ความคิดเห็นที่ 1 หล่นลงมาอยู่ อันดับ 10 ซะแล้ว สำหรับแอนิเมชั่นไทยสามมิติ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก ที่แม้จะยังคงร่วงลงมาเรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ ก็ต้องยอมรับว่า ยังคงทรงตัวได้ค่อนข้างดี ดูจากสัปดาห์นี้ ที่รายได้ยังคงไหลลงมาครึ่งนึงพอดีอีกครั้ง! เหลืออยู่ที่ 1 ล้านบาท เก็บเงินจากการช่วยโลกมาสี่สัปดาห์ได้แล้ว 17 ล้านบาท แม้จะยังพอเหลือเรี่ยวแรงให้ไปได้ไกลกว่านี้อีกซักหน่อย ก็ดูจะไม่ช่วยอะไรดีขึ้นมาซักเท่าไหร่ รวมไปถึงอันดับต่างๆ ในปีนี้ ที่อันดับอาจจะไม่กระเตื้องมากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ในกลุ่มหนังไทย หนังก็สามารถ ทะลุเข้ามาสู่ Top 10ประจำปีนี้จนได้! (แซงหน้า ปล้นนะยะ 2 อั๊ยยยย่ะ ที่ 16 ล้านบาท ได้เสียที!) ส่วนในกลุ่มแอนิเมชั่นปีนี้ หนังก็เพิ่งจะผ่าน Ice Age: Continental Drift ไปแบบหืดจับ แต่ที่ผ่านได้ คือรายได้เดตัวของเรื่องหลังต่างหากล่ะ! (16 ล้านบาท) แต่ถ้าพูดถึงรายได้สัปดาห์ที่ 4 ที่ยังคงเกินหลักล้านอยู่ ก็ยังถือว่า มีอะไรให้น่าพูดอยู่หน่อย โดยเฉพาะในกลุ่มหนังไทย ที่ปีนี้ เพิ่งจะมีแก๊งค์จิ๋วของเรานี่แหละ ที่อยู่ในหลักนี้ได้เป็นเรื่องที่ 4! (และอยู่ในอันดับ 4 ด้วย ตามหลัง ATM, I MISS U และ รัก 7 ปี ดี 7 หน ที่เรื่องหลัง ทำเอาไว้สัปดาห์ก่อน ที่ 1.2 ล้านบาท) แสดงให้เห็นว่า การประคองตัวของหนังก็ไม่ได้น้อยหน้าเรื่องอื่นๆ ซะทีเดียว แม้ว่าจะออกตัวได้น้อยไปซักหน่อย แถมเทียบกับทุนสร้างแล้ว ก็คงต้องยอมรับแล้วล่ะว่า ลุ้นกันซะจนหมดลุ้นไปแล้วทีเดียว!!! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:46:35

ความคิดเห็นที่ 2 อีกเรื่องที่รูดลงมาเรื่อยๆ ไหลมาอีกสามอันดับ ลงมาอยู่ อันดับ 9 สำหรับรีเมค แอ็กชั่น-ไซไฟ โลกอนาคต Total Recall ที่สัปดาห์ก่อน โดนบรรดาขาบู๊วัยเก๋า (ซึ่งมีต้นตำรับจากเวอร์ชั่นเดิมรวมอยู่ด้วย!) รุมสะกำซะจนร่วงตามคาด แต่มาสัปดาห์นี้ แทบไม่มีคู่แข่งหน้าใหม่มาแย่งโรง หลังก็เลยลั้ลลา(หลังชอกช้ำ)ไปได้อีกนิดนึงล่ะนะ! สัปดาห์นี้ ความทรงจำหายไปไม่มากเท่าไหร่ เกินครึ่งไปนิดหน่อย เหลืออยู่ที่ 1.2 ล้านบาท ฟื้นความทรงจำมาสี่สัปดาห์ เก็บเงินเข้ากระเป๋าได้แล้ว 56 ล้านบาท ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่หนังสามารถผ่านหลัก 50 ล้าน เป็นเรื่องที่ 15 ของปีนี้ ไปแบบสบายๆ แต่ก็ยังคงติดแหง่กอยู่ในอันดับ 15 ของปีนี้ ตามหลัง Underworld: Awakening ที่ 57 ล้านบาทเช่นเก่า ส่วนเครดิตของผู้กำกับและบรรดานักแสดงนำนั้น ฝั่งผู้กำกับไวส์แมน แม้หนังจะสามารถทะลุหลัก 50 ล้านขึ้นมาได้ แต่นี่ก็คือเรื่องที่ 3 เข้าไปแล้ว (จากทั้งสิ้น 4 เรื่อง!) ที่สามารถทำได้ โดยมีก้างอย่าง Underworld: Evolution ของคุณศรีภรรยา ขวางเอาไว้ที่ 61 ล้านบาท และหนังที่ได้รับคำชมไปไม่น้อย อย่าง Die Hard 4.0 ก็เก็บเอาไว้ค่อนข้างห่างมาก และคงเป็นแชมป์ไปอีกยาว ที่ 82.6 ล้านบาท ฟากหนุ่มฟาร์เรล ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไหร่ ในเมื่อแชมป์อย่าง Minority Report ก็ปิดเอาไว้ค่อนข้างห่างไกลนัก ที่ 69.4 ล้านบาท ขณะที่สองสาว สาวเคท และสาว บีล แม้อันดับจะยังคงนิ่งเหมือนกัน แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันพอสมควร เพราะรายแรก จ่อรอแซง Underworld: Awakening ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของเธอ แต่รายหลังนี่ ได้แชมป์ไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโน่นแล้ว! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:47:24

