ความคิดเห็นที่ 1 หนังสยองขวัญเรื่องใหม่ของ "เวส คราเวน" ผู้สร้างสรรค์ The Hills Have Eyes และ A Night on Elm Street     เสนอเรื่องของผัวเมียวิปริตคู่หนึ่ง (เอเวเร็ทท์ แม็คกิลล์ และ เวนดี้ โรบี้)     ที่ขังเด็กกลุ่มหนึ่งไว้ในห้องใต้ถุนตึกจนมีสภาพอันชวนขนพองสยองเกล้า     คู่วิปริตนี้ทำร้ายแม้กระทั่งลูกสาววัยรุ่นของตัวเอง (เอ. เจ. แลงเกอร์)     สภาพเช่นนี้ดำเนินมาจนกระทั่งถูกท้าทายโดยพระเอกวัยรุ่น (แบรนดอน อาดัมส์) ที่ปกติก็เพียงแต่คึกคะนองไปวัน ๆ     การได้ผจญกับเรื่องสยดสยองนี้ทำให้เขาเติบโตขึ้น   หรือ "ค้นพบตัวเอง" ตามแบบฉบับของหนังกลุ่ม coming of age   คราเว่นยังคงเน้นรูปรอยสนองความต้องการของวัยรุ่น    แต่ความสำเร็จยังห่างจาก A Night on Elm Street  อยู่โข จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:19:37

ความคิดเห็นที่ 2 หนังตัวอย่าง THE PEOPLE UNDER THE STAIRS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:21:08

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้กำกับ "ฮิโรอากิ โยชิดะ" (Twilight of the Cockroaches) กล่าวว่า     เขา (และ "ทิม เมทคาล์ฟ" ผู้เขียนบท) สร้างเรื่อง Iron Maze ขึ้นมาจากเรื่องของ "เรียวโนสุเกะ อากุตากาว่า"     เรื่องเดียวกับที่ "อากิระ คูโรซาว่า" เอามาทำเป็นหนังเรื่อง Rashomon      คราวนี้สถานที่คือเพนซิลวาเนียตะวันตกในยุคปัจจุบัน      เศรษฐีหนุ่มญี่ปุ่น (ฮิโรอากิ มูรากามิ) ถูกทำร้ายอาการปางตายระหว่างดำเนินการเปลี่ยนแปลงโรงงานเหล็กกล้าให้เป็นสวนสนุก      ผู้ต้องสงสัยคืออดีตคนงานที่กลายมาเป็นพนักงานรับใช้ในโรงแรม (เจฟฟ์ ฟาเฮย์) และภรรยาสาวชาวอเมริกันของผู้เคราะห์ร้ายเอง (บริดเจ็ท ฟอนด้า)     ซึ่งไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานและอาจจะกำลังมีอะไร ๆ อยู่กับผู้ต้องสงสัยรายแรก      หนังนำเสนอ "คำให้การ" ทั้งจากมุมของผู้ต้องสงสัยและตัวเศรษฐีญี่ปุ่น   แสดงด้านอัปลักษณ์ของลัทธินายทุน     แต่ก็มีคำอธิบายที่คล้ายจะเป็นการพยายามให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายนายทุน (ญี่ปุ่น) อยู่เช่นกัน     เนื่องจากอย่างไรเสียคนทำหนังยอกย้อนสไตล์นัวร์กลาย ๆ นี้ก็เป็นคนญี่ปุ่นแท้ ๆ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:22:39

ความคิดเห็นที่ 4 หนังตัวอย่าง IRON MAZE เวอร์ชั่นเสียงภาษาเสปน จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:24:44

ความคิดเห็นที่ 5 หนังสำหรับครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาสจากฝีมือกำกับของ "โรเบิร์ต ลีเบอร์แมน" ที่เคยทำหนังครอบครัวระดับดีอย่าง Table for Five (1983)      ตัวเอกของเรื่องคือสองพี่น้องที่ทั้งอธิษฐานและเพียรพยายามให้พ่อแม่ซึ่งแยกทางกันไปกลับมาคืนดีกันอีก      เจ้าหนูอีแธน (อีแธน แรนดัลล์ จาก Dutch) วัย 13 ขวบและฮอลลี่ (โธร่า เบิร์ช) น้องสาววัย 7 ขวบของเขาเชื่อว่าถ้าหาทางให้พ่อและแม่มาเจอกันได้ในคืนก่อนคริสต์มาสทุกอย่างก็จะไปได้สวย        หนังมีส่วนสะท้อนยุค 90 ตรงสาเหตุการแยกทางกันของพ่อและแม่ (เจมี่ย์ เชอริแดน และ ฮาร์เลย์ เจน โคแซ็ค)    ซึ่งได้แก่การที่พ่อทิ้งอนาคตในวอลสตรีทมาทำกิจการขายอาหารเล็ก ๆ   โดยมีบทสรุปที่ไม่เหนือความคาดหมาย  "ความสุขในชีวิตนั้นไม่อาจซื้อหาได้ด้วยเงินเสมอไป" จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:25:36

ความคิดเห็นที่ 6 หนังตัวอย่าง ALL I WANT FOR CHRISTMAS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:26:56

