Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[Spoil] ดาบหักปักเมียเพื่อน (Break Blade) ตอนที่ 57 ติดต่อทีมงาน

กลับมาพบกับเนื้อเรื่องแบบ Spoil คร่าวๆ รายเดือน (หรือจะเรียกรายสะดวกของคนเขียนดีหว่า???) เรื่องนี้กันอีกครั้งนะครับ

ว่าแต่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปต้องเปลี่ยนจาก "ปักเมียเพื่อน" เป็นอย่างอื่นแล้วสินะ ไหนๆ ทั้งชิกิวน์ทั้งโฮเซิลก็เซ็นใบหย่ากันแล้วทั้งที...แต่จะให้นึกใหม่เอาตอนนี้ว่าเป็นอะไรก็นึกไม่ออกเหมือนกันวุ้ย

เอาเป็นว่าไปชมเนื้อหาตอนใหม่กันก่อนได้เลยครับ :)


ส่วนแบบดิบเชิญตามอ่านได้ในเวบใหม่นี้ครับ

http://comic-meteor.jp/breakblade/






- ต่อจากตอนก่อนที่มีคำสั่งปลดประจำการไรแกท + โละเดลฟิงก์เอาไปชั่งกิโลขาย

- ฉากตัดมาในห้องของชิกิวน์ที่เคยเต็มไปด้วยข้าวของตั้งระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ แต่ตอนนี้กลับโล่งโจ้งไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวเว้นแต่ของที่เคลื่อนย้ายไม่ได้อย่างโต๊ะกลางห้อง หรือของใหญ่ที่ขนลำบากอย่างเตียง ชั้นวางของ กับมอเตอร์ไซค์ของชิกิวน์ที่แยกส่วนกองอยู่กับพื้นห้องเท่านั้น

- สักพักก็มีทหารองครักษ์มาช่วยชิกิวน์ขนมอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอก พวกทหารเห็นสภาพห้องของชิกิวน์เข้าก็ถึงกับอึ้งรับประทานไปเลย แต่ก็ยอมช่วยชิกิวน์ขนของแต่โดยดี

- ขนของกันไปสักพักหนึ่ง อยู่ๆ ชิกิวน์ก็ยิ้มแล้วเอ่ยปากขอบคุณทหารองครักษ์ที่มาช่วยขนของทุกคน ทำเอาพวกทหารถึงกับอึ้งหน้าแดงไปตามๆ กัน (ทหารรายหนึ่งในกลุ่มถึงกับออกปากว่า ตัวเองทำงานเป็นทหารรับใช้ของชิกิวน์มาถึง 3 ปี ยังไม่เคยเห็นชิกิวน์ยิ้มสดใสแบบนั้นมาก่อนเลย)

- ฉากตัดอีกครั้ง มาทางไรแกทที่ยืนตีหน้าเฉยในชุดเดียวกับวันแรกที่มาถึงบินอนเท็นอยู่ตรงหน้าประตูเมือง โดยมีแม่ทัพบัลด์กับโฮเซิลยืนส่ง

- โฮเซิลก็ถามไรแกทว่ายอมปลดประจำการไปง่ายๆ แบบนี้คิดดีแล้วเหรอ ไรแกทก็ตอบว่าดีสิ ยังไงตัวเขาก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ได้คิดจะมุ่งเอาดีทางเป็นทหารหรอก ดังนั้น การปลดประจำการครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้บอกลาชีวิตทหารเสียที ว่าจบก็เปรยๆ ขึ้นมากับตัวเองว่า บางทีกลับไปนั่งทำนาตัวเปื้อนโคลนอยู่คนเดียวซักพักก็คงไม่เลวเหมือนกัน