ความคิดเห็นที่ 3 หล่นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไถลลงมาสามอันดับ อยู่ท้ายๆ ใน อันดับ 8 กับเจ้าหญิงย้อนยุคจากค่ายพิกซ่าร์ Brave ที่กระแสออกจะเงียบๆ หงอยๆ ไปจากรุ่นพี่เรื่องอื่นๆ อยู่ซักหน่อย แม้จะไม่มีคู่แข่งมาต่อกรแบบจังๆ แต่การทรงตัวของหนังตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ได้ดูดีอะไร แม้สัปดาห์ก่อนจะลดลงไม่ถึงครึ่ง แต่มาสัปดาห์นี้ที่แทบจะเงียบเหงา กลับลดลงไปเกือบ 60% เก็บไปอีก 2.1 ล้านบาท ควบตะบึงมาสามสัปดาห์ ยิงเข้าเป้าไปแล้ว 23 ล้านบาท สัปดาห์ก่อน เมื่อเทียบ % ที่ลดลงกับบรรดาแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ทั้งหลายในปีนี้ด้วยกันแล้ว ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ เพราะลดลงไม่ถึงครึ่ง (40%) (แม้น่าตื่นตาน้อยลง เมื่อเทียบกับ Madagascar 3 และ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก ที่ลดลงไปเรื่องละ 15 และ 35% ตามลำดับ!) มาถึงสัปดาห์ที่สาม ก็ต้องยอมรับว่า เป็นสัปดาห์ยากลำบากของบรรดาแอนิเมชั่นก็ว่าได้ เพราะต่างพากันทำเงินรูดลงแบบไม่อายกัน เจ้าหญิงของเราก็เลยดูธรรมดาไปเลย! (แม้จะมีเพียง 2 เรื่องที่ลดลงไม่ถึงครึ่ง ก็คือ Madagascar 3 และ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก เจ้าเก่า แต่เรื่องแรกก็ถือว่าลงมาแรงทีเดียว จากที่ลดเพียงน้อยนิดเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ 42% โดยมีอีกตัวอย่างในโซนลดโหด อย่าง Ice Age: Continental Driftที่โดนรุมทึ้งแบบไม่ปราณี ซะจนรายได้ร่วงลงมาอย่างโหดถึง 75%!!) แต่ถ้าพูดถึงในแง่ตัวเลข ก็ต้องยอมรับว่า ยังตามหลังบรรดาคู่แข่งค่ายใหญ่ๆ อยู่ค่อนข้างไกลทีเดียว เรื่องก่อนหน้า อย่าง Ice Age: Continental Drift แม้จะเพิ่งบอกไปว่าลดลงอย่างโหด แต่เพราะเปิดตัวไว้เยอะ เลยตุนนำไปแล้วแบบสบายๆ สามสัปดาห์ที่ 31 ล้านบาท (แทบไม่ต้องไปเทียบกับก๊วน Madagascar 3 ที่ใช้เวลาเท่ากัน ทะลุหลัก 40 ล้านไปแล้ว!!) จึงมีเพียง Dr. Seuss' The Lorax และ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก เท่านั้น ที่หนังแซงรายรับล่าสุดไปแล้วอย่างง่ายดาย (เรื่องแรกปิดที่ 11.1 และเรื่องหลัง ล่าสุดอยู่ที่ 17 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่น่าไปได้ไกลกว่านี้เท่าไหร่แล้ว) ลองเทียบกับแอนิเมชั่นย้อนยุคในบรรยากาศคล้ายๆ กันบ้าง มาถึงตอนนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า แทบทำได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยจริงๆ เรื่องก่อนหน้าเมื่อปีก่อน อย่างเจ้าหญิงผมยาว Rapunzel ก็ทำรายได้ตกลงมาแทบจะไม่แตกต่างกันเลย สัปดาห์ที่สามก็ทำเงินเท่ากันอีก ที่ 2.1 ล้านบาท แต่เพราะเปิดตัวมากกว่านิดหน่อย รายได้รวมสามสัปดาห์เลยนำไปแล้ว 24.7 ล้านบาท หรือไวกิ้ง ขี่มังกรบิน How to Train Your Dragon ที่นอกจากจะเปิดตัวได้น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ยังโดนป๋าลูกครึ่งเทพภาคแรกของเรา ชนซะล้มกลิ้ง รายได้ฮวบลงระดับ 70% ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว!! ยังดีที่ฉายชิมลางในระบบสามมิติช่วยเก็บไปได้อีกหน่อย ก็เลยทะลุหลัก 20 ล้านในสามสัปดาห์ไปแบบสบายๆ (เก็บไป 21.5 ล้านบาท แต่รายได้สัปดาห์นั้นเหลือเพียง 7 แสนบาทเท่านั้น) หันมาดูฝั่งบ้าน Pixar กันบ้าง ก็ต้องยอมรับว่า แทบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นกันอย่างที่คิดอีกนั่นแหละ ยังดีที่หนังสามารถผ่านหลัก 20 ล้าน ตามมาตรฐานของค่ายได้ไปอีกเรื่อง (ยังคงทิ้งให้ Cars ภาคแรก เป็นเรื่องเดียวที่ผ่านหลัก 20 ล้านในบ้านเราไม่ได้ ปิดเอาไว้ที่ 15.4 ล้านบาท แบบเหงาๆ) แต่มาถึงตอนนี้ ก็ยังคงมีเพียง Cars ภาคแรกแค่เรื่องเดียวอีกนั่นแหละ ที่หนังสามารถแซงขึ้นมาได้ เพราะว่ากันตามจริง หนังในบ้าน Pixar ที่เกาะอยู่ในระดับ 20 ล้านก่อนหน้านี้ ก็มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น!! นั่นก็คือเรื่องเบิกค่าย อย่าง Toy Story ภาคแรก ที่ก็ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของสมัยนั้น ที่ 27.8 ล้านบาท นอกนั้นก็อย่างที่บอก....30 ล้าน Up ด้วยกันทั้งสิ้น!!! (ปิดท้ายกลุ่ม 30 ล้านด้วย Monsters Inc. ที่ 30.1 ล้านบาท) ดูจากแรงที่เหลือแล้ว ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสแซงรุ่นพี่ของเล่นได้ง่ายๆ แม้ว่าสัปดาห์ต่อๆ ไปจะแทบไม่มีคู่แข่งเลยก็ตาม บ้าน Pixar คงได้มาลุ้นกันใหม่กับก๊วนสัตว์ประหลาดวัยมหา’ลัย กันแล้วล่ะ ว่าจะกู้ชื่อ(ในแง่รายได้)ให้กับบ้านนี้ได้อีกครั้งหรือเปล่า??? จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:48:10

ความคิดเห็นที่ 4 เปิดตัวเข้ามานิ่มๆ อันดับ 7 แต่เป็นแค่รอบชิมลางก่อนนะ สำหรับคอมเมดี้เรต R สุดป่วงของเจ้า Ted ที่ก่อนจะอาละวาดเต็มๆ ก็ขอออกมาหยั่งเสียงคนดูกันซักเล็กน้อย ว่าพี่แกจะมีโอกาสมัดใจสาวๆ และคุณหนูๆ(ที่คิดผิด)ได้มากแค่ไหน! แต่ดูเหมือนจะมัดใจไปได้ไม่น้อย เพราะสามารถทำเงินรอบพิเศษไปได้ถึง 2.9 ล้านบาท ถือว่าแรงดีทีเดียว ในเมื่อนี่เพิ่งจะเป็นรอบฉายแบบจำกัดรอบด้วยซ้ำ (ตีเป็นโรงแบบเต็มรอบได้ราวๆ 25 โรง เฉลี่ยต่อโรงก็ร่วมแสนเข้าไปแล้ว!) ยิ่งได้เทียบกับรายได้รอบพิเศษของหนังก่อนหน้าทั้งหลาย ก็ยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ หนังฮาเรื่องก่อนหน้าจากค่ายเดียวกัน ที่ใช้กลยุทธ์เดียวกัน อย่าง The Dictator แม้ว่าจะเงียบเหงาผิดคาดในบ้านเกิด แต่ในบ้านเราดูเหมือนจะถูกคอคนดูเกินคาด แต่รายได้ยังไงก็สู้พี่หมีเราไม่ได้จริงๆ เปิดตัวรอบพิเศษไปที่ 1 ล้านบาท (แต่ก็ต้องยอมรับว่าโหดอยู่ เพราะโรงฉายน้อยกว่าเกือบครึ่ง แถมชนจังๆ กับไอ้แมงมุมอีก!) หรือที่เคยดีที่สุดในกลุ่มรอบพิเศษของปีนี้ อย่าง The Cabin in the Woods ที่ได้กระแสโปรโมตช่วยไว้ไม่น้อย ก็ยังพ่ายไปที่ 1.8 ล้านบาท (กับโรงฉายที่เท่ากัน) งานนี้ถือว่าเริ่มต้นได้ดี เพราะเรื่องที่ยกมาทั้งหลายนั้น ต่างก็ผ่านหลัก 20 ล้านด้วยกันได้ทั้งสิ้น! แต่เจ้าหมีน่ากอด(แต่นิสัยน่า...??...)ของเราจะไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่นั้น? รอดูสถิติตัวเต็มในสัปดาห์หน้าแล้วกันนะครับ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:48:45

