ความคิดเห็นที่ 1 ^___^ Love this program actually จากคุณ : Piss off kuru เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:08:16

ความคิดเห็นที่ 2 กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสส มาแล้ว รออยู่คะ ดูสดแล้วแต่อยากดูอีก ขอบคุณนะคะ จากคุณ : tara2004th เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:13:14

ความคิดเห็นที่ 3 ยูทูบแจ้งว่าเพลงประกอบรายการในตอนนี้ติดลิขสิทธิ์ถึง 3 เพลง ได้แก่ "Electric Light Orchestra-Mr. Blue Sky", sound recording administered by: SME "Enya-Book Of Days", sound recording administered by: WMG "Penguin Café Orchestra-Music For A Found Harmonium", sound recording administered by: EMI ทำให้คลิปโดนบล็อคที่เยอรมันประเทศเดียว และอาจจะมีโฆษณาแนบมากับคลิปนี้ด้วย จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:18:24

ความคิดเห็นที่ 4 กรี๊ดดดดดดดดดดดด ขอบคุณค่าา ^/\^ จากคุณ : สวยที่สุดในสามโลก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:20:41

ความคิดเห็นที่ 5 มาตามดูคลิปรายการนี้อยู่ร่ำไป นานๆจะดูผ่านทีวีสักที เพราะทีวีโดนแย่ง 555+ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ปากกาซุ่ม เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:37:29

ความคิดเห็นที่ 6 เย้ๆๆๆ รออยู่เลยค่ะ พลาดสดไป จากคุณ : june_ju เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:51:59

ความคิดเห็นที่ 7 ดูจนถึงช่วงท้ายรายการยอมรับเลยว่าไม่เคยคิดถึงฟลอเร้นซ์ในแง่นี้เลย คิดแต่ว่าดีจังเค้าเก็บอดีต เก็บความเก่าไว้ได้ ดูแลรักษาอย่างดี แต่อีกด้านนึงความใหม่ หรืออนาคตก็ไม่เคยได้เข้ามาถึงเลย ทุกอย่างมันมันมีสองด้านจริงๆ จากคุณ : A cup of milk เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:01:36

ความคิดเห็นที่ 8 ผู้หญิงพักกับผู้ชายไม่อันตรายเหรอค่ะ  แล้วนอนอยู่ ไม่กลัวของหายเหรอ คือสงสัยอะค่ะ จากคุณ : june_ju เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:01:44

ความคิดเห็นที่ 9 โดนบล็อก ดูไม่ได้ครับ ใครมีช่องทางอื่นแนะนำไหมครับ ... ไม่อยากพลาดสักตอนเพราะยังไม่เคยโดนบล็อกแบบนี้ จากคุณ : Crystalpolytea2ten เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:08:10

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ Crystal คงต้องใช้ proxy หลบหลีกเส้นทางเอาน่ะ จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:13:08

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนรูปปั้น เดวิด สารภาพเลยว่ามองแต่ตรงใบไม้ >_< !!! แต่ตอนท้าย...เอาใบ้ไม้ออกซะงั้น O.O .....  เลยเห็นแบบเต็ม ๆ ^ ^ ฮาตอน แอบกินมันฝรั่ง ที่สองคนนั้นลืมทิ้งไว้ แล้วมีการจะไปหาตามห้องชั้นอื่น ๆ ที่เช็คเอาท์ อีกนะ 5555 ปล. หวังว่ารายการนี้ จะได้รับรางวัลจากเวทีใด เวทีหนึ่งนะค่ะ แล้ววันนั้น....ฉันจะร้องกรี๊ดดดดด แล้วบอกว่า คุณเหมาะสมแล้วว !!!      ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 02:00:46 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 01:19:22 จากคุณ : Jane Thailand เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:18:45

ความคิดเห็นที่ 12 แบบ un-censor... >< เป็นรูปปั้นที่มีคุณค่าทางศิลปะ และมีความสวยงามจริงๆ ... จากคุณ : MaewLaay เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:54:47

ความคิดเห็นที่ 13 คห. 8 โฮสเทลส่วนใหญ่เขามีตู้ หรือล็อกเกอร์ที่ล็อกได้ บริการให้ด้วยครับ จากคุณ : MaewLaay เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:56:19

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อคุณ Edna Mode ครับ...ยังไงหรอครับ...เปลี่ยน proxy หรอครับ จากคุณ : Crystalpolytea2ten เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:04:51

ความคิดเห็นที่ 15 ".....เธอลองสังเกตเมืองนี้ดีๆ สิ  ทุกคนที่นี่ มีชีวิตอยู่กับอดีตทั้งนั้น  ไม่มีตึกหน้าตาทันสมัยเลย  ต่อให้โตเกียวหรือปารีส  ก็ยังมีตึกสมัยใหม่อยู่เต็มไปหม­­ดใช่ไหม ..."  แต่เมืองนี้  เราหยุดเวลาไว้ ตั้งแต่ ยุคกลาง แล้ว  เรายอม สูญเสียอนาคต  เพื่อ รักษาประวัติศาสตร์ เอาไว้ ...  ที่นี่ไม่มี งานใหม่ๆ  สำหรับคนหนุ่มสาว  เหลือเพียงงาน ซ่อมของเก่า กับงาน ต้อนรับนักท่องเที่ยว เท่านั้น ... แต่คนที่นี่ ก็ยอมมีชีวิตอยู่ในอดีต  พวกเขาไม่มีอนาคตเลยสักนิด ... "  .....รู้สึกซึ้ง และ ชื่นชมคนเมืองนี้มากเลยค่ะ  ดูแล้วน้ำตาจะไหล  จากคุณ : สาวเกาหลี เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:28:31

ความคิดเห็นที่ 16 จะบอกว่าเดวิทของจริงสวยงามมีเสน่ห์มากครับ จากคุณ : Zeta_Baby เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 06:44:40

ความคิดเห็นที่ 17 อยากทราบชื่อเพลงคลาสสิคที่เปิดในหนังอะครับ นาทีที่ 24 มีใครพอจะทราบมั้ยครับ? ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ทรงพลังมากๆครับ เป็นอีกตอนที่ผมชอบ ใครไม่ได้ดูเสียดายแย่ จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:14:24

ความคิดเห็นที่ 18 เทคนิคของ 2 หนุ่ม เปิดเผยเดวิดตอนท้าย 555 ดูมาตั้งแต่ต้นคลิป ตึกสมัยใหม่ไม่มีให้เห็นจริงๆสำหรับเมืองนี้ เค้ารักษาอดีตเก็บความทรงจำอย่างดีทีเดียว น่านับถือจริงๆ จากคุณ : Kopscout เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:17:13

ความคิดเห็นที่ 19 เช้าวันจันทร์มา หากระทู้นี้ก่อนและแชร์ให้เพื่อนดูในfacebook :) จากคุณ : สีน้ำ -_- เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:27:47

ความคิดเห็นที่ 20 ขึ้นกระทู้แนะนำทุกวันจันทร์แบบนี้หวังว่าคงไม่มีใครมาดราม่า รายการดีๆ ที่ควรค่าแก่การดูในวันต้อนรับสัปดาห์ใหม่นะ ^^ ชอบตอนสรุปว่าเมืองฟลอเรนต์เป็นเมืองแห่งอดีต ไม่มีอนาคต...............ต้องยอมสูญเสียบางสิ่งเพื่อให้ได้อีกสิ่งสินะ Picture credit: http://www.youthhostel.ch/en/international/florence จากคุณ : yuikuzoo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:06:59

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อวานจ่อดูหน้าจอทีวีเลย (จริงๆเป็นคนไม่นอนดึกวันอาทิตย์เพราะต้องตื่นเ้ช้ามาทำงานวันจันทร์แต่เพื่อรายการนี้ T_T เลยนั่งจ้องทีวี) จากคุณ : ถังแก๊ส เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:10:17

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบมาก ตอนจบประทับใจจริงๆดูรายการนี้ได้มากกว่าการท่องเที่ยวอย่างเดียว สองหนุ่มมักทิ้งอะไรให้เราคิดตามเสมอเลย เป็นกำลังใจให้บอลกับยอดด้วยค่ะ จากคุณ : Muminnie เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:28:04

ความคิดเห็นที่ 23 รู้สึกว่าเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะรักษาประวัติศาสตร์เลยนะ จากคุณ : น้ำชายามเย็น เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:28:27

ความคิดเห็นที่ 24 จำอะไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เล่ามาไม่ค่อยได้ ติดตาตอนยกถุงมันฝรั่งกรอกมาก ๆ เออ...พี่คะ ชีวิตมันจะอดอยากเกินไปมั้ยคะเนี๊ย ==" จากคุณ : wendyandbas เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:47:27

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนที่เห็นวิวบนหอคอย  ผมยังคิดในใจเลยว่า วิวนี้มันคงจะเหมือนเมื่อ 100 ปีที่แล้ว พอบอลกับยอด พูดว่า คนที่นี้อยู่กับอดีต  จมอยู่กับความรุ่งเรืองในอดีต โอ... เรามองเห็นสิ่งเดียวกัน แบบไม่ต้องพูดอ่ะ จากคุณ : 007 (panaratb) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:51:57

