Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[รีวิวนิดๆ สปอยล์หน่อยๆ] > ชัมบาลา < .........การเดินทางด้วยศรัทธาแห่งความสำนึกผิด......... ติดต่อทีมงาน

คำเตือน :  เนื้อหาในบทความนี้มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งอาจจะตรงกับที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อหรือไม่ก็ได้
 
มีการสปอยล์ประเด็นของหนังและเนื้อหาของหนังบางส่วน

ผมยอมรับว่าผมอยากดูเรื่องนี้มากๆตั้งแต่ที่ได้ดูตัวอย่างหนังครั้งแรก เพราะน้อยครั้งที่หนังไทยเราจะมีแนว Road movie โดยมีฉากหลังคือทิเบต สถานที่ที่ถือว่ายากลำบากเหลือเกินในการถ่ายทำ และที่สำคัญคือ.....ชื่อของ "อนันดา" และ "ซันนี่" นั้นดึงดูดผมเหลือเกินจนทำให้ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะมีประเด็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง และหลังจากที่ได้ชมต้องบอกว่าประเด็นที่หนังต้องการจะสื่อนั้นน่าสนใจจริงๆ ทั้งหนักแน่น ทั้งลึก และมืดหม่นเกินกว่าที่หนังแนว Road movie ทั่วไปจะนำเสนอออกมา ซึ่งความคิดเห็นของผมหลังรับชมก็อยู่ด้านล่าง ลองอ่านดูนะครับ

ศรัทธาคืออะไร บางคนบอกว่าใช้ศรัทธาในการดำเนินชีวิต บางคนบอกว่าใช้ศรัทธาเพื่อยึดมั่น ยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ชีวิตนี้ดำรงต่อไป แต่คำถามคือ...คนที่บอกว่าตัวเองมีศรัทธานั้นจะมีความเชื่อในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นมากน้อยแค่ไหน แล้วเราจะบอกได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรายึดถืออยู่นั้นคือศรัทธาจริงๆหรือเป็นเพียงข้ออ้างที่ใช้ในการเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้ภายในจิตใจ และเมื่อคุณต้องเจอกับบททดสอบที่แสนยากลำบาก คุณพร้อมที่จะเผชิญขวากหนามและอุปสรรคต่างๆเพื่อพิสูจน์ว่าคุณมี "ศรัทธา" ที่แท้จริงในหัวใจหรือไม่?

ชัมบาลา (Shambala) บอกเล่าถึงเรื่องราวของ 2 พี่น้อง "ทิน" กับ "วุฒิ" ที่ไม่สนิทกันแต่ต้องเดินทางไปทิเบตร่วมกันเพื่อทำตามคำขอของ "น้ำ" แฟนสาวของวุฒิที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงว่าอยากจะให้วุฒิเดินทางไปที่ทิเบต ตามรอยเท้าการเดินทางของเธอและค้นหาชัมบาลาเหมือนอย่างที่เธอเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งระหว่างการเดินทางนั้นทั้งวุฒิและทินต้องเผชิญกับสภาพบรรยากาศที่ยากลำบากและเป็นอุปสรรคต่อพวกเขา จนทำให้เกิดความสงสัยว่าจริงๆแล้วการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่และชัมบาลานั้น มีอยู่จริงๆหรือเปล่า

ประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องชัมบาลา มี 3 เรื่องหลักๆดังนี้ครับ

1. ความขัดแยังทางความคิด

ทิน พี่ชายของวุฒิ ผู้ที่ไม่เคยมีศรัทธาในการเดินทางไปเสาะหาชัมบาลาเลย ทำตัวเกะกะ ขวางโลกดูน่ารำคาญ เขามักจะมองว่าสิ่งที่น้องชายทำนั้นดูไร้สาระและมองไม่เห็นด้วยว่าศรัทธาที่น้องชายตัวเองเชื่อมั่นนั้นทำไปเพื่ออะไร แต่ลึกๆแล้วสาเหตุที่ทินเดินทางร่วมไปกับวุฒินั้นอาจเป็นเพราะ "ความหลัง" อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับความจริงและใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ เขาจึงมีความหวังลึกๆว่าสุดท้ายการเดินทางครั้งนี้อาจทำให้เขาพบเห็น "ความหวัง" อะไรบางอย่างก็เป็นได้

วุฒิ น้องชายของทิน ผู้ซึ่งมีอุปนิสัยแตกต่างจากพี่ชายโดยสิ้นเชิง เขาจริงจังกับการเดินทางครั้งนี้มาก การเดินทางไปทิเบตตามคำขอของแฟนสาวครั้งนี้ เขาเชื่อว่าหากตัวเองมีศรัทธาก็น่าจะมี "ความหวัง" เกิดขึ้น แต่ลึกๆแล้ว เขาเองก็มี "ความหลัง" บางอย่างที่เป็นปมในจิตใจและเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากเดินทางไปยังชัมบาลา สถานที่ที่น้อยคนนักจะได้เหยียบย่างเข้าไปถึง