ความคิดเห็นที่ 5 อีกเรื่องที่พอหล่นจากแชมป์ก็ไหลยาว ตกมากลางตามราง ใน อันดับ 6 เสียแล้ว กับสายลับโคตรอึดคนใหม่ The Bourne Legacy สัปดาห์ที่แล้วอาจจะจุกหนักหน่อย เพราะโดนสายบู๊ด้วยกันมาแย่งคนดู สัปดาห์นี้อาจจะมีคนมาบู๊ด้วยน้อยหน่อย ก็เลยพอจะยืนได้บ้าง แต่ก็ยังเป๋นิดหน่อย เพราะยาหมดไปเกือบ 60% เหลืออยู่ที่ 3.1 ล้านบาท หนีการไล่ล่ามาสามสัปดาห์ เก็บคนขององค์กรไปได้แล้ว 39 ล้านบาท ถ้าเทียบกับหนังที่เปิดตัวได้ในระดับเดียวกันก็ยังถือว่าโอเคอยู่ ที่สามารถปิดตัวได้ในระดับ 40 ล้านขึ้นไปได้ (แม้เรื่องที่เปิดตัวได้ใกล้ๆ กัน อย่าง Prometheus จะโชคร้ายกว่าหน่อย ตรงที่ปิดเอาไว้ไม่ถึง 40 ล้าน ทำได้เพียงเฉียดๆ ที่ 39.1 ล้านบาท) แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงฝั่ง 40 ล้านอย่างเป็นทางการก็เถอะ ซึ่งถ้าถึง ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ 21 ประจำปีนี้ไป (แต่ตอนนี้ ยังอยู่ในอันดับที่ 22 รอแซง Prometheus เจ้าเก่าแบบไม่ต้องรอลุ้นนั่นแหละ!) ฟากหนังสายลับประจำปีนี้ ก็คงไม่ต้องลุ้น เพราะหนังคว้าแชมป์กลุ่มไปแบบสบายๆ เพราะทั้ง This Means War และ Haywire ต่างก็ฟอร์มสู้ด้วยไม่ได้จริงๆ (หยุดไว้ที่ 14.7 และ 5.4 ล้านบาท ตามลำดับ) แต่ถ้าลองเอาไปเทียบกับบรรดาสายลับเมื่อปีที่แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า สายแข็งเอามากๆ! ง่ายๆ ก็คือ ปีที่แล้วมีทั้งสายลับร้อยล้าน Mission: Impossible - Ghost Protocol ที่กลับมาทวงบัลลังก์ด้วยรายได้ 106.52 ล้านบาท แถมยังมีตัวสอดแทรกอย่าง Johnny English Reborn ที่ฮ็อตแบบไม่ไว้หน้าใคร ก็กลายเป็นสายลับฝั่งคอมเมดี้ ทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปอีก ที่ 68.8 ล้านบาท ทำเอาหนุ่มแอรอนของเรา กระเด็นมาอยู่ที่ 3 ในรอบ 2 ปีไป (แถมปลายปี ป๋าบอนด์ก็จะกลับมาทวงบัลลังก์อีกนี่สิ งานหนักกว่าแยะ!!) ส่วนในตระกูลบอร์นด้วยกัน ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ เพราะหนังใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ สามารถแซงขึ้นมาเป็นรองแชมป์ของกลุ่มได้อย่างสบายๆ (สองภาคแรก ปิดเอาไว้ที่ 20.2 และ 28.8 ล้านบาท ตามลำดับ) ขณะที่ภาคสูงสุด อย่าง The Bourne Ultimatum อาจจะดูเหมือนปลอดภัยไปแล้ว แม้จะปิดไว้ไม่ห่างเท่าไหร่ ที่ 49.4 ล้านบาท แต่ดูกำลังของหนุ่มแอรอนในตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่า อ่อนแรงลงไปอย่างรวดเร็วมาก หันมาดูเครดิตของนักแสดงนำ และผู้กำกับกันบ้าง เริ่มจากหนุ่มเจเรมี่ ที่เปลี่ยนสถานะ กลายเป็นหนุ่มฮ็อตไปแล้ว หลังชิงออสการ์ไปสองครา หนังใหญ่เรื่องก่อนหน้า อย่าง The Avengers ก็แทบจะคงสถานะ เต็งแชมป์ประจำปีไปแล้ว เพราะปิดเอาไว้ซะห่างไกลเรื่องอื่นๆ มากพอดู ที่ 251 ล้านบาท รวมไปถึงเมื่อปีก่อนก็เพิ่งชิมลางในบทสายลับ ใน Mission: Impossible 4 ประกบป๋าครูซไป ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ว่ากลับมาในฐานะสายลับร้อยล้านกันเลยทีเดียว (ส่วนบอร์นภาคนิ้ ในเครดิตถือว่าเป็นอันดับ 3 ของเขา เพื่องจะแซงหน้า S.W.A.T. ที่ 31.1 ล้านบาท ในสัปดาห์นี้นี่เอง!) ฟากสาวราเชล นอกจากซีรี่ย์มัมมี่ ก็แทบไม่มีเรื่องไหน รับประกันความฮิตในบ้านเราเลย เรื่องก่อนหน้า อย่าง Dream House ประกบอีกหนึ่งสายลับ อย่างเจมส์ บอนด์ ก็มาแบบเงียบๆ ตามสไตล์หนังผีฝรั่ง ทำเงินไปค่อนข้างธรรมดา ที่ 6 ล้านบาท บอร์นภาคนี้จึงถือว่าเป้นหนังฮิตที่สุดในรอบหลายปีของเธอก็ว่าได้ และไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของเครดิต เหมือนกับหนุ่มเจเรมี่ แล้วก็อย่างที่บอกไป ตามหลังซีรี่ย์ดัง อย่าง The Mummy สองภาคแรกที่เธอเล่นนั่นแหละ! (เก็บเงินกันไปมโหฬารถึง 95.3 และ 105.5 ล้านบาท ตามลำดับภาค!!) ฝั่งผู้กำกับ กิลรอย ที่เขียนบทให้กับซีรี่ย์นี้บอร์นมาตลอด ผลงานเรื่องนี้ถือว่าเป็นผลงานการกำกับเรื่องที่สาม แต่บอร์นภาคล่าสุด ก็คว้าแชมป์ไปอย่างง่ายดาย เพราะป๋าแกเพิ่งจะมีหนังเข้าฉายก่อนหน้าในบ้านเราแค่เรื่องเดียว อย่าง Michael Clayton ซึ่งก็เก็บเงินไปแบบเหงาหงอย เพียง 4.7 ล้านบาท ด้วยสิ! เอาเป็นว่า ถ้าถือครั้งนี้เป็นการออกสตาร์ทครั้งใหม่ของ The Bourne (หรือ The Aaron ดี!?) ก็ถือว่าเป็นการออกสตาร์ทที่พอใช้ได้อยู่ (แม้จะโดนเปรียบเทียบกับไตรภาคก่อนหนักหน่อย!) แต่ก็คงต้องปรับอะไรให้เข้าทางกว่านี้อีกเยอะหน่อยล่ะนะ ถ้าไม่อยากให้หนังต้องกลับมาสะบักสะบอมแบบนี้อีกรอบ ท่ามกลางช่วงซัมเมอร์ด้วยนี่สิ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:49:44

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นเรื่องที่เกินคาดกว่าเรื่องอื่นๆ หน่อย เพราะร่วงไม่แรงตามคาด หล่นขั้นเดียว ลงมาอยู่ใน อันดับ 5 กับรอม-คอม ของผุ้กำกับหน้าใหม่เสียงดี คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ที่สัปดาห์ก่อน ทำเงินลดลงมาได้เกินคาดมากๆ (กระแสค่อนข้างบวก + ไร้คู่แข่งแนวเดียวกันในช่วงนี้) มาถึงสัปดาห์นี้ แม้จะไร้คู่แข่งหน้าใหม่อีกครั้ง แต่กระแสก็ดูจะแผ่วๆ ลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เพราะลดลงเกินครึ่งไปนิดเดียว! เก็บไปอีก 3.2 ล้านบาท ตะลอนมาสามสัปดาห์ ลั้ลลากันตามประสาไปแล้ว 29 ล้านบาท ไม่รู้ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับค่ายใบโพธิ์หรือเปล่า เพราะกำลังจะได้หนัง 30 ล้านเรื่องแรกของปีนี้อย่างเป็นทางการแล้ว!! (แต่ถ้าพูดให้ช้ำใจเล่น ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ค่ายสห มีหนังผ่านหลักนี้ได้ 4 เรื่องเข้าไปแล้ว! แถม 3 ใน 4 ทำได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกด้วย!!!) ซึ่งก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับค่าย ในช่วงครึ่งปีหลังก็ว่าได้ เพราะมาเรื่องแรกของครึ่งหลัง ก็สามารถขึ้นอันดับหนึ่งของค่ายไปแบบสบายๆ (แซงหน้า อันธพาล ที่เพิ่งจะช่วยกู้หน้าให้ค่ายได้บ้าง ที่ 28 ล้านบาท) ซึ่งรวมไปถึงอันดับของหนังไทยในปีนี้ การที่หนังแซงรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง อันธพาล มาได้ ก็เลยทำให้อันดับของหนัง ขยับขึ้นมาอยู่ที่ อันดับ 6 แล้ว (และเป็นหนังไทย 30 ล้านบาท เรื่องที่ 6 ของปีนี้ด้วยเช่นกัน ต่อจาก รัก 7 ปี ดี 7 หน) ข้ามมาดูในกลุ่มรอม-คอมกันบ้างปีนี้กันบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าตอนเปิดตัวก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก แต่เมื่อยังคงเดินหน้าเก็บเงินได้ในระดับนี้ ก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว ยิ่งถ้าพูดถึงค่ายที่ไม่ใช่สองค่ายผู้เจนจัดในแนวนี้ อย่าง GTH และ M๓๙ ด้วยแล้ว โดยถ้าเทียบกันเฉพาะรอม-คอมในปีนี้ หนังก็สามารถไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 3 ของปีนี้แล้ว (ตามหลังก็แค่ ATM และ วาเลนไทน์ สวีทตี้ จากสองค่ายที่บอกไปนั่นแหละ! โดยเรื่องหลัง ปิดเอาไว้ห่างนัก ที่ 58 ล้านบาท!) แต่ค่ายใบโพธิ์ ก็ใช่ว่าจะไร้หนังรอม-คอมทำเงินซะทีเดียว เพราะเมื่อปีก่อน ก็เพิ่งจะมี 30+ โสด ON SALE เปิดตัวได้แรงไม่น้อย แต่กระแสกลับมาทเป็นลบเกินคาด ก็เลยปิดตัวได้ไม่มาก อย่างที่ควร ที่ 70.3 ล้านบาท (ก็เยอะอยู่ล่ะ!) ข้ามฟากมาดูเครดิตของนักแสดงขายชื่อทั้งสามคนกันบ้าง เริ่มจากผู้กำกับหน้าใหม่ แดน วรเวช ที่ถ้าดูในเครดิต ก็ต้องยอมรับว่า หนังส่วนใหญ่ ฮิตซะมากกว่าเจ๊ง ผลงานเรื่องล่าสุด รายได้จึงน่าจะจัดว่า อยู่ในกลุ่มกลางๆ ไม่ฮิต ไม่เจ๊งเป็นเรื่องแรกก็ว่าได้ (เพราะเรื่องอื่นของหนุ่มแดน ถ้าไม่เกิน 50 ล้านไปเลย ก็ต่ำกว่า 20 ล้านไปเลยเนี่ยแหละ!) อย่างเรื่องก่อนหน้า ก็คือหนังรักรับวาเลนไทน์ปีนี้ The Melody รักทำนองนี้ ก็เรียกได้ว่า ตกไปอยู่ในโซนน่าผิดหวัง แถมยังทำเงินต่ำที่สุดในเครดิตของหนุ่มแดน ปิดไว้เพียง 6.7 ล้านบาท ผิดกับรอม-คอมอีกเรื่อง (ที่เปิดตัวตัดหน้าไปไม่กี่วัน!) อย่าง วาเลนไทน์ สวีทตี้ แม้จะทำเงินเยอะกว่ามาก อยู่ในกลุ่มฮิต แต่ก็เป็นระดับท้ายๆ ของกลุ่มฮิต ค่อนมาทางน่าผิดหวังด้วยซ้ำ(เมื่อเทียบกับตอนก่อน) ปิดไว้ที่ 58 ล้านบาท ตามมาด้วยหนุ่มบีม ที่ได้เล่นหนังกับหนุ่มแดนอยู่หลายเรื่อง และมีผลงานการแสดง(ในบทที่ค่อนข้างเด่น) 7 เรื่อง หนังเรื่องนี้ ก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางพอดี เพราะอยู่ในอันดับ 4 ของเฮียแก (แซงหน้า Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน ที่ทำเอาไว้ค่อนข้างหน้าผิดหวัง ที่ 26.8 ล้านบาท และตามหลังสามหนังของเฮียยอร์ช อย่าง ส.ค.ส. สวีทตี้, โปงลางสะดิ้ง และ วาเลนไทน์ สวีทตี้ ซึ่งปิดตัวในระดับ 50 ล้านขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น!) ฝั่งสาวแพตตี้ ที่ก็ร่วมงานกับทั้งคู่ในผลงานสองเรื่องก่อนหน้าเช่นกัน แต่เรื่องรายได้ อาจจะแตกต่างจากสองคนข้างบนอยู่พอสมควร เพราะหนังเรื่องล่าสุดของเธอ ถือเป็นหนังที่ทำเงินต่ำสุดของเธอไปเสียแล้ว! (ส่วนสูงสุด ก็คือร้อยล้านในเครดิต อย่าง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ปิดเอาไว้ถึง 138.6 ล้านบาทโน่น!) ส่วนนางแบบสาว นุช นีรนาท ที่เพิ่งแสดงหนังเป็นเรื่องที่สาม เรื่องล่าสุดก็สามารถเป็นแชมป์ได้อย่างง่ายดาย เพราะสูงสุดเรื่องก่อนหน้า อย่าง Roommate เพื่อนร่วมห้อง...ต้องแอบรัก? ก็ทำเอาไว้ไม่ดีเท่าไหร่ ปิดไปที่ 13.8 ล้านบาท ก็ถือว่าหนังมาได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรายได้เปิดตัวที่ก็ไม่ได้หวือหวาอะไร รวมไปถึงเป็นก้าวแรกที่ดูโอเคทีเดียวสำหรับหนุ่มแดน ที่น่าจะเพิ่มกำลังใจขึ้นมาเยอะทีเดียว ถ้าจะมีโครงการใหม่ขึ้นมานะครับ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:51:02

