ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่ชอบการใช้กล้องถ่ายแบบนี้เลย จริงอยู่มันให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในเรื่องด้วย แต่ผมเวียนหัว จากคุณ : พี พสิษฐ์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:41:05

ความคิดเห็นที่ 2 1. พระเอกอาจชอบนางเอกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมั่งครับ และพอตอนหลัง ก็มาทำเป็นคู่รัก แบบประมาณจัดฉาก เรียกเรตติ้งอะครับ อย่าลืมว่าเกมส์นี้เป็นรายการทีวี 2. ความรุนแรง ต้องเข้าใจก่อนว่า จริงๆเนื้อเรื่องมันมีอะไรมากกว่า การส่งตัวแทนครับ ต่อไปจะมีเรื่องของการลุกขึ้นสู้กับเมืองหลวงจากเขตต่างๆอีก ส่วน BR มันเน้นขายฉากฆ่ากัน โหดร้ายอยู่แล้วครับ คิดง่าย BR เปิดมาก็ฆ่ากันเลย ส่วน THG มาสู้กันก็แค่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังเองครับ ประเด็นที่หนังนำเสนอมันต่างกัน จากคุณ : BaLL182 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:43:46

ความคิดเห็นที่ 3 1.พี่ต้า (คู่ของนางเอก) รักนางเอกจริงๆ ครับ แค่เล่นไปตามน้ำที่เข้ากลุ่มกับพวกมืออาชีพ และก็พยายามช่วยนางเอกด้วย คนทีทำเอาใจคนดูคือนางเอกครับที่เล่นละคร 2.มันเป็นวรรณกรรมเยาวชนครับ คงแรงได้เท่านี้ จากคุณ : NORITA...BOY เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:44:23

ความคิดเห็นที่ 4 พีต้าหลงรักแคทนิสครับ รายละเอียดเพิ่มเติมจากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12541791/A12541791.html คห. 8 กับ 12 ครับ ^^ สำหรับเนื้อเรื่อง ดูตอนแรกลุ้นกับนางเอกมาก ๆ + ซึ้งกับการตายของริว (เด็กหญิงจากเขต 11) ... แต่ถ้าดูซ้ำเริ่มเฉย ๆ แล้ว = =' แต่ยังมีบางเรื่องที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เช่น ทำไมต้องแบ่งเขตการปกครอง (มีการก่อกบฎแล้วอยากปราบปรามเหรอ?) กับตาลุงแก่ ๆ ผมขาวนั่นเป็นใคร? ไว้รองานสัปดาห์หนังสือเดือนตุลาฯ  ค่อยหาหนังสือมาอ่านอีกทีนึงครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 55 14:47:59 จากคุณ : Windchaser เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:45:26

ความคิดเห็นที่ 5 เวียนหัวตั้งแต่ต้นเรื่องเลยเหมือนกัน  เรื่องฉากต่อสู้มันน่าจะเป็นอะไรที่ shcok คนดูแบบนี้ด้วยทีมว่าจับคนมาฆ่ากันมันไปได้แรงและสมจริงกว่านี้เยอะ มีหักหลังกันนิดหน่อยก็มาแบบ soft มาก รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายผู้ชายนั้นต้องเป็นพวกนางเอก จะมีอะไรให้ลุ้นมั๊ย ส่วนตัวมันก็แค่ battle royale version ฝรั่ง  ตอนจบความรู้สึกก็ไม่ fin อาจเป็นเพราะมีภาคต่อ แต่เราชอบจบแบบ Harry Potter มากกว่าแต่ละภาคก็จบในตัวของมันเอง แต่มีความต่อเนื่องกับภาคต่อไป อันนี้มันก็นางเอกหักมุมชนะแล้วไงอ่ะ เธอก็แค่กลับบ้านไปเป็นเซเลบและมองหน้าแฟนไม่ติดอ่ะ ดูมาทั้งเรื่องประเด็นตอนจบน่าจะสรุปได้น่าประทับใจกว่านี้ น่าจะให้เธอพยายามทำลายเกมนี้แต่ไม่สำเร็จ เลยเป็นเรื่องราวในภาคต่อไปอะไรประมาณนั้น แต่มันก็เป็นวรรณกรรมเยาวชนอ่ะนะ ก็พอเข้าใจอยู่ ขอโทษแฟน ๆ ด้วยที่เห็นต่าง จากคุณ : uyadas เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:49:26