ความคิดเห็นที่ 7 STRICTLY BUSINESS * * 8 พ.ย. / กำกับ (เควิน ฮุคส์) / บท (แพม กิ๊บสัน, เนลสัน จอร์จ) / กำกับภาพ (ซอลแทน เดวิด) / ดนตรี (มิเชล โคลอมบิเอร์) / ผู้แสดง (ทอมมี่ เดวิดสัน, โจเซฟ ซี. ฟิลลิปส์, ฮอลลี่ เบอร์ลี่) / เรท (PG-13) / 84 นาที        อีกเรื่องหนึ่งในกลุ่มหนังเกี่ยวกับ "โอกาสของคนดำ" ที่กำลังฮิตในอเมริกา   "โจเซฟ ซี. ฟิลลิปส์" นักแสดงจากวงการโทรทัศน์รับบทหนุ่มผิวดำที่หมายมั่นจะได้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทจัดสรรที่ดินชั้นแนวหน้าในนิวยอร์ค     เขาหลงรักสาวสวยที่ทำงานในภัตตาคาร (ฮอลลี่ เบอร์ลี่)     ซึ่งก็ได้เพื่อนที่คุ้นเคยกับเธอมาตั้งแต่เด็ก (ทอมมี่ เดวิดสัน) ช่วยเป็นพ่อสื่อให้โดยมีข้อแลกเปลี่ยน     เพราะเพื่อนที่ทำงานเป็นคนส่งของนี้ก็หวังก้าวหน้าเหมือนกัน      มุขตลกส่วนใหญ่มาจากความพยายามของพระเอกที่จะปรับตัวเข้ากับพวกพ้องของผู้หญิงที่เขารัก     เพราะความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าทำให้เขาเป็น "คนนอก" อยู่กลาย ๆ     ผู้กำกับ "เควิน ฮุคส์" ไม่ได้เน้นการแบ่งแยกสีผิวมากนัก    ตัวละครผิวขาวที่มีสถานะสูงในเรื่องก็เป็นคนที่ใจกว้าง  มีเหตุผล     จุดสำคัญอยู่ที่เรื่อง "การดิ้นรนทางชนชั้น" ซึ่งนำเสนออย่างเบา ๆ ไม่ซีเรียส จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:28:04

ความคิดเห็นที่ 8 หนังตัวอย่าง STRICTLY BUSINESS (เรื่องนี้ ฮัลลี่ เบอร์รี่ ยังเอ๊าะ ๆ อยู่เลย) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:31:39

ความคิดเห็นที่ 9 "มาร์ติน สกอร์เซซี" ทำงานดัดแปลงจากหนังเขย่าขวัญปี 1962  ของ "เจ. ลี ทอมป์สัน" (ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง The Executioners ของ "จอห์น ดี. แม็คโดนัลด์)    โดยแต่งเติมส่วนที่เป็นด้านมืดของตัวละครตามแบบฉบับของเขา    "โรเบิร์ต เดอนิโร" รับบทเดิมของ "โรเบิร์ต มิตชั่ม" เป็นแม็กซ์ เคดี้  อาชญากรที่ออกจากคุกมาคุกคามครอบครัวของแซม โบว์เด้น (นิค นอลเต้ รับบทเดิมของ เกรกอรี่ เป็ค) นักกฏหมายชาวใต้ที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องติดคุก    ส่วนสำคัญที่แต่งเติมขึ้นมาใหม่คือปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายใต้สภาพปกติของครอบครัวโบว์เด้น   ผ่านทางบทของลูกสาววัยรุ่น (จูเลียต ลูว์อิส) และเมีย (เจสสิก้า แลงจ์) ที่ไม่มีความสุขอยู่ลึก ๆ    สกอร์เซซีเปลี่ยนรูปลักษณ์จากหนังเก่าที่ให้บรรยากาศเมืองภาคใต้ที่เอื่อยเฉื่อย  มาสู่ลักษณะที่คมเข้มขึ้นในสไตล์ Thriller / Noir    เน้นการใช้กล้องและการตัดต่อที่เร้าอารมณ์   แต่ก็รักษารูปรอยของเก่าเอาไว้บ้าง    เช่นในดนตรีประกอบที่ยังใช้ของเก่าของ "เบอร์นาร์ด แฮร์มานน์" (ดัดแปลงและเรียบเรียงใหม่โดย เอลเมอร์ เบิร์นสไตน์)    และบทรับเชิญของดาราทีมเก่าอันประกอบด้วย "โรเบิร์ต มิตชั่ม, เกรกอรี่ เป็ค และ มาร์ติน บัลซั่ม" จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:33:08

ความคิดเห็นที่ 10 "ชอบตรงที่เขาทำแปลกกว่าหนังแนวเดียวกันกับเรื่องอื่น ๆ  ซึ่งปกติเราจะเข้าข้างฝ่ายที่เป็นคนดี    แต่เรื่องนี้เขาทำให้คนดูไม่เข้าข้างไหนเลย    ความกลัวก็เลยตกอยู่กับคนดูเอง    เพราะไม่มีอะไรให้ยึด    เพราะไม่มีฝ่ายไหนเป็นคนดีเลย    มันก็เลยไม่ใช่เป็นความกลัวที่เกิดจากการเป็นห่วงฝ่ายคนดีของคนดู" ***กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน*** คอลัมน์บนถนนคนวิจารณ์ / นิตยสารหนังและวีดีโอ ฉบับที่ 63 เมษายน 2535 (1992) "ผู้กำกับ  มาร์ติน สกอร์เซซี  ใช้สไตล์ถนัดของตัวเองในโทนที่ออกจะเข้มข้นหนักแน่น    และการพูดถึงด้านมืดของมนุษย์มาผสมผสานกับแนวทางของหนังเขย่าขวัญ  ในการค่อย ๆ ใส่ความตึงเครียดเข้ามาทีละชั้น ๆ  ให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ได้ดี  ก่อนจะมาระเบิดในช่วงสุดท้าย    โดยรวมเป็นหนังดี    แต่โดยส่วนตัวเป็นหนังที่ไม่ชอบเรื่องหนึ่ง" ***ปัฐฐากร ชีวี*** คอลัมน์บนถนนคนวิจารณ์ / นิตยสารหนังและวีดีโอ ฉบับที่ 63 เมษายน 2535 (1992) แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 20:18:59 จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:35:46