ความคิดเห็นที่ 7 เปิดตัวเข้ามาใน อันดับ 4 ก็คือหนังใหม่ฟอร์มยักษ์!! หนัก CG อย่าง The Dinosaur ซึ่งที่เกริ่นเอาไว้ข้างบน ก็อย่าไปเชื่ออะไรมากเลยนะครับ (อ่าว!) นักแสดงส่วนใหญ่ในเรื่อง ก็เป็นหน้าใหม่บนจอเงินด้วยกันทั้งนั้น (รวมไปถึงผู้กำกับด้วย) แต่ตัวหนังทำเก๋ด้วยการตามติดชีวิตเหล่าคนเดินทางในแบบเรียลลิตี้นี่สิ! ทำเอาหลายคนนึกถึงเอากล้องไปถ่ายการผจญภัยใน Jurassic Park ยังไงอย่างงั้นแหละ!! ซึ่งตัวหนัง จะบอกว่าแทบไม่มีคนรู้จักมาก่อนก็คงจะไมน่าแปลกใจ ยิ่งค่ายนำมาเข้าฉายในช่วงปล่อยของไร้คู่แข่งแบบนี้ด้วย แต่หนังกลับทำเรื่องน่าตกใจ ด้วยการเปิดตัวที่ 4.5 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับหนังโนเนม เปิดตัวคั่นเวลาในบ้านเรา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ไม่ค่อยมีคู่แข่งใหม่ๆ แบบนี้ หนังจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนดูได้ไม่ยาก (โดยเฉพาะหนังแนวไดโนเสาร์ ที่นานๆ ที จะโผล่มาให้แฟนๆ ในบ้านเราได้หายคิดถึงกันซักที!) ถ้าให้เทียบกับหนังฟอร์มรองด้วยกัน ก็ต้องยอมรับว่า ปีนี้แทบไม่มีเรื่องไหนทำได้ในระดับนี้เลย (ซึ่งหนังจากแดนผู้ดี ฟอร์มไม่ใหญ่โตมากเรื่องก่อนหน้า ก็คงจะเป็น StreetDance 2 ที่เปิดตัวในช่วงต้นซัมเมอร์ฝรั่ง ก็ทำไปได้พอประมาณ ที่ 3.8 ล้านบาท) แต่ถ้าเทียบกับบรรดาหนังแนวเรียลลิตี้ด้วยกัน ก็ถือว่าไม่เลวนัก เรื่องก่อนหน้าที่ทำได้ค่อนข้างสูงในระดับนี้ ก็คือ สยองเมืองร้าง Chernobyl Diaries ที่แม้กระแสจะดูเงียบๆ แต่ก็เรียกคนดูตอนเปิดตัวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ 5.1 ล้านบาท (สถิติสูงสุดของเรียลลิตี้สยองขวัญประจำปีนี้ด้วย) หรือสถิติในกลุ่มเรียลลิตี้ทุกหมวดหมู่ประจำปีนี้ อย่าง Chronicle ก็มาได้ค่อนข้างน่าสนใจ เรียกคนดูไปได้พอสมควรทีเดียว ที่ 8 ล้านบาท ถ้าให้นึกถึงหนังโรงที่เกี่ยวกับไดโนเสาร์เกือบทั้งเรื่อง ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่เยอะเท่าที่คิดในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบสมทบซะมากกว่า หนังเกี่ยวกับตะลุยแดนไดโดนเสาร์เรื่องล่าสุดทีนึกออกก็คงจะเป็น Ice Age: Dawn of the Dinosaurs ที่อาจจะคนละแนวกันเลย แต่เอาเป็นว่าเรื่องหลังก็เปิดตัวไปที่ 15.3 ล้านบาท เลยทีเดียว ส่วนระดับสถิติของก๊วนไดโนเสาร์ ก็ปล่อยให้ตระกูล Jurassic Park เค้ายังคงเก็บสถิติต่อไปเถอะ เพราะพีคสุดสมัยภาคสอง ก็เคยเปิดตัวถล่มโรงระดับสถิติ กว่า 40 ล้านมาแล้ว! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:51:42

