ผมเป็นคนขับแท็คซี่ ช่วงนั้นขับอยู่แถว...xxx.......ซึ่งเกือบถึงหน้าวัด .....xxxx...ช่วงเวลานั้นก้อประมาณ 2 ทุ่มและก้อมีผู้โดยสารโบกรถ สองกลุ่ม กลุ่มแรก มี 4 คน ผมดูท่าทางแล้วไม่เวริ์กแน่ ๆ เพราะกลัวรถหนัก จึงเลยไปรับผู้ ญ. กับ ผู้ ชาย กลุ่มหน้า สองคนนั้นดีกว่า
" ไปไหนครับ " " ไปสำโรงค่ะ " " ได้ครับ ขึ้นเลย "
แล้วผู้ ญ. ก้อเข้ามานั้ง เบาะ หลังตามปกติ แต่ผู้ชายไม่ได้ขึ้น ตามมาด้วย เค้าอาจจะมาส่งแฟนก้อได้ ขับมาสักพัก พ้นวัดไปได้ไม่เท่าไหร่ มุ้งหน้าไปสำโรง ผมขับรถไปแล้วมองกระจกหลัง พระเจ้า !!!
ผู้ชายคนนั้น มานั่งอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?? เพราะตอนที่ ผู้ ญ. ขึ้นมา ผมมั่นใจ แม้ไม่ได้ มองตอนที่เขาขึ้นมา แต่ผมก้อรู้สึกว่าเขาเข้ามาแค่คนเดียว แล้วเค้านั้งฝั่ง ซ. ติดกับประตู้ ( แต่ผู้ชายคนนั้นที่มาส่ง นั่งฝั่งขวา) ถ้าเข้ามาจริงๆ ผู้ญ. คนนั้นต้องกระเทิบ หรือ ผมต้องรอให้พวกเค้านั่งรถเสร็จก่อนแล้วค่อยขับรถออก แต่นี้เข้ามาได้ยังไง???
แต่ผมก้อไม่ได้คิดไรมากนะ ได้แต่สงสัย ว่าเค้า เข้ามาตอนไหน ?? และแปลกมากที่ ตลอดเวลาที่นั้งด้วยกันมา ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น?? มันเงียบมาก วันนั้นแหม่เวลา 2-3 ทุ่ม แต่ข้างทางทำไมมัน วังเวง จนรู้สึกขนลุก ผมขับรถ มาถึงสำโรง และเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไปตามคำบอกทางของผู้ ญ. และไมถึงหน้าหมู่บ้านของเธอ จึงเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน และผมก้อได้เห็น.... ยามหน้าหมู่บ้าน สองสามคน(คงเป็นยามผลัดดึก) มุงดูอะไรกันอยู่ มุงกันอยู่นั้น ไม่สนใจรถผมเลย ผมกำลังจะเข้าหมู่บ้านะเนียะ คือยามต้องเอาที่กั้น แล้วแลกบัตร ก่อนเข้าหมู่บ้านได้อ่ะครับ ผมเลยกดแตรดังๆ จึงมียามคนหนึ่งวิ่งมาแล้วบอก "ขอโทษพี่" แล้วลืมยกที่กั้นขึ้น ผมจึงขับรถเข้าในซอยหมู่บ้าน
"จอดหน้าบ้านนี้ได้เลยค่ะ" เสียงผู้ ญ.บอก ผมก้อจอดลงหน้าบ้าน แล้วเธอก้อให้เงินผมมา แล้วก้อปิดประตู ปัง แต่เอ๊ะ ทำไมผู้ ญ. ลงไปคนเดียว ทำไมผู้ ช. ไม่ลง ผมก้อคิดว่า มาส่งผู้ญ. แล้วคงไปต่อเรื่อยขับรถออก แล้วก้อ ถามผู้ชายที่นั่งนิ่ง อยู่นั้น ว่า "พี่จะไปลงที่ไหนคับ "
ผู้ชายคนนั้นยกนิ้วชี้ไปตรงทางออกจากหมู่บ้าน ผมจึงเลี้ยวรถกลับ แล้วหัก พวงมาลัยดูทาง แต่เมื่อหันกลับมาอีกที พี่ผู้ช. คนนั้นหายไปไหนแล้ว!!!