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากประสพความสำเร็จอย่างสูงกับ The Little Mermaid ในปี 1989    บริษัทดิสนี่ย์ก็สานต่อด้วยหนังการ์ตูนในแนวทางใกล้เคียงกัน   เป็นการ์ตูนเพลงจากการประพันธ์ทำนอง-คำร้องของทีมงานเดิมคือ "อลัน เมนเก้น และ ฮาเวิร์ด แอชแมน" (รายหลังนี้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์หลังจากทำงานส่วนตัวของตนเสร็จ)    เนื้อเรื่องที่คุ้นเคยกันจากนิทานคลาสสิกของฝรั่งเศส   ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสาวน้อยกับเจ้าชายที่ต้องคำสาปให้ต้องอยู่ในเรือนร่างอัปลักษณ์    จากจุดเริ่มต้นที่เธอรู้จักเขาแต่ภายนอก   กระทั่งได้สัมผัสความงดงามภายในของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ    "เพจ โอ ฮาร่า และ ร็อบบี้ เบนสัน" ให้เสียงเป็นตัว Beauty และ Beast ตามลำดับ   โดยมีบทเสริมที่สร้างสีสันให้กับหนังในแบบฉบับคลาสสิกของดิสนี่ย์เป็นวัตถุที่มีชีวิตได้แก่  โคมระย้า (เจอร์รี่ ออร์บาค),  กาน้ำชาและถ้วยน้ำชาแม่ลูก (แอนเจล่า แลนสบิวรี่ และ แบรดลี่ย์ ไมเคิล เพียร์ซ),  นาฬิกาตั้งโต๊ะ (เดวิด อ็อกเด้น สเตียร์ส)  และไม้กวาดขนนก (คิมมี่ โรเบิร์ตสัน)        เป็นหนังการ์ตูนที่รักษารูปลักษณ์คลาสสิกของการ์ตูนดิสนี่ย์ไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์   ซึ่งแตกต่างจากหนังการ์ตูนยุคใหม่ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:36:42

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพใบปิดหนัง Beauty and the Beast จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:39:30

ความคิดเห็นที่ 13 หนังตัวอย่าง Beauty and the Beast จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:40:31

ความคิดเห็นที่ 14 MEETING VENUS * * * 15 พ.ย. / กำกับ (อิสต์วาน ซาโบ) / บท (อิสต์วาน ซาโบ, ไมเคิล เฮิร์สท์) / กำกับภาพ (ลายอส กอลไต) / ดนตรี (ริชาร์ด แว้กเนอร์) / ผู้แสดง (เกล็นน์ โคลส, นีลส์ อาเรสตรัป, เออร์แลนด์ โจเซฟสัน) / จัดจำหน่าย Warner Bros. / เรท PG-13 / 117 นาที        ผลงานใหม่ของ "อิสต์วาน ซาโบ" ผู้กำกับชาวฮังกาเรียน   เจ้าของงานเด่นที่มีลักษณะเป็นไตรภาคคือ Mephisto (1981), Coronel Red (1985) และ Hanussen (1988)    เนื้อหายังคงเกี่ยวพันกับศิลปะ / การเมือง / การทหาร  ที่ยากจะแยกแยะออกจากกันในยุโรปตะวันออก    "นีลส์ อาเรสตรัป" แสดงเป็นวาทยากรชาวบูดาเปสท์ที่มีสัมพันธ์รักกับนักร้องสาวเสียงโซปราโน่ชาวสวีดิช (เกล็นน์ โคลส) ทั้ง ๆ ที่ตันเองแต่งงานแล้ว    ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งอันวุ่นวายระหว่างกลุ่มคนที่มีความเชื่อในลัทธิการเมืองต่าง ๆ กัน แต่ต้องมามีส่วนร่วมในการจัดการแสดงอุปรากรจากงานของ "ริชาร์ด แว้กเนอร์" (Tannhauser)    บทสรุปอยู่ที่การร่วมไม้ร่วมมือกันของคนที่มีความคิดต่าง  โดยมีศิลปะเป็นตัวเชื่อมโยง        หนังอยู่ในแนวตลกโรแมนติก   แต่มีสาระให้ขบคิดในเชิงเปรียบเทียบแบบงานของ "เอิร์นส์ ลูปิตส์ช" ในยุค 30  โดยมีบทของ "เกล็นน์ โคลส" เป็นบทนำที่โดดเด่นออกมา  "ลิปซิงค์" ในการแสดงส่วนของเธอที่ดูกลมกลืนอย่างยิ่งนั้นเป็นการให้เสียงโดย "คิริ เท กานาว่า" นักร้องเสียงโซปราโน่ชื่อก้อง แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 19:43:30 แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 19:42:31 จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:41:50

ความคิดเห็นที่ 15 คลิปฉากสำคัญในหนัง MEETING VENUS จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:45:34