- โฮเซิลได้ยินไรแกทพูดว่า "คนเดียว" ก็ขมวดคิ้วแปลกใจว่าทำไมไรแกทถึงไปคนเดียวโดยที่ชิกิวน์ไม่ได้ตามไปด้วยเลยออกปากถามว่าไปคนเดียวเหรอ ไรแกทก็พาซื่อ ตอบไปว่าก็ใช่สิ ก็เรแกท (น้องไรแกท) บอกว่าจะอยู่ที่บินอนเท็นต่อไม่กลับไปด้วยนี่นา โฮเซิลก็ถามต่อว่าชิกิวน์ไม่ได้มาบอกอะไรรึไง ไรแกทก็บอกว่าก็กะจะไปทักก่อนออกจากเมืองอยู่หรอก แต่เห็นท่าทางยุ่งๆ เลยไม่ไปทักดีกว่า พร้อมกับเท้าความนึกย้อนไปถึงสมัยที่ตัวเองต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะไม่มีเงินเรียนต่อ บอกว่าวันที่เขาไปจากโรงเรียนในตอนนั้นชิกิวน์ก็ไม่ยอมมาส่งเหมือนกับครั้งนี้ไม่มีผิด ไรแกทเลยฝากโฮเซิลไปบอกชิกิวน์ว่าหมดฤดูเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่จะแวะมาเที่ยวบินอนเท็นอีกแน่

- ลาโฮเซิลเสร็จ ไรแกทก็หันไปจับมือลากับแม่ทัพบัลด์พร้อมขอโทษที่ตัวเองไม่ได้อยู่สู้ด้วยจนถึงที่สุด แม่ทัพบัลด์ก็บอกว่าไม่เป็นไร แบบนี้แหละดีแล้ว ก่อนจะจากลากันด้วยรอยยิ้ม

- แล้วไรแกทก็หันหลังกลับ แล้วสาวเท้าเดินออกจากบินอนเท็นไป ท่ามกลางสายตากังขาของทั้งแม่ทัพบัลด์และโฮเซิลถึงสภาพจิตใจที่ยังเจ็บปวดเพราะสงครามของไรแกท...และสายตาไม่พอใจของนาร์วี่ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่ยอมลงไปลาตรงๆ กับเจ้าตัว

- เดินออกจากบินอนเท็นมาได้ครู่ใหญ่ๆ ไรแกทก็พบว่าตรงกลางถนนที่ทอดยาวออกจากบินอนเท็นซึ่งตนใช้เป็นทางกลับบ้านนั้นมีใครคนหนึ่งจอดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ยืนขวางอยู่

- ไม่ใช่ใครที่ไหน คนคนนั้นก็คือชิกิวน์นั่นเอง โดยครั้งนี้ชิกิวน์ไม่ได้มาในชุดเสื้อคลุมยาวสีแดงอย่างที่ผู้อ่านคุ้นเคยกันมาตลอด แต่เป็นชุดรัดกุมทะมัดทะแมงอย่างคนพร้อมเดินทาง แถมยังผูกผมทรงทวินเทลเสียน่ารักอีกต่างหาก

- ไรแกทก็งง ออกปากถามชิกิวน์ว่ามาทำอะไรที่นี่ ชิกิวน์ก็ไม่ยอมตอบคำถาม แต่ยื่นมือตัวเองออกไปเป็นเชิงบอกให้ไรแกทส่งกระเป๋าสัมภาระมา ไรแกทยืนงงอยู่พักหนึ่งก็ยอมยื่นสัมภาระของตัวเองส่งให้แต่โดยดี ชิกิวน์ก็เอาสัมภาระนั้นไปวางปึ้งบนที่เก็บของด้านหลังมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะหันมาบอกว่า "ขึ้นมาสิ ชั้นจะไปส่ง"

- ได้ยินเพื่อนรัก (และผู้หญิงที่ตัวเองรัก) เสนอดังนั้น ไรแกทจึงยอมขึ้นแมงกะไซให้ชิกิวน์ขี่ไปส่งแต่โดยดี

