 |
ประเด็นว่า Edward II หรือ Edward of Caernarfon ซึ่งเป็นบุตรชายของ Edward I นั้นเป็น "เกย์" หรือเปล่านั้น เรื่องราวของพระองค์ "ถูกตีความให้เป็นเกย์" โดยคนรุ่นหลัง เป็นเพียงการคาดเดาเอาจากที่พระองค์ยกย่อง "ขุนนางคนโปรด" คือ Piers Gaveston อย่างออกนอกหน้า สร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางอื่นๆ จน Edward II ต้องเนรเทศ Piers Gaveston ออกจากแผ่นดินอังกฤษถึง 3 ครั้งตามคำเรียกร้องของเหล่าขุนนาง และสุดท้าย Piers Gaveston ก็ถูกสังหาร ซึ่งสร้างความแค้นให้กับ Edward II เป็นอย่างมาก และนำไปสู่การทำสงครามกับเหล่าขุนนางที่ต่อต้านพระองค์จนเกิดการนองเลือดขึ้นในอีกหลายปีต่อมา
Edward II นั้นมีความรู้สึกพิเศษกับ Piers Gaveston จริงๆ แต่เป็นแบบ Brotherhood จากความผูกพันตั้งแต่เยาว์วัย และเมื่อโตขึ้นพระองค์ได้สาบานเป็นสหายร่วมรบกับ Piers Gaveston ซึ่งหมายความว่า จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน อะไรประมาณนี้ ทำให้เขาเป็นมากกว่าขุนนางและเป็นที่รักใคร่ไว้วางใจให้อยู่รับใช้ใกล้ชิด สนับสนุนสงเสริมให้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์เพื่อให้ Piers Gaveston เข้ามาเป็นสมาชิกในราชวงศ์ แต่งตั้งยศ Earl of Cornwall ให้ และตอนที่ Edward II เดินทางไปฝรั่งเศสเพื่ออภิเษกกับ Isabella of France ซึ่งเป็นคู่หมั้น Edward II ก็แต่งตั้งให้ Piers Gaveston เป็นผู้สำเร็จราชการในระหว่างที่พระองค์ไม่อยู่ แทนที่จะเป็นขุนนางใหญ่ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์
ความโปรดปรานที่มีต่อ Piers Gaveston อย่างออกนอกหน้าของ Edward II และเรื่องราวที่ถูกเขียนในหนังสือ The Vita Edwardi Secundi (Life of Edward II) ซึ่งต้นฉบับเขียนเป็นภาษาลาตินนั้น กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ของทั้งสองไว้ว่า "ไม่เคยเห็นชายใดจะรักชายอื่นได้มากเท่ากับ Edward II กับ Piers Gaveston ได้อีกแล้ว" (ประมาณนี้ จำข้อความจริงๆไม่ได้) คนรุ่นหลังจึงตีความเอาว่า "รัก" นั้นเป็นแบบชายรักชายในเชิงชู้สาว ทั้งๆที่ "รัก" นั้นสามารถตีความได้หลายความหมาย
(The Vita Edwardi Secundi (Life of Edward II) นั้นถูกเขียนขึ้นในปี 1326 หลังจากที่ Edward II ถูกปลดลงจากบัลลังก์อังกฤษ โดยนักเขียนนิรนาม ทำให้ไม่สามารถเชื่อถือได้ว่าเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้นั้นเป็นเรื่องจริง 100 %)
นอกจากเรื่องของ Peirs Gaveston แล้ว ก็ยังมีขุนนางคนโปรดอีกคนที่มีบทบาทสำคัญและมีส่วนทำให้ Edward II ขัดแย้งกับเหล่าขุนนางอีกครั้ง คือ Hugh Despenser the younger ซึ่งขุนนางคนโปรดคนที่สองนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ Edward II ขัดแย้งกับราชินีของพระองค์ Isabella of France จนเมื่อพระนางเดินทางไปฝรั่งเศส พระนางเขียนจดหมายไปถึง Edward II ว่า ถ้าพระองค์ไม่กำจัด Hugh Despenser the younger ซึ่งพยายามทำลายชีวิตสมรสของพระองค์กับพระนาง พระนางก็จะทำตนเป็นหญิงม่ายไม่กลับไปอังกฤษอีก (ประมาณนี้ จำข้อความทั้งหมดไม่ได้) พูดง่ายๆก็คือ "เราเลิกกัน" (ฮะๆ)