ความคิดเห็นที่ 16 งานดัดแปลงจาก Tempest บทละครสำคัญชิ้นสุดท้ายของเชคสเปียร์    ซึ่ง "ปีเตอร์ กรีนอะเวย์" (The Draughtsman's Contract และ The Cook, The Thief, His Wife and Her Lover) จัดวางวางตัวละครปรอสเปอโรที่แสดงโดย "จอห์น กีลกุด" ให้เป็นภาพสะท้อนตัวเชคสเปียร์และกีลกุดเองในช่วงปลายของชีวิตการทำงานอันยิ่งใหญ่     ปรอสเปอโรอดีตเจ้าเมืองมิลานที่ถูกน้องชายทรยศจนต้องไปอาศัยอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกับลูกสาว   โดยมีเพียงหนังสือที่เขาบอกลูกว่า "สำหรับพ่อมันมีคุณค่ายิ่งกว่าอาณาจักร" เป็นขุมสมบัติทางปัญญาที่ทำให้ชีวิตแต่ละวันของเขามีความหมาย    บทหนังให้การใช้เวทมนตร์บันดาลให้เรือของผู้ทรยศและตัวละครอื่น ๆ ถูกพายุพัดมาที่เกาะ  ซึ่งเป็นจินตนาการของปรอสเปอโร  และเขาเป็นผู้เปล่งเสียงตัวละครที่มีบทบาทสอดประสานกันอยู่ด้วยตัวของเขาเอง    นี่คือหนังที่ศูนย์กลางของพลังทั้งหมดอยู่ที่จอห์น กีลกุด (ผู้ซึ่งรับบทปรอสเปอโรครั้งแรกเมื่อปี 1930 ขณะอายุ 26 ปี และแสดงติดต่อมาจนช่ำชอง)    ขณะที่ส่วนตกแต่งเป็นรูปลักษณ์เฉพาะของกรีนอะเวย์   คือกระบวนการผสมผสานศิลปะกับชีวิตจริง   จินตนาการอันวิปริตบิดเบือน   และความต้องการระดับพื้นฐานของมนุษย์    ซึ่งดูเหมือนว่าภาพร่างเปลือยอันดูไม่เซ็กซี่จะเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:46:44

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพใบปิดของหนัง Prospero's Books จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:47:39

ความคิดเห็นที่ 18 ฉากเปิดเรื่อง Prospero's Books จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:49:31

ความคิดเห็นที่ 19 FOR THE BOYS * * * 22 พ.ย. / กำกับ (มาร์ค ไรเดล) / บท (มาร์แชลล์ บริคแมน, นีล จิมีเนซ, ลินดี้ โล้บ) / กำกับภาพ (สตีเฟ่น โกลด์บลัทท์) / ดนตรี (เดฟ กรูซิน) / ผู้แสดง (เบ็ตต์ มิดเลอร์, เจมส์ คาน, แพทริค โอนีล) / จัดจำหน่าย Twentieth Century Fox / เรท R / 145 นาที        การร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง "มาร์ค ไรเดล" และ "เบ็ตต์ มิดเลอร์" 12 ปีหลังจาก The Rose    มิดเลอร์ได้บทที่ส่งตัวเธอมากอีกครั้ง   เป็นนักร้องที่ตระเวณแสดงปลอบขวัญทหารอเมริกันอย่างต่อเนื่องนับแต่ปี 1942 จากสงครามในยุโรปสู่แอฟริกาเหนือ สู่เกาหลีจนถึงเวียดนาม    "เจมส์ คาน" รับบทนักแสดงตลกชื่อก้องที่เข้าคู่กับเธอในการตระเวณแสดงทั้ง 3 สงครามใหญ่    เธอและเขาต่างก็แต่งงานแล้ว    แต่ก็มีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่อาจเรียกได้ว่าเป็นความรัก   ตลอดเวลาของการ "ร่วมงานและร่วมชีวิต" เพื่อ The Boys (หมายถึงทหารในแนวรบ) อันยาวนาน        หนังคลอบคลุมเวลาอันยาวนานถึง 50 ปี   เฉพาะองก์แรกของหนังก็ยาวถึง 50 นาที    สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะมีการร้องเพลงจนจบเพลงอยู่หลายเพลงด้วยกัน    ซึ่งก็ทำให้หนังน่าจะเป็นงานที่สร้างความพึงพอใจให้อย่างมากสำหรับแฟนของเบ็ตต์ มิดเลอร์    นอกเหนือจากที่บทในหนังเรื่องนี้ของเธอจะเป็นบทที่เด่นที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:50:27