ทิน มองดูสิ่งที่วุฒิทำเป็นเรื่องตลกเพราะเขาไม่เคยมีศรัทธา ส่วนวุฒิก็ขัดใจกับการกระทำของพี่ชายตัวเองเหลือเกิน เมื่อพี่ชายมองเห็นว่า "ศรัทธา" ที่เขาเชื่อถือนั้นไร้สาระ  แต่จะอย่างไรก็ตาม แม้จะเดินทางด้วยความคิดที่แตกต่างกันแต่ทั้งคู่ก็เดินทางโดยมี "ความหลัง" เป็นแรงผลักดันและเชื่อว่าจะมี "ความหวัง" บางอย่างเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง ซึ่งจุดนี้คือความน่าสนใจของหนัง "คนคนนึงก่อนเดินทางดูมีความหวังและศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมในขณะที่อีกคนไม่มีเรื่องพวกนี้ในหัวเลย" มันเลยกลายเป็นความขัดแย้งที่นำไปสู่บทสรุปท้ายเรื่องที่น่าสนใจ

2. ศรัทธากับความสำนึกผิด

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการเล่นกับคำว่า "การสำนึกผิด" เมื่อเอาคำนี้รวมกับคำว่า "ศรัทธา" แล้วทำให้หนังมีเส้นเรื่องที่ชัดเจนและน่าค้นหามากๆครับ ตามวลีเด็ดของหนังที่บอกว่า "ผิดมาก ผิดน้อย ไม่สำคัญเท่ากับคุณสำนึกผิดหรือเปล่า" ซึ่งตัวหนังก็เองนำเรื่องความยากลำบากการเดินทางไปยังชัมบาลามาเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์ว่ามันคือความยากลำบากที่คนเราจะยอมรับผิดในสิ่งที่ก่อขึ้น การเดินทางไปยังชัมบาลาต้องใช้ศรัทธา การสำนึกผิดก็ต้องใช้ศรัทธาเหมือนกัน การเดินทางไปยังชัมบาลาต้องใช้ใจที่พร้อมจะไปให้ถึง การสำนึกผิดก็ต้องใช้ใจในการยอมรับเหมือนกัน ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงนั้น หนังเสนอแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจดีเหลือเกิน ก่อนที่หนังจะทิ้งท้ายให้คนดูได้คิดว่า "คุณมีศรัทธามากพอไหมที่จะยอมรับความผิดของตัวเอง" และ "การสำนึกผิดจะช่วยลบล้างความผิดในจิตใจได้จริงหรือเปล่า"

3. ศรัทธามากน้อยแค่ไหน

ตัวหนังทำให้เราเห็นชัดเจนว่า คนทิเบตนั้นศรัทธานับถือในศาสนาและความเชื่อมากแค่ไหน ทำให้เราต้องมองย้อนกลับมามองดูตัวเองว่าในฐานะที่เราบอกว่าตัวเรานับถือศาสนานั้น เราศรัทธาในสิ่งที่เรานับถือแค่ไหน เรานับถือแค่เพียงเพราะว่าเขียนอยู่ในบัตรประชาชนหรือเปล่า ตัวหนังแอบตั้งคำถามว่าเราศรัทธากับสิ่งที่เรานับถือจริงๆหรือเรานับถือกันเพียงแค่เปลือกนอกกันแน่

เอาล่ะครับ ต่อไปจะเป็นการเทียบข้อดี ข้อเสีย ของหนังนะครับ

นอกจากประเด็นของเรื่องที่น่าสนใจแล้ว จุดดีของหนังเรื่องนี้อีกอย่างก็คือการแสดงครับ อย่างที่ผมบอกไปว่า ส่วนหนึ่งนั้น ผมอยากดูหนังเรื่องนี้เพราะอนันดากับซันนี่ครับ ซันนี่เล่นดีครับ แต่อนันดาเล่นดีมาก ซึ่งในความเห็นของผมนั้น ซันนี่เล่นได้ดีในแนวดราม่าก็จริงแต่ซันนี่ยังหนีไม่พ้นความเป็นตัวตนของเขามากเท่าไหร่นัก ภาพของเขาที่เขาเคยเล่นมาอย่างเรื่องสายลับจับบ้านเล็กหรือเพื่อนสนิทมันเลยกลับมาวนเวียนในหัวผมอยู่เรื่อยๆ คงต้องสั่งสมประสบการณ์ไปอีกซักระยะหนึ่ง ส่วนอนันดานั้น จุดที่เป็น comady ก็ทำได้ดีดูเป็นธรรมชาติ แต่พอเข้าบทดราม่าแบบลึกๆแล้วเรียกว่าการแสดงจัดเต็ม อะไรก็ตามที่ซันนี่ดราม่าทิ้งไว้ แค่อนันดาดราม่านิดเดียวก็กินเรียบครับ กลบซันนี่มิดไปเลย