ความคิดเห็นที่ 6 1 ชอบจริง ที่ไปอยู่อีกกลุ่ม เพื่อความอยู่รอดแล้วก็เป็นการช่วยเหลือนางเอกทางอ้อม 2 เนื้อเรื่องมันค่อนข้างรุนแรงด้วยกฎ แต่หนังสื่อออกมาไม่รุนแรง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เรื่องนี้ประเด็นหลักของเรื่องอาจคล้ายBR แต่โดยรวมต่างกันโดยสิ้นเชิง . ในเรื่องมีแต่พวกเขต 1และ 2 เท่านั้นที่จับจ้องเอาชีวิตคนอื่นๆ เพราะถูกปลูกฝังมาว่า ความสำเร็จสูงสุด คือ เมื่อคุณได้รับเลือกเป็นบรรณาการและชนะกลับมา . ส่วนเขตอื่น เช่น 11 และ 12 ก็ขอแค่รักษาชีวิตตัวเองไว้พอ เพราะสภาพความเป็นอยู่ที่ผ่านมาอาจทำให้รู้สึกว่าโดนกดขี่จากเมืองหลวงมามากแล้ว ทำไมต้องมาไล่ฆ่ากันเองอีก หากมีน้ำใจมา อีกฝ่ายจึงมีน้ำใจกลับไป จากคุณ : ไว้อาลัย...การจากไปของเกรด G เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 14:55:20

ความคิดเห็นที่ 7 คห บนๆตอบไปหมดแล้ว ข้อ 2 เรื่องความรุณแรง เราว่ามันเป็นน้ำจิ้มมากกว่า ใช่ค่ะ หนังเด็ก มาจาก ฟิคชั่น ระดับเดียว กับ ทไวไลท์/ แฮรี่ พอตเตอร์/ เพอร์ซี่ แจ็คสัน ค่ะ ใครไปบอกว่า เหมือน br อันนี้ คงไม่ใช่แล้วค่ะ จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:05:50

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนจบนางเอกกับผู้ชาย(ชู้) ผ่านไม่ตาย กลับบ้าน จบ จากคุณ : Ziron เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:06:21

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบคห.4 ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนตัวหรือเกิดสงครามครั้งใหญ่เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้โลกเข้าสู่ยุคเข็ญ แผ่นดินที่เคยเป็นทวีปอเมริกาเหลือแค่ครึ่งเดียว ผุ้คนล้มตายเกือบหมด แต่เพราะคนรุ่นก่อนเอาวิทยาการต่างๆ ไปซ่อนไว้ในหุบเขาร็อคกี้ (ตอนหลังกลายเป็นแคปิตอล) พอคนเริ่มตั้งหลักได้แคปิตอลซึ่งมีทั้งวิทยากการและอาวุธจึงประกาศตัวเป็นผู้ปกครองประเทศ และแบ่งเขตการปกครองออกเป็นส่วน ๆ 13 ส่วนเป็นเหมือนทาสมีหน้าที่ผลิตทรัพยากรป้อนเมืองหลวง เขต 13 ซึ่งว่ากันว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ประกาศตัวเป็นอิสระ รวบรวมเขตอื่น ๆ สู้กะแคปิตอล สงครามสิ้นสุดตรงที่แคปิตอลถล่มเขต 13 ราบคาบ 12 เขตที่เหลือยอมแพ้ ผู้ชนะสงครามเพื่อจะข่มขู่เขตต่าง ๆ ไม่ให้ก่อการกบฏอีกจึงคิด The Hunger Games ขึ้น โดยให้เด็ก ๆ ของแต่ละเขตมาฆ่ากันเองถ่ายทอดสดทั่วประเทศ จุดหมายหลักก็เพื่อย้ำเตือนความยิ่งใหญ่ของแคปิตอล และผลทางอ้อมให้คนแต่ละเขตเกลียดชังซึ่งกันและกัน รวมทั้งผู้ชนะที่จะได้รางวัลมากมายใช้ไม่หมด เพื่อเป็นความหวังให้คนที่อยากรวยทางลัดต่อสู้เต็มที่ ก่อให้เกิดความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันแม้ในเขตเดียวกันเอง เพื่อง่ายต่อการปกครอง ส่วนตาแก่ผมขาวคือประธานาธิบดีสโนว์ครับ เป็นผู้ปกครองเผด็จการในเวลานั้น แคปิตอลปกครองแบบสาธารณรัฐ มีการเลือกตั้ง แต่ใครมีคะแนนสูสีกะสโนว์มักมีอันเป็นไป สโนว์จึงปกครองมาเป็นเวลานานมาก และมีอำนาจในมือมากมาย แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 55 15:08:24 จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:07:48

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณ Mmmm ครับผม ^^ จากคุณ : Windchaser เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:13:04