- ขับไปได้พักหนึ่ง ไรแกทก็ถามชิกิวน์ว่าจะไปส่งเขาถึงไหนเหรอ ชิกิวน์ก็ตอบกลับหน้าตาเฉยว่า "ก็ถึงบ้านเธอน่ะสิ" เล่นเอาไรแกทเหวอแตก ร้องบอกว่าระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ นา ชิกิวน์ก็ตอบว่าชั้นรู้อยู่แล้วละ ไม่เป็นไรหรอก ไรแกทได้ยินดังนั้นก็ถามว่า แล้วโฮเซิลรู้เรื่องนี้รึเปล่า ชิกิวน์ก็ผงกหัวเงียบๆ เป็นเชิงตอบรับ ทำเอาไรแกทขมวดคิ้วถามว่า แล้วงานที่วังบินอนเท็นล่ะ ทิ้งมาแบบนั้นจะดีเหรอ ชิกิวน์ก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบว่า "ชั้นลาพักน่ะ...ลาพักยาวเลย"

- ได้ยินชิกิวน์ตอบดังนั้น ไรแกทก็ไม่ติดใจถามอะไรเพิ่มเติมอีก ปล่อยให้เพื่อนสาวขับมอเตอร์ไซค์พาตนออกห่างจากนครหลวงบินอนเท็นไปทุกทีจนลับตา

- ฉากตัดอีกครั้ง ไปทางฝั่งอาเธเนสที่กำลังเตรียมทัพออกสู้ศึกกับคริชน่าอีกครั้ง เซสแวะมาตรวจงานของทีมวิศวกรพัฒนาโกเลมแล้วถามชายชราเครายาวท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มวิศวกรถึงเรื่องการพัฒนาโกเลมรุ่นใหม่ "เล็กเซียส" ว่าเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยดีหรือไม่

- ชายชราคนเดิมก็ตอบว่าเรียบร้อยดี และอธิบายต่อว่า เล็กเซียสนั้นเป็นโกเลมระดับสูงที่พัฒนามาจากโกเลมเอลเทมิสจนสมบูรณ์ ซึ่งชายชราก็บอกต่อว่าเจ้าเล็กเซียสเครื่องนี้นั้นมีข้อแตกต่างจากเอลเทมิสหรือนีออซซึ่งมีวางเงื่อนไขล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะพัฒนาสำหรับผลิตจำนวนมาก (แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าต่างกันยังไง คาดว่าสเป็กเครื่องน่าจะแรงกว่าเอลเทมิสอยู่โขกับบังคับยากกว่าเยอะล่ะมั้ง) และกล่าวถึงใครบางคนที่ชื่อว่า "เพรเดอริก้า" (ไม่ได้เขียนผิดนะครับ ในตอนเขียนว่า "プレデリカ - เพรเดอริก้า" จริงๆ) ซึ่งขับเจ้าโกเลมเล็กเซียสตัวแรกนี้ออกไปทดสอบมาแล้วเช่นกัน

- เซสได้ยินดังนั้นก็หลับตาลงแล้วพึมพำว่า "เด็กคนนั้นขับ (เล็กเซียส) ได้จริงๆ สินะ"

- ฉากตัดอีกครั้ง มาทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไนล์กับนาร์วี่เติบโตมา โรกิ้นแวะมาหาไนล์กับนาร์วี่ สร้างความดีใจให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมาก (แม้ว่าเด็กบางคนจะยังกลัวโรกิ้นเพราะโรกิ้นหน้าตาน่ากลัวก็เถอะ) เข้าไปถึงในห้องอาหารของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปุ๊บก็เจอนาร์วี่นั่งซดน้ำหน้าบูดเป็นตูดเป็ดอยู่ในห้อง มีไนล์ตีสีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ยืนทำกับข้าวอยู่ไม่ห่างไปนัก

