฮัมส์"  หนึ่งในทีม ZAZ (อับราฮัมส์และ 2 พี่น้อง เดวิด-เจอรี่ ซัคเกอร์)   ทายาทกลาย ๆ ในแนวทาง parody หรือ spoof  ของเมล บรุคส์  ด้วยงานอย่าง  Airplane!    ไม่ประสพความสำเร็จนักกับการกำกับเดี่ยว (Big Business และ Welcome Home Roxy Carmichael)   เช่นเดียวกับ The Naked Gun 2 1/2 ของเดวิด ซัคเกอร์   Hot Shots เป็นการย้อนไปหาแนวทางเดิมของเขา  โดยต้นแบบของการล้อเลียนที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือหนังเรื่อง Top Gun    "ชาร์ลี ชีน" แสดงเป็นนักบินหนุ่มจอมบ้าบิ่นที่ต้องขับเคี่ยวกับนักบินจอมหยิ่งยโส (แครี่ เอลเวส)   โดยมีสาวเซ็กซี่ (วาเลอเรีย โกลิโน่) คอยเป็นกำลังใจ   นอกจาก Top Gun แล้ว An Officer and a Gentleman ก็ถูกหยิกหยอกไม่น้อย   อีกทั้งยังมีบางส่วนซึ่งที่มาคือหนังอย่าง The Fabulous Baker Boys, Nine 1/2 Weeks และ Gone With the Wind        หลังจากไม่รุ่งเลยกับหนังแอ็คชั่นที่รับบทห้าวอย่าง  Navy Seals และ The Rookie   ชาร์ลี ชีน ดูทีจะสนุกกับบทแนวใหม่ไม่น้อย    และ Hot Shots ก็น่าจะเป็นหนังทำเงินสูงสุดของเขานับแต่  Platoon จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:12:02

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวอย่าง HOT SHOTS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:13:29

ความคิดเห็นที่ 20 หนังตลกในคอนเส็ปท์คล้ายคลึงกับหนังคลาสสิคเรื่อง  It's a Wonderful Life   "จอห์น แคนดี้" แสดงเป็นนักเขียนบทหนังโทรทัศน์แนวโซป โอเปร่าที่ประสพอุบัติเหตุศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง   เมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง   เขาพบว่าตัวเองอยู่ในตัวโซป โอเปร่าที่เขาเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง   และพลเมืองในโลกแบบ Twilight Zone นี้ก็คือตัวละครที่อยู่ภายใต้การลิขิตชีวิตของเขา   ขณะที่พยายามจะหาทางออกจากโลกใบนี้   เขาก็สนุกกับมันไปด้วย        ในโลกแห่งความเป็นจริง   นักเขียนบทรายนี้หลงรักดาราดังที่ชอบทำตัวเจ้าปัญหาทั้งในจอและนอกจอ (เอ็มม่า แซมส์)   โดยมองข้ามน้ำใจบริสุทธิ์ของนักแสดงสาวอีกคนหนึ่งที่ยังไม่มีชื่อเสียง (มาเรียล เฮมมิ่งเวย์)   เขาได้พบเธอทั้งสองอีกใน "Twilight Zone"   และสิ่งที่จะตามมาก็คือบทลงเอยที่เปลี่ยนแปลง        เช่นเดียวกับ Soapdish หนังฮิตอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้   Delirious เป็นหนังตลกเสียดสีวงการโทรทัศน์   โดยเฉพาะส่วนของโซป โอเปร่า   ที่ความเหลวไหลไม่ได้มีอยู่ในจอเท่านั้น   หลังจอก็มี   และอาจจะเหลวไหลยิ่งกว่า    ซึ่งส่วนที่เน้นมากก็คือบทบาทของผู้เขียนบทที่รับใช้แต่เงื่อนไขทางธุรกิจ   จนลืมคิดไปว่าหนังที่ดีต้องมีวิญญาณของมันเอง   แต่ความสำเร็จในส่วนนี้ออกจะห่างอยู่จาก Soapdish จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:14:34

ความคิดเห็นที่ 21 หนังตัวอย่าง DELIRIOUS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:16:06

ความคิดเห็นที่ 22 อีกเรื่องหนึ่งของหนังรุ่นใหม่ที่ชูอารมณ์อบอุ่นนุ่มนวลแบบงานของ "แฟรงค์ คาปรา" ในยุค 30-40   "ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์" รับบทหมอทำศัลยกรรมตกแต่งที่กำลังเดินทางสู่ฮอลลีวู้ดเพื่ออนาคตอันรุ่งเรือง   ต้องถูกกักตัวอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ทางใต้เมืองหนึ่ง   และต้องทำงานในหน้าที่แพทย์ให้กับชาวเมืองเป็นเวลา 32 ชั่วโมง   เพราะขับรถปอร์เช่ไปชนร้ัวบ้านของผู้พิพากษาเข้า   เวลาแค่นั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาได้รู้สึกถึงเสน่ห์อันบริสุทธิ์ของเมืองเล็ก ๆ   และของผู้หญิงอย่างแม่ม่ายลูกติด (จูลี่ วอร์เนอร์)   ที่ต้องดูแลทั้งตัวเองและลูกสาวอายุ 4 ขวบ   ขณะที่ถูกชายที่เธอไม่พึงใจตามตื๊อ (วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน)   ที่สำคัญคือเมืองนี้ต้องการหมอหนุ่มมาทำหน้าที่แทนหมอคนเดิมซึ่งชราภาพเต็มที        ชายหนุ่มไม่อาจทิ้งความใฝ่ฝันเสียเฉย ๆ   แม้ความสัมพันธ์กับสาวลูกติดจะหอมหวาน   เมื่อถึงเวลาเขาก็เดินทางไปฮอลลีวู้ดตามแผนเดิม   แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเดาว่าตอนจบของหนังจริง ๆ เขาจะอยู่ที่ไหน        นี่คือหนังอเมริกันแท้ ๆ เรื่องแรกของ  "ไมเคิล เคตัน-โจนส์"  ผู้กำกับที่ดังมาจาก Scandal และ Memphis Bells จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:17:02