ความคิดเห็นที่ 11 นางเอกเรื่องนี้จะออกแนวสาวแกร่ง สาวมั่นอ่ะค่ะ เพราะนางต้องปากกัดตีนถีบต่อสู้มาตั้งแต่อายุ 12 หลังจากพ่อตาย ไหนจะต้องเลี้ยงดูแม่ที่ออกแนวจิตตก ช๊อคหลังจากที่สามี(พ่อนางเอก)ตาย นางจึงทุ่มความรักให้แต่กับน้องสาว (พริมโรส) และก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด จะว่าไปนางเอกเรื่องนี้ทักษะการเอาตัวรอดนี่สูงมากนะคะ ไม่ได้ไก่กา พวกเขต 1 เขต 2 ที่รวยนี่ดูเหมือนจะเก่งนะ แต่เหมือนเก่งแต่ในตำราอ่ะ ด้วยความที่เป็นเขตที่รวย แต่ก็มีความเชื่อเรื่องเกียรติยศ ชัยชนะของเครื่องบรรณาการ เพราะฉะนั้นจึงมีการฝึกซ้อม การเทรนเพื่อให้ชนะและอาสามาแข่ง แต่ในความคิดเรานะ พวกนี้จะฝึกมากน้อยซักเท่าไหร่กัน ในเมื่อประธานาธิบดีสโนว์ก็ขี้ระแวงซะขนาดนั้น แถมเขตพวกนี้ก็อยู่ติดแคปปิตอลด้วย ถ้าไม่ควบคุมการฝึกนี่ไม่กลัวหรอว่าวันใดวันนึงพวกนี้จะลุกมาจับมือโค่นล้มแคปปิตอล ตรงกันข้ามกับแคนนิสที่ทักษะเอาตัวรอดสูงมาก เพราะนางต้องหาของในป่า ยิงธนู ล่าสัตว์ สู้กับสัตว์ป่า ซึ่งอันที่จริงเด็กในเขตกันดารๆ จะทำแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ โทษของการหนีออกมาจากรั้วไฟ(ซึ่งก็ไม่มีกระแสไฟ) คือโดนจับตัดลิ้นส่งไปเป็นทาส ยิ่งมีอาวุธครอบครองนี่ ถึงตาย อีกอย่างเด็กแต่ละเขตก็ถูกจำกัดให้รู้แต่ทักษะความรู้เฉพาะเขตที่เป็นประโยชน์ต่อแคปปิตอล เช่น เขตอิเลกทรอนิคก็จะเก่งด้านนั้น เขตประมงก็จะดูเป็นว่าปลาไหนกินได้ หรือดูอย่าง' Foxface ที่มาจากเขตไฟฟ้า นางก็ไม่รู้ว่าอิเบอรรี่นั่นกินไม่ได้ เพราะมีพิษกินแล้วตาย อุ่ย... ถึงไหนแล้วเนี่ย... อ๋อ... ตอบคำถามข้อ 1. พีต้าชอบแคนนิสจริงค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว แต่นางเอกไม่ได้ชอบพระเอกค่ะ แค่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่พระเอกช่วยชีวิตนางเอกโดยการโยนขนมปังมาให้ ซึ่งทำให้นางเอกรู้สึกว่า นางจะฆ่าพระเอกไม่ได้... กว่าจะเริ่มมารู้ตัวว่ารักพระเอกจริงๆ ก็ภาค 2 อ่าค่ะ ส่วนข้อ 2. เราว่ามันคล้ายกันในส่วนที่เรียกมาฆ่ากันในอารีน่านั่นแหละค่ะ แต่ THG มันมีส่วนของสงคราม + Reality Show + สปอนเซอร์ + ชนชั้นการปกครอง + รักสามเศร้า เข้ามาด้วย มันเลยทำให้เรื่องมันดูหลากหลายต่างๆ กันไป เราว่านอกจากเขต 1 กับ เขต 2 ก็คงไม่มีใครอยากฆ่าใครหรอกค่ะ ยกเว้นเวลาจวนตัว อย่าง foxface (ผู้หญิงที่กินเบอรรี่พิษตาย) นางก็ไม่ได้ฆ่าใครเลย นางก็อยู่ของนาง หรือผู้ชายจากเขต 11 ที่ฆ่าอินางโคลฟเขต 2 ก็ทำเพื่อตอบแทนนางเอกที่ทำดีต่อริว เราก็ เออนะ ... ในเกมที่มันโหดร้ายมันก็มีคุณธรรมศีลธรรมอะไรบ้างนะ จากคุณ : lavacances เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:27:03

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกความเห็นครับ กระจ่างขึ้นเยอะเลย จากคุณ : โดโด่โด้โด๊โด๋ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:34:43