- โรกิ้นทักทายไนล์ แล้วเริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่ไรแกทปลดประจำการไปตามความเห็นชอบของที่ประชุมและองค์ราชา ฝ่ายนาร์วี่ได้ยินชื่อไรแกทปุ๊บก็ออกอาการเม้งแตก ตะโกนดังลั่นห้องกินข้าวว่า "ชั้นบอกว่า 'อาจจะไม่ไหวแล้วก็ได้' ต่างหากล่ะ ไม่ได้บอกว่า 'ไม่ไหวแล้ว' เลยซักคำ" แล้วก็กลับไปนั่งเงียบตีหน้ายักษ์เหมือนเดิม ใครเข้าไปพูดเข้าไปทักก็ไม่ยอมตอบ แถมพอโดนแหย่มากเข้าก็แยกเขี้ยวใส่อีกต่างหาก ซึ่งจากปากคำของไนล์แล้วก็บอกว่าตั้งแต่ไรแกทปลดประจำการจากกองทัพไป นาร์วี่ก็อารมณ์เสียแบบนั้นมาตลอด โรกิ้นได้ฟังแบบนั้นก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดกับนาร์วี่ด้วยสีหน้าเหมือนผู้ใหญ่พยายามปรามเด็กเอาแต่ใจว่า "...เรื่องไรแกทน่ะชั้นคิดว่าให้จบแบบนี้ก็ดีแล้วนะ"

- ได้ยินโรกิ้นบอกแบบนั้น นาร์วี่ก็เงียบไปพักหนึ่งแล้วตอบกลับว่า "หมอนั่นกำลังหนีอยู่ ไม่ใช่หนีจากสนามรบ...แต่หนีจากความตายของเพื่อนพ้องของตัวเอง" ว่าจบก็บ่นออกมาอีกรอบแบบโกรธๆ ว่าตอนนี้เธอรู้สึกโกรธตัวเองจริงๆ ที่หลงยอมรับไปแว่บนึงว่าไรแกทเป็นนักรบเต็มตัวเหมือนกันแล้ว ไนล์ก็พยายามปรามต่อว่า แต่เดิมทีไรแกทก็เป็น "อันซอร์เซอเรอร์" เป็นพวกไร้ความสามารถอยู่แล้วนี่นา ยังไงก็ขับโกเลมรุ่นเก่าที่ขับเคลื่อนด้วยคริสตัลไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นจะปลดประจำการไปมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ นาร์วี่หันกลับมาแย้งพี่ทันควันว่า ถึงเดลฟิงก์จะเข้ารบในสนามรบตรงๆ ไม่ได้แล้วก็จริง แต่อย่างน้อยให้รั้งอยู่แนวหลังก็ยังช่วยเพิ่มขวัญให้ทหารได้ไม่ใช่เหรอ ว่าจบก็พาลบ่นไปถึงเรื่องของชิกิวน์ว่าเล่นไม่อยู่เอาดื้อๆ แบบนี้แล้วการพัฒนาโกเลมจะทำยังไง

- คำบ่นของนาร์วี่ทำเอาโรกิ้นถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะความจริงเรื่องชิกิวน์หายตัวไปนั้นเป็นความลับสุดยอดรู้กันเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคริชน่าไม่กี่คนเท่านั้น ฝ่ายไนล์ที่ไม่รู้ข่าวอะไรเลยได้ยินเข้าก็ตกใจมาก หันไปถามโรกิ้นทันทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำเอาโรกิ้นถึงกับเอามือกุมขมับ แต่ลงเอยก็ยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดี (หลังจากกำชับไนล์เป็นมั่นเป็นเหมาะไม่ให้ไปปากโป้งที่ไหน) ว่าหน้าฉากเราประกาศออกไปว่าชิกิวน์มีปัญหาเรื่องสุขภาพเลยเลิกทำงานพัฒนายุทโธปกรณ์ให้กองทัพไป แต่ความจริงแล้วนั้น...