ความคิดเห็นที่ 26 ปกติก็เคยเห็นเดวิดจากรูปภาพ หรือในทีวี ซึ่งก็มักจะเน้นที่.... แต่วันนี้เพิ่งเคยเห็นสีหน้าและแววตาของเดวิด ดูตื่นตัว กังวล และกล้าหาญจริงๆ ชอบฉากในหนังญี่ปุ่นที่ 2 หนุ่มบิวท์อารมณ์มากๆ ถ้าแค่ถ่ายมาให้ดูว่ากว่าทั้งคู่จะปีนขึ้นไปมันเหนื่อย มันกลัว... แต่ก็เท่านั้นเนอะ อยากขึ้นไปดูกันเองนี่ แต่พอเอาฉากในหนังที่ปูพื้นว่าทำไมพระเอกนางเอกต้องมาเจอกันบนนี้ แล้วภาพมันค่อยๆห่างๆออกไปๆๆๆ จนเห็นภาพที่ยิ่งใหญ่โดมที่อยู่ใจกลางเมืองแล้ว โอ้.. มันยิ่งใหญ่ควรค่าแก่การเสียเงินและเสียแรงปีนขึ้นไปจริงๆ ขอบคุณคุณ Edna Mode ค่ะ เมื่อคืนอุตส่าห์รีบอาบน้ำ หนีออกมาดูทีวีอีกห้องนึง เพราะในห้องนอนกำลังดูละคร The Six Sense ปรากฏว่ากล่องดำมันไม่ค่อยได้เปิด มันเลย update ข้อมูลนานมากๆๆๆ อดดูช่วงแรกๆไป เดี๋ยวเย็นนี้ตามดูอีกรอบค่ะ จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:54:28

ความคิดเห็นที่ 27 เคยไปแล้วประทับใจมากๆ ฟิเรนเซ่ ^^ จากคุณ : Cuddle เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:56:42

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นอีกคนที่ชอบพักโฮสเทลค่ะ เหตุผลอันดับหนึ่งคือ ถูก ^^ เคยนอนทั้งแบบห้องรวมและห้องเดี่ยว ไม่มีอันตรายอะไรนะคะ เหมือนทุกคนก็แบบ.. มาเที่ยวกันจริงๆ คือ ตื่นแต่เช้าออกไปเที่ยว กว่าจะกลับก็มืดค่ำ เหนื่อย มีทักทายกันบ้างเล็กน่อยกับเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็หลับเป็นตาย ไว้เที่ยวในวันถัดไป แต่ฟลอเรนซ์นี่มัน "งามแต้ๆ" ^^ จากคุณ : Hatake [ Uchiha ] Ai เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 10:10:19

ความคิดเห็นที่ 29 สวย และ ประทับใจมาก น่าตามรอย ที่สุด จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 10:45:43

ความคิดเห็นที่ 30 ใครพอทราบว่า หนังที่ บอล กับ ยอด มาเป็นฉากประกอบตอนนี้ ชื่ออะไรครับ เหมือนคุ้นๆแต่จำชื่อไม่ได้  ชอบ เฉินฮุ่ยหลิน ซะด้วย  จะหามาดู (เพลงประกอบเพราะจริงๆ) จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:03:09

ความคิดเห็นที่ 31 ที่นี้สวยจริง ไม่เถียงเลย ที่นี้ เราว่านอกจากการอนุรักษ์เมืองเก่า ไว้ แต่พวกอุตสาหกรรมเก่าๆของเมืองมันก็เป็นจุดขายได้นะ แต่นั้นแหล่ะ ก็สำหรับ"นักท่องเที่ยว" (ที่นี้เครื่องหนังเยอะมากกกกก เป็นฐานใหญ่ของแบรนด์แฟชั่นดังๆหลายเจ้าด้วยด้วย) แต่ถ้าเคยไปพวกเมืองเล็กๆที่มีผลิตภัณฑ์ท่องถิ่น รอบๆฟิเรนเซ่นี้ จะยิ่งกว่า เพราะเหมือนหยุดเวลาไว้ยุดโบราณเลยจริงๆ ส่วนพวกกับการก่อสร้างนี้ เราคิดว่าจะเป็นการขัดกับการที่เมืองเป็นมรดกโลกของUNESCOด้วยมั้ยนะ? เมืองเลยยังคงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ เราเลยมองว่า ถ้าจุดที่การพัฒนาเมืองนั้น มันยังเสี่ยงต่อการทำลายรายได้จากการขายแหล่งท่องเที่ยว และของเก่า  เราก็เข้าใจคนออกนโยบายนะ เพราะคนเที่ยวพวก"โบราณสถาน"เยอะมากๆจริง  เพราะงั้นคือ ถ้าจุดขายของคุณคือการขายความเก่าให้ท่องเที่ยว คุณก็ต้องเลือกที่แลกอะไรบางอย่างมา เพื่อเม็ดเงินที่คุณได้รับ   ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอะไรมากกว่านั้นก็ต้องยอมออกไปแสวงหาโอกาสที่อื่นแทน (เรามีเพื่อนเป็นคนโรมที่เค้าชอบทำหน้าเหม็นเบื่อ เวลาที่พูดถึงนักท่องเที่ยวมาก 555) หรือถ้าสามารถมองเรื่องพวกนี้ให้เป็น"โอกาส"ได้ ก็รุ่งได้เช่นกันนะ เราว่า แล้วเชื่อมั้ย ถ้าออกกฎอะไรที่สมัยใหม่มากเกินไป มีการก่อสร้างตึกสูงๆใหม่ๆ เดียวก็มีคนมาประท้วง ว่าเป็นการทำลายประวัติศาสตร์...ลักลั่นดีแท้ แค่ความเห็นส่วนตัว ที่มีต่อประเด็นในเทปนี้นะคะ ^^; #8 จากประสบการณ์ของbackpackerเก่า นอนกับรูทเมทหนุ่มๆ เรารู้สึกสบายกว่าพวกผู้หญิงด้วยซ้ำค่ะ คือส่วนใหญ่ที่เราเจอรูมเมทชายจะเจนท์มากค่ะ มีการบอก มีการถามตลอดว่าเค้ารบกวนเรามั้ย  แต่พวกผู้หญิงที่เรามักจะเสียงดังกว่าค่ะ เหมือนเห็นเป็นเพศเดียวกันแล้วไม่ค่อยเกรงใจเท่าไร  ถ้าเรานอนดอร์มหญิง มีเรื่องให้เราอัญเชิญเพื่อนรวมห้องให้ไปเม้าท์ ที่common roomประจำ555 ของนี้มีล๊อกเกอร์ค่ะ แต่ส่วนตัวจะเก็บของมีค่าไว้ข้างตัวตลอดเวลา  (ที่อยู่ท้ายเตียงจะเป็นเป้เก่าๆก เสื้อเน่าๆ กับรองเท้าแตะอาบน้ำเหม็นๆ ถ้าจะขโมยก็เชิญเถอะ 5555) จากคุณ : ปืนติดพิษ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:19:52

ความคิดเห็นที่ 32 อ่า ทราบแล้ว ชื่อหนังเรื่อง Calmi Cuori Appassionati จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:26:07

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบตอนนี้มากกกกเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่ยกคำพูดของอาจารย์จากในหนังสือมา น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว จากคุณ : กลีบมะเฟือง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:59:01

ความคิดเห็นที่ 34 มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูค่ะ สิ่งที่ได้จากเวลาสั้นๆในคือนี้ @ ฟลอเร้นซ์คือเมืองที่เป็นพิพิธภัณฑ์ทั้งเมือง @ น้ำใจเล็กๆน้อยจากเพื่อนร่วมห้อง ที่ทิ้งขนมไว้ให้ทาน เล็กน้อย แต่ดูเป็นมิตรภาพดีนะคะ @ การขีดๆเขียนที่ผนัง คงไม่ใช่วัฒนธรรมของของไทยที่เดียว แต่เป็นของคนทั้งโลกต่างหาก ว่าไหม @ รูปปั้นเดวิดที่โด่งดังไปทั่วโลก ถูกสร้างขึ้นเป็นผลงานชิ้นเอก โดยศิลปิน ไมเคิล แองเจลโล  วิธีแกะสลักหินอ่อนซึ่งสามารถทำได้เสมือนของจริง ทั้งมือ กล้ามเนื้อ ท่วงท่าและแววตาที่สามารถ  แฝงให้เห็นถึงความกังวลและกล้าหาญไว้พร้อมๆกัน @ สะพานที่ขึ้นชื่อทั้ง3 สะพาน โดยหนึ่งสะพานตั้งอยู่ในเมืองนี้มีจุดเด่นคือเป็นร้านค้า เป็นจุดท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น โดยรัชกาลที่5ได้นำมาเป็นต้นแบบให้กับสะพานหันในประเทศไทย @ ภาพยนต์หนึ่งเรื่องที่แฝงกลยุทธ์การตลาด ทำให้2หนุ่ม ต้องไปถึง ดูโอโม เพื่อขึ้นไปยังโดมที่สูงที่สุด  ถึงแม้ว่าจะต้องจ่าย400 บาทก็ยอม อยากบอกจังเลยค่ะว่า "ตอนที่เดินขึ้นก็เอาใจช่วยเพราะคงเหนื่อยน่าดู  แต่พอเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายจุดหมายแล้ว มันคือเส้นชัยจริงๆค่ะ เรามาถึงแล้ว หายเหนื่อยแล้ว คุ้มค่าจริงๆ" @ ฟลอเรนส์ คือเมืองที่ไม่มีอนาคต ทุกอย่างอยู่กับอดีต ไม่มีงานสร้างใหม่ ไม่มีเทคโนโลยีหรือตึกทันสมัย ที่นี่มีแต่งานซ่อมแซม หนุ่มสาวของที่นี่ไม่อยากอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ที่ยอมสูญเสียอนาคต เพื่อเป็นที่ๆหยุดเวลา   ...งานนี้ขอขอบคุณผู้คนในเมืองนี้แทนเพื่อนร่วมโลกทุกคนด้วยค่ะ    ที่อุทิศเพื่อเก็บประวัติศาสตร์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู ได้ศึกษา ไว้ชื่นชม     ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่มีโอกาสเลยครั้งที่จะได้สัมผัสหรือเหยียบย่างที่นั่นก็ตาม      แต่เพียงแค่นี้ก็ แค่ได้ดู ได้เห็นได้รับรู้ ก็ ชื่นฉ่ำหัวใจแล้วค่ะ...          คุ้มค่าจริงๆกับการรอคอยดูทุกๆอาทิตย์ค่ะ รักมากมายกับ หนังพาไป จริงๆ นะคะ จากคุณ : By_My=ใบไม้ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:07:10