แต่ถามว่าชัมบาลามีจุดเสียอะไรบ้าง ต้องบอกว่ามีอยู่อย่างพอสมควรเลยครับ

1. การกำกับภาพและมุมกล้อง

แม้ว่าฉากที่เป็นวิวภูเขาหรือฉากมุมกว้างต่างๆ จะถ่ายออกมาได้สวยอย่างที่ควรจะเป็น แต่การนำเสนอในบางภาพนั้นก็น่าขัดใจเสียเหลือเกิน เช่น

1. บางฉากที่ควรจะเน้นไปที่เรื่องความสวยงามของพิธีกรรมหรือการสวดมนต์ในวัด ให้ดูเรียบๆหรือนิ่งๆอย่างที่ควรจะเป็น แต่ภาพที่ออกมาคือการโคลสอัพไปที่ลามะที่กำลังสวดมนต์ด้วยมุมกล้องที่เอียงไปมา ทำให้ภาพดูเหมือนขลังซึ่งขัดกับอารมณ์ของหนังเป็นอย่างยิ่ง
2. บางฉากในช่วงซีนอารมณ์ตอนท้าย ตัวหนังก็ไม่ได้โคลสอัพไปที่ตัวละครมากนักทำให้ผมเห็นสีหน้าของตัวละครไม่ชัดขาดอารมณ์ร่วมไปอย่างน่าเสียดาย
3. บางฉากก็จงใจประดิษฐ์มากเกินไป เช่นฉากที่วุฒิวิ่งในตอนแรกหรือฉากที่เฉลยปมระหว่างทินกับเจน ขัดกับอารมณ์หนังที่เป็นแนว Road movie เหลือเกิน

2. สัดส่วนระว่างหนังแนว Road movie กับความ Dark

ส่วนผสมของ 2 อย่างนี้ยังไม่ลงตัวมากนัก ส่วนที่เป็น Road movie นั้นดูให้ความหวังและเป็นโทนสว่างในขณะที่ส่วนที่เป็นปมของตัวละครนั้นก็มืดหม่นจนเกินไป (ฉากที่เฉลยปมระหว่างทินกับเจนนั้น Dark มาก Dark จนนึกว่าผมกำลังนั่งดูหนังแนวฟิลม์นัวร์ซะอีก ผมดูแล้วผมนึกถึง Sin city เลยล่ะครับ) มันทำให้สัดส่วนระหว่าง 2 อย่างนี้แปลกแยกกันอย่างเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนและคนดูอย่างผมเกิดความรู้สึกในใจว่ามัน Dark ไปไหม มีวิธีอื่นตั้งเยอะแยะทำไมถึงใส่ปมให้ตัวละครหนักหน่วงขนาดนี้

3. บทในบางส่วนนั้นไม่มีที่มาที่ไป

ครับ อย่างที่บอกว่าบางอย่างนั้นไม่มีที่มาที่ไปเลย พฤติกรรมของทินบางอย่างก็ไม่ได้อธิบายไว้ตั้งแต่ต้น อยู่ๆก็โผล่มาถามว่ามันดูไม่สมเหตุสมผลไหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่มันก็น่าจะมีวิธีอื่นที่เล่าเรื่องได้เนียนดีกว่านี้ หรืออย่างส่วนที่เป็นซีนอารมณ์ตอนท้าย หนังก็เล่าแบบหาทางออกง่ายเกินไป ทำให้ความรู้สึกที่ว่าตัวละครพบอะไรบางอย่างนั้นดูขาดความน่าเชื่อถือไปมากพอสมควร

สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้มีแนวคิดอะไรบางอย่างให้ต่อยอดได้เยอะดีครับ แม้จะมีข้อเสียอย่างที่ผมอธิบายไป แต่เมื่อหักลบกันแล้วก็ถือว่าหนังยังมีจุดที่น่าสนใจอยู่ครับ หากคุณนั่งดูหนังเรื่องนี้แล้วลองคิดในสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ บางทีคุณจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่หากคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณได้เห็นฉากที่ตัวละครยอมเดินทางยากลำบากเพื่อพิสูจน์ความรักหรืออะไรบางอย่าง ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่มีแบบนั้นนะครับ กลับกันคือสิ่งที่ตัวละครทำไปนั้นเขาทำไปเพื่อความรักหรือทำเพื่อตัวเองกันแน่ และใครที่มีศรัทธาอย่างแท้จริง ลองไปหาคำตอบในโรงภาพยนตร์ดูนะครับ

จบแล้วครับ สำหรับการวิเคราะห์ประเด็นที่น่าสนใจของหนัง รวมถึงวิจารณ์บางจุดที่เป็นข้อดีและข้อเสีย อย่างที่บอกว่าเนื้อหาทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นของผมคนเดียวนะครับ คนที่ไปดูมาแล้วอาจจะเห็นต่างจากที่ผมเห็นก็ได้ ใครมีความคิดเห็นยังไงลองเอามาแชร์กันนะครับ

ก็ว่ากันไปในความรู้สึก

แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 08:32:31

แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 08:30:35

แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 08:21:46

จากคุณ : ทามะกับปลาทอง
เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 01:14:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com