ความคิดเห็นที่ 13 1. พีต้าชอบนางเอกจริงค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว (ในหนังไม่ค่อยได้ใส่รายละเอียดมากนัก(อาจจะเพราะกินเวลา5555) ...  แล้วหลายๆความเห็นกล่าวว่าพีต้าเป็นชู้ คือพีต้าไม่ได้เป็นชู้ นางเอกกับเกล(เพื่อนผู้ชายคนก่อน)ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ คือเป็นคนที่สนิทที่สุด คืออยู่ระหว่างคนรักกับเพื่อน (พอจะนึกออกไหม?) 555 เนื่องจากนางเอกเป็นคนที่ไม่ค่อยยุ่งกับใครนัก รวมทั้งนางเอกไม่ได้สนใจในเรื่องความรักเนื่องจากปัญหารอบตัว เรื่องเงิน เรื่องอาหาร การดำรงชีวิตของตนเองในแต่ละวันทำให้ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องนี้มากนัก แต่เกลนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเพียงคนเดียว เพราะเป็นคนที่มักเข้าป่าไปล่าสัตว์ หาอาหารอะไรด้วยกันบ่อยค่ะ 2. ด้วยเรทของหนังสือ ด้วยเรทของหนังแล้ว ทำให้ฉากรุนแรงทำได้เท่านี้ค่ะ แต่เอาตามจริงแล้ว ส่วนตัวนะเราว่า เรื่องนี้ไม่ได้เน้นด้านการฆ่าฟันอะไรเท่าไหร่ค่ะ (จึงเทียบกับ BRไม่ได้เลยสักนิด) คือคนที่ดูเรื่องนี้ ต้องเก็บทุกรายละเอียดค่ะ เป็นหนังที่เน้นการสะท้อนสังคมเรื่องนึงนะ(เราว่า) คือแคปิตอลเป็นใหญ่ ส่วนเขตต่างๆมีไว้เพื่อเหมือนคอยส่งส่วยให้เมืองหลวงอ่ะค่ะ แล้วที่ต้องมี Hunger Game ก็เพื่อให้นึกถึงเขต13 ที่โดนถล่มไปแล้ว เนื่องจาก เขต13 ปฏิวัติอะไรแบบนี้ ทำให้ทุกเขตที่เหลือนึกได้ว่า อย่าไปคิดที่จะโค่นล้มแคปิตอลอะไรแบบนี้นะ ส่วนเรื่องปมของเรื่องนั้น มีอยู่หลายฉากนะ แต่ที่สำคัญคือตอนสุดท้าย ที่ผู้ชนะต้องมีเพียง1เดียว แต่นางเอกนั้นกลับแบ่งผลเบอร์รี่กับพีต้า (ซึ่งหมายถึง ถ้ากินคู่ ก็ตายคู่ เกมนี้จะไม่มีผู้ชนะ แต่ถ้าไม่กิน ก็มีคนชนะสองคน) นี่คือจุดเริ่มต้นของการกบฎค่ะ ทำให้มีภาคต่อ ... แล้วพิธีกรที่ใจอ่อน รีบห้ามก่อนที่ทั้ง2จะกินนั้น ถ้าคนดูคิดต่อ จะเห็นว่าได้เข้าไปที่ห้องปิดตายนั้น แล้วมีเบอร์รี่วางอยู่กลางห้อง นั่นหมายถึง กิน แล้ว ตายไปสะ 55555 (เหมือนทำผิดกฎ ละเมิดกฎไรงี้อ่ะค่ะ) จุดอีกจุดที่ในหนังไม่ละเอียดคือ ฉากริวตาย คือนางเอกได้ทำหลุมศพให้ ไรงี้อ่ะค่ะ ในหนังสือมีว่า หลังจากนั้นได้มีของบรรณาการจากเขตของริว ส่งมาให้นางเอกซึ่งในนั้นเป็นขนมปัง (ถ้าคนอ่านแล้วอ่านเลยไปไม่คิดอะไร แต่แท้จริงแล้ว ในเขตของริวที่ยากจนมากนั้น การที่จะได้กินขนมปังสักชิ้นเป็นอะไรที่ยากมาก ถึงขั้นรวมเงินกันทั้งเขต เพื่อขนมปังเพียงชิ้นเดียว) คือจุดเล็กๆพวกนี้ ในหนังทำไม่ค่อยละเอียดค่ะ (อาจกินเวลามาก กลัวหนังยาวเกินไปมั้ง ) 5555 เขียนมายาวจัง แห่ะๆ >< จากคุณ : beruova เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:48:34

ความคิดเห็นที่ 14 ไหนๆ ก็ตอบกันหมดแล้วของตอกย้ำฉากนี้ ม้วฟ >3< ขอมั้งได้มะ แต่ THG แค่ภาค1 มันเป็นแค่เหมือนกล่องของขวัญที่ยังไม่ได้แกะ รอ2และ3 นะคะ จะได้เห็นของขวัญข้างในจริงๆ เนื้อเรื่องแผงความหมายอะไรมากมาย จากคุณ : CoffeeBunny เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 15:53:58