- "หนีตามไรแกทไปแล้วน่ะสิ!!" น้ำเสียงกระแทกกระทั้นของนาร์วี่ที่แทรกขึ้นมาทำเอาไนล์ตะลึงจนอ้าปากค้างเบิกตากว้างจนแทบถลนออกจากเบ้า ก่อนจะทรุดลงกับเก้าอี้อย่างอ่อนแรง สายตาเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยพร้อมกับพึมพำแช่งด่าไรแกทอย่างโกรธเคืองที่เล่นแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจกันแบบนี้ โรกิ้นเห็นดังนั้นก็ได้แต่หัวเราะปุเลี่ยนๆ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ระหว่างนั้นก็มีเด็กสองสามคนเข้ามาชวนโรกิ้นไปเล่นด้วยกัน โรกิ้นเลยตีลูกเนียนรับคำชวนเด็กเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ไนล์นั่งสมาธิอยู่ในโหมดยัน และนาร์วี่ให้นั่งตะเบ็งเสียงร้องตะโกนอย่างโมโหแกมเจ็บใจ (ที่โดนชิกิวน์ปาดหน้าเค้กกันซึ่งๆ หน้า?) อยู่ด้วยกันไป

- ตรงนี้มีเล่นมุกตลกเล็กๆ นิดหน่อยเรื่องหน้าตาของโรกิ้นที่น่ากลัวจนเด็กบางคนไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ด้วย...แต่โรกิ้นไม่เคยรู้ตัวซักนิดจนต้องถามเด็กเอาตรงๆ ว่า "นี่หน้าชั้นน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?"

- ฉากตัดอีกครั้ง มาทางฝั่งไรแกทกับชิกิวน์ที่หนีตามกัน (?) มาอยู่ เนื่องจากสะพานข้ามหุบเหวที่เป็นทางตัดตรงถึงหมู่บ้านของไรแกทถูกทำลายไปแล้ว (คิดว่าน่าจะเป็นสะพานแห่งเดียวกับที่พวกไรแกททำลายตอนหนีการตามล่าของพอลคิวส์ในการรบในเล่ม 7 แฮะ) ชิกิวน์เลยต้องขี่มอเตอร์ไซค์เลียบเหวไปทางตะวันตกเรื่อยๆ เพื่อหาสะพานข้ามเหวให้ได้

- หลังจากขี่มาได้พักใหญ่ๆ ในที่สุด ทั้งคู่ก็หาสะพานข้ามเหวเจอจนได้ แต่กว่าจะถึงสะพานข้ามเหวก็เป็นเวลาเย็นจนเกือบค่ำแล้ว ซ้ำยังอยู่ใกล้กับชายแดนคริชน่า - อาเธเนสมากอีก ชิกิวน์จึงเสนอให้พักแรมในเมืองแถบชายแดนใกล้ๆ นี่ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางต่อไป ไรแกทก็ตอบตกลง สีหน้าฉายแววยินดีอย่างไม่ปิดบังที่จะได้หลุดพ้นจากอาหารเรชั่นแบบกินกันตายของกองทัพซะที ชิกิวน์เลยบ่นขึ้นมาว่ารู้งี้เอาอุปกรณ์สำหรับทำอาหารมาด้วยซะก็ดีหรอก

- ได้ยินดังนั้น ไรแกทเลยแกล้งหยอกชิกิวน์ไปว่าอย่างเธอทำอาหารเป็นด้วยเร้อ ตอนสมัยเรียนก็มีอาหารในโรงอาหารให้กิน พอแต่งงานได้เป็นราชินีก็มีคนคอยบริการเรื่องอาหารการกินตลอด แล้วจะทำอาหารเป็นได้ยังไงกัน