ความคิดเห็นที่ 35 ติดตามตั้งแต่ไปไซปรัส แต่ตอนนี้ไม่ได้ดูเลย ชอบรายการนี้นะคะ แต่ก็แอบคิดถึงคุณฮิโระ asian focusค่ะ จากคุณ : แม่ยายซ่าหริ่ม เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:52:33

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบเมืองนี่ที่สุดใน Italy จากคุณ : tan_www เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:53:22

ความคิดเห็นที่ 37 ไปเมืองฟลอเรนซ์มาแล้ว เลยดูตอนนี้อย่างประทับใจมากที่สุด ชอบแนวการนำเสนอของสองหนุ่มมากๆ  รายการสั้นๆ แต่ทำการบ้านมาดีสุดยอด มีเกร็ดเล็กน้อยสอดแทรกตลอด  ชอบตอนปิดท้ายที่ว่า   Florence เป็นเมืองที่ไม่มีอนาคต มันเป็นแบบนั้นจริงๆ  ใครกลัวความสูง หรือไม่อยากเสียเงินขึ้นดูโม่ แนะนำให้ข้ามไปพาร์คอีกฝั่งนึงของแม่น้ำ จะเห็นวิวเมืองมุมสูงเหมือนกัน สวยมากๆ ค๊า   จากคุณ : wabash311 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:54:13

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนท้ายรายการมันซึ้งจริงๆ นะ เห็นแล้วก็นึกขึ้นมาได้เลยว่าคนในเมืองฟอเรนซ์เค้าจะเป็นยังไง จมอยู่กับอดีต รักษาของเก่า ไม่มีสิ่งใหม่เข้ามาทดแทน แต่ถ้าเราเป็น เราคงภูมิใจนะ เพราะสิ่งใหม่ที่เข้ามาทดแทน คงไม่มีคุณค่ามากพอเท่ากับความรุ่งเรืองในอดีตได้อีกแล้ว ยุคนั้นมันจบแล้ว เหลือแต่สถาปัตยกรรมให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้ชื่นชมเท่านั้นแหล่ะ ว่าแล้วก็อยากตามรอยสองคนนี้บ้างจริงๆ - - จากคุณ : pae_ya เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:34:34

ความคิดเห็นที่ 39 ถึงเมืองนี้จะย่ำอยู่กับอดีต แต่อย่างน้อยยังมีทีมฟุตบอลให้เชียร์ใน serie A (ลีกสูงสุดของอิตาลี) ทีม ฟิออเรนติน่า (ฉายา ม่วงมหากาฬ) ปล.คนในภาพ ชื่อ ริคาโด้ มอนโตลิโว่ เอ่อ ฤดูกาลนี้ เจ้านี้ย้ายไปอยู่เมืองแฟชั่นที่มิลานซะแล้ว เฮ้อๆ จากคุณ : ขนำริมเล เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:33:38

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนจบอย่างเศร้าอ่ะ จากคุณ : นายชอล เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:50:26

ความคิดเห็นที่ 41 จบได้ซึ้งอีกแล้ว คนที่นั่นจะรู้มั๊ยว่า บ้านเมืองเราทุกวันนี้ ถึงจะมีแต่เทคโนโลยี ทันสมัยเข้ามา แต่คนส่วนใหญ่ในวัยกลางคน ยังโหยหาอดีตเสมอ ^_____^ จากคุณ : กิ่งท้อ...บนยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:22:00

ความคิดเห็นที่ 42 หนังใช่เรื่องนี้มั๊ยคะ จากคุณ : กิ่งท้อ...บนยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:26:23

ความคิดเห็นที่ 43 ฮาตรง "เหยื่อ" หลุดขำก๊ากเลย จากคุณ : naina เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:55:52

ความคิดเห็นที่ 44 ยังไม่ได้ดูคลิป    แต่พึ่งกลับจากฟลอเรนซ์      สวยงามมีเสน่ห์ที่สุด    บอกตัวเองว่าจะกลับไปอีกแน่นอน        จนท   ใน อคาเดมี   ดุม้ากกกกก     ห้ามถ่ายรูปทุกกรณี    แต่ก็แอบกดเดวิด มาได้ตั้ง 2อัน  เอ้ย 2รูป  ^^ จากคุณ : pippo's sweet heart เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:07:08

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 41     จบได้ซึ้งอีกแล้ว คนที่นั่นจะรู้มั๊ยว่า บ้านเมืองเราทุกวันนี้ ถึงจะมีแต่เทคโนโลยี ทันสมัยเข้ามา แต่คนส่วนใหญ่ในวัยกลางคน ยังโหยหาอดีตเสมอ ^_____^ ------------------------------------------------------------------------------------------------ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเราที่เลยวัยกลางคน กลับไม่สนใจและอนุรักษ์อดีตไว้น่ะสิ  หลายสิ่ง สถาปัตยกรรมของเราที่น่าจะเก็บไว้ กลับกลายเป็นสิ่งล้าสมัย แล้วถูกทดแทนด้วยสถาปัตยกรรมที่เรียกว่าทันสมัยในมุมมองของผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้น จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:18:33

ความคิดเห็นที่ 46 คห.17 ชื่อ Track คือ The Whole Nine Yards (Opening Title) ครับ Composed โดย Ryo Yoshimata เป็น OST. ในหนังเรื่องที่บอล-ยอดกล่าวถึงในรายการนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 17:50:54 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 17:47:27 จากคุณ : nickyblood เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:36:43

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบคำพูดของอาจารย์จากหนัง ซึ้งมาก วิวด้านบนก็สวย ชักอยากไปที่นี่ซะแล้ว จากคุณ : luvreise เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:38:33

ความคิดเห็นที่ 48 ดูจบแล้ว ^__________________^ เกิดอาการอยากเป็นเหยื่อขึ้นมาแล้ว ขั้นแรกต้องหาหนังมาดูก่อนสินะ ost หนังเรื่องนี้เพราะจัง ฟังได้ไม่เบื่อเลย โดยเฉพาะบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกดิน จากคุณ : ปากกาซุ่ม เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:48:16

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณที่เอามาให้ดูนะคะ เป็นเมืองที่น่าไปมาก มีแต่สถาปัตยกรรมทั้งเมือง น่าดูจริงๆ สักวันคงมีโอกาสไปบ้าง... คห.11 คุณ Jane Thailand --> ตาไวมากเลยอ่ะ เรามัวแต่ดูกล้ามเนื้อเพลิน ไม่รู้เลยว่ามีตอนเอาใบไม้ออกด้วย (กลับไปหาอีกรอบก็ไม่เห็น >.<) จากคุณ : anegi เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:52:36

ความคิดเห็นที่ 50 คำพูดในตอนจบทำเอาจุกเลย  TT^TT จากคุณ : PaBo Girl ~ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:06:38

ความคิดเห็นที่ 51 http://clip.thaipbs.or.th/home.php?vid=2513&ap=flase จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:27:16

ความคิดเห็นที่ 52 #46 ฟังเพลงนี้แล้วชอบมาก  เศร้า เหงา จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:16:56

ความคิดเห็นที่ 53 รายการดีมากครับ ให้ความรู้สึกเหมือนเราไปเที่ยวด้วยจริงๆ แม้พิธีกรจะไม่ได้สนุกสนานเท่าไร เฉ๋งงงงงงงงงงงงง จากคุณ : Zomalia เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:49:13

ความคิดเห็นที่ 54 ชอบบบบอ้ะ ตอนจบที่เป็นคำพูดในนิยายที่ซึ้งมากกกก แล้วพอเเลมองมาที่ไทยแล้ว  เพลียยย จากคุณ : SHeDAMe เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:59:22

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนจบ ดูแล้วน้ำตาจะไหล มันซาบซึ้งมากๆ ความงามที่คนสมัยก่อนสร้างมาเป็นๆร้อยๆปี จะมานำความสมัยใหม่เข้ามาทับถมภายในไม่กี่ปีได้อย่างไร จากคุณ : นู๋เป็นสาววาย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:25:02

ความคิดเห็นที่ 56 ชอบมากครับ จากคุณ : เฮียผา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:31:45

ความคิดเห็นที่ 57 ดูตอนนี้จบแล้ว อยากหาหนังมาดู กับหาหนังสือมาอ่านเลย จำได้ว่าเคยอ่านตอนสมัยมัธยม ตอนนั้นรู้สึกแต่ว่า หนังสือไรหว่า อ่านไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ ปล.เป็นเหยื่อตามสองหนุ่มไปแล้ว 5555 จากคุณ : nuna_zaa เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:49:11