ความคิดเห็นที่ 8 ร่วงลงมาขั้นเดียว ไม่หนักหนาเท่าไหร่ เพราะยังอยู่ใน อันดับ 3 กับหนังรักวุ่นๆ ของสาวๆ Yes or No 2 รักไม่รัก...อย่ากั๊กเลย สัปดาห์ก่อนก็เรียกได้ว่า ได้พลังแฟนๆ ช่วยกันดัน จนหนังเปิดตัวไปไม่น้อยทีเดียว (10.5 ล้าน สำหรับหนังจากค่ายอิสระ ถือว่าไม่เลวเลย แถมเกินครึ่งนึงของรายได้ภาคแรกไปแบบสบายๆ) แม้กระแสตอบรับจะไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่เมื่อเทียบกับภาคก่อน แต่ด้วยคู่แข่งแนวเดียวกันที่ไม่ค่อยมี ก็พอทำให้หนังเรียกคนดูและแฟนๆ กลับเข้าโรงได้อีกพอสมควรล่ะ เพราะสัปดาห์นี้ หนังทำเงินลดลงเกินครึ่งไปนิดหน่อย เก็บไปอีก 5 ล้านบาท รักกันมาสองสัปดาห์ เก็บเงินแบบไม่กั๊กไปแล้ว 19.5 ล้านบาท ก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ เมื่อเทียบกับกระแสที่อาจจะไม่ได้หนักหน่วงเท่ากับภาคแรก รวมไปถึงในกลุ่มหนังไทยปีนี้ ที่น้อยเรื่องจะทำเงินสัปดาห์ที่สองห่างจากครึ่งหนึ่งไม่มาก แต่ถ้าว่ากันถึงในกลุ่มหนังรักไทยในปีนี้ อาจจะผิดแผกจากแนวอื่นไปซักหน่อย แม้ส่วนใหญ่จะเก็บเงินได้ค่อนข้างน้อย แต่รายได้สัปดาห์ที่สองของหลายเรื่อง ก็ลดลงไปไม่ถึงครึ่งกันทั้งนั้น ทั้งก่อนหน้า อย่างตัวเต็งจากค่ายอารมณ์ดี รัก 7 ปี ดี 7 หน ที่อาจจะโชคดี ได้วันหยุดมาช่วยด้วย เลยพยุงให้ตกลงไม่ถึงครึ่ง (43%) ส่วนเรื่องราวได้นี่ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะสูงระดับหัวแถวกลุ่มนี้แบบไม่เห็นฝุ่น (สองสัปดาห์ 55 ล้านบาท) หรือไกลออกไปอีกนิด อย่าง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ แม้จะเปิดตัวได้ไม่มากเท่ากระแสเชียร์ แต่รายได้สัปดาห์ที่สองก็ถือว่า ลดลงน้อยในระดับต้นๆ ของหนังไทยปีนี้ก็ว่าได้ (ลดลง 37% เก็บไปอีก 3.5 ล้านบาท) แต่รายได้สองสัปดาห์ เรียกว่าตามห่างออกไปแล้ว ที่ 12.2 ล้านบาท จึงไม่ผิดนักที่จะบอกว่า เหล่าสาวๆ ของเรา กลายเป็นหนังรักสัญชาติไทย ทำเงินสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของปีนี้ไปแล้ว (ส่วนอันดับ 1 ก็อย่างที่บอกไปข้างบนนั่นแหละ!) อีกนิดที่ไม่ได้พูดถึงก็คือรายได้เปิดตัวของหนัง ถือว่าเป็นหนังไทยเรื่องที่ 8 แล้ว ที่สามารถเปิดตัวได้ในระดับ 10 ล้าน (แต่อยู่ในอันดับ 7 ของปีนี้ แซงหน้า คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ ไปแบบเฉียดฉิว ที่ 10 ล้านบาท) และถือเป็นหนังไทยจากค่ายที่ไม่ใช่ระดับหัวแถว เปิดตัวสูงสุดประจำปีนี้อีกด้วย (สูงสุดก่อนหน้าก็คือ มะหมา 2 จากค่าย NGR ที่ 8.5 ล้านบาท) หันมาดูหนังรักไทย ในอารมณ์ หญิง-หญิง เรื่องอื่นๆ กันบ้าง แม้ Yes or No ของเราจะสร้างฐานแฟนๆ ขึ้นมาได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ปลุกกระแสหนังแนวนี้ให้บูมขึ้นมาซะทีเดียว เรื่องล่าสุดที่มาในแนวนี้ก็คือรักหลายคู่ She เรื่องรักระหว่างเธอ ที่นอกจากกระแสจะเงียบตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้ว (เปิดตัวไปเพียง 1.3 ล้านบาท) กระแสปากต่อปากก็ไม่ได้ช่วยดันหนังให้ต่อกรกับยักษ์ใหญ่ได้อีกด้วย (ชนกับสงครามพี่ครึ่งเทพ รายได้วูบถึง 70%! เก็บไปอีกเพียง 4 แสนบาท) ขณะที่ Yes or No ภาคแรกนั้น แม้จะเปิดตัววันแรกๆ ได้ไม่สดใสเท่าไหร่ แต่กระแสปากต่อปากก็ช่วยให้รายได้เปิดตัวได้โอเคทีเดียว (เปิดตัว 6.2 ล้านบาท) แถมแรงเชียร์ก็ดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รายได้สัปดาห์ต่อมา ลดลงน้อยมาก (33%) และเก็บไปได้ไม่ห่างจากภาคสองเท่าไหร่นัก ที่ 4.1 ล้านบาท (แต่รายได้รวม เพิ่งผ่าน 10 ล้าไปไม่ไกล) ก็เป็นที่น่าสนใจว่าหนังจะสามารถเก็บรายได้ในระยะยาว ดีกว่าภาคแรกแค่ไหน (เพราะภาคแรก โดนบดซะเละเลย ในสัปดาห์ที่สาม) โดยเฉพาะในช่วงนี้ไร้หนังใหญ่(ไประยะนึง)แบบนี้ด้วยแล้ว!? จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:52:11

ความคิดเห็นที่ 9 เต็งหนึ่งในกลุ่มหนังใหม่ ทำได้ดีที่สุดด้วยการเดินทางขึ้นมาใน อันดับ 2 กับหนังไทยที่หลายๆ คนรอชม(กันมานาน) อย่าง ชัมบาลา ผลงานเรื่องล่าสุดจากค่ายใบโพธิ์ ที่กว่าจะได้ฤกษ์ลงโรงฉาย ก็ทำเอาแฟนๆ หลายคนแทบจะลืมกันไปแล้วทีเดียว แต่คงไม่ลืมกันไปจริงๆ หรอก เพราะถือเป็นการประกบคู่กันของสองพระเอกสุดฮ็อตมาดเซอร์ อย่างหนุ่มซันนี่ ที่พลิกจากลุคเฮฮา มาจริงจังเคร่งขรึม และหนุ่มอนันดา ที่พลิกมาดเท่ห์ มายียวน กวนบาทา ให้กับผู้กำกับหน้าใหม่ ที่พาทั้งคู่ ไปค้นหาคำตอบของชีวิตตัวเอง จากการเดินทางตะลุยทิเบต ไปสู่ชัมบาลา แน่นอนว่าสองพระเอกดัง ท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ยังไงก็น่าจะเรียกคนดูได้ไม่ยาก แม้โทนหนังจะค่อนข้างขายยากในบ้านเราอยู่ซักหน่อยก็เถอะ แต่ท้ายที่สุด หนังก็เปิดตัวไปที่ 8 ล้านบาท ก็ถือว่าโอเคอยู่ สำหรับหนังดราม่าซักเรื่องในบ้านเรา โดยเฉพาะแนวโร้ดมูฟวี่ ที่ไม่ค่อยจะทำเงินเปรี้ยงปร้างกันซะซักเท่าไหร่ ในกลุ่มหนังไทยปีนี้ รายได้เปิดตัวของหนังพลาด Top 10 ไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก (อยู่ในอันดับ 12 ตามหลัง รักเว้ยเฮ้ย! จากค่ายเดียวกันแค่นิดเดียว ที่ 8.2 ล้านบาท) แต่เมื่อเทียบกับหนังในค่ายใบโพธิ์ปีนี้ด้วยกัน ตัวหนังอาจจะดีใจตรงที่ขึ้นมาถึง Top 5 ได้นี่สิ (โดยมี อันธพาล เป็นแชมป์ของค่าย ที่12.7 ล้านเท่านั้น!!! หลุด Top 5 หนังไทยประจำปีนี้ไปแล้วด้วย) ข้ามมาดูในกลุ่มหนังไทยแนวโร้ดมูฟวี่ในบ้านเรากันบ้าง ก็ถือว่าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าขายได้ยากด้วย หากไม่น่าสนใจจริงๆ อย่างปีที่แล้วก็เพิ่งจะมีโร้ดมูฟวี่วัยรุ่น อย่าง Love Summer รักตะลอนออนเดอะบีช ที่ได้ทั้งนักแสดง AV สาวยุ่น และ ขวัญใจคุณทุ่งฯ อย่างสาวใบเฟิร์น มาช่วยชูโรง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เปิดตัวไปเบาะๆ ที่ 4.4 ล้านบาท หรือถัดไปอีก กับหนังที่พาออกไปตะลุยต่างแดนกันบ้าง อย่าง เราสองสามคน อาจจะถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกๆ ของค่าย M๓๙ ที่โปรโมตไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แม้หนังจะได้รับคำชม แต่ก็เรียกคนดูตอนเปิดตัวได้ไม่เท่าไหร่ ที่ 7 ล้านบาท หรือสองสาวตะลุยยุโรป อย่าง หนีตามกาลิเลโอ จากค่ายอารมณ์ดี GTH ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังของหนังแนวนี้ แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเท่าที่คิด เปิดตัวไปไม่แรงดังคาด ที่ 13 ล้านบาท มาดูผลงานของสองหนุ่มตัวชูโรงกันบ้าง เริ่มจากหนุ่มงานชุก อนันดา ที่ปีนี้อาจจะเพิ่งได้เห็นหน้าจากหนังเพียงแค่เรื่องเดียว (เพราะปีก่อน มีหนังเข้าฉายถึง 3 เรื่อง!) แต่เพราะด้วยความที่รับงานแสดงค่อนข้างหลากหลายฟอร์ม ทำให้รายได้หนังค่อนข้างกระจายพอสมควร หากนับตั้งแต่เรื่อง คนสั่งผี (ในปี 2546) เป็นต้นมา หนังไทยของหนุ่มอนันดาที่เปิดตัวได้ต่ำกว่าหลัก 10 ล้านบาท ก็มีถึง 9 เรื่องเข้าไปแล้ว (จากทั้งสิ้น 16 เรื่อง ก็ถือว่าเกินครึ่งไปนิดเดียว) เรื่องก่อนหน้าก็คือ หนังอินดี้ อย่าง ไฮโซ ที่เปิดตัวไปเพียงหลักหมื่นเท่านั้น หรือถัดไปอีก อย่าง อุโมงค์ผาเมือง ที่รวมดารามากฝีมือไว้มากมาย แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เปิดตัวได้ไม่ไกลนัก ที่ 13.7 ล้านบาท โดยยังคงมีหนังแจ้งเกิดอย่าง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เป็นสถิติในเรื่องรายได้เปิดตัวเช่นเคย ทำได้สูงสุดในปีนั้น ที่ 36 ล้านบาท ข้ามฟากมาหาหนุ่มซันนี่กันบ้าง แม้จำนวนหนังจะผิดจากหนุ่มอนันดาแทบจะหลังมือ (นับเฉพาะที่แสดงนำก็เพิ่งจะมี 4 เรื่องเท่านั้น!) แต่รายได้ของแต่ละเรื่องก็เรียกได้ว่า เป็นกอบเป็นกำแทบทั้งนั้น เพราะนอกจากเรื่องนี้จะเป็นหนังเปิดตัวน้อยที่สุดของหนุ่มซันนี่ ยังเป็นหนังเรื่องแรกของเขา ที่เปิดตัวน้อยกว่า 20 ล้านบาทอีกด้วย!!! โดยผลงานเรื่องก่อนหน้าก็เพิ่งจะไม่นานนี่เอง กับ รัก 7 ปี ดี 7 หน ที่แม้จะเพิ่งสร้างสถิติให้หนุ่มซันนี่ แต่รายได้ก็ไม่ได้มากตามที่ค่ายคาดหวังเท่าไหร่ ที่ 28 ล้านบาท ส่วนอดีตบ๊วยก็คือ สายลับจับบ้านเล็ก จากค่าย GTH เช่นเคย ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว แม้จะวืดแชมป์ในสัปดาห์นั้นไป ที่ 21.2 ล้านบาท แม้ตัวหนังจะสร้างด้วยความตั้งใจดี และอย่างยาวนาน(พอสมควร) แต่ด้วยแนวหนังที่ค่อนข้างขายยาก แถมกระแสก็ออกมาค่อนข้างก้ำกึ่ง ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนังจะยืนระยะเก็บเงินไปได้ไกลแค่ไหน ในช่วงที่ยักษ์ใหญ่ ยังไม่มาถล่มโรงในช่วงนี้กัน! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:52:41