ผมขึ้นลูกซู่ ขนลุกเพราะเค้าไม่ได้ลงรถจริงๆ หรือถ้าลงรถตอนไหน ก้อต้องได้ยินเสียงประตูปิดเปิด แต่ตอนนี้ไม่ม่ ไม่มี เค้าอยู่ ผมเริ่มเสียวสันหลัง และเมื่อขับรถผ่านหน้าบ้าน ผู้ญ. คนที่เพ่งลงเมื่อกี้นี้ (เพราะต้องผ่านหน้าบ้านเพื่อ ออกหน้าปากซ.หมู่บ้านอีกครั้ง)
ผมจอดรถและถาม ผู้ญ.คนนั้น ที่กำลังฉีดสายยางรดน้ำอยู่หน้าบ้าน
" นี้ ๆ คุณ ๆ เพื่อนคุณน่ะ หายไปไหนแล้ว" "เค้าลงรถไปตอนไหน ?? บ้านเค้าอยู่แถวนี้หร่อลงไปไม่บอกผมด้วย "
ผู้ ญ. ทำหน้างงแล้วบอกกลับว่า
" เพื่อนที่ไหนค่ะ ฉันมาคนเดียว" " จะมาคนเดียวได้ไง ก้อเรานั้งกันมาสามคน" "สามคนตลอดเลย แล้วพี่ผู้ชาย เพิ่งจะหายไปเมื่อกี้" " เด๋วพี่รอหนูตรงนี้ สักครู่นะคะ เด๋วหนูมา"
เธอหายเข้าไปซักพัก " พี่คะ ๆ ใช่คนๆนี้ไหม" เธอออกมาพร้อม ให้ดูรูป ผมเหงือตก และตอบว่า " ใช่ครับ "
" แฟนหนู่เองค่ะ หนู่เพ่งจะเผ่า แฟนหนูเมื่อกี้นี่เอง คือแฟนหนูเพิ่งตาย ด้วยอุบัติเหตุ แล้วหนูทำพิธีเผ่าเสร็จ หนูก็แวะเรียกรถพี่เผื่อมาส่งบ้านี้ค่ะ"
ผู้ ญ. เริ่มร้องไห้ และร้อง ฮือ ๆ ๆ ๆ อยู่อย่างนั้น
"เค้าคงเป็นห่วงหนู่ เพราะเรารักกันมาก พี่รอหนูก่อน แป้ปนะค่ะ"
" พี่ค่ะ พี่ช่วยพาแฟนหนูไปส่งด้วยนะคะ นี้ค่ารถค่ะ ช่วยพาแฟนหนูไปส่งให้ได้นะคะ คิดว่าช่วยหนูนะคะ"
ผมตกปากรับคำ ด้วยความจำใจจริง ๆ และสงสาร ผู้ ญ.คนนั้นด้วยจึงรับเงินเท่าจำนวนค่าโดยสารเท่านั้น ไม่ได้รับเกิน ด้วยความสยองผองขน ว่าต้องนั้งรถป่าว ไปกับ ....... แค่คิดก้อขนหัวตั้งแล้ว ผมเริ่มสตาร์ทรถ....รถออก.......ระหว่างทางผมมอง กระจกหลังตลอดฃ.........มองไป.....ไม่เจอ......โล่งหน่อย ไม่เจออะไรเลย.........
ขับรถมา กำลังจะออกหน้าปากซ.หมู่บ้าน เจอเด็กสองคน อายุ 11-12 นี่แระ เดิน โต๋เต๋ ๆ มา อย่างกับคนเมา ผมก้องง ดึกดื่นป่านี้แล้วเด็กที่ไหนสองคน มันมาเดินโต๋ ๆ เต๋ ๆ แถวนี้ แถมนั้น โบกรถผมด้วย หรือจะไปไหนกัน ??