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ชอบดูรายการนี้ แต่เห็นเป็นกระทู้แนะนำและเพราะผมเพิ่งไป Florence มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และคิดว่า Florence เป็นเมืองหนึ่งที่น่าไปเยือนมากที่สุดของยุโรป ดังนั้นจึงอยากรู้ว่ารายการนี้เป็นอย่างไร ต้องขออภัยที่จะบอกแฟนๆ รายการนี้ว่าตามความเห็นส่วนตัวผม รายการนี้สรุปเรื่องเมือง Florence ไว้ตื้นเขินมาก เหมือนแค่ต้องการสรุปอะไรเท่ห์ๆ กินใจ และดูแตกต่าง เลยสรุปตอนท้ายรายการออกมาว่านี่เป็นเมืองที่ไม่มีอนาคต  แต่เป็นการสรุปแบบไม่รู้จริง ผิวเผิน และไม่ได้ตรงกับความเป็นจริงของ Florence เลย น่าแปลกใจว่าการทำรายการแบบที่แค่ไปถ่ายภาพ เอาภาพประกอบหนัง แล้วก็สรุปมั่วๆ ซั่วๆ โดยไม่มีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกอะไรเลย  ทำไมสามารถ on-air ในช่อง Thai PBS ได้  ไม่อยากให้วัยรุ่นไทยรับอะไรง่ายๆ หลวมๆ ไปจากรายการแบบนี้ Florence ไม่ใช่เมืองที่กำลังตาย หรือหยุดอยู่กับอดีต แต่เป็นเมืองที่โรแมนติคมาก และมีอนาคตมากกว่าเมืองอีกมายมายในอิตาลี  ดังนั้นจึงถูกอนุรักษ์ไว้ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด แต่ไม่ใช่การย่ำอยู่กับที่รอวันตาย เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก  ปีหนึ่งนับล้านๆ คน นักท่องเที่ยวเดินกันให้ควัก  ดังนั้นอุตสาหกรรมหลักของเมืองคือการท่องเที่ยว ซึ่งทำรายได้ให้เมืองเป็นอย่างมาก Florence จึงไม่ต้องการตึกระฟ้า เพราะนั่นไม่ใช่เครื่องแสดงความเจริญก้าวหน้าของเมืองแบบที่คนคิดตื้นๆ คิด  จุดขายของเมืองคือยุคเรอเนสซอง  ศิลปะ และกลิ่นอายโบราณ  ที่นี่ไม่ใช่ New York จึงไม่ต้องการตึกระฟ้า  แต่ความทันสมัยของ Florence มีมากมายเหมือนที่อื่นๆ ในโลก ไม่แตกต่างหรือด้อยกว่าเลย  คนที่นี่ไม่ได้มีชีวิตอยู่แบบลำเค็ญเหมือนคนในยุคกลางครับ Frolence มีพิพิธภัณฑ์อีกมายมาย บ้างเน้นเก็บรูปสลัก บ้างเน้นรูปภาพ บ้างคละเคล้ากันไป  สถาบันศิลปะของ Florence เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผลิตศิลปินออกไปมากมาย และ Florence เป็นแหล่งที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการศึกษาศิลปะในยุคเรอเนสซอง และคนที่จบศิลปะจาก Florence ไม่ได้มีความสามารถแค่ซ่อมทำ หรือลอกเลียนงานศิลปเก่าๆ ทุกวันนี้มีผลงานศิลปมากมายที่ถูกผลิตออกมาเหมือนที่่รายการสื่อออกมาแบบตื้นๆ อนาคตของ Florence คือการอยู่กับอดีต  แต่ไม่ใช่การหยุดนิ่งกับอดีต  เค้ารู้วิธีที่จะไปสู่อนาคตโดยคงอัตลักษณ์ของเมืองไว้ให้มากที่สุด  ไม่ใช่รีบทำลายอย่างเร็ววันเหมือนหลายๆ เมืองในไทย  ดังนั้น Florence จะยังคงเป็น Florence ต่อไป ไม่ใช่เมืองที่มีแต่อะไรลวงๆ  fake แต่เละเทะเหมือนปาย อัมพวา หรืออีกหลายๆ ที่ในไทยที่ไม่เหลืออัตลักษณ์จริงๆ ของเมืองอีกแล้ว จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 23:07:08

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่เคยดูหนัง แต่มีแผ่นอยู่ ชอบพระเอกมากๆ ยูทากะ ทาเคโนะอุจิ แต่ที่ไม่เคยดู เพราะรับไม่ได้ อิจฉานางเอก กร๊ากกกก หนังสือเคยอ่านค่ะ แต่ว่า มาดูรายการนี้ ยิ่งอยากไปฟลอเรนซ์มากๆๆๆๆ เราชอบเมืองแบบนี้ ปล. เวลาเราไปเมืองนอก เราก็ถนัดพักโฮสเทลนะ ถ้าไปคนเดียวอ่ะ มันถูกดี ได้เพื่อนใหม่ ถ้าเราขยันพูดคุยหน่อย ในห้องจะมีล็อกเกอร์ให้เก็บของค่ะ แต่บางที่ก็ต้องเอากุญแจไปเอง ผู้หญิงบางคนกลัวการนอนห้องรวมกับผู้ชาย เดี๋ยวนี้เค้าก็มีแยก หญิงล้วน เลย แต่เหมาะกับคนหลับง่าย ตื่นยาก เพราะว่า บางทีเพื่อนร่วมห้องกลับดึกๆ บางคนเค้าก็ทำเสียงดังบ้าง เรายังเคยเจอเพื่อนร่วมห้องนอนกรน โอ๊ย ว่าตัวเองเป็นคนหลับง่ายๆนะ เจอวันนั้นเข้าไป กว่าจะหลับ แทบแย่ จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 23:22:19

ความคิดเห็นที่ 60 ไปเจอพี่บอลกับพี่ยอดในงานฉายหนังเรื่อง Intouchables รอบสื่อค่ะ ดีใจมากๆ ไม่นึกว่าจะได้เจอตัวจริง บอกพี่บอลกับพี่ยอดไปด้วยค่ะว่ารายการได้ขึ้นกระทู้แนะนำด้วย คิดว่าไม่นานพี่ๆ คงได้เข้ามาอ่านแน่ๆ พี่บอลพี่ยอดฝากขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามรายการมาด้วยค่ะ^^ จากคุณ : **AKATSUKI** เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 23:33:43

ความคิดเห็นที่ 61 หนังสือนี้ใช่เล่มที่ภาษาไทย ชื่อว่า ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา รึเปล่าคะ เมืองนี้มันสวยจริงๆเน้อออ อยากไปเที่ยวบ้างจัง อยากทราบว่า โฮสเทล เค้าจำกัดอายุคนมาพักไว้สูงสุดเท่าไหร่คะ อยู่มาจนแก่แล้วยังไม่เคยไปพักโฮสเทลเลย อิอิ จากคุณ : noksamui เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 23:35:49

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณความเห็นที่58 ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ เข้าใจว่าส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเวลาจำกัด และกลุ่มเป้าหมายน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น การใส่ข้อมูลเชิงลึกเกินไปอาจจะทำให้เข้าถึงน้องๆ ได้ยากขึ้นค่ะ (คหสต). เราพึ่งได้ดูรายการนี้ครั้งแรกก็ตอนเวนิสค่ะ ดูแล้วก็เออ เพลิน สนุกดี ยังคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ไปแบ็คแพ็คแบบนี้แถวๆยุโรปซัดเดือนนึงมั้ยน้อ... จากคุณ : PeeT@party เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 23:57:03

ความคิดเห็นที่ 63 # คห.61 ไม่ใช่ค่ะ  หนังสือชือ Blu เล่มสีฟ้าเขียนในมุมมองของพระเอก กับ Rosso เล่มสีชมพูเอ๊ยหรือสีส้มหว่า เขียนในมุมมองของนางเอก ภาคหนังป๋ายูทากะเล่น ส่วนผู้หญิงเลี้ยงซ้ายผู้ชายเลี้ยวขวา มีหนังที่ทาเคชิ คาเนชิโร่เล่น จากคุณ : ติ๊ดตี่น้อย เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 00:29:12

ความคิดเห็นที่ 64 ดูในมือถือไม่ได้หรือเปล่าคะ มีใครเป็นบ้างน้า T T จากคุณ : KarumDog เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 01:31:07

ความคิดเห็นที่ 65 คห 58 ครับ ถ้าอ่านดีๆ แล้วก็ดูใหม่อีกรอบ คนที่มาสรุปไม่ใช่รายการ หรือ พี่บอล กับ ยอดนะครับ แต่เป็นคน เขียนนิยายเรื่อง Blu-Rosso  แล้วพี่บอลกับยอด เค้าก็สรุปมาอีกทีจากคำพูดนี้ ผมว่าคุณต่างหากล่ะ ที่ไม่รู้จริง ขนาดรายการมีให้อ่านว่าใครเขียนขึ้นมา คุณยังจะไม่อ่าน แล้วคุณคิดหรอ นักเขียนนิยาย ที่มีคนทำไปสร้างหนังจนโด่งดัง จนทำให้อีกหลายล้านคนรู้จักที่นี้ เค้าจะมีความรู้น้อยกว่าคุณ ในเมืองๆนี้ แล้วรายการนี้ ไม่ได้ต้องการข้อมูลเชิงลึก เพราะรายการนี้ไม่ใช่สารคดี เป็นรายการท่องเที่ยว ที่ให้เห็นถึงความสวยงาม ในแบบบ้านๆ ที่รายการอื่นไม่ทำ โปรดแยกให้ถูกด้วย รายการท่องเที่ยวไม่ใช่รายการสารคดี ไม่จำเป็นต้องบอกว่า เมืองนี้ใครเป็นคนสร้าง มีประวัติมายังไง มันน่าเบื่อ และไม่มีใครอยากรู้มากหรอกครับ เค้าอยากรู้ประวัติคร่าวๆ แล้วก็ความสวยงามเท่านั้น จากคุณ : สาManUtd เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 01:32:35

ความคิดเห็นที่ 66 รายการนี้เค้าไม่มั่วหรอกครับ ถ้าอยากรู้ลึกรู้จริงก็นำสาระที่ได้ไปค้นหาข้อมูลต่อเองได้นะครับถ้าใครอยากรู้จริง จากคุณ : MR.BARAN เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 02:33:10

ความคิดเห็นที่ 67 ขอตอบเรื่องโฮสเทล อายุเท่าไหร่ก็พักได้ค่ะ ไม่มีจำกัด ไปเที่ยวคนเดียวก็พักแต่โฮสเทลนี่แหละค่ะ เพราะมันถูก แล้วก็ไม่ต้องกลัวที่จะนอนคนเดียว ส่วนใหญ่เขาจะมีแยกเป็นห้องเฉพาะผู้หญิง แต่แถบยุโรปบางเมืองมีแต่ห้องรวม เคยไปพักที่ญี่ปุ่น มีลุงป้า อายุน่าจะ 60 ได้มาพักด้วย จากคุณ : luvreise เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 04:00:39