ความคิดเห็นที่ 15 มันเป็นหนังภาคต่อครับ ปริศนา หรือเหตุผล หลาย ๆ อย่าง จะไปเฉลยในภาคหลัง คือเรื่องนี้จัดเป็นวรรณกรรมเยาวชน ระดับเดียวกับ Twilight Harry Potter Percy Jackson มันไม่ได้เรท 20+ แบบ Battle Royal แล้วเรื่องนี้ในต่างประเทศดังมาก ๆ ดังในระดับสูสีกับ Twilight ผู้สร้างเขาก็อนุมานเอาเองว่าคนส่วนใหญ่น่าจะทราบอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มี 3 ภาค ทีนี้ ในไทย บังเอิญว่ามันไม่ดัง เพราะได้สนพ. ไม่ดัง ที่ให้นักแปลมือไม่ถึง แปลมั่ว ๆ ออกมาอีก ก็เลยทำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จัก เหมือนพวก Twilight หรือ Harry Potter คนดูก็เลยอนุมานเอาเองว่ามันน่าจะเหมือนกับ Battle Royal เพราะประเด็นหลักมันเหมือนกัน และส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบอีกว่าหนังมันยังไม่จบสมบูรณ์ มันยังต้องมีภาคต่ออีก พอไปดูแล้วเห็นว่าหลายอย่างไม่มีเหตุผล หลายอย่างไม่มีที่มาที่ไป ก็เลยไม่ชอบใจ บางคนก็พาลเกลียดไปเลยก็มี โดยที่เขาไม่ทราบว่า เหตุผลหลายอย่างมันจะไปเฉลยในภาคหลัง ๆ แล้วหลายคนก็ยังไม่ได้สังเกตเรื่อง เรท ของหนัง ก็เลยเอาไปเปรียบเทียบระหว่าหนัง 13+ กับ 20+ ว่าไม่เลือดสาด ไม่สะใจ ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่ ทีนี้พอหลายคนเหล่านั้นมาโพสกระทู้แบบบ่นว่าไม่ดี ไม่สนุก โดยไม่มีเหตุผลประกอบ นอกจากอ้างได้แค่ ไม่เลือดสาด ไม่สะใจ รวมไปถึงก๊อปฐี่ปุ่น คนที่เขาอ่านหนังสือมา หรือคนที่เขาชอบ ก็มาแย้ง มาอธิบาย ส่วนใหญ่ก็จะให้เหตุผลว่าทำไมต้องอย่างนั้น ทำไมต้องอย่างนี้ แต่คนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบไปแล้ว พอจำนนด้วยเหตุด้วยผล ก็พาลกล่าวหาว่าหนังเรื่องนี้แตะไม่ได้ มีกองอวย ห้ามเห็นต่างบ้าง ต้องชื่นชมเท่านั้นบ้าง โดยกลุ่มที่ไม่ชอบก็มีเหตุผลหลัก ๆ แค่หนังไม่สนุก (ไม่สนุกยังไงก็ไม่บอก) สู้ BR ไม่ได้ สะใจกว่าเยอะ(เทียบ 13+ กับ 20+ นี่นะ) ก๊อบยุ่นมาแล้วทำได้ไม่ดีเท่า(ทั้ง 2 เรื่องมีเหมือนกันแค่ให้คนมาสู้กันจนตายในพื้นที่จำกัดแค่นั้นเอง นอกนั้นไม่มีอะไรเหมือนกันเลย) หนังไม่มีเหตุผลจบดื้อ ๆ ยังไม่รู้อะไรเลย (ก็มันสร้างตามหนังสือมีหลายภาคนิ) กติกาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (สงสัยไม่เคยดู AF เดอะดาว ฯลฯ มันเสียดสีรายการพวกนี้แหละที่เปลี่ยนกติกาเรียกเรตติ้งประจำ) ก็เลยกลายเป็นเหมือนทะเลาะกันไปมา และจบลงตรงที่ว่า หนังเรื่องนี้เจ้าที่แรง ห้ามติ ชมได้อย่างเดียว แทนที่จะเอาเหตุและผลมาคุยกันดี ๆ -------------------------- ตอบ จขกท. บ้าง 1. พีต้ารักแคทนิสตั้งแต่ 5 ขวบแล้วครับ ส่วนแคทนิสจนปายภาค 3 แล้ว เธอยังลังเลอยุ่เลยว่าจะเลือกใคร ส่วนที่พีต้าไปเข้ากับพวกมืออาชีพในตอนแรก เพราะรู้ว่า แคทนิสถูกหมายหัวเป็นลำดับต้น ๆ ก็เลยไปเข้ากลุ่มเพื่อจะหาโอกาสช่วยได้ทันท่วงที ประมาณว่ารู้ว่าพวกนี้จะไปฆ่าแน่ ๆ งั้นก็ตามพวกนี้ไปแล้วคอยหาโอกาสขัดขวางไนภายหลัง 2. มันคือหนังเด็กครับ สร้างมาจากวรรณกรรมเยาวชน ระดับเด็กโตถึงวัยรุ่น ระดับเดียวกับ Harry Potter เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่มีฉากโหด ๆ เลือดสาดให้เห็น ตัวหนังเองก็ได้เรท PG13 ซึ่งอยุ่ในระดับหนังวัยรุ่น หนังครอบครัวครับ แถมให้อีกนิด เรื่องนี้ กับ BR มีส่วนที่เหมือนกันแค่่ให้เด็กวัยรุ่นไปต่อสู้กันจนตายภายในพื้นที่ที่จำกัด เท่านั้นเอง ส่วนการดำเนินเรื่อง สาเหตุ ประเด็น ปมขัดแย้ง เนื้อหา แก่นของเรื่อง ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ถ้าจะตีความว่าไปลอกของญี่ปุ่นมา งั้นหนังซอมบี้ 20-30 เรื่องก็คงลอกกันทั้งหมด หนังแวมไพร์อีกเป้น 100 เรื่องก็คงลอก Dracula มา หนังมนุษย์ต่างดาวบุกก็คงลอกกันมาทั้งหมด หรือฝั่งการ์ตูนญี่ปุ่นเอง พวกผู้กล้าในตำนาน 4 จตุรเทพ 7 เทพโจรสลัดก็คงลอกกันมาเหมือน ๆ กัน จากคุณ : เหนื่อยนักก็พักก่อน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 16:59:49