หลังจากโดนยื่นคำขาด แต่ Edward II ก็ยังเฉย Isabella of France ได้พบกับ Sir Roger Mortimer, Baron of Wigmore ซึ่งเป็นนักโทษคนสำคัญของ Edward II ที่หลบหนีจาก Tower of London หนีมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ทั้งคู่ได้พบกันในราชสำนักฝรั่งเศสและเริ่มความสัมพันธ์กันฉันท์คนรัก และทั้งคู่ร่วมมือกัน ใช้เส้นสายและสร้างความสัมพันธ์กับขุนนางฝรั่งเศสที่เป็นเชื้อพระวงศ์ จ้างทหารรับจ้างและแล่นเรือกลับไปทำสงครามกับ Edward II และ Hugh Despenser the younger ที่อังกฤษ
ซึ่งสงครามครั้งนี้ Isabella of France และ Roger Mortimer ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางที่ต่อต้าน Edward II และ Hugh Despenser the younger จนสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ผลสุดท้าย Hugh Despenser the younger ถูกประหารอย่างทารุณ (ผ่าท้อง ควักไส้ ตัดอวัยวะเพศ โยนเข้ากองไฟ สับแขนสับขา และถูกตัดหัวในท้ายที่สุด) ส่วน Edward II ถูกบังคับให้สละบัลลังก์ให้แก่บุตรชายคนโต คือ Edward of Windsor (Edward III) และถูกกักบริเวณไว้ ต่อมาในปี 1327 Edward II ซึ่งในตอนนั้นถูกกักบริเวณไว้ที่ Berkeley Castle ก็ถูกประกาศว่าเสียชีวิตในวันที่ 21 กันยายน ปี 1327
ซึ่งการตายของ Edward II ได้เกิดข่าวลือออกมาในภายหลังว่า ถูกฆาตกรรม บ้างก็ว่า ถูกท่อนเหล็กเผาไฟร้อนเสียบรูทวารจนตาย บ้างก็ว่าถูกปล่อยให้อยู่กับซากศพเน่าจนป่วยตาย ฯลฯ
แต่ตามหลักฐานที่มีการบันทึกไว้ในสมุดบัญชีของราชสำนัก ทำให้ได้รู้ว่า Edward II ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งเรื่องกินและการใช้ชีวิตประจำวัน มีข้าราชบริพารคอยรับใช้ ไม่ได้ถูกคุมขังไว้ในคุกอย่างทุกข์ทรมาน เพียงแต่ถูกกักบริเวณให้อยู่ภายในปราสาทที่คุมขัง และยังมีบันทึกเป็นหลักฐานว่าพระองค์ยังได้รับของขวัญและจดหมายที่ถูกส่งมาจากราชินีของพระองค์ Isabella of France
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ Edward II จะถูกฆ่าตายอย่างทรมาน แต่คาดว่าจะถูกวางแผนฆาตกรรม โดยผู้วางแผนนั้นคือ Roger Mortimer ด้วยเหตุผลทางการเมืองและเรื่องส่วนตัว เนื่องจากเขามีความกังวลว่า Isabella of France จะมีเยื่อใยและคิดกลับไปคืนดีกับ Edward II
(ตอนที่ Roger Mortimer ถูกจับกุมและสอบสวนในปี 1330 หนึ่งในข้อกล่าวหาก็คือ "การขู่ว่าจะฆ่า Isabella of France หากพระนางกลับไปหา Edward II พระสวามี")
นอกจากนั้นยังมีทฤษฎีว่า Edward II ไม่ได้ตายในปี 1327 แต่หลบหนีไป โดยอ้างจาก “จดหมายฟิเอสชิ” (Fieschi Letter) ซึ่งเขียนโดย มานูเอล เดอ ฟิเอสชิ พระชาวเจนัวถึง Edward III ในปี 1337 เนื้อหาในจดหมายกล่าวว่า Edward II ถูกวางแผนฆ่าแต่สามารถหลบหนีไปได้ โดยพระองค์เสด็จออกนอกประเทศและใช้ชีวิตอยู่ต่อมาอย่างผู้ลี้ภัยหลายปี จนกระทั่งเสียชีวิตที่ มิลาน อิตาลี
จากการที่ Edward II โปรดปรานขุนนางคนโปรดจนออกนอกหน้าและทำให้เกิดความขัดแย้งกับราชินีของพระองค์เอง รวมทั้งการที่พระองค์มีทายาทกับ Isabella of France เพียงแค่ 4 คน คือ
Edward III of England เกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 1312 John of Eltham เกิดวันที่ 15 สิงหาคม ปี 1316 Eleanor of Woodstock เกิดวันที่ 18 มิถุนายน 1318 Joan of The Tower เกิดวันที่ 5 กรกฎาคม ปี 1321
ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ ทำให้เกิดความสงสัยในความสัมพันธ์ของพระองค์กับราชินี แต่ก็มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า Isabella of France เคยแท้งบุตร (จากบันทึกการสั่งซื้อยาเพื่อรักษา) ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าพระนางอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ นอกจากนั้น Edward II ยังมีบุตรชายนอกสมรส ก่อนที่จะอภิเษกกับ Isabella of France อีกด้วย
วัน เกิดของ Adam นั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดแต่นักประวัติศาสตร์คาดว่าอยู่ในช่วงปี 1305 - 1308 ซึ่งหมายความว่่า Edward II นั้นมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสตรีผู้หนึ่งและไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย เพราะตัว Edward II เองแน่ใจว่าเด็กนั้นคือลูกของเขา ส่วนสตรีคนนั้นเป็นใครไม่มีหลักฐานปรากฏ Adam ถูกกล่าวถึงในบัญชีการเงินว่าได้มีการจ่ายเงินให้แก่ "Adam,บุตรชายนอกสมรสของกษัตริย์" ในระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน - 18 กันยายน ในปี 1322 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเตรียมตัวเข้าร่วมรบ (Scottish campaign ในปี 1322) ซึ่งขณะนั้น Adam อายุราวๆ 15 - 17 ปี เขาถูกเรียกตัวมาสมทบกับ Edward II ที่ York ตามคำสั่งของ Edward II เพื่อเป็นการแสดงความสามารถสำหรับชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่ Adam เสียชีวิตในกองทัพด้วยอาการป่วยจากโรคภัยที่ไม่ได้ระบุไว้ ในช่วงฤดูในฤดูใบไม้ร่วงของ ปี 1322 และถูกฝังไว้ที่ the conventual church of Tynemouth Priory ในวันที่ 30 กันยายน ปี 1322 ร่างของเขาถูกคลุมด้วยผ้าไหมปักดิ้นทอง
แต่ถึง Edward II จะมีบุตรชายนอกสมรส ก็ยังถูกนักประวัติศาสตร์มองว่าเป็นเพียงการทดลองว่าพระองค์จะสามารถมีบุตรได้หรือไม่เท่านั้น (คิดได้ไงก็ไม่รู้)
ส่วนเรื่อง Edward III เป็นบุตรชายของ Edward II จริงหรือไม่นั้นก็ยังเป็นที่สงสัย สาเหตุก็มาจากเรื่อง Braveheart นี่แหล่ะ ที่ทำให้คนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าใจผิดกันหมด
Edward III เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 1312 ซึ่งเมื่อนับย้อนไป 9 เดือน มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า Edward II กับ Isabella of France ได้อยู่ร่วมกันที่ York ทำให้แน่ใจได้ว่า Edward III เป็นบุตรชายของ Edward II จริงๆ
เรื่องของ Edward II สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้ที่ http://edwardthesecond.** ไม่ใช่ลิควิด ** (เจ้าของบล็อกเชื่อว่า Edward II เป็นเกย์)
สรุปแล้ว จะเชื่อว่า Edward II เป็นเกย์หรือไม่เป็น ก็แล้วแต่จะตีความตามวิจารณญาณของตนเองก็แล้วกัน เพราะถึงจะตีความยังไงก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ อยู่ที่ว่าเรารู้หรือไม่เท่านั้นว่าความจริงเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือ Edward II ในภาพยนตร์ Braveheart นั้นเทียบไม่ได้เลยกับ Edward II ตัวจริงในประวัติศาสตร์ พระองค์มีคุณค่ามากกว่านั้นมากมายนัก ไม่ใช่ตุ๊ดใจเสาะคิดฆ่าพระบิดา
จากคุณ |
:
โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใคร
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ย. 55 15:20:42
|
|
|
|
 |