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาดูทุกครั้ง และขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกครั้ง ทั้งในใจและนอกหน้าเสมอ จากคุณ : ตั้งเพ็กเง็ก เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 10:37:58

ความคิดเห็นที่ 69 ท่านใดชอบหนังพาไปตอนนี้ แนะนำให้ไปหาหนังเรื่องนี้มาดูเลยครับ           " Calmi Cuori Appassionati "        ( คือหนังเรื่องที่ หนังพาไป อ้างถึงในตอนนี้ ) อารมณ์ของหนังจะต่อเนื่องจาก หนังพาไป เลย คือ ... สุข - เศร้า - เหงา และ รัก พระเอกหล่อ นางเอกสวย วิวสวย ภาพสวย เพลงเพราะ โรแมนติก ...  มากกก ในบรรยากาศเมือง Florence แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 12:05:02 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 12:00:04 จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 10:49:44

ความคิดเห็นที่ 70 " Calmi Cuori Appassionati " จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:15:23

ความคิดเห็นที่ 72 " Calmi Cuori Appassionati " สร้างจาก นวนิยาย Reisei To Jonetsu No Aida หรือ Between Calm and Passion 'Blu'หนังสือเล่มผู้ชายเขียนถึงอารมณ์เย็นชา  สีฟ้า 'Rosso'เล่มของผู้หญิง ร้อนแรง (ผู้หลอมละลาย) สีชมพู 2 เล่มที่เขียนถึงมุมมอง'ระหว่างความเยือกเย็นและร้อนแรง' ที่เวลาเดินไปพร้อมกัน "อ่านที่ละบท คู่กันทั้ง 2เล่ม" :อดีตแฟนเก่า หนุ่ม-หญิง ชาวญี่ปุ่น  เขียนถึงกันและกัน :ฉาก ที่เมืองฟลอเรนซ์ ขอขอบคุณ คุณ kritchanuth ข้อมูลจาก http://8media.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/journal/item/2/Calmi_Cuori_Appassionati?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 11:36:37 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 11:33:16 จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:16:14

ความคิดเห็นที่ 74 " Calmi Cuori Appassionati " จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:18:25

ความคิดเห็นที่ 76 " Calmi Cuori Appassionati " จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:19:44

ความคิดเห็นที่ 78 " Calmi Cuori Appassionati " คำสัญญา อีกสิบปีเจอกัน บนยอดดูโอโม Brunelleschi ก้องอยู่ความทรงจำของ จุนเซ ที่มิอาจลืม อาโออิ ได้ ส่วน อาโออิ ผู้ห่วงหา จุนเซ รักแรก หนึ่งในดวงใจของเธอ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 11:35:07 จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:21:07

ความคิดเห็นที่ 79 หนังสือ Blu เล่มสีฟ้า เขียนในมุมมองของ พระเอก หนังสือ Rosso เล่มสีชมพู เขียนในมุมมองของ นางเอก จากคุณ : kittybear เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:26:10

ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อก่อนเราจะถูกสอนว่าการวิจารณ์สิ่งใดต้องวิจารณ์อย่างมีข้อมูล หลักฐาน ต้องทั้งชมเเละติ เเละต้องเป็นกลาง เเต่เดี๋ยวนี้การวิจารณ์คือเราก็เเค่ไปเห็นมาเหมือนกัน ไม่ได้ไปหาข้อมูล เอาตามความรู้สึกที่เห็นเหมือนกัน เเล้วต้องติอย่างเดียว เอาให้จมดิน ข้อดีที่มีไว้อย่าไปคิดถึง ต้องมองเเต่ข้อเสีย เเละยิ่งมีอคติ ไม่ชอบมาก่อนละยิ่งดีเลย จะได้ด่าได้สะดวกๆ อันไหนข้อดีให้ฝากไว้ก่อน ถ้าข้อเสียละตายเเน่ เหอๆๆ จากคุณ : น้ำค้างเเก้ว เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:47:17

ความคิดเห็นที่ 81 อ่าน คห.58 แล้วก็ไม่รู้ว่าใครติ้นเขินกันแน่ ที่แน่ๆผมเขินแทน คห.58 จากคุณ : Kyo3 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:54:50

ความคิดเห็นที่ 82 คคห 58 ก็เป็นอีกมุมมองนึงที่น่าสนใจนะคะ มุมมองของพี่บอลพี่ยอด ก็เป็นอีกมุมมองนึงที่ได้จากการซึมซับสถานที่ใหม่... อย่าเพิ่งตัดสิน ว่าอะไรมั่ว อะไรตื้นเลยค่ะ... มันแล้วแต่ว่า..เราจะจับมุมไหนขึ้นมาคิด มาเป็นประเด็นมากกว่า...ค่ะ ถ้าเราได้แต่ติเตียนคนอื่น..เราอาจจะไม่ได้อะไรจากมันเลยก็ได้... จากคุณ : ยังเฮฮา (ZaaHaHa) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:22:32

ความคิดเห็นที่ 83 คิดต่างกัน ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะคิดผิดนะคะ .... เมืองนี้สวยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่หลายๆ คนไปถึงแล้วจะตกตะลึงจนตาค้าง จากคุณ : KINGKONG's Mom เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:59:02