ความคิดเห็นที่ 16 เราชอบทั้ง Battle royal และ Hunger game นะ แต่เราว่าคนดูต้องจูนตัวเองให้เค้ากับหนังนิดนึงอ่ะ อารมณ์เดียวกับคนดู Twilight แล้วผิดหวังเพราะนึกว่าเป็นหนังแอ็คชั่นแวมไพร์แหละ.. จากคุณ : สาวน้อย ร้อยกระบวนท่า เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 17:12:33

ความคิดเห็นที่ 17 ถามเพิ่มค่ะ หนังทำออกมาเหมือนในหนังสือรึเปล่าคะ ว่าจะไปหามาอ่าน จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 17:48:13

ความคิดเห็นที่ 18 หนังจะได้ประมาณ 30-40 % ของหนังสือมั้ง? ผมยังไม่ได้อ่านฉบับภาษาไทย แต่สำนวนการเขียนของซูซาน คอลลินส์อ่านมันส์มาก ๆ ครับ เหมือนได้ดูหนังอย่าง Speed หรือ Total Recall ฉบับรีเมค คือเค้าพาวิ่งตลอด มีเวลาตั้งหลักหายใจแป็บเดียว วิ่งอีกแล้ว ส่วนใหญ่อ่านแล้วติดหนึบเพราะแบบนี้หละมั้ง? จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 17:58:28

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบเ้จ้าของกระทู้ 1. น่าจะออกแนวไม่แน่ใจตัวเองมากกว่าครับ(นางเอกล้วนๆ) แต่พระเอกนี่ค่อนข้างชัดเจนนะ เรื่องเข้าพวกกับกลุ่มอื่นถ้าตั้งใจทำจริงๆ คงไม่มาช่วยนางเอกตอนเมา่พิษตัวต่อหรอกครับ 2. ขนาดฉากมีเลือดผมว่าัยังไม่โหดเลย  โหดไม่ได้มากเพราะอยากเจาะกลุ่มเด็กผมไม่ว่านะ แต่การนำเสนอทำออกมาได้ไม่มีชั้นเชิงจริงๆ ตัดภาพก็ฉึบๆฉับๆไปมา ทุกอย่างง่ายๆเบาๆไปหมด ยิ่งฉาก Clove Vs. Katniss นี่แบบ...โอ้...อะไรนี่ เอาเด็ก orphan มาทำเสียของมากๆ ขอพูดถึงประเด็นยอดฮิตมั่ง โดยรวมดูหนังแล้วค่อนไปทางไม่ชอบนะ อาจจะหวังไว้สูงกับเทรลเลอร์และพลอตสูงไปหน่อย แต่มีเพื่อนเอาหนังสือมาให้อ่านก็โอเค อ่านเพลินๆละกัน สรุปก็พบว่า หนังสือสนุกกว่ามากๆครับ fox-face นี่เป็นตัวเทพเลย ขนาดนางเอกยังยอมรับในความสามารถว่าน่าจะเป็น the winner ได้ ความกดดันต่างๆก็มีเยอะกว่ามาก มันแปลกตรงที่ในหนังผมว่าทำช่วงก่อนเข้าเกมส์ได้ดี มีมิติกว่าในหนังสือนะ มีการเสริมพวกประเด็นความขัดแย้งทางชนชั้น หรือรายการเรียลลิตี้ได้ดี แต่พอเข้าช่วงป่าปรากฏว่าดันทำออกมาแย่กว่าในหนังสือหลายเท่าซะงั้น และสุดท้ายถึงผมจะชอบหนังสือจนต้องไปหาเล่ม 2 มาอ่านต่อ แต่ยังไงก็ขอพูดตามตรงว่าหนังมันไม่สนุก และไม่สุดมากๆนะ รวมไปถึงว่าจะไม่แนะนำหรืออธิบายให้ใครที่ไม่ชอบฟังโดยเอาหนังสือมาอิงด้วย เพราะหนังก็มีหน้าที่ของหนังที่ควรจะสื่อสารตัวเองให้ดีด้วยตัวเอง ไม่ใช่เป็นสารคดีภาพเคลื่อนไหวเอาไว้อ้างอิงกับหนังสือ ขอย้ำว่าถ้าหนังมันดีจริง ต้องเอาหนังสือมาอธิบายเพื่อแก้ต่างให้ด้วยเหรอ? ทำไมมีหนังอีกเป็นพันๆบนโลกนี้ที่มีคนชื่นชม ดูแล้วสมบูรณ์ด้วยตัวเองได้ล่ะ หืม? จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 18:38:40