ความคิดเห็นที่ 10 ยังคงลั่นกระสุนใส่คู่แข่งใหม่ๆ ไม่มีหยุด จนฉุด อันดับ 1 มาครองได้อีกสมัย กับภาคต่อของแก๊งค์สิงห์เฒ่า ยิงเอามันส์ The Expendables 2 ที่สัปดาห์ก่อน ขึ้นเป็นแชมป์แบบสบายๆ ด้วยรายได้ที่ค่อนข้างโอเคทีเดียว (21 ล้านบาท แต่ไม่ติด Top 10 ประจำปีนี้) มาถึงสัปดาห์นั้ แก๊งค์เก๋าของเรายังคงตะลุยกันต่อได้แบบสบายๆ ไร้คู่แข่งฟอร์มยักษ์ เลยไม่ค่อยกังวลจะเสียแชมป์เท่าไหร่ แต่คนดูจะหนีหายไปมากแค่ไหนนี่สิ!!?? ซึ่งผลออกมาก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย ลดลงเกินครึ่งไปนิดหน่อย เก็บไปอีก 10 ล้านบาท ครองแชมป์มาสองสัปดาห์ บู๊สนั่น ลั่นกระสุนไปแล้ว 40 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวทีเดียว แม้ว่ามีโอกาสดีที่จะทำได้ดีกว่านี้อีกนิด จากการที่ไร้คู่แข่ง เอาเป็นว่าอย่างน้อย รายได้สัปดาห์ที่สองของหนัง ที่ยังยืนระดับได้ที่หลัก 10 ล้าน ทำให้หนัง เป็นเรื่องที่ 16 ของปีนี้แล้ว ที่สามารถทำรายได้สัปดาห์ที่  2 เกินหลักนี้ไปได้ (แต่อันดับ อยู่ในอันดับที่ 15 แวงหน้า Ghost Rider: Spirit of Vengeance ไปนิดหน่อย ที่ 10 ล้านเท่ากัน) ส่วนรายได้รวมทะลุหลัก 40 ล้าน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ 20 พอดี ที่สามารถทำได้ในปีนี้ (แซงหน้า The Bourne Legacy ที่กำลังเร่งเต็มที่ไปนิดเดียว โดยรายได้ก็จ่อรอแซง Journey 2: The Mysterious Island อยู่เต็มทน ที่ 40 ล้านเช่นกัน) และน่าจะผ่านหลัก 50 ล้านได้ไม่ยากเย็น ถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมาก่อนล่ะนะ! หันมาดูหนังของก๊วนหนุ่มๆ(ผู้ชาย) กับภารกิจเดือดกันบ้าง แม้หลายเรื่องจะประกาศตัวในฐานะหนังแอ็กชั่นฟอร์มดี แต่ก็ทำได้แค่ปานกลางเสียส่วนใหญ่ อย่างก๊วนแก่โหด(แต่ไม่ได้มีแค่ผู้ชาย) อย่าง Red ที่ออกสตาร์ทได้ไม่หวือหวาเท่าไหร่ (เปิดตัว 7 ล้านบาท) แต่ด้วยกระแสเชียร์ที่มีเกินคาด ก็เลยทำให้รายได้หนัง ลดลงไปไม่มาก (39% แต่รวมสองสัปดาห์ก็น้อยอยู่ ที่ 14.3 ล้านบาท) หรือก๊วนเดนตาย The A-Team ที่มาในฐานะหนังซัมเมอร์ ที่อาจจะเปิดตัวได้ค่อนข้างดี (เปิดตัว 18 ล้านบาท) แต่รายได้ก็รูดลงอย่างมหาศาล (เกือบ 80%) หรือถ้าพูดถึง The Expendables ภาคแรก ที่ก็เปิดตัวได้ไม่เลวเช่นกัน (14.2 ล้านบาท) แถมไม่ต้องเจอคู่แข่งใหม่ฟอร์มยักษ์ ก็เลยทำรายได้ร่วงลงดีกว่าภาคใหม่หน่อย (44%) แต่รายได้รวมตามกันห่างพอสมควร ที่ 28.1 ล้านบาท ข้ามฟากมาดูผลงานของนักแสดงแต่ละคนกันบ้าง ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่า หากเอาทุกคนที่ขายชื่อบนโปสเตอร์ คงได้ไปตั้งกระทู้แยกกันเลยทีเดียว! เอาเป็นว่า ขอยกเฉพาะคนที่มีผลงานเด่นๆ ในยุคหลังๆ นี้ก็แล้วกันนะครับ เริ่มจากหัวโจกอย่างเฮียซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ที่ยังคงมีผลงานมาได้เรื่อยๆ แม้จะอายุมากแล้ว แถมแต่ละเรื่องยังคงเป็นหนังแอ็กชั่นแนวถนัดอีกต่างหาก! แต่ผลงานเรื่องก่อนหน้าอาจจะพลิกแนวไปบ้าง คือการไปให้เสียงพากย์ในหนังครอบครัว อย่าง Zookeeper ที่อาจจะไม่โดนใจคนดูในวงกว้างเท่าไหร่ เลยเปิดตัวไปเงียบๆ ที่ 3 ล้านบาท ก่อนหน้าไปอีกนิด หากไม่นับ The Expendables ภาคแรกที่พูดถึงไปแล้ว ก็คงจะเป็น Rambo หรือ Rambo 4 นี่แหละ แม้จะเปิดตัวได้ไม่มาก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดในบรรดาทุกภาค เปิดตัวที่ 6.2 ล้านบาท ตามมาด้วยป๋าบรูซ วิลลิส ที่เหมือนจะพ้นช่วงพีคไปแล้ว แต่มาปีนี้กลับมีหนังเยอะสุดๆ! (นับเฉพาะที่เข้าฉายไปแล้วในปีนี้ ก็ปาเข้าไป 4 เรื่องเข้าไปแล้ว!! นี่ยังไม่นับที่ยังไม่มาอย่างน้อยอีก 1 เรื่อง แล้วก็ที่ย้ายไปแล้ว กับยังไม่แน่ว่าจะมาฉายอีก 2 เรื่องด้วยนะเนี่ย!!) ผลงานเรื่องล่าสุดเพิ่งเข้าฉายในบ้านเราอาทิตย์นี้นี่เอง อย่าง Lay the Favorite เข้าฉายแบบจำกัดโรง (6 โรง) แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เปิดตัวไปเพียง 2 แสนบาท ขณะที่หนังบู๊เรื่องก่อนหน้า อย่าง The Cold Light of Day ก็ถือว่า เปิดตัวได้เกินคาดพอสมควร แม้จะสู้หนังใหม่ๆ ด้วยกันในตอนนั้นไม่ได้ก็ตาม ที่ 5.5 ล้านบาท ส่วนอดีตผู้ว่าการคนเหล็ก ป๋าอาร์โนลด์ ชวาลเซเนกเกอร์ของเรานั้น เรียกได้ว่าหายไปจากจอพักใหญ่ ร่วมครึ่งค่อนทศวรรษกันเลยทีเดียว! นอกจากมาในบทรับเชิญแว้บๆ ใน The Expendables ภาคแรก หนังที่ก่อนจะหายไปยาวๆ อย่าง Around the World in 80 Days บทก็น้อยเสียเหลือเกิน ดังนั้นเรื่องสุดท้ายที่ป๋าแกเด่นหน่อยก็คงจะเป็นซีรี่ย์สร้างชื่อ Terminator 3: Rise of the Machines นี่แหละ ก็เรียกได้ว่าถล่มโรงในตอนนั้นแบบยิ่งใหญ่ทีเดียว เพราะเปิดตัวไปถึง 54 ล้านบาท! (เป็นสถิติของป่าแกมาจนถึงตอนนี้ด้วยล่ะ) ข้ามมาดูรุ่นหนุ่มลงมาอีกหน่อยบ้าง เริ่มจากเฮียโล้นคลั่ง เจสัน สเตแธม ที่อาจไม่มีหนังฮิตเปรี้ยงปร้าง แต่ก็ยังคงมีหนังให้เล่นมากมาย โดยเฉพาะแนวบู๊แนวถนัด ที่ปีนี้เฮียแกก็พบกับคนดูในบ้านเราเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกก็คือช่วงก่อนซัมเมอร์ ใน Safe ที่เรียกได้ว่า เปิดตัวเกินคาดพอสมควร ที่ 6.2 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อน เฮียแกก็เรียกได้ว่าเนื้อหอมใช่เล่น เพราะมีหนังเข้าฉายถึง 3 เรื่องเลยทีเดียว!! แต่ที่ทำได้ดีที่สุด ก็คือหนังรวมดาวบู๊สามวัย อย่าง Killer Elite เปิดตัวชนกับสาวโสด 30 ก็เลยแอบง่อยไปนิด ที่ 3.4 ล้านบาท อีกหนึ่งนักบู๊จากฝั่งเอเชีย อย่างเฮียเจ็ท ลี ปีนี้ก็พบกับคนดูในบ้านเราเป็นครั้งที่สองแล้วเช่นกัน เรื่องก่อนหน้าก็คือหนังบู๊เอเชียสามมิติ อย่าง The Flying Swords of Dragon Gate ที่อาจจะทำเงินมากมายในบ้านเกิด แต่ในบ้านเรากลับเงียบเหงาผิดคาด เปิดตัวไปเพียง 3.1 ล้านบาท ก่อนหน้าไปอีกก็ยังคงเป็นหนังจากฝั่งเอเชีย อย่าง The Sorcerer and the White Snake ที่เรื่องนี้อาจจะดูดีหน่อย เปิดตัวค่อนข้างสูงในกลุ่มหนังเอเชียช่วงหลังๆ ที่ 5.7 ล้านบาท (โดยมีหนังฮอลลิวู้ดเรื่องก่อนหน้า เป็น The Expendables ภาคแรก นั่นแหละ) โดยรวมแล้วตัวหนังก็คงไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้วล่ะ เพราะทำได้ค่อนข้างดีสำหรับหนังบู๊ล้างผลาญด้วยกัน แถมกระแสก็ถือว่าดีกว่าภาคที่แล้วอยู่พอสมควร ยิ่งไม่มีคู่แข่งแนวเดียวกันมากวนใจอีกหลายสัปดาห์อย่างนี้ ก็คงทำเอาบรรดาป๋าๆ แกสาดกระสุนกันลืมแก่แบบสบายใจกันไปพักใหญ่เลยล่ะนะ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:53:14