ความคิดเห็นที่ 84 ดิฉันเห็นด้วยว่ารายการนี้เป็นรายการท่องเที่ยวที่นำเสนอได้แตกต่างจากรายการอื่นๆ และน่าติดตาม แต่ก็อยากจะมาแชร์ข้อมูลบางอย่าง ในฐานะที่คิดว่าตัวเองได้เห็นและรู้จักเมืองฟลอเรนซ์มาพอสมควรนะคะ ดิฉันได้อ่านนะคะ ว่าบทสรุปที่พิมพ์ท้ายรายการ และที่ผู้ดำเนินรายการยกมาพูดนั้น มาจากผู้ประพันธ์นวนิยาย Blu-Rosso ดิฉันอ่านนิยายนี้เมื่อสักเกือบๆ สิบปีมาแล้วได้ (และลืมไปแล้วด้วย)  และเป็นเล่มที่ทำให้รู้จัก Duomo ของเมืองฟลอเรนซ์ ทำเอาอยากไปเห็น แต่ครั้งแรกที่ไป ดิฉันเห็นด้านข้างดูโอโมจากบนรถเมล์ ตอนกลางคืน แอบคิดว่า ง่ะ สกปรกจัง ก๊ากกก (ดูโอโมใหญ่มากค่ะ ทำให้ต้องแบ่งทำความสะอาดทีละส่วน ข้างๆ ที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด หินอ่อนมันจะมีคราบดำๆ เล็กน้อย ไม่ขาวสะอาดเหมือนด้านหน้าโบสถ์) ดิฉันไม่ทราบว่าผู้ประพันธ์นิยายรู้จักฟลอเรนซ์แค่ไหนอย่างไร แต่ออกจะตกใจที่เห็นประโยคดังกล่าวท้ายรายการ และยังเห็นแย้งในส่วนที่ว่า ฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่อยู่กับอดีต ไม่มีอนาคต เมืองไม่มีตึกใหม่ๆ เกิดขึั้นแล้ว ไม่เหมือนปารีส หรือโตเกียว หนุ่มสาวในฟลอเรนซ์ไม่ค่อยอยากอยู่ในเมือง เพราะมีแต่งานซ่อมของเก่า หรืองานต้อนรับนักท่องเที่ยว การจะเอาฟลอเรนซ์ไปเปรียบเทียบกับโตเกียว หรือปารีส นั้น อาจจะไม่ใช่ตัวเปรียบที่ถูกต้องนัก เนื่องจากปารีส (ขอพูดเฉพาะปารีสนะคะ เพราะไม่รู้จักโตเกียวดีพอ) เป็นเมืองหลวง เป็นเมืองใหญ่ ปารีสมีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าฟลอเรนซ์มากกกกก ทำให้ปารีสมีบางเขตที่อนุญาตให้สร้างอาคารใหม่ ตึกสูงได้ แต่ฟลอเรนซ์ โดยเฉพาะบริเวณที่นักท่องเที่ยวไป (และที่รายการนี้ไปถ่าย) มีขนาดเล็ก ภายในเขตประวัติศาสตร์ฟลอเรนซ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทั่วได้ภายในหนึ่งวัน และตามแบบฉบับเขตเมืองเก่าในยุโรปทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะฟลอเรนซ์ (แต่รวมปารีส หรือเมืองอื่นๆ ด้วย) จะมีระเบียบที่เคร่งครัดไม่ให้ทำลายอาคารเก่า หรือสร้างอาคารใหม่ที่ทำลายทัศนียภาพโดยรวมของเมือง ข้อบังคับของฟลอเรนซ์เคร่งครัดถึงขนาดที่ว่า กระเบื้องมุงหลังคาของอาคารที่สร้างใหม่ต้องเป็นแบบและสีที่กำหนดไว้เท่านั้น เจ้าของอาคารต้องส่งแบบให้ทางเทศบาลอนุมัติก่อนก่อสร้าง จะมาสร้างอะไรตามใจชอบไม่ได้ เหตุที่เป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าไม่ต้องการก้าวไปในอนาคต แต่นอกจากเหตุผลของการอนุรักษ์รากเหง้าทางวัฒนธรรมของตนเองแล้ว ต้องยอมรับว่า รายได้หลักที่สำคัญประการหนึ่งของอิตาลีคือการท่องเที่ยว ดูจากในรายการนี้ก็ได้ค่ะ ค่าบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์แต่ละแห่ง ตกคนละประมาณ 8-10 ยูโร และในหลายๆ แห่ง (เช่นที่ Galleria dell'Academia ที่มีเดวิดอยู่) มีนักท่องเที่ยวไปต่อคิวดังเช่นที่เห็นในรายการทุกวัน (เว้นวันจันทร์ เพราะว่ามันปิด) ทั้งวัน และตลอดปี คิดดูนะคะ ว่า เขามีรายได้จากค่าบัตรเข้าปีละมหาศาลขนาดไหน ดังนั้น หากปล่อยให้มีอาคารโมเดิร์นผุดขึ้นมากลางเมืองแล้ว เชื่อได้ว่า ต่อไปนักท่องเที่ยวจะค่อยๆ หายไป และเมื่อนั้น ฟลอเรนซ์ก็คงจะต้องหยุดอยู่แต่ในอดีตเป็นแน่แท้ ดังนั้น ดิฉันเห็นด้วยกับคุณประกอบที่ว่า อนาคตของฟลอเรนซ์ คือการรักษาอตีตไว้ต่างหาก จริงๆ แล้วบริเวณขอบๆ ของเมืองเก่าฟลอเรนซ์ มีตึกสร้างใหม่อยู่บ้างค่ะ แต่เนื่องจากต้องสร้างให้เหมือนของเก่า ดังนั้น นักท่องเที่ยวจึงจะดูไม่ออกค่ะ ว่ามันใหม่ หรือเก่า ฮ่า เหตุที่คนหนุ่มสาวปัจจุบันไม่ค่อยอยู่ในเขตเมืองเก่าฟลอเรนซ์ ไม่ใช่เพราะไม่มีงานทำนอกจากงานซ่อมของเก่าค่ะ แต่เพราะว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าครองชีพแพงมากกกก ถ้าคุณไม่ได้มีมรดกตกทอดมาแล้ว การซื้ออพาร์ทเมนท์สักหลังในเขตเมืองเก่าฟลอเรนซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือแม้แต่การเช่าก็ตาม นอกจากนี้ เนื่องจากการเป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้น ค่าครองชีพจึงสูงมาก น้ำเปล่าขวดเล็กที่อาจราคาเพียงแค่ 50 เซ็นต์ ในซุเปอร์มาเก็ตทั่วไป อาจราคาถึง 2 ยูโรในเขตเมืองเก่าฟลอเรนซ์ นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องความไม่สะดวกอื่นๆ เช่น การไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดใกล้ๆ บ้านได้ เนื่องจากไม่มีที่เพียงพอ ทำได้แค่จอดไว้ที่จอดอื่นๆ แล้วเดินเข้ามาบ้าน หรือตึกบางแห่งเก่ามาก โดยโครงสร้างของอาคารแล้วไม่อาจที่จะใส่ลิฟท์เข้าไปได้ หรือในเรื่องของความวุ่นวาย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านบ้านตลอดเวลา ดิฉันต้องบอกปัดห้องเช่าใจกลางเขตเมืองเก่าไปถึงสองแห่งทั้งๆ ที่ชอบมาก เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คงไม่สนุก ถ้าต้องเดินแบกอาหารหลายกิโล ขึ้นบันไดของตึกสี่ชั้นหลังกลับจากจ่ายตลาด แม้ว่าจะสามารถเห็นวิวดูโอโมจากห้องนอนก็เถอะ ฟลอเรนซ์มีงานอื่นๆ ให้ทำมากมายค่ะ เพียงแต่นักท่องเที่ยวอาจไม่ทราบ เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ในบริเวณที่นักท่องเที่ยวจะไปเห็น สำนักงานใหญ่ของ GE Oil & Gas ตั้งอยู่ที่ฟลอเรนซ์ (คิดว่าเป็นแห่งเดียวของจีอี ที่สนง. ใหญ่อยู่นอกสหรัฐฯ) มีพนักงานราว 4000-5000 คน มีธนาคาร มีอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นเดียวกันกับเมืองอื่นๆ ทั่วไปค่ะ เสริมข้อมูลอีกสักเล็กน้อยเผื่อมีผู้สนใจค่ะ สะพาน Ponte Vecchio (แปลว่า Old Bridge) เป็นสะพานที่มีร้านค้าก่อสร้างอยู่บนสะพานด้วย ปัจจุบันเป็นร้านขายเครื่องประดับ ทอง เพชร นาฬิกาแบรนด์หรู ด้านบนของสะพานนั้น เดิมเป็นทางเดินสำหรับบุคคลในตระกูล Medici ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ปรกครองฟลอเรนซ์ในอดีต ทางเดินนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างที่ทำงาน (Galleria Uffizi) และบ้าน (Palazzo Pitti) ที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำค่ะ นัยว่าจะได้ไม่ต้องลงมาเดินปะปนกับประชาชนพลเมือง ปัจจุบันสถานที่ทั้งสองเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ ทางเดินนี้สามารถเข้าชมได้ แต่ต้องจองล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : DexTroCadiA เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:40:31

ความคิดเห็นที่ 85 ที่เราเข้าใจไม่ใช่ว่าไม่มีอนาคตแบบในทางเสียหาย แต่ไม่มีอนาคตแบบว่า หยุดเวลาไว้ ไม่ว่าจะมาดูที่นี่อีกกี่สิบปี ร้อยปี  หรือย้อนเวลาไปดูอดีต คุณก็จะเห็นภาพนี้เมืองนี้เหมือนเดิม สวยเหมือนในอดีตที่เค้าสร้างไว้นั่นเอง โรแมนติกดีออก เนอะ จากคุณ : 2615shika เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:14:32

ความคิดเห็นที่ 86 คห.ที่ 84 ทำให้เรามองเห็นภาพกว้างที่ซ่อนจากสายตานักท่องเที่ยวเลยค่ะ ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลอิตาลีนะคะ ที่สามารถแยกกิจกรรมประจำวันต่างๆนานาออกจากเขตเมืองฟิเรนเซ่ออกไปได้อย่างแยบยล ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกอย่างแพงไปหมด บ้านเรายังไม่มีการจัดการที่แยกส่วนเมืองเก่ากับเมืองใหม่เบ็ดเสร็จแบบนี้เลย ถ้าเป็นบ้านเรา ส่วนประวัติศาสตร์จริงๆจังๆคงกระจุกรวมกันที่เกาะรัตนโกสินทร์ แต่ของเรายังมีมหาวิทยาลัย ตลาดและท่าเรือย่านการค้าอยู่ในนั้น รวมทั้งชุมชนดั้งเดิมด้วย ทำให้การจัดการเมืองแบบเบ็ดเสร็จ จนนักท่องเที่ยวแทบไม่พบกิจกรรมประจำวันใดๆเลยแบบเมืองฟิเรนเซ่ ไม่สามารถเกิดได้ในเมืองไทย แต่เราว่า การปรับตัวและใช้ชีวิตประจำวันในพื้นที่เมืองเก่าอย่างนี้ มันก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงนะคะ ลองไปเดินหาข้าวเช้ากินตามท่าช้างท่าพระจันทร์ แล้วเดินเข้าไปอ่านหนังสือห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ตกค่ำก็มานั่งกินข้าวต้มโต้รุ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา มองวิวพระบรมมหาราชวังของเราไปด้วย เป็นความรู้สึกอิ่มเอมที่ได้มีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์มากกว่านะคะ คนเมืองฟิเรนเซ่คงต้องอิจฉาพวกเราแน่ๆ ^^ จากคุณ : noksamui เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:26:54

ความคิดเห็นที่ 87 ฟังสรุปตอนท้ายๆก็รู้สึกขัดๆเหมือนไม่เห็นด้วยเหมือนกันแหละครับว่าเค้าจะทิ้งอนาคตเพื่ออยู่กับอดีตกันขนาดนั้น แต่ขอชมรายการเลยครับว่าทำได้ออกมาได้โรแมนติกมาก บทสรุปตัดสลับกับภาพในหนัง จากที่ไม่เคยสนใจเมืองนี้มาก่อนเลย ตอนนี้อยากไปมากๆ จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:26:14

ความคิดเห็นที่ 88 เรื่องกินมันฝรั่ง ที่แบคแพคเกอร์คนอื่นทิ้งไว้ให้ เป็นเรื่องปกติของชาวแบคแพคครับ ก็เขาเจตนาทิ้งไว้ให้คนอื่นๆ กินต่อนิครับ ไม่ได้ยากจนอะไรมากมายหรอก  แต่เป็นประเพณีอะ ดีกว่าปล่อยให้เป็นขยะ แต่การที่ไม่ยอมเข้าไปดูรูปปั้นเดวิดของจริงนี่ดิ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับพี่ยอด พี่บอล รู้สึกจะประหยัดเกินไปซะแล้ว เพราะของเลียนแม้มีอยู่เกลื่อนเมืองก็คงให้อารมณ์สู้ของจริงไม่ได้ จากคุณ : mamao เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 07:43:51

ความคิดเห็นที่ 89 อาจเป็นเพราะเขาห้ามถ่ายเดวิดของจริง เอามาทำรายการไม่ได้ บอลกับยอดเลยเห็นว่าไม่คุ้ม มาถ่ายรูปจำลองข้างนอกดีกว่า   จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:09:33

ความคิดเห็นที่ 90 สำหรับเรา เราว่าคำว่า เมืองนี้มันอยู่กับอดีตไม่มีอนาคต คงเป็นความหมายเชิงเปรียบเทียบมากกว่า เป็นการอยู่กับอดีตทางศิลปวัฒนธรรม ยอมทิ้งอนาคตอันเป็นเทคโนโลยี หรือสิ่งต่างๆที่ทันสมัย แต่จริงๆแล้วเราว่า เมืองนี้เค้าอยู่กับอดีตก็เพื่อสร้างอนาคตอันยั่งยืนตลอดไปน่ะแหละ จากคุณ : message_it เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:43:37