ความคิดเห็นที่ 23 หาตัวอย่าง DOC HOLLYWOOD ไม่ได้  ดูฉากเปิดเรื่องแทนแล้วกัน ^^ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:19:07

ความคิดเห็นที่ 24 Return to the Blue Lagoon  โดยผู้กำกับ "วิลเลี่ยม เอ. เกรแฮม"  เป็นหนังภาคต่อที่คงจะทำร้ายจิตใจแฟนหนังดั้งเดิมไม่น้อย   หนังเริ่มเรื่องโดยให้มีคนไปพบตัวเอกของ The Blue Lagoon (ซึ่งเดิมแสดงโดย "บรูค ชีลด์" และ "คริสโตเฟอร์ แอทกิ้นส์") ตายอยู่ในเรือที่พวกเขาเดินทางออกจากเกาะ   ลูกชายตัวน้อยรอดชีวิต   แต่เขาก็ต้องกลับไปที่เกาะเดิมอีกหลังจากเกิดอหิวาต์ระบาดบนเรือใหญ่ที่รับเขาขึ้นไป   ที่เกาะนี้เขาอยู่กับหญิงอเมริกันกับลูกสาวตัวน้อยของเธอเพียง 3 คน   และในที่สุดก็เหลือเพียง 2   ซึ่งจากจุดนี้ก็คือการย้อนรอยพล็อตของ The Blue Lagoon   เมื่อหนุ่มสาว "ไบรอัน เคราส์" และ "มิลลา โจโววิช" ได้เรียนรู้ว่าการอยู่ด้วยกันนั้นมีอะไรสนุกที่ทำกันมากกว่าตอนเด็ก ๆ ก่อนที่จะมีคนไปพบพวกเขาอีกครั้ง        "แรนดัล ไกลเซอร์" ผู้กำกับ The Blue Lagoon   มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร   แต่คงไม่เกี่ยวข้องเลยกับงานสร้างหนังเรื่องนี้ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:20:05

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวอย่างหนัง RETURN TO THE BLUE LAGOON (มิลล่า โจโววิช เมื่อยังเป็นสาวน้อย) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:22:23

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพสวย ๆ จากหนังฝรั่งเศสเรื่อง La Chateu de Ma Mere หรือชื่อภาษาอังกฤษ MY MOTHER'S CASTLE... จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:24:28

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพเท่ห์ ๆ ของสี่หนุ่มมาเฟียเรื่อง MOBSTERS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:26:17

ความคิดเห็นที่ 28 "ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์" ยุคโด่งดังกับหนังนุ่ม ๆ DOC HOLLYWOOD จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:28:22

ความคิดเห็นที่ 29 ดาราคุ้นมาก  แต่ไม่คุ้นกับหนังเลยครับ   ที่จำได้มีแต่  Return to the Blue Lagoon  ^-^" จากคุณ : ole (trufa) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 21:42:18

ความคิดเห็นที่ 30 ชอบมากเลยกระทู้นี้ นึกถึงเฉลิมไทยเมื่อก่อนเลยค่ะ จากคุณ : Massmedia เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 22:16:52

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ กระทู้แบบนี้มันต้องอาศัยแรงบันดาลใจ เวลา และ กำลังใจ สองอย่างแรกสร้างได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างหลังมาจากกิ้ฟและเม้นท์ของชาวพันทิป ผมเข้าใจนะที่กระทู้แนว ๆ นี้เหลือน้อยลง ส่วนตัวผมทุกกิฟท์และทุกเม้นท์มีความสำคัญไม่ว่าจะมากหรือจะน้อย แต่ถ้าวันนึงโพสท์แล้วเงียบกริบเหมือนตลกมุขแป็ก วันนั้นผมก็คงจะถอยไปเงียบ ๆ เหมือนหลายล็อกอินที่หายไป ๆ ๆ ๆ ๆ   ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามากระทู้นี้ครับ ( ^ ^ ) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 00:34:56

ความคิดเห็นที่ 32 DUTCH THE DOCTOR สองเรื่องนี้คุ้นๆว่าได้ดูตอนสิบขวบ แต่มันนานมากแล้ว จากคุณ : panut++illi เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 08:26:14

ความคิดเห็นที่ 33 เคยดู hot shot สนุกดี แต่จำได้แค่ลางๆ ภาค2มั้ง ที่ใช้ไก่เป็นลูกธนู จากคุณ : BlankFang เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 10:10:49

ความคิดเห็นที่ 34 อยากหา La Chateu de Ma Mere มาดู ท่าทางจะฟิลกู้ด เคยดู DOC HOLLYWOOD ไมเคิลเล่นได้น่ารัก ตามสไตล์ของเขา ดูV.I. Warshawski เพราะตามแคธลีน เทอร์เนอร์ มาจากRomancing the Stone  และ  Jewel of the Nile แต่พอได้ดูแล้ว ถึงกับร้องจ้ากก เลิกตามกันเลยที่เดียว จากคุณ : poohmong1 เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 10:22:06

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ คห.34...V.I. Warshawski ผมดูแล้วก็ "จ้ากก" เช่นกันครับ 555 จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 12:09:30

ความคิดเห็นที่ 36 เราทัน Bill & Ted นะ .... ในเรื่องชอบยมทูต(เรียกถูกป่าวไม่รู้)ฮามากๆ จากคุณ : แล้วมันก็ผ่านไป เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 18:01:50