อืมดี เผื่อเด็กพวกนี้จะเรียกรถไปไหนอย่างน้อย มีเด็กสองคนนี้นั้งไปด้วย คงไม่ต้องนั่งรถไปกับผืตลอดเป็นความคิดที่ดีทีเดียว " จอด ด้วยครับ ๆ ฮือๆๆ" อ่าวทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะ ผมคิดในใจ และเปิดกระจกถามว่า "จะไปไหน หรือหนู " ทำไมมีเด็กสองคนเดินร้องไห้มาโบรกรถแท็กซี่ผมอดย้อนไปคิดไม่ได้ แล้วพิจารณาดูเสื้อผ้าเด็กสองคนนี้ ทำไมมันแปลก ๆ คนหนึ่งใส่ชุด ส้มแปร็ดอีกคนหนึ่งก้อเขียวแปร๊ด
" ฮือ ๆ ลุงครับ ๆ ช่วยไปดูตาผมด้วยครับ ตาผมโดนพวกนั้นทำร้ายครับ" " ใครทำอะไรกันหนู " " ลุงไปช่วยตาผมด้วย ตรงนู้นครับ " เด็ก ๆ ชี้ไปทางหน้าหมู่บ้าน เด็กเดินไป พลางชี้จุดเกิดเหตุ อ้าว!!
หน้าหมู่บ้านตรงที่ไอ้ยามพวก นั้นมุงดูอะไรกันอยู่ตอนที่ผมจะเข้า ก้อมุง ตอนนี้ยังไม่เลิกมุง ที่ไหนได้ สงสัยไปมีเรื่องกับตาของเด็กพวกนี้ แล้ว ละทิ้งหน้าที่ไม่ยอมเฝ้ายาม
"ช่วยตาผมให้ได้ครับลุง" เด็ก ๆ อ้อนวอน.... ผมจนใจ "ได้สิ ลุงจะช่วยนะ "
แล้วผมก้อเดินเข้าไปหา ยาม ที่กำลังมุงดูอะไรกันอยู่นั้นแระ สงสัยกำลังลุมตืบตาของเด็กพวกนั้นอยู่ " ทำไมไม่เฝ้ายาม แต่กลับไปมีเรื่องกับคนแก่" ผมพูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้
"มีเรื่องกับคนแก่อะไรที่ไหนพี่" ยามทำหน้างง แล้วบอกผม
" ก้อมีเรื่องกับคนที่เอ็งลุมตืบอยู่นี้ไง เค้าแก่แล้ว เอ็งไปทำเค้าทำไมวะ เนียะไอเด็กสองคนเนียะมันมาบอกให้กรูช่วยตามัน"
" ไหนพี่ ไม่มีคน นี้ ๆ พี่ดู งูเหลือม ตัวเบ้อเร้อ เลย "
ผมหันหน้าตามลงไปดูที่พื้น งู อะไร ตัวเบ้อเร้อเลย!!
" แล้วเด็กเด็ก ที่ไหนกันพี่ ?????"
ยามหันกลับมาถามผม
" ก้อเด็กพวกนี้ไง ผมหันมาข้างหลังจะชี้ให้ดู " อ่าวววววว เด็กหายไปไหนหายไปแล้ว!!