ความคิดเห็นที่ 20 "หนังเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดเวลาครึ่งศตวรรษ    ทั้งคู่ต้องมาทำงานร่วมกันโดยการเดินทางไปร้องเพลงกล่อมขวัญทหารในสงครามแต่ละครั้งที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย    บทหนังแจกแจงรายละเอียดตัวละครดีมาก    รวมทั้ง 'เบ็ตต์ มิดเลอร์' และ 'เจมส์ คาน' ก็เล่นได้เข้าขากันจนทำให้การแสดงเป็นส่วนที่เด่นที่สุดของหนัง    แต่ว่าหนังมีความยาวมากเกินไปจนทำให้รู้สึกว่าบางช่วงยืดเยื้อกว่าที่ควร    ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเพลงที่ใส่เข้ามาเต็มเพลงหลาย ๆ เพลงนั่นเอง" "มาร์ค ไรเดลล์   ผู้กำกับชาวอังกฤษเคยร่วมงานกับมิดเลอร์มาแล้วใน The Rose ซึ่งเป็นหนังเพลงที่ได้รับคำชื่นชมมากพอควร    ในครั้งนี้บทเพลงก็ยังมีส่วนสำคัญมากเหมือนเดิม    แต่ถูกใช้ในวาระและความมุ่งหมายที่แตกต่าง    ในการกล่อมขวัญทหารครั้งสงครามโลกเวทีที่พวกเขาแสดงเป็นเวทีที่สมบูรณ์    แต่ในครั้งต่อ ๆ มาเวทีการแสดงก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนเป็นเวทีที่ไม่มีความพร้อมเอาเลยในสงครามเวียดนาม    ความรู้สึกของคนดูและตัวละครที่ผ่านสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย    จากความรื่นเริงฮึกเหิมในตอนแรกเป็นความรู้สึกโหยหาสันติภาพเมื่อบทเพลง  In My Life  ที่เบ็ตต์ มิดเลอร์นำเพลงของจอห์น เลนน่อนมาร้องใหม่ดังขึ้น    ก่อนจะจบลงด้วยความสูญเสียลูกชายคนเดียวของเธอ    ฉากนี้สมบูรณ์มากทั้งในแง่ของการสร้างอารมณ์    การชักจูงเรื่องให้บรรลุวัตถุประสงค์    ทั้ง ๆ ที่คนดูสามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ว่าแดนนี่จะต้องตาย    แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ เราก็ยังรู้สึกตกใจอยู่" ***สิทธิชัย แก้วจินดา*** คอลัมน์บนถนนคนวิจารณ์ / นิตยสารหนังและวีดีโอ ฉบับที่ 63 เมษายน 2535 (1992) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:52:22

ความคิดเห็นที่ 21 AT THE MAX * * * 22 พ.ย. / กำกับ (จูเลียน เทมเปิ้ล) / ที่ปรึกษาด้านภาพ (ฮาสเกลล์ เว็กซ์เลอร์)        หนังบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตระหว่างปี 1989-1990 ของ The Rolling Stones (Steel Wheels Tour)    เน้นการแสดงที่ลอนดอนอันเป็นไคลแม็กซ์    มีเพลงทั้งเก่าและใหม่ของวงร็อคเก่าแก่นี้ถึง 15 เพลง    ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าคนรุ่นอายุ 50 ก็สามารถเป็น Rocker ที่มีประสิทธิภาพได้    จุดเด่นของหนังอยู่ที่งานด้านภาพซึ่งเร้าอารมณ์เต็มที่    โดยมี "ฮาสเกลล์ เว็กซ์เลอร์" ผู้กำกับมือออสการ์เป็นที่ปรึกษา        ผู้กำกับ "จูเลียน เทมเปิ้ล" เป็นผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยทำหนังเพลงได้โดดเด่นพอสมควร  เรื่อง Absolute Beginners (1986) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:53:28

ความคิดเห็นที่ 22 ยุค 90 มีหนังคอนเสิร์ตอยู่หลายเรื่อง  และนี่คลิปตัวอย่างของหนังเรื่องนี้กับเพลงสุดดัง (I Can't Get No) Satisfaction......ส่วนในเมืองไทยเครือเมเจอร์ก็นำเอาหนังคอนเสิร์ต Rattle & Hum ของ U2 เข้ามาฉายด้วยเช่นกัน (ผมมีโอกาสได้ดูที่โรง MGM เดอะมอลล์รามด้วย...ตื่นเต้นไปกับภาพแต่เสียอารมณ์ไปกับระบบเสียงในโรงที่ย่ำแย่ซะเหลือเกิน) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:55:13

ความคิดเห็นที่ 23 THE ADDAMS FAMILY * * * 22 พ.ย. / กำกับ (แบร์รี่ ซันเนนเฟลด์) / บท (แคโรลีน ทอมป์สัน, แลร์รี่ วิลสัน) / กำกับภาพ (โอเว่น รอยซ์แมน) / ดนตรี (มาร์ค เชแมน) / ผู้แสดง (แอนเจลิก้า ฮุสตัน, ราอูล จูเลีย, คริสโตเฟอร์ ลอยด์) / จัดจำหน่าย Paramount / เรท PG-13 / 99 นาที        จากการ์ตูนในนิตยสาร New Yorker ของ "ชาร์ลส์ แอดดัมส์" สู่หนังโทรทัศน์ชุดคลาสสิก (1964-1966) และมาสู่หนังใหญ่ที่เป็นงานกำกับชิ้นแรกของ "แบร์รี่ ซันเนนเฟลด์" ผู้กำกับภาพฝีมือเยี่ยม (Blood Simple, Raising Arizona)        ครอบครัวแอดดัมส์มีความเป็นอยู่และทัศนคติอัน "ผิดผู้ผิดคน" ซึ่งสำหรับพวกเขาเองมันกลับเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียเหลือเกิน    พล็อตหนังว่าด้วยการวางแผนฮุบเอาสมบัติล้ำค่าของครอบครัวแอดดัมส์   โดยทนายขี้ฉ้อของครอบครัว (แดน เฮดายา) ซึ่งรู้ถึงความผูกพันระหว่างโกเมซ (ราอูล จูเลีย) หัวหน้าครอบครัวกับเฟสเตอร์พี่ชายผู้หายสาบสูญไป    แต่แล้วคนที่ปลอมตัวเป็นเฟสเตอร์ (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) ก็กลับไปชื่นชอบพวกแอดดัมส์จนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไป    ทำให้แผนต้องแปรเปลี่ยนและอุตลุดวุ่นวายยิ่งขึ้น    หนังเต็มไปด้วยมุขตลกเกี่ยวกับ "ความปกติที่ไม่ปกติ" ของครอบครัวแอดดัมส์    ซึ่งผู้สร้างสีสันนำหน้าคือ "แอนเจลิก้า ฮุสตัน" ในบทมอร์ติก้าเมียของโกเมซ    ขณะที่โปรดักชั่นและงานออกแบบเทคนิคพิเศษก็พิถีพิถันอย่างยิ่ง จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:56:10