- หยอกไปหยอกมา ชิกิวน์ก็โมโหโดดขึ้นแมงกะไซแล้วขับบึ่งออกไปเลย เล่นเอาไรแกทโดดตามขึ้นรถแทบไม่ทัน ขึ้นไปได้ก็โดนลากต้องโดดกะย่องกะแย่งตามรถไปพักใหญ่กว่าจะดึงตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังได้เรียบร้อย

- ขี่ต่อไปได้อีกพักหนึ่ง ไรแกทก็ถามถึงเรื่องหาที่พักในเมืองว่าจะเปิดห้องพักกันแบบไหน เปิดสองห้องให้นอนกันคนละห้องดีกว่ามั้ย (คาดว่าตรงนี้คงมีหลายคนแผดเสียงด่าว่า "ไอ้ง่าวเอ๊ยยยย!!!!!!!" กันเป็นแถบแหงแก๋ ฮ่าฮ่าฮ่า) ชิกิวน์เงียบไปพักหนึ่งก็บอกว่าให้ไรแกทเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน ไรแกทก็ทำหน้าปุเลี่ยนๆ เพราะใจหนึ่งก็ยังนึกเกรงใจอีกฝ่ายว่าไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่าสามีแล้ว จะให้มาอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีได้ยังไงอยู่เหมือนกัน (ไรแกทยังไม่รู้เรื่องที่ชิกิวน์หย่ากับโฮเซิลแล้ว คิดว่าชิกิวน์คงไม่ได้บอก ส่วนโฮเซิลนึกว่าชิกิวน์บอกแล้วก็เลยไม่ได้บอกไปเหมือนกัน)

- ที่สุด เมื่อพิจารณาจากเงินติดกระเป๋าของตัวเองในตอนนี้ ไรแกทจึงต้องยอมเปิดห้องเดียวให้อยู่ร่วมห้องเดียวกัน โดยจะยกเตียงนอนให้ชิกิวน์นอนไป ส่วนตัวเองจะเอาถุงนอนไปนอนพื้นเอง

- บังเกิดบรรยากาศเขินๆ แบบแปลกๆ ระหว่างทั้งสองคนในทันที

- กำลังเขินอายกันได้ที่อยู่นั้นเอง อยู่ๆ ชิกิวน์ก็เบรกมอเตอร์ไซค์ตัวโก่งจนไรแกทแทบหัวคะมำ

- และสิ่งที่ทำให้ชิกิวน์ตกใจจนกดเบรกกะทันหันนั้น ก็คือรอยเท้าขนาดใหญ่จมลึกไปในพื้นหิน...ซึ่งดูคล้ายกับรอยเท้าของโกเลมไม่มีผิด...นั่นเอง

- ชิกิวน์ลงไปดูรอยเท้า แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ารอยเท้านี้ไม่เหมือนกับโกเลมรุ่นไหนของทั้งคริชน่า อาเธเนส หรือออร์แลนด์ที่ตัวเธอรู้จักเลย

- ทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไรต่อไป โกเลมเจ้าของรอยเท้าก็กระโดดลอยหวือมายังตำแหน่งใกล้กับที่ไรแกทกับชิกิวน์ยืนอยู่ชนิดเฉียดเส้นยาแดง

- โกเลมเครื่องนั้นอยู่ในสภาพไม่ค่อยน่าโสภาเท่าไหร่นัก แขนซ้ายขาดกระเด็นหายไปไหนไม่รู้ แถมท่าตอนลงพื้นยังเปะปะไม่เป็นท่าอีกต่างหาก

- แรงสะเทือนจากการลงพื้นของโกเล็มทำให้ก้อนหินฝุ่นทรายปลิวว่อน เศษหินก้อนเท่ากำปั้นก้อนหนึ่งกระเด็นมาทำท่าจะโดนไรแกท แต่ชิกิวน์เห็นก่อนเลยรีบเอาตัวเข้าไปบังไรแกทไว้ เลยโดนก้อนหินกระแทกหน้าผากอย่างแรงจนหลับกลางอากาศไปเลย