ความคิดเห็นที่ 11 สองหนุ่มมิอาจปีนฝ่าด่านกลุ่มแก่ขึ้นไปได้ ทำเอา Top 10 สัปดาห์นี้ หมดแรงลงไปอีกไม่น้อย ที่ 41.1 ล้านบาท น้อยกว่า Top 10 สัปดาห์ก่อน (58.5 ล้านบาท) ไปเกือบ 30% และน้อยกว่า Top 10 สัปดาห์เดียวกันของปีก่อน (48.3 ล้านบาท) ไปไม่มาก ที่ 15% ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ James Bond & Indy เอ้ย!! Cowboys & Aliens ควงปืนปล้นบัลลังก์ ด้วยรายได้ที่อ่อนแรงกว่าที่ควรไปซักหน่อย(สงสัยเพราะให้รอนานเกิน) ที่ 14.5 ล้านบาท จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:53:51

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนอันนี้ ตาราง Top 10 เมื่อสัปดาห์ก่อนครับ จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:54:40

ความคิดเห็นที่ 13 สุดสัปดาห์หน้า ถึงเวลาพี่หมีของเราออกอาละวาดแล้ว!!!! งานนี้  คุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายคงต้องพาคุณหนูๆ หลบกันให้ไกล เพราะถึงแม้ว่าพี่หมีของเราจะหน้าตาครุคริ! หลอกทุกคนให้ตายใจ แต่นิสัยนี่สิ ห่ามอย่าบอกใคร!! แถมยังมาในฐานะเต็งหนึ่งแบบนี้ ก็คงอาละวาดเต็มที่กันเลยทีเดียว หลังจากออกฉายรอบพิเศษ ด้วยกระแสตอบรับที่ดีไม่เลว กับเรื่องราวของตุ๊กตาหมีพูดได้สุดป่วง ที่ทำเอาเจ้าของที่ซี้ด้วยกันมานาน ต้องเลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นของตัวเองได้หรือยัง?? ในชื่อสั้นๆ ว่า ”Ted” ตามมาแบบมีความหวัง(??) กับหนังรอม-คอมไทย หลากคู่ หลากวัย (อีกละ!) ที่ครั้งนี้ เจอปนประเด็น “ทางเพศ” เข้ามาให้ชีวิตของแต่ละคนได้วุ่นๆ กัน แน่นอนว่ารวมพระนางวัยรุ่นหน้าใหม่ไว้เพียบ และได้คุณแม่ยังสวย นิโคล เทริโอ มาร่วมขายชื่อ ในหนังชื่อชวนคิด ”Virgin Am I! รักแรก กระแทกจิ้น” ร่วมด้วยหนังสยองขวัญที่ได้เค้าโครงมาจากเรื่องจริง กับเด็กสาวผุ้โชคร้าย ที่ดันไปได้กล่องไม้ปริศนากลับบ้านมา โดยหารู้ไม่ว่า ในกล่องนั้น กักขังสิ่งช่วยร้าย ที่จะทำลายชีวิตเธอ และคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว! รับประกันความหลอนโดย แซม ไรมี่ (ที่ครั้งนี้ มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้) ใน ”The Possession” และหนังอีกหลากรส หลากสัญชาติ ทั้งหนังคอมเมดี้ ที่ครั้งนี้ จับสองวัยดึกดีกรีออสการ์ เจ้าป้าเมอรีล สตรีฟ และป๋าทอมมี่ ลี โจนส์ กับเรื่องราวชวนฮาของสองคู่รัก ที่ถูกแนะนำวิธีระคองชีวิตคู่ด้วยเซ็กส์! (เจ้าป้าท่าจะติดใจบทแนวนี่แฮะ!!) ใน ”Hope Springs” และหนังไทยอิงประวัติศาสตร์ กับเรื่องราวของทหารหนุ่มชาวม้ง ที่ต้องเข้าไปร่วมรบยังเขาค้อ ท่ามกลางบรรยากาศสงครามระหว่างรัฐบาลไทย และพรรคคอมมิวนิสต์ในตอนนั้น กับ ”ม้ง สงครามวีรบุรุษ” หมีน้อย(นิสัยไม่ค่อย)น่ารัก จะหักกระดูกแก๊งค์ขาบู๊วัยดึกได้หรือไม่??? สัปดาห์หน้า มาลุ้นกันต่อครับ เครดิต ข้อมูลรายได้ประจำสัปดาห์ http://www.entertainweekly.in.th/file_detail.php?cid=01100&c=11 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 07:55:31

ความคิดเห็นที่ 14 มาช้ายังดีกว่าไม่มาครับ ^_^ จากคุณ : tudtudent เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 08:32:25