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพนักแสดงจากหนัง THE ADDAMS FAMILY จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:57:14

ความคิดเห็นที่ 25 หนังตัวอย่าง THE ADDAMS FAMILY จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:58:33

ความคิดเห็นที่ 26 THE DOUBLE LIFE OF VERONIQUE * * * 22 พ.ย. / กำกับ (คริสตอฟ คีสโลว์สกี้) / บท (คริสตอฟ คีสโลว์สกี้, คริสตอฟ พีซีวิคซ์) / กำกับภาพ (สลาโวเมียร์ อิดซิแอ็ค) / ดนตรี (ซิบิ๊กนิว ปรีสเนอร์) / ผู้แสดง (อิแรน ยาค็อบ, ฟิลลิปป์ วอลแตร์) / จัดจำหน่าย Miramax / 90 นาที        "อิแรน ยาค็อบ" ได้รับรางวัลดารานำแสดงฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งล่าสุดจากการรับ 2 บทในหนังเรื่องนี้    เป็น "เวโรนิก้าและเวโรนิก" หญิงสาวชาวโปแลนด์และฝรั่งเศสที่เป็นตัวเอกคนละครึ่งเรื่อง    เวโรนิก้าอยู่ในช่วงครึ่งแรกและอาจจะเป็น "ชาติก่อน" ของเวโรนิก  ซึ่งเธอเป็นนักร้องที่มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว  การเป็นนักร้องนี้ทำให้เธอเสียทั้งคนรักและชีวิต    ส่วนเวโรนิกมีวิถีชีวิตเกือบจะเหมือนกับเวโรนิก้า  แต่คล้ายกับว่าเธอได้เรียนรู้จาก "ชาติก่อน"  เธอจัดการกับวิถีชีวิตนี้แตกต่างจากเวโรนิก้า  รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนรัก (ฟิลลิปป์ วอลแตร์) โดยอาศัย "สัญชาตญาน" เป็นตัวชี้นำ        "คริสตอฟ คีสโลว์สกี้" คนทำหนังที่ร้อนที่สุดของโปแลนด์    นำเสนองานของเขาอย่างได้บรรยากาศอันชวนพิศวง    มีรายละเอียดมากมายที่แฝงความหมายในสไตล์หนังยุโรป จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 19:59:35

ความคิดเห็นที่ 27 ฉากสำคัญของหนังเรื่อง THE DOUBLE LIFE OF VERONIQUE จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:01:37

ความคิดเห็นที่ 28 THE PEOPLE UNDER THE STAIRS พี่เคยพาไปดูตอนเด็ก (เลือกหนังได้เหมาะกับเด็กมากกกก) เล่นเอาเก็บไปฝันร้ายตั้งหลายวัน  T^T จากคุณ : trufa เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:02:27

ความคิดเห็นที่ 29 AN AMERICAN TAIL FIEVEL GOES WEST * * * 22 พ.ย. / กำกับ (ฟิล นิบเบลิงค์, ไซม่อน เวลส์) / บท (ฟลินท์ ดิลล์) / ดนตรี (เจมส์ ฮอร์เนอร์) / จัดจำหน่าย Universal / เรท G / 74 นาที        ภาคต่อของ An American Tail หนังการ์ตูนยอดฮิตของปี 1986    ซึ่งคราวนี้ไม่มี "ดอน บลูธ" เป็นผู้กำกับแต่ก็ได้คู่หู "ฟิล นิบเบลิงค์, ไซม่อน เวลส์" มากำกับแทน    หนังจับเหตุการณ์หลังจากเจ้าหนูฟีเวลและครอบครัวอพยพจากรัสเซียสู่อเมริกา    ชีวิตอันเต็มไปด้วยอันตรายในนิวยอร์กทำให้ฟีเวลและหนูทั้งหลายตัดสินใจมุ่งสู่ตะวันตก    ฟีเวล (ให้เสียงโดยฟิลลิป กลาสเซอร์) ได้คู่หูเป็นแมวขี้ขลาดชื่อไทเกอร์ (ดอม เดอหลุยส์)   และได้อาจารย์เป็นหมามือปืนชื่อไวลี่ เบิร์ป ("เจมส์ สจ๊วร์ต" ดาราคาวบอยยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ให้เสียง  เป็นการล้อเลียนบทเก่า ๆ และแสดงการหวนระลึกถึงไปในตัว)    คอนเส็ปท์ของหนังคือความคิดพื้น ๆ ของผู้อพยพที่มองว่าตะวันตกคือดินแดนแห่งโอกาสที่ซึ่งจะทำให้ความใฝ่ฝันเป็นจริง   พล็อตเรื่องที่ให้ฟีเวลกับพวกถูกล่อลวงไปกำจัดจึงดูไม่สำคัญนัก        Dreams to Dream เพลงสำคัญในภาคนี้ซึ่งแต่งโดย "เจมส์ ฮอร์เนอร์ และ วิลล์ เจนนิ่งส์" ไม่เด่นเท่ากับ Somewhere Out There ในภาคแรก    แต่งานดนตรีรวม ๆ ของฮอร์เนอร์ก็ยังมีสีสันและให้บรรยากาศของ "ตะวันตกแบบการ์ตูน" ได้เป็นอย่างดี จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:02:32