"ผมสิเห็นงูมันเรื้อยมา ผมเลยช่วยกันเอาไม้มาตี ผม สังเกตุดู ตีกลางหลังเลย จนงูสลบเหมือบเลย ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าเรื่องมันปะติดปะต่อกันยังไง ผมเล่าเรื่องเด็กสองคนที่เดินมาร้องไห้ แล้วโบรกรถผม และให้ผมไปช่วยตาของเค้า ให้ยาม 3 คนนั้นฟัง แล้วอธิบายว่า ที่พวกเค้าตีงูหลามตัวนั้นอยู่ ก้อคือตาของเด็กสองคนนั้นเอง พวกเค้าหลงไปตีงูเจ้าที่เข้าให้แล้ว ที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า งูตัวนั้นเป็นงูเจ้าที่เพราะ เด็กอะไรจะมาร้องไห้งอแงตอนดึกๆ แล้วเรื่องที่อยู่ดี ๆ เด็กสองคนนั้นหายแว๊ปไปแล้วอย่างไม่มีล่องลอย เป็นตัวบงบอกแน่ชัดว่า ผมเจอดีเข้าให้อีกแล้ว
ยามพวกนั้น ฟังเรื่องที่ผมเล่าก้อขนลุก แล้วบอกว่าไม่ได้มีเจตนาตี เห็นว่าเป็นงูจึงป้องกัน กลัวโดนทำร้าย ไม่ได้คิดว่าเป็นงเจ้าที่ และไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หรือลองของ ยิ่งพูดคุยกันแล้วยิ่งเครียด บรรยากาศกลางดึกสงัดหน้าหมู่บ้าน นี้ ชักไม่ค่อยดี ผมจึงได้ถามยามว่า แถวนี้มีศาลเจ้าที่ หรือ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนแถวนี้เคารพบูชา หรือสร้างไว้บ้างมั๊ย ยามยืนนึกสักพักแล้วบอกว่า มีอยู่เลยหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านไปหน่อย เราจึงตกลงกันว่าจะไปไหวขอขมา กัน
แล้วงูตัวนี้ล่ะ จะเอาไงดีล่ะ คิดแล้วปวดกะโหลก เอาหว๊ะ!! บอกแล้วนิว่าจะช่วยก้อต้องช้วย ก่อนไปผมจึงบอกยามว่า ช่วยกันเอางูตัวนี้ใส่ที่วางของ ท้ายรถให้หน่อย เพราะไหน ๆ ถ้าจะช่วยก้อเอาไปให้ สถานเสาวภา ซะเลย เพราะ เด๋วก้อต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว พวกยามช่วยกัน ยกงูที่สลบเหมือบ อยู่นั้นไว้ท้ายรถ และบอกว่าเด๋วพวกเค้าจะเดินไปเอาธูปแป๊บหนึ่งก่อน จะได้เอาไปไหว้ขอขมา ให้ผมขับล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ผมก้อขึ้นรถเตรียมสตาร์ท รถเริ่มออกตัว เฮ้ยยย!! ผมแถบช็อค
ที่ผมจะช็อคนั้น..เพราะผมมองกระจกหลัง ปรากฎว่า ตอนนี้ ไอเด็กสองคนนั้นนั่งอยู่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว แถมอุ้มชายแก่ ๆ อีกคนหนึ่งด้วย อยู่บนรถ เบาะหลังนั่งตักอยู่ ขับรถไปคิดไป กลัวไป สั่นไป จนมาถึงศาล เล็ก ข้างทาง นี้ถ้าไม่สังเกตุ ดีๆ จะไม่รู้เลยว่ามีศาลอยู่ตรงนี้ เพราหญ่ารกมาก และศาลค่อนข้างเตี้ยมากด้วย ผมเห็นยามกำลังเดินมา ผมลงจากรถและมองไปเลี้ยวมองไปที่ศาลโดยบังเอิญ เจอเลยครับ ขนลุกอีกแล้วแถบเขาอ่อน เด็กสองคนนั้นพยุงตา หายแว๊บบ เข้าไปที่ศาล ผมตลึง หลังจากนั้น ก้อเป็นการไหว้ขอขมาต่าง ๆ ทั้งผม ทั้งยาม บอกกล่าวต่าง ๆ นา ๆ จนเสร็จเรียบร้อย ผมเล่าเรื่องต่อจากนั้นว่าเด็กและตาของเค้ามานั้งในรถ และหายแว๊บเข้าไปในศาล พวกเค้าแถบเข่าอ่อนเช่นกัน และเล่าต่อไปด้วยว่า ชุดเด็กที่คนหนึ่งส้มแปร๊ด อีกคน เขียวแปร๊ด นั้น เหมือนตุ๊กตาและชุดของตุ๊กตาที่อยู่ในศาลเลย ไม่มีผิดยิ่งทำให้ขนหัวลุกกันไปใหญ่ สรุปเสร็จพิธีต่างคนต่างแยกย้าย ไม่มีใครอยากจะอยู่ ตรงนั้นกันนาน พวกยามกลับป้อมยาม และผมล่ะ? และผมต้องไปที่ไหนต่อ? นึกได้อย่างนั้นก็สตาร์ทรถเริ่มขับออก.........
|