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณความเห็น 84  ครับ ส่วนประเด็นที่หลายความเห็น ตำหนิความเห็นที่ 58 ก็คือ การอ้างถึง บอลกับยอด ว่าเป็นคนพูดมากกว่า เพราะในรายการก็บอกอยู่เต็มๆแล้วว่า อ้างอิงมาจากแหล่งใด  มันเลยเหมือนการหาเรื่องตำหนิ และตำหนิผิดคนซะด้วย เพราะถ้าเขาวิเคราะห์แบบความเห็นที่ 84 มันไม่มีประเด็นอะไรเลย แถมดีด้วยซ้ำที่มองอีกในมุมต่างครับ จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:04:17

ความคิดเห็นที่ 92 ตามมาดู และให้กำลังใจคะ อย่าหายไปอีกนะ DUO Backpacker. จากคุณ : mamadoosi เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:22:44

ความคิดเห็นที่ 93 อยากไปบ้างจางงงงงงงงงงงงงงงงงงง เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้แบคแพคกะเค้าซะทีนะ? เฮ้อออ.... จากคุณ : หมูมะนาวเปรี้ยวปี๊ด! เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:34:38

ความคิดเห็นที่ 94 ใครๆก็มีสิทธิ์คิด ตามความรู้สึกค่ะ  และนี่ไม่ใช่สารคดี  ที่ต้องลงรายละเอียดเป๊ะ เรื่องบางเรื่อง  อย่าเอาเหตุผลมาจับเลย มันจะกลายเป็นเรื่อง จากคุณ : โสด แก่น แสนหรรษา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 19:11:27

ความคิดเห็นที่ 95 ผมก็คิดว่าเป็นความหมายในเชิงเปรียบเทียบนะ ที่ว่าไม่มีอนาคต ทำให้เข้าใจและเห็นภาพ ถ้าคิดเผิน ๆ ก็อาจรู้สึกไม่ดี แต่ผมกินใจตั้งแต่อ่านจบ เขาช่างเปรียบเทียบได้ลึกซึ้ง จริงๆ จากคุณ : ยอดชาย นายตัวดี เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 19:26:56

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบรายการหนังพาไปมากค่ะ คุณบอลคุณยอดน่ารักดี : ) จากคุณ : Augustine เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 21:35:05

ความคิดเห็นที่ 97 ยิ่งอ่านแล้วยิ่งรู้สึกเลยว่า บอลกับยอดนี่ทำอะไรถูกไปหมด แตะไม่ได้ มีคห.ต่างของบอลกับยอดมาทีร คนในห้องนี้มักจะพร้อมใจกันปกป้องตลอดเวลา ผมชื่นชมเค้านะ หนังสือสองเล่มนั้น ผมก็อ่านแล้วไปอิตาลีไปนั่งที่ดูโอโม เช่นกัน แต่ขอเมนท์คห.ในนี้หน่อยเหอะ สังเกตุหลายครั้งมาก ประมาณว่าบอลกะยอดทำอะไรนี่โดน ถูก ดี ไปหมด มันดูแปลกๆอะ หลายกระทู้ที่เกี่ยวกับหนังพาไป ทั้งๆที่บางเรื่องบอลกะยอดก็ไม่ได้เรื่อง แต่ก็พยายามขุดหาพลิกหาข้อดีมาจนได้ ชื่นชม รัก หรือหลง กันแน่นา จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 01:18:22

ความคิดเห็นที่ 98 เฉาเฉ่ากลับไปดูคห.58 สิ มีคนให้กี๊ฟเยอะนะ และคนที่เงียบไม่ออกคห.ค้าน เขาก็อาจจะเห็นด้วยกับคห.58 ถ้าแยกแยะได้ไม่เหมารวมก็จะเห็น การออกคห.ค้านก็เป็นธรรมดาที่จะมีคห.ค้านกลับ มัีนแปลกตรงไหนอ้ะ??? จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 08:11:24

ความคิดเห็นที่ 99 แต่เราเข้าใจที่เขาสื่อนะ หยุดเวลาอยู่ที่ความเก่าแก่ ศิลปะอันทรงคุณค่า ไม่มีอนาคต หมายถึง ไม่ต้องการตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัย ขอเก็บรักษาความเก่าแก่ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน ประมาณนี้นะ จากคุณ : Gorgeous Guide เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:37:15

ความคิดเห็นที่ 100 #97 ไม่ใช่แตะไม่ได้ค่ะ แต่ที่  คห.58 บอกว่า "ที่แค่ไปถ่ายภาพ เอาภาพประกอบหนัง แล้วก็สรุปมั่วๆ ซั่วๆ โดยไม่มีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกอะไรเลย" เราว่ามันเกินจริงไปนิด คนทำหนังมักจะมีมุมที่ทำให้คนมีอารมณ์ร่วมด้วย เวลาน้อยนิดถ้าเอาประวัติเมืองขึ้นมาทั้งหมดคงจะไม่พอ   รายการนี้มีมุมที่แปลกที่ไม่เคยเห็นจากสารคดีท่องเที่ยวทั่วไป  การที่จะดึงความสนใจ วัยรุ่น หรือคนที่ไม่ชอบประวัติศาสตร์ให้หันมามองด้วยเวลาอันสั้นมันยากนะ มันเหมือนการนำเสนอแบบกลางๆ คนที่อยากรู้ลึกก็ไปค้นคว้าต่อ ส่วนคนไม่อยากรู้ก็ประทับใจได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด จากคุณ : love mom so much เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 12:27:10

ความคิดเห็นที่ 101 ผมว่านำเสนอแปลกๆก็ดีนะ แต่บทสรุปมันชวนให้คนเข้าใจผิดอย่างแรงเลยล่ะครับ ทั้งคำพูดที่บอกว่าอ่านมาจากหนังสือแล้วก็คำพูดที่อ้างอิงมาจากนิยาย ลองยกตัวอย่างมีชาวต่างประเทศมาทำรายการท่องเที่ยวเมืองไทย แล้วอ้างอิงคำพูดจากนิยายที่แต่งมาแล้วซัก สิบกว่าปีที่แล้ว คนที่ดูรายการก็คงจะเข้าใจ ผิดกันไม่น้อยเลยล่ะ ...คหสต. จากคุณ : gazeclub เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 14:15:40

ความคิดเห็นที่ 102 ผมว่า คำที่พูดในรายการ หรือ ในหนังหรือนิยาย ที่ว่า  "เมืองนี้ไม่มีอนาคต" มันคือมุมมอง จากคนนอกที่เข้าไปเที่ยวเมืองนี้ และรับรู้ถึงสิ่งๆนั้น คือ อาจหมายถึงว่า  การที่เมืองนี้คิดจะรักษาทุกอย่างให้คงเดิมไว้ โดยที่ไม่มีการพัฒนาในด้านบางด้าน เพื่อที่จะรักษา ประวัติศาสตร์ของเมืองเพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือเพื่อที่จะเก็บไว้ให้คนทั่วไปได้เข้ามาศึกษา  แต่ก็ต้องยอมรับว่า วัยรุ่นของเมืองหรือคนสมัยใหม่ของเมืองนี้จริงๆ  อาจไม่ได้ต้องการแบบนั้น หรือไม่อยากที่จะอยู่ในที่ๆมีแต่ สิ่งก่อสร้างสมัยเก่า อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ ต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ  ก็อาจย้ายออกจากเมืองเพื่อไปหาในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมคิดนะ รายการนี้ก็เป็นรายการที่แสดงมุมมอง ของคนสองคนที่เดินทางไปนะครับ ในฐานะนักท่องเที่ยว ไม่ใช่คนอาศัย และรายการนี้ก็ไม่ใช่ สารคดีให้ความรู้ แต่เหมือนรายการที่ชวนให้ คนหลายๆคนมาร่วมกันช่วยคิด ในหลายๆประเด็นที่รายการนี้จะทิ้งไว้   -รถเมล์ในต่างประเทศกับการดูแลผู้พิการ -การสร้างถนนที่ไม่ตัดต้นไม้ใหญ่ที่มีมาก่อน -การที่คนต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยแล้วเจอเหตุการณ์ "ขายบริการ" หรือกระทั่งที่ คนต่างประเทศหลายๆคน พอได้ยินว่า ไทยแลนด์ ก็คิดถึงผู้หญิ่ง -การรักษา พื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งผมว่า จากที่กล่าวข้างบน ส่วนใหญ่รายการนี้ จะต้องการที่จะทำให้เราคิดตามว่า ประเทศเราเป็นยังไง เป็นเหมือนกับที่อื่นไหม และมันดีจริงหรือเปล่า นี่เป็นที่ผมคิดนะ  ซึ่งสำหรับผมนี่เป้นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบรายการนี้มาก ------------------------ ความคิดเห็นที่ 97 ผมว่าไม่ใช่แตะไม่ได้หรอก   แต่น่าจะเป้นการบอกว่า คนเรามันก็มองกันคนละมุมล่ะครับ  นั่นอาจจะเป็นมุมมองของ พี่บอล-ยอด ซึ่งมันอาจไม่ตรงกับท่าน และคนอื่นๆ ที่มองจากอีกมุมมองนึง แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 00:29:57 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 00:27:02 จากคุณ : Dekgun เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 00:25:44

ความคิดเห็นที่ 103 ผมว่า คห.ที่ 58 นั้นต่างหากที่มีความคิดตื้นเขินมาก แค่คำพูดที่ว่าเมืองนี้อยู่กับอดีต ไม่มีอนาคต นั้นเป็นการเปรียบเปรย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้เขียน หรือผู้กล่าว ที่จะสามารถกล่าวอย่างที่เค้าคิดได้  แล้วคุณมาด่าเค้าว่า พูดมั่วๆ ซั่วๆ โดยใช้ ความคิด มุมมองของคุณในการตัดสินและตำหนิคนอื่น อย่างนี้แล้ว มันไม่ตื้นเขินไปหน่อยเหรอ จากคุณ : naisandee เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 05:57:38