- ไรแกทตกใจ รีบตรงเข้าไปประคองชิกิวน์ที่หมดสติไปแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร ประตูห้องคนขับของโกเลมเครื่องนั้นก็เปิดออกเสียก่อน

- และที่ออกมาจากโกเลมนั้น ก็คือเด็กสาวผมสั้นหน้าตาสะสวยในชุดคล้ายชุดนักเรียนโรงเรียนทหารของอาเธเนส (ไม่ชัวร์นะ แต่คุ้นๆ ว่าชุดที่เครโอ้สวมตอนเป็นนักเรียนทหารก็คล้ายๆ ชุดที่คนนี้สวมเหมือนกัน) ที่คลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมงามสง่าราวกับเสื้อคลุมขุนนาง

- เด็กสาวผู้นั้นชักปืนออกมาจากซองแล้วชี้ตรงมายังไรแกทกับชิกิวน์ด้วยสายตาเย็นชา


- จบตอนที่ 57 -





เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายตอนนี้แล้วคงได้แต่บอกว่า "เอาล่ะสิเว้ยเฮ้ยงานนี้" ขึ้นมาเลยเชียวครับ เล่นเอาตัวละครใหม่อย่างเพรเดอริก้าให้ออกโรงมาชนกับพวกไรแกทกับชิกิวน์เอาดื้อๆ แบบนี้ ไม่อยากคิดเลยแฮะว่าถ้าน้องเค้ารู้ว่าสองคนนี้เป็นใครนี่จะซวยกันขนาดไหน

แต่นั่นละ ตอนนี้ยังไม่รู้นิสัยของน้องเค้าเท่าไหร่ว่าเป็นคนยังไง เพราะงั้นคงยังตอบอะไรมากไม่ได้ว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะเป็นอีท่าไหน จะไปในทางดีหรือในทางร้ายยังไงเหมือนกัน เพราะงั้นคงต้องรอดูกันต่อไปละครับ


สิ่งน่าสนใจในตอนนี้

- ไรแกท...โดนปลดประจำการทั้งทีกลับชิลกว่าที่คิดแฮะ ทั้งที่ไม่กี่ตอนก่อนยังเพิ่งโดนผีแว่นเทพสิงมาหมาดๆ แท้ๆ (แต่อย่าชิลให้มากนักล่ะ โบราณว่าไว้ "คนอยู่ในยุทธจักรมิอาจเป็นตัวของตัวเอง" ฉันใด ตัวเอ็งที่สร้างชื่อในสงครามด้วยการเจี๋ยนเทพนักรบของอาเธเนสอย่างพอลคิวส์ไปแล้วก็ยากจะถอนตัวจากสงครามนี้ได้ฉันนั้นแล)

- ชิกิวน์...สมกับเป็นลูกรักของคนเขียนจริงๆ แฮะ ใส่พานบทได้น่าอวยสุดๆ (ไม่อยากคิดเลยจริงๆ ว่าถ้าไรแกทกับชิกิวน์ไม่โดนสกัดไว้กลางทางแต่เข้าเมืองไปนอนร่วมห้องเดียวกันเลย จะมีการใส่พานบท "กินตับ" ให้มั้ย...หรือว่าจะเอาไปใส่พานในบท "วิมานรักบ้านไร่" แทน)

- นาร์วี่...สีหน้าท่าทางเธอออกชัดเลยแฮะว่าไม่พอใจมากกว่าแค่เรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ

- เพรเดอริก้า...ตัวละครใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกบทมาแบบไหน แต่ท่าทางจะมีส่วนทำให้สัจธรรม "จอมยุทธ์มิอาจเป็นตัวของตัวเอง" ในเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นแหงแก๋



ภาพบางส่วนจากเรื่องนี้ครับ

เล็กเซี่ยน โกเล็มรุ่นใหม่ของอาเธเนส

 
 

จากคุณ : Drake
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:05:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com