ความคิดเห็นที่ 30 ตัวอย่างหนังเรื่อง AN AMERICAN TAIL FIEVEL GOES WEST จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:03:59

ความคิดเห็นที่ 31 MY GIRL * * 1/2 27 พ.ย. / กำกับ (ฮาเวิร์ด เชียฟฟ์) / บท (ลอริซ เอเลห์วานี่) / กำกับภาพ (พอล เอลเลียตต์) / ดนตรี (เจมส์ นิวตัน ฮาเวิร์ด) / ผู้แสดง (แดน แอครอยด์, เจมี่ ลี เคอร์ติส, แม็คคอเลย์ คัลกิ้น, แอนนา ชลัมสกี้) / จัดจำหน่าย Columbia / เรท PG /102 นาที        "แม็คคอเลย์ คัลกิ้น" ดาราเด็กค่าตัวแพงที่สุดในโลกจาก Home Alone ไม่ใช่ดาราเด็กที่ได้บทสำคัญที่สุดในเรื่องนี้    คนที่ได้คือ "แอนนา ชลัมสกี้" แม่หนูหน้าใหม่    เธอแสดงเป็นเด็กหญิงวัย 11 ขวบชาวซิลเพนวาเนีย    ที่ในช่วงฤดูร้อนหนึ่งต้องสูญเสียพ่อ (แดน แอครอยด์) ซึ่งอยู่เป็นม่ายมานานให้กับช่างแต่งหน้าสาวฮิปปี้ (เจมี่ ลี เคอร์ติส) ที่เธอไม่ถูกชะตาด้วย    สูญเสียเพื่อนชายที่เธอใกล้ชิดด้วยมากที่สุด (แม็คคอเลย์ คัลกิ้น) ให้กับมัจจุราช    แถมครูที่เธอหลงรักประสาเด็กแก่แดด (กริฟฟิน ดันน์) ก็ยังจากไปแต่งงาน    แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เธอได้เรียนรู้ความผันผวนในชีวิตและเติบโตขึ้น        มิตรภาพและการ "ริรัก" (ซึ่งรวมถึงจูบครั้งแรก) ระหว่างเด็กสองคนเป็นส่วนใส ๆ ในหนังที่ตัวเรื่องวนเวียนอยู่กับความตาย    แดน แอครอยด์รับบทคนที่อยู่อย่างไร้ชีวิตชีวา    แถมยังมีอาชีพเป็นสัปเหร่อ / เจ้าของฌาปนสถาน    ความเฉยชาของเขาผลักดันให้ลูกต้องแสวงหาความรักความอบอุ่นจากภายนอก    และโชคดีที่ได้รับสิ่งนั้นจากเพื่อน  แม้เขาจะเป็นผู้ชาย  และแม้ว่าเวลาของเขาจะมีเพียงน้อยนิด        เป็นหนังชีวิตครอบครัวที่คนใจอ่อนคงจะดูโดยไม่สูญเสียน้ำตาได้ยากเย็นเต็มที จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:05:31

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพสองดาราเด็กผู้น่ารักใน MY GIRL จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:06:45

ความคิดเห็นที่ 33 "เป็นหนังที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้    ตอนแรกคิดว่าจะเป็นหนังตลกอเมริกันที่ใช้เด็กเป็นตัวเดินเรื่อง    แต่ดูแล้วเนื้อหาของหนังบางส่วนมีกลิ่นอายของหนังยุโรปพอสมควร    มีการเรียนรู้และเติบโตของเด็กในช่วงหนึ่งซึ่งมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านเข้ามาและกลายเป็นประสบการณ์สำคัญก่อนผ่านพ้นช่วงนั้นมา.....ดาราเด็กสองคนเล่นได้ในระดับดี  ส่วนคนอื่นก็เล่นได้สมตัว.....อาจเป็นหนังที่ไม่ได้ลึกซึ้งมาก  แต่ก็จัดว่าดีเรื่องหนึ่ง" ***ปัฐฐากร ชีวี*** คอลัมน์บนถนนคนวิจารณ์ / นิตยสารหนังและวีดีโอ ฉบับที่ 63 เมษายน 2535 (1992) จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:08:19