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับสำหรับความขยัน สัปดาห์ที่แล้วหาตั้งนาน ^^ จากคุณ : HaHaHa เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 09:17:54

ความคิดเห็นที่ 16 *** อ่าน โหวต กิฟต์ เก็บเข้าคลัง ให้กำลังใจครับ *** จากคุณ : สมาชิกหน้าเหลือง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 10:00:41

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : LightenUp เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 10:13:07

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านทีไรเพลินทุกทีเลยครับ แม้จะมาช้าไปนิดก็ไม่เป็นไรครับ ^^ จากคุณ : Uniquely Guy เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 10:53:55

ความคิดเห็นที่ 19 ทำเเฟนๆกระทู้ตกใจหมดครับ คิดว่าหายไปไหน คิดว่าหายไปเเบบอนันดาในหนัง ชัมบาลา ซะเเล้ว ชัมบาลา หนังดีมากครับ ทั้งเนื้อหาและการถ่ายทำ  GTH เป็นรองสหมงคล ก็ตรงนี้เเละครับ ที่ทำหนังได้หลากหลายกว่า แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 55 11:38:07 จากคุณ : Rick_Kiss เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 11:37:04

ความคิดเห็นที่ 20 ตลาดของหนังโรง น่าจะเป็นวัยรุ่น ถึงวัยทำงานแรกๆ มั้ง? หนังผู้ใหญ่มีครอบครัวแล้วและหนังเด็ก เลยค่อนข้างแป๊กในโรง แต่ animation หนังเด็กเนี่ยะ ผมว่าตลาดหนังแผ่น น่าจะมีรายได้ที่เราคาดกันไม่ถึงหรือเปล่า??? จากคุณ : BFattitude เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 11:38:18

ความคิดเห็นที่ 21 ขอถามนอกเรื่องได้ไหมค่ะ...? คุณคือ " Gossip กัน " แห่งคลื่น 94 EFM. ใช่หรือไม่ ? ปล. หายไปนานน่ะค่ะเนี่ย กระทู้ทรงคุณค่า และน่าอ่านอย่างนี้ อย่าหายไปนาน ๆ อีกนะค่ะ คุณกัน ^ ^ จากคุณ : Jane Thailand เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 13:27:41

ความคิดเห็นที่ 22 the dinosaur  4.6m, oh god why? แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 55 13:54:35 จากคุณ : GrefreZ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 13:54:12

ความคิดเห็นที่ 23 ดีใจที่คุณgunki_kunกลับมานึกว่าจะทิ้งเฉลิมไทยไปซะแล้ว เป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ จากคุณ : cheewwyA เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 14:01:17

ความคิดเห็นที่ 24 ตามอ่านตลอดน่ะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Love Anyone เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 15:17:02

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบมากเลยค่ะ อ่านทุกกระทู้ จากคุณ : NickyOkawa เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 15:39:41

ความคิดเห็นที่ 26 มาเชียร์หนังที่รวมอายุคนแสดงได้เกือบพันเจ้าค่ะ แต่สัปดาห์หน้าคงโดนเจ้าteddy bear กระชากไม้เท้าตกบัลลังค์แน่ๆ จากคุณ : miyuna เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 16:49:07

ความคิดเห็นที่ 27 ดีใจที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหนนะคับ ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีดีนะคับ จากคุณ : คนคายาก เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 17:03:17

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับรายงานแจ่ม ๆ ค่ะ Vote + Gift      ^________^ จากคุณ : zelimony เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 17:59:42

ความคิดเห็นที่ 29 Ted เบิ้ล 2 รอบแย้ว หมีมันไม่แอ๊บ แล้วก็แสบเจรงๆ จากคุณ : Barca'naL_uffy เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 20:40:10

ความคิดเห็นที่ 30 ติดตามอ่านเป็นประจำครับ จากคุณ : Petch_W เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:11:27

ความคิดเห็นที่ 31 ก็ว่าหายไปไหน... กลับมาแล้ว และมาเต็มเช่นเคย..คุณ gunki_kun เป็นแฟนคลับตามอ่านเสมอ จากคุณ : บ่าวเมืองเทิง เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:33:47

ความคิดเห็นที่ 32 หายไปตั้งอาทิตย์นึง คิดถึงนะเนี่ย จากคุณ : joy_bph เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 22:09:31

ความคิดเห็นที่ 33 โหวตและถกิ๊ฟไปแล้วนะครับ!!  ต้องเผื่อกีบไว้กระทู้พี่กันกิตลอดอ่า จากคุณ : diazepamvalium เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 01:37:51

ความคิดเห็นที่ 34 จะว่าไปทำไม Box Office เหล่านี้ นับ "ยอดเงิน" ไม่ได้นับที่ "ยอดตั๋ว" เพราะมันต่างกันโดยสิ้นเชิง "นั่นคือผมจะบอกว่า หนังสองเรื่องทำรายได้ 50 ล้านบาทเท่ากัน ไม่ได้แปลว่าหนังสองเรื่องนี้จะได้รับความนิยมเท่ากัน อย่างแน่นอน" หากหนังบัตร 3D อย่างเดียว เทียบกับหนัง ธรรมดา ยิ่งแล้วใหญ่เลย ราคาบัตรก็ต่างกันลิบลับแล้ว แล้วทำไมยังเอาเรื่องมูลค่ามาเทียบกับความนิยมอีก จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 09:01:28

ความคิดเห็นที่ 35 หาตั้งนานเจอกระทู้แย้ววว ขอบคุณครับอาทิตย์ที่แล้วเข้ามาไม่เห็นนึกว่าจะไม่มาลงแล้ว ขอบคุณน้ำใจงามๆค๊าบบบบ จากคุณ : ป็อกป็อกแป็กแป็ก เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 13:29:00

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากนะคะ ชอบอ่านๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : S@iYoJang เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 23:34:30

ความคิดเห็นที่ 37 เย้ กระทู้ดีๆของจขกท กลับมาแล้ว ติดตามตลอดเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ อยากดู ted มาก ต้องหาเวลาไปดูแล้ว จากคุณ : i.amyiing เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 00:08:52

ความคิดเห็นที่ 38 ติดตามอ่านอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :) จากคุณ : นู๋เบลล์ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:52:36

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ทราบว่าหนังรัก 7 ปี รายได้สุดท้ายถึง 70 ล้าน? จากคุณ : แพนงเนื้อ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:20:27

ความคิดเห็นที่ 40 รัก 7 ปี ไม่ถึง 70 ล้านครับ ปิดไว้ประมาณ 67 ล้านบาทครับ จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 15:04:36

ความคิดเห็นที่ 41 ตามหาอยู่ตั้งนาน อยากรู้รายได้ชัมบาลาค่ะตอนนี้ค่ะกวาดไปเท่าไหร่แล้ว ไปดูรอบเพลสมาประทับใจ เลยไปดูเสียตังค์อีกรอบ นึกว่าจะเป็นแค่โรดมูฟวี่ธรรมดาแต่มันไม่ใช่ พึ่งรู้ตัวว่าหนังแนวนี้ก็สนุกดี    จากคุณ : น้ำค้างหมอก เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 18:36:32

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ จากคุณ : RadiorA เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 12:49:29

ความคิดเห็นที่ 43 ไดโนเสาร์...ไปดูมาแล้ว   แปลกใจ 1 เบาะ suit อย่างดี ทำไมตั๋วมันแค่ 90 บาทฟะ แถมราคาเดียวทุกที่นั่ง แปลกใจ 2 เข้าไปในโรง ทั้งโรงมีอยู่ 8 คน แปลกใจ 3 ประโยคที่ขึ้นว่าไม่มีการตัดต่อใดๆ ทั้งสิ้น แค่เริ่มก็อยากจะตะโกนว่า ไม่เชื่อเฟ้ย และ...การแสดงความคิดเห็นนี้ไม่มีเจตนาจะทำให้หนังเสียเครดิตแต่อย่างใด และนี่คือความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ จากประสบการณ์การดูหนังมา หนังเรื่องนีัเป็นหนังที่ทำให้เสียอารมณ์ในการดูที่สุดในรอบปีหรือหลายๆ ปี และรู้สึกเสียเวลาอย่างยิ่ง เข้าใจว่าพยายามทำหนังให้เป็นแบบเรียลลิตี้ตามติดชีวิต แต่มันทำออกมาได้ป่วงมาก ดูแล้วเวียนหัวและคลื่นไส้กับภาพแว้บไปแว้บมา เขย่าๆ เอียงๆ จนหลายต่อหลายรอบคิดอยากจะเดินออกจากโรง เพราะทนดูต่อไม่ไหวล่ะ จุดที่น่าจะให้รายละเอียดก็ทำไว้หยาบๆ หลายต่อหลายฉาก สั้นๆ ผิดหวังค่ะ จากคุณ : Tonberry_sista เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 22:13:29