ความคิดเห็นที่ 20 บางประเด็นในหนังมันไม่เคลียร์จริงๆแหละ ต้องมาอ่านหนังสือเพิ่มถึงจะได้เก็ท ได้อารมณ์กว่า อันอื่นคนบอกไปหมดแล้วก็อ่านตามนั้นนะ (เรายังอ่านเล่มสองไม่จบเลย แบบว่า เนื้อหาเริ่มตรึงเครียดนิดๆ) ฉากก่อนจะเข้าป่าเราว่าโอเคเลยนะ พอเข้าป่ามา ถ้าไม่มีพีต้าก็โคดชวนหลับอ่ะ เนิบๆ มีตื่นเต้นเล็กๆ ซึ้งหน่อยๆ หวานปะแหล่มๆ ฉากไล่ล่าก็โอเคนะ สำหรับเรา มันแซมๆมาน่ะ แต่ถ้าใครหวังถึงความเลือดสาด ฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งไม่มีอ่ะ (มีน้อยมาก) ก็คิดดู เปิดตัวเกมมาปั๊บตายห่านไปครึ่งนึง เรื่องนี้มันแปลกอย่าง ใครชอบก็ชอบเลย ใครไม่ชอบก็ไม่ชอบเลย ยิ่งใครเปรียบเทียบกับแบทเทิลรอยัลยิ่งไม่ชอบเลยล่ะ จากคุณ : แม่นางคำ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 18:54:30

ความคิดเห็นที่ 21 19 คุณมีความเห็นของคุณ คนอื่นเค้าก็มีเหมือนกันค่ะ ถ้าเป็น Fact ก็แย้งกันได้ แต่ถ้าเป็น Opinion ถือคติ ไม่ขอเข้าไปยุ่งค่ะ ซึ่งมันไม่ใช่การแก้ต่าง แต่เป็นแค่ การมีความเห็นไม่ตรงกัน เราชอบ คุณไม่ชอบ ไม่ใช่เรื่องผิดแล้วก็ไม่ต้องลากคนอื่นให้มาเห็นด้วยกับความคิดของตัวเองค่ะ จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 19:06:39

ความคิดเห็นที่ 22 21 ครับ แล้วคุณต้่องการอะไรจากผมเหรอครับ? จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 19:48:45

ความคิดเห็นที่ 23 มีข่าวดีมาบอก........ Jennifer Lawrence ไปถึงจอร์เจียแล้ว มีคนเห็น Josh  Hutcherson ย้อมผมทองและกำลังเดินทางไปเหมือนกัน คิดว่าคงกำลังจะเปิดกล้องเร็ว ๆ นี้แหละ รอ Finnick คนเดียวจริง ๆ ด้วย ต้องมานั่งลุ้นอีกว่าหนังจะออกมาสไตล์ไหน สงสัยเป็นหนังตอนต่อเรื่องแรกที่ใช้ผู้กำกับ ภาคละคน จะรอดมั้ยเนี่ย? 5555 http://www.hggirlonfire.com/2012/08/22/photos-jennifer-lawrence-leaves-l-a-for-georgia-to-get-going-on-catching-fire/ จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 55 19:49:03