ความคิดเห็นที่ 34 LET HIM HAVE IT * * * 27 พ.ย. / กำกับ (ปีเตอร์ เมดัก) / บท (นีล เพอร์วิส, โรเบิร์ต เว้ด) / กำกับภาพ (โอลิเวอร์ สเตเปิลตัน) ดนตรี (ไมเคิล คาเมน) / ผู้แสดง (คริส เอคเคลสตัน, พอล เรย์โนลด์ส, ทอม คอร์ทเน่ย์, ทอม เบลล์) / จัดจำหน่าย Fine Line Features / 115 นาที        หลังจากประสพความสำเร็จกับ The Krays    "ปีเตอร์ เมดัก" ก็จับเอาเรื่องจริงที่อื้อฉาวในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของอังกฤษมาทำเป็นหนังอีกครั้ง    Let Him Have It มาจากเหตุการณ์ในปี 1952   ที่สองหนุ่มวัยรุ่นตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าตำรวจตายในการดวลบนหลังคากลางกรุงลอนดอน    "เครก" ผู้คลั่งไคล้ปืนอายุเพียง 16  เด็กเกินไปที่จะถูกแขวนคอ  โทษนั้นจึงตกแก่ "เบนท์เลย์" ซึ่งอายุ 19  ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ยิงปืน  เพียงแต่ตะโกนว่า "Let Him Have It" ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการยุยงให้ยิง (ขณะที่ทนายของเบนท์เลย์แย้งว่ามันเป็นการขอให้เครกวางอาวุธต่อตำรวจต่างหาก)    หนังเล่าเรื่องราวของเครกและเบนท์เลย์ (แสดงโดย "พอล เรย์โนลด์ส" และ "คริส เอคเคลสตัน" ตามลำดับ) ให้รายละเอียดพื้นเพที่นำไปสู่การใช้ชีวิตเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย  จนถึงการดำเนินคดีที่ชวนให้กังขาในความถูกต้องยุติธรรมจนถึงทุกวันนี้    หนังให้ความสำคัญกับการให้รายละเอียดที่สมจริงสมจัง   แต่ก็มีการโน้มน้าวลักษณะดราม่าเป็นระยะ จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:09:18

ความคิดเห็นที่ 35 หนังตัวอย่าง LET HIM HAVE IT จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:10:33

ความคิดเห็นที่ 36 HEART OF DARKNESS : A FILM MAKER'S APOCALYPSE * * * 1/2 27 พ.ย. / กำกับ, บท (แฟ็กซ์ บาห์ร, จอร์จ ฮิคเกนลูเปอร์) / กำกับภาพ (วิททอริโอ สทอราโร) / ดนตรี (ทอดด์ โบเคลไฮด์) / จัดจำหน่าย Triton Pictures / เรท R / 96 นาที        หนังสารคดีเกี่ยวกับการสร้างหนังเรื่อง Apocalypse Now ของ "ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า"    ซึ่งนอกจากตัวหนังเรื่องนั้นจะดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Heart of Darkness ของ "โจเซฟ คอนราด" แล้ว    การทำงานของคอปโปล่าเองก็คือการเดินทางเข้าไปสัมผัสความทรมานทางจิตวิญญาณแบบในนิยายเช่นกัน    ตัวสารคดีอาศัยฟุตเตจที่ "เอเลียนอร์ คอปโปล่า" ภรรยาของคอปโปล่าถ่ายทำเอาไว้    เป็นการบันทึกความยุ่งยากสารพัดสารพันที่เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำในฟิลิปปินส์ช่วงปี 1977-1978    ซึ่งหลายกรณีแทบจะทำให้การถ่ายทำต้องเลิกล้มไปกลางคัน    นับแต่เรื่องลมฟ้าอากาศ  โรคภัยไข้เจ็บ  งบประมาณที่บานปลายออกไปเรื่อย ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย    จัดเป็นการให้ภาพของคนทำหนังในระหว่างที่ทุ่มชีวิตให้กับงานที่มีพลัง   และมีรายละเอียดอันน่าสนใจมากชิ้นหนึ่ง จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:11:30

ความคิดเห็นที่ 37 หนังที่คนเคยดู Apocalypse Now ไม่ควรพลาด จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 20:13:17

ความคิดเห็นที่ 38 มาให้กำลังใจคุณ  kaizank  ชอบตั้งแต่กระทู้โฆษณาหนังไทย+จีน ชอบทีมงานนิตยสารเล่มนี้มาก  แต่ไม่ค่อยได้ซื้อตอนเป็นหนังและวีดีโอ  มาซื้อประจำก็ตอนเป็น Filmview     ชอบงานวิจารณ์ที่อ่านเพลินเหมือนสรุปแต่ละเรื่องสั้นๆ บทวิจารณ์ขนาดยาวก็ล้ำลึกมาก จะมีวิจารณ์หนังยุโรป หนังอาร์ตหาดูยาก สมัยนั้นต้องอาศัยการอ่าน เพราะบางทีหาดูไม่ได้  ก็นั่งฝันไปนั่งจินตนาการไปว่าหนังจะเป็นยังไง #26  The Double Life Of Veronique  เป็นหนังที่สวยงามมาก ชอบมากจริงๆ จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 22:23:08

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับคุณ ThisLonelyMe หนังเรื่อง The Double Life Of Veronique เคยดูจากวีดีโอซับอังกฤษเลยมึน ๆ งง ๆ ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ชอบบรรยากาศของเรื่องมากก  เดี๋ยวคงต้องตามล่าหาดีวีดีซับไทยมาดูให้ได้ ปล..ยุค Filmview เราอาจจะเคยซื้อที่แผงเดียวกันก็ได้นะครับ 555 จากคุณ : kaizank เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 23:25:57

ความคิดเห็นที่ 40 เอะ!ชุดนี้ ไม่ได้ดูหลายเรื่องเลย พลาดไปได้ไงเนี้ย ขนาดAN AMERICAN TAIL FIEVEL GOES WESTยังไม่ได้ดูเลย เดี๋ยวต้องซ่อม จากคุณ : poohmong1 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 22:36:57