ความคิดเห็นที่ 104 ขนาดแค่เดินเล่นในเกมส์ ยังเพลินขนาดนี้ ของจริงจะขนาดไหนเนี่ย จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 10:14:38

ความคิดเห็นที่ 105 เอาเป็นว่า อ่านความเห็น 58 กับ 84   เปรียบเทียบกันนะครับ ทั้งสองความเห็น มองในมุมต่างกับ สองพิธีกร แต่ทำไม หลายคนในนี้ถึงตำหนิ 58  รวมถึงผมด้วย  ส่วนความเห็น 84 รู้สึกชื่นชมและรู้สึกมีประโยชน์ แต่น่าจะเป็นสิ่งที่รายการต้องการ จากคุณ : jedijoke เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 10:18:33

ความคิดเห็นที่ 106 จากคุณ : Plakud04 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 13:29:45

ความคิดเห็นที่ 107 จากที่อ่านคห.58 และชมรายการเมื่อวันอาทิตย์ บอลบอกว่ามีคนที่กล่าวไว้ในหนังสือว่าเป็นเมืองที่ไม่มีอนาคต ไม่ใช่คำที่เขาพูดเอง แต่เขานำมาเล่าให้ฟังจากสิ่งทีเราได้อ่าน ทำให้เขาเองก็อยากที่จะมาเห็นเมืองนี้ และมีแรงบันดาลใจจากหนังที่เขายกตัวอย่างไว้ เราว่าเจตนาของรายการไม่ได้ต้องการนำเสนอว่า เมืองนี้ไม่น่าอยู่ แต่เขาจะบอกว่าคนที่นี่ต้องการอยู่กับอดีตที่พวกเขาพึงพอใจให้เป็นเช่นนั้น และยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมอดีต ดังนั้นคนที่โหยหาอดีตหรืออยากสัมผัสความเป็นอิตาลีอย่างลึกซึ้ง จึงมาที่เมืองนี้ สำหรับเราแล้วรายการนี้เปรียบเหมือนบทความ ไม่ใช่สารคดีที่จะมีทุกด้านทุกมุม แต่พวกเขาเดินทางไปภายใต้ความอยากรู้ของตัวเอง และเมื่อไปถึงแล้วก็แสดงทรรศนะตามที่ได้เห็นได้สัมผัสบวกกับข้อมูลที่เคยอ่านหรือเคยฟังมา เขาถ่ายทอดให้คนดูดูว่าสิ่งที่เขาเจอระหว่างการเดินทางนั้นมีอะไรบ้างเท่านั้นเอง ถ้าอยากดูสารคดีท่องเที่ยว ไม่ใช่แบบนี้แน่นอนค่ะ นี่คือความต่างจากรายการทั่วไปของ ThaiPBS และแม้แต่เจ้าของรายการทั้งบอลและยอดก็ไม่สามารถระบุประเภทของตัวเองได้ว่าอยู่ในหมวดไหน ในมุมมองของเรา บอลยอดไม่ใช่แตะไม่ได้ แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาอาจจะยอมรับทรรศนะของทั้งคู่ไม่ได้ ส่วนที่คนที่กดโหวตคือคนที่เห็นไปในทางเดียวกันรายการ ซึ่งเราว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ข่าวเดียวกัน แต่ละช่องนำเสนอต่างอารมณ์ต่างทรรศนะ ขึ้นอยู่กับว่าคนดูจะคล้อยตามหรือไม่เท่านั้นเอง จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 16:09:03

ความคิดเห็นที่ 108 ที่เถียงๆกันมา ผมว่า แค่ภาษาไม่ตรงกัน แต่แนวคิดนั้น ยกย่อง ชาวเมืองฟิเรนเซ่ ทั้งคู่ เพียงแต่ รายการ อาจใช้คำ ที่ฟังผิวเผินเหมือนตำหนิ และดูกำกวมไป แต่ความหมายจริงๆ เป็นบวก คห.58 ก็แย้งมาได้น่าฟัง เพียงแต่ใช้คำตำหนิ รุนแรงไปนิด .....แต่ทั้งคู่ต่างชื่นชมความงาม และแนวทางของเมืองนี้ จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 17:26:20

ความคิดเห็นที่ 109 เท่าที่เข้าใจได้ "ไม่มีอนาคต" พูดกับคนคงจัดเป็นคำว่าแรงๆได้ แต่พูดกับเมืองโบราณ ที่ต้องการการอนุรักษ์ ฟังแล้วชอบนะ ปล. ความคิดเห็นส่วนตัว จากคุณ : สุกี้แห้งรวมมิตร เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 21:31:19

ความคิดเห็นที่ 110 ผมคือแฟนรายการนี้ จากคุณ : acsso เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 22:55:36

ความคิดเห็นที่ 111 หงะ จะไปฝรั่งเศส ปลายเดือนนี้ euro ละ 50 บาทแล้วหรอ จากคุณ : Register_AC เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 12:59:22

ความคิดเห็นที่ 112 คนที่บอกว่าบอล-ยอดแตะไม่ได้นะ ความจริงคือคุณทั้งแตะ ทั้งเตะ ทั้งถีบ ทั้งวิจารณ์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วพอมีคนมาค้าน ก็มาประชดหาว่าแตะไม่ได้นะ ตัวคุณเองรึเปล่า ที่วิจารณ์คนอื่นได้ แต่อย่ามาแตะ มาค้าน มาวิจารณ์ความคิดฉันนะ ความผิดตัวเองเล็กเท่าเม็ดทราย ความผิดผู้อื่นมักยิ่งใหญ่เท่าผืนฟ้าเน๊อะ เบียดเบียนคนอื่นได้ แต่ไม่เคยทนได้เมื่อถูกเบียดเบียน คิดวิจารณ์คนอื่นเขา ก็ต้องเตรียมใจโดนค้านกลับเช่นเดียวกัน ถ้าไม่เตรียมใจแล้วมางอแงเวลาโดน reaction กลับทั้งๆที่ตัวเอง action ออกไปเอง บอกตรงๆมันน่ารำคาญอะ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 12:24:20

ความคิดเห็นที่ 113 แหวกกระแสนิดนึง อยากดูหนัง Calmi Cuori Appassionati อ่ะ จากคุณ : foscarnet เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 14:33:14

ความคิดเห็นที่ 114 อดดูค่ะ GEMA บล็อกคลิปไปแล้ว ...ดีจริงนะ...เยอรมนี TT^TT ยังดีที่เพิ่งไปมาเดือนที่แล้ว ทำให้อ่านคอมเมนท์แล้วพอนึกภาพออก เป็นเมืองที่น่าเที่ยว แต่ไม่น่าอยู่จริงๆค่ะ ใช้เวลาในเมืองนี้แค่สองวัน วิ่งรอกเข้าออกพิพิธภัณฑ์เป็นว่าเล่น เพราะเวลาไม่พอและไม่อยากดูแบบลวกๆทำให้เข้าได้แค่ Galleria dell' Accademia/Uffizi/Palazzo Pitti ซึ่งคุ้มมากๆทั้งสามที่ที่เข้าไป หมดเงินกับค่าพิพิธภัณฑ์ล้วนๆเลยค่ะเมืองนี้ ใครที่มีโอกาสได้ไปแบบสบายๆแนะนำให้ใช้เวลากับพิพิธภัณฑ์นะคะ ถ้าชอบจะคุ้มมากๆ แต่ค่าเสียหายก็ประมาณนี้แหละค่ะ ทีดังๆอย่าง Galleria dell' Accademia/Uffizi ก็โดนค่าจองคิวล่วงหน้าด้วย รวมค่าเข้าที่ละ 15 ยูโร Palazzo Pitti เข้าแค่ส่วนที่รวม Royal Apartment ก็โดนไป 13 ยูโร แต่ถ้าเข้าทั้งหมดรู้สึกจะเสีย  23 ยูโรได้...แพงจริงๆ TT^TT จากคุณ : fern-eva เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 23:00:33

ความคิดเห็นที่ 115 ถ้าคห.112จะหมายถึงผมแล้วไซร้ อยากให้ลองกลับไปอ่านความคิดเห็นของผมดูใหม่นะครับ ว่าได้มีการว่า ตะ ถีบ อะไรอย่างที่คุณกล่าวหาหรือไม่ ผมก็แค่ทักกับสิ่งที่เห็น โดยมีคำลงท้ายแสดงออกถึงกรไม่ซีเรียส ขอแค่ ทัก เท่นั้น แต่คุณกลับมาใส่ผม (ซึ่งข้อความของคุณนนั้นหากอ่านดูดีๆแล้ว ก็คงทราบได้ว่าหมายถึงผม ) ลองไปอ่านดูดีๆนะครับ ว่าผมได้ทำอะไรอย่างที่คุณกล่าวหาแล้วหรือยัง ได้แตะ ถีบ อะไร และแสดงออกอะไรถึงการเบียดเบียนอะไรแล้วหรือยัง หากคุณมีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะเข้าใจภาษาของมนุษย์ที่ใช้สื่อสารกันนั้น ก็งไม่ได้พิมพ์ข้อความแบบนั้นออกมา หรือหากคุณอ่านข้อความแล้วยังตีความความหมายของคำพูด ประโยคไม่เป็นแล้วล่ะก็ ผมขอให้คุณกลับไป ทบทวนสิ่งที่เล่าเรียนในวิชาภาษาไทย และการสื่อสารองคนไทยใหม่ น่าจะช่วยให้คุณมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้กว่านี้นะครับ แล้วจะไม่เป็นคนที่น่ารำคาญเสียเอง ขอบคุณครับ จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:08:37