ความคิดเห็นที่ 24 ร่วมด้วยช่วยตอบ ข้อ 1 พระเอกในเรื่องชอบนางเอกจริงๆ ค่ะ แต่ตอนแรกพระเอกไปเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามเพราะต้องการช่วยเหลือนางเอกค่ะ (เหมือนจะร่วมมือกับเฮย์มิืทที่เป็นติวเตอร์อยู่นอกเกมส์น่ะ) หวังว่าภาคสองจะทำให้เคลียร์ได้บ้าง ถ้าอ่านหนังสือจะเข้าใจประมาณตอนจบอ่ะค่ะ ส่วนนางเอกเหมือนยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ก็เล่นไปตามเกมส์ เพราะมีติวเตอร์อย่างเฮย์มิืทคอยแนะนำ(รักสามเศร้าตามสไตล์หนังวัยรุ่นจริงๆ) ข้อ 2 ความรุนแรงของเนื้อเรื่องลดลงมากเพราะตัดฉากการฆ่ากันออกไป หรือไม่ก็เห็นเป็นเบลอๆ เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนด้วยค่ะ ตามความเห็นข้างบนๆ บอก คือทุกคนในเรื่องไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายกันแต่แรกอยู่แล้ว เพียงต้องการมีชีวิตรอดเท่านั้นเอง จึงไม่ค่อยมีเหตุให้หักหลังกันนัก แต่ภาคสองไม่แน่นะ สปอย์นิดๆ ไม่ว่ากันนะ ภาคสองจะเน้นการร่วมมือกัน แต่ BR จะติดเรทสูงกว่า ในหนังสือยิ่งแรง (การ์ตูนนะ) อย่างไรก็ตามจะว่าไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียวก็ไม่ใช่นะ เพราะพลอตเรื่องมันคล้ายๆ กันอ่ะ จับเด็กๆไปฆ่ากันในเขตพื้นที่จำกัด ซึ่งเหตุผลก็คล้ายๆ กันเหมือนกัน เพราะความรุนแรงของเด็กๆ สมัยนี้ไม่น่าให้อภัยเลยต้องมีการสั่งสอนให้หลาบจำ ส่วนเหตุผลของเรื่องนี้เพราะ Capital ต้องการควบคุมเขตต่างๆ ให้อยู่ภายใต้อำนาจ ถ้ากบฎขึ้นมาก็ฆ่าหมดทั้งเขตเลยเหมือนเขต 13 ที่ถูกทำลายไปหมดแล้ว (สปอย์....ภาค 2-3 เขตนี้จะกลับเข้ามามีบทบาท) ส่วนเรื่องพื้นที่ที่ถูกควบคุมนั้นใน BR มีตั้งแต่ภาคแรกแล้ว คือแบ่งเขตอันตรายเอาไว้ มีแผนที่บอก มีสัญญาณเตือน ส่วน HG ก็มีการสร้างไฟ สร้างสัตว์ขึ้นมาควบคุมในเขตการแข่งขัน ส่วนภาคต่อไป.... ไปอ่านเอาเอง รู้สึกว่าก็คล้ายๆ BR อยู่เหมือนกัน   สรุปว่า.... เรื่องนี้The Hunger Game นอกจากความรุนแรงจะน้อยกว่า ฺBattle Royal แ้ล้วใน plot เรื่องก็คล้ายๆ กันเป็นอย่างยิ่ง ส่วนบทละครและแนวความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น ใน Battle Royal ใส่แนวความคิดเห็นของตัวละครต่างๆ เราจะเห็นและรู้เหตุผลการกระทำของคนๆ นั้น ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มเพื่อนของพระเอกที่กำลังคิดค้นระเบิดหรือทำการแฮคข้อมูลทางการเพื่อปลดล็อคปลอกคอระเบิด   ใน The Hunger Game อธิบายมุมมองต่างๆ ผ่านตัวละครเพียงคนเดียวคือนางเอก เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่คนอื่นๆ กระทำหรือแสดงออก เราจะมองผ่านความคิดและการกระทำของแคทนิทเพียงคนเดียว ปล. เราชอบทั้งสองเรื่อง แต่คนละแบบกัน ชอบภาคแรกของ BR มากกว่าภาค 2 ส่วน THG ชอบภาคแรกกับภาคสอง (ในหนังสือมากๆ) ภาคสามอ่านยาก การเมืองมากมาย จากคุณ : RedSakura เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 12:49:29

ความคิดเห็นที่ 25 เราว่าหนังทำออกมาดีมากๆ  มากกว่าที่คิดไว้เพราะหนังสือสนุกเลยไม่ได้หวังว่าหนังจะทำออกมาดีกว่าหนังสือแต่เค้าทำได้ (ชอบฉากแคทยิงธนูใส่ถุงแอปเปิ้ล  เสียงหายใจกับความเงียบรอบด้านมันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเราเองที่อยู่ตรงนั้น  :)) ไม่พูดถึง BR เพราะหนังมันคนละเรื่อง คนละแนวคิดกันเลย - - จากคุณ : แมวหัวส้ม เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 11:36:08

ความคิดเห็นที่ 26 จากคุณ : เซ็งอูฐ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